รวมคำทำนายและวิเคราะห์ภัยพิบัติ - What's Next ?

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย hiflyer, 8 พฤศจิกายน 2012.

  1. KhonDernDin

    KhonDernDin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +382
    หายป่วยไวๆ นะครับ (มาม่าไม่เอา) :boo:
     
  2. Sestulee

    Sestulee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +2,386
    ไปทำเป็นเล่นในกระทู้เจ้าป้าไม่ได้หรอกขอรับ หากเข้าไปต้องสงบน้อมน้อมน่ะขอรับถึงจะได้รับความเอ็นดูจากเจ้าป้าท่าน ไม่เชื่อท่านเข้าไปดูที่ผมเพิ่งเข้าไปหาเจ้าป้าดูครับ เราเข้าหาผู้ใหญ่ต้องน้อมน้อมครับ เห็นมั๋ยล่ะเจ้าป้าท่านยังกรุณาชี้ทางสว่างให้ผมเลยครับ

    เจริญอาหารทุกเวลา น้ำหนักจะมาไม่ทันรู้ตัวน่ะขอรับ:boo::boo:
     
  3. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681

    โอ้ท่าน .. แสงตะวันมาจากทางด้านหลังมุมต่ำเยื้องขวานิดๆ ลองจินตนาการดูสิครับ แสงและเงาควรเป็นเช่นไร แล้วช่วงบนสุดกับล่างสุด มุมขวา ของเมฆเกลียว ทำไมมันไม่สะท้อนแสง แล้วตรงกลางเมฆด้านที่ตรงข้ามดวงอาทิตย์ ทำไมมันสะท้อนแสงซะจ้ามาก

    แหงนมองฟ้า อย่าเกินเจ็ดสิบองศา คนชราอาจหน้ามืดได้ :cool:


    556+ ( เสียงหัวเราะ ปี 2556 )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2013
  4. llilliilliiill

    llilliilliiill เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    589
    ค่าพลัง:
    +2,741
    แต่ผมไม่กล้าอ่านของแกครับ ผมกลัวต้องโอนเงิน20บาทให้แก -_-' แถมยิ่งอ่านยิ่งมึนเหมือนยิ่งถูกแรงกดทับ

    ไว้ผมหาซื้อฮูลาฮูปพีรามิดได้ก่อน ค่อยกลับไปอ่านของแกใหม่ครับ (ถ้าไม่โดนลบไปซะก่อนนะ)

    .
     
  5. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277


    [​IMG]
     
  6. อธิฎฐาน

    อธิฎฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,610
    คำอธิษฐานดี ๆ จากคนเหนือเมฆ ขอให้เป็นไปตามคำอธิษฐานเทอญ

    [​IMG]
     
  7. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277


    โอไรอัน (Orion) ตำนานดาวนายพราน


    preview.jpg



    กลุ่มดาวนายพราน (Orion Constellations) เป็นกลุ่มดาวที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ในซีกโลกภาคเหนือในฤดูหนาว เป็นกลุ่มดาวที่มนุษย์เราจับให้มาเข้ากลุ่มเดียวกัน มานานนับพันๆปีแล้ว จึงมีเรื่องเล่าขานผูกกันเป็นตำนานมากมาย มาตั้งแต่โบราณกาล แรกสุดนั้นถูกเรียกว่า Tammuz โดยชาว Chaldeans ชาวซีเรียนก็เรียกว่า อัลจับบาร์(Al Jabbar) ชาวอียิปต์โบราณเรียกว่า ซาฮู(Sahu) หรือดวงวิญญาณของ โอซีรีส(Osiris) เทพแห่งความตาย จนในที่สุด มาเป็นนายพรานโอไรอัน ตามชาวกรีก และโรมัน ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันมาจนทุกวันนี้



