เรื่องการเข้าทรง สนทนาธรรมกับ พ.อ.ชม สุคันธรัต โดย หลวงพ่อจรัญ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 17 มกราคม 2007.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    สนทนาธรรมกับ พ.อ.ชม สุคันธรัต<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>

    ๑๙ เม.ย. ๓๖<o></o>


    <o></o>
    อาตมารู้จักกับ พ.อ.ชม สุคันธรัต ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๐ ตอนนั้นมียศเป็นพันโท เป็นผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ จ.ลพบุรี นั่งสมาธิเก่งตั้งแต่ยังหนุ่มกับอาจารย์ที่อยู่ในป่า อาตมาเคยแลกเปลี่ยนความรู้กับท่านในสมัยนั้น<o></o>

    เดี๋ยวนี้ พ.อ.ชม สุคันธรัต อายุ ๗๐ ปีแล้ว มีบ้านอยู่กรุงเทพมหานคร ได้มาที่วัดอัมพวัน พอมีโอกาสท่านได้ถามข้อข้องใจและแลกเปลี่ยนความรู้กัน<o></o>

    พ.อ. ชม<o></o>

    เรื่องการเข้าทรงนี่ มันเป็นอีกตัวหนึ่งต่างหาก ปรากฏเป็นเสียงได้ อย่างสมเด็จโต (สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) อย่างน้อยได้ฌาน เรื่องอะไรจึงจะมาเข้าทรง และทำไมวิญญาณสมเด็จโตองค์เดียว จึงเข้าทรงได้ ๑๐ กว่าแห่งพร้อม ๆ กัน แสดงว่าโกหกแล้ว ไม่มีใครแก้ปัญหาได้ พออาจารย์ในดงอธิบายเพิ่งจะรู้<o></o>
    ท่านอธิบายว่า จิตที่ไม่อยากตาย ยังมีตัวอยู่ เขาเรียกวิญญาณประจำร่างหรือแม่ซื้อ จิตแท้อีกอันหนึ่ง จิตแท้มันไปเกิดทันทีก็จำญาติไม่ได้ แต่ถ้าไปเกิดเป็นเทวดาก็จำญาติได้ ลงมาช่วยมนุษย์ได้<o></o>
    เหมือนอย่างสุวรรณสาม แม่ไปอยู่ชั้นดุสิต จำได้ว่า เอ๊ะ! ลูกนี่ ลูกกำลังถูกศรพิษจึงลงมาช่วย<o></o>
    คนที่กำลังจะตายท่านว่าจะแยกเป็นสอง วิญญาณแท้ไปเกิดแล้ว มันระลึกชาติได้ แต่วิญญาณที่ไม่อยากตายเรียกว่า สัมภเวสี แปลว่าวิญญาณประจำร่าง และวิญญาณประจำร่างก็เป็นกายทิพย์เหมือนกัน<o></o>
    เราจะรู้ว่ายืนยันกันอย่างไร ก็ดูว่ารัสเซียเกิดถ่ายรูปได้ ทีแรกเราถ่ายรูปคนตายไม่เป็นกายทิพย์ ตัวเท่าเก่าเป็นแก้วใส มันตรงกับคนที่ตายแล้ว ไปเห็นนรกสวรรค์ตัวเป็นแก้วใสไปเหมือนกัน<o></o>
    ตกลงกลายเป็นว่าตัวเรานี้มีกายหยาบกับกายใน กายในเป็นตัวไม่อยากตาย จิตตัวไม่อยากตาย จะกระเด็นออกไป นึกว่าตัวไม่ตาย<o></o>
    ถ้าอายุ ๔๐ ปี ก็นึกว่าตัวอายุ ๔๐ ปี นึกว่าตัวไม่ตาย เมื่อมันเป็นกายทิพย์อยู่เป็นหมื่นปีแสนปีได้ เพราะมันไม่กินอาหาร เหมือนเทวดา เทวดาชั้นที่ ๒ (ยามา) อยู่ตั้งเก้าล้านปี เพราะเป็นกายทิพย์<o></o>
    เวลาอาจารย์ท่านเดินทางไปในดง ไปพบพวกนี้ ท่านบอกว่า เอ๊ะ! พวกนี้ ๕๐๐ ปียังไม่ตายเลย<o></o>
    ท่านว่าวิญญาณประจำร่างนี่ ถ้าเป็นเด็กเขาเรียกว่าแม่ซื้อ จึงเข้าทรงได้<o></o>
    ทีนี้เราก็นึกได้ว่า อ๋อ! สมเด็จโตท่านคงแตกออกมาเป็นวิญญาณไม่อยากตาย ตั้งแต่ก่อนท่านสำเร็จตัวนี้อยู่ได้ มันก็มาเข้าทรงได้ มันจึงมีเข้าทรง มีผีเข้า แต่เราไม่รู้มาจากไหน<o></o>
    อาจารย์ในดงบอก นี่แปลผิดแน่ แปลคำว่าสัมภเวสีว่า วิญญาณแสวงหาที่เกิด ไม่เกี่ยวกับอภิธรรม ที่จริงวิญญาณประจำร่างแตกออกเป็นสอง ดูได้จากฝรั่งถ่ายรูปคนฟื้น<o></o>
    หลักสูตรที่อาจารย์ในดงสอน พอจบปีที่ ๖ ท่านจะให้โดดเหว โดดเหวจนสลบ ๔ วัน ท่านจะให้รู้ว่าตายเป็นอย่างไร<o></o>
    กายหยาบอยู่ที่นี่ จิตแท้มันจะไปไหนได้ จิตประจำร่างมันจะไปกับกายทิพย์ จำญาติพี่น้องได้<o></o>
    ท่านบอกว่าออกไปเดี๋ยวเดียวไปขึ้นเครื่องบิน ซื้อตั๋วเขาก็ไม่ขาย ไม่ได้ยินเราพูด แต่ไปเจอคนตายพูดกันได้ คุยกันจ้อเลย<o></o>
    แต่เจอคนเป็นพูดไม่ได้ เขาไม่ได้ยิน ขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ก็นั่งไป ไม่มีตั๋วก็ขึ้นไปนั่ง ไม่มีใครเห็น แอร์โฮสเตสผู้หญิงขึ้นมานั่งทับอีก ท่านบอก โอ๊ย! ต้องลุกออกมา<o></o>
    ที่สลบ ๔ วันไปเที่ยว เจอคนตายก็คุยกันได้ เจอญาติพี่น้องพูดกับเขา เขาก็ไม่ได้ยิน ท่านให้เห็นว่าตายเป็นอย่างไร จะได้ไม่กลัวตาย<o></o>
    ตายแล้วตัววิญญาณแท้ไปเกิด ตัววิญญาณประจำร่างอยู่เป็นหมื่นปี แสนปี มันไม่ตาย ท่านว่ามันสบาย มันไม่ไปเกิด นึกว่าตัวไม่ตาย<o></o>
    หลวงพ่อท่านสอนว่า วิญญาณนี้ ถ้าเผื่อ ได้สมาธิสูง จะทำได้ ๓ อย่างคือ<o></o>
    ๑.ทำกายหยาบได้เหมือนคน<o></o>
    ๒.ทำกลิ่นต่าง ๆ ได้<o></o>
