ด่วน!! รีบจองที่นั่งเฝ้าระวัง: เดี่ยวภัยพิบัติ1 เเสดงแล้ววันนี้ทุกประเทศทั่วโลก

สกู๊ปข่าวพิเศษ

"เรื่องที่องค์หลวงปู่บอกไว้" เผยคำสั่งเสีย "หลวงปู่จาม มหาปุญโญ"



ข่าวการละสังขารของ "หลวงปู่จาม มหาปุญโญ" พระอาจารย์สายกรรมฐานชื่อดังแห่งวัดป่าวิเวกวัฒนาราม อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ยังความอาลัยแก่ศิษยานุศิษย์เป็นอย่างยิ่ง

ด้วยสิริรวมอายุ 103 ปี และตลอดระยะเวลา 70 ปีที่หลวงปู่จามตั้งใจเจริญพุทธคุณ ตามรอยคำสอนของพระศาสดา รวมทั้งคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับพุทธศาสนาไว้อย่างมากมาย
ยิ่งโดยส่วนตัวแล้วหลวงปู่จามยังเป็นพระที่เปี่ยมล้นด้วยเมตตา ปฏิบัติตนอยู่ในกฎระเบียบวินัยสงฆ์อย่างเคร่งครัด แม้ว่าจะชราภาพและสุขภาพไม่ดีท่านก็ยังออกบิณฑบาตทุกเช้าไม่ละเว้น


"จึงไม่แปลกที่หลังจากข่าวการละสังขารแพร่ออกไป จะมีลูกศิษย์ลูกหามากมายเดินทางมาร่วมอาลัย "

ตามประวัติที่บันทึกไว้ในหนังสือ "ธรรมประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ" ซึ่งเรียบเรียงโดย "พระธัมมธโร" หรือ "ครูบาแจ๋ว" สรุปใจความประวัติโดยย่อได้ว่า หลวงปู่จาม มหาปุญโญ เกิดวันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2453 เป็นบุตรของ "นายกา ผิวขำ" กับ "นางมะแง้ ผิวขำ" ที่บ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

เมื่ออายุ 7 ขวบ ได้บวชเรียนที่วัดหนองแวง บ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ต่อมาได้ติดตาม "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" เพื่อศึกษาพระ วิปัสสนากรรมฐาน ออกเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในภาคอีสานและภาคเหนือเป็นเวลา 15 ปี และลาสิกขาออกมาอยู่กับบิดามารดา เนื่องด้วยสุขภาพไม่ดี

ครั้นอายุ 29 ปี (พ.ศ.2482) จึงได้บวชอีกครั้งหนึ่งและได้ธุดงค์ไปภาคเหนือ จำพรรษาอยู่วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ 32 พรรษา จากนั้นได้ไปปฏิบัติธรรมกับ "หลวงปู่แหวน สุจิณโณ" วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

"ในปี พ.ศ.2521 จึงกลับมาปักกลด จำพรรษาที่วัดป่าวิเวกวัฒนาราม จ.มุกดาหาร สร้างวัดป่าวิเวกวัฒนารามให้เป็นที่พำนักนั่งวิปัสสนากรรมฐาน"

อีกหนึ่งเรื่องซึ่งบันทึกในหนังสือเล่มเดียวกันนี้ เกี่ยวข้องโดยตรงกับการละสังขาร...

"เรื่องที่องค์หลวงปู่บอกไว้"

1.สมบัติใดๆ เป็นของกลาง เป็นของสาธารณะ เป็นของวัด เป็นของศาสนา เป็นของสงฆ์ ก็ให้เป็นของโดยส่วนรวมนั้น

2.สมณบริขารทั้งหมดของผู้ข้าฯ ขอยกมอบให้คณะสงฆ์ พระเณรที่อยู่ในวัดนี้ได้ร่วมกันพิจารณาตามเหมาะสม

3.การศพ การเผา อย่าให้เอิกเกริกวุ่นวาย เป็นหน้าที่ของญาติโยมเขาจะทำกันไป อย่าเก็บศพเอาไว้ ตายวันใดเผาวันนั้นยิ่งดี (ผู้เขียนต่อรองเรียนขอว่า 7 วัน, 10 วัน, 15 วัน องค์หลวงปู่วางเฉยอยู่ไม่พูดอะไร, ส่วนที่ประชุมเพลิงจะไว้ที่ตะวันออกของเจดีย์, ขออนุญาตรวบรวมบริขารไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ องค์ท่านว่า "อย่าได้ก่อเป็นเจดีย์ขึ้นมา แข่งเจดีย์พระธาตุมิแม่นแนว")

4.พระธาตุเจดีย์ให้รักษาเอาไว้ ยึดตามประเพณีที่เคยทำมาแล้ว

5.กุฏิผู้ข้าฯนอนนี้ให้ทำเป็นโรงสังฆกรรม หรือสุดแท้แต่สมภารวัดจะจัดการดูแล

6.การก่อสร้างร่างแปลนใดๆ นั้น มีเงินพร้อมแล้วจึงให้ทำ เงินไม่มีอย่าทำ อย่าไปขอ อย่าไปเรี่ยไร เมื่อทำให้เป็นเรื่องของศรัทธาญาติโยม สูเจ้านักบวชให้ตั้งพระธรรมวินัยตั้งใจภาวนาไป

7.โลกนี้มันไม่เที่ยง การเกิด แก่ ไข้ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องร้ายอย่างยิ่ง ทำอย่างใดจะดับธรรมนี้ได้ให้เป็นธรรมดา

8.ตายแล้วอย่าทำบุญอุทิศให้ บุญของผู้ข้าฯทำไว้แล้ว การสวดกุสลามาติกาก็อย่าทำให้เป็นเรื่องยุ่งยากวุ่นวาย ผ้าบังสุกุล ผู้ข้าฯก็ไม่เอา เอาแต่ไฟเผา ขี้เถ้ากระดูกเหลือก็ให้ขุดหลุมฝังเสียให้เรียบร้อย หรือไม่ก็เอาไปทิ้งลงแม่น้ำโขงให้หมดเรื่องไป "อย่างได้เมาเถ้าเมากระดูก"

ครูบาแจ๋วระบุไว้ในหมายเหตุ "เรื่องที่หลวงปู่บอกไว้" ว่า ความคิดคติธรรมขององค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ในเรื่องทั้งหมดนี้ องค์ท่านได้ปรารภกับผู้เขียนไว้เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2542 เวลา 04.10 น. ที่บ้านกรุงเทพภาวนา เป็นครั้งที่ 1 และเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2547 เวลา 17.50 น. ที่กุฏิขององค์ท่าน เป็นครั้งที่ 2

วันนี้ หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ละสังขารไปแล้ว แต่ผลงานซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดยังคงติดตรึงอยู่ในใจของพุทธศาสนิกชนทุกคน

ไม่ว่าจะเป็น 1.เทศนาสั่งสอนญาติโยมที่มานมัสการหลวงปู่ทุกวันพระ และวันสำคัญจะมีประชาชนมาเป็นจำนวน 100-200 คนขึ้นไป, 2.หลักธรรม คำสั่งสอนของหลวงปู่มีคนบันทึกเทปไว้เป็นจำนวนมาก, 3.หลวงปู่จามมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ธรรมชาติให้เป็นที่นั่งวิปัสสนาได้อย่างกลมกลืนร่มรื่น ปราศจากสิ่งรบกวน, 4.สร้างพระเจดีย์ทรงจุฬามณี บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ, 5.สร้างกุฏิเสาเดียวจำนวน 11 หลัง, 6.สร้างศาลาการเปรียญ และหอฉันสำหรับไว้เทศนาญาติโยมในวันสำคัญต่างๆ เป็นต้น

ทั้งหมดคือสิ่งที่พระอาจารย์สายกรรมฐานชื่อดัง มอบเป็นมรดกไว้ให้กับพระพุทธศาสนา

"และแม้แต่คำสั่งเสียสุดท้าย ก็ยังเป็น "ข้อคิด" ให้คนได้ตระหนักในการใช้ชีวิต"


ทื่มาจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1358997989&grpid=&catid=02&subcatid=0200

 

25-01-2013

อุตุฯเตือนหนาวหมอกหนาฝนตก


เตือนเหนือ อีสาน หนาว มีหมอกตอนเช้า ฝนบางแห่ง ส่วนช่วงวันที่ 27-30 ม.ค. ความกดอากาศสูงกำลังแรง ระลอกใหม่จากจีน ปกคลุมไทย ส่งผลให้ฝนฟ้าคะนอง ลมแรง อากาศเย็นลง 3-5 องศา

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.วันนี้(25ม.ค.) ว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า สำหรับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคกลางและภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ในระยะ 1-2 วันนี้

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 27-30 ม.ค. 56 จะมีบริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง และอากาศจะเย็นลง อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส โดยจะเริ่มที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อนในระยะแรก

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด
อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต และกระบี่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ที่มาจาก เดลินิวส์


อุทกภัยที่โมซัมบิค เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน



ที่โมซัมบิคและหลายพื้นที่ของแอฟริกาใต้ ก็ต้องเผชิญกับอุกภัยครั้งรุนแรง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน

โทรทัศน์ทางการโมซัมบิคเผยภาพพื้นที่เป็นบริเวณกว้างจมอยู่ใต้น้ำ ถนนหลายสายถูกตัดขาดและระดับน้ำในแม่น้ำเอ่อท้นฝั่ง คณะกรรมการจัดการฉุกเฉินของโมซัมบิกได้ออกประกาศให้ประชาชนเฝ้าระวังทั่วประเทศในสัปดาห์นี้เพื่อเตรียมพร้อมรับมืออุกภัยที่เพิ่มขึ้นในภาคกลางและภาคใต้ ซึ่งคาดว่าจะต้องมีการอพยพประชาชนอีกหลายหมื่นคน สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากฝนที่ตกหนักคือกรุง มาปูโต เมืองหลวงของโมซัมบิก โดยเฉพาะในย่านธุรกิจซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำ ถนนหลายสายถูกน้ำท่วม รถยนต์จำนวนมากจมอยู่ใต้น้ำ

ที่แอฟริกาใต้ ระดับน้ำในแม่น้ำ ลิมโปโป เพิ่มสูงขึ้นจนเอ่อท้นฝั่งและไหลทะลักเข้าท่วมถนนหนทางและบ้านเรือนประชาชนในเมือง Musina มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 คน และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีก รายงานแจ้งว่า อุทกภัยที่เกิดขึ้นในโมซัมบิกและอีกหลายพื้นที่ในแอฟริกาใต้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 20 คน ประชาชนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนแล้ว 15,000 คน


สหราชอาณาจักร-ชิมแปนซีห่มผ้าสู้ภัยหนาว



ลิงที่อังกฤษห่มผ้าห่มแก้หนาว ขณะที่หลายพื้นที่ของประเทศกำลังเผชิญกับภัยหนาว

ขณะที่คลื่นความเย็นแผ่ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของอังกฤษ ไม่เพียงแต่คนเท่านั้นที่หนาว สัตว์ก็หนาวเหมือนกัน ที่สวนลิง Wales Ape and Monkey Sanctuary ในแคว้นเวลส์ เจ้าหน้าที่ต้องให้ลิงชิมแปนซีตัวหนึ่งห่มผ้า และจิบชาร้อนๆ แบบเดียวกับคน แทนวิธีตากแดดแก้หนาวแบบที่ลิงในป่าทำ

อากาศหนาวจัดเมื่อวันพุธ ทำให้ลิงตัวนี้ไม่ยอมออกไปข้างนอกเด็ดขาด ถ้าไม่ห่มผ้าไปด้วย เจ้าหน้าที่อธิบายว่า มันเคยเป็นสัตว์เลี้ยง อาศัยอยู่ในบ้านคนมานานถึง 29 ปี หรือเกือบตลอดชีวิต จึงชินกับการห่มผ้าห่ม เจ้าหน้าที่จึงตามใจให้มันพกผ้าติดตัว

ออสเตรเลีย-เผยภาพช่วยชีวิตเด็กชายถูกกระแสน้ำพัด



เผยภาพนาทีชีวิตขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยออสเตรเลียช่วยเหลือผู้ประสบภัยท่วมกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก

เจ้าหน้าที่กู้ภัยในรัฐควีนส์แลนด์ต้องเข้าช่วยเหลือเด็กชายวัย 14 ปีที่เกาะอยู่กับต้นไม้ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากใกล้กับร็อคแฮมตัน รัฐควีนส์แลนด์ในวันนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการช่วยเหลือเด็กชายดังกล่าวจนประสบความสำเร็จท่ามกลางการลุ้นระทึกของเจ้าหน้าที่ในปฏิบัติการครั้งนี้ สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เจ้าหน้าที่ต้องช่วยผู้ประสบภัยจากกระแสน้ำเชี่ยวกรากถึง 20 รายนับตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักซึ่งเป็นอิทธิพลมาจากพายุไซโคลน Oswald ทำให้หลายพื้นที่ทางเหนือของควีนส์แลนด์จมน้ำ ขณะที่ทางหลวงสำคัญหลายสาย รวมทั้งถนน 70 สายถูกตัดขาดจากน้ำท่วม

