{{หลวงพ่อคูณ257}}ศึกษาพระสมเด็จ/เบญจภาคีองค์ครู26ขุนแผนพรายกุมาร4ลพ.พรหม68พ่อท่านคลิ้ง105

ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล และ อนาคตข้างหน้าของการมองหาพระเครื่องกัน

 

๏ การสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคล

ณ วัดโคกเขมา นี่เอง “หลวงพ่อ” ได้สร้างพระเครื่องเป็นครั้งแรก ปัจจุบันพระเครื่องรุ่นนี้ของวัดโคกเขมาหายากมาก เพราะเป็นพระเครื่องที่มีประสบการณ์สร้างอภินิหาริย์ให้ผู้เช่าบูชาได้ประจักษ์ หลังจากรุ่นรูปหล่อเนื้อทองแดงของท่านแล้ว พระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆ จากวัดโคกเขมาจึงออกมาอีก เพื่อให้ศิษย์และประชาชนทั่วไปได้เช่าหาบูชากัน เพื่อนำเงินบำรุงพัฒนาวัด ที่วัดโคกเขมา หลวงพ่อออกพระเครื่องทั้งเนื้อผง (สมเด็จ) ทั้งรูปหล่อ ทั้งเหรียญพระบูชา (พระสังกัจจายน์) ทุกอย่างทุกองค์ที่หลวงพ่อสร้างมีค่ายิ่งสำหรับชาวบ้านที่รับไป นั่นหนึ่งละที่เป็นเหตุให้ชื่อองค์ท่านหลวงพ่อขจรไกลไปทั่วแคว้น ทุกอย่างเกิดจากประสบการณ์ของผู้ใช้ทั้งสิ้น


รูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ

ทางด้านการปฏิบัติธรรม ทางด้านไสยศาสตร์ หลวงพ่อถือเคร่งในวัตรปฏิบัติจนเป็นที่เลื่อมใสแก่ผู้ที่มากราบไหว้พบเห็น และนั่นเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ชื่อหลวงพ่อขจรไกลไปทั่วแคว้น จึงไม่แปลกใจเลยว่า ที่กุฎิหลวงพ่อมีศิษยานุศิษย์มากันเนืองแน่นโดยไม่ขาดสาย

อีกอย่างที่กล่าวขานกันอย่างไม่มีวันจบสิ้นจวบจนปัจจุบัน ตั้งแต่วัดโคกเขมาเป็นต้นมา นั้นคือ “การสักยันต์” แน่ละหากกล่าวถึง “หลวงพ่อเปิ่น” ในหมู่ของชายฉกรรจ์ ตั้งแต่อดีตมาหากเป็นสมัยท่านแล้วละก็ ก็ต้องยกนิ้วให้กับหลวงพ่อ ในเรื่องไสยศาสตร์ เวทเมนตร์คาถาที่ส่งลงสู่ร่างกายของชายชาตินักสู้ในรูปแบบเฉพาะของท่านเอง ทุกอย่างสมบูรณ์เพียบพร้อมถึงขนาดลงข่าวที่ว่าแม้สิ้นชีพไปแล้ว มีดผ่าตัดยังไม่สามารถเฉือนเนื้อลงได้เลย

หลวงพ่อในสมัยที่ท่านยังมิได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร หลวงพ่อท่านลงมือสักลงอักขระเวทด้วยองค์ท่านเอง มาภายหลังหลวงพ่อได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการสักให้แก่ศิษย์เป็นองค์สักแทน แล้วหลวงพ่อเพียงทำพิธีครอบให้เท่านั้น

เรื่องการสักของหลวงพ่อ กล่าวเพียงบทสรุปว่า ชอบเสือ ด้วยเหตุผลที่บอกเพียงสั้นๆ แก่ศานุศิษย์ว่า เสือเป็นสัตว์ที่มีอำนาจ เพียงเสียงคำรามของเสือ สัตว์ทั้งหลายก็สงบเงียบ กลิ่นของเสือ สัตว์ทั้งหลายเมื่อรับสัมผัสจะยอมในทันที หลีกทันก็ต้องหลีก จัดอยู่ในมหาอำนาจ เสือรูปร่างสง่างาม เต็มไปด้วยอำนาจบารมี จัดอยู่ในมหานิยม ที่สำคัญ “หลวงพ่อ” เคยประจันหน้ากับเสือมาแล้ว กลางป่าลึก ระหว่างธุดงควัตรแถวป่าใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี จึงเกิดความประทับใจตั้งแต่นั้นมา

