ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เวียดนามพบหวัดนกสายพันธุ์ใหม่ระบาด !!!

    [​IMG]

    รัฐบาลเวียดนามออกมายอมรับ ว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสหวัดนกสายพันธุ์ใหม่ ที่มีความรุนแรงกว่าเดิมและติดต่อได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังไม่พบผู้เสียชีวิต จากการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวแต่อย่างใด

    สำนักข่าวของรัฐบาลเวียดนามรายงานว่า มีการพบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสหวัดนก H5N1 สายพันธุ์ใหม่ ที่กลายพันธุ์จนมีความรุนแรงกว่าเดิม และแพร่กระจายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยพบการระบาดครั้งแรกตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในบริเวณภาคเหนือของประเทศ และจนถึงขณะนี้การแพร่ระบาดได้ลุกลามไปทั่วภาคเหนือและภาคกลางของเวียดนามแล้ว

    โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว น่าจะมีสาเหตุหลักมาจากการลักลอบนำเข้าสัตว์ปีกโดยผิดกฎหมายจากจีน ผ่านเข้ามายังพรมแดนตอนเหนือของเวียดนาม

    ขณะที่หน่วยงานด้านการควบคุมโรคสัตว์ของเวียดนามรายงานว่า ในขณะนี้ได้มีการกำจัดสัตว์ปีกที่ติดเชื้อไปแล้วกว่า 180,000 ตัว ในบริเวณ 6 จังหวัดที่พบการระบาดของโรคอย่างหนัก เพื่อควบคุมการระบาดและป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่สู่คน โดยจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยหรือเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสหวัดนกสายพันธุ์ใหม่นี้แต่อย่างใด

    ส่วนทางด้านของกระทรวงสาธารณสุขเวียดนามก็ออกมาแถลงว่า เจ้าหน้าที่กำลังทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนต้านไวรัส H5N1 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ว่าสามารถป้องกันและต้านทานเชื้อไวรัสชนิดใหม่นี้ได้มากน้อยเพียงใด เนื่องจากไวรัสที่กลายพันธุ์มีลักษณะใกล้เคียงกับเชื้อชนิดเดิม แต่มีความรุนแรงกว่ามาก

    ทั้งนี้ เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกมากที่สุดในโลก โดยมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 59 รายนับตั้งแต่ปี 2546 ขณะที่ในปีนี้ มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกในประเทศแล้ว 2 ราย แต่เป็นการติดเชื้อ H5N1 ชนิดดั้งเดิม ไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด

    วันที่ 9 กันยายน 2555 เวลา 15:41 น.

    ที่มา เวียดนามพบหวัดนกสายพันธุ์ใหม่ระบาด - Voice TV
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    วธ.เผยเด็กไทยเกือบครึ่ง..ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ !!!

    [​IMG]

    วธ. เผยสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคครอบครัวแตกแยกมากขึ้น อันเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจ ที่น่าตกใจแม้เด็กจะเข้าวัดทำบุญ-สวดมนต์มากขึ้น แต่เกือบครึ่งไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ

    นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ปี 2555 ได้มอบให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศสำรวจสภาวการณ์ทางวัฒนธรรมทั้งภาวะเสี่ยงและภาวะที่ดี เพื่อนำมาประมวลในการทำงานวัฒนธรรมให้สอด คล้องกับสังคม โดยเฉพาะเยาวชนมีเรื่องที่น่าจับตามองหลายเรื่องคือ แนวโน้มเด็กกับสื่อในโลกออนไลน์ จากข้อมูลของโครงการ Child Watch เมื่อปี 2550 เป็นต้นมา พบว่ามีแนวโน้มเด็กเล่นอินเทอร์เน็ตประจำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 23 ในปี 2550 มาเป็นร้อยละ 31 ในปี 2552 และน่าจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 35-40 ในปี 2555

    นายสมชาย กล่าวอีกว่า เครือข่ายทางสังคมในโลกออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ค ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว ปี 2550 มีผู้ใช้เพียง 1.9 ล้านคน ปี 2552 เพิ่มเป็น 6.7 ล้านคน และปี 2554 เพิ่มขึ้นเป็น กว่า 10 ล้านคน โดยคาดว่าในปี 2555 ยอดผู้ใช้อาจทะลุ 15 ล้านคน ถือเป็นการเติบโตอย่างรวด เร็วเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยกลุ่ม เยาวชนอายุ 18-24 ปี เป็นกลุ่มผู้ใช้เฟซบุ๊คที่ใหญ่ที่สุด หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ของผู้ใช้ทั้งหมด

    นอกจากนี้เครือข่ายนี้ได้สร้างปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ อาทิ เครือข่ายจิตอาสาของเยาวชนในช่วงที่เกิดอุทกภัยในรอบ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ได้มีการส่งเสริมการจัดการเครือข่ายทางสังคมในโลกออนไลน์ให้เป็นพื้นที่กิจกรรมทางเลือกของเด็กและเยาวชนที่มีทรัพยากรสนับสนุนมากขึ้น จึงอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการพัฒนาจิตสำนึกสาธารณะและวัฒนธรรมพลเมือง ให้กับคนรุ่นใหม่ได้อย่างยั่งยืน

    นายสมชายกล่าวว่า ปัจจุบันสภาพครอบครัวที่อ่อนแอลง สังคมไทยมีเด็กกำพร้าเทียม แม้ว่าเด็กยังอยู่กับพ่อแม่แต่มีเวลาให้กันน้อยมาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่บีบรัดตัว แนวโน้มครอบครัวแตกแยกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา จากสถิติการสมรสต่อการหย่าร้างประมาณ 10:1 ในปี 2542 กลายมาเป็นประมาณ 3:1 ในปัจจุบัน และจากแนวโน้มที่กล่าวมาจึงต้องเร่งส่งเสริมวัฒนธรรมครอบครัวให้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของชาติ

    ส่วนแนวโน้มเรื่องศาสนากับเยาวชน จากข้อมูลการสำรวจพบว่ามีเด็กประกอบกิจกรรมทางศาสนามากขึ้น เช่น การเข้าวัดทำบุญ การสวดมนต์ไหว้พระ แต่พบว่าเด็กร้อยละ 40 เริ่มไม่เชื่อในกฎแห่งกรรมและบาปบุญคุณโทษ สะท้อนให้เห็นว่าเด็กรุ่นใหม่เริ่มขาดหลักใจและศรัทธาในการทำความดี ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทบทวนยุทธศาสตร์การเข้าถึงเด็กและเยาวชนของสถาบันศาสนาอย่างจริงจัง ควบคู่ไปกับการเปิดรับทาง เลือกใหม่ๆ ให้แก่เด็กและเยาวชนในการเข้าถึงหลักศาสนาที่ถูกต้อง

    ที่มา เด็กไทยเข้าวัดเพิ่มขึ้น กว่าครึ่งไม่เชื่อเรื่องบาปบุญ | Thaihealth.or.th
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2013
  3. นิติทอง

    นิติทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +585
    ผมพอจำได้ว่าพระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ เกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหว ตอนที่จะปลงอายุ ไม่ทราบว่าพอมีรายละเอียดหรือเปล่าครับ
     
  4. montep

    montep Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +64
    คุณjoy ระวังจะตกนรก แม้ว่าจะเป็นแค่คนเผยแพร่เท่านั้น
     
  5. มะลิดำ

    มะลิดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +588
    กระทรวงศึกษาต้องเอาวิชาศีลธรรม หน้าที่พลเมือง พุทธศาสนา กลับเข้าในหลักสูตรอีก ครูต้องสอนวิชาเหล่านี้ หรือสอดแทรกในการเรียนการสอน พ่อแม่สมัยนี้ไม่มีความรู้ ไม่มีเวลาสอนลูกหรอก อีกอย่างคือคนที่เป็นพ่อแม่รุ่นนี้ไม่ได้เรียนเรื่องศาสนา(ศธ. ตัดหลักสูตรไปตั้งแต่เจ้ากระทรวงไม่ใช่คนนับถือพุทธ)
     
  6. joyplayerman1

    joyplayerman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +331
    อืมม ...ถ้าตกนรก ผมน่าจะตกขุมที่ตื้นกว่าพวกนับถือวัดธรรมกาย..อันนี้เป็นความเชื่อส่วนตัว หึ หึ ... ยังไงผมจะลงลิฟท์ไปเยี่ยมพวกคุณที่ขุมล่างสุดแล้วกันครับ ..555
     
  7. gijjij

    gijjij เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +346
    กัวตกนรกจัง กัวตกนรก กัวตกนรก มีสมองกันหรือเปล่า แค่ปรามาสแช่งตกนรก ทีคนรวยฆ่าคน คนรวยทำผิดไม่เห็นติดคุก คุก คุกมีไว้ขังคนจน ถึงติดแต่เงินที่หามาอย่างผิดวิธีก็โปรยหว่านสร้างความสุขให้ตัวเองในคุกหรือได้ เอ่อ แล้วนรกมีไว้ขังพวกไหน ใครรู้ตอบที แสดงว่ากรรมเวรมีไว้เฉพาะคนจน 55555555555555 ดีนะที่ตรูเกิดมาไม่จนไม่งั้นคงไม่มีเวลามานั่งโพสเป็นผีเฝ้าเว็บบอร์ด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2013
  8. webang906

    webang906 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +1,759
    เห็นคุณเกษมมีใจอยากเตือนคน อยากจะเตือนคุณเกษมมั่ง
    ไอ้การที่วันๆมองหาแต่ข่าวความพินาศ ความวิบัติของเพื่อนมนุษย์ ของโลกน่ะ มันจะเป็นภัยกับคุณเอง ทำมาเป็นเดือนเป็นปี จิตใจจะกระด้างขึ้น ยิ่งมีใจจดจ่อเรื่องคำทำนาย พออะไรที่มันวิบัติและพินาศเกิดขึ้น ใจมันจะพาลยินดีไปด้วยเพราะรู้สึกว่ามันมีข้อสนับสนุนความเชื่อของตัว

    เรื่องปีมะโรงคนจะคลานนั่นก็อีกเรื่อง เดือนหน้าจะครบแล้ว ถ้าไม่แถเกินไป ช่วยบอกกล่าวอาจารย์หลายๆท่านให้ไปขอขมาหรือจะอะไรก็ว่ากันไป เพราะเรื่องนั้นมีการใส่ข้อมูลว่ามาจากพระพุทธเจ้าโดยตรง โดยถ้าดูบริบทคำทำนายแล้วจะเห็นว่าไม่ใช่พุทธดำรัส หลายๆคนแย้งไปก็หลายครั้งรวมทั้งเราเองด้วย ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนพูดไม่ได้เสียคนเดียวแต่เป็นการทำให้พระพุทธเจ้าเสื่อมพระเกียรติไปด้วย ยังไงเดือนหน้าถ้าไม่มีอะไรเกิดก็ออกมาบอกกล่าวกันหน่อยว่าท่านๆเข้าใจผิดกันเอง
     
  9. sutanee

    sutanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +3,248
    คนไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษเวรกรรมอะไรต่างๆ
    ก็เพราะยังมีจิตไม่ละเอียดพอที่จะเข้าใจ
    เราเคยมีช่วงหนึ่งในชีวิตที่ไม่เชื่อเหมือนกัน
    จนเมื่อได้พบสิ่งที่เป็นอะไรทีวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้
    ทั้งที่มีสติครบถ้วนบริบรูณ์แต่ก็ทำอะไรไปได้
    โดยไม่รู้ทำไปได้อย่างไรพูดไปได้อย่างไร
    เคยร้องเพลงแขกซะไพเราะเพราะพริ้ง
    ทั้งที่เราร้องเพลงแขกไม่ได้ร้องเพลงแบบแปลกๆเสียงสูงๆ
    ที่ไม่เคยหัดไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิตแต่พอผ่านช่วงนั้นแล้ว
    อยากร้องแบบนั้นก็ร้องไม่ได้ พูดภาษาอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่เคยได้ยิน
    ตอนที่พูดก็ยังมีสติได้ยินตัวเองพูดแต่ไม่รู้ว่าพูดอะไรพูดกับใคร
    ตั้งแต่นั้นมาก็เลยเริ่มเชื่อว่ามีโลกหลังความตายจริง
    มีผีมีเปรตมีเทวดามีมนุษย์ต่างดาว
    มีสัตว์ในหิมพานต์สัตว์ในโลกทิพย์
    ทุกวันนี้เวลาที่จิตว่างก็ยังมีอาการยิ่งตอนนั่งสมาธิก็มีอาการแปลกๆ
    ตอนนี้ไปเรียนหลักสูตรครูสมาธิกับสถาบันพลังจิตตานุภาพ
    จะจบหลังไปเดินธุดงค์ปลายเดือนนี้เขาว่าเป็นอาการของจิต
    ก็จิตชาตินี้ไม่เคยฝึกแบบนั้นแล้วมันมาจากไหน
    ก็มาจากอดีตชาติที่เคยเกิดมาก่อนหลายภพหลายชาติ
    สรุปก็คือต้องเชื่อว่ามีการเวียนว่ายตายเกิดจึงจะอธิบายได้
    บางคนโชคดีเกิดมาสมบรูณ์พร้อม
    บางคนทำไมน่าอเน็จอนาถเหลือเกิน
    บางคนเกิดในตระกูลต่ำแต่ก็สามารถสร้างตัวได้ทั้งในทางดีและไม่ดี
    ทำไมแม้เกิดเป็นแฝดกันแท้ๆชะตาชีวิตยังไม่เหมือนกัน
    เกิดในครอบครัวเดียวกันได้รับการเลี้ยงดูแบบเดียวกัน
    ก็ยังมีนิสัยใจคอและวิถีชิวิตต่างกัน
    แค่นี้ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่ามีอะไรที่เป็นตัวการที่ทำให้มีความแตกต่างทั้งคนและสัตว์
     