    ๓.ทำเสียงต่าง ๆ ได้<o></o>
    เราพูดกับเขาก็ได้ ถามก็ได้ พบกันในดง พูดกันสองสามคำห้าหกประโยคแล้วก็ไป คล้าย ๆ คนละโลกจะไม่พูดกับเรานาน กายหยาบจะหายไป<o></o>
    เราก็รู้ว่า อ๋อ! วิญญาณที่วัดหลวง เขาทำได้ครบ ๓ อย่าง ทำเสียงพูดได้ ทำให้เห็นกายหยาบได้ ลงในน้ำเขาจับบีบเราได้ เราจับอะไรเขาได้<o></o>
    วิญญาณประจำร่างที่เป็นพระยอมตายดีกว่าเสียศีล เพราะว่าขณะที่ตัวเป็นสมาธิอยู่ ไปเกิดเป็นอะไรก็ได้ แต่วิญญาณประจำร่างที่นึกว่าตัวยังไม่ตาย อยู่เป็นแสนปี ล้านปี เขากลัวบาป บาปต้องรับอยู่นาน<o></o>
    ที่อยู่นี่รับแค่ร้อยปีก็หมดแล้ว แต่วิญญาณประจำร่างรับอีกแสนปี ล้านปี ตายเสียดีกว่า ตายเป็นกายทิพย์เสียดีกว่า<o></o>
    คนไม่รู้อย่างนี้ถึงไม่กลัวบาป ถ้าเรารู้ว่าร่างนี้รับอีก ๑๐๐ ปีก็หมด แล้วมันอยู่ในวิญญาณประจำร่างเป็นแสนปี ล้านปี ก็ต้องไปรับกรรมอีกนมนาน ไม่เอาแล้วการทำบาป<o></o>
    ถ้ามองเห็นจุดนี้แล้ว จะเห็นชัด แต่ไม่มีพระสอน มีแต่หลวงตา (อาจารย์ในดง) เท่านั้นที่สอน มีแต่สอนในหนังสือ มันจะต้องไปเสวยกรรมในวิญญาณประจำร่าง กายทิพย์และจำได้นะ<o></o>
    ถ้าบุญตัวไม่พอ สมาธิไม่พอ เราพูดทำเสียงไม่ได้ ก็ทำให้ได้กลิ่น หรือก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ไป อย่างนี้วิญญาณทั่วไป<o></o>
    ถ้าวิญญาณมีสมาธิจริง ๆ มันทำได้ครบเลย ทำกายหยาบก็ได้ ถ้าเดินป่ามาก ๆ จะเห็นพวกนี้มาแสดงตัวได้ หลวงพ่อถึงว่าปฏิบัตินี่แตกต่างกับปริยัติเยอะเลย<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    ต่างกัน มีตัวอย่างที่วัดนี้<o></o>
    รายที่ ๑<o></o>
    นายวิโรจน์ ปัญจบุรี<o></o>
    นักศึกษาจากวิทยาลัยครูเชียงราย เคยมาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันนี้ เมื่อสำเร็จการศึกษาได้ทำงานแล้ว อาจารย์สมเดช มุงเมือง ได้ชวนมาปฏิบัติธรรมที่วัดนี้อีก พร้อมกับพาคณะนักศึกษาจากวิทยาลัยครูเชียงรายมาด้วย นายวิโรจน์เกิดถูกรถชนตายก่อนที่จะถึงวันเดินทาง ได้มารายงานตัวที่หอประชุมภาวนากรศรีทิพา ที่อาตมาลงกฎแห่งกรรมไปแล้ว มีคนเห็นกันหลายคน<o></o>
    เขาตั้งใจมาปฏิบัติธรรมที่นี่ แสดงเป็นกายหยาบได้ พูดได้ แต่มีข้อแตกต่างจากคนธรรมดาอยู่ ๒ ข้อ คือ ตาไม่กระพริบ และเวลาเดิน เท้าไม่ถึงพื้น เดินตัวแข็งออกไป จะไม่เชื่อได้อย่างไร พระบวชใหม่ ปริญญาตรี ปริญญาโท ต้องยอมรับเพราะเห็นกับหูรู้กับตา ถ้าไม่เห็นจะไม่เชื่อเลย<o></o>
    รายที่ ๒ <o></o>
    พ.อ.วิโรจน์ ทสยันไชย<o></o>
    อดีตอนุศาสนาจารย์ กองทัพภาคที่สอง นครราชสีมา เป็นมะเร็งที่คอ น้ำเหลืองไหล ผ่ามา ๒ หนแล้ว หมอบอกว่าจะตายภายใน ๑ เดือน แต่ภรรยาแข็งแรง <o></o>
    พ.ศ. ๒๕๒๕ กองกำลังพลกองทัพบกได้จัดอบรมทหารรุ่นแรก โดยส่งอนุศาสนาจารย์มาก่อน พ.อ.วิโรจน์ได้เข้าอบรมด้วย และขอตายที่วัดอัมพวัน แต่โชคดีที่เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมจึงหายจากโรคมะเร็ง ได้ลงกฎแห่งกรรมไปแล้วเช่นเดียวกัน<o></o>
    เมื่อหายแล้ว อาตมาก็ขอให้ พ.อ.วิโรจน์ ปฏิญาณตนต่อหน้าอาตมา บอกว่าให้จดไว้ ภรรยาของ พ.อ.วิโรจน์จะตายก่อน ทั้ง ๆ ที่แข็งแรงดี แต่จะล้มในห้องน้ำตาย อาตมาเคยไปเยี่ยมที่บ้าน ก็เห็นหนอ ศีรษะหายไปครึ่งหนึ่ง รับรองตาก่อนสามีแน่ หลังจากนั้น พ.อ.วิโรจน์จะมีภรรยาใหม่ไม่ได้ ถ้ามีต้องตายแน่<o></o>
    พ.อ. วิโรจน์ก็ปฏิญาณตนว่า ครับ ผมจะไม่มีครับ ลูกก็โตหมดแล้ว อีกไม่กี่ปีผมก็ปลดเกษียณแล้ว อาตมาก็อนุโมทนา ยถาสัพพีให้ไป<o></o>
    ต่อจากนั้น พ.อ.วิโรจน์ได้ไปซื้อที่สร้างวัดมงคลนิมิต ที่จังหวัดนครสวรรค์ บรรจุพระบรมธาตุ เมื่อก่อนก็เคยสร้างวัดที่ อ.ปักธงขัย จ.นครราชสีมา อาตมาก็ช่วยจนสำเร็จตามเป้าหมายทุกประการ<o></o>
    ต่อมา พ.ศ. ๒๕๓๓ พ.อ.วิโรจน์ ไปมีภรรยาใหม่ ก็เป็นไปตามดังที่อาตมาเคยกล่าวไว้<o></o>
    วันที่ ๒๔ ธ.ค. ๓๔ ล้มฟุบไปหัวใจวาย แล้วไปอยู่โรงพยาบาล ไม่พูดเลย พอวันที่ ๒๗ ธ.ค. ๓๔ เวลา ๕.๑๔ น. ก็ตาย<o></o>
    วันที่ ๒๒ ธ.ค. ๓๔ บ่นว่าอยากไปวัดมงคลนิมิต จ.นครสวรรค์ อยากไปไหว้พระบรมธาตุที่สร้างไว้พูดได้ ๒ วัน ก็ล้มไปเลย จิตใจก็ประหวัดถึงวัดมงคลนิมิต
    วันที่ ๒๗ ธ.ค. ๓๔ เวลา ๕.๑๔ น. พ.อ.วิโรจน์ตายที่โรงพยาบาล เวลา ๗.๓๐ น. มาปรากฏตัวที่วัดอัมพวัน มาหาอาตมา อาตมาก็จะรีบไปฉันเพล<o></o>