    grt_2_orion_constellation.jpg


    ตำนานที่เก่าแก่ที่สุดที่เราทราบก็มาจากตำนานเทพของชาวอียิปต์ ซึ่งยกย่องให้เทพ โอซีรีส (Osiris) เป็นจ้าวแห่งชีวิตหลังความตายทั้งมวล ในขณะที่ รา(Ra) หรือเทพอาทิตย์เป็นจ้าวแห่งสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ในช่วงปลายของอาณาจักรอียิปต์โบราณ สังคมอียิปต์ให้ความสำคัญกับชีวิตหลังการตายเป็นอย่างมาก ความรู้เกี่ยวกับการรักษาศพมิให้เปื่อยเน่า คือการทำมัมมี่ นั้น ก็ได้พัฒนาไปจนสูงสุด ปิรามิด หรือที่จริงแล้วก็คือที่เก็บรักษามัมมี่เหล่านี้ เพื่อรอการฟื้นคืนมารวมตัวกับเทพโอซีรีส ก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างอลังการสองฟากฝั่งแม่น้ำไนล์ เทพโอซีรีสก็ได้รับการบูชายกย่อง ให้มีอำนาจเหนือสุด ในยุคปลายของอารยธรรมอียิปต์โบราณนี้เอง


    ว่ากันว่า ภาพชาวอียิปต์โบราณ โดยเฉพาะภาพของฟาโรห์ ที่เราเห็นนุ่งผ้าชายเป็นสามเหลี่ยม และไหล่กว้าง เอวคอด นั้น เป็นการเลียนแบบรูปร่างของ กลุ่มดาวนายพรานนี้เอง

    ตามตำนานอียิปต์ โอซีรีส เป็นกษัตริย์ผู้ทรงคุณธรรม เป็นที่รักใคร่ของพสกนิกรยิ่งนัก ทรงมีพระมเหสีนามว่า ไอสิส พระนางไอสิส เป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์กว่าใคร โอซีรีส ทรงมีพระอนุชามากมาย พระอนุชาองค์รองของพระองค์นั้น ริษยาอาฆาต ต้องการที่จะเป็นใหญ่ จึงออกอุบายให้ช่างทำโลงศพ ที่ประดับประดาอย่างสวยงามอลังการ โดยแอบวัดขนาดองค์ของ โอซีรีส ให้พอดีกันอย่างเหมาะเจาะ แล้วก็เชิญชวนเหล่าพระเชษฐาอนุชา มางานเลี้ยงเพื่อชมความงามของโลงนั้น แล้วบอกว่า เป็นโลงที่สร้างอย่างงดงามที่สุด แต่จะมอบให้องค์ใดที่มีส่วนสัดเหมาะเจาะกับขนาด ทุกองค์ก็ต้องลองเข้าไปนอนดู เมื่อถึงคราว โอซีรีส เข้าไปในโลง พระอนุชาก็ตอกฝาโลงปิดสนิทจน โอซีรีสสิ้นพระทัยในโลง พระนางไอสิส กลับจากการเดินทางมาทราบข่าวก็โศกาอาดูร พยายามไปตามพระศพของ โอซีรีส ปรากฏว่า พระอนุชาได้ตัดพระศพเป็นสิบสี่ท่อนโยนทิ้งไปคนละทิศ พระนางไอสิส ก็ไปตามเก็บมาหมด ขาดส่วนที่สำคัญหนึ่งชิ้นคือ อวัยวะชาย ซึ่งถูกโยนลงแม่น้ำไนล์และถูกปลากินไป พระนางจึงเอาไม้สน ซึ่งเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอียิปต์ (คงเนื่องจากหาได้ยากในทะเลทราย) มาเหลาติดต่อให้เป็นเทวลึงค์ แล้วห่อพระศพด้วยผ้าลินินพันไปรอบๆ พร้อมด้วยกรรมวิธีต่างๆ อันเป็นแบบแผนของการทำมัมมี่ในยุคหลัง เสร็จแล้ว นางก็เป่าลมหายใจวิเศษ(บา) นำวิญญาณกลับคืนสู่ร่างมัมมี่ โอซีรีส ก็ฟื้นคืนองค์ ลอยขึ้นสู่สรวงสวรรค์ไปปกครองผืนฟ้า เป็นเจ้ามนุษย์หลังจากความตายไป ว่ากันว่า ปิรามิดเมืองกีซ่า นั้น สร้างขึ้นเพื่อเลียนตำแหน่งของ เข็มขัดโอไรอัน แต่จะจริงเท็จอย่างไรคงต้องรอพิสูจน์กันอีก