ช่วงที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดโคกเขมานั้น เป็นช่วงเวลาที่วัดเจริญรุดหน้าขึ้นอย่างสูง

 

ของดีแบบนี้ น่าเสียดายที่น้อยคนนักจะรู้จัก
สุดยอดทั้งมวลสารและเกจิที่มาปลุกเสก
ต้องขอบคุณ พี่บอยมากที่นำมาให้ชมกันครับ

 

ขอบคุณมากครับ พี่ Amuletism
สำหรับข้อมูลดีๆ ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง
ผมเริ่มเห็นอาการที่พี่บอกแล้วในกระดานบางเวป
ตอนนี้เห็นเหรียญเสื้อเกราะกับนั่งพานพอสมึวร
แต่ไม่ค่อยเห็นรูปเหมือนปั้มรุ่นแรกกับรุ่นแจกทาน
พี่พอมีข้อมูลเรื่องราคาไหมครับ

 

ภาพต้นฉบับ ที่ใช้ทำเหรียญเสื้อเกราะ





เหรียญเสื้อเกราะ พิธีไหว้ครู พ.ศ. 2533





ขอบคุณภาพสวยๆ คุณศุภณัฐ888 และคุณศิษย์ปลายแถว2010

 

แพทย์ประเมินอาการ หลวงพ่อคูณ
สัปดาห์หน้า หากแนวโน้มดีกลับวัดหลังตรุษจีน

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ที่เข้าพักรักษาอาการอาพาธด้วยภาวะปอดบวม จากการติดเชื้อแบคทีเรียตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 29พ.ย.2555 ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้รวมระยะเวลาเกือบ 2 เดือน โดยมีอาการแย่ทรุดลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10ม.ค.2556 มีอาการติดเชื้อทางเดินท่อปัสสาวะอักเสบเฉียบพลัน ปัสสาวะขุ่น และเกิดการสำลัก เสลดเสมหะมาก ไข้ขึ้นสูงจนแพทย์ต้องหันมาให้ยาปฎิชีวนะฆ่าเชื้อโรคทางหลอดเลือดดำตามเป็นรอบที่ 3 แต่เป็นยาฆ่าเชื้อทางเดินปัสสาวะ ข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ ที่ห้อง 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือด รพ.มหาราชนครราชสีมา แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ได้เข้าตรวจอาการ พร้อมกับให้ทำกายภาพบำบัดภายในห้อง โดยการปั่นจักรยานไฟฟ้า และขยับแขน ขา โดยสามารถทำได้ดี พร้อมกับกล่าวว่า จากการตรวจอาการด้วยเครื่องฟัง วันนี้ท่านไข้ไม่มีแล้ว ซึ่งถือว่าดีขึ้นมากทีเดียว คณะแพทย์ประเมินผลการรักษาแนวโน้มดีอย่างนี้ต่อเนื่องรู้สึกเบาใจขึ้น เสลดเสมหะลดลงเล็กน้อย แต่ยังมีอยู่พอสมควร

ส่วนการอักเสบของท่อปัสสาวะเรายังต้องให้ยาฆ่าเชื้อต่อไปแต่ให้ในรูปฉัน (รับปะทาน) ซึ่งในรูปฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ คณะแพทย์มีการประเมินโดยหยุดให้มาตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว เพราะการตอบสนองต่อการรักษาต่อตัวยามีผลในทางที่ดี อย่างไรก็ตาม ปัสสาวะยังมีสีขุ่นอยู่บ้างเล็กน้อย ซึ่งคงต้องให้ยาฆ่าเชื้อในรูปฉันต่อไปอีก 1 สัปดาห์ ตนเรียนว่าสิ่งที่คณะแพทย์เป็นห่วงก็คือเรื่องภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน ฉะนั้น ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด จะวางใจไม่ได้เด็ดขาด