    อาตมาได้บอกให้จำเริญ (เป็นผู้ที่ช่วยต้อนรับแขก) ต้มข้าวต้มปลามาเลี้ยง อาตมาก็ไม่ทราบว่าตาย ใส่เสื้อลายดอกสีน้ำตาล คาดผ้าข้าวม้า<o></o>
    เมื่อทานข้าวต้มเสร็จแล้วก็มากราบอาตมา บอกว่า หลวงพ่อครับ ผมหิวจังเลย รับประทานเสียจนหมดหม้อหู ขออนุโมทนา ผมหิวมาหลายวันแล้ว แม่จำเริญเขาทำอร่อยจริง ๆ หลวงพ่อครับ”<o></o>
    และก็บอกว่า หลวงพ่อครับ ผมจะไปวัดมงคลนิมิต จ.นครสวรรค์ อาตมายังทำบุญไปด้วย ๕๐๐ บาท ไหว้พระบรมธาตุ<o></o>
    แล้วเขาก็บอกว่า เอาละ ผมจะรีบไป แต่หลวงพ่อครับ ผมขอสมเด็จชิ้นฟักของหลวงพ่อโต วัดระฆัง ๒ องค์ครับ องค์หนึ่งผมจะเอาไว้ใช้ อีกองค์ผมจะเอไปให้แฟน<o></o>
    พอบอกให้แฟน อาตมาตกใจแล้วถามว่า มีแฟนแล้วหรือนี่ มีภรรยาหรือเปล่า ผีนิ่งไม่พูด<o></o>
    ไหน ๆ ขอก็จะให้ อาตมาก็ให้สมเด็จชิ้นฟักไป ๒ องค์ พอได้รับเขาก็ใส่กระเป๋าพร้อมกับเงิน ๕๐๐ บาท ขอกราบนมัสการลาเดินออกหลังหอประชุม มีเสียงรถแล่นปึ๊ดออกไป เขามาคนเดียว<o></o>
    อาตมาก็ไม่ได้สนใจไปดู เพราะจะรีบเดินทางไปวัดพระนอนจักรสีห์ต่อไป เรื่องก็หายไปถึงเดือนมกราคม ๒๕๓๕ <o></o>
    มีอนุศาสนาจารย์ พ.อ.ชัยนาท ญาติฉิมพลี ได้มาที่นี่ อาตมาก็ถามว่าพบ พ.อ.วิโรจน์บ้างไหม เมื่อเร็ว ๆ นี้มาที่นี่<o></o>
    เขาก็บอกว่า หลวงพ่อ เขาตายแล้ว ตายเมื่อวันที่ ๒๗ ธ.ค. ๓๔ ผมยังไปงานศพมาเลย<o></o>
    เมื่อวันที่ ๘ เม.ย. ๓๖ ลูกสาวลูกชายมาที่นี่ มานิมนต์ไปงานพระราชทานเพลิงศพ อาตมาไปไม่ได้เลยให้ไตรไป ๒ ไตร และช่วยเงินอีก ๓,๐๐๐ บาท ฝากไปทำศพด้วย<o></o>
    ลูกสาวเขาบอกว่า คุณพ่อบ่นหิวแล้วก็ล้มไป ก็เลยหิวมาวัดอัมพวัน<o></o>
    อาตมานึกอยากได้กระติ๊บไว้ใส่ข้าวเหนียว จะได้ใช้เลี้ยงพี่น้อยชาวขอนแก่น ลูกสาว พ.อ.วิโรจน์ นำมาถวายเยอะเลย<o></o>
    ขอเจริญพรว่ากรรมฐานสามารถรู้เหตุการณ์และโรคภัยไข้เจ็บได้ ใครเป็นโรคอะไร ใจเข้มแข็ง ตายให้ตาย หายทุกราย<o></o>
    พ.อ. ชม<o></o>
    คนไม่รู้จักสัมภเวสีนี่เอง ถึงไม่กลับบาปกัน ถ้ารู้สัมภเวสีแล้ว จะไม่อยากทำบาปเลย<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    แต่การที่พระเขียนไว้ในหนังสือต่างกันเยอะเลย พวกมาแปลทีหลังไม่ตรง จึงได้ค้านกันมา ถ้าปฏิบัติจะรู้เหมือนกันนะท่านนะ จะไม่มีค้านกัน มันเห็นของจริง แล้วไม่ค้านเลย<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    หลวงพ่อดำ ท่านให้เห็นของจริงนี่ เอ้าลองตายดูซิ โดดเหวดู<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    โยม พ.อ.ชม อาตมาได้ความรู้จากองค์นี้มาก และที่อาตมาไปค้างบ้านท่านที่กรุงเทพฯ หลวงพ่อดำบอกให้ไป ไปค้างสองคืนจำได้ไหม ที่บ้านเตาปูนน่ะ ท่านบอกให้ไป แต่อาตมาไม่ได้บอกท่านเอง มันออกมาอย่างนี้<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    หลวงพ่อดำเคยมาช่วยผมรักษาที่บ้าน ภรรยาผมป่วยหนัก จะแย่มีแพทย์มีหมอมาจากอเมริกา<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    นึกถึงท่านอยู่ ๔-๕ วัน อยากจะพบท่านเหลือเกิน มาคุยกันเรื่องนี้<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    ผมก็จะมาถามท่านถึงเรื่องนี้<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    ตรงกันเลยเห็นไหม<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    ตรงกันครับ<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    เราอยากได้อะไร เดี๋ยวท่านจะบอก บอกใครเขาก็ไม่เชื่อ ท่านบอกอย่าเอาอย่างนี้ซิ ใช้ไม่ได้ต้องเป็นอย่างนี้ ๆ แล้วก็จริงเลย จะออกมาในรูปแบบนี้ ชัดเจนแล้ว<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    ถ้าเป็นลูกศิษย์ในดง ท่านคุมแจ ทุกวิญญาณเลย เช่น อาจารย์ประทุม ที่อยู่ที่ยุโรป ขัดส้วมได้ และเดินได้<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    นี่เรื่องจริง สัมภเวสีนี่นึกว่าเป็นกายทิพย์ เป็นวิญญาณประจำร่างเลย ของสมเด็จโตยังลอยอยู่เป็นวิญญาณประจำร่าง ถ้าใครจูนได้เข้าเลย ไปเทศน์ที่จังหวัดนนทบุรี เทศน์เรื่องสิบสองนักษัตร ท่านยังเทศน์ได้ แต่จิตที่เป็นกระแสยังลอยอยู่<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    มีคนชอบถามว่า สมเด็จโตองค์เดียวทำไมเข้าทรงได้ตั้ง ๑๐ กว่าแห่งพร้อม ๆ กัน เข้าพร้อมได้ไงก็ไม่รู้ รึ มันเป็นนามธรรม มันเป็นอัน ๆ ได้ไง