  10. Reflect

    Reflect เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    887
    ค่าพลัง:
    +1,439

    เห็นด้วยครับ แค่ออกมาขอโทษกับทุกสิ่งที่ได้ทำลงไปและยอมรับในความเป็นจริง เท่านี้ผมคนนึงก็พร้อมที่ให้อภัยแล้ว เชื่อมีอีกหลายๆท่านพร้อมจะให้อภัยด้วยเช่นกัน แต่ที่ผ่านมาคุณไม่ทำ ดื้อรั้นดันทุรังทิฐิมานะแรงกล้า พอมีคนมาทวงถามก็ใช้ท่าไม้ตาย "ปรามาส" กับทุกคน ผลมันก็เลยออกมาเป็นเช่นนี้
     
  11. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    นกกระทุง 'สมิทธ'
    นักเตือนภัยธรรมชาติ


    “...มีวันนึงนับได้ 15 ตัว ก็หมายความว่า เขาก็มีความสุข แต่วันนี้เดี๋ยวนี้ในสระนี้ เหลือลอยอยู่ตัวเดียว เพราะตัวอื่นคงไปเยี่ยมญาติ หรือตั้งครอบครัวขึ้นมาใหม่ต้องดูแลครอบครัว แต่ตัวที่อยู่นี้ เราเรียกว่า ให้ชื่อว่า คุณสมิทธ แล้วในที่ประชุมนี้มีคุณสมิทธ 2 คน คุณสมิทธคนนึงมาคนเดียว คุณสมิทธอีกคนก็มาคนเดียว คนอื่นอาจจะไม่ทราบว่าคุณสมิทธคือใคร คนไหน แต่คุณสมิทธเองก็รู้ว่าเป็นใคร คุณสมิทธนี้ ที่เรียกว่าคุณสมิทธเพราะว่า ถ้าเขาลอยในสระในทางทิศเหนือแปลว่า ลมมันเปลี่ยนทิศ เมื่อลมเปลี่ยนทิศแล้วจะรู้ว่าอากาศจะมีฝน อากาศจะมีลม หรืออากาศจะแห้ง อาจจะเคยฉงนว่าทำไมเคยพยากรณ์อากาศได้อย่างแม่นยำ ก็เพราะว่ามีสมิทธนี้เอง คุณสมิทธตัวจริงก็พยากรณ์เหมือนกัน แล้วก็คุณสมิทธนกกระทุงก็พยากรณ์ ก็มาประกอบกันจนกระทั่งทราบว่า อากาศทางอุตุนิยมฯ เป็นอย่างไร แล้วก็คุณสมิทธเองเคยฉงนว่าทำไมพยากรณ์ได้แม่นยำนัก เราก็เลยบอกว่าไม่ได้บอกว่าคุณสมิทธนกกระทุง เพราะว่าไม่กล้า แต่เดี๋ยวนี้คุณสมิทธก็พ้นหน้าที่อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาแล้วก็พูดได้ ว่าเหลือคนเดียว เหลือตัวเดียวที่เป็นคุณสมิทธที่จะพยากรณ์อากาศและนอกจากนั้นก็ได้รับความช่วยเหลือจากนางมณีเมขลาด้วยอันนี้ก็เป็นที่ฉงนของคุณสมิทธตัวจริง ”

    พระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งถึง ดร.สมิทธ ธรรมสโรช เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2540 เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา

    ทันทีที่ นายสมิทธ ธรรมสโรช ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยแห่งชาติ ออกมาบอกว่าประเทศไทยจะประสบกับภัยธรรมชาติพายุรุนแรงที่เรียกว่า Storm Surge อันหมายถึงพายุที่พัดคลื่นยักษ์ขึ้นสู่ชายฝั่ง แต่ไม่ใช่สึนามิ สังคมก็เกิดการแตกตื่น เพราะเพิ่งประจักษ์ถึงความรุนแรงของพายุนาร์กีสที่เกิดขึ้นในพม่าไปหมาด ๆ คนที่ไม่เชื่อถึงกับออกมาวิพากษ์วิจารย์ “กูรู” ด้านภัยธรรมชาติเสีย ๆ หาย ๆ แถมยังบอกว่า “สมิทธคิดไปเอง”

    แม้ว่าอดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาผู้นี้จะได้เครดิตเรื่องสึนามิมาแล้ว ในฐานะเป็นคนแรกที่เตือนว่าประเทศไทยจะเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ แต่ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อ แถมยังขำกลิ้งอีกต่างหาก แต่แล้วคลื่นยักษ์ก็ถล่มประเทศไทยจริงเมื่อเดือน ธ.ค.2547 แล้วเรื่อง Storm Surge ล่ะจะซ้ำรอยเหมือนกับสึนามิหรือไม่ ลองฟังหลายแง่หลายมุมเกี่ยวกับพายุจากปากคำ ผอ.ศูนย์เตือนภัยแห่งชาติ

    ทำไมจึงจุดที่มาพูดเรื่องนี้
    มองว่าโอกาสที่จะเกิดมี ก็บอกเขาไป ต้องระวัง แต่ผมไม่เคยพูดว่าจะมีพายุขนาดนาร์กีสเข้าประเทศไทย เพียงแต่บอกว่าลักษณะอากาศที่โลกร้อนทำให้เกิดพายุขึ้นบ่อยครั้ง ในประเทศไทยอาจมีพื้นที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก พวกคุณก็เอาไปลง เอาไปพูดกันว่าจะเกิดขึ้นที่ปากน้ำ ที่ชายฝั่งทะเล ทำให้คนแตกตื่น มีคนโทรมาต่อว่า มันไม่ใช่อย่างนั้น มีนักวิชาการออกมาไขข้อมูลมีโอกาสเกิดน้อย หรือไม่มีทำให้คนยิ่งสับสน ไม่รู้จะเชื่อใคร ผมเพียงแต่มีการเตือนว่าภัยธรรมชาติอะไรบ้างที่มีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของเขา ไม่ได้บอกเลยว่าภัยธรรมชาติจะเกิดวันไหน แต่เดือนที่มีโอกาสเกิด จากแนวโน้มจากสถิติจากข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยามันมี ตั้งแต่เดือนสิงหาคม กันยายน ตุลาคม แค่นั้นเอง ก็ไม่มีอะไรที่ทำให้ตนแตกตื่น ไปบอกว่าเกิดน้ำท่วม 6 เมตร มีคลื่น Storm Surge ผมไม่เคยพูด เพียงแต่เตือนว่าถ้ามีลักษณะอากาศปกติ พายุจะเกิดขึ้น อย่างพายุนูริเข้าประเทศจีนทำให้น้ำท่วมประเทศจีน อพยพกันเป็นหมื่นแสนไม่เห็นแตกตื่น

    พายุที่ว่าค่อนข้างรุนแรงไหม
    ภัยธรรมชาติบอกไม่ได้ว่ารุนแรงหรือไม่ คาดการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดแบบนาร์กีสหรือไม่เกิด แต่ในอดีตเคยมีมาแล้ว ผมไม่ได้พูดพล่อย ๆ พูดตามหลักฐานเกิดมาแล้ว แต่ทีนี้กรมอุตุฯ ซึ่งนับทับข้อมูลอยู่ เวลาพูดไม่ได้เอาหลักฐานขึ้นมาพูด เคยเกิดขึ้นมาแล้วปี 2526 น้ำท่วมกรุงเทพฯ 4 เดือน ทำไมเขาไม่จำกัน ปี 2507 ก็มีครั้งนึง น้ำท่วมนิดหน่อย ปี 2504 ก็มี ของเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ใช่อยู่ ๆ ปั้นน้ำเป็นตัวว่าจะต้องเกิดอย่างนั้นอย่างนี้

    ที่ว่าพายุจะปั่นน้ำในทะเลขึ้นมา
    ใช่สิ ถ้าเผื่อเกิดขึ้นแล้ว ถ้ามันมีความรุนแรงเท่าพายุเกย์มันก็หอบน้ำขึ้นมาได้ สถิติมันก็บอกใน 57 ปีเคยเกิดขึ้นมาแล้ว 187 ลูก ผ่านประเทศไทยเกิดมากใน 4 เดือนนี้ มีข้อมูล ลมเข้ามาอย่างไร จะหอบน้ำออกไปอย่างไร มันเคยเกิดขึ้นในอดีตทั้งนั้น ทีนี้ไปลงข่าวกันทำให้มันน่ากลัว พาดหัวกัน คนก็ตกใจ เขาก็นึกว่าจะมีน้ำ 6 เมตรมาท่วม ไม่ใช่ผมไม่เคยบอก ผมบอกถ้ามันเกิดขึ้นมาต้องระวังไว้ ให้ฟังเตือนกรมอุตุฯ เตือนล่วงหน้าได้ 2-3 วัน ถ้าเกิดในบริเวณไหนก็ต้องอพยพหรือป้องกันตนเอง คนที่ไม่เข้าใจหาว่าผมทำให้เขาแตกตื่น เขาจะขายที่ขายทาง เขาสร้างบ้านไม่ได้ก็เดือดร้อน หาว่าผมไปทำลายเศรษฐกิจเขา

    ตามประมาณการความรุนแรงเทียบกับอดีต รุนแรงกว่าไหม
    ก็แล้วแต่ อันนี้บอกไม่ได้ ไม่มีนักวิชาการคนไหนบอกได้หรอก นอกจากเดาไป หรืออยากดังอยากพูดไปให้ตกใจเล่น แต่ไม่มีใครกล้าบอกหรอกเทียบกับนาร์กีส นาร์กีสเป็นพายุไซโคลนที่เกิดในมหาสมุทรอินเดีย ปกติขึ้นที่บังกลาเทศ ถ้าขึ้นบังกลาเทศคนก็ตายเป็นแสนเหมือนกัน แต่เลื่อนมาขึ้นที่พม่า และความรุนแรงมีมากกว่าในอดีต

    เพราะภาวะโลกร้อน
    คนก็ยังเถียงกันอยู่ว่าโลกร้อนมีผลกระทบต่อความรุนแรงหรือเปล่า กรมอุตุฯ บอกมันไม่ใช่ ความคิดของนักวิชาการแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอก อยู่ที่การค้นคว้าศึกษา อยู่ที่ข้อมูล แต่ข้อมูลที่ผมศึกษาอยู่เป็นของกรมอุตุนิยมวิทยาโลก จากสหประชาชาติ การเกิดสภาวะน้ำทะเลสูงขึ้น พายุเกิดบ่อยครั้งขึ้นรุนแรงขึ้น ก็แล้วแต่ คนละตำรา คนละทฤษฎี แต่กรมอุตุฯ บอกโลกร้อนขึ้น พายุยิ่งเบาลง ออกมาตรงข้าม คนเลยสับสนว่าจริงหรือเปล่า แต่จากข้อมูลที่ผมมีอยู่ โลกร้อนทำให้เกิดพายุบ่อยขึ้น

