เมืองเบียร์ขนทองกลับบ้านสะท้อนความเชื่อมั่นโลกหดหาย

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย forest60, 20 มกราคม 2013.

  1. forest60

    forest60 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +4,197
    โดย...ลภัสรดา ภูศรี

    กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทั่วโลกจับตามองไม่น้อย สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของบุนเดสแบงก์ หรือธนาคารกลางของเยอรมนี ภายหลังประกาศเจตจำนงเรียกคืนทองคำสำรองที่ฝากไว้ที่ธนาคารกลางในต่างประเทศ ทั้งจากอังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐราว 674 ตันที่มีมูลค่าสูงถึง 2.7 หมื่นล้านยูโร (ราว 1.05 ล้านล้านบาท) จากทั้งหมด 1,500 ตัน ทยอยนำกลับมาเก็บไว้ในคลังประเทศภายในปี 2563

    ถึงแม้ว่าการสั่งถอนทองคำของเยอรมนีในครั้งนี้ ไม่ใช่การเรียกคืนทองคำครั้งใหญ่ที่สุดเหมือนดังเมื่อปี 2543-2544 ที่ธนาคารกลาง ออกคำสั่งเรียกคืนทองคำแท่งที่ฝากไว้ในธนาคารกลางอังกฤษกลับมาถึง 940 ตัน

    อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักที่ทำให้ความเคลื่อนไหวดังกล่าว กลายเป็นกระแสฮือฮาไปทั่วโลก เนื่องจากเหตุผลสำคัญเบื้องหลัง ไม่ใช่เป็นเพราะธนาคารกลางเมืองเบียร์ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายจากการฝากทองคำไว้ในธนาคารกลางอังกฤษที่สูงถึง 5-5.5 แสนเหรียญสหรัฐ (ราว 19-20.9 ล้านบาท) ต่อปี เหมือนดังเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

    แต่เป็นเพราะความเคลื่อนไหวดังกล่าว เป็นไปตามคำสั่งศาลกลางเยอรมนีว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ภายหลังได้รับร้องเรียนจากกลุ่มยูโรสเคปติกส์ ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านการรวมตัวของสหภาพยุโรป ที่มีสาขาอยู่ในเยอรมนี ที่ได้ยื่นฟ้องต่อศาลให้ธนาคารกลางเยอรมนีดึงทองคำกลับประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในประเทศ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่น่าไว้ใจเช่นนี้

    กระแสเรียกร้องในเยอรมนีสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนในประเทศ ต่างวิตกกังวลว่า เยอรมนีซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคอาจหลีกหนีไม่พ้นผลกระทบจากวิกฤตหนี้ ภายหลังจากต้องรับภาระอันหนักอึ้งในการช่วยกอบกู้ประเทศสมาชิกจากหุบเหววิกฤตหนี้สาธารณะ เห็นได้จากล่าสุดรัฐบาลเยอรมนีได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2556 ลงสู่ระดับ 0.4% จาก 0.7% เมื่อปี 2555 แล้ว

    ดังนั้น การนำทองกลับบ้านในครั้งนี้ ซึ่งจะทำให้เยอรมนีมีทองคำสำรองเก็บอยู่ในประเทศเพิ่มขึ้นจาก 31% มาอยู่ที่ 50% จากทั้งหมด 3,400 ตัน จึงถือเป็นอีกหนึ่งในความพยายามสร้างความเชื่อมั่นในประเทศของธนาคารกลางเยอรมนีได้เป็นอย่างดี

    เพราะแน่นอนว่า ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความคล่องตัวในการแลกเปลี่ยนเป็นเงินสด เนื่องจากสามารถสั่งขายทองคำในตลาดค้าทองคำระหว่างประเทศได้ในเวลาอันสั้น หากเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ

    ยืนยันได้จากแถลงการณ์โดยตรงจากบุนเดสแบงก์ ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “ทางธนาคารกลางต้องการสร้างความเชื่อมั่นในประเทศ ด้วยการมีทองคำสำรองอยู่ในมือ เพื่อสามารถเปลี่ยนเป็นทุนสำรองเงินตราต่างประเทศได้ทันที”

    ขณะเดียวกันบรรดานักวิเคราะห์การเงินทั่วโลกต่างมองเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่าทีของเยอรมนียังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงระหว่างธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะความเชื่อมั่นต่อสหรัฐที่รัฐบาลกรุงวอชิงตันกำลังประสบปัญหาหนี้ชนเพดานอยู่ในขณะนี้อีกด้วย

    “ท่ามกลางวิกฤตทั่วโลก ทางการเยอรมนีรู้สึกมั่นใจ หากมีสินทรัพย์อยู่ในบ้านมากกว่า” ริก สปูนเนอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของบริษัทบริหารหลักทรัพย์ ซีเอ็มซี ในซิดนีย์ กล่าว

    นอกจากนี้ การเรียกคืนทองคำของเยอรมนีในครั้งนี้ ยังจุดให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่นักวิเคราะห์อีกว่า อาจเป็นเพราะทางการเยอรมนีไม่มั่นใจในระบบการตรวจสอบการจัดเก็บทองคำในต่างประเทศ เนื่องจากในปัจจุบันทางการเยอรมนีไม่สามารถเข้าไปตรวจนับหรือพิสูจน์ว่า ทองคำสำรองที่ฝากไว้ในธนาคารกลางในประเทศนั้น แท้ที่จริงอยู่ในสภาพครบสมบูรณ์ ตามคำยืนยันของธนาคารกลางที่เป็นผู้ดูแลทองคำสำรองจริงหรือไม่