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    มันแยกออกไป<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    มันเป็นนามธรรม อย่างบุญเนี่ย แผ่เมตตาแล้ว ก็หมดน่ะซิ มันเป็นนามธรรม ไม่มีเป็นอัน มันก็ไม่หมด ยิ่งแผ่ไปยิ่งดี
    เหมือนกับวิญญาณ มันเป็นนามธรรม เรื่องอะไรจะไปนับเป็นตัว ๆ นับเป็นอัน ๆ เป็น ๑๐ อันอย่างไรได้ ไปนับมันก็ผิดน่ะซิ นั่นแหละวิญญาณประจำร่าง มันไปเข้าทรง ๑๐ แห่งพร้อมกัน จะเป็นอะไรไปเล่า<o></o>
    หลวงพ่อดำท่านพูดว่าบุญมันไม่มีตัว มันนับไม่ได้ เรื่องอะไรจะไปนับ ก็เลยหายสงสัย<o></o>
    เมื่อก่อนผมก็ไม่ค่อยนั่งสมาธิมันก็เซ่องง นั่งไปก็เกิดความเข้าใจว่า บุญนับเป็นตัวได้ไหม ก็เข้าใจทันที<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    มันเกิดความเข้าใจทันที เข้าใจเป็นปัจจัตตังนะ<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    มันก็แปลกดี ถ้านั่งสมาธิภายในปัญญาค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ถ้ามีอาจารย์เก่ง ๆ สอน เราก็เดินทางลัดได้ คล้าย ๆ มันรู้ มันเช็คตรงกับเราได้หายสงสัย คล้าย ๆ มีเครื่องทดสอบ มีของจริง แต่เช็คว่าเป็นหลวงพ่อองค์เดียวกันก็พอใจแล้ว สงสัยมานานแล้ว<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    แน่นอน อาตมาจะเล่าให้ท่านฟังหลายเที่ยวแล้ว มันเล่าไม่ได้ คนมันเยอะ วันนี้ต้องตัดแขก เล่าให้ฟังเลย เพราะอยากจะเล่ามานานแล้ว มันไม่เหมาะโอกาส<o></o>
    วันนั้นไปพบกันที่ลพบุรี ที่บ้านงานก็เล่าไม่ได้ คนอื่นไม่รู้เรื่อง เขาก็หาว่าเราเป็นอะไรกัน ทำไมเป็นอย่างนี้<o></o>
    อาตมาได้ผลนำมาสอนก็เพราะได้หลวงพ่อในป่านี่เอง ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย เล่าแล้วเขาจะเชื่อเราหรือ เขาไม่เชื่อหรอก<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    แต่ถ้าเขารู้วิญญาณประจำร่างนี้ มันจะกลัวบาปเยอะ<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    เป็นกฎแห่งกรรมไงล่ะ มันออกมาชัดเจน เห็นไหมนี่<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    ไปแปล สัมภเวสี ไม่ถูก แปลว่า วิญญาณหาที่เกิด วิญญาณพเนจร เลยเลอะเทอะไปเลย<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    ใช่ ใช่ เลยแปลความนั้นผิดเพี้ยนไปเลย<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    ก็เลยเข้าใจผิด ผิดแล้วไปเถียงกัน ตายแล้วเกิดไหม?<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    ถ้าปฏิบัติแล้วจะเห็นได้ชัด<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    มันก็แปลกดี มันรู้จักบาป ก็เลยหายสงสัย ได้ประโยชน์ที่แท้จริง<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    ใครสงสัยมาถามอาตมานี่ มีคนไทยอยู่คนหนึ่ง เป็นไทยแท้ชื่อยายเภา ตาเล่งฮ่วยเป็นคนจีนพูดไทยไม่ได้เลย ผูกคอตาย ไปเข้ายายเภา<o></o>
    ตอนนั้นอาตมาบวชใหม่ ๆ ไม่เข้าใจเรื่องไล่ผีหรอก แต่เขามาตามก็ลองไปดู<o></o>
    ไปถึงปั๊บยายเภาพูดภาษาจีนกลาง อาตมาต้องให้ไปตามตาแป๊ะเล่งเจีย มาส่งภาษาจีนกลาง ถึงได้ความว่า วันนี้วันโกนวันพระเขาหยุดงานจึงมาได้<o></o>
    อาตมาถามว่า ลื้ออยู่ที่ไหนล่ะ”<o></o>
    เขาบอกว่า อยูกั่บฮ้วยเซียเถ้า ชื่อมด เป็นเจ้าอาวาสวัดกลางพรหมนคร อยู่เหนือตลาดปากบางนี่เอง ผูกคอตายที่หลังตลาด<o></o>
    อาตมาก็ไม่รู้จัก เพราะเป็นเวลานาน ๕๐-๖๐ ปีแล้ว ไปถามคนเก่าว่าจริงไหม เขาก็บอกว่าจริง<o></o>
    หลวงตามดเป็นสมภาร จะสร้างโบสถ์ ได้เงิน ๓๐ ชั่งก็เก็บไว้ มรรคทายกวัดบอกว่า พระเก็บเงินไม่ได้ ให้มาฝากไว้ ก็ให้ญาติโยมไป ถึงเวลาสร้างไม่นำมาให้ โกงท่าน ท่านเลยผูกคอตาย ไม่เคยนั่งกรรมฐานเป็นพระหลวงตาเลยมาอยู่กับตาเจ๊กเล่งฮ่วย ขุดดินทุกวัน<o></o>
    อาตมาถามว่า อยู่ตรงไหน”<o></o>
    เขาบอกว่า เอ๊ะ! อั๊วเจอลื้อทุกวันนะ ลื้อเดินผ่านอั๊วทุกวัน อั๊วทักลื้อ ลื้อไม่พูดกับอั๊ว”<o></o>
    อาตมาถามว่า ลื้อกินข้าวที่ไหน”<o></o>
    เขาบอกว่า กินที่ของขยะ”<o></o>
    และถามเขาว่า มาทำไม”<o></o>