สหรัฐอเมริกา-ไฟไหม้โกดังที่น้ำแข็งเกาะ



เจ้าหน้าที่ดับเพลิงประมาณ 170 นายที่เมืองชิคาโกของสหรัฐฯ เร่งดับเพลิงที่เผาโกดังสินค้า หลังจากสามารถควบคุมเพลิงได้แล้วเมื่อ 2 วันก่อน แต่เมื่อวานนี้ไฟกลับมาลุกไหม้อีกครั้ง ท่ามกลางความกังวลว่า น้ำแข็งที่ปกคลุมอาคาร อาจกดทับจนอาคารพังถล่ม ขณะที่อากาศหนาวจัด ทำให้การดับเพลิงทำได้ยากขึ้น เนื่องจากหัวดับเพลิง และสายฉีดน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง

อิตาลี-น้ำท่วมเวนิสก่อนเริ่มงานคาร์นิวัล



ระดับน้ำในเมืองเวนิส เพิ่มสูงขึ้นผิดฤดูกาล และล้นพนังกั้นน้ำเข้าท่วมจัตุรัสเซนต์มาร์ค ทำให้นักท่องเที่ยวต้องหนีน้ำขึ้นไปเดินบนสะพานไม้ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อการเตรียมงานเทศกาลคาร์นิวัล ที่จะเริ่มต้นวันเสาร์นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาร่วมงานนับแสนคน

นิวยอร์ค ยังเผชิญกับอากาศหนาวฉับพลัน



หลังจากได้เห็นสภาพอากาศหนาวจัดแบบสุดขั้วที่ชิคาโกไปเมื่อวานนี้แล้ว ที่มหานครนิวยอร์คก็มีสภาพไม่แตกต่างกัน อากาศเย็นจัด อุณหภูมิติดลบ

มวลอากาศแถบบอาร์คติคซึ่งเป็นมวลอากาศที่มีอุณหภูมิหนาวจัดที่แผ่ปกคลุมมหานครนิวยอร์คและพื้นที่อื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ ทำให้สภาพอากาศในนิวยอร์คเรียกว่าเย็นยะเยือก สระน้ำและน้ำพุในสวนสาธารณะกลายสภาพเป็นน้ำแข็ง ขณะที่อุณหภูมิติดลบ 9.4 องศาเซลเซียส

และแม้อากาศจะเย็นจัด แต่ก็ไม่ได้ทำใหชาวนิวยอร์คอยู่กันแต่ในบ้านแต่อย่างใด หลายคนพากันออกนอกบ้านเพื่อมาชมความสวยงามของนิวยอร์ค พร้อมเครื่องกันหนาวแบบเต็มที่ บางคนออกว่าชอบอากาศแบบนี้ ตราบเท่าที่ไม่มีฝนและลูกเห็บตก รวมทั้งลมแรง ขณะที่อีกคนหนึ่งบอกว่า อุณหภูมิที่ลดต่ำลงก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะนิวยอร์คต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดในฤดูร้อนก่อนหน้านี้ ที่สำคัญหนาวแบบนี้สามารถทำให้พวกเขานำเอาเสื้อผ้ากันหนาว รวมทั้งรองเท้าบู้ทออกมาใส่หลังจากเก็บไว้ในตู้มานานถึง 2 ปี ทั้งนี้คาดว่า นิวยอร์คจะต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวจัดเช่นนี้ต่อไปจนถึงสุดสัปดาห์นี้และอาจจะมีหิมะตกลงมาด้วย

สำหรับมวลอากาศแถบบอาร์คติกที่แผ่ลงมจากแคนาดาทำให้พื้นที่ตั้งแต่ตะวันออกเฉียงเหนือไปจนถึงตะวันตกตอนกลางอุณหภูมิลดต่ำลง ที่เมืองเมือง Ely รัฐมินเนโซตา อุณหภูมิติดลบถึง 34 องศาเซลเซียส


ที่มาจาก ครอบครัวข่าว3

 

พายุโซนร้อน Peta ที่ขึ้นฝั่งออสเตรเลืย ได้สลายตัวแล้ว

 

ช่วงนี้มีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ พายุสุริยะออกมาหลายกระแสมากมีทั้งคล้อยตามและก็คัดค้าน ดังนั้นขอให้ทุกๆท่านที่ได้อ่านข่าวตามแหล่งที่มาต่างๆ โปรดพิจารณาและคิดให้รอบคอบก่อนที่จะเชี่อถือข้อมูลใดๆอย่างจริงจังนะครับ และผมก็มีข้อมูลจากแหล่งข่าวหลายที่และก็เป็นที่รู้จักกันในวงสังคมเอามาให้ทุกท่านได้ดูกันครับ


“นาซา” เตือน ดวงอาทิตย์ปล่อย “มวลสารโคโรนา” มหาศาล พุ่งใส่โลกใน 3 วัน ชี้ระบบสื่อสาร-ไฟฟ้าอาจมีปัญหา




เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สำนักงานบริหารอวกาศและการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (24) ว่า เกิดอนุภาคพลังงานสูงจำนวนมากพวยพุ่งออกมาจากโคโรนาของดวงอาทิตย์ เมื่อช่วงเช้าวันพุธ (23) ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีก้อนมวลสารโคโรนา (ซีเอ็มอี ) จำนวนมหาศาลจากดวงอาทิตย์ กำลังมุ่งหน้ามายังโลกของเราด้วยความเร็วสูง และคาดว่าจะถึงชั้นบรรยากาศของโลกภายใน 1 ถึง 3 วันข้างหน้า

ข้อมูลขององค์การนาซาและองค์การอวกาศยุโรป (อีเอสเอ) ระบุตรงกันว่า ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์พ่นมวลโคโรนาที่เกิดขึ้นส่งผลให้มวลสารดังกล่าวพุ่งกระจายออกมาจากดวงอาทิตย์ และกำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้ามายังโลกของเราด้วยความเร็วประมาณ “375 ไมล์ต่อวินาที” โดยคาดว่าจะเดินทางมาถึงยังชั้นบรรยากาศของโลกของเราภายใน 24-72 ชั่วโมงข้างหน้านี้ พร้อมเตือนประเทศต่างๆ เตรียมหาทางรับมือ

ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงอาทิตย์ของนาซาระบุว่า ซีเอ็มอีซึ่งเกิดจากอนุภาคพลังงานสูงจำนวนมากที่พุ่งออกมาจากโคโรนาของดวงอาทิตย์นั้น สามารถเทียบได้กับระเบิดปรมาณูที่กองทัพสหรัฐฯใช้ทำลายเมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นับแสนล้านลูก

ทั้งนี้ เมื่อซีเอ็มอีเคลื่อนตัวพุ่งเข้ามาปะทะกับชั้น “แมกนีโทสเฟียร์” ซึ่งเป็นชั้นสนามแม่เหล็กโลก จะส่งผลให้เส้นแรงแม่เหล็กของโลกเกิดการยุบตัวลง และอาจก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “พายุแม่เหล็กโลก” ได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ระบบส่งกำลังไฟฟ้าผ่านสายไฟฟ้าบนพื้นโลกอาจไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และอาจทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่หลายส่วนของโลก นอกจากนั้น พลังงานจากซีเอ็มอี ยังสามารถทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนดาวเทียม หรือยานสำรวจอวกาศต่างๆ ได้เช่นเดียวกับระบบนำทาง “จีพีเอส”

ที่มาข้อมูลข่าวจาก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์http://www.manager.co.th/Around/Vie...0010207&utm_source=dlvr.it&utm_medium=twitter




ที่มาข้อความจาก http://paipibat.com/


สรุป ๔ หัวข้อข่าวสำคัญจาก NOAA วันนี้
๑. ปฏิกิริยาจุดดับบนดวงอาทิตย์เงียบ(หรือนัยะผิดปกติ)
๒. มวลพลังงานจากพายุสุริยะที่ระเบิดก่อนหน้านี้มาถึงโลกแล้ววันนี้จะกินเวลา ๓ วัน
จึงพัดผ่านไป (๒๕-๒๗) แต่ที่ระเบิดเมื่อวาน NOAA ยังไม่ได้ประกาศ แต่ก็ไม่พลาดโลก
อีกแน่นนอน เพราะขอย้ำว่า การระเบิดแต่ละครั้ง กระจายไปทั่วอวกาศ แม้นไม่ตรงโลก
แต่ก็มาถึงโลกหมดทุกดอกนะครับ ข้อมูลมากมายที่ NOAA ตัดทิ้งไม่แสดงผล
เพราะพิจารณาว่าไม่สำคัญ (แต่จริงๆสำคัญหมด)
๓. Comet PanSTARRS จะโคจรผ่านวงแหวนรอบในของระบบสุริยะ (พุธ ศุกร์ โลก อังคาร)
ซึ่งไม่เคยผลุบเข้ามา ย้ำ มันไม่เคยโคจรเข้ามาก่อนเลย มีนาคมนี้จะโคจรผ่านดวงพุธ
ดาวที่ใกล็ดวงอาทิตย์ที่สุด และจะสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าประมาณกลางเดือนมีนาคมนี้
NOAA บอกด้วยว่า อะไรๆ ก็อาจเกิดขึ้นได้ (almost anything could happen ranging from -
an anticlimatic "bake-out" to a spectacular disruption ฮา)
เพราะดางหางดวงนี้โคจรผ่าเข้ามาเรียกว่าจะแกนกลางระบบสุริยะก็ว่าได้เฉยเลย
มันผ่าเข้ามาได้อย่างไร???????
๔. เป็นครั้งที่ ๓ ของเดือน ที่เกิด filaments ใหญ่และยาว และระเบิดออกมาไกลมาก
สิ่งที่ NOAA ไม่ได้รายงานคือ เปลวระเบิดของฟิลาเม้นท์ลูกนี้ ยาวไกลมาเลยดาวพุธ
เข้ารอบต่อดาวศุกร์ ปรากฏการณ์แบบนี้น่ากลัวไม่น้อยกว่า CME แบบแรงๆ เพราะ
เพื่อนเล่นออกมาไกลแบบนิ่มๆ ไม่กระโต็กกระต๊าก แต่พลังงานไม่นิ่มๆ

สรุปข่าววันนี้ได้ว่า ไม่ว่าฝนดาวตก หรือ ดาวหาง หรือ อุกาบาท ก็ดี
๒๐๑๓ ได้เข้ามาในวงโครจรของโลกมากขึ้น ปรากฏให้เห็นใกล้โลกมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่ไม่เคยเกิดปกติมาก่อนหลายสิบปี ร้อยปี พัน ปี กำลังเกิดในปีนี้
และแน่นอนต่อปีหน้า ๒๐๑๔ ถึงจะเบาบางลง (ตามการคาดการณ์)
๑๓-๑๘ กุมภาพันธ์ ระวังภัยจากอุกาบาทเฉี่ยวโลก
๑๓-๑๘ มีนาคม ระวังดาวหางใกล้โลก
ทำชีวิตให้ปกติ เจริญสติ ด้วยความไม่ประมาท

ที่มาข้อมูลจาก http://www.psemc.org/

 

13.00 น. 25-01-2013 TH. จาก TSR. พายุโซนร้อน GARRY ได้เปลี่ยนสภาพเป็นพายุไซโคลนระดับ 2 ความเร็วลมศูนย์กลางเพิ่มเป็น 85 น๊อต ขณะนี้เส้นทางเข้าใกล้เกาะ Cook แล้ว



น้ำท่วมจระเข้หลุดจากฟาร์มแอฟริกาใต้ 15,000 ตัว


น้ำท่วมหลากฉับพลัน ทำให้จระเข้ราว 15,000 หลุดจากฟาร์มเลี้ยงทางภาคเหนือของแอฟริกาใต้ พนักงานและหน่วยกู้ภัยช่วยกันตามจับคืนได้ประมาณครึ่งหนึ่ง ที่เหลือยังหลบหนี

วันนี้ (25 ม.ค.) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากเมืองโยฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ว่า จระเข้เลี้ยงประมาณ 15,000 ตัว หลุดหนีออกจากฟาร์มจระเข้รัคเวนา ทางเหนือของประเทศแอฟริกาใต้ ใกล้เขตแดนบอตสวานา หลังเกิดฝนตกหนักและน้ำในแม่น้ำลิมโปโป ที่อยู่ใกล้เคียงเอ่อล้นตลิ่ง ไหลท่วมพื้นที่สองฟากฝั่ง นายซาเน่ ลังแทน บุตรเขยเจ้าของฟาร์มรัคเวนา เผยต่อผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์บีลด์ ว่า แม่น้ำลิมโปโปเป็นหนึ่งในแม่น้ำสายใหญ่สุดของประเทศ น้ำเอ่อล้นฝั่งทำให้เกิดน้ำท่วมหลากฉับพลัน จระเข้ในฟาร์มรัคเวนาหลุดหนีหายไปประมาณ 15,000 ตัว หลังเกิดเหตุ พนักงานของบริษัท ร่วมกับหน่วยกู้ภัยและอาสาสมัครท้องถิ่น สามารถตามจับคืนกลับมาได้ประมาณครึ่งหนึ่ง โดยหลายตัวจับได้ห่างจากฟาร์มประมาณ 120 กม. ส่วนที่เหลือยังหลบหนีลอยนวล และว่า ทางฟาร์มจำเป็นต้องเปิดประตูใหญ่ด้านหน้า ตอนน้ำท่วมทะลัก เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้จระเข้ในฟาร์มเป็นอันตราย
เจ้าหน้าที่แอฟริกาใต้ เผยอีกว่า ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน ให้น้ำท่วมหลากในหลายพื้นที่ของแอฟริกาใต้และโมซัมบิก ประเทศเพื่อนบ้าน มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และทางการต้องอพยพประชาชนออกพ้นพื้นที่เสี่ยงนับหมื่นคน.