    ที่ได้ยินมาน่าจะเป็นอย่างนั้น ทำไมสมมติฐานกรมอุตุฯ จึงแตกต่าง
    ผมก็ไม่ทราบ คุณต้องไปถามเขา พายุเคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2532 เกิด Storm Surge (พายุเกย์) สูง 10 เมตร ขึ้นที่ จ.ชุมพร มีคลื่นมากระทบชายฝั่งที่สมุทรปราการ 2 เมตร ถ้าจุดศูนย์กลางของพายุขึ้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ คลื่นจะสูงกว่า ด้วยแรงของคลื่นมาถึงกรุงเทพฯ ถ้ามันเข้ามาจะทำอย่างไร

    ตอนนี้อาจารย์มอนิเตอร์ข้อมูลยังไง
    อ่านข้อมูลของไอพีซีซี (องค์กรดูแลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศของสหประชาชาติ) ไอพีซีซีบอกว่า พายุหมุนเขตร้อนที่รุนแรงมากขึ้นในเขตมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ ตั้งแต่ประมาณปี 2513 ซึ่งสัมพันธ์กับการเพิ่มอุณหภูมิของผิวน้ำทะเล ไอพีซีซีจะเขียนไว้อย่างนั้น จะให้ผมเข้าใจว่าอย่างไร ก็ต้องมีการวิเคราะห์วิจัยกัน อาจจะไม่ตรงเป๋ง

    หลักการวิเคราะห์เป็นอย่างไรบ้าง
    ดูข้อมูลในอดีต และปรากฏการณ์ธรรมชาติด้วย มีการเปลี่ยนแปลงไหม รุนแรงกว่าเดิมไหม แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นมีไหม มีวัฏจักรของการเกิด เส้นทางพายุเปลี่ยนแปลงไหม มีองค์ประกอบเยอะ เป็นความสามารถเฉพาะตัว ลอกเลียนแบบกันไม่ได้ ต่างชาติก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน ผมมีประสบการณ์มานาน ทำอยู่ 40 ปี แม้กระทั่งลมพัดผ่านกรุงเทพฯ ผมก็รู้ว่าคลื่นในอ่าวไทยจะสูงจะต่ำ เป็นความสามารถเฉพาะตัว ซึ่งสอนเขา บางคนก็ทำตาม บางคนก็ไม่ทำ

    อย่างที่ผมทายสึนามิ มีอธิบดีที่ไปแทนหลังผมเกษียณ (ดร.สมิทธ โชว์ประกาศกรมอุตุฯ ที่ชี้แจงข่าวเรื่องคลื่นยักษ์สึนามิ ในวันที่ 14 สิงหาคม 2541 มีใจความว่า “ไม่ตรวจพบข้อมูลใดที่จะทำให้เกิดปรากฏการณ์คลื่นยักษ์ดังกล่าว” (แต่เหตุการณ์สึนามิเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2547) พอมีขึ้นก็ตาย เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เป็นความรับผิดชอบของแต่ละคน

    สึนามิตอนนั้นสังเกตสิ่งผิดปกติยังไง
    ผมศึกษามานาน มันผิดปกติ มันมีวัฏจักรของมัน มันเคยเกิดขึ้น 124 ปีแล้ว เป็นวัฏจักรธรรมชาติบังคับไม่ได้ เป็นเรื่องพลังงานธรรมชาติที่อยู่ใต้โลก ไม่เกี่ยวกับภาวะโลกร้อน

    ถ้ามีเขาว่าจะเกิดอย่างนาร์กีสจริง จะบอกได้ทันไหม
    ต้องดูว่าการก่อตัวพายุใกล้ฝั่งรึเปล่า กรมอุตุฯ วัดได้ แต่เขาจะเตือนรึเปล่า ผมไม่ได้เป็นอธิบดี หรือรัฐมนตรีที่คุมกรมอุตุฯ ผมเอาข้อมูลของเขามาเตือนให้มันถี่ขึ้น แต่ความหวังดีที่เราทำกลายเป็นว่าคนแตกตื่นแทนที่เขามาบอกว่าที่ผมตอนเตือนน่ะถูกต้อง กลับมาบอกว่าที่ผมเตือนน่ะผิด โอกาสเกิดไม่มี มันยิ่งไปกันใหญ่

    ตอนนี้เครื่องไม้เครื่องมือกรมอุตุฯ ทันสมัยแค่ไหน
    โอ๊ย...ตอนนี้ดีกว่า 10-20 เท่า ดีที่สุดในอาเซียน ตั้งแต่ผมเกษียณมามีการจัดซื้อปรับปรุงมาตลอด ตอนผมอยู่ก็ทำบ้าง แต่ตอนหลังได้งบประมาณมากขึ้น ความทันสมัยของเทคโนโลยีเราดีมาก อยู่ที่มนุษย์ คนที่ทำงานจะเอาข้อมูลจากเครื่องมือมาใช้ประโยชน์หรือเปล่า อยู่ที่การตัดสินใจ สมัยผมอยู่ผมก็เตือน ผิดก็มีคนต่อว่า เตือนคลื่นลมแรง ชาวประมงบอกอดหาปลาเสียรายได้ เขาก็ว่าผม แต่เตือนไปมีจริง ๆ เขาไม่ว่า ชมเชยของอย่างนี้มันต้องใช้ดุลยพินิจของเรา เคยเตือนแถวระนองจะมีพายุไซโคลน ไม่ให้ออกเรือ 17 ลำจมไป คนตายเยอะแยะ เป็นบทเรียนการเตือนภัยไม่เสียหาย แต่คนที่รับไปปฏิบัติหรือไม่บังคับไม่ได้ ผมเตือนไม่เกิดก็ไม่เป็นไร ผมก็ไม่อยากให้มันเกิด แต่ถ้าเกิดแล้วมีคนตายแบบพายุเกย์ล่ะ ตายเป็นพันเป็นหมื่นบ้านพังเสียหาย ไม่คุ้มกัน

    สถิติพายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย
    คาบ 57 ปี (พ.ศ.2494 – 2550)

    Thai Environment Website - นกกระทุง สมิทธ นักเตือนภัยธรรมชาติ

    อยากให้พูดถึงการเตรียมตัวรับภัยธรรมชาติ
    ก็เวลากรมอุตุฯ เตือนก็เตรียมตัว เขาจะบอกพายุมาทางไหน ความรุนแรงเท่าไหร่ คุณรู้ล่วงหน้าไม่เห็นต้องตกใจ ถ้าบ้านคูนอยู่ที่ต่ำ น้ำจะท่วม 2 เมตร บ้านไม่มีรั้วรอบขอบชิดก็ต้องย้ายหนีอพยพไปก่อน ถ้ามีรั้วรอบขอบชิดก็อยู่ต่อไป ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ถ้าเป็นแบบพายุเกย์ น้ำสูง 10 เมตร พายุพวกนี้มีความรุนแรง มีความเร็วลมเกิน 100 กว่ากิโลเมตร เข้ามาต้องหนีอย่างเดียว

    คนที่อยู่ชายฝั่งสมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ
    ต้องฟังคำเตือนพายุมาแถวนั้นหรือเปล่า โอกาสที่พายุจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ปากอ่าวมีไหม ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องห่วง ไม่เห็นต้องตกอกตกใจ มาโทษว่าผมทำให้แตกตื่น เหมือนเดินข้ามถนน ตรงนี้รถมากนะ ถ้าคุณไม่เชื่อผม เดินไม่ระวังคุณอาจจะโดนรถชนเข้า

    ก็ดี ผมก็ขอบคุณ กทม. กระทรวงสาธารณสุข ไม่เกิดก็เป็นผลดีกับเขา เขาเกตรียมตัวไว้ล่วงหน้า อะไรที่เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าความเสียหายก็น้อย ผมมีโน้ตไปถึงลูกน้องเก่า (โชว์ประกาศฉบับเดียวกันที่มีโน้ตถึง ดร.สมชาย ใบม่วง ผอ.สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุฯ มีข้อความว่า “การให้ข้อมูลของ ดร.สมชาย ใบม่วง คล้ายคลึงกันกับการให้ข้อมูลของอดีตอธิบดีกรมอุตุฯ ก่อนการเกิดคลื่นสึนามิ ในฐานะที่ท่านรับผิดชอบเกี่ยวกับการเกิดภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะการเกิดพายุ และมีการเกิดสตรอม เสิร์จ ควรจะให้ข้อมูลแก่ประชาชนให้แน่ชัดกว่านี้ว่าจะมีการเกิดหรือไม่”) คน ๆ นี้รับผิดชอบมั้ย บอกไม่มีสาเหตุ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอนแล้วพอมีอะไรเกิดขึ้นคนนี้รับผิดชอบหรือเปล่า เหมือนกันเลย ผมส่งโน้ตไปให้ลูกน้องเก่าผม

    ก็ให้เขาบอกมาสิว่าจะไม่เกิด ผมจะได้เลิกพูด ไม่อยากเถียงกับเขาผมเคารพในความคิดนักวิชาการแต่ละคน ผมก็คุยกับนักวิชาการท่านอื่น ๆ ดร.เสรี ม.รังสิต (ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์วิจัยเตือนภัยธรรมชาติ ม.รังสิต) ดร.อาจอง ชุมสาย ทำไมเชื่อผม แต่ก็มีนักวิชาการจากจุฬาฯ บางคนไม่เชื่อผม จาก กทม. สำนักการระบายน้ำ โอกาสจะเกิด 0.000 เปอร์เซ็นต์ คนสับสนและเกิดอันตราย

    ผมฟังข้อมูลจากกรมอุตุฯ เขามีเครื่องมือ ผมมีหน้าที่เอาข่าวมาเตือน แต่อันไหนที่เขาไม่ออกมาเตือนผมจะเตือนก่อน คล้าย ๆ ให้เขานึกถึงหน้าที่ที่ออกมาทำบ้าง ไม่ใช้กลัวไปหมด เดี๋ยวคนจะด่า ผมบอกว่าการเตือนผิดพลาดต้องให้คนต่อว่าบ้าง แต่ถ้าคุณไม่เตือนเลยความเสียหายจะเกิดขึ้น อย่างเตือนสึนามิ เขาบอก 1,000 เปอร์เซ็นต์ไม่เกิด แต่พอเกิดมีคนตายเรือนหมื่นเรือนแสน

    เป็นธรรมชาติของกรมอุตุฯ หรือเปล่าที่เกรงคนจะ PANIC
    ผมบอกหลายครั้ง ผมอยู่กรมอุตุฯ ตั้งแต่อธิบดีคนแรกจนผมเป็นอธิบดี ผมบอกวิธีการแบบนี้ ไม่ใช่ฝนตก 50% ก็ถูกหมด ฝนตกในพื้นที่นี้ 50% พูดอย่างนี้ได้อย่างไร เด็ก ป.4 ก็พูดได้ คุณไม่ต้องเป็นอธิบดีกรมอุตุฯ เจ้านายเก่าผมน่ะ ผมเป็นอธิบดีคนที่ 8 อธิบดี 7 คนเป็นทหารเรือ ประกาศบ่ายนี้ฝนตกในพื้นที่ กทม.50% ตก 50 ไม่ตก 50 ดีกว่าลาวหน่อย ฝนตกแล้วจะบอก มันไม่ใช่วิธีการแบบนั้น สมัยผมบอกเลย 30% 60% ไม่มี 50% ตกก็ตก ไม่ตกก็ไม่ตก พอตกก็โดนด่า ต้องบอกให้ทราบล่วงหน้า

    มั่นใจแน่ใจแล้วใช่มั้ย
    ไม่แน่ใจ ถ้าแน่ใจผมบอกไปแล้ว เกิดแน่นอน แต่ผมไม่เคยพูดเลยว่าจะเกิดแน่นอน ผมบอกว่าโอกาสจะเกิดมี ถ้าเกิดแล้วจะมีผลกระทบอย่างไร ตอนนี้ผมไม่ใช่นักวิชาการแล้ว ห่างจากข้อมูล ห่างจากศึกษาค้นคว้ามานาน ถ้าผมเป็นนักวิชาการผมจะบอกเลยว่าโอกาสจะเกิดขึ้นมีกี่เปอร์เซ็นต์ เกิดที่ไหน เมื่อไหร่ รุนแรงไหม แต่การศึกษาค้นคว้าของผมไม่มีแล้ว ห่างมา 10 กว่าปีแล้ว แต่ดูจากข้อมูลสถิติ ดูจากความชำนาญในอดีต ประสบการณ์ในอดีตที่สามารถวิเคราะห์ได้ว่า นาร์กีสเกิดแล้ว หลังจากนาร์กีสยังจะมีพายุลูกอื่น ๆ เกิดขึ้นอีก รุนแรงเท่ากับนาร์กีสในแปซิฟิกสามารถทำให้โอกาสจะเกิดมี แต่ว่าไม่ได้บอกว่าจะรุนแรง