ส่วนเรื่องการที่คณะแพทย์จะให้กลับวัดบ้านไร่เดือนกุมภาพันธ์ 2556 หลังเทศกาลตรุษจีน นั้น นพ.พินิศจัย กล่าวว่า เรื่องนี้คณะแพทย์คงต้องประเมินกันก่อน และจะหารือกับลูกศิษย์ แต่ต้องตรวจอาการและรักษาเรื่องทางเดินปัสสาวะ จนมั่นใจและแน่ใจชัดเจนว่าท่านหายเป็นปกติเหมือนก่อนเข้า รพ.มหาราช ก่อน แต่ตอนนี้ทานยังไม่ปรกติ ซึ่งคิดว่าช่วงปลายสัปดาห์หน้าคณะแพทย์จะประเมินและหารือกับลูกศิษญ์เรื่องกลับวัดบ้านไร่อีกครั้ง ส่วนที่ใส่สายสวนปัสสาวะจะทำให้เวลาท่านปัสสาวะจะไม่รู้สึกตัวว่าปัสสาวะออกมา และก่อนหน้านี้ท่านก็ไม่รู้สึกเวลาปัสสาวะ จนปัสสาวะค้างอยู่เกือบลิตร ตรงนี้อันตรายคณะแพทย์จึงจำเป็นต้องใส่ให้ท่าน อย่างไรก็ดี ช่วงนี้ท่านยังมีอาการเพลีย ฉะนั้นคงต้องงดเยี่ยมเด็ดขาด

ที่มา นสพ แนวหน้า 19 ม.ค.56

 

อาการหลวงพ่อคูณดีขึ้นมาก
บ่นอยากกลับวัดบ้านไร่
แพทย์สั่งทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูร่างกาย
ห้ามญาติโยมเข้าเยี่ยมเด็ดขาด



   ความคืบหน้าอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หลังเข้ารับการรักษาภาวะปอดติดเชื้อที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา รวมระยะเวลา 53 วัน  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพรวมอาการยังทรงตัวและดีขึ้นตามลำดับ ท่ามกลางการดูแลของทีมแพทย์ พยาบาล และคณะลูกศิษย์อย่างใกล้ชิด โดยห้ามบุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมโดยเด็ดขาด

    นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด รพ.มหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า หลังจากสัปดาห์ที่แล้วหลวงพ่ออาการทรุด เนื่องจากติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ แพทย์ทำการรักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ 2 ตัวทางหลอดเลือดดำจนครบ 7 วันแล้ว ตอนนี้ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นการฉันยาแทนต่ออีก 7 วัน อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ ปัสสาวะเริ่มใสขึ้นแต่ก็ยังขุ่นบ้างเล็กน้อย ส่วนภาวะปอดอักเสบตอนนี้ยังมีเสมหะอยู่บ้าง แพทย์ยังคงให้ยาละลายเสมหะและยาขยายหลอดลมไปเรื่อย ๆ

    ทั้งนี้ภาพรวมถือว่าดีขึ้นมาก ไม่มีไข้ อารมณ์ดี ยิ้มออก พูดคุยตอบโต้ได้ดีขึ้น แล้วก็บ่นว่าอยากกลับวัดบ้านไร่แล้ว เพราะหลวงพ่อต้องนอนรักษาตัวอยู่ รพ.มานานกว่า 2 เดือน แต่ตอนนี้แพทย์ก็ยังไม่ได้ประเมินว่าจะให้กลับวัดได้เมื่อไหร่ เพราะยังต้องเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ โดยเฉพาะระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงมาก เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว อาจส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกายของหลวงพ่อ ซึ่งแพทย์ได้ปรับอุณหภูมิในห้องพักให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา และพยายามให้หลวงพ่อทำกายภาพบำบัด ยกแขก ยกขา ลุกนั่งบนเตียงคนไข้ แต่ยังไม่ให้ปั่นจักรยานไฟฟ้า เพราะหลวงพ่อยังอ่อนเพลียอยู่ 

ที่มา นสพ เดลินิวส์ 20 มกราคม 2556

 

ขอบคุณมากครับ คุณ soul power
สำหรับข้อมูลอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ

 