ที่มาจาก เดลินิวส์

 

26-01-2013

กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว



กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว หลังมีประกาศพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม จัดตั้งกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวานนี้ (24 ม.ค.56)
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตรมีฐานะเป็นนิติบุคคล ถูกจัดอยู่ในกลุ่มภารกิจด้านบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อการผลิต ซึ่งประกอบด้วย กรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ที่ร่วมอยู่ในกลุ่มภารกิจเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะมีหน้าที่และความรับผิดชอบในเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในบรรยากาศของประเทศโดยตรงแล้ว ยังเพิ่มบทบาทในการบูรณาการทั้งด้านการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนงาน และการดำเนินงาน ในด้านการจัดหาน้ำเพื่อการเกษตร การบริจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ การป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติที่เกี่ยวข้อง การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีฝนหลวงและการดัดแปรสภาพอากาศต่าง ๆ และการให้บริการด้านการบินและการสื่อสารในการสนับสนุนภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำหรับภารกิจสำคัญที่จะเร่งรัดดำเนินการเมื่อเป็นกรมฝนหลวงแล้ว คือ 1) การจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาองค์กรกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ระยะเร่งด่วน และระยะ 5 ปี 2) การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคที่สมบูรณ์ให้ครบ 5 ศูนย์ (5 ภาค) เพื่อกระจายอำนาจการตัดสินใจ และการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานระดับกลุ่มจังหวัด จังหวัด และระดับท้องถิ่น ในการให้บริการฝนหลวงที่แม่นยำ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ 3) การเพิ่มจำนวนหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคให้เพียงพอและเหมาะสมกับจำนวนจังหวัดและพื้นที่รับผิดชอบของแต่ละศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาค 4) การเข้าร่วมกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนงาน เชิงบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านการบริการจัดการทรัพยากรน้ำชองประเทศ การป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้อง การอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และการให้บริการด้านการบินในภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5) การลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาองค์กร บุคลากร และเทคโนโลยีกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 6) การเร่งรัดพัฒนาผลงานวิจัยในด้านเทคโนโลยีฝนหลวง การดัดแปรสภาพอากาศ และองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์บรรยากาศของประเทศไทย 7) การแสดงบทบาทผู้นำทางด้านเทคโนโลยีฝนหลวงของประเทศไทย ในฐานะเป็นศูนย์กลางการดัดแปรสภาพอากาศแห่งอาเซี่ยน และการเป็นประเทศสมาชิกด้านการดัดแปรสภาพอากาศขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ซึ่งภารกิจต่างๆที่ยกมาเป็นตัวอย่างนี้ จะมีผลสำคัญต่อการพัฒนาประสิทธิภาพในการทำฝนหลวงให้บริการประชาชน และการร่วมขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วนที่จำเป็นต้องดำเนินการของรัฐบาล

ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : รัชฎา ตรงดี / สวท. รัชฎา ตรงดี / สวท.
Rewriter : ศศิธร ภู่จีนาพันธ์ / สวท. ศศิธร ภู่จีนาพันธ์ / สวท.
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th


พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 26 มกราคม 2556 เวลา 07.00 น.

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไป ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออกรวมทั้งกรุงเทพมหานคร มีฝนเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจายในระยะนี้
พยากรณ์อากาศตั้งแต่เช้าวันนี้ (26 ม.ค. 56) จนถึงเช้าวันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส
ภาคกลาง มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต และกระบี่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส
สภาวะระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ คำนวณโดยกรมอุทกศาสตร์
วันนี้ น้ำขึ้นเต็มที่ เวลา 08.39 น. สูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 1 เมตร 16 เซนติเมตร และเวลา 17.09 น. สูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 1 เมตร 4 เซนติเมตร
น้ำลงเต็มที่ เวลา 01.11 น. ต่ำกว่าระดับทะเลปานกลาง 67 เซนติเมตร และเวลา 14.07 น. สูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 79 เซนติเมตร
วันนี้ ที่ประภาคารกาญจนาภิเษก แหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต ดวงอาทิตย์ตกเวลา 18.32 น.
กรุงเทพมหานคร ดวงอาทิตย์ตกเวลา 18.15 น.

ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : จุฑาทิพย์ แสนยศ จุฑาทิพย์ แสนยศ
Rewriter : กัลยา คงยั่งยืน / สวท. กัลยา คงยั่งยืน / สวท.
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th


เหนือตอนล่างอีสานบนภาคกลางตอ.มีฝนเป็นแห่งๆ



กรมอุตุฯ เผย ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร มีฝนแห่งๆ ถึงกระจาย-มีหมอกในตอนเช้า
ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานคร มีฝนเป็นแห่งๆ ถึงกระจายในระยะนี้

สำหรับ กรุงเทพฯและปริมณฑล มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ช.ม.

ที่มาข่าวจาก INN

สังเวยแล้ว 36 ศพน้ำท่วมใหญ่ “โมซัมบิก”


ชาวโมซัมบิกกำลังเผชิญความเดือดร้อนอย่างหนักจากอุทกภัยครั้งใหญ่ ที่ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 36 ศพ และทำให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยอีกเกือบ 70,000 คน

วันนี้ ( 26 ม.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมาปูโต ประเทศโมซัมบิกว่า อุทกภัยครั้งใหญ่ในโมซัมบิกคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 36 ศพ และทำให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยอีกเกือบ 70,000 คน ขณะที่ทางการออกประกาศเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่ส่อเค้าเลวร้ายลงอีก


รายงานของสำนักงานองค์การสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ประจำโมซัมบิก เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ ระบุว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิตขณะนี้ ซึ่งอยู่ที่ 36 ศพนั้น 26 ศพ เสียชีวิตในจังหวัดกาซา ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด


นอกจากนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุทกภัยครั้งใหญ่ ที่มีสาเหตุจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งสัปดาห์ ยังทำให้มีประชาชนอย่างน้อย 67,995 คน ต้องไร้ที่อยู่อาศัย และอีกกว่า 85,000 คน ได้รับผลกระทบจากระดับน้ำในแม่น้ำที่เอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือน รวมถึงพื้นที่การเกษตร สำนักงานยูเอ็นประจำโมซัมบิกจึงเรียกร้องขอความช่วยเหลือ โดยเสนอให้มีการจัดตั้งกองทุนฉุกเฉิน เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งส่วนใหญ่มีฐานะยากจน


ขณะที่นายโจเอา คาร์ลอส โฆษกรัฐบาลโมซัมบิก แถลงยอมรับว่า สถานการณ์อาจแย่ลงกว่าเดิม เนื่องจากมีรายงานพยากรณ์อากาศออกมาว่า จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นอีกตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์นี้เป็นต้นไป โดยประชาชนในเมืองไซ-ไซ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางตะวันออกค่อนลงมาทางใต้ของประเทศ อาจต้องเผชิญกับระดับน้ำที่สูงถึง 8 เมตร ทางการต้องเร่งอพยพประชาชนในพื้นที่ราว 30,000 คน


อุทกภัยที่เกิดขึ้นครั้งนี้สร้างความเสียหาย และความเดือดร้อนเป็นวงกว้างให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำลิมโปโป หนึ่งในแม่น้ำสายสำคัญในภูมิภาค สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนไหลลงสู่แม่น้ำสายย่อย แล้วเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ตลอดจนพื้นที่เกษตรกรรมในซิมบับเว โมซัมบิก และแอฟริกาใต้ ที่มีรายงานพบผู้เสียชีวิตแล้ว 12 ศพ

ที่มาจาก เดลินิวส์

ปภ. เผย13จว.ยังประสบภัยหนาว-26 จว.แล้ง


ปภ. รายงาน 13 จังหวัด ยังประสบภัยหนาว 26 จังหวัดประสบภัยแล้ง น้ำในเขื่อนทั่วประเทศ เหลือร้อยละ 66

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. รายงานสถานการณ์สาธารณภัย ประจำวันที่ 26 ม.ค.2556 ว่า จังหวัดที่มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ภัยหนาวมี 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ อุตรดิตถ์ แม่ฮ่องสอน เชียงราย เลย แพร่ ลำพูน น่าน หนองบัวลำภู มุกดาหาร ตาก ลำปาง และจังหวัดเพชรบูรณ์

ปัจจุบัน ยังคงเหลือพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ฝนทิ้งช่วงภัยแล้ง 26 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ อุดรธานี บึงกาฬ มหาสารคาม ยโสธร อำนาจเจริญ นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น บุรีรัมย์ นครราชสีมา สุโขทัย พิษณุโลก อุบลราชธานี นครสวรรค์ สุรินทร์ เชียงใหม่ แพร่ อุตรดิตถ์ พะเยา พิจิตร จันทบุรี เลย ตาก ลำพูน และเชียงราย โดยจังหวัดที่ประกาศยุติภัยพิบัติฉุกเฉิน 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดหนองคาย ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู ร้อยเอ็ด มุกดาหาร สกลนคร

ส่วนสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ มีปริมาตรน้ำในอ่าง ทั้งหมด 46,031 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น ร้อยละ 66 ของความจุอ่างทั้งหมด ปริมาณน้ำไหลลงอ่าง วันนี้ 15.03 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบายวันนี้ 121.24 ล้านลูกบาศก์เมตร

 

ไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง



อุตุฯ เผย ประเทศไทยตอนบน มีฝนฟ้าคะนอง กับลมกระโชกแรง บวกกับเย็นลง 3-5 องศาฯ

ลักษณะอากาศทั่วไป เมื่อเวลา 16:00 น.วันนี้ บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่ง ได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ในวันพรุ่งนี้ (27 ม.ค. 56) ประกอบกับคลื่นกระแสลมตะวันตก จะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 28-30 มกราคม 2556 ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยตอนบน มีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอากาศจะเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส โดยขอให้ประชาชนในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง ตลอดจนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงวันที่ 26-30 มกราคม นี้ไว้ด้วย
พยากรณ์อากาศสำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่เวลา 17:00 น.วันนี้ - 17:00 น.วันพรุ่งนี้ มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ออกประกาศ 26 มกราคม 2556 เวลา 17:00 น.

ที่มาจาก INN

 

ขอบคุณสำหรับข่าวค่ะ พี่ Engineer03
ช่วงนี้มีธุระ เลยไม่ได้เข้ามาอ่านหลายวัน

และขอเอาใจช่วย คนที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ
ที่เกิดขึ้นในหลายๆประเทศตอนนี้
ขอให้ปลอดภัยทุกคนค่ะ

;aa6;aa6;aa6

 

19.00 น. 26-01-2013 TH. จาก TSR. พบพายุโซนร้อน THIRTEEN (13S) ในมหาสมุทรอินเดีย ความเร็วลมศูนย์กลางอยู่ที่ 35 น๊อต ทิศทางพายุมุ่งหน้า มาดากัสก้า

 

พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 27 มกราคม 2556 เวลา 07.00 น.