    หงุดหงิดโมโหไหมที่คนไม่เชื่อ
    เวลาไปบรรยายไปโต้เถียงทางวิชาการกับนักวิชาการ ผมยอมรับความคิดเห็นทางวิชาการที่ไม่ตรงกัน แต่ขอให้มีข้อมูลมารองรับสิ่งที่ดูดอย่างนักวิชาการจากจุฬาฯ ไม่ตรงกับผมเลย ดูข้อมูลพื้นฐานก็ไม่เหมือนกันประสบการณ์ที่เขามีทางอุตุวิทยา อุทกวิทยา ทางน้ำอาจจะน้อย แต่อาจจะเก่งด้านธรณี ข้อมูลไม่ตรงกันแต่ต้น มีความคิดตรงกันยาก อย่างอาจารย์เสรี ม.รังสิต เห็นตรงกับผมบ้างไม่ตรงบ้าง แต่ที่ไปพดที่กระทรวงพัฒนาสังคมแกบอกว่าไม่เถียงกับผมแล้ว เพราะผมมีญาณ พูดอย่างนี้ก็เลยไม่เถียงกัน แกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์แบบนี้ บอกเชื่อ ดร.สมิทธเถอะ แกมีญาณวิเศษ

    ผมมีญาณจริง ๆ ผมมี Six Sense เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่งั้นผมจะรู้ได้ยังไงจะเกิดอะไร แต่ผมบอกใครไม่ได้ ไม่ใช่หมอดู ไม่ได้ติดต่อกับเทพเบื้องบน ซิกเซนส์นี้เกิดจากประสบการณ์ มีความสามารถพิเศษ บางทีเรามีจิตใจแน่วแน่ในสิ่งที่เราทำ ไม่งั้นในหลวงไม่ตั้งชื่อนกทรงเลี้ยงชื่อผมหรอกเรื่องพายุแองเจลล่า ผมบอกว่า เข้า ท่านบอกไม่เข้า ตอนนี้น้ำกำลังท่วมกรุงเทพฯ อยู่ ท่านก็ถูก ไม่เข้า แต่ท่านก็อธิบายให้ฟัง ท่านรับสั่ง “ฉันให้นางมณีเมขลาพาไปเขาพระสุเมรุแล้ว” ซึ่งเราก็ไม่กล้าไปถามท่าน นางมณีเมขลาอยู่ตรงไหน เขาพระสุเมรุอยู่ตรงไหน ท่านรู้ว่ามันไม่เข้า ท่านบอกประเทศไทยบางครั้งมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คลาดแคล้วจากภัยธรรมชาติที่รุนแรง

    แล้วพายุแองเจลล่าไม่เกิดใช่มั้ย
    เกิดครับ แต่มันขึ้นเหนือไปเข้าประเทศจีน ทำให้คนตายเยอะแยะ

    เรื่องแผ่นดินไหวเป็นอย่างไร
    ผมจับตา แต่พูดไม่ได้ พูดไปเดี๋ยวก็โดนด่าอีก แถวเมืองกาญจน์เรื่องที่ผมพูดออกมามีผลกระทบทั้งนั้น พูดไปตกใจคนก็หนี เดี๋ยวนี้ไม่เอาแล้ว เฉย ๆ อายุมากแล้ว ปล่อยให้ธรรมชาติลงโทษเสียบ้าง

    หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
    ฉบับประจำวันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ.2551 หน้า 4

    Thai Environment Website - นกกระทุง สมิทธ นักเตือนภัยธรรมชาติ

     
  12. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    ประโยชน์และการบริการข้อมูลอุตุนิยมวิทยา

    ประโยชน์และการบริการข้อมูลอุตุนิยมวิทยา
    Untitled Document

    ประโยชน์ของข้อมูลภูมิอากาศ
    ภูมิอากาศมีบทบาทสำคัญต่อมนุษย์มาโดยตลอด ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามนุษย์มักเฝ้าดูและเรียนรู้ลักษณะอากาศเรียนรู้วิถีทางที่สภาพภูมิอากาศมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ เรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์ จากสภาพภูมิอากาศแบบหนึ่ง และหลีกเลี่ยงจากสภาพภูมิอากาศแบบหนึ่งที่ไม่เอื้ออำนวยให้เกิดประโยชน์
    เพื่อที่จะสามารถจัดการกับชีวิตความเป็นอยู่ได้อย่างเหมาะสมในแต่ละสภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร
    การออกแบบที่อยู่อาศัย การทำการเกษตรหรือการเดินทาง ปัจจุบันแม้ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่าง ๆ มีเพิ่มมากขึ้นแต่ความสำคัญทางภูมิอากาศ ไม่ได้ลดน้อยลง กลับยังมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะประชากรได้ทวีจำนวนมากขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ความ ต้องการทางด้านต่าง ๆ ของมนุษย์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่น ความต้องการอาหาร พลังงาน การคมนาคม และ การขนส่งที่รวดเร็วและปลอดภัย ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันจึงต้องมีการวางแผนเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว
    เช่น วางแผนเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุด วางแผนเพื่อให้มีการใช้พลังงานน้อยที่สุด และวางแผนเพื่อให้การคมนาคม
    หรือการขนส่งสินค้าต่าง ๆ เป็นไปด้วยความรวดเร็วเละปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งในการวางแผนดังกล่าวจำเป็นต้อง
    ใช้ข้อมูลหลาย ๆ ด้านเป็นพื้นฐานรวมทั้งข้อมูลทางภูมิอากาศด้วย นอกจากนี้การพัฒนาเทคโนโลยี และ
    อุตสาหกรรมหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ในปัจจุบันได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและสิ่ง
    แวดล้อมขึ้น ดังนั้น ข้อมูลเกี่ยวกับภูมิอากาศ นอกจากจะมีประโยชน์ต่อชีวิตความเป็นอยู่และความสุขสบาย
    ของมนุษย์โดยตรงแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อการศึกษาในเรื่องต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาในเรื่องนั้น ๆ
    อีกด้วย เช่น การศึกษาและการพัฒนาทางด้าสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
    ข้อมูลภูมิอากาศในปัจจุบันจึงนับได้ว่ามีประโยชน์ต่อมนุษย์ในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งอาจแบ่งออกเป็น
    ประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
    1. ประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ
    2. ประโยชน์ทางด้านสังคม
    3. ประโยชน์ทางด้านวิทยาศาสตร์
    ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
    ประเทศหนึ่ง ๆ หรือสังคมหนึ่ง ๆ จะดำรงอยู่ไม่ได้ถ้าประชากรปราศจากปัจจัยหลักในการดำรง
    ชีวิต เช่น อาหาร น้ำ ที่อยู่อาศัย ฯลฯ ในปัจจุบันสังคมมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น และมีการพัฒนาทางด้านต่าง ๆ
    มากขึ้น เช่น การพัฒนาทางด้านเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม ดังนั้นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตของประชากร
    ในปัจจุบันจึงไม่จำเป็น ต้องเป็นผลผลิตจากภายในสังคม หรือในประเทศของตนเองเท่านั้น แต่จะมีการซื้อขาย
    แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ประเทศใดที่มีการวางแผนการผลิตเพื่อให้ผลผลิตสูง มีคุณภาพและต้นทุนต่ำ จะมี
    เศรษฐกิจดี ประชากรในประเทศอยู่ดีกินดี ทำให้สามารถพัฒนาประเทศไปได้อย่างรวดเร็ว การวางแผนเพื่อประ
    โยชน์ ในทางเศรษฐกิจดังกล่าวจำเป็นต้องใช้ข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญประการหนึ่งคือข้อมูลภูมิอากาศ ประโยชน์ของ
    ข้อมูล อากาศทางด้านเศรษฐกิจอาจแบ่งย่อยได้ดังนี้

    ด้านการเกษตร
    ข้อมูลภูมิอากาศมีประโยชน์อย่างมากทางด้านการเกษตร เช่น การวางแผนการเพาะปลูก
    การคัดเลือกพันธุ์ การวางแผนการปราบศัตรูพืช หรือการวางแผนการใช้ที่ดิน อาจกล่าวได้ว่าข้อมูลภูมิอากาศ
    เกือบทั้งหมดมีประโยชน์ต่อการเกษตรทั้งสิ้น เช่น อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ ฝน การระเหยของน้ำ ความเข้มและ
    ความยาวนานของแสงแดด และลม

    ด้านอุตสาหกรรม
    ข้อมูลทางภูมิอากาศนับว่ามีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมแบบครบวงจรตั้งแต่การเลือกทำเล สถานที่ตั้งโรงงานการออกแบบโรงงานให้มีความเสี่ยงต่อความเสียหายจากภูมิอากาศน้อยที่สุด การผลิต ซึ่งสินค้าบางประเภท จำเป็นต้องทราบข้อมูลภูมิอากาศ เพื่อประโยชน์ในการผลิต การควบคุมคุณภาพหรือการปรับปรุงระบบการผลิตเช่นอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องปรับอากาศเมื่อผลิตแล้ว ข้อมูลภูมิอากาศยังจำเป็น สำหรับการทดสอบและเก็บรักษาผลิตภัณฑ์บางประเภท เช่น สี พลาสติก กระเบื้องมุงหลังคาต่อมาเมื่อถึงกระบวนการบรรจุหีบห่อผลิตภัณฑ์บางประเภทจำเป็นต้องทราบข้อมูลภูมิอากาศด้วย โดยเฉพาะอุณหภูมิและ ความชื้น ซึ่งเป็นตัวแปร ที่อาจทำให้ผลิตภัณฑ์เสียหายหรือด้อยคุณภาพลงได้

    ด้านธุรกิจการค้า
    การค้าขายในปัจจุบันแตกต่างจากอดีตเนื่องจากมีข้อมูลมากมายที่สามารถรวบรวม และนำมา ใช้ในการวางแผนด้านการตลาดให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้มากที่สุด ทำกำไรมากที่สุดหรือมีสินค้าเหลือค้างสต็อกน้อยที่สุดซึ่งข้อมูลภูมิอากาศเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่มีประโยชน์ และใช้เป็นตัวกำหนดเป้าหมายการขายในธุรกิจบางประเภทเช่นการค้าขายเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มสำหรับฤดูหนาว และอุปกรณ์ประทินผิว ที่จำเป็นในฤดูหนาว

    ด้านการคมนาคมขนส่ง
    ข้อมูลภูมิอากาศเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้การคมนาคมและการขนส่งเป็นไปด้วยความปลอดภัย และประหยัดเช่นการทราบข้อมูลลมในแต่ละฤดูสามารถช่วยประหยัดพลังงานในการคมนาคม และการขนส่งทางเรือและทางอากาศและทราบข้อมูลอุณหภูมิและความชื้นจะมีประโยชน์ต่อการขนส่งสินค้าบางประเภท นอกจากนี้ การออกแบบก่อสร้างถนนเพื่อให้สามารถใช้ในการคมนาคมได้สะดวกแม้ในช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกหนัก
    หรือ น้ำท่วมก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทราบสถิติข้อมูลฝน

    ด้านการวางแผน
    การวางแผนในบางเรื่องมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับงบ
    ประมาณหรือระบบเศรษฐกิจโดยรวมเช่นการวางแผนพัฒนาจังหวัดการวางแผนบรรเทาภัยแล้งหรือภัย ธรรมชาติต่างๆเพื่อให้มีความสูญเสียทางเศรษฐกิจน้อยที่สุดซึ่งในการวางแผนดังกล่าวจำเป็นต้องใช้ข้อมูลภูมิ อากาศเป็นพื้นฐาน

    ประโยชน์ทางด้านสังคม
    เมื่อเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในระดับดี ประชากรอยู่ดีกินดีแล้ว สุขภาพอนามัยที่ดีของ
    ประชากรและกิจกรรมบางประเภทที่ก่อให้เกิดความสะดวกสบาย และเหมาะสมในการดำรงชีวิตอยู่ใน
    สังคมจะถือเป็นสิ่งจำเป็นในอันดับต่อมา ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวต้องใช้ข้อมูลภูมิอากาศเป็นส่วนประกอบ
    โดยสรุปแล้วประโยชน์ของข้อมูลภูมิอากาศทางด้านสังคมอาจแบ่งย่อยออกได้ดังนี้