๏ สู่วัดบางพระ

ในส่วนของวัดบางพระ ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เมื่อหลวงปู่หิ่ม อินฺทโชโต ได้มรณภาพลง และหลวงพ่อเปิ่นออกจาริกแสวงธรรม ทางวัดบางพระจึงเงียบเหงาลง ต่อมา “หลวงพ่อทองอยู่ ปทุมรัตน์” พระกรรมวาจาจารย์ของหลวงพ่อเปิ่น ได้เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อจากหลวงปู่หิ่ม จนกระทั่งมรณภาพลงในปี พ.ศ.๒๕๑๖ ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางพระจึงว่างเว้นลง

ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันไปกราบอาราธนาหลวงพ่อเปิ่น ให้กลับมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางพระ ซึ่งในตอนแรกหลวงพ่อไม่ยอมมา ด้วยสาเหตุว่าไม่มีใครดูแลวัดโคกเขมา ซึ่งเป็นเหมือนกับวัดที่ท่านสร้างขึ้นมาใหม่ ภาระและความรับผิดชอบยังอยู่ที่ท่าน

ในส่วนของญาติโยมชาวโคกเขมานั้น ศรัทธาเคารพรักในองค์หลวงพ่อเป็นอย่างมาก เพราะเปรียบเทียบเสมือนว่าตัวท่านเป็นน้ำทิพย์ชะโลมใจ ท่านเป็นศูนย์รวมพลังศรัทธา เป็นพระนักพัฒนาที่สร้างแต่ความเจริญรุ่งเรือง

ญาติโยมฝ่ายวัดบางพระ ก็ไม่ได้สิ้นความพยายาม เพียรกราบอาราธนาให้ท่านกลับมาพัฒนาวัดบ้านเกิดของท่านเอง ให้กลับคืนเหมือนเดิม เพราะชาวบ้านทั้งหลายได้ร่วมพิจารณากันแล้ว นอกจากท่านแล้วไม่มีใครที่จะทำให้วัดกลับมาเป็นดังเดิมได้ วัดบางพระมีแต่จะทรุดลงไปเรื่อยๆ ผลที่สุดท่านก็ยอมที่จะมา แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องหาพระมาดูแลวัดโคกเขมาให้ได้ก่อน ท่านจึงจะยอมกลับวัดบางพระ

ในครั้งนั้น กล่าวกันว่าชาววัดโคกเขมา เมื่อทราบว่าหลวงพ่อท่านจะต้องกลับไปพัฒนาวัดบางพระ ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน เสียดายก็เสียดาย แต่ทำอย่างไรได้เมื่อเหตุมันเกิดก็ต้องยอม แต่ยังอุ่นใจอยู่ว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นไปกราบปรึกษาหารือท่าน ก็คิดว่าจะได้รับคำแนะนำที่ดีมีประโยชน์ บางทีท่านอาจจะลงมือมาช่วยได้อีก

ในที่สุดหลวงพ่อท่านก็กลับมาพัฒนาวัดบางพระ สมเจตนาของคณะศรัทธาชาวบ้าน นั่นคือการจบชีวิตการออกเดินธุดงค์ของหลวงพ่อเปิ่น


พระอุโบสถวัดบางพระ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม


รูปหล่อขนาดใหญ่ของพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ)
ประดิษฐาน ณ วัดบางพระ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

 

ถนนแห่งชายฉกรรจ์ผู้มีเลือดนักสู้ในหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร หรือผู้ที่ทำงานเสี่ยงกับอันตรายนานาประการ ต่างก็มุ่งตรงไปยังวัดบางพระ เพื่อวัตถุมงคลที่หลวงพ่อประสิทธิ์ประสาทไว้ ด้วยเหตุนี้เองเท่ากับเป็นการนำพาความเจริญทั้งหลายมาสู่ถิ่นตามลำดับจนถึงปัจจุบัน

หลวงพ่อเข้ารับภาระในวัดบางพระเวลานั้น นับเนื่องแล้วเป็นการพัฒนาที่หนักเอาการ ก่อนอื่นจัดระเบียบของวัดให้เข้าที่เข้าทางเสียก่อน ได้แก่ การจัดเขตพุทธาวาส และสังฆาวาสให้อยู่เป็นสัดส่วน เพราะเท่าที่เป็นอยู่ในเวลานั้น เขตพุทธาวาสและสังฆาวาสยังคละเคล้าปะปนกันอยู่ ไม่เป็นที่เจริญตาเจริญใจแก่ผู้มาพบเห็น