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไปบริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศลาว และเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ในวันนี้ (27 ม.ค. 56) ประกอบกับคลื่นกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือในช่วงวันที่ 29-31 มกราคม 2556 ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง กับลมกระโชกแรงในระยะแรก จากนั้นอากาศจะเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงตลอดจนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงวันที่ 27-31 มกราคมนี้ไว้ด้วย
สำหรับ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นในวันพรุ่งนี้ (28 ม.ค. 56) ทำให้ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ชาวเรือโดยเฉพาะในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงวันที่ 28-31 มกราคม 2556

พยากรณ์อากาศตั้งแต่เช้าวันนี้ (27 ม.ค. 56) จนถึงเช้าวันพรุ่งนี้

ภาคเหนือมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่กับลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็ง บางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3-9 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ และนครราชสีมา ในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส

ภาคกลางมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี ในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-19 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง และจันทบุรี ในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-19 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
สภาวะระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ คำนวณโดยกรมอุทกศาสตร์
วันนี้ น้ำขึ้นเต็มที่ เวลา 09.02 น. สูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 1 เมตร 21 เซนติเมตร และเวลา 17.55 น. สูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 98 เซนติเมตร
น้ำลงเต็มที่ เวลา 01.56 น. ต่ำกว่าระดับทะเลปานกลาง 75 เซนติเมตร และเวลา 14.33 น. สูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 59 เซนติเมตร
วันนี้ ที่ประภาคารกาญจนาภิเษก แหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต ดวงอาทิตย์ตกเวลา 18.48 น.
กรุงเทพมหานคร ดวงอาทิตย์ตกเวลา 18.50 น.

ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : เอกสารข่าว เอกสารข่าว
Rewriter : ชนิดา ศรีปัญญา
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

แอฟริกาใต้ตามจับจระเข้ที่หนีออกจากฟาร์มช่วงน้ำท่วม


แอฟริกาใต้ปฏิบัติการไล่ล่าจระเข้ครั้งใหญ่ สามารถจับได้หลายพันตัวแล้ว หลังจากที่หนีออกมาจากฟาร์มช่วงน้ำท่วมใหญ่ตั้งแต่วันอาทิตย์สัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกันทางการก็เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาต่อสาธารณชนว่า ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม

วันนี้ (27 ม.ค.)สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองโยฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ว่า โฆษกตำรวจแอฟริกาใต้แถลงว่า ปฏิบัติการไล่ล่าจระเข้ครั้งใหญ่นั้น เจ้าหน้าที่สามารถจับจระเข้กลับมาได้แล้วหลายพันตัวด้วยกัน หลังจากที่สื่อท้องถิ่นของแอฟริกาใต้รายงานว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของจระเข้ที่เลี้ยงไว้ในฟาร์มราควีนา 15,000 ตัว ทางตอนเหนือของประเทศ ได้หลบหนีออกมาจากฟาร์ม เมื่อวันอาทิตย์สัปดาห์ที่แล้ว เพราะมีฝนตกลงมาอย่างหนัก เจ้าของจึงต้องเปิดประตูฟาร์ม เพื่อไม่ให้เกิดน้ำขึ้นจากพายุ จระเข้จึงหลุดออกไปเพ่นพ่านหลายแห่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าในเมืองมูซินา ห่างจากเมืองโยฮันเนสเบิร์ก 120 กม. นอกจากนั้นยังต้องใช้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานบริหารจัดการวิบัติภัยเข้ามาช่วยจับจระเข้ เพราะทางฟาร์มมีกำลังแต่น้อยเท่านั้น

โฆษกสำนักงานบริหารจัดการวิบัติภัย กล่าวด้วยว่า การจับจระเข้ในช่วงกลางคืนจะเป็นผลดี เพราะดวงตาของมันจะสะท้อนแสง ขณะเดียวกัน โฆษกของฟาร์ม ก็บอกว่า จระเข้ส่วนใหญ่จะตัวยังเล็ก ตัวใหญ่ที่สุดก็ประมาณ 2.5 เมตรเท่านั้น วิธีจับก็ไม่ยาก หากขึ้นหลังมันได้ ก็หาอะไรมัดปากมันไว้ก่อน ตามมาด้วยมัดขาทั้งสี่ข้าง แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังเตือนว่า จระเข้อาจหนีได้ไกลเป็นสิบกิโลเมตร ทำให้ตามจับได้ยาก

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทางตอนเหนือของแอฟริกาใต้ ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่โดยเฉพาะแม่น้ำลิมโปโป แล้วยังกระทบไปถึงเพื่อนบ้านโมซัมบิกด้วย มีคนไร้ที่อยู่อาศัยจำนวนมาก

ออสเตรเลีย-พายุถล่มรัฐควีนแลนด์



รัฐควีนแลนด์ของออสเตรเลีย เผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายอย่างต่อเนื่อง หลังมีพายุทอร์นาโด 5 ลูก พัดถล่มเขตบันดาเบิร์ก ทางตะวันออกของรัฐ สร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง

เจ้าหน้าที่กู้ภัยออสเตรเลีย ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา หลังจากได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉินทางโทรศัพท์นับพันรายที่ได้รับความเดือดร้อนจากอิทธิพลของพายุทอร์นาโด อย่างน้อย 5 ลูก ที่พัดถล่มเมืองบันดาเบิร์ก พื้นที่ชายฝั่งของรัฐควีนแลนด์ ในเวลาไล่เลี่ยกันเมื่อวานนี้

โดยอิทธิพลของพายุ ทำให้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักและลมกระโชกแรง ทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 150 หลัง โดยเฉพาะที่เขตเฮอร์เวย์ เบย์ และ วายด์ เบย์ ได้รับความเสียอย่างหนัก และมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บด้วยอย่างน้อย 18 คน

ขณะเดียวกันกระแสลมได้พัดต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่นจนทำให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง ประชาชนหลายหมื่นคนต้องอยู่โดยไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ คาดว่าจะต้องใช้เวลา 2 วัน กว่าจะกู้ไฟให้กลับมาใช้ได้ปกติ

ขณะเดียวกันที่เมือง บาร์การ่า และ เบอร์เน็ท เฮดส์ ได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ หลังจากที่พายุพัดลถ่ม ล่าสุดมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 18 คน

ทั้งนี้สำนักอุตุนิยมวิทยา เตือนสภาพอากาศเลวร้ายบริเวณชายฝั่งตะวันออกตั้งแต่ช่วงตอนกลางของรัฐควีนส์แลนด์ไปจนถึงรัฐนิวเซาธ์ เวลส์ จะเกิดขึ้นอีกและอาจมีความรุนแรงกว่าเดิมด้วย


เชียงใหม่-เหนือจะหนาวลงอีก 3-5 องศา



พื้นที่ภาคเหนือหนาวจัด ดอยอ่างขางยอดหญ้า 0.3 องศา และจะหนาวเย็นลงอีก 3-5 องศา ผลจากหนาวระลอกใหม่กำลังแรงเข้าปกคลุมภาคเหนือแล้ว แต่วันที่ 28-30 ม.ค จะมีฝนและลมเนื่องจากมีคลื่นกระแสลมตะวันตกมาปะทะกับลมหนาว

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือเตรียมรับมือสภาพอากาศแปรปรวนในระยะนี้ เนื่องจากจะมีทั้งฝน ลมแรง และอากาศจะหนาวเย็นลงอีกครั้ง ทั้งนี้เป็นผลมาจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่ง จะแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในวันนี้ (27 ม.ค. 56) ประกอบกับคลื่นกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 28-30 มกราคม 2556 ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงในระยะแรกและอากาศจะเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง ตลอดจนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ไว้ด้วย เกษตรกรควรระวังความเสียหายจากฝนฟ้าคะนองในช่วงดังกล่าว และติดตามรายงานสภาพอากาศอย่าใกล้ชิด

สำหรับเช้านี้ พื้นที่ภาคเหนือตอนบนมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป กับมีอากาศหนาวจัดในบางพื้นที่ บางจังหวัด เข้าสู่ช่วงที่หนาวจัดที่สุดในรอบปีอีกครั้ง อุณหภูมิต่ำสุดพื้นราบอยู่ระหว่าง 12-18 องศา ต่ำสุดพื้นราบอยู่ที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน 7.7 องศา ขณะที่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน 10.6 องศา ขณะที่ ลำพูน 10.9 เชียงใหม่ 12.9 องศา

ส่วนบริเวณเทือกเขา และยอดดอยมีอากาศหนาวจัด 4-10 องศา ต่ำสุดเช้านี้ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่วัดได้ 2.5 องศา ขณะที่อุณหภูมิยอดหญ้าเหลือเพียง 0.3 องศา กับมีแม่คะนิ้งเป็นบริเวณกว้าง ส่วนที่ยอดดอย อินทนนท์ อ.จอมทอง 8.5 องศา

ออสเตรเลีย-พายุถล่มรัฐควีนแลนด์ตายแล้ว 1



รัฐควีนส์แลนด์ของออสเตรเลีย เผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน สูญหายอีก 2 คน พร้อมประกาศเตือนประชาชนรับมือพายุไซโคลน และ ทอร์นาโด พัดถล่ม หวั่นเกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง

โดยก่อนหน้านี้อิทธิพลของพายุทอร์นาโดอย่างน้อย 5 ลูก ที่พัดถล่มชายฝั่งของรัฐควีนแลนด์ โดยเฉพาะที่เมืองบันดาเบิร์ก ทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 150 หลัง ต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่น จนทำให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง ขณะเดียวกันมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากพายุอย่างน้อย 18 คน

ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยทำงานแข่งกับเวลา เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ล่าสุด ได้ดึงร่างชายผู้สูงอายุรายหนึ่งขึ้นจากน้ำที่ท่วมสูงที่เขตเบอร์เน็ต เฮดส์ และกำลังค้นหาชาย-หญิงคู่หนึ่ง ที่สูญหายไปกับกระแสน้ำ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม

ทั้งนี้ที่เมือง บาร์การ่า และ เบอร์เน็ท เฮดส์ ได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว ขณะเดียวกันทางการได้เตือนประชาชนในเมืองบันดาเบิร์กให้ระวังน้ำท่วมที่จะขยายวงกว้างและรุนแรงกว่าเดิม หลังจากที่ระดับน้ำในแม่น้ำของเมืองนี้อยู่เหนือระดับน้ำที่เคยท่วมเมื่อปี 2010 สำนักอุตุนิยมวิทยาคาดว่า ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 1 เมตร คาดว่าจะทำให้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ 300 หลังคาเรือนจมอยู่ใต้น้ำ ล่าสุด ทางการได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ทหาร 2 ลำ เพื่อช่วยลำเลียงประชาชนอพยพออกจากพื้นที่แล้ว

ทั้งนี้สำนักอุตุนิยมวิทยา เตือนสภาพอากาศเลวร้ายบริเวณชายฝั่งตะวันออกตั้งแต่ช่วงตอนกลางของรัฐควีนส์แลนด์ ไปจนถึง รัฐนิวเซาธ์ เวลส์ ใน 1-2 วันนี้

ที่มาจาก ครอบครัวข่าว3

 

กรุงเก่าผวาตลิ่งทรุดอีกแล้ว


ชาวบ้านเมืองกรุงเก่าผวาตลิ่งทรุดตัวอีกยาวกว่า 300 เมตร บ้านกว่า 30 หลังคาเรือนได้รับความเสียหาย เทศบาลตำบลนครหลวงจัดเตรียมหอประชุมธรรมมาภิบาล ไว้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราวของชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาเหตุตลิ่งทรุดในครั้งนี้

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 27 มกราคม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจริมตลิ่งของแม่น้ำป่าสัก ด้านหลังวัดตโนด หมู่ที่ 5 ต.นครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ตลิ่งริมแม่น้ำป่าสัก ด้านหลังวัดจโนด ได้เกิดยุบตัวลงสูงกว่า 2 เมตร เป็นระยะทางยาวกว่า 300 เมตร


จากการตรวจสอบพบว่า ริมตลิ่งของแม่น้ำป่าสัก ได้เกิดยุบตัวจริง และมีรอยร้าวเป็นทางยาว ต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ริมแม่น้ำยุบต่ำลงไป เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ เทศบลาลตำบลนครหลวง ได้นำป้ายเตือน อันตรายมาติดตั้งเอาไว้แล้ว


สอบถามนางนิสา ชำนาญ ผู้ช่วย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.นครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ทราบว่า เมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 27 มกราคม ได้มีชาวบ้านมาแจ้งว่า ตลิ่งริมแม่น้ำป่าสักบริเวณหลังวัดตโนดได้เกิดสไลด์และยุบตัวลง จึงได้ออกมาทำการตรวจสอบ ซึ่งในตอนแรก ดินได้ยุบตัวลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ได้สังเกตุเห็นว่า ดินได้ยุบตัวมากขึ้น จึงได้ประกาศให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ตลิ่งได้ขนข้าวของหนี เนื่องจากเกรงว่าดินจะยุบตัวลงพร้อมกับดึงเอาบ้านที่ปลูกอยู่ริมแม่น้ำพังเสียหายลงไปด้วยและอาจจะเกิดอันตรายได้