    ด้านการศึกษา
    ข้อมูลภูมิอากาศมีประโยชน์ต่อการเรียนการสอน ทางด้านภูมิศาสตร์และภูมิอากาศของ
    นักเรียนโดยตรง และมีประโยชน์ในการนำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการทำรายงาน หรือวิทยานิพนธ์ของนิสิตนักศึกษานอกจากนี้ยังใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพิจารณาวางแผนเกี่ยวกับการศึกษาอีกด้วย

    ด้านการแพทย์และสาธารณสุข
    สุขภาพอนามัยของมนุษย์มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศอยู่มาก เช่น ลักษณะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละฤดูกาลจะก่อให้เกิดการระบาดของโรคบางชนิดได้ สภาพภูมิอากาศแบบหนึ่งอาจเอื้ออำนวยให้โรคบางชนิดเจริญเติบโตได้ดีและมีผลกระทบต่อมนุษย์ หรือสภาพอากาศที่เหมาะสมในระดับหนึ่งจะมี ส่วนให้มนุษย์รู้สึกสบาย ข้อมูลภูมิอากาศจึงมีประโยชน์อย่างมากทางด้านการแพทย์และสาธารณะสุขซึ่งต้องมีการศึกษาค้นคว้าและวิจัยอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีประโยชน์โดยตรงคือการใช้ข้อมูลใน การวางแผนเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น การทราบทิศทางความเร็วลมก่อนการฉีดพ่นสารเคมีต่าง ๆ

    ด้านกฏหมาย
    ปัจจุบันข้อมูลภูมิอากาศสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางด้านกฏหมายได้ในหลายแง่มุม เช่นใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีต่างๆใช้เป็นหลักฐานยืนยันเพื่อต่ออายุสัญญาการก่อสร้างที่เป็นไปตาม กำหนด หรือใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทน หรือการประกันภัยเกี่ยวกับความ
    เสียหายที่เกิดขึ้นเนื่องจากสภาพลมฟ้าอากาศ

    ด้านความมั่นคงของประเทศ
    กิจกรรมทางทหารซึ่งมีผลโดยตรงต่อความมั่นคงของประเทศจำเป็นต้องพึ่งพาข้อมูลภูมิอากาศ โดยเฉพาะการวางแผนการรบทางบกเรือและอากาศซึ่งหากทราบสภาพภูมิอากาศบริเวณสมรภูมิ หรือตามเส้นทางที่ต้องผ่านก็จะเป็นสิ่งที่ได้เปรียบฝ่ายตรงข้ามนอกจากนี้การโจมตีทางอากาศจำเป็น อย่างมากที่ต้องทราบข้อมูลภูมิอากาศ เช่น ลม

    ด้านสถาปัตยกรรม
    ภูมิอากาศมีประโยชน์ต่อการออกแบบที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศปัจจุบันแม้ที่อยู่อาศัยในประเทศไทยส่วนใหญ่ต้องสร้างตามแบบตะวันตก แต่ถ้าทราบ ข้อมูลภูมิอากาศก็สามารถออกแบบเพื่อให้มีระบบระบายอากาศ หรือมีช่องรับแสงแดดและลมให้ถูก
    ฤดุกาล เพื่อประหยัดพลังงานสำหรับเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้การสร้างอาคารสูงในปัจจุบันยัง
    จำเป็นต้องทราบความเร็วลม เพื่อให้อาคารหรือส่วนประกอบ เช่น กระจก สามารถทนทานต่อสภาพ
    ได้ด้วยหรือการออกแบบสร้างที่อยู่อาศัยโดยนำข้อมูลฝนมาใช้ประโยชน์จะช่วยลดปัญหาเรื่องความสูญเสียอันเกิดจากน้ำท่วมที่อยู่อาศัยได้

    ด้านการท่องเที่ยว
    การท่องเที่ยวหรือการพักผ่อนหย่อนใจเพื่อคลายความเครียดจากการทำงานถือเป็นกิจกรรม สำคัญประการหนึ่งของมนุษย์ในปัจจุบันดังนั้นการทราบข้อมูลภูมิอากาศของแหล่งท่องเที่ยวในแต่ละฤดูกาล จึงนับเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้การเดินทางท่องเที่ยวเป็นไปอย่างปลอดภัย รวมทั้งยังมีส่วนช่วยในการเตรียม
    อุปกรณ์ต่าง ๆ ในการเดินทางท่องเที่ยวในแต่ละครั้งให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ

    ด้านการกีฬา และงานกลางแจ้ง
    กีฬาเป็นกิจกรรมสำคัญอีกประการหนึ่งของมนุษย์ เนื่องจากมีผลต่อเนื่องถึงสุขภาพอนามัย
    และมิตรภาพระหว่างกันของมนุษย์การจัดการแข่งขันกีฬาในแต่ละครั้งจำเป็นต้องทราบสภาพภูมิอากาศในช่วง เวลาการแข่งขันเพื่อให้เป็นไปโดยราบรื่น โดยเฉพาะการแข่งขันกีฬากลางแจ้ง ดังนั้นการวางแผนเลือกช่วงเวลาจึงจำเป็นต้องใช้ข้อมูลภูมิอากาศนอกจากนี้สภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับนักกีฬาบางคน อาจมีผลกระทบต่อการแข่งขันได้ นอกจากการกีฬาที่จัดกลางแจ้งแล้ว การจัดงานกลางแจ้งต่าง ๆ หรือการ
    ปฏิบัติงานภาคสนาม เช่น การถ่ายทำภาพยนต์ งานเลี้ยง การออกสำรวจ การทราบข้อมูลภูมิอากาศ เพื่อการ
    วางแผนให้เหมาะสมกับฤดูกาล ด้านการเผยแพร่ ข่าว และข้อมูล
    ปัจจุบันโรคของเราอยู่ในยุคของข้อมูลและข่าวสาร การนำเสนอข้อมูลและข่าวสารต่าง ๆ
    ต่อสารธารณชนเป็นสิ่งสำคัญ รวมทั้งข่าวสารในเรื่องลมฟ้าอากาศด้วย ดังนั้นการนำเสนอสารคดีหรือข่าวที่
    เกี่ยวกับลมฟ้าอากาศ หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีสาเหตุเนื่องมาจากลมฟ้าอากาศที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ
    มนุษย์ เช่น อุทกภัย และฝนแล้ง จำเป็นต้องใช้ข้อมูลภูมิอากาศที่มีอยู่แล้วเป็นพื้นฐาน

    ประโยชน์ทางด้านวิทยาศาตร์
    เมื่อประเทศมีความพร้อมทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม กิจกรรมทางด้านวิทยาศาสตร์ถือ
    เป็นสิ่งจำเป็นซึ่งจะนำไปสู่ความรู้ใหม่ ๆ เพื่อให้สอดคล้องและสนองตอบต่อการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลง
    ของโลกที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ในส่วนนี้กล่าวได้ว่าข้อมูลภูมิอากาศเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มี

    ประโยชน์ต่องานทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งสรุปได้ดังนี้
    ด้านการวิจัย
    การวิจัยเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ประเทศมีการพัฒนาเร็วขึ้นดังนั้นข้อมูลภูมิอากาศ จึงนับเป็ยส่วนประกอบหนึ่งที่ช่วยนำปรเทศไปสู่การพัฒนาเนื่องจากข้อมูลภูมิอากาศมีประโยชน์อย่างกว้าง ขวางต่อการวิจัย โดยเฉพาะการวิจัยที่เกี่ยวกับเรื่องอุตุนิยมวิทยาโดยตรง หรือการวิจัยเรื่องอื่น ๆ ที่จำเป็น
    ต้องใช้ข้อมูลภูมิอากาศ เช่น การวิจัยการแพทย์ และสาธารณสุข การวิจัยทางด้านการเกษตร หรือชลประทาน เป็นต้น

    ด้านวิศวกรรม

    ข้อมูลภูมิอากาศมีประโยชน์ต่องานทางด้านวิศกรรมอยู่มาก โดยเฉพาะวิศกรรมโยธา
    นอกจากนี้ การออกแบบ ประดิษฐ์ ติดตั้ง หรือทดสอบเครื่องมือเทคนิคเครื่องจักร และอุปกรณ์บางประเภทก็จำเป็นต้องทราบข้อมูลภูมิอากาศเช่นการออกแบบหรือติดตั้งอุปกรณ์ทางด้านคมนาคม การวางสายเคเบิ้ล

    ด้านสิ่งแวดล้อม
    ขณะนี้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็น ปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อมนุษย์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้นการปฏิบัติงานการสำรวจการวิจัยหรือการวางแผนเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญมากในปัจจุบัน โดยข้อมูลและสถิตถภูมิอากาศเป็น องค์ประกอบหนึ่งที่มีส่วน ช่วยให้งานดังกล่าวประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี เช่น การใช้ข้อมูลภูมิอากาศในการ วางแผนกำจัดขยะ ออกแบบเตาเผาขยะไม่ให้มีผลกระทบต่อมนุษย์ ให้เป็นแนวทางและวางแผนในเรื่องระบบบำบัดน้ำเสียหรือใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานเพื่อศึกษาในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งน้ำ และพลังงานทดแทน
     
  13. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    การให้บริการข้อมูลภูมิอากาศ

