"วิธีเจริญเมตตา" (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 21 สิงหาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    [​IMG]

    วิธีเจริญเมตตา

    1. เราต้องเข้าใจก่อนว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรานั้น สมเหตุสมผลทุกกรณี กรรมเราทำไว้ก่อนทั้งนั้น ความโกรธ ความโลภ ความหลงในจิตใจเป็นต้นเหตุ เราต้องรับผิดชอบ 100 % ด้วยตัวเอง

    2. พยายามเข้าใจ เห็นอกเห็นใจเขาว่า เขาก็กำลังทุกข์เหมือนเราเหมือนกันทุกชีวิต ทุกข์จากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ผิดหวัง ไม่สมปรารถนาต่างๆ ยิ่งคนที่กำลังด่านินทาเรา เขาทุกข์ก่อนเราอีก สงสารเมตตาเขา ถึงแม้ว่าเขากำลังได้เปรียบ เราเสียเปรียบก็ตาม ไม่ต้องอิจฉาเขา ไม่ต้องน้อยใจอะไรเลย ถ้าเขากำลังได้เปรียบมีความสุขที่ได้มาจากอกุศลกรรม บาปกรรม แล้วไซร้ เปรียบเทียบได้ว่าเขากำลังมีความสุขอยู่ชั้นบน แต่ชั้นล่างไฟกำลังไหม้บ้าน ควรสงสารเขาตั้งแต่บัดนี้เดี๋ยวนี้ขณะนี้ เราไม่ต้องสร้างกรรมสร้างเวรกับใครอีกต่อไป ให้ตั้งอยู่ในความดี ความถูกต้องด้วยกายวาจาใจดีกว่า

    3. เริ่มฝึก เจริญสติ ปัญญา เมื่อกระทบอารมณ์ที่ไม่ถูกใจ และกำลังจะเกิดอารมณ์ เสียอารมณ์ รีบตั้งสติ หายใจลึกๆ ซ้ำๆ เป็นจังหวะๆ จะเริ่มรู้สึกตัวขึ้น ทำให้ต่อเนื่องกัน ไม่ให้คิดจองเวรคิดอาฆาตพยาบาท คิดบ่น คิดเบียดเบียน ให้ระงับอารมณ์ ถ้าคิดก็คิดสอนใจตัวเอง ให้รู้จักคิดถูก ฝึกสติ ฝึกปัญญาในการแก้ปัญหาอย่างนี้

    4. ฝึกสมาธิเช้าเย็น 10-15 นาที ทำบ่อยๆ ในวันหนึ่ง ตื่นเช้า หลังจากกินอาหารเช้า ในรถ ก่อนทำงาน หลังเลิกงาน ก่อนโทรศัพท์สำคัญ เมื่อเกิดอารมณ์เสีย เป็นต้น ตั้งใจ ไม่โกรธ รักษาใจระวังใจในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นภายหน้า ซึ่งเคยทำให้เราโกรธ ทุกข์ อยู่บ่อยๆ ตั้งใจแผ่เมตตา ส่งถึงทุกคนทุกชีวิต ไม่จำกัด ไม่ยกเว้น แม้แต่คนที่เราไม่ชอบ ตั้งใจคิดดี พูดดี ทำดี ในทุกกรณี

    5. เจริญ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา ซึ่งเป็นองค์ฌาน 5

    - วิตกในสมาธิ
    หมายความว่า นึกๆๆ อารมณ์กรรมฐานอย่างเดียว เช่น ความรู้สึกที่ลมสัมผัสที่เกิดขึ้นจากการหายใจเข้าออก พยายามตั้งสติบ่อยๆ นั้นแหละ

    - ถ้าเกิดวิตก ตั้งสติติดต่อกัน ไม่ช้าก็จะเกิดวิจาร วิจารในที่นี้ คือ รู้สึกตัว รู้ว่าหายใจยาว สั้น เบา หนัก ร้อน เย็น เป็นต้น ความรู้สึกตัวนี้เป็นกำลังผูกมัดจิตกับอารมณ์กรรมฐานให้แนบแน่นมากขึ้น แล้วความปีติ สุข ก็จะเกิดตามมา มีความสุขที่สุดในโลก

    - พยายามเจริญสมาธิ จนสัมผัสความสุขในสมาธิบ่อยๆ เมื่อเรารักษาความสุขทางใจได้นั่นแหละ ใจเราจึงจะมีเมตตา เป็นใจเมตตา มีความรัก ความสุข เต็มหัวใจ

    สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข
    ถ้าเข้าใจเรื่องกรรมตามความเป็นจริง ประกอบด้วยปัญญา
    เมตตาก็ถาวร เป็นเมตตาที่แท้จริง


    เมตตาภาวนา

    อานิสงส์ของการเจริญเมตตาภาวนา
    1. หลับเป็นสุข
    2. ตื่นเป็นสุข
    3. ไม่ฝันร้าย
    4. อมนุษย์รักใคร่
    5. มนุษย์ทั้งหลายรักใคร่
    6. เทวดาทั้งหลายย่อมคุ้มครอง
    7. ไฟ ศาสตราวุธ ยาพิษ ไม่อาจกล้ำกลาย
    8. ผิวหน้าย่อมผ่องใส
    9. จิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิเร็ว
    10. เมื่อตายเป็นผู้ไม่หลง
    11. เมื่อจากโลกนี้ไป ก็ไปบังเกิดในพรหมโลก

    เมื่อเจริญเมตตาภาวนาบ่อยๆ จะมีอานิสงส์ช่วงระงับความโกรธได้
    ให้เจริญเมตตาให้กับตัวเองก่อนโดยอาศัยสติ สมาธิ และปัญญา
    ให้พยายามรักษาใจให้สงบนิ่ง กำหนดรู้ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า สักพักหนึ่ง


    การแผ่เมตตาให้กับตัวเอง

    อะหังสุขิโตโหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ถึงสุข
    ยกขึ้นมาพิจารณาทุกครั้งที่รู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก

    ความสุขอยู่ที่ไหน ความสุขไม่ใช่อยู่ที่อารมณ์โกรธ หรือเมื่อเราได้
    โกรธคนอื่น เราโกรธเขา เขาก็เป็นทุกข์เหมือนเรา หรือทุกข์มาก
    กว่าเรานั่นแหละ เขาก็กำลังแก่ กำลังเจ็บไข้ ป่วย กำลังจะตาย
    เหมือนเรานั่นแหละ

    เขาก็กำลังประสบกับความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ เหมือน
    กับเรา เพราะ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ล้วนแต่เกิดขึ้นแล้วดับไป
    ในที่สุด ไม่แน่นอน ไม่คงอยู่ได้

    ความสุขอยู่ที่การปล่อยวางสิ่งภายนอก และสัญญาอารมณ์ต่างๆ
    ระลึกรู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ถอนจิต ถอนใจอุปาทาน
    จากอารมณ์โกรธ น้อมเข้ามาๆ ให้จิตพักอาศัยอยู่ที่ลมหายใจ

    เอาลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร
    หายใจเข้ายาวๆ สบายๆ หายใจออกช้าๆ ลึกๆ หน่อย
    หายใจเข้ายาวๆ สบายๆ หายใจออก สบายๆ ภาวนาว่า
    ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ถึงสุข หายใจเข้า
    หายใจออก สบายๆ แล้วพิจารณาต่อว่า

    นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไร้ทุกข์
    ความชั่วร้ายของเขา เป็นของเขา ไม่ใช่ของเรา เราไม่ต้องไปคิด
    ไปเกาะติดยึดมั่นถือมั่น แบกเอาไว้
    ความชั่วของใครก็เป็นของร้อนเป็นทุกข์ทั้งนั้น เราไปยึดติดเมื่อไร
    ก็เดือดร้อน เป็นทุกข์เมื่อนั้น
    ถึงแม้ว่า เขาผิดจริงก็ตาม ผู้มีปัญญา ผู้หวังความสุข ไม่เอามาคิด
    เป็นอารมณ์ ให้ระวังๆ แล้วพิจารณาต่อว่า

    อะเวโรโหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไม่มีเวร
    ตรวจตราดูความรู้สึกภายในใจตัวเอง หรือสังเกตดูความนึกคิด
    ของเรา ว่ามีเวรหรือไม่
    จองเวรเขา ก็เหมือนจองเวรตัวเอง ทำให้จิตเศร้าหมอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  2. อ้างว้าง

    อ้างว้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +577
    (verygood)

    อนุโมทนา..

    ความเมตตา ทำให้สัตว์โลกเป็นสุขยิ่ง
     
  3. LiKeLuCk

    LiKeLuCk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +109


    ข อ บ คุ ณ ค รั บ
    อ นุ โ ม ท น า . . . ส า ธุ
     
  4. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    บารมีของพระอาจารย์สูงส่งยิ่งนัก อนุโมทนาสาธุค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...