    เขาบอกว่า วันโกน วันพระ เขาให้หยุด ไม่ต้องทำงาน อั๊วมานี่ ต้องการให้ลื้อไปสั่งอาเจ๊เจีย ยอกว่า ที่อั๊วผูกคอตายไม่ใช่เสียใจอะไร อั๊วตักน้ำให้ทำขนมขาย แล้ไม่ให้สตางค์อั๊วกินยาฝิ่น อั๊วเสียใจ เลยผูกคอตาย ลื้อไปบอกอาเจีย หลานสาวอั๊วด้วย ไม่ต้องทำบุญเพราะไม่ได้รับ<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    มันไม่อยู่ในฐานะที่จะรับได้<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    เลยนรกสวรรค์อยู่ในภพนี้ เรามองไม่เห็นเอง<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    เป็นกายทิพย์<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    ตาเล่งฮ่วยบอกว่าทำงานอยู่สองคนกับฮ่วยเซียเถ้าชื่อมด วันโกนวันพระเขาหยุดไม่ต้องทำงาน ต้องขุดดินอยู่ทุกวัน ถ้าไม่ขุดเขาจะตี ผูกคอตาย ห้าหกสิบปีแล้ว ยังไม่เกิดเลย<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    นี่แหละวิญญาณประจำร่างรับกรรม<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    อาตมาก็ถามว่า ลื้อทานข้าวที่ไหน หลวงตามดไปฉันข้าวที่ไหน”<o></o>
    ตาเล่งฮ่วยตอบว่า ไม่ได้ฉันที่ไหนหรอก กินกับอั๊ว อั๊วก็ไปเลือกกองขยะให้มันกิน กินหนอนบ้าง กินอะไรบ้าง อาตมาเชื่อหมื่นเปอร์เซ็นต์ เพราะอะไร พอตาเล่งฮ่วยออกจากยายเภา ยายเภาเป็นคนไทย เจี๊ยะปึ้ง แกยังไม่รู้เลย ภาษาจีนก็ไม่รู้ แล้วทำไมพูดจีนกลางได้<o></o>
    ตาแป๊ะเล่งเจีย เป็นเจ๊กนอกมาเป็นล่ามให้ แกบอกว่า อั๊วเชื่อแน่ เมียอั๊วเป็นคนไทย อาม้าอั๊วมาเข้าเมียอั๊ว เมียอั๊วพูดเจ๊กไม่เป็นหรอก มันพูดเจ๊กกับอั๊วได้ด้วยแล้วจะว่าไม่จริงยังไง บอกได้เลยว่าอะไรอยู่ที่ไหน และอยู่เมืองจีนทำไมมาเมืองไทยได้ แป๊บเดียวมาถึงแล้ว”<o></o>
    เมื่อก่อนอาตมาก็ไม่เชื่อ มาเห็นเข้าก็ต้องเชื่อ ยายเภาเป็นไทยแท้ ภาษาแต้จิ๋วก็ไม่รู้ ภาษาจีนกลางก็ไม่รู้ แต่พูดภาษาจีนกลางได้เลย<o></o>
    พ.อ. ชม<o></o>
    ผมได้บทเรียนจากหลวงพ่อพุทธทาส ผมไปกราบท่าน โดยมากผมจะอยู่บนยอดเขา บนนั้นมีกุฏิ ๓-๔ หลังให้พระขึ้นไป<o></o>
    ผมเห็นพระอยู่กุฏิใกล้กันก็เดินไปถามว่า หลวงพ่อนั่งสมาธิวันละกี่หนครับ”<o></o>
    ท่านบอกว่า อ้อ! อาตมาไม่ต้องนั่งหรอก กำหนดรู้เฉย ๆ อาตมาไม่นั่งสมาธิ พอครบ ๗ วันก็ลงมา ลงมาถามหลวงพ่อพุทธทาสว่า<o></o>
    พระเดชพระคุณมีวิธีสอนใหม่หรือครับ ผมถามพระข้างบน ท่านบอกว่าไม่ต้องนั่งสมาธิ”<o></o>
    หลวงพ่อพุทธทาสก็ตอบว่า อาตมาเราะทำที่ฝึกให้ทุกคนเขามาฝึก ใครจะฝึกวิธีไหนก็ฝึกไป มันดีกว่าคนไม่ฝึก ท่านว่าอย่างนั้น<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    จริง ๆ<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    วิธีฝึกนี่ ท่านเอาอันเดียว บางทีมันไม่ตรงกับจริต มันก็ไม่ขึ้น หลวงพ่อนี่เมื่อก่อนพุทโธ เปลี่ยนเป็นพองหนอ ยุบหนอ ก็แล้วแต่จริตคน<o></o>
    คนนี่มันต่างจิต เหมือนอย่างกับหลวงพ่อพุทธทาสว่า ชอบวิธีไหน มันฝึกได้ก็ช่างมัน ดีกว่าคนไม่ฝึก<o></o>
    คนฝึกพุทโธ ลูกศิษย์ผมคนหนึ่ง ไปฝึกแบบลูกแก้ว แบบวัดปากน้ำ แล้วกลับไปดี แล้วแต่จะถูกกับจริต<o></o>
    ที่จริงขึ้นกับบุญเก่าที่สะสมมาตั้งหลายชาติ ถนัดทางไหนก็ไปทางนั้น<o></o>
    เอาตามแบบหลวงพ่อพุทธทาสก็ดีนะ ท่านว่า คุณถนัดทางไหนก็ไปทางนั้น แต่ธรรมะส่วนกลาง ก็สอนเป็นส่วนกลาง แต่ท่านจะเทศน์ธรรมะส่วนกลาง จะสอนธรรมะส่วนกลาง<o></o>
    การที่จะละกิเลส ละอะไรก็เหมือนกันหมด ถนัดวิธีไหนก็ฝึกไป แต่ท่านจะเทศน์ธรรมะส่วนกลาง จะสอนธรรมะส่วนกลาง<o></o>
    ที่ท่านเขียนหนังสือได้แตกฉาน บางคนก็ไปติท่าน บางทีท่านเขียนสูงเกินไป ก็แล้วแต่ระดับของคน พออ่านไปถูกก็ว่าไม่เชื่อ
    ที่จริงท่านได้ ฌาน ผมอยากให้คนอื่นรู้บ้างว่าท่านได้ฌานจริงหรือเปล่า พอเวลาฉันบนศาลาให้พรเสร็จ ผมก็ถามว่า พระเดชพระคุณครับ พระเดชพระคุณได้ฌานแล้วทำไมไม่เดินฌาน”<o></o>
    ท่านไม่กล้าตอบหรอก เพราะถ้าตอบได้ว่าฌานเป็นอวดแล้ว ถ้าว่าไม่ได้ก็โกหกอีก ท่านจะไม่ตอบ ท่านก็คิด คิดอยู่ ๓-๔ นาที คนก็จ้องฟังท่าน<o></o>
    ท่านก็ตอบออกมาว่า มันเป็นส่วนเกิน คือไม่ต้องเดินฌานก็ไปวิปัสสนาได้ ท่านว่าเป็นส่วนเกิน เราก็ไม่ถามต่อ<o></o>