    orion_osiris.jpg



    ส่วนทางด้านกรีกนั้น ก็มีตำนานต่างกันอย่างน้อยๆสองตำนานเกี่ยวกับดาวกลุ่มนี้ ตำนานหนึ่งกล่าวว่า โอไรอัน เป็นนายพรานหนุ่มรูปงาม บางตำนานว่าเป็นยักษ์ใหญ่ เป็นบุตรของจ้าวสมุทร โพไซดอน(Poseidon) และ เจ้าหญิงลุ่มน้ำอเมซอน ยูเรียล (Euryale) โอไรอัน เป็นพรานที่มีความสามารถที่สุดในหมู่มนุษย์ ตำนานทางหนึ่งกล่าวว่า ความสามารถนี้ทำให้เขามีความยะโสโอหังเป็นยิ่งนัก เที่ยวอวดอ้างศักดาว่าจะฆ่าสัตว์ใหญ่น้อยให้หมดจากโลก จนพระนางเจ้าแห่งธรณี กายยา (Gaia) ทรงพิโรธจนต้องสั่งให้แมงป่องมาฆ่า เพื่อรักษาชีวิตสัตว์ป่าในความคุ้มครอง โอไรอัน ถูกแมงป่องต่อยจนสิ้นใจ แต่เทพผู้รักษา โอฟีอุสคุส Ophiuchus มาปราบแมงป่องร้าย แล้วให้ยารักษาแก่ โอไรอัน เทพธิดา Artemis หรือ Diana ตามชื่อโรมัน ผู้หลงรัก โอไรอัน ได้ไปขอร้องเทพบิดร คือ ซุส (Zeus) ให้ชุบชีวิต โอไรอัน ให้เป็นอมตะ โดยให้ไปเกิดเป็นดาว ส่วนเจ้าแมงป่องก็ได้ไปเกิดเป็นดาวเหมือนกัน (คงจะเพราะมีความดีความชอบที่รับใช้เทพกายยา) แต่เพื่อความปลอดภัยของโอไรอัน ซุส จึงวาง กลุ่มดาวแมงป่อง (Scorpius) ให้อยู่คนละฟากฟ้ากับโอไรอัน และจะขึ้นและตกจากท้องฟ้าคนละเวลากัน เพื่อจะได้ไม่มาเจอกัน

    อีกตำนานหนึ่งก็ว่าตรงกันเกี่ยวกับพ่อแม่ของ โอไรอัน แต่เขาต้องระหกระเหินไปเป็นพรานล่าสัตว์ให้เทพ Artemis(ไดแอนน่า) ผู้เป็นเทพแห่งการล่าสัตว์ และมีหน้าที่ชักรถนำดวงจันทร์ มาส่องแสงในเวลากลางคืนด้วย นางก็มาลุ่มหลง โอซีรีส ด้วยความที่เป็นหนุ่มรูปงาม และมีความสามารถในการล่าสัตว์เป็นอย่างยิ่ง จนละเลยหน้าที่ที่ต้องนำดวงจันทร์มาส่องโลกในยามค่ำคืน ชาวโลกจึงพากันเดือดร้อน เพราะไม่มีอะไรมาส่องแสงนำทางตอนกลางคืน เทพอะพอลโล พระเชษฐาของนาง ซึ่งมีหน้าที่ชักรถนำพระอาทิตย์ มาส่องสว่างบนฟ้าในเวลากลางวัน ก็ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง จนคิดจะกำจัด โอไรอัน เพื่อให้น้องสาวเลิกลุ่มหลงและกลับมาทำหน้าที่ของตัว