หลังจากได้วางโครงการเรียบร้อยแล้ว ให้เอาเขตสังฆาวาสทั้งหมดไปรวมอยู่ทางด้านหลัง ส่วนข้างหน้าให้เป็นเขตพุทธาวาส ได้แก่ โบสถ์ ศาลาการเปรียญ มณฑปพระพุทธบาท มณฑปบูรพาจารย์ เป็นต้น

ในวันที่ ๒๕ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๘ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒๓ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๕ (พ.ศ.๒๕๐๖) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ จึงแต่งตั้งให้พระใบฎีกาเปิ่น ฉายา ฐิตคุโณ อายุ ๕๓ พรรษา ๒๗ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางพระ ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม มีหน้าที่และอำนาจตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ โดยมีเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ประทับตราประจำตำแหน่ง

หลังจากได้วางโครงการแยกแยะส่วนต่างๆ แล้ว หลวงพ่อได้ย้ายและสร้างกุฏิสงฆ์ เพื่อให้พอกับพระภิกษุที่อยู่จำพรรษา และพัฒนาวัดมาโดยตลอดอย่างไม่หยุดยั้ง

ด้วยการพัฒนาวัด และพร้อมด้วยจริยาวัตรอันงดงาม ปลูกศรัทธาปสาทะของผู้พบเห็น บำเพ็ญในสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาอย่างสูง และด้วยการที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ทางคณะสงฆ์และทางราชการเห็นความสำคัญ จึงได้ประกาศเกียรติคุณความดีให้ปรากฏเป็นอนุสรณ์ตลอดมา

หากสาธุชนท่านใดได้มีโอกาสเข้ากราบพระคุณเจ้าหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จะเห็นได้ว่าองค์หลวงพ่อนั้น มีความอิ่มบุญ อิ่มกุศล ดูดวงหน้าท่านนั้นมีแต่ความสงบ มีแต่ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่กว่าที่ท่านหลวงพ่อเปิ่นจะสร้างสมบุญบารมีถึงชั้นนี้นั้น องค์ท่านมีประวัติที่มาพิสดารพอประมาณ ซึ่งเป็นการต่อสู้ดิ้นรนในการศึกษาหาวิชาความรู้ ที่ตัวเองต้องค้นหามาตลอดในการเรียนรู้แต่ละครั้ง แต่ละอาจารย์


หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ ในงานฉลองสมณศักดิ์ที่ “พระอุดมประชานาถ”

 

เหรียญบูชาครูหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
จ.นครปฐม ปี2533 เนื้อทองคำ
รุ่นประสบการณ์ (เสื้อเกราะ)





ขอบคุณ jang_08 เจ้าของภาพ

 

ข้อมูลเหรียญ เสื้อเกราะ
หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม
สร้างปี พ.ศ. 2533 (พิธีไหว้ครู)

ปัจจุบันกลายเป็นเหรียญหลักยอดนิยม
ของสายนี้ไปแล้ว เพราะเหตุ 3 ประการ

1. ประสบการณ์ (ที่มาของชื่อ "เหรียญเสื้อเกราะ"
ยิงไม่เข้า สักเม็ด เปรียบดั่งใส่เกราะกันกระสุน)
2. มาตราฐานสากล มีโค๊ด และจำนวนการสร้างแน่นอน
- เนื้อทองคำ 68 เหรียญ
- เนื้อนาค 5 เหรียญ
- เนื้อสตางค์ 12 เหรียญ
- เนื้อเงิน 120 เหรียญ
- เนื้อทองแดง 5,000 เหรียญ
3. พุทธศิลป์โดดเด่น สวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะ

ปล. สำหรับข้อมูลเรื่องหูเหรียญที่ พี่ ruguest93
สอบถามนั้น ต้องเรียนตามตรงว่ายังหาข้อมูลยืนยัน
ที่ชัดเจนยังไม่ได้ จึงขอติดไว้ก่อนนะครับ
ประเด็นเรื่องข้อมูลนี่แหละครับ
ที่ทำให้ราคาวัตถุมงคลของหลวงพ่อเปิ่นนิ่งอยู่นาน
แม้กระทั่งหนังสือเล่มใหญ่ที่ออกจากวัดบางพระ
ก็ยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน ทั้งเนื้อพระ และจำนวนการสร้าง
มีข่าวออกมาว่าจะมีเซียนใหญ่ออกหนังสือเล่มใหม่อีกครั้งหนึ่งครับ