    ท่านเขียนหนังสือ ท่านไม่ได้เขียนโกหกเลอะเทอะนะ คือมันสูงเกินไป บางคนอ่านไม่เข้าใจ ท่านชอบพูดสูง ที่จริงท่านได้ฌาน ท่านก็ได้จริง ญาณพิเศษท่านเยอะแยะ จะไปว่าท่านยังไง<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    ไม่อย่างนั้นท่านจะเขียนหนังสือได้เหรอ เขียนดีด้วย มันออกมาเอง<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    เขียนเต็มห้องสมุดเลย ถ้าพูดถึงคนเขียนหนังสือมาก ๆ ก็มีมหาปุ้ย ก็ยังเป็นรองท่านกว่าครึ่ง ท่านยังเขียนมากกว่า
    คนสมัยใหม่นี่ไม่มีใครรู้ แต่คนเก่งจริง ๆ ไม่เขียนเสียอีก บางทีเราต้องไปแคะถาม ไม่อย่างนั้นคนเข้าใจผิด แปลผิดเยอะนี่ เพราะว่าไปเติมของพระพุทธเจ้ากับไปตัดออก<o></o>
    อย่างสมมติว่า วิปัสสนาเป็นเหตุให้ถึงนิพพาน<o></o>
    ไปต่อบอกว่า วิปัสสนาเท่านั้นเป็นเหตุให้ถึงนิพพาน ก็ผิดไปแล้ว เพราะกายคตาสติก็ไปถึงนิพพานได้นี่<o></o>
    พระพุทธเจ้าถึงไม่ได้แยก สมถะและวิปัสสนาควบคู่กัน ดูขึ้นต้น วิปัสสนามหาสติปัฏฐานสี่เริ่มต้นที่อานาปานั่นแหละ<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    พุทโธ พองยุบ อันเดียวกัน ก็อานาปานั่นแหละ หายใจเข้าออก อันเดียวกัน มันไม่เข้าใจ<o></o>
    พ.อ. ชม<o></o>
    แต่ทีนี้ พองหนอ ยุบหนอ กับพุทโธนี่ มันใช้ของในกาย เราไปเอาลูกแก้วหรือเอาอย่างอื่นมันไกลต่อการที่จะเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พองหนอ ยุบหนอ ก็อยู่ในกายนี่แหละ<o></o>
    ฉะนั้น เวลาหลวงพ่อท่านอธิบาย ก็พิจารณากายอยู่ที่นี่ อย่าไปเอากายนอก แล้วไปแปลผิด เมื่อคืนออกวิทยุก็ยังเทศน์ผิดอยู่ เทศน์ผิดว่าอย่างไร<o></o>
    ท่านว่า สหิทาวา ภายนอก เขาอธิบายมาแล้ว เห็นซากศพเป็นกายนอก เห็นแล้วน้อมมาถึงกายตัวเอง แม้ถึงจะมาดูว่า กายข้างในของเราเป็นอย่างไร กายข้างนอกเป็นอย่างไร<o></o>
    กายนอก สหิทาวา กายนอกของเรานี่ ผิวหนัง เกสา โลมา นขา ไปแปลว่า ภายนอก คือกายที่อยู่นอกจากตัวเรา มันผิด<o></o>
    เขาพูดตั้งแต่ซากศพมาก่อนจนน้อมเข้ามาใส่ตัวแล้ว ยังจะไปเอาตรงนี้อีก<o></o>
    เห็นกายในกาย เขาก็พูดอีก อิมัสมิง กาเย ในกายนี้ จะไปเอากายอื่นมาได้ที่ไหน เรื่องอะไรจะไปเอากายข้างนอก ไปเอาข้างนอกบ้าง ข้างในบ้างก็ยุ่งตายซิ<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    อิมัสมิงกาเย เกสา โลมา กายในกาย<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    สหิทาวา กายข้างนอกก็ไปเอาข้างนอก มันก็ผิด ง่าย ๆ อย่างนี้ก็สอนผิด แล้วออกวิทยุไปผิด ๆ
    และทีนี้ พวกฝึกสมาธิ ไปฝึกแบบนกแก้ว เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ ไปดูนกแก้วซิ นกแก้วมันก็ว่าได้ มันไม่รู้ว่า เกสาคืออะไร<o></o>
    ผมเนี่ยอายุตั้ง ๗๐ กว่านะ ผมถึงจะรู้ว่า มันเป็นซากศพ มันเป็นอย่างไร พิจารณายังไง หลวงพ่อว่าพิจารณายังไง เกสา พิจารณายังไง<o></o>
    เราไปพิจารณาตามพระเทศน์ที่อยู่ก็อยู่ในเลือด สีมันก็ไม่งามกลิ่นมันก็เหม็น ผมว่าสอนไปเกือบตาย ก็ไม่เห็นจะเข้าใจว่ามันน่าเกลียด ไปเดินอยู่บนเขา อายุตั้ง ๗๐ กว่าแล้ว ก็คิดว่ามันทำไมถึงน่าเกลียด เป็นอสุภะไม่งาม<o></o>
    เพราะฉะนั้น เราจะเห็นว่า เขาสอนแค่ห้านี่แหละ เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ เอาแค่อันเดียวมันก็สว่างไสวถ้าคนเห็น<o></o>
    อย่างผมนี่ รากผมเป็นตัวเป็น พอเขาแปล ชีวิตรูป คือ รูปที่มีชีวิต เขาก็ชีวิตรูป ชีวิตรูปอยู่นั่นแหละ ความจริงมันก็ตัวเซลล์เรานี่แหละ ตัวชีวิตคือตัวเซลล์<o></o>
    แทนที่เราจะว่าชีวิตรูปเป็นบาลี เราก็บอกตัวชีวิต มันเกิดในกระดูก มันอัดกันแน่นก็เป็นกระดูกตัวชีวิตตัวนิดเดียวต้องใช้กล้องส่องจึงจะเห็น<o></o>
    ยุงตัวใหญ่ ๗ วันตาย ตัวชีวิตนี่ครึ่งวันตาย ชาวฝรั่งคิดไว้ว่ามีตั้งห้าหมื่นล้านตัว เพราะฉะนั้นตายไปเกิดไป ไม่ใช่ชีวิตตัวเดียว เล็ก ๆ โตขึ้น ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น<o></o>
    มันแยกออกเหมือนตัวตืด วิชาแพทย์สองกล้องเห็น ตัวหนึ่งแบ่งกึ่งกลางก็เป็นสอง สองเป็นสี่ สี่เป็นแปด เหมือนตัวตืด<o></o>
    ฉะนั้นตัวเกิดก็เกิดไป ตัวตายก็ตายไป ครึ่งวันก็ตายแล้ว ตกลงมันก็ตายเรื่อย ดังนั้นไปว่าเกิดดับถี่ยิบไม่มีทางเข้าใจหรอก ถ้าไม่เอาตัวชีวิตอย่างในพระไตรปิฏก<o></o>