    การให้บริการข้อมูลภูมิอากาศ
    จากหัวข้อเรื่องประโยชน์ของข้อมูลและสถิติภูมิอากาศที่ได้กล่าวสรุปไว้ข้างต้นจะพบว่า
    ข้อมูล และสถิติภูมิอากาศมีความสำคัญมาก และมีประโยชน์ต่อประเทศทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
    โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคของข้อมูลและข่าวสาร นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันกันทางด้านเศรษฐกิจ
    ตลอดเวลาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันจึงมีผู้นำข้อมูลและสถิติภูมิอากาศไปใช้ประโยชน์กันอย่างกว้างขวาง
    ในส่วนของการให้บริการข้อมูลและสถิติภูมิอากาศ กองภูมิอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เป็น
    ศูนย์กลาง ในการเก็บรวบรวมข้อมูล และสถิติภูมิอากาศ โดยรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ จากสถานีอุตุนิยมวิทยาทั่ว
    ประเทศ และให้ การบริการข้อมูลที่มีการประมวลผลแล้วแก่หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ในการประมวลผล
    ข้อมูล ฝ่ายคอมพิวเตอร์ของกองภูมิอากาศจะมีการปรับปรุงการประมวลผล และวิธีการจัดเก็บและรวบรวมข้อมูล
    ให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อให้ข้อมูลและสถิติต่าง ๆ อยู่ในรูปแบบที่ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้บริการให้มากที่สุด
    และสามารถ ให้บริการแก่ผู้ใช้บริการได้อย่างรวดเร็ว หากผู้ใช้บริการต้องการทราบสถิติหรือข้อมูลในรูปแบบ
    อื่นที่ต่างไปจากรูปแบบปกติที่ฝ่ายคอมพิวเตอร์ประมวลผลไว้ ฝ่ายอากาศประจำถิ่นของกองภูมิอากาศจะจัดทำ
    สถิติ หรือวิเคราะห็ข้อมูลในรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อการบริการเฉพาะราย นอกจากนี้ในกองภูมิอากาศยังมีราย
    งานเกี่ยวกับปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของลมฟ้าอากาศ การวิเคราะห์สภาพอากาศ ข้อมูล
    และสถิติ แล้วรวบรวมหรือ เรียบเรียงไว้เป็นรายงานหรือเอกสารวิชาการเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน รายปี หรือ
    เฉพาะกรณี ซึ่งเก็บเป็นบันทึกเหตุการณ์ หรือปรากฏการณ์เกี่ยวกับสภาพอากาศที่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไป
    ในแต่ละช่วงเวลา เพื่อการบริการด้วย จากสถิติการให้บริการข้อมูลและสถิติภูมิอากาศของกองภูมิอากาศใน
    ระยะ 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2535 ถึงปี พ.ศ. 2537 ปรากฏว่ามีผู้ใช้บริการโดยเฉลี่ยประมาณปีละ 1,100 ราย
    และในแต่ละปีมีผู้ใช้จำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะในปี พ.ศ.2536 มีผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้นกว่าปี พ.ศ. 2535 ถึง
    32 เปอร์เซนต์ และในปี พ.ศ. 2537 มีผู้ใช้ บริการเพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อปี พ.ศ.2536 อีก 11 เปอร์เซนต์
    สำหรับหน่วยงานที่นำข้อมูลและสถิตถภูมิอากาศไปใช้ประโยชน์ปรากฏว่าเกือบครึ่งหนึ่ง
    ( 47 % ) ของผู้ใช้บริการทั้งหมดเป็นเอกชนซึ่งได้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ในรูปของบริษัทและห้างหุ้นส่วน จำกัด
    รวมทั้งบุคคลรายย่อย ซึ่งขอข้อมูลเพื่อใช้ประโยชน์เฉพาะส่วนบุคคล รองลงมาได้แก่หน่วยงานราชการ (29 %)
    นักเรียน นิสิต และนักศึกษา (17 %) สถาบันการศึกษา (5%) และหน่วยงานต่างประเทศ เช่น บริษัทเอกชนจาก
    ต่างประเทศ และสถานทูตต่าง ๆ (2%)
    ในส่วนของการนำข้อมูลและสถิติภูมิอากาศไปใช้ประโยชน์ เมื่อแยกตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้
    แต่ละราย ปรากฏว่าส่วนใหญ่นำข้อมูลไปใช้ด้านการวิเคราะห์และวิจัย (29%) ส่วนวัตถุประสงค์อันดับรองลงมา
    ได้แก่ นำไปใช้ประโยชน์ทางด้านการศึกษา (19%) ทางด้านกฏหมาย (14%) การวางแผนในเรื่องต่างๆทั้งทาง
    ด้านเศรษฐกิจและสังคม (9%) การก่อสร้าง (9%) การเผยแพร่ข้อมูลหรือจัดทำเป็นข่าวหรือสารคดี (7%)
    การออกแบบประดิษฐ์ ทดสอบ หรือการติดตั้งเครื่องมือเทคนิคต่าง ๆ (3%) ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงหรือจัดทำเป็น
    เอกสารประกอบการประชุม หรือสัมนา (2%) การเดินทางและท่องเที่ยว (1%) การกีฬาและงานกลางแจ้ง
    ต่าง ๆ (ประมาณ 1%) สำหรับวัตถุประสงค์ทางด้านการวิเคราะห์ และวิจัยซึ่งมีผู้นำข้อมูลและสถิติภูมิอากาศ
    ไปใช้ประโยชน์มากที่สุดนั้น ปรากฏว่าสาขาที่นำข้อมูลไปใช้ประโยชน์มากกว่าสาขาอื่น ๆ ได้แก่ การวิจัยทางด้าน
    สิ่งแวดล้อมและทรัพยากร (31%) รองลงไปได้แก่ การวิจัยทางด้านการเกษตร (28 %) อุตสาหกรรม (16%)
    การแพทย์และการสาธารณสุข ( 3 %) และการวิจัยในสาขาอื่น ๆ เช่นการวิจัยทางด้านอุตุนิยมวิทยา ด้านการ
    สื่อสารโทรคมนาคมและขนส่งฯลฯ(22%)สถิติการให้บริการดังกล่าวข้างต้นได้จากรายละเอียดตามสำเนาหนังสือและบันทึกการขอข้อมูล จากแต่ละหน่วยงาน โดยไม่ได้รวมถึงการให้บริการทางโทรศัพท์ ซึ่งถ้าคำนึงถึงการให้บริการทางโทรศัพท์ด้วย
    แล้วจำนวนผู้ใช้บริการในแต่ละปีจะมีมากถึงปีละเกือบ 20000 ราย สำาหรับการให้บริการทางโทรศัพท์ส่วนใหญ่
    จะเป็นการให้คำปรึกษาและแนะนำในเรื่องที่เกี่ยวกับภูมิอากาศ สภาพลมฟ้าอากาศ ปรากฏการณ์ ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
    ในปัจจุบันหรือย้อนหลังไปไม่นานและข้อมูลที่มีปริมาณไม่มากซึ่งการให้บริการด้วยวิธีดังกล่าวจะเป็นเพียงข้อมูล
    คร่าว ๆ ในเบื้องต้น จากข้อเท็จจริงที่ว่าข้อมูลและสถิติภูมิอากาศ มีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อประเทศทั้งทาง
    ด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งความต้องการในการใช้บริการเกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าวมีเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ
    ทำให้ กองภูมิอากาศตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นในการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์เป็นอย่างมาก
    จึงพยายาม พัฒนาและปรับปรุงวิธีการจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ และการตรวจสอบข้อมูลเพื่อให้ผู้ใช้บริการ
    สามารถนำข้อมูล ไปใช้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพตรงตามวัตถุประสงค์ จะเห็นได้ว่ากรมอุตุนิยมวิทยา
    นอกจากจะมีการ บริการเกี่ยวกับเรื่องของการพยากรณ์อากาศโดยตรงแล้ว ข้อมูลและสถิตถภูมิอากาศที่กอง
    ภูมิอากาศดำเนินการ จัดเก็บ รวบรวม วิเคราะห์ และจัดทำ เป็นรายงานไว้ก็มีความสำคัญ และมีประโยชน์ต่อ
    ผู้ใช้บริการไม่ยิ่งหย่อน ไปกว่ากันอีกด้วย


    Untitled Document
     
  14. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    ความเห็นที่ 8 โดยคุณ asada (110.168.186.63) [18-10-2011 09:51] #42255

    ขอบคุณ สำหรับทุกท่าน ที่เข้ามาแชร์ ความคิดเห็นต่างๆ

    คำพยากรณ์อากาศของกรมอุตุ เท่าที่ยังจำความได้เมื่อตอนสมัยเด็กๆ จะได้ยินตอน การอ่านข่าวของกรมประชาสัมพันธ์ ช่วง 7 โมง ช่วงเที่ยง และช่วงหัวค่ำ และมักจะเป็นอะไรที่ซ้ำๆ ชินหู ผมว่าทุกคนก็คงมีความรู้สึกเช่นว่านี้ และในการอ่านการพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา บางครั้งยังใช้เป็นมุขตลก ในการเล่นตลก ด้วยช้ำ
    แต่ปัจจุบัน การพยากรณ์ กลับมาความสำคัญมากในการเตรียมการรับมือกับ ภัยพิบัติ ต่างๆ ที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ในส่วนภาคประชาชน ที่เป็นเพียงผู้รับข้อมูล หรือผู้ใช้ข้อมูล นั้นไม่มีความรู้มากพอที่จะตรวจสอบการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาได้ การพัฒนาของกรมอุตุที่เกิดขึ้นจากอดีตถึงปัจจุบัน พนักงานที่ทำงานอยู่ภายในองค์กรแห่งนี้ ย่อมสามารถรับรู้ถึงประสิทธิภาพของหน่วยงานแห่งนี้เป็นอย่างดี เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น อย่าไปโทษ หรือให้ใครรับผิดเลยครับ ในมุมมองส่วนตัว คิดว่า การให้ความรู้เกี่ยวกับอุตุนิยมวิทยากับภาคประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่งประชาชนที่ได้รับความรู้ก็จะสามารถตรวจสอบการทำงานของกรมอุตุได้ดังความคิดเห็นที่ 7 แนะนำมา

    http://www2.tmd.go.th/webboard/show...73&PHPSESSID=0003271ab9d79d4f842a01684be9d9b3
     
  15. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    ขอเชิญชมการถ่ายทอดสดผ่านหน้าเว็บปภ. สัมมนาเชิงปฏิบัติการ

    วิพากษ์แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗

    ระหว่างวันที่ ๗ - ๘ มีนาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๐๐ น. เป็นต้นไป

    ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ

    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย - หน้าหลัก

    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย - กำหนดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการวิพากษ์แผนวิพากษ์แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวมี ๘ ประการ !!!

    [​IMG]

    แผ่นดินไหวใน "พระไตรปิฎก"

    "แผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์การสั่นสะเทือน หรือเขย่าของพื้นผิวโลก เพื่อปรับตัวให้อยู่ในสภาวะสมดุล เกิดจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของชั้นหินขนาดใหญ่เลื่อนเคลื่อนที่ หรือแตกหัก และเกิดการโอนถ่ายพลังงานศักย์ ผ่านในชั้นหินที่อยู่ติดกัน พลังงานศักย์นี้อยู่ในรูปเคลื่อนไหวสะเทือน จุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว มักเกิดตามรอยเลื่อน อยู่ในระดับความลึกต่างๆ ของผิวโลก เท่าที่เคยวัดได้ลึกสุดอยู่ในชั้นแมนเทิล ประมาณกันว่าในวันหนึ่งๆ จะเกิดแผ่นดินไหวประมาณ ๑,๐๐๐ ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแผ่นดินไหวที่มีการสั่นสะเทือนเพียงเบาๆ เท่านั้น คนทั่วไปไม่รู้สึก" นี่เป็นคำอธิบายเหตุแห่งแผ่นดินไหวของนักธรณีวิทยา

    อย่างไรก็ตาม ในพุทธศาสนาก็มีคำอธิบายของเหตุแห่งแผ่นดินไหวเช่นกัน ทั้งนี้ พระมหาบูรณะ ชาตเมโธ (ป.ธ.๙) หัวหน้าฝ่ายคัมภีร์พุทธศาสตร์ มจร. และเจ้าอาวาสวัดฉิมทายกาวาส บางกอกน้อย กทม. บอกว่า ในมหาปรินิพพานสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ ข้อที่ ๑๗๐ หน้า ๑๑๗ และภูมิจาลสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ ข้อที่ ๗๐ หน้า ๓๗๖-๓๗๘ โดยสรุป เหตุการณ์นี้พระพุทธเจ้าตรัสในวันที่ปลงมายุสังขาร ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ๓ เดือน ในคราวที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เขตกรุงเวสาลี

    เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงมีสติสัมปชัญญะ ทรงปลงพระชนมายุสังขารแล้ว ณ ปาวาลเจดีย์ ได้เกิดแผ่นดินไหว ครั้งใหญ่ น่าสะพรึงกลัว ขนพองสยองเกล้า ทั้งกลองทิพย์ก็ดังกึกก้อง พระอานนท์ จึงเข้าไปทูลถามพระพุทธเจ้า ถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เหตุปัจจัย ๘ ประการ คือ

    ๑. ดูกรอานนท์ มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ, น้ำตั้งอยู่บนลม, ลมตั้งอยู่บนอากาศ, สมัยที่ลมใหญ่พัด, เมื่อลมใหญ่พัดอยู่ ย่อมยังน้ำให้ไหว น้ำไหวแล้วย่อมยังแผ่นดินให้ไหว, อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่หนึ่ง เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ
    ๒. สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีฤทธิ์ ถึงความเป็นผู้ชำนาญในทางจิต, หรือว่าเทวดาผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก, เขาเจริญปฐวีสัญญาเพียงเล็กน้อย เจริญอาโปสัญญาอย่างแรงกล้า, เขาย่อมยังแผ่นดินนี้ให้สะเทือนสะท้านหวั่นไหวได้
    ๓. เมื่อใด พระโพธิสัตว์จุติจากชั้นดุสิต มีสติสัมปชัญญะลงสู่พระครรภ์พระมารดา
    ๔. เมื่อใด พระโพธิสัตว์มีสติสัมปชัญญะ ประสูติจากพระครรภ์พระมารดา
    ๕. เมื่อใด พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
    ๖. เมื่อใด พระตถาคตให้อนุตรธรรมจักรเป็นไป
    ๗. เมื่อใด พระตถาคตมีพระสติสัมปชัญญะ ทรงปลงอายุ สังขาร
    ๘. เมื่อใด พระตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ

    พร้อมกันนี้ พระมหาบูรณะ ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ลมกำเริบ หรือธาตุกำเริบ เป็นเรื่องของธรรมชาติ แผ่นดินหนา ๒ แสน ๔ หมื่นโยชน์ ลมชื่ออุกเขปะเกิดขึ้นแล้ว เมื่อจะพัดก็พัดเข้าไปตัดลมที่รองรับน้ำที่หนา ๙ แสน ๖ หมื่นโยชน์ น้ำซึ่งหนา ๔ แสน ๘ หมื่นโยชน์ ในอากาศก็จะตก เมื่อน้ำนั้นตกลงแผ่นดินก็ตก ลมก็จะอุ้มน้ำไว้อีกด้วยกำลังของตนเหมือนธัมกรกกรองรับน้ำไว้ ต่อจากนั้น น้ำก็สูงขึ้น เมื่อน้ำสูงขึ้น แผ่นดินก็สูงขึ้น น้ำกระเพื่อมก็ทำแผ่นดินให้ไหวอย่างนี้ การไหวตัวอย่างนี้ย่อมมีมาจนถึงทุกวันนี้ทีเดียว