ส่วนทางด้าน นายวันชัย รักษาสกุล สมาชิกสภาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขต อำเภอนครหลวง ที่ได้ออกมาสำรวจร่วมกับชาวบ้าน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ดินตลิ่งของแม่น้ำป่าสักยุบตัวลง สาเหตุ น่าจะมาจากที่น้ำในแม่ยน้ำป่าสัก แห้งลงไปมาก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นช่วงที่น้ำลึก เมื่อน้ำลดลงไปมาก ตลิ่งซึ่งไม่มีน้ำดันเอาไว้จึงได้ยุบตัวลง และสาเหตุที่ 2 น่าจะเกิดจาก เรือบรรทุกสินค้าหนักซึ่งกินน้ำลึก ได้ทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำกัดกร่อนเอาดินใต้น้ำออกมา ทำให้ดินด้านบนไม่มีที่รองรับน้ำหนักเกิดยุบตัวลงมา เบื้องต้นตนได้รายงานเบื้องต้นให้กับทาง นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทราบแล้วและจะเดินทางมาทำการตรวจสอบด้วยตนเอง


ด้านนายพันธ์เลิศ มีวุฒิสม นายอำเภอนครหลวง ได้สั่งการให้ นายปัญญา จันทร์สระแก้ว ปลัดอำเภอได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและควงามเดือดร้อนของชาวบ้าน พบว่า ได้มีบ้านเรือนประชาชนที่ปลูกอยู่ติดริมแม่น้ำป่าสัก ที่คาดว่าน่าจะได้รับความเสียหายจำนวน 9 หลังคาเรือน และหากตลิ่งยังคงทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่องก็จะส่งผลให้ บ้านเรือนประชาชนที่อยู่เลยออกไปได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นอีกว่า 30 หลังคาเรือน โดยทางเทศบาลตำบลนครหลวงได้จัดเตรียมหอประชุมธรรมมาภิบาล ไว้รองรับเป็นที่พักอาศัยชั่วคราวของชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาเหตุตลิ่งทรุดในครั้งนี้แล้ว


ล่าสุด นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ลงพื้นที่สำรวจความเดือดร้อนของชาวบ้านด้วยตนเอง หากพบว่า บ้านใดได้รับความเดือดร้อนจากสาเหตุตลิ่งทรุดตัวก็ให้ทำหนังสือเรียกร้องขอความช่วยเหลือมายังองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยบา ผ่าน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติด้วย

เพลิงไหม้ไนท์คลับบราซิลเสียชีวิตกว่า 245 ศพ


เกิดเหตุเพลิงไหม้ไนต์คลับ ในเมืองซันตามาเรีย ทางภาคใต้ของประเทศบราซิล เมื่อเวลาประมาณ 2.00 น. รุ่งเช้าวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ขณะลูกค้าเข้าไปใช้บริการแน่นขนัดราว 2,000 คน เบื้องต้นพบศพผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 245 ราย แต่ตัวเลขอาจเพิ่มสูงกว่านี้ เผยต้นเพลิงเกิดจากการจุดพลุไฟแสงสี ประกอบการแสดงคอนเสิร์ตของวงดนตรีบนเวที

วันนี้ (27 ม.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบราซิเลีย ประเทศบราซิล ว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ไนต์คลับ ชื่อ “คิส” ในเมืองซันตามาเรีย ทางภาคใต้ของบราซิล เมื่อช่วงเช้าตรู่วันอาทิตย์ โดย นายซานโดร ไมเนิร์ซ โฆษกสำนักงานตำรวจเมืองซันตามาเรีย เผยว่า เหตุเกิดขณะที่กำลังมีการแสดงคอนเสิร์ตดนตรีบนเวที คาดว่าสาเหตุเพลิงไหม้น่าจะเกิดจากการจุดพลุไฟ ประกอบแสดงสีดนตรี ส่วน นายกีโด เมโล ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงรัฐริโอกรันดีโดซูล รวมทั้ง พ.ต. การ์สัน ดา โรซา เฟอร์ไรรา หัวหน้าหน่วยกู้ภัย กล่าวว่า เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 245 ราย แต่คาดว่าตัวเลขอาจสูงกว่านี้


เมืองซันตามาเรีย ประชากรราว 2.5 แสนคน อยู่ห่างจากเมืองปอร์โตอาเลเกร เมืองเอกของรัฐริโอกรันดีโดซูล ไปทางทิศตะวันตกราว 300 กิโลเมตร ใกล้เขตแดนประเทศอาร์เจนตินาและอุรุกวัย เป็นเมืองมหาวิทยาลัยสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ รายงานผ่านทางเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ เอสตาโด เดอ เซาเปาโลก ระบุว่า ไนท์คลับคิสเป็นหนึ่งในสภานบันเทิงยอดนิยมของนักเที่ยว ขณะเกิดเหตุเป็นเวลาเช้าตรู่ มีประชาชนทั้งลูกค้าเข้าไปใช้บริการและพนักงานภายในไนต์คลับดังกล่าวประมาณ 2,000 คน


นายเมโลเผยจากการบอกเล่าของพยานที่อยู่ในเหตุการณ์รายหนึ่งว่า หลังไฟเริ่มลุกไหม้ลาม เกิดการแตกตื่นโกลาหล ต่างคนต่างหนีเอาตัวรอดท่ามกลางความมืด นักเที่ยวจำนวนมากถูกเบียดเสียดล้มและถูกเหยียบย่ำหมดสติอยู่ที่พื้นภายในไนท์คลับ ศพผู้เสียชีวิตถูกหน่วยกู้ภัยและอาสาสมัคร นำไปไว้ที่โรงยิมเนเซียมท้องถิ่น ส่วนผู้บาดเจ็บซึ่งยังไม่ทราบจำนวนแน่ชัด ถูกนำส่งโรงพยาบาลหลายแห่งในเมือง


รายงานระบุอีกว่า นางดิลมา รุสเซฟ ประธานาธิบดีหญิงของบราซิล ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางเยือนประเทศชิลี ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศก่อนกำหนด และโดยกะทันหัน หลังได้รับทราบรายงานโศกนาฎกรรมในครั้งนี้ ทั้งนี้ นางรุสเซฟ เดินทางเยือนชิลีเพื่อร่วมการประชุมสุดยอด กลุ่มผู้นำ 27 ประเทศสหรัฐยุโรป และกลุ่มประชาคมรัฐแคริบเบียนและลาตินอเมริกา หรือ ซีอีแอลเอซี


เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้นับเป็นในเหตุการณ์รุนแรงที่สุด ที่เกิดขึ้นกับสถานบันเทิงในรอบหลายสิบปี โดยเมื่อปี พ.ศ. 2547 เกิดเพลิงไหม้ไนต์คลับแห่งหนึ่ง ในย่านคนใช้แรงงาน ในกรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงอาร์เจนตินา มีผู้เสียชีวิต 184 ราย ส่วนเพลิงไหม้ไนต์คลับแลม ฮอร์ส ในเมืองเพิร์ม ประเทศรัสเซีย เมื่อคืนวันที่ 5 ธ.ค. 2552 มีผู้เสียชีวิต 152 คน และไฟไหม้ไนต์คลับแห่งหนึ่งในรัฐโรดไอส์แลนด์ สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2546 มีผู้เสียชีวิต 100 ราย.

ที่มาจาก เดลินิวส์

 

28-01-2013

ภาคเหนือ-อีสาน-กลางมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชก


อุตุฯ ชี้ภาคเหนือ-อีสาน-ตะวันออก-กลาง ฝนฟ้าคะนองลมกระโชก ส่วนใต้ฟ้ามีฝนเพิ่มขึ้น

วันนี้ (28 ม.ค.) กรมอุตุฯ รายงานลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้แล้ว ประกอบกับคลื่นกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือในช่วงวันที่ 29-31 มกราคม 2556 ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง กับลมกระโชกแรงในระยะแรก จากนั้นอากาศจะเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงตลอดจนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงวันที่ 28-31 มกราคมนี้ไว้ด้วย


สำหรับ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นในวันพรุ่งนี้ (29 ม.ค. 56) ทำให้ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ชาวเรือโดยเฉพาะในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงวันที่ 28-31 มกราคม 2556

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์
ตอนบนของภาคอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-18 องศาเซลเซียส
ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส
สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด
อุณหภูมิต่ำสุด 3-9 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม มุดาหาร อำนาจเจริญ
อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ และนครราชสีมา
และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
สำหรับบริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว
อุณหภูมิต่ำสุด 11-17 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด
ลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-19 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด
นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส
สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-19 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาค
อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส
อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา:
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป :
ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาค
อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

28-31มค.ไทยตอนบน-กทม.เย็นลงฝนคะนองใต้ตกเพิ่ม



กรมอุตุนิมยมวิทยา เตือน ประชาชนภาคเหนือ อีสาน ภลางและตะวันออก ระวังตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ช่วง 28-31ม.ค.นี้

กรมอุตุนิมยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้แล้ว ประกอบกับคลื่นกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือในช่วงวันที่ 29-31 มกราคม 2556 ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยตอนบน มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงในระยะแรก จากนั้นอากาศจะเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงตลอดจนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงวันที่ 28-31 มกราคมนี้ไว้ด้วย สำหรับ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นในวันนี้ (28 ม.ค. 56) ทำให้ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ชาวเรือโดยเฉพาะในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงวันที่ 28-31 มกราคม 2556

ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ช.ม.

ขณะที่ เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 28 มกราคม เรดาร์ตรวจฝนของกรุงเทพมหานคร โดยสำนักการระบายน้ำ ตรวจพบกลุ่มฝนอ่อน - ปานกลาง ในเขตบางซื่อ หลักสี่ ปทุมวัน สาทร คลองเตย ดินแดง ห้วยขวาง บางนา พระโขนง สวนหลวง แนวโน้มคงที่

ทั้งนี้มีรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเวลา 03.00 น. ที่ผ่านมา ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก เป็นบริเวณกว้างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ รวมไปถึงยังส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังบนพื้นผิวการจราจร บริเวณถนนสุขุมวิทขาเข้าและขาออก ช่วงด้านหน้ากรมอุตุนิยมวิทยา แบริ่ง ลาซาล สะพานสำโรง โดยมีระดับสูงเสมอฟุตปาธ

รัฐควีนส์แลนด์ออสเตรเลียน้ำท่วมหนัก



ฝั่งตะวันออกออสเตรเลีย ยังต้องเผชิญกับน้ำท่วม จากอิทธิพลของไซโคลน ออสวัลด์ อย่างหนัก แต่นายกรัฐมนตรี กลับเดินทางไปเยี่ยมผู้ประสบภัยไฟป่า

สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ รายงานว่า บ้านเรือนประชาชนหลายร้อยหลัง ในรัฐควีนส์แลนด์ของออสเตรเลีย ถูกน้ำท่วม หลังถูก พายุไซโคลนออสวัลด์ถล่มภาคตะวันออกของประเทศและมีฝนตกหนัก ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา และมีรายงานประชาชนสูญหายไปจำนวนหนึ่ง

ที่เมืองบันดาเบิร์ก เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย พยายามที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนทางอากาศ หลังจากระดับน้ำสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่เคยบันทึกไว้และหวั่นเป็นอันตราย ส่วนในเมืองบริสเบน เมืองหลวงของรัฐ บ้านเรือนประชาชนเกือบ 5,000 หลัง กำลังเสี่ยงถูกน้ำท่วมเช่นกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับรายงานว่า มี 2 คน เสียชีวิต

นางจูเลีย จิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย ได้เดินทางเยี่ยมผู้ประสบภัยจากไฟป่าที่รัฐวิคตอเรีย แต่ นายโทนี แอ็บบ็อท ผู้นำฝ่ายค้าน จะเดินทางไปเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่

ที่มาจาก เดลินิวส์ INN

 

ภาพถ่ายดาวเทียม 28-01-2556 เวลา 10.00 น.