    ตัวชีวิตนี่ เพียง ๑ วินาที แป๊บเดียวตายเป็นแสน ตายอยู่เรื่อย ๆ ธาตุลมก็ตีออกมา ข้างนอกนี้เป็นตัวตายทั้งนั้น เช่น เส้นผมเป็นตัวตาย ขนก็เหมือนกันตัวเป็นฝังอยู่ข้างใน<o></o>
    ตัวตาย ธาตุลมตีออกมา ตีออกเป็นเส้น เราก็รู้ว่าตายไปตัดอย่างไรก็ไม่หมด และขนก็เหมือนกัน หนังตัวตายก็ไล่ออกมา กระดูกที่ตายก็ไล่ กระเด็นออกมาเรื่อย ปลิวไปเรื่อย<o></o>
    เราอยากจะรู้ว่า คนนี้โง่หรือไม่โง่ ฉันถามแกอย่างเดียวว่า แกเกลียดซากศพหรือไม่เกลียด แกอยากไปกอดจับมันไหม ถ้าไม่อยากกอด จำให้แม่น ๆ นะว่าแก่เกลียดซากศพนะ<o></o>
    เพราะเส้นผมนี่เกิดจากตัวตายกระเด็นออกไป ตัวตายก็ตายไป ตัวเกิดก็เกิดไป ออกมาเรื่อย มันเป็นเส้นผมเกสา โลมา นขา ก็เหมือนกัน<o></o>
    ที่ฝังเนื้อเป็นตัวเป็น ที่ยาวออกมาต้องตัดทิ้งเรื่อยเป็นตัวตาย ธาตุลมตีออกมาเรื่อย โลมา นขา ทันตา ตโจ ก็ตัวตายอีก มันก็ปลิวไปเรื่อย เวลาเราส่องกล้องดู มันก็เต้นยุบยับ ตัวนี้แหละตัวตาย ออกมาตามรูขุมขน<o></o>
    ผมบอกว่าแกไปชอบทำไม ถ้าชอบก็โง่ซิ แกเห็นซากศพ แกว่าแกเกลียด ทำไมแกไม่ชอบเล่า กรรมฐาน ๕ นี่ ถ้าเห็นเป็นซากศพก็น่ารังเกียจ ข้างในยังไม่ได้พูดถึง เป็นเลือด เป็นหนอง แต่มันหลงข้างนอก คือหลงซากศพ ไหนว่าเกลียดซากศพไง เขาถึงว่า โอ้! เราโง่ขนาดนี้เชียวหรือ<o></o>
    เมื่อสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ตรัสกับนางมาคันธิยาว่า ร่างกายกำลังเน่าเปื่อยอยู่ เป็นของโสโครกสกปรก อาตมาไม่ต้องการแม้แต่เอาเท้าไปแตะต้อง<o></o>
    นางมาคันธิยาโกรธ พอได้เป็นมเหสีของพระเจ้าอุเทน พระพุทธเจ้าเสด็จโกสัมพี ก็จ้างคนด่าเจ็ดวัน โมโหตั้งแต่ถูกว่าตอนเป็นสาวว่า แม้แต่เท้ายังไม่อยากแตะต้อง ถ้าไม่ว่าอย่างนั้นมันไม่กลับหรอก มันตามตื้อจะยกลูกสาวให้ท่าน<o></o>
    มีในพระไตรปิฎก กายกำลังเน่าเปื่อย กายเต็มไปด้วยหลุมมูตรคูถ แล้วจะพิจารณาอย่างไร ถ้ามัวเอาแต่รูปนั่ง รูปยืน เมื่อไรจะน้อมมาเข้าตัว เพราะฉะนั้นเราจะตีปัญหาตามพระพุทธเจ้าไม่ได้<o></o>
    กายกำลังไหวเคลื่อนอยู่เรื่อยไม่ได้อยู่นิ่ง เพราะตัวชีวิตมันก็ดุกดิกของมัน กายกำลังไหวเคลื่อน กายเต็มไปด้วยมูตรคุถ กายเต็มไปด้วยหลุมฝังศพ กายเต็มไปด้วยแผลเน่า แล้วเราจะพิจารณาอย่างไร จึงจะเห็นตามท่าน<o></o>
    ต้องพิจารณาตัวเป็นชีวิตนี่เพราะตัวชีวิตมันมีกิน มีถ่ายออกและมีตัวตาย มันไม่ออกทีเดียวพรวดหมด เพราะฉะนั้นหลุมฝังศพก็มีทั่ว ร่างกายก็เต็มไปด้วยหลุมฝังศพ เต็มไปด้วยมูตรคูถของตัวชีวิต<o></o>
    ไม่ใช่เฉพาะอุจจาระในลำไส้เรา ทุกจุดในร่างกายก็มีแต่มูตรคูถ ร่างกายกำลังเน่าเปื่อย ตัวชีวิตมันตายก็เน่าเปื่อย มันก็กำลังเน่าเปื่อย<o></o>
    ร่างกายทำไมเหมือนแผลเน่า เต็มไปด้วยแผลเน่า รูขุมขน รูเหงื่อตัวชีวิตออกมาทางรู มันก็เหม็น ซากศพนี่ น้ำที่เหม็น มันไม่ค่อยเหม็น ถ้าเราไปกวนมันมันก็เหม็น เช่นพอถูเข้านี่เหม็น<o></o>
    ตัวตายนี้เองเหม็น หลุมต่าง ๆ มีมูตรคูถ มีตัวตายออกมา มันก็ไม่ต่างกับแผลเน่า เพราะมันเป็นรูและมีของเน่า<o></o>
    ฉะนั้นท่านถึงว่า ร่างกายเต็มไปด้วยแผลเน่า ถ้าเราทำกรรมฐานไปเรื่อย ๆ ก็ลดราคะลงไปชัดเจนแล้ว ทุกพุทธพจน์จะตีแตก ถ้าเรามาถึงตัวชีวิตนี่<o></o>
    แต่ไปพูดชีวิตรูปมันไม่เข้าใจกัน แล้วท่านก็ไม่ได้ตีแตกว่า มันตายอยู่เรื่อย มันเคลื่อนอยู่เรื่อย เราดูอนิจจัง ดูการเคลื่อนไหว ไม่เป็นตัวตน เราก็มาดูตัวนี้มันตาย<o></o>
    มันมีแต่ตัวสัตว์ แล้วเรื่องอะไรจะเป็นตัวตน แยกออกเป็นตัวสัตว์แล้วก็ไม่มีตัวตน ไม่เชื่อก็เดินลอดภูเขาเลย ลอดไปได้อย่างไร มันก็แจ่มแจ้งขึ้นมา มันลัดขึ้น เดินไปบนเขาตั้งนาน เพิ่งรู้ตัวตายนี่เอง<o></o>
    หลวงพ่อบอกว่า แกเกลียดซากศพนี่ แกจำไว้แกโง่หรือฉลาด เห็นไหม? แกไปชอบซากศพได้ยังไงเอ๊ะ! การสอนอย่างนี้เขาไม่ยักสอนกัน มันต้องค่อย ๆ หาเอง<o></o>
    ตกลงกรรมฐานห้านี่ดูซากศพทั้งนั้น มันปลิวออกมาเรื่อย มีการไหวเคลื่อน พลัดพรากจากเราไปเรื่อย อะไรพราก ก็ตัวชีวิตนี่มันพรากไป ตัวเล็ก ๆ นี่พลัดพราก<o></o>
    ห้าอย่างนี่เห็นชัด แต่เขาไม่ได้บอกอย่างนี้ ไม่ได้บอกเป็นซากศพ เราก็ไม่รู้เรื่องสักที เดินเขาตั้งหลายเขากว่าจะรู้ อ๋อ! เป็นอย่างนี้เองหรือ เกิดดับ <o></o>
    พระท่านสอน เกิดดับ สอนยังไงไม่เข้าใจสักที ผมฟังก็ไม่เห็น มันเกิดดับยังไง เราฝึกไปก็เห็นการเกิดดับถี่ยิบ เกิดทีละมาก ๆ ขณะจิตเดียวมันก็ตายไวมาก<o></o>