    วันหนึ่ง อะพอลโล เห็น โอไรอัน กำลังลงเล่นน้ำทะเลอยู่แต่ไกล จนเห็นแค่หัวดำๆโผล่ขึ้นมาเท่านั้น อะพอลโล จึงไปท้าน้องนางว่า คงไม่ยิงธนูเก่งขนาดจะยิงกวาง ที่เห็นแต่หัวโผล่น้ำขึ้นมาอยู่ไกลๆ นั้นได้หรอก อาร์ทีมิส ก็ไม่ยอมให้พี่ชายมาดูหมิ่นได้ง่าย จึงไม่รีรอชักธนูยิงไปที่หัวดำๆนั้นในทันที เมื่อไปถึงจึงทราบว่า ได้ปลิดชีวิตชายอันเป็นที่รักไปเสียแล้ว ด้วยความเศร้าโศกหัวใจแทบสลาย ก็นำร่างของ โอไรอัน ขึ้นรถทรงที่ใช้ชักพระจันทร์ขึ้นฟ้า ไปฝากฝังไว้บนแผ่นฟ้าให้เกิดมาเป็นดาว ให้นางได้ชื่นชมตลอดไป




    star_chart_jan_n00_2.gif


    สำหรับผู้ที่อยู่ซีกโลกภาคเหนือ ก็จะเห็น กลุ่มดาวนายพราน นี้ได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม ไปจนถึงเดือนมีนาคม และทางซีกโลกภาคใต้ก็จะเห็นในเวลาสลับกันไป


    constorion.jpg



    คนโบราณให้จินตนาการว่า ภาพของโอไรอัน บนท้องฟ้านั้นกำลังสู้กับวัว หรือ กลุ่มดาววัว (Taurul อ่านว่า ทอรัส) และ โอไรอัน มีสุนัขสองตัวติดตามมา ตัวใหญ่คือ กลุ่มดาว Canis Major ส่วนตัวน้อยก็คือ Canis Minor และมีกระต่ายน้อย (Lepus) ตัวสั่นงันงกด้วยความกลัวตาย อยู่ที่ใต้เท้าของ โอไรอัน นายพรานใหญ่

    ที่มา http://www.vcharkarn.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2013
  8. llilliilliiill

    llilliilliiill เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    589
    ค่าพลัง:
    +2,741
    อันนี้มาจากการ์ตูนเรื่องไรครับเนี่ย?

    .
     
  9. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    ท่านสมดุล ท่านรักเดียวใจเดียวกับคุณ Nancy Lieder แห่ง Zetatalk มานานนมแล้วครับ ข้อมูลที่ท่านอ้างอิง (น่าจะ 90% up) เป็นข้อมูลช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา และยังรอการพิสูจน์ ( ยังไม่เกิดตามที่คาดการณ์ไว้ จริงๆ ผ่านเลยมา ปีสองปีแล้วมั่ง ) เช่น 7/10 8/10 10/10 อะไรนั่น

    และเรื่องที่ Nancy and Team ยังไม่ยอมแพ้คือ การทำนายการจะมาปรากฎตัวของ Px (นิบิรุ ) ที่เคยเลื่อนมาครั้งหนึ่งจาก 2003 เป็นวันเดียวกับปฏิทินมายา 21-12-2012 วันเวลาได้ค่อยๆพิสูจน์ วันแล้ววันเล่า เดี๋ยวนี้จะหาคนเชื่อเรื่อง Px น้อยมาก เพราะจนป่านนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานแม้แต่ชิ้นเดียวที่เป็นหลักฐานจริง ที่เห็นก้อเพียงรูปถ่ายของนาย Alberto (เกือบ 100 % ) และทั้งหมดก้อเป็นภาพลวงตา( Lens flare , Lens Reflection, Lens distortion ) ที่เกิดจากกล้องดิจิตอล ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องไม่จริง

    ก่อนวันที่ 21-12-2012 ไม่กี่วัน ทาง SLOOH space camera เค้าก็มี live event เพื่อตามหา Px ( Nibiru ) ใช้ชื่อ event ว่า THE HUNT FOR PLANET X / NIBIRU สุดท้ายก็ยังตามหาไม่เจอ แต่Zetatalk ถ่ายติดทุกวัน เพราะถ้าไม่มีรูปมาโชว์เดี๋ยวสมาชิกหายหมด

    ที่บอกว่า ดาวศุกร์ และดาวดำคู่แฝดของโลก พองตัวโตขึ้น อันนี้ผมไม่ทราบนะ แต่ผมรู้ว่า ถ้าดาวเคราะห์เหล่านั้นโคจรมาใกล้โลกเมื่อไหร่ เราอยู่บนโลกก็จะเห็นขนาดโตขึ้น สว่างขึ้น ใกล้ขึ้น

    ทั้งหมดเป็นเรื่องของความเชื่อ ท่านสมดุลเองก็คงกำลังรอพิสูจน์ว่า 7/10, 8/10 หรือ Px จะเป็นจริงเมื่อไร เหมือนท่านกำลังรอเฮ อยู่นะ

    .
     