กลุ่มเมฆที่ 1 :
ภาคเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ตรวจไม่พบกลุ่มฝน
กลุ่มเมฆที่ 2 :
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ตรวจพบกลุ่มฝนปกคลุมทางตอนบนของภาค
กลุ่มเมฆที่ 3 :
กลุ่มเมฆฝนปกคลุมบริเวณ จ.สมุทรปราการ เคลื่อนตัวทางตะวันออกเฉียงใต้เข้าปกคลุมพื้นที่ จ.กรุงเทพมหานคร
กลุ่มเมฆที่ 4 :
ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก ตรวจพบกลุ่มฝนปกคลุมภาคตะวันออกและบริเวณชายฝั่ง
กลุ่มเมฆที่ 5 :
ภาคใต้ มีเมฆบางส่วน ตรวจไม่พบกลุ่มฝน

ที่มาจาก กรมอุตุนิยมวิทยา

ฝนหลงฤดูส่งผลดีต่อเขื่อนโคราชและพื้นที่การเกษตร


ฝนหลงฤดูส่งผลดีต่อเขื่อนโคราชและพื้นที่การเกษตร เขื่อนหลักโคราชลุ้นให้ฝนยังมีต่อเนื่อง หวังเพิ่มน้ำใช้หน้าแล้ง

วันนี้ ( 28 ม.ค.2556 ) นายประเทือง วันดี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรังปรุงระบบชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังจากที่เกิดฝนตกลงมาในพื้นที่ติดต่อกันในช่วง 2 – 3 วันที่ผ่านมา ทำให้ทางอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงมีปริมาณน้ำไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำบ้างแล้ว หลังจากที่ไม่มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างมานานกว่า 2 เดือน ส่งผลให้ทางอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงสามารถลดปริมาณการส่งน้ำเพื่อการเกษตรลงจากวันละประมาณ 1 ล้าน ลบ.ม. เหลือเพียง 7 แสน ลบ.ม. ซึ่งช่วยชะลอปริมาณการสูญเสียน้ำได้ระยะเวลาหนึ่ง นอกจากนี้ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องยังทำให้ปริมาณน้ำภายในลำน้ำธรรมชาติเพิ่มระดับสูงขึ้น เกิดความชุ่มฉ่ำส่งผลดีต่อพื้นที่การเกษตรของเกษตรกรที่กำลังทำการเพาะปลูกพืชในช่วงนี้ ส่วนปริมาณน้ำภายในอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงล่าสุด อยู่ที่ประมาณ 70 ล้าน ลบ.ม. จากความจุทั้งหมด 110 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 63.5 ของความจุ

ทางด้านหม่อมหลวงอนุมาศ ทองแถม ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา เปิดเผยว่า ฝนที่ตกติดต่อกันมาหลายวันในช่วงนี้ ส่งผลดีทำให้พื้นที่ที่กำลังประสบปัญหาความแห้งแล้งเกิดความชุ่มชื้น พืชผลทางการเกษตรของเกษตรกรได้รับน้ำลดความเสียหายได้ส่วนหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากฝนที่ตกลงมาในช่วงนี้เป็นการตกแบบกระจาย และปริมาณน้ำฝนไม่มากนัก จึงทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำสำคัญๆของจังหวัดนครราชสีมาทั้ง 5 แห่งมีจำนวนน้อย เพราะปริมาณน้ำที่เกิดจากฝนที่ตกลงมาจะไหลซึมลงสู่ดินที่อยู่ในสภาพแห้งแล้งอย่างรวดเร็ว แต่ประเมินว่าหากยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องก็จะเป็นผลดี เพราะเมื่อดินอิ่มน้ำแล้วปริมาณน้ำท่าที่จะไหลลงสู่อ่างก็จะเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังจะมีน้ำซับในดินซึ่งจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงสู่อ่างอีกระยะหนึ่งหลังจากฝนหยุดตก ซึ่งขณะนี้ตนเองก็ยังเน้นให้อ่างเก็บน้ำทุกแห่งนอกเหนือจากอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง ปิดการส่งน้ำเพื่อการเกษตร เพื่อกักเก็บน้ำให้ได้มากที่สุด ให้พอเหลือใช้ในการส่งเพื่อการอุปโภค – บริโภค ไปจนสิ้นสุดช่วงฤดูแล้งของปีนี้ ส่วนปริมาณน้ำภายในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 5 แห่งของจังหวัดนครราชสีมาล่าสุด ปริมาณน้ำเฉลี่ยรวมทุกอ่างอยู่ที่ประมาณ 540 ล้าน ลบ.ม.จากความจุทั้งหมด 1,060 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณร้อยละ 51 ของความจุรวมทั้งหมด.

ออสเตรเลียน้ำท่วมหนักเสียชีวิตแล้ว 3 ศพ


ชาวออสเตรเลียทางตะวันออกเฉียงเหนือกำลังเผชิญความเดือดร้อนจากอุทกภัยครั้งใหญ่ มีรายงานพบผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ศพ

วันนี้ ( 28 ม.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียว่า อุทกภัยครั้งใหญ่ที่กำลังสร้างความเสียหายให้แก่พื้นที่ใน 2 รัฐทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 ศพ ขณะที่กระแสน้ำยังคงไหลเอ่อล้นตลิ่งเข้าสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนประชาชน และพื้นที่การเกษตรอย่างต่อเนื่อง


นายแคมเบลล์ นิวแมน นายกรัฐมนตรีรัฐควีนส์แลนด์ แถลงในวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 2 ศพลอยมาตามกระแสน้ำ โดยศพหนึ่งพบในเมืองบริสเบน เมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์ ส่วนอีก 1 ศพพบในเมืองกิมปี เมื่อรวมกับการพบศพชายชราในเขตเบอร์เน็ตต์ เฮดส์ ใกล้กับเมืองบันดาเบิร์ก ที่มีพลเมืองกว่า 50,000 คน ห่างจากเมืองบริสเบนไปทางตอนเหนือราว 360 กิโลเมตร ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 3 ศพแล้ว


ทั้งนี้ สาเหตุของอุทกภัยครั้งใหญ่มาจากอิทธิพลรุนแรงของพายุไซโคลน “ออสวาลด์” ที่ทำให้บ้านเรือนในเมืองบันดาเบิร์กกว่า 2,000 หลังต้องจมอยู่ใต้น้ำ ส่งผลให้ประชาชนอีกจำนวนมากต้องอพยพขึ้นไปอาศัยบ้านหลังคาบ้านพัก ซึ่งนิวแมนยืนยันว่า ได้เร่งส่งเจ้าหน้าที่ออกไปให้ความช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนทุกคนโดยเร็วที่สุด หลังได้รับรายงานระดับน้ำในแม่น้ำเบอร์เน็ตต์ เพิ่มสูงขึ้นเป็นกว่า 9 เมตร และประชาชนกว่า 2.5 แสนครัวเรือนขาดแคลนกระแสไฟฟ้าใช้


อย่างไรก็ตาม กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากกลายเป็นอุปสรรคของเจ้าหน้าที่ในการส่งเรือออกลาดตระเวน เช่นเดียวกับสภาพทัศนะวิสัยที่เลวร้าย โดยมีกระแสลมเป็นตัวแปร สร้างความลำบากให้แก่การให้ความช่วยเหลือทางอากาศไม่น้อย แต่ทางการรัฐควีนส์แลนด์ได้รับความสนับสนุนจากกองทัพบกในการส่งทหาร 100 นาย และเครื่องบินลำเลียงกำลังพลอีก 2 ลำแล้ว


ขณะที่เทศบาลเมืองบริเสบนออกประกาศเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย โดยมีบ้านเรือนกว่า 3,000 หลัง และอาคารพาณิชย์อีกกว่า 1,250 แห่งตกอยู่ในความเสี่ยง


นอกจากนี้ ยังมีรายงานการเกิดอุทกภัยในแถบชนบทของรัฐนิวเซาท์เวลส์ สาเหตุจากฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสำนักงานอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่นพยากรณ์ว่า ปริมาณน้ำฝนในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้าอาจสูงหลายสิบเซนติเมตร โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองซิดนีย์

สุรินทร์แล้งจัด!เด็กน.ร.ออกหาน้ำไว้ใช้บริโภค



เด็กนักเรียนสุรินทร์ รวมตัวกันเดินเท้า 800 เมตร ตักน้ำจากแหล่งน้ำ เก็บไว้ใช้บริโภค หลังเริ่มขาดแคลน
ขณะนี้ จ.สุรินทร์ มีสภาพอากาศที่แห้งแล้งมาก จนทำให้ประชาชนทั้ง 17 อำเภอ ต้องประสบกับการขาดแคลนน้ำบริโภคเป็นอย่างมาก ด.ญ.จุรีรัตน์ ภักดี เด็กนักเรียน ม.1 โรงเรียนบ้านหัวงัว ต.นานวน อ.สนม จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ในช่วงหน้าแล้งทุกๆ ปี ตนเองจะพาน้องๆ ที่อยู่ภายในหมู่บ้านโนนตาล ออกมาตักน้ำที่บ่อน้ำห่างจากบ้าน ประมาณ 800 เมตร เป็นบ่อน้ำที่พ่อแม่พากันมาตักไว้ใช้บริโภคกันเป็นประจำ เป็นน้ำที่นำไปจะเก็บไว้บริโภคเพียงอย่างเดียว จะไม่นำไปไว้ล้างจาน หรือ นำไปซักเสื้อผ้าอย่างเด็ดขาด เพราะปีนี้ถือว่าแล้งมาก และเป็นการแบ่งเบาภาระผู้ปกครองไปอีกทางหนึ่ง

ด้าน ด.ญ.อารีมาศ สุภา นักเรียนชั้น ป.5 กล่าวว่า หมู่บ้านของตนยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงาน อบต. หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงต้องออกมาช่วยเหลือพ่อแม่อยู่อย่างนี้ทุกวัน แต่ก็ไม่ได้โทษใครและบ้านของตนยังพอมีน้ำพอมีดื่มอยู่คนที่เดือดร้อนยังมีมากกว่าเราอีก


น้ำท่วมออสเตรเลียอ่วม / แผ่นดินถล่มที่อินโดฯ



ระดับน้ำท่วมในรัฐควีนส์แลนด์ยังคงสูงขึ้นในวันนี้ ทำให้บ้านเรือนประชาชนกว่า 2 แสนหลังคาเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ มีรายงานผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยแล้ว 3 คน

อุทกภัยครั้งใหญ่ของออสเตรเลียได้สร้างความเสียหายให้แก่พื้นที่ใน 2 รัฐของออสเตรเลียได้แก่ ควีนส์แลนด์และนิวเซาท์เวลส์ มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คนและบาดเจ็บหลายคนในสภาพอากาศเลวร้ายทั้งฝนตกหนัก ทอร์นาโด และน้ำท่วม ที่เมืองบันดาเบิร์กซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของควีนส์แลนด์ มีบ้านเรือนประชาชนราว 1,200 หลังที่จมอยู่ใต้น้ำ รวมไปถึงเมืองบริสเบรนเมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์ก็ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ด้วย ด้านศูนย์ภัยพิบัติควีนส์แลนด์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายเมืองแล้ว และขอให้ประชาชนย้ายไปที่สูง คาดว่าเย็นวันนี้ตามเวลาท้องถิ่นนครซิดนีย์จะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักด้วย

ขณะที่ทางตะวันตกของอินโดนีเซียเกิดดินถล่ม 2 ครั้งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 คนและบาดเจ็บหลายคน ที่เขตอะกัม ทางตะวันตกของจังหวัดสุมาตรา มีประชาชนเสียชีวิตจากดินถล่มแล้ว 7 คน บ้านเรือน 15 หลังจมอยู่ใต้โคลนและหิน ชาวบ้านหลายร้อยคนที่อาศัยอยู่บนไหล่เขาต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ขณะเดียวกันที่จังหวัดจัมไบ ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้เกิดดินถล่มบริเวณที่ขุดเจาะน้ำมันที่รัฐเป็นเจ้าของ ส่งผลให้มีคนงานเสียชีวิต 4 คน มีผู้สูญหาย 1 คน และบาดเจ็บ 5 คน

 

'สดร.'แจงดวงอาทิตย์พ่นมวลโคโรนา



'ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์' เตือนปชช.อย่าตื่นตระหนกอันตรายจากเหตุดวงอาทิตย์พ่นมวลโคโรนาใส่โลก ยันไม่กระทบสิ่งมีชีวิต ชี้เป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำ

28 ม.ค.56 รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) เปิดเผยว่า ข่าวการปลดปล่อยมวลของดวงอาทิตย์ที่เผยแพร่โดยองค์การนาซ่าซึ่งมีการเผยแพร่ภาพภาพและคลิปวีดีโอขณะเกิดการพ่นมวลขนาดใหญ่ออกมาจากพื้นผิวดวงอาทิตย์ เมื่อคืนวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าทิศทางของประจุไฟฟ้าพลังงานสูงดังกล่าวพุ่งมายังโลกมีความเร็วประมาณ 375 ไมล์ต่อวินาที คาดว่าอีกประมาณ 3 วัน กลุ่มประจุไฟฟ้าพลังงานสูงจะเดินทางมาถึงโลก สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนที่ทราบข่าวไปทั่วโลก
รศ.บุญรักษา ยืนยันว่า พายุสุริยะไม่สามารถทำอันตรายแก่สิ่งมีชีวิตและสิ่งปลูกสร้างบนโลกได้ เนื่องจากโลกของเรามีสนามแม่เหล็กเป็นเกราะป้องกัน เมื่อประจุไฟฟ้าพลังงานสูงหรือพลาสมานั้นเดินทางมาถึงโลกมันจะเคลื่อนตัวไปตามแนวเส้นแรงของสนามแม่เหล็กโลกแล้วพุ่งไปยังชั้นบรรยากาศของโลกและอนุภาคเหล่านี้จะชนกับอะตอมของแก๊สในชั้นบรรยากาศอะตอมของแก๊สต่างๆ ก็เกิดการแตกตัวและเปล่งแสงสีสันสวยงามให้เราเห็น นั่นคือ แสงออโรรา (Aurora) หรือแสงเหนือ-ใต้ ที่เรารู้จัก แต่ระยะเวลาในการเกิดอาจจะยาวนานกว่าปกติที่เคยเห็น และประจุเหล่านี้ก็จะมีพลังงานอ่อนลงเรื่อยๆ แสงออโรราก็จะจางลงเรื่อย จนกลับเข้าสู่ภาวะปกติเท่านั้น
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น สดร. เตือนประชาชนอย่าตื่นตระหนกอันตรายจากการปลดปล่อยมวลของดวงอาทิตย์ (Coronal Mass Ejection : CME) เนื่องจากโลกของเรามีสนามแม่เหล็กเป็นเกราะป้องกัน ยืนยันว่าพายุสุริยะไม่สามารถทำอันตรายแก่สิ่งมีชีวิตและสิ่งปลูกสร้างบนโลกได้ แต่อาจมีผลกระทบเพียงระบบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบการสื่อสาร จีพีเอส เทคโนโลยีดาวเทียมบ้างเล็กน้อยเท่านั้น
ทั้งนี้การพ่นมวลของดวงอาทิตย์นั้นเรียกว่าการปลดปล่อยมวลของดวงอาทิตย์ (Coronal Mass Ejection) โดยปกติแล้วปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้วบนดวงอาทิตย์ นอกจากปรากฏการณ์การปลดปล่อยมวลที่กล่าวไปแล้วนั้นยังมีปรากฏการณ์อื่น ซึ่งปรากฏการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้นต่างเกี่ยวเนื่องกันและสามารถอธิบายได้ด้วยหลักการวิทยาศาสตร์