    คนยังเล็ก ๆ ตัวเกิดมากกว่าตัวตาย เหมือนพลเมืองเพิ่ม ตัวเกิดมากกว่าตัวตายตัวก็โตขึ้น พอแก่ลงเหี่ยวย่น ตัวตายมากกว่าตัวเกิด ไปเตะอะไรทีเดียวกระดูกหักไปแล้ว<o></o>
    คนแก่ ตัวเกิดน้อยกว่าตัวตาย มันก็เปราะไป เหี่ยวไป ย่นไป กว่าเราจะได้ก็เดินหลายเขา ผมก็ยังงงว่า ทำไมเขาไม่สอนอย่างนี้<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    ไม่ได้สอน สอนตามหนังสือ มันสังคายนาพระไตรปิฎกมาหลายรุ่น ใครมีปัญญาก็สังคายนากันมาแล้วก็ทั้งเติมทั้งต่อ เลยก็เพี้ยนไป<o></o>
    พ.อ.ชม
    ที่นี้พระไตรปิฎกว่าตรงนี้แล้วไปว่าตรงโน้น เขาอ่านที่เดียวนะ แล้วไปบรรยายวิทยุ อาจารย์คนนี้เขาว่าเก่งด้วย เขาว่าจิตนี้อาศัยรูป ถ้าไม่มีรูปจิตอยู่ไม่ได้ จิตอยู่ตามลำพังไม่ได้ ต้องอาศัยรูป พูดอยู่แค่นี้ เน้นอยู่แค่นี้ พิโธ่เอ๋ย! ทำไมไม่อ่านให้จบ<o></o>
    ผมก็เขียนส่งไปว่า ต้องยกเว้นอรูปพรหม ไม่มีรูปจิตอยู่ได้อย่างไร ต้องบอกยกเว้นอรูปพรหมบ้างซิ แกอ่านไม่หมดนี่ต้องเอามาผสมให้ดีซิ<o></o>
    พระพุทธเจ้าสอนทีเดียวให้หมดไม่ได้หรอก ต้องตรวจเอามาไปเอาอภิธรรมบทเดียวมาสอนคนฟังก็โง่ตามซิ<o></o>
    และพรหมชั้นที่ ๑๖ นี่มีแต่จิตไม่มีรูป ทำไมไม่ตาย หมดอายุแล้วเกิดได้ แต่นิพพานนี่ไม่มีทั้งรูปไม่มีทั้งจิตยังอยู่ได้ เรื่องอะไรจะอยู่ไม่ได้ ผมถึงว่า ที่เขาสอนกันบางทีมันก็ตก ๆ ไป<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    ถ้าไม่ปฏิบัติจะรู้ไม่จริงเลย และดูหนังสือมาสอนก็ไม่เกิดประโยชน์นะ ไม่ละเอียด<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    สำคัญสอนคนผิดไป ไปนึกว่าไม่มีตัวตน มันก็ไม่เข้าใจกันหรอก มันต้องได้สมาธิ ได้คลำดูจึงจะรู้ว่า อ้อ! ไม่มีตัวตนจริง ๆ ถ้ามันมีตัวชีวิตหมด มันก็เป็นตัวสัตว์ไม่ใช่ตัวเรา มันต้องพิจารณากันลึกซึ้ง กว่าจะได้<o></o>
    สอนคนธรรมดาว่าไม่มีตัวตน มันสอนลำบาก สอนคิหิปฏิบัติให้ได้ก่อนเถอะ อย่าไปเอาไม่มีตัวตนเลย ไปย้ำกันมาก ๆ มันก็นั้นแหละ<o></o>
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    แล้วก็ไม่ได้อะไรด้วย เสียเวลา<o></o>
    พ.อ.ชม<o></o>
    เขาก็ไม่ค่อยเชื่อกัน มันจริงหรือเปล่านะ มันก็เลยยุ่งไปอีก ท่านจะมีธุระไปไหนมั้ง ผมได้สมความปรารถนา เดี๋ยวก็ต้องลาหลวงพ่อแล้ว รบกวนเพียงเท่านี้ กลุ่มนี้มาด้วยกัน มา กราบขอพรหลวงพ่อ ค้าขายจะได้กำไรดี รักษาเงินทองได้
    พระราชสุทธิญาณมงคล<o></o>
    เราคุยกัน เพื่อจะได้เข้าใจ วันหน้าค่อยคุยกันใหม่ ได้ประโยชน์มาก
    <o></o>
    ----------- จบ -----------<o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2007
  2. ณปกรณ์

    ณปกรณ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +54
    อ่านแล้ว งง ตกลง วิญญาณมีกี่ร่าง จิตมีหลายอันหรือ จากคนๆเดียว รบกวนตอบหน่อยนะครับ
     
  3. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    55555กายนอก. กายใน. กายในกาย. เวทนานอกเวทนาในเวทนาในเวทนา
    จิตนอกจิตในจิตในจิต ธรรมนอกธรรมในธรรมในธรรม ผู้ที่สามารถรู้แจ้งแทงตลอดคือพระอนาคามีขึ้นไป. ส่วนจิตมีกี่จิตมี2จิตมี1จิตมี3จิตรึเปล่า5555. ตกลงมีกี่จิต จิตนี้เป็นสัพเวสี จิตนี้ไปพรหมอ้าวทำไมไม่ไปนิพพานละ5555แล้วไอ้จิตสัพเวสีที่ว่ามันเป็นอัตตารึมันอยู่เป็นล้านๆปี5555
    ตกลงยังไงกันแน่ครับอ่านแล้วไม่ใช่ ง. ตัวเดียวมันมาเป็นกองทัพงงงงงง
    แล้วอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เป็นสัพเวสี แล้วผลเป็นสัพเวสีแล้วผลนั้นเป็นเหตุให้เกิดอะไร. ส่วนอีกจิตมันเกิดจากอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิด รึมันลอยๆมารึมันมีอยู่แล้ว. แล้วไอ้2จิตที่ว่าจิตไหนเกิดก่อนเกิดหลัง แต่เสือกตายห่าพร้อมกัน55555. แล้วเหตุปัจจัยละ5555. ธรรมที่คิดกับธรรมที่มาจากจิตมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง. 555555
     
  4. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    ค่อนข้างงง เเละตัวเล็กครับ
     
  5. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512

    งงด้วยคนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...