 

ข้อมูลเรื่องราคานะครับ
1. เหรียญเสื้อเกราะ ผมไม่ทราบแน่ชัด เพราะราคาไกว่ตัวมาก
2. นั่งพาน 6 รอบ เนื้อนว-พันต้น เนื้อเงิน-พันกลาง
3. รูปเหมือนปั้มแจกทาน เนื้อเงิน-พันกลาง
4.รูปเหมือนปั้มรุ่นแรก เนื้อนว-พันกลาง เนื้อเงิน-หมื่นเศษ
เนื้อสำริด-หมื่นกลาง เนื้อทองคำ-แสนต้น

 

๏ ลำดับสมณศักดิ์



ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๑๔ หลวงพ่อเปิ่นได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น “พระใบฎีกา” ฐานานุกรมในพระอุดมสารโสภณ เป็นช่วงที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดโคกเขมา อันเป็นเวลาที่วัดโคกเจริญรุดหน้าขึ้นอย่างสูงสุด

เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๓ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโทที่ “พระครูฐาปนกิจสุนทร” ช่วงนี้นี้เองที่วัดมีการออกพระเครื่องและวัตถุมงคล เพื่อทดแทนในน้ำใจแห่งศรัทธาที่คณะศิษยานุศิษย์และชาวบ้านได้ร่วมกันในการพัฒนาวัดบางพระนั่นเอง

พ.ศ. ๒๕๓๒ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม

เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๗ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ “พระอุดมประชานาถ”

 

ขอบคุณมากครับ พี่ captainzire
สำหรับข้อมูลดีๆ ที่หายากแบบนี้

 

สวัสดีครับพี่Amuletism พี่กรุพระ พี่captainzire พี่ทิพย์มงคล พี่โอกระบี่ พี่โอ๋สะพานและพี่ๆทุกท่านครับ ยังติดตามข้อมูลและความรู้ต่างๆของพี่ๆทุกท่านอยู่เสมอครับ ^__^
(smile)(smile)(smile)(smile)(smile)(smile)(smile)(smile)(smile)

 

เหรียญนักกล้ามหลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอเหนือ ศรีสะเกษ พ.ศ.2517

(บล็อค วัดอินทรวิหาร) ตอกโค๊ต หลังจารเต็ม
พระครูประสาธน์ขันธคุณ หรือหลวงพ่อมุม อินทปํญโญ วัดปราสาทเยอเหนือ จังหวัดศรีษะเกษ ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง มีวัตรปฏิบัติงดงาม อุปนิสัยเยือกเย็น ใจดี ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ จึงเป็นทีเคารพยิ่งของประชาชนทั่วทุกภาคของประเทศไทย แม้กระทั่งทหารนาวิกโยธินชาวสหรัฐอเมริกาที่มาปฏิบัติการในเมืองไทยสมัย สงครามเวียตนามยังมาขอสร้างเหรียญเพื่อนำไปบูชา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จพระราชดำเนินทรงทอดพระกฐินส่วนพระองค์ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2514 นับเป็นวัดแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่พระองค์ท่านได้พระราชทานกฐินส่วนพระองค์