ที่มาจาก คมชัดลึก

รังสีที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ซึ่งเป็นแถบคลื่นสั้น (สีม่วง) จะถูกบรรยากาศของโลกป้องกันไว้หมด เหลือแต่แสงสว่าง (สีรุ้ง) ที่ตามองเห็น รังสี UV A,B ปกติที่โดนกันทุกวัน (สีม่วงแท่งสุดท้ายติดสีรุ้ง) อินฟราเรด (ความร้อน) และคลื่นวิทยุ (สีแดง) เท่านั้นที่ลงมาถึงพื้นโลกได้ จึงไม่ต้องตื่นกลัวอันตรายใดๆ



ที่มาจาก เว็บภัยพิบัติ Paipibat.com

 

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา

"พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบริเวณประเทศไทยตอนบน"
ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 28 มกราคม 2556
ในช่วงวันที่ 29-31 มกราคม 2556 คลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศพม่าจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีฝนตกหนักและอาจมีลูกเห็บตกได้บางแห่งโดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือ ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าว ตลอดจนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังปานกลาง ทำให้อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.30 น.



(ลงชื่อ) สมชาย ใบม่วง

(นายสมชาย ใบม่วง)

รองอธิบดีฯ รักษาราชการแทน

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา

มรสุมซัดอ่าวสัตหีบ คลื่นโถมเรือประมงจม


มรสุมฝนโหมกระหน่ำติดต่อนานเกือบอาทิตย์ เรือประมงขนาดใหญ่ถูกคลื่นโถมอับปาง 4 ลำ นายอำเภอสัตหีบ ออกประกาศเตือนประมงงดออกทะเลเด็ดขาด

เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้(28 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายว่า หลังจากที่กรมอุตุนิยมวิทยา ออกมาประกาศเตือนว่า ขณะนี้จะมีแรงกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีน แผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้แล้ว ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็น และมีลมแรง สำหรับ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังมีฝนหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ประกอบกับช่วงนี้ พายุโซนร้อน “โซนามุ” (SONAMU) พัดผ่าน บริเวณทะเลซูลู ประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนกลาง ส่งผลให้พื้นที่ภาคตะวันออกของไทย ได้รับผลกระทบจากฝน และลมพายุ เช่นกัน

ซึ่งระยะนี้ พื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ต่อเนื่องติดต่อกันนานเกือบ 1 อาทิตย์ ทะเลมีคลื่นลมแรง ความสูงคลื่นเกือบ 2 เมตร ผลพวงมาจากปรากฏการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ชาวประมงต้องจอดเรือหลบคลื่นลมงดออกทะเลในระยะนี้ แต่ด้วยสายฝนที่โหมลงมาอย่างหนัก ติดต่อกันหลายชั่วโมง ทำให้เรือประมงที่จอดลอยลำอยู่บริเวณหน้าอ่าวดงตาล หน้าที่ว่าการอำเภอสัตหีบ ต้องอับปางลงจำนวนหลายลำ

นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อเรือประมงสัญชาติเวียดนาม 4 ลำ ที่ถูกจับกุมหลังลุกล้ำทำประมงในน่านน้ำไทย และถูกตรวจยึดไว้ยังท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ ถูกกระแสคลื่นตีตัวเรือกระแทกกับสะพาน จนอับปางลง 2 ลำ เบื้องต้น นายภวัต เลิศมุกดา นาอำเภอสัตหีบ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการกู้ซากเรือขึ้นจากทะเลแล้ว เนื่องจากเกรงเกิดอุบัติเหตุ เรือประมงพุ่งชนซากเรือจนเกิดอับปาง พร้อมประกาศเตือนให้ชาวประมงงดออกทะเลในช่วงนี้อย่างเด็ดขาด รอจนกว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

น้ำท่วมหนักในโมซัมบิกคนไร้ที่อยู่อาศัย 1.5 แสนคน


น้ำท่วมใหญ่ทางตอนใต้ของประเทศโมซัมบิก ทำให้มีคนไร้ที่อยู่อาศัยแล้ว 1.5 แสนคน ทางสหประชาชาติเตือนว่าตัวเลขอาจสูงกว่านี้

วันนี้ (28 ม.ค.)สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมาปูโต ประเทศโมซัมบิกว่า น.ส.แพทริเซีย นาคีลล์ โฆษกสำนักงานองค์การสหประชาชาติประจำโมซัมบิก เปิดเผยว่า ผลจากน้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดกาซาทางตอนใต้ของโมซัมบิก ทำให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยแล้วอย่างน้อย 150,000 คน

น้ำท่วมใหญ่เป็นบริเวณกว้างของพื้นที่ราบต่ำในจังหวัดทางตอนใต้ของโมซัมบิก ตั้งแต่วันพุธสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องสั่งอพยพประชาชนจำนวนมาก ขึ้นไปอยู่บนที่สูงเพื่อความปลอดภัย นอกจากนั้น น้ำท่วมยังทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 40 ศพ และยังคาดว่าจะยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่องเป็นบริเวณกว้างอีกด้วย ส่วนความช่วยเหลือจากภาครัฐนั้น ได้มีการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้ใช้เป็นที่พักอาศัย และ ที่เมืองไซไซ แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญก็ยังคงได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมเพราะระดับน้ำในแม่น้ำลิมโปโปยังคงเอ่อสูงขึ้น

ที่มาจาก เดลินิวส์


ออสเตรเลีย-คลื่มลมแรงปั่นน้ำในมหาสมุทรเป็น"ทะเลโฟม



รัฐควีนส์ ออสเตรเลียยังคงเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวนอย่างรุนแรงทั้งฝนตก น้ำท่วม และทอร์นาโดถล่ม

ล่าสุดความแปรปรวนของสภาพอากาศยังทำให้เกิดคลื่นลมรุนแรง และปั่นน้ำในมหาสมุทรจนเกิดเป็นปรากฏการณ์ทะเลโฟมหลายตัน และถูกพัดเข้าสู่เขตซันไชน์โคสต์ บริเวณเมืองมูลูลาบา ในรัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งชาวออสเตรเลียในเมืองดังกล่าวตื่นมาพบกับโฟมเต็มชายหาดและท้องถนนสูงถึง 3 เมตร นักท่องเที่ยวเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวพากันมาเล่นโฟมและถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก

 

19.00 น. 28-01-2013 TH. จาก TSR. พายุโซนร้อน THIRTEEN (13S) ในมหาสมุทรอินเดีย ได้รับชื่อใหม่แล้วคือ FELLENG ความเร็วลมศูนย์กลางอยู่ที่ 45 น๊อต ทิศทางพายุยังคงมุ่งหน้า มาดากัสก้า และทวีกำลังแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

29-01-2556


ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา

"พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบริเวณประเทศไทยตอนบน"
ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 29 มกราคม 2556

คลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศพม่าจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือ และด้านตะวันตกของภาคกลางในคืนนี้(29 ม.ค.) ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 29-31 มกราคม 2556 บริเวณภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จะมีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง โดยบริเวณภาคเหนืออาจมีฝนตกหนักและลูกเห็บตกได้บางแห่ง ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าวในระยะนี้
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังปานกลาง ทำให้อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 05.00 น.



(ลงชื่อ) สมชาย ใบม่วง

(นายสมชาย ใบม่วง)

รองอธิบดีฯ รักษาราชการแทน

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา


เตือนไทยตอนบนฝนคะนอง-ลูกเห็บตก


เตือนฉบับ 3 ไทยตอนบนฝนคะนอง-ลูกเห็บตก ส่วนใต้คลื่นสูง ชาวเรือระวัง

วันนี้ (29 ม.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเรื่อง "พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบริเวณประเทศไทยตอนบน" ฉบับที่ 3 ระบุบว่า
คลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศพม่าจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือ และด้านตะวันตกของภาคกลางในคืนนี้ ซึ่งลักษณะเช่นนี้จะทำให้ในช่วงวันที่ 29-31 ม.ค.นี้ ภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จะมีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง โดยบริเวณภาคเหนืออาจมีฝนตกหนักและลูกเห็บตกได้บางแห่ง จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าวในระยะนี้ นอกจากนี้ยังมีมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังปานกลาง ทำให้อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร จึงขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย

สำหรับการพยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยมีดังนี้

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ ตอนบนของภาคอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ ขอนแก่น อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา
อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก ตอนบนของภาคมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกออสซี่อ่วมน้ำยังท่วมหนักตายแล้ว 4 ศพ


สถานการณ์อุทกภัยทางภาคตะวันออกของออสเตรเลียยังน่าเป็นห่วง มีรายงานพบผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ศพ

วันนี้ ( 29 ม.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลียว่า ประชาชนที่อยู่อาศัยตามแนวชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียยังคงได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากอุทกภัยครั้งใหญ่ โดยกระแสน้ำจากแม่น้ำเริ่มไหลเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่เมืองบริสเบน เมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์แล้ว ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 4 ศพ


นายแคมเบลล์ นิวแมน นายกรัฐมนตรีรัฐควีนส์แลนด์ แถลงในวันนี้ว่า บริเวณที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ เมือง บันดาเบิร์ก ห่างจากเมืองบริเสบนไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 360 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาวัดปริมาณน้ำฝนได้สูงถึง 50 เซนติเมตร และมีรายงานบ้านเรือนกว่า 2,000 หลังต้องจมอยู่ใต้บาดาล นอกจากนี้ ยังมีรายงานพบผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ศพ ในจำนวนนี้รวมถึงเด็กชายวัยเพียง 3 ขวบ


อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กู้ภัยระดมกำลังทั้งทางบกและทางอากาศ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ต้องปีนขึ้นมาอาศัยอยู่บนหลังคาบ้าน ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก อันเนื่องมาจากอิทธิพลของพายุไซโคลน “ออสวาลด์”


ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ชาวรัฐควีนส์แลนด์ต้องเผชิญกับความเดือดร้อน และความเสียหายจากอุทกภัยครั้งใหญ่ ที่คร่าชีวิตผู้คนไปไม่ต่ำกว่า 30 ศพ และทำให้เมืองบริสเบน ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศต้องจมอยู่ภายใต้บาดาล ทว่านิวแมนหวังว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้จะไม่เลวร้ายเหมือนที่ผ่านมา หลังมีการประเมินแล้วว่า ระดับน้ำสูงสุดในแม่น้ำในช่วง 2-3 วันนี้น่าจะอยู่ที่ราว 2.6 เมตร น้อยกว่าระดับน้ำเมื่อครั้งอุทกภัยใหญ่ในปี 2554 ซึ่งอยู่ที่ราว 7 เมตร


รายงานล่าสุดระบุว่า พายุฝนฟ้าคะนองได้เคลื่อนตัวลงไปทางทิศใต้แล้ว ส่งผลให้ทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์ออกประกาศเตือนภัยประชาชนทันที และมีรายงานการอพยพประชาชนในเมืองกราฟตันกว่า 2,500 คน หลังระดับน้ำในแม่น้ำคลาเรนซ์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่เมืองซิดนีย์มีรายงานเกิดคลื่นสูง และลมกระโชกแรงแล้ว

"สุรินทร์" แล้งหนัก ชาวบ้านชายแดนขาดน้ำดื่ม


สุรินทร์ –แล้งหนัก ชาวบ้านชายแดนขาดน้ำดื่ม พ่อค้าหัวใสเร่ขายน้ำรายได้ดี หลัง จ.สุรินทร์ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้งแล้ว 10 อำเภอ