    คำว่า ลม หรือ ธาตุ เราอาจหมายถึง ส่วนประกอบที่เป็นก๊าช เป็นของเหลวที่อยู่ภายในโลก ที่เราเรียกในภาษาสมัยใหม่ แต่ในภาษาของพระพุทธเจ้า ท่านตรัสว่า แผ่นดินตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมอาศัยอากาศ เมื่อลมพายุใหญ่พัด น้ำก็หวั่นไหว เมื่อน้ำไหวแผ่นดินก็ไหว ในทำนองเดียว เมื่อลมหรือก๊าชที่อยู่ภายในโลกที่รองรับแผ่นดินภายใน ไหวตัว แผ่นดินโลกก็เกิดการไหว ตามที่เราทราบแล้ว เพราะแผ่นดินไม่ได้เป็นแผ่นดินเดียวกัน เป็นแต่จรดกันอยู่เท่านั้น จึงเกิดการไหวง่าย

    "สาเหตุที่แผ่นดินไหวง่ายในปัจจุบันนั้นมาจากมนุษย์เป็นตัวการสำคัญที่สุด ที่ทำลายโลกทุกกระบวนการ ส่วนเทดาผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพ ถ้าเทวดานั้นจะลงโทษมนุษย์ก็สามารถทำให้แผ่นไหวได้ หรือแม้ท่านผู้มีฤทธิ์ ตั้งจิตอธิษฐานแล้วก็ทำให้แผ่นดินไหวได้ ส่วนอีก ๖ ประการที่เหลือนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วในยุคนี้ เพราะทุกครั้งที่เกิดแผ่นดินไหวจะสร้างความเดือดร้อนและเป็นมีอันตรายแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย หากเป็นผู้มีบุญมาเกิด การเกิดแผ่นดินไหวต้องไม่มีอันตรายแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย" พระมหาบูรณ์ กล่าว

    ที่มา แผ่นดินไหวในพระไตรปิฎก คมชัดลึก : พระเครื่อง : ข่าวทั่วไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2013
  17. kb 2500

    kb 2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +873
    อาจเป็นปมลึกๆในใจที่กับใครๆก็อาจเกิดขึ้นใด้ น่าจะมาจากการอยากจะเป็นที่ถูกยอมรับนับถือสักการบูชา ว่าตนเป็น-อาจจะเป็น- หรือเป็น- ผู้วิเศษ คงจะเริ่มจากมีคนบอกว่า-อาจจะ-น่าจะใช่-เป็นอย่างนั้น เวลานั้น-มีคุณพิเศษเป็นผู้หนือกว่าผู้อื่น -เลยความเป็นปถุชนคนเดินดินไปแล้ว ฝังใจมานานแต่กาลก่อน นานเข้าๆจริตเลยมาชอบทางนี้ ได้โอกาสเลยเกาะกระแส แสวงหาหมกมุ่น ง่ายดายที่จะตกเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการอันมิชอบ..เลยไป
    อิงแอบ ผูกพันนิยมชมชอบเรื่องเหนือมนุษย์ แบบจริงหรือมั่วไม่รู้ ตามกระแสโดยขาดปัญญาไปเรื่อยเฉื่อยครับ จริงๆไม่มีอะไรหรอก...แต่บางไปทีอ้างอิงตกหลุมดันไปเอาข้อที่เป็นเจตนาบิดเบือนคำของพุทธเจ้ามาแพร่นี่แหละครับ หายใจเข้าออกด้วยไฟร้อนๆตอนมีชีวิตเป็นๆยังดีเสียกว่า..รับผลตอนที่เมื่อกายแตกดับครับ..
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    Severe wobble ความแปรปรวนของอากาศโลก !!!

    [​IMG]

    รอยต่อของ Severe wobble

    ทำไมต้องสนใจรอยต่อระหว่าง Earth wobble ที่กำลังเกิดอยู่ในปัจจุบัน มาตั้งแต่ต้นปี 2554 เรื่อยมา และต่อไปชาวโลกก็จะพบกับ Severe Wobble ความแปรปรวนของอากาศโลกจะยิ่งรุนแรงกลายเป็นฤดูกาลผสม ภาวะอากาศเปลี่ยนรุนแรงทุกๆ 2-3 วันเลยทีเดียว เมื่อแกนพลังงานโลกสวิงไปมาวันละ 2 เที่ยว และผลที่ตามคือความอดอยากจะเกิดขึ้นทั่วโลก เกษตรกรไม่สามารถสร้างผลผลิตใดๆได้

    สิ่งที่เราจะสังเกตเห็นในเวลานี้ พระอาทิตย์จะขึ้นและตกเปลี่ยนที่ไปจากปกติ เนื่องจากแกนโลกเอียงเพิ่มขึ้นนั่นเอง และอาการเช่นนี้จะไม่คงที่แกนโลกจะยิ่งเบี่ยงเบนมากยิ่งขึ้นเมื่อ Planet X เลื้อยเข้ามาใกล้โลกเพิ่มมากขึ้น ตำแหน่งพระอาทิตย์ขึ้นและตกจะหนีตำแหน่งปกติไปมากขึ้น ผลที่จะเกิดตามมา คือทะเลจะมีคลื่นสูง 200-300 ฟุต กัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งเพิ่มมากขึ้น และบ้านเมืองใหญ่ๆทั่วโลกจะตั้งอยู่ใกล้ระดับน้ำทะเลแทบทั้งสิ้น เช่น กทม.

    เมื่อแกนโลกเริ่มโยกแกว่งไปมาวันละ 2 รอบ ทุกๆ 12 ชั่วโมงหรือวันที่เราสังเกตว่าพระอาทิตย์ขึ้นและตกผิดที่ไปจากเดิมมาก นั่นเป็นสัญญานบ่งบอกให้ทุกคนทราบว่า น้ำทะเลกำลังจะมีคลื่นสูง และขับดันน้ำทะเลเข้ามาท่วมถนนหนทางในเมืองใหญ่ๆ ที่อยู่ติดกับทะเล ชาว กทม. ที่ตื่นตัวคอยระวังเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว จะบอกตัวเองว่าต้องรีบเคลื่อนย้ายออกไปจากที่ลุ่มโดยด่วน หรือเลือกอยู่กับที่เดิม รอเมื่อตื่นขึ้นมาน้ำท่วมขึ้นมาถึงเตียงนอน น้ำทะเลจะค่อยๆเอ่อขึ้นฝั่งอย่างเงียบๆแต่รวดเร็ว เนื่องจากแรงหนุนของน้ำมีมากนั่นเอง

    มีผู้สนใจถามเรื่องนี้เข้ามาใน Pole shift ning ดังนี้

    by Patricia Kuypers on February 7, 2011 at 11:06 pm

    Thank you, but please do tell how are we to accurately discern day 1 of the 9 days of severe wobble?
    ซึ่งทีมงานได้ตอบเอาไว้สั้นๆดังนี้

    Reply by Howard on February 7, 2011 at 11:24pm
    Patricia - Besides the sun being way out of position in the sky, coast lines will be assaulted with immense tides.
    ZetaTalk - Jan 30, 2010

    "The severe wobble will bring a twice a day swing, which is not the hour of the pole shift but is a 12 hour movement. These tides can be expected to be hundreds of feet high, 200-300 feet, the worst being where a normal tide under the influence of the Moon is in process

    มีผู้ต้องการทราบรอยต่อเช่นนี้ จึงถามเข้ามายัง pole shift ning ดังนี้ตอบเอาไว้สั้นๆจากคุณ Zeta ที่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนหน้านี้ แต่หากท่านผู้อ่านสังเกตซักหน่อย การเปลี่ยนที่ไปของพระอาทิตย์อย่างมากนั้น มันเข้าเขตสัญญานไฟแดงก็ไม่ปาน ผู้ที่อยู่อาศัยในที่ราบลุ่ม จะต้องเปลี่ยนยานพาหนะเรือมาใช้แทนรถยนตร์ทีเดียว และสถานการณ์ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่น้ำท่วมใหญ่เท่านั้น จะคืบหน้าต่อไปจนแกนโลกนอนลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้าหลังจากนั้น แล้วชาวไทยก็จะพบว่าพื้นที่ประเทศนี้จะมืดติดต่อกันไป 3 วัน พร้อมกับความแปรปรวนของอากาศรุนแรงไปด้วย...และเมื่อนับถอยหลังไปอีกไม่กี่วันโลกก็จะย้ายขั้ว พร้อมๆกับดาวหางดวงใหญ่ผุนผันโคจรจากไป

    ลักษณะอาการที่แกนพลังงานโลกแกว่ง ผู้อยู่บนโลกจะแทบไม่รู้สึกแตกต่างนอกจากสังเกตสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปเช่นพระอาทิตย์ย้ายที่ และผู้อยู่ใกล้ชายทะเลจะพบกับคลื่นสูงมากขึ้นโดยลำดับเป็นสัญญานบอกให้ทราบอย่างหนึ่งว่าอันตรายใหญ่กำลังคืบคลานมาหาอย่างไม่ถอยหลัง

    เมื่อโลกย่างเข้าสู่สภาพ Severe Wobble แผ่นเปลือกโลกทั่วโลกจะไหวคลอนเคลื่อนที่มากขึ้น เกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่อง มีภูเขาไฟต่างๆประทุมากขึ้นต่อเนื่อง เนื่องด้วยแมกม่าเปลี่ยนทางเดิน และการขยับของรอยต่อเปลือกโลก ในโซนประเทศไทยเป็น Stretch Zone แผ่นดินยืดจะปรากฏแผ่นดินแยกในที่ต่างๆ แผ่นดินยุบ มีหลุมยุบ ถนนหนทางจะแตกหัก สะพานต่างๆที่มีดินเลื่อนจะทำให้ตอม่อเคลื่อนที่และเกิดสะพานพัง เช่นเดียวกับที่สหรัฐฯสะพานข้ามแม่น้ำมิสซีสซิบปี้หลายแห่งพังลง บางแห่งตอม่อย้ายที่ไปถึง 50 ฟุต

    อาการของแผ่นดินยืดตัว กำลังปรากฏให้เห็นว่าในหลายๆพื้นที่จะมีน้ำท่วมมากผิดปกติ เช่นภาพถ่ายทางอากาศจะแสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ราบภาคกลางที่ชัดเจนแม้เวลาต่างกันเพียงปีเดียวก็ตาม

    ในด้านวิทยาศาสตร์ทางจิต สำหรับท่านที่มีญานทัศนะ ให้ความเห็นกว้างๆเอาไว้ว่าพื้นที่ กทม.และปริมณฑล และที่ราบลุ่มภาคกลางที่ปรากฏน้ำท่วมหนักในปี 2554 นั้น ส่งสัญญานให้กับคนบางกลุ่มที่จะเตรียมอพยพเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่สูง ทำให้รอดพ้นจากอันตรายที่จะเกิดน้ำทะเลท่วมถาวรในแอ่งที่ราบลุ่มภาคกลางต่อไปในอนาคตใกล้ๆนี้ ซึ่งทางหน่วยเตือนภัยธรรมชาติล่วงหน้าของยูเอ็นได้ส่งคำเตือนมายังประเทศไทยแล้ว ที่ ดร.สมิทธ ธรรมสาโรช ได้นำมาเปิดเผยเมื่อเร็วๆนี้

    ส่วนในภาคธรณีวิทยา ข้อจำกัดของที่ราบระหว่างหุบเขาแคบๆของพื้นที่ภาคกลางมีแนวสันเขาที่แข็งแรง และที่ราบสูงบีบขนาบอยู่ทั้ง 2 ทิศ ทั้งด้านทิศตะวันตกและทิศตะวันออก อาการยืดตัวและเอียงตัวของพื้นที่ประเทศไทยไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ แนวสันเขาทั้งสองทิศจะเพิ่มแรงบีบพื้นที่ราบลุ่มภาคกลางเพิ่มขึ้นตลอดเวลา โดยพื้นที่ส่วนนี้ไม่มีแผ่นหินรองรับ ตั้งอยู่บนแผ่นเปลือกโลกบาง จึงแอ่นตัวลงเป็นท้องกระทะ และจะเกิดการแตกหักเมื่อถึงที่สุด ซึ่งจะเกิดการทรุดตัวและเปิดโอกาสให้น้ำทะเลไหลเข้ามาท่วมอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตครั้งใหญ่รอบแรก....