    เห็นได้จากเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทางธนาคารกลางสหรัฐ ปฏิเสธที่จะให้ทางการเยอรมนีเข้าไปตรวจสอบทองคำสำรองของประเทศ ซึ่งยิ่งส่งผลกระทบให้ความเชื่อมั่นของประชาชนและทางการเยอรมนีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    นักวิเคราะห์มองว่า หากเยอรมนีซึ่งถือครองทองคำสำรองรายใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ เริ่มขาดความมั่นใจในระบบการตรวจสอบทองคำเช่นนี้ อาจจะส่งผลให้ธนาคารกลางของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เกิดความไม่มั่นใจและเริ่มอยากตรวจสอบระบบทองคำด้วยเช่นกัน ซึ่งผลของการตรวจสอบอาจกลายเป็นประเด็นที่จุดให้เกิดความวุ่นวายทางการเงินทั่วโลกเลยทีเดียว

    “หากรายงานของตรวจสอบสภาพทองคำ พบว่าปริมาณทองคำสำรองในความเป็นจริงนั้น มีน้อยกว่าที่ระบุไว้ในเอกสารยืนยัน ก็จะส่งผลกระทบต่อราคาทองในอนาคตเลยทีเดียว” หลุยส์ โกลิโน นักวิเคราะห์จากคอยน์ วีก ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวเกี่ยวกับเหรียญกษาปณ์ของสหรัฐ

    แม้ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพียงการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ท่าทีของเยอรมนีล่าสุด พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่น่าไว้วางใจเช่นนี้ วิกฤตความเชื่อมั่นจึงเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่อาจมองข้ามได้

    เงินทองอยู่ในกระเป๋าตัวเองย่อมปลอดภัยกว่าอยู่ในกระเป๋าคนอื่นแน่นอน

    ที่มา posttoday.com 18 มกราคม 2556 เวลา 08:38 น.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2013
  2. bluejet

    bluejet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +2,181
    เรื่องความไม่มั่นใจนี่ นักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกหลายคนพูดกันมาสองปีแล้วครับ บางคนคาดกันไว้ว่าจะล่มตั้งแต่ปีที่แล้วเสียด้วยซ้ำ

    เขาไม่ได้ขนกลับบ้านหมดหรอก ขนบางส่วน คงกลัวอเมริกาน่ะ

    ผมจะยกตัวอย่างที่คนรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้ อย่างสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ เราสั่งต่อเรือพิฆาตไว้ ๒ ลำ ที่อิตาลี จ่ายเงินไปแล้ว ตั้งแต่สมัยก่อนเรารบกับอินโดจีนฝรั่งเศส แต่พอเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ เรือเราก็โดนอิตาลีชักดาบยึดไปใช้ (แต่สุดท้ายก็โดนอังกฤษหรืออเมริกาจมเรือไปเสีย) ก็เห็นได้ว่า ของของใคร ถ้าฝากคนอื่นไว้ ก็มีโอกาสโดนยึดไปได้ซึ่งๆ หน้า
     
  3. นะมะนะอะ

    นะมะนะอะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +83
    ฝรั่งหัวแดงมันหน้ากลัวนะ ... ไม่มีผลประโยชน์มันไม่สนใครหลอก
     
  4. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    เชื่อเถอะ ครับ

    ว่าเยอรมันถอนทองคำที่ฝากไว้ในอเมริกาไม่ได้แน่ ครับ
    เพราะเมื่อสมัย ปธน. นิกสัน ฝรั่งเศสของถอนคืนปรากฏว่าอเมริกาไม่ให้

    ประเทศที่มีสิทธิจะได้ทองคำที่ฝากไว้คืนคือ มหาอำนาจจีนและรัสเซียเท่านั้น

    ส่วนประเทศไทยประกันซ่อมฟรีว่าถ้าไปขอถอนมั่ง....รับประทานแห้วฟรีทั้งปี ครับ
     
  5. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    คงต้องชี้แจงอย่างงี้ ครับ...จารย์

    กรณีฝากทองคำไว้ที่ Fed ของเมกากับการสั่งต่อเรือกับอิตาลีเป็นคนละกรณีกัน
    เพราะกรณีต่อเรือเป็นเรื่องการชักดาบในสภาวะสงคราม
    ซึ่งในหมู่นักเลงโลกเค้าถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยของเหล่านักเลงด้วยกัน
    ว่ากันไม่ได้ครับ ถือว่าเป็นความซวยของประเทศไทย

    เรื่องอะไรเกี่ยวกับการสงครามนี่ไม่มีใครรับประกันใครหรอก
    ยกตัวอย่างเรือจักรีฯของเรา ที่สั่งต่อจากอู่บาซานในสเปน
    เวลาส่งมอบทางผู้สร้างผู้ผลิตและรัฐบาลสเปนส่งมอบเรือให้แค่ที่คลองสุเอซ

    ระยะทางต่อจากนั้นเราต้องเอาเรือฟรีเกตของเรา 2 ลำ ออกไปรับข้ามมหาสมุทรอินเดียมาถึงประเทศไทยกันเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นในระหว่างนี้ก็ต้องรับผิดชอบกันไปไม่มีบริษัทประกันภัยหน้าไหนในโลกรับประกันเรือรบกันหรอก ครับ

    ส่วนกรณีฝากทองคำไว้ที่เมกา จะไม่มีทางถอนออกเป็นแท่งทองคำได้ยกเว้นจะออกให้เป็น Gold Certificate ซึ่งผู้รู้จะเอาไปเล่นแร่แปรธาตุกันได้ ครับ (แต่มีคนที่เล่นไม่เป็นแล้วพยายามเล่นติดคุกในเมกากันมามากแล้ว)

    พูดง่ายๆคือ ไปฝากทองไว้กับนักเลงใหญ่ของโลกก็ต้องทำใจ ล่ะครับ
    :':)':)'(
     

แชร์หน้านี้

Loading...