เหรียญรุ่นนี้แบ่งออกเป็น 2 บล็อคใหญ่ๆดังนี้
1.บล็อควัดอินทรวิหาร สืบเนื่องจากมี"พระอาจารย์ฟื้น ธัมมวโร"วัดอินทรวิหาร ได้ขออนุญาต"หลวงพ่อมุม"จัดสร้างพระชุดนี้ขึ้น เพื่อมอบให้แก่ผู้ที่ร่วมทำบุญกับทุนนิธิประสาทน์ขันธคุณ เพื่อบูรณะวัดประสาทเยอเหนือและจัดสร้างหอระฆัง....อีกส่วนหนึ่งไปสร้างกำแพงรอบพระอุโบสถ วัดสามัคคีพัฒนาราม ต.วังชมพู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ หลวงพ่อปลุกเสก ๑๙-๑๒-๒๕๑๗ ณ.พระอุโบสถ วัดประสาทเยอเหนือ จากนั้นได้นำมาให้เช่าบูชาที่ วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม กทม.
รายละเอียดจำนวนการสร้างคร่าวๆมี......เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะ เนื้อทองแดงกะไหล่ทองและเนื้อทองแดง ในชุดนี้ที่สร้างพร้อมกันยังมีพิมพ์อื่นๆหลายพิมพ์รวมทั้งเนื้อผง เนื้อว่าน ล็อกเกต ผ้ายันต์ แหวนและตะกรุด.....
จากแหล่งข้อมูลมีจัดสร้างชุดกรรมการทั้งหมด 999 ชุดใน 1 ชุดมี 8 องค์ประกอบด้วย
1.เหรียญนักกล้าม เนื้อเงิน ตอก ๙๙๙ กรรมการ
2.เหรียญนักกล้าม เนื้อกะไหล่ทอง ตอก ๙๙๙ กรรมการ
3.เหรียญนักกล้ามเนื้อทองแดง
4.เหรียญช้างสามเศียร 2 องค์
5.เนื้อผง 2 องค์และตะกรุด 1 ดอก กรรมการตอกเลข ๙๙๙

2.หลวงพ่อมุม ได้เห็นว่าเหรียญแกะพิมพ์ได้สวยงามและลูกศิษย์ทางพื้นที่อยากได้มาบูชาบ้าง จึงให้นำแบบพิมพ์นี้แกะขึ้นมาใหม่ และปลุกเสกแจกเฉพาะที่วัดประสาทเยอเหนือ จำนวนสร้างน้อยมาก ที่พิเศษกว่านั้นคือหลวงพ่อมุมท่านจะจารด้วยตัวท่านเองโดยส่วนใหญ่เพราะจำนวนน้อย รอยจารตัวอักขระของหลวงพ่อมุมจะแผ่วเบาไม่กินลึกเหมือนลูกศิษย์ที่ยังหนุ่มแน่นช่วยหลวงพ่อจาร
จากที่สร้างจำนวนน้อย ไม่พอกับความต้องการของลูกศิษย์ในพื้นที่ ในปีถัดมาปี.๒๕๑๘-๒๕๑๙ ได้จัดทำเพิ่มอีกหลายครั้ง โดยใช้แม่พิมพ์ตัวเก่าปั๊มเพิ่มขึ้นมาอีกหลายวาระ..

ข้อสังเกตุ.... บล็อคแรกสร้างปี.๒๕๑๗ ส่วนมากจะมีตอกโค๊ดและไม่ตอกก็มีบ้างเล็กน้อยจัดสร้างตรงปี ครั้นในปีต่อมาประมาณปี 2518-2520 ก็มีจัดสร้างเพิ่ม ส่วนมากจะไม่มีตอกโค๊ดและขี้กลากเริ่มมากขึ้นตามลำดับ

หลังจากนั้นก็ยังมีการจัดสร้างเสริมกันเองเป็นชุดท้ายๆ ชุดนี้จะไม่ได้รับความสนใจให้ข้อสังเกตุลักษณะเหรียญ
1.เหรียญจะมีขี้กลากมากตามพื้นเหรียญทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
2.มีเส้นแตกวิ่งเป็นแนวเฉียงฝั่งขวาเหนือศรีษะหลวงพ่อมุม
3.ผิวเหรียญจะไม่ตึง และเท่าที่พบเห็นจะเป็นเนื้อทองแดงรมน้ำตาลไหม้ส่วนใหญ่ ถ้าเป็นรุ่นแรกเลยจะเป็นทองแดงผิวไฟและทองแดงรมน้ำตาล

 