    ลองแวะมาลงรายละเอียดเพิ่มขึ้น ในช่วงที่โลกกำลังเข้าใกล้ Severe Wobble นี้จะมีผลกับพื้นที่เสี่ยงเช่นที่ราบลุ่มเจ้าพระยาอย่างไรบ้าง ภูมิประเทศของแอ่งที่ราบแคบๆระหว่างแนวเขาทั้งด้านทิศตะวันตกและตะวันออกผืนนี้ ตั้งอยู่ตรงส่วนโคนของแผ่น Sunda Plate ที่มีประเทศอินโดนีเซีย ห้อยอยู่ส่วนปลายแผ่น ปัจจุบันพื้นที่ประเทศอินโดฯได้ทรุดตัวจมน้ำทะเลไปแล้ว เช่นที่เกาะชะวา จมไปแล้วประมาณ 50 % เปลือกโลกส่วนที่ยื่นออกมาจากแผ่นยูเรเซี่ยน หรือ Sunda Plate นี้กำลังถูกแผ่น อินโด-ออสเตรเลีย ที่ประเทศอินเดียและออสเตรเลียตั้งอยู่ เคลื่อนตัวมาทางทิศตะวันออกส่งแรงบีบกดมายังแผ่น Sunda Plate พร้อมๆกับแผ่นฟิลิบปินส์ที่อยู่ติดกันทางทิศตะวันออก เคลื่อนตัวมาทางทิศตะวันตก ส่งแรงกดและบีบมาที่ Sunda Plate ที่อยู่ตรงกลาง..เมื่อ 6-7 ก.พ. 55 เกิดแผ่นหินข้างใต้แตกหักครั้งใหญ่บริเวณเกาะเซบู มีผู้เสียชีวิตหลายคน....Philippines Hammering

    การเคลื่อนตัวของแผ่นฟิลิบปินส์มีแผ่นมาเรียน่า ที่อยู่ติดกับแผ่นฟิลิบปินส์ทางทิศตะวันออกเป็นตัวเคลื่อนเข้ามาและมุดลงใต้แผ่นฟิลิบปินส์ โดยแผ่นมาเรียน่ามีแผ่นแปซิฟิกเคลื่อนตัวมากดดันอีกต่อหนึ่ง เนื่องด้วยมหาสมุทรแปซิฟิกกำลังหดตัว ในระหว่างที่มหาสมุทรแอตแลนติคกำลังขยายตัว ปัจจัยการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกดังกล่าว แผ่นอินโด-ออสเตรเลีย ตามรายงานของคุณ Zeta ว่ากำลังติดเบรคอยู่ กำลังรอที่จะเคลื่อนตัวมาข่มทับด้านตะวันตกของ Sunda Plate ทำให้พื้นที่ประเทศอินโดฯจม แล้วจะปลดเบรคนี้ออกเมื่อใด....เป็นปริศนาที่คุณ Zeta กล่าวเอาไว้

    ตรงนี้จะเป็นความเป็นความตายของชาวโลกในย่านเอเซียแปซิฟิก และจะเป็นข่าวช๊อคโลกในช่วง 7/10 เหตุการณ์ต่างๆที่จะทะยอยเกิดขึ้นก่อนโลกจะมาถึง Severe wobble หลายๆประเทศตั้งอยู่บน Sunda Plate เช่นไทย พม่า เวียตนาม บรูไนล์ เขมร ลาว อินโดนีเซีย ฟิลิบปินส์ เป็นต้น กลับมาที่พื้นที่ประเทศอินโดนีเซียพื้นที่ทรุดตัวมาแต่ปลายปี 2010 นั้น มีโอกาสจมลงเต็มพิกัด 80 ฟุต เมื่อได้รับแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวรุนแรงในระดับ 8-10 ริกเตอร์จากเกาะต่างๆในญี่ปุ่น

    ส่งผ่านแผ่นฟิลิบปินส์ ทำให้แผ่นอินโด-ออสเตรเลีย ปลดเบรคเคลื่อนตัวมาข่มทับ อินโดนีเซีย ให้จมลงเต็มเกณฑ์โดยทันที คุณ Zeta ใช้คำว่า Suddenly ...น้ำทะเลเอ่อขึ้นสูงเงียบๆจนผู้อยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลหนีไม่ทัน มีอันตรายใหญ่กว้างขวางยิ่งกว่าเกิดคลื่นสึนามิ หลังจากพื้นที่บนแผ่น Sunda Plate จมลงไม่นาน คลื่นสึนามิประมาณ 30 ฟุตก็จะตามขึ้นมาจากทางใต้ผลักดันน้ำทะเลเข้ามาก้นอ่าวไทยอย่างรุนแรง เมื่อพื้นที่รับน้ำสอบแคบลงมาหลายเท่าตัว กระแสน้ำจะขุดเอาโคลนตรมปนมาด้วย

    พื้นที่ของอินโดนีเซีย และส่วนปลายแหลมของ Sunda Plate รวมกันประมาณ 9 ล้านตารางกิโลเมตร รวมทั้ง แผ่นฟิลิบปินส์และแผ่นมาเรียน่า จมลงไปพร้อมๆกัน มีพื้นที่อีกประมาณ 4 ล้านตารางกิโลเมตร ดังนั้นพื้นที่เปลือกโลกจะจมลงพร้อมๆกันประมาณ 13 ล้านตารางกิโลเมตร เกิดช่องว่าง ทำให้เกิดคลื่นสึนามิประมาณ 135 ฟุตส่งผลให้แก่ฟิลิบปินส์ อินโดฯจีน และญี่ปุ่น ก่อนจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเป็นซีรี่ส์ขึ้นที่เกาะญี่ปุ่น แผ่นมาเรียน่า ที่มุดตัวเข้าไปใต้แผ่นฟิลิบปินส์ จะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8 ริกเตอร์ขึ้นก่อน แล้วจึงส่งผลกระทบรุนแรงไปที่เกาะใต้ของญี่ปุ่น เป็นเหตุการณ์ลั่นไกโลกช๊อตแรก

    ทีนี้เอาละสรุปว่า อินโดนีเซีย ที่อยู่ปลายแผ่น Sunda Plate ได้จมลงกระทันหัน ประเทศไทยอยู่แผ่นเดียวกันก็ถูกแรงหน่วงที่ปลายแผ่นจมลงทันทีด้วยเช่นกัน พื้นที่เสี่ยงมากกว่าเพื่อน คือ ที่ราบลุ่มเจ้าพระยา ที่ถูกบีบกดทรุดตัวมาต่อเนื่องต้องจมลงทันทีเงียบๆด้วยเช่นเดียวกัน และจะนำน้ำทะเลไหลเข้ามาท่วมจนขึ้นไปถึงนครสวรรค์ภายในเวลาเพียงชั่วโมงเดียว ปากอ่าวไทยกว้างประมาณ 200 กิโลเมตร ที่จะเปิดโอกาสให้น้ำทะเลในแนวกว้างใหญ่ขนาดนี้ไหลเข้ามาเร็วกว่ารถแข่งสูตร 1 มากทีเดียว หากรวมผลกระทบทุกๆประเทศที่ตั้งอยู่บน Sunda Plate ความสูญเสียครั้งนี้ก็น่าจะนับร้อยล้านชีวิตทีเดียว ที่หนีน้ำไม่ทัน เพราะเกิดขึ้นเงียบๆชั่วเวลาเพียงประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น อันนี้กระมังที่คนโบราณบอกว่า น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว

    ส่วนการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนบนแหลมอินโดจีนครั้งใหญ่ยิ่ง ที่น่าจับตาต่อมาหลังจากที่ราบภาคกลางจมน้ำทะเลหายไปเพียงไม่กี่เดือนต่อมา เมื่อแผ่นอินโด-ออสเตรเลีย และประเทศอินเดียทั้งประเทศ ที่กำลังเคลื่อนตัวสอดเข้าไปใต้แผ่นฮิม มาลาย่า เกิดจมลงใต้คลื่นในชั่วพริบตา ลึกประมาณ 700 เมตร เกิดพื้นที่ว่างในทะเลประมาณ 16 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นเหตุกระตุ้นให้น้ำในมหาสมุทรอินเดีย ทะเลจีนใต้และน้ำในมหา สมุทรแปซิฟิกพากันเคลื่อนตัว มาเติมน้ำเหนือประเทศอินเดียที่จมลงไปอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง....

    แล้วผลกระทบต่อประเทศไทยเกือบทั้งประเทศ อย่างปัจจุบันทันด่วนและกว้างใหญ่ จะเป็นอย่างไรนั้น มีการวิเคราะห์ให้ท่านที่สนใจพิจารณาเอาเอง โดยไม่ต้องเชื่อข้อมูลเบื้องต้นที่นำมาเสนอแต่อย่างใด เป็นเพียงข่าวสารที่ทุกคนเลือกศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจต่อชีวิตทรัพย์สินของแต่ละคนด้วยตนเองเท่านั้น ไม่อยู่ภายใต้ความโน้มเอียงใดๆ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเพียงอย่างเดียวด้วยสติปัญญา

    ที่มา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. BeforEnd

    BeforEnd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +209
    ผู้วิเศษที่รู้อนาคต ผมเชื่อว่ามีอยู่จริงครับ เช่น แม่ชีทศพร, อ.เจน ญาณทิพย์
    อันนี้ผมเชื่อว่าท่านของจริง แต่ในเว็บพลังจิตนี่ มั่วทั้งนั้นครับ ผมเฝ้าดูมาหลายปีแล้ว

    คนที่เค้ามีตาทิพย์ เท่ากับว่าเค้าได้ฌาณ4 (ซึ่งได้ยากมากๆ) ปกติคนที่ได้จริง
    เค้าจะประคองรักษาไว้ทั้งวันทั้งคืน เพราะเสื่อมง่ายมาก เรื่องศีล5ต้องเคร่งครัด
    เค้าจะระวังเรื่องการพูดจากับใครๆเป็นอย่างมาก เพราะเสี่ยงต่อการเสื่อม

    เพราะฉนั้นคนที่ได้ฌาณ4จริงๆ เค้าจะไม่ไปในที่อโคจร หรือมาเล่นอินเตอร์เน็ต เที่ยวโพสต์ตามเว็บบอร์ดใดๆเป็นอันขาด ผู้ที่ทรงฌาณระดับนี้ เค้าจะไม่มาเพ้อเจ้อ
    อวดนั่นอวดนี่ และจะไม่มาต่อปากต่อคำกับใครทั้งสิ้น

    ส่วนในเว็บพลังจิต ผมบอกได้เลยว่ามีแต่พวกมั่ว คนพวกนี้อยากให้คนอื่น
    มองว่าตัวเองมีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป มันคงโก้เก๋ดี แถมยังเป็นช่องทาง
    หาเงินได้อีกด้วย เช่น ขายของ ร่วมสร้างพระพุทธรูป หรือช่วยบริจากสาระพัดรูปแบบ
    ถ้ามีเรื่องเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้อง นี่คือ ไอ้พวกหลอกลวงทั้งสิ้น
     
  20. kb 2500

    kb 2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +873
    ก็อยากบอกท่านว่ายังไงโลกนี้ก็ไม่พ้น มีทั้งดี-มีทั้งชั่วครับ แต่สังคมในเว็ปพระพุทธศาสนาแห่งนี้ก็ยังมีแนวโน้มร่องรอยของความดีอยู่นะครับ มองลึกๆถึงสิ่งสำคัญคือเราช่วยกันแค่อย่าให้มีใครมาเขย่า่แก่นแท้ของศาสนาพุทธเรา-อย่ายอมที่จะใครจะมาบิดเบือนเราให้พาห่างจากศาสนาพุทธอันประเสริฐนี้ครับ-ช่วยๆกันนะครับ เรื่องเงินเรื่องทองของบริจาคเป็นเรื่องพื้นๆครับหากแต่มันก็จำเป็นเพราะตามความเป็นจริงมันต้องใช้ครับตามยุคสมัย..ไม่น่าเสียหาย เราดูและพิจารณาได้เป็นเคสๆไปว่าไปใช้ด้วยจุดประสงค์ใด..ไม่ยากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...