วันนี้ (29 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า ในช่วงนี้ในหลายพื้นที่ของ จ.สุรินทร์เริ่มประสบปัญหาภัยแล้งรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะน้ำดื่มสะอาด ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วนต่างเร่งบรรทุกน้ำออกช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในเบื้องต้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอและทั่วถึง ทำให้มีชาวบ้านหัวใส ถือโอกาสนำรถยนต์ออกบรรทุกน้ำเร่ขายในพื้นที่หมู่บ้านของตนเองและภายในตำบล ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวบ้านที่ต้องเลือกรับบริการซื้อมาเก็บไว้ในโอ่งน้ำของตนเอง เนื่องจากน้ำดื่มเริ่มขาดแคลน
โดยนายสามารถ กิ่งแก้ว อายุ 39 ปี พ่อค้าเร่ขายน้ำดื่มชาวบ้านตาพราม ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ชนบทชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ได้รวมกลุ่มกันกับเพื่อนบ้าน 3-4 คน นำรถกระบะออกบรรทุกน้ำดื่มเร่ขายในพื้นที่หมู่บ้านของตนเอง สามารถสร้างรายได้ได้เป็นอย่างดี โดยขายน้ำดื่มในราคาโอ่งน้ำละ 20 บาท ส่วนโอ่งซีเมนต์ขนาดใหญ่ราคาอยู่ที่โอ่งละ 200 บาท

นายสามารถ บอกว่า สามารถบรรทุกน้ำขายได้วันละ 10 เที่ยว ตกรายได้วันละ 2,000 – 2800 บาท เลยทีเดียว ส่วนแหล่งน้ำจะไปดูดที่บ่อน้ำที่ชาวบ้านใช้ดื่มใช้เป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าสะอาดมากเช่นกัน


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับ จ.สุรินทร์ ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) แล้ว จำนวน 10 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.จอมพระ อ.รัตนบุรี อ.เขวาสินรินทร์ อ.ศรีณรงค์ อ.สำโรงทาบ อ.ท่าตูม อ.ศีขรภูมิ อ.สังขะ และ อ.พนมดงรัก รวม 72 ตำบล 874 หมู่บ้าน (41.23 % ของพื้นที่ทั้งหมด) ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน 70,487 ครัวเรือน 235,331 คน (21.76 % ของครัวเรือนทั้งหมด) พื้นที่การเกษตร ได้แก่ นาข้าวได้รับความเสียหายแล้ว 122,680 ไร่


ระดับมลพิษในจีนกลับเข้าขั้น “วิกฤต” อีกรอบ


ระดับมลพิษในอากาศของจีนเพิ่มสูงขึ้นเกินมาตรฐานอีกครั้ง ขณะที่ภาครัฐทำได้เพียงประกาศเตือนประชาชนให้รับมือสภาพอากาศเลวร้าย ที่อาจกินเวลานานไปถึงช่วงปลายสัปดาห์

วันนี้ ( 29 ม.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนว่า ระดับมลพิษในอากาศของจีนเพิ่มสูงขึ้นเกินมาตรฐานอีกครั้ง ส่งผลให้มีการต้องประกาศยกเลิกเที่ยวบินแล้วกว่า 100 เที่ยว ขณะที่ภาครัฐออกประกาศเตือนประชาชนให้รับมือสภาพอากาศเลวร้ายเช่นนี้ ซึ่งอาจกินเวลานานไปถึงช่วงปลายสัปดาห์


สถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน ( ซีซีทีวี ) รายงานว่า ทัศนะวิสัยในกรุงปักกิ่งอยู่ที่ระยะสูงสุด 200 เมตรเท่านั้น พร้อมกับอ่านประกาศของรัฐบาล ที่ระบุให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการออกนอกเคหะสถานหากไม่มีความจำเป็น เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายเช่นนี้มีแนวโน้มกินเวลานานไปอีก 2-3 วัน


แน่นอนว่า สภาพอากาศที่ย่ำแย่ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบขนส่งและสัญจรทางอากาศ มีรายงานการประกาศยกเลิกเที่ยวบินแล้ว 109 เที่ยว ที่สนามบินเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ขณะที่สนามบินชิงเต่า ในมณฑลชานตง ทางตะวันออกของประเทศ มีรายงานการยกเลิกเที่ยวบินแล้ว 20 เที่ยว เนื่องจากทัศนะวิสัยลดลงเหลืออยู่ในระยะเพียง 100 เมตร ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารกว่า 2,000 คน


ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงปักกิ่ง อาศัยดัชนีวัดคุณภาพอากาศตามมาตรฐานรัฐบาลวอชิงตัน ( เอคิวไอ ) ระบุค่ามลพิษในอากาศบริเวณใจกลางกรุงปักกิ่งเอาไว้ที่ 475 เมื่อเวลา 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ ( 10.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) ซึ่งยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์อันตราย แม้จะลดลงจากระดับ 517 เมื่อเวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 04.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย )


แม้เจ้าหน้าที่เทศบาลกรุงปักกิ่งจะวัดระดับมลพิษในอากาศได้ 414 ตามมาตรฐานของหน่วยงาน แต่ค่าที่ออกมาถือว่ายังอยู่ในระดับที่อันตรายเกินกว่าที่มนุษย์จะใช้หายใจได้


ล่าสุดเมื่อช่วงกลางเดือนนี้ ระดับอนุภาคฝุ่นละอองขนาด 2.5 ไมครอน ( พีเอ็ม 2.5 ) ภายในกรุงปักกิ่ง เพิ่มสูงขึ้นอยู่ในระดับความหนาแน่น 993 ไมโครกรัม ต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร ถือเป็นระดับละอองในอณูอากาศเลวร้ายที่สุด ที่สามารถเข้าไปฝังตัวและทำลายปอดได้แม้สูดหายใจเข้าไปเพียงเล็กน้อย และที่สำคัญที่สุดยังสูงกว่ามาตรฐานในระดับปลอดภัยขององค์การอนามัยโลก ( ฮู ) ถึง 40 เท่า

ที่มาจาก เดลินิวส์

พายุฝนและคลื่นลมแรง ส่งผลชาวประมงไม่สามารถออกเรือได้




จันทบุรี - เกิดพายุฝนและคลื่นลมแรง ส่งผลชาวประมงต้องนำเรือจอดเทียบท่า

วันนี้ (29 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจชายฝั่งทะเล อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี พบชาวประมงหลายหมู่บ้านกำลังนำเรือกลับเข้าฝั่ง เนื่องจากช่วง 2-3 วันนี้มีพายุพัดผ่านเข้ามาทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะชายฝั่งทะเล อ.ท่าใหม่ อ.เเหลมสิงห์ อ.ขลุง และ อ.นายายอาม มีกระแสลมแรง คลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร ทำให้ชาวประมงต้องนำเรือที่ออกไปหาปลาต้องรีบกลับเข้าฝั่งเพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย

ล่าสุด มีประกาศเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่า ระหว่างวันที่ 26-30 มกราคมนี้ ใน จ.จันทบุรี และในภาคตะวันออกจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร คลื่นลมในทะเลแม้จะไม่สร้างความเสียหายให้แก่ชายฝั่ง แต่ส่งผลกระทบต่อชาวประมงพื้นบ้าน อาทิ เรืออวนปูต้องขาดรายได้ ส่วนเรือประมงขนาดใหญ่ก็เสี่ยงที่จะเกิดอันตรายจากคลื่นลมแรง ทำให้ชาวประมงใน 4 อำเภอนำเรือจอดเทียบท่าเพื่อรอให้คลื่นลมสงบก่อน


สภาวะอากาศแปรปรวนทั่วประเทศ



สภาพอากาศทั่วประเทศช่วงนี้แปรปรวน ภาคเหนือ-อีสานเจอทั้งหนาวและฝน อีกทั้งยังต้องเตรียมรับมือกับพายุลูกเห็บด้วย ขณะที่ออสเตรเลียยังคงเผชิญกับอุทกภัยอย่างหนัก

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคหนือ รายงานว่า ความกดอากาศสูงกำลังแรงแผ่ปกคลุมประเทศไทย ทำให้อากาศทั่วไปแปรปรวนเจอฝนหลงฤดูตกลงมากลางฤดูหนาว ซึ่งอำเภอรอบนอกของจังหวัดเชียงใหม่เริ่มมีฝนตกแล้ว

ที่จังหวัดพิษณุโลก ฝนตก-ลมแรง ทำให้ต้นข้าวล้มเสียหาย ชาวนาต้องเร่งระบายน้ำออกจากนา เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวเน่า ส่วนนาข้าวที่กำลังรอรถเกี่ยวข้าวก็ต้องเลื่อนไปก่อนจนกว่าฝนจะหยุดตก ไม่เช่นนั้นจะประสบกับปัญหาเมล็ดข้าวร่วงจนขาดทุน

ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ กลางวันฝนตก กลางคืนหนาวจัด อากาศแปรปรวนจนเกิดหมอกปกคลุมหนาทึบ ทัศนวิสัยในการมองเห็นบางจุดเพียง 50 เมตรเท่านั้น

ที่จังหวัดมหาสารคาม เจอทั้งฝนและอากาศหนาวพร้อมกัน ทำให้ทั่วทุกพื้นที่มีหมอกปกคลุม ทัศนวิสัยในการมองเห็นเพียง 50-100 เมตร ประชาชนที่ใช้รถต้องเปิดไฟตัดหมอกตลอดเวลา

และช่วงวันที่ 29-31 มกราคมนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเตือน ระวังพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง บริเวณภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โดยเฉพาะภาคเหนืออาจมีฝนตกหนักและลูกเห็บตกได้บางแห่ง

ขณะที่อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย

ส่วนที่เกาะสมุย 2 สามีภรรยาชาวสวิสเซอร์แลนด์ วัย 69 และ 70 ปี ถูกคลื่นซัดขณะเล่นน้ำบริเวณหาดเฉวง แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามเข้าช่วยเหลือแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะคลื่นลมแรง ทำให้ทั้ง 2 จมน้ำเสียชีวิต

ขณะที่ ออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่สำนักงานฉุกเฉินช่วยอพยพประชาชนหลายพันคนในรัฐควีนส์แลนด์และนิว เซาท์เวลล์ ที่กำลังเผชิญกับอุทกภัยครั้งร้ายแรง โดยที่เมืองบันดาเบิร์ก ทางเหนือของบริสเบน ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เจ้าหน้าที่ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์อพยพประชาชนกว่า 1,000 คน

ส่วนยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมเพิ่มเป็น 4 คนแล้ว รายล่าสุดเป็นเด็กชายวัย 3 ขวบที่ได้รับบาดเจ็บจากต้นไม้หักโค่นมาทับในเมืองบริสเบน

ในวันนี้สำนักข่าวออสเตรเลียยังได้แพร่ภาพอาสาสมัครกำลังช่วยชีวิตชายคนหนึ่งที่ติดอยู่บนเรือกลางแม่น้ำ ในเมืองกราฟตั้นหลังจากที่เขาพยายามกุ้เรือของตนที่ถูกกระแสน้ำพัดพาไป

 

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบริเวณประเทศไทยตอนบน"
ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 29 มกราคม 2556

คลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศพม่าจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือ และด้านตะวันตกของภาคกลางในคืนนี้ (29 มกราคม) ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 29-31 มกราคม 2556 ภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง โดยภาคเหนือจะมีฝนตกหนักและลูกเห็บตกได้บางแห่ง ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าวในระยะนี้
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.00 น.

 

07.00 น. 29-01-2013 TH. จาก TSR. พายุโซนร้อน FELLENG ในมหาสมุทรอินเดีย ได้ทวีกำลังขึ้นเป็นพายุไซโคลนระดับ 1 แล้วความเร็วลมศูนย์กลางอยู่ที่ 65 น๊อต

 

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา

"พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบริเวณประเทศไทยตอนบน"
ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 29 มกราคม 2556
คลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศพม่าจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือ และด้านตะวันตกของภาคกลางในคืนนี้ (29 มกราคม) ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 29-31 มกราคม 2556 ภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง โดยภาคเหนือจะมีฝนตกหนักและลูกเห็บตกได้บางแห่ง ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าวในระยะนี้
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวัง

ในการเดินเรือในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.00 น.





กลุ่มเมฆที่ 1 :
กลุ่มเมฆชั้นต่ำปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนยังไม่มีฝน
กลุ่มเมฆที่ 2 :
กลุ่มเมฆฝนปกคลุมภาคใต้ ตอนบนโดยมีฝนฟ้า คะนองบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์และบริเวณชายฝั่งอ่าวไทย

สำหรับประกาศของกรมอุตุและกลุ่มเมฆฝนผมจะนำมาลงให้ทราบทุกครั้งที่มีประกาศออกมาครับ