เหรียญสังฆาฏิ(พิมพ์ใหญ่)บางคนก็เรียกกันว่า "เหรียญนักกล้าม" ตามลักษณะของเหรียญที่มีความคมชัด โดยเฉพาะส่วนที่เป็นแขนเห็นกล้ามอย่างเด่นชัด ซึ่งช่างได้แกะตามภาพต้นแบบได้เหมือนมาก จัดสร้างเมื่อพ.ศ. ๒๕๑๓ โดยท่านพระครูอุดมสารโสภณ ช่างผุ้แกะบล็อกแม่พิมพ์คือนายช่างเกษม มงคลเจริญ ซึ่งเป็นช่างแกะพระฝีมือดีมีชื่อเสียงมากและงานมากในขณะนั้น(บางวันต้องแกะถึง๓เหรียญ) เหรียญสังฆาฏิ มีรูปแบบทีสวยงาม ด้านหน้า รูปท่านเจ้าคุณนรฯนั่งสมาธิ มีฉายา ธัมฺมวิตฺโกอยู่ล่าง ด้านหลังเป็น ยันต์น้ำเต้า ล้อมรอบด้วยอักขระมงคลเก้า คือ อะ-สัง-วิ-สุ-โล-ปุ-สะ-พุ-ภะ และเสริมด้วย “พุธ-ธะ-สัง-มิ ตลอดจนตัว “อุ”ซึ่งเป็นอักขระยันต์ที่มีพุทธานุภาพเปี่ยมล้นครบถ้วนครอบจักรวาล


เหรียญนักกล้ามท่านเจ้าคุณนรฯ อธิษฐานจิตเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๑๓ ประกอบด้วยเนื้อทองคำจำนวน ๑๔๐ เหรียญ ค่านิยมหลักแสนปลายๆ เนื้อเงิน ๓๕๐ เหรียญ ค่านิยมอยู่ในหลักหมื่นปลายๆ เนื้อนวโลหะ ๑๔๕ เหรียญ ค่านิยมอยู่ในหลักแสนกลางๆ ส่วนเนื้อทองแดงด้วยจำนวนการสร้างที่มากถึง ๑๐๐,๐๐๐ เหรียญ ทำให้ค่านิยมอยู่ในหลักพันกลางๆ เท่านั้น เนื่องจากต้องสร้างเหรียญสังฆาฏิพิมพ์นี้เป็นจำนวนมาก นายช่างเกษม มงคลเจริญ จึงต้องสร้างแม่พิมพ์ถึง ๕ ชุด ด้วยวิธีแกะแม่พิมพ์แบบเหมือนจริง แล้วนำไปถอดเป็นแม่พิมพ์อีกครั้ง

ดังนั้นจะเห็นได้ว่ารูปท่านเจ้าคุณนรฯ ทั้ง ๕ พิมพ์ จึงเหมือนกันหมด จะแตกต่างกันที่ตัวอักษรเท่านั้น เนื่องจากนายช่างเกษมมีงานจนล้นมือ ทำไม่ทัน จึงให้ นายช่างยิ้ม ยอดเมือง ช่วยแกะและตกแต่งตัวหนังสือให้ชัดเจนอีกครั้ง จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องมีความแตกต่าง ยิ่งเป็นการแกะบนเหล็กที่แข็ง การพลาดจะเกิดริ้วรอยและตำหนิจึงเกิดขึ้น

ด้วยเหตุนี้เองทำให้เซียนพระมาแยกพิมพ์ในภายหลัง ประกอบด้วย บล็อกทองคำ, บล็อก ต.หางยาว หลังลายผ้า, บล็อก ธ. มีเส้นผ่าน, บล็อก ต.หางสั้น และบล็อกหนังสือมีรอยตะไบ

จุดเด่นของเหรียญรุ่นนี้ คือชนวนมวลสารที่ใช้จัดสร้าง โดยลูกศิษย์ได้นำตะกรุดของพระเกจิดังมาหล่อหลอมเป็นชนวน จึงถือว่าเป็นพระที่มีพุทธคุณสูง เล่นหากันได้ทุกระดับ ซึ่งนับว่าค่านิยมจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ

 

๏ ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์




ด้วยการพัฒนาวัดและชุมชนมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง ทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) ในพระบรมราชูปถัมภ์โดยอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย ถวายปริญญาบัตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคมศาสตร์ ณ วันที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๘ แก่องค์หลวงพ่อ แสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อได้เป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ของประชาชนโดยแท้ ท่านไม่ทิ้งธุระทางการศึกษา พัฒนาสาธารณะประโยชน์เกี่ยวกับการศึกษาไว้มาก เพื่อเป็นแนวทางแก่พระภิกษุ-สามเณรในพระพุทธศาสนา