  10. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277


    บางส่วนของบทสัมภาษณ์ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น


    Kogpop_U-Yen.jpg



    2013 ระบบสุริยะวิปริต เกิดพายุขนาดใหญ่ ?


    ก่อนหน้านี้ ในงานสัมมนาเชิงวิชาการเรื่อง 'เจาะลึกภัยพิบัติ...พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด' เล่าว่า

    จากการศึกษาไม่ใช่ ปี 2012 แต่เป็นปี 2013 ที่โลกจะเผชิญหายนะสูงสุด แม้จะไม่ตรงกับวันสิ้นโลกในปฏิทินของชาวมายา แต่ก็ได้ความว่า อีก 3 ปี พวกเราไม่รอดแน่ เป็นข้อมูลที่น่าตกใจ

    ภาพเกี่ยวกับโลก ทางช้างเผือก ระบบสุริยะ และกาแลกซี่ของโลก พร้อมระบุสิ่งที่จะพูดต่อจากนี้เป็นความเห็นส่วนตัวจากการศึกษาและรวบรวม หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ไม่เกี่ยวข้องกับองค์การนาซาที่กำลังทำงานอยู่ และเขาบอกว่า ปี 2556 หรือ ค.ศ.2013 เป็นปีที่จะเกิดโนวาการระเบิดที่มีพลังงานมากที่สุด มันจะปลดปล่อยพลังงาน มหาศาล เพราะมีแนวโน้มว่าปฏิกิริยาพระอาทิตย์จะขึ้นสูงสุดในต้นปี 2013 นี้ และเกิดการพลิกกลับขั้วของแกนแม่เหล็กโลก ทำให้เกิดทั้งความร้อนสูงและการหดตัวของระบบสุริยะ

    ช่วงนั้นดวงอาทิตย์โคจร ตัดผ่านทางช้างเผือกในทุก ๆ 33-35 ล้านปีพอดี ซึ่งทางช้างเผือกมีมวลของดาว 2,000-4,000 ล้านดวง หากเกิดการบีบหดตัว ดวง ดาวและอุกกาบาตบางส่วนจะกระเด็นเข้ามาในระบบสุริยะ ซึ่งเมื่อ 35 ล้านปีที่ แล้วเป็นช่วงที่มีอุกกาบาตเข้ามาเยอะ แต่ความเสี่ยงจะมากกว่า 10 เท่า ในปี 2013

    "ตลอดระยะเวลา 10-20 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียทำงานองค์การอวกาศรัสเซียเทียบเท่านาซา สำรวจระบบสุริยะ พบมีการเปลี่ยนแปลงขอบด้านนอกสุดของระบบสุริยะ โดยวัดปริมาณความสว่างสูง ขึ้น 1,000% มีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น เชื่อว่ามีพลังงานบางอย่างเข้ามาในระบบสุริยะ นาซาเองก็พบการเปลี่ยนแปลง เช่นกัน ภาพถ่ายจากดาวเทียม Imax ที่โคจรรอบโลก ปรากฏพลังงานที่เล็ดลอดเข้ามาในระบบสุริยะ เดินทางด้วยความเร็วสูง แนวที่มี พลังงานรั่วใกล้กับทางช้างเผือก แล้วยังค้นพบว่า เมื่อวัดแกนพลังงานนี้มี การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในระยะ 6 เดือน ไม่ใช่ลักษณะค่อยเป็นค่อยไป นี่เป็นสิ่งที่นอกเหนือการคาดการณ์ของนักวิทยาศาสตร์"

    นอกจากรายงานของนาซายืนยัน การบินอวกาศยุโรปยังมีภาพแบบร่างพลังงานสนามแม่เหล็กขนาดใหญ่และความร้อนสูงมากเคลื่อนตัวเข้าหาดวงอาทิตย์ แล้วยังมีข่าวอย่างเป็นทางการระบุการบีบอัดของชั้นขอบนอกระบบสุริยะ จะทำให้พลังงานรังสีคอสมิกเข้ามาในระบบสุริยะมากเป็นพิเศษ ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศบนโลก

    นอกจากนี้ มีหลักฐานแสดงให้เห็นดวงอาทิตย์มีปฏิกริยาสูงสุดในรอบ 8,000 ปี และการที่นาซาส่งดาวเทียมโคจรที่ขอบด้านนอกเพื่อวัดความดันลมสุริยะช่วงปี 2547-2551 พบว่า ความเร็วลมสุริยะลดลงมาก ผลจากพลังงานบางอย่างเข้ามาบีบอัดลมสุริยะให้ลดลง สอดรับกับข่าวล่าสุดยืน ยันมีการเปลี่ยนแปลงด้านนอกสุดของระบบสุริยะ ส่งผลให้ความเร็วลมสุริยะลดลง 20 กิโลเมตรต่อวินาที ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2550 เป็นต้นมา และในตอนนี้ดาวเทียมวัดความเร็วลมสุริยะพบว่าลดลงถึง 0 แล้ว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ถึง 4 ปี

    "ดวงอาทิตย์มีวัฏจักร ทุก ๆ 11 ปี จะมีการพลิกกลับขั้วของสนามแม่เหล็กและเป็นช่วงที่เกราะป้องกันดวงอาทิตย์ ต่ำสุด คาดการณ์ว่าจะเกิดปี 2013 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติรุนแรง จากการสำรวจของดาวเทียม ช่วงที่ดวงอาทิตย์มีปฏิกิริยาสูงสุด ทั้งฝุ่นละอองและอุกกาบาตเข้ามามากเป็นพิเศษ มีผลกระทบต่อดาวเคราะห์ทุกดวง" วิศวกรอาวุโสไทยองค์การนาซา กล่าว



    เขายังให้ภาพความปั่นป่วนและเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับดาวเคราะห์ในระบบสุริยะถ้วนหน้า ตั้งแต่ดาวพลูโต ที่พบความกดอากาศเพิ่มขึ้น 300 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากที่สุด ภาพดาวเนปจูนแสดงให้เห็นความสว่างจ้าของชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ ดาวยูเรนัสก็เช่นเดียวกัน ความสว่างเพิ่มขึ้น กลุ่มเมฆมาก และมีการพลิกกับขั้วของสนามแม่เหล็ก ดาวเสาร์มีการเปลี่ยนแปลงในแนวเส้นศูนย์สูตรและเกิดปรากฏการณ์ออโรรา คือ มีแสงบนท้องฟ้าตอนกลางคืน แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กอย่างมาก ดาวพฤหัสก็สว่างขึ้นถึง 200 เปอร์เซ็นต์ และร้อนจัดขึ้น

    ส่วนดาวอังคารเกิดสภาวะโลกร้อน น้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำ มีพายุ มีการก่อตัวของเมฆในชั้นบรรยากาศดาวอังคาร ดาววีนัสสว่างขึ้น 2,500 เปอร์เซ็นต์ ในระยะเวลา 30 ปี แม้แต่ดาวพุธก็ค้นพบสนามแม่เหล็กสูงมาก และเกิดน้ำแข็ง มีฝุ่นละอองที่พัดออกมา ส่วนหนึ่งมาจากความดันลมสุริยะลดลง

    สำหรับดาวเคราะห์โลกที่มนุษย์อาศัยก็เปลี่ยนแปลงมาก วิศวกรอาวุโสไทยจากองค์การนาซา เปิดเผยว่า จากการวัดปริมาณรังสีคอสมิกมีสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ปริมาณจะลดลง แต่ปรากฏว่าไม่เป็นเช่นนั้น

    "รังสีคอสมิกถ้ารับปริมาณมาก สิ่งมีชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ รวมถึงเกิดการกลายพันธุ์ เป็นโรคมะเร็ง แต่ไม่ต้องกังวลมาก การเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีต นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา ปริมาณฝุ่นละอองที่เข้ามาในโลกมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และจะสูงขึ้นอีก 13 เท่าตัว ในปี 2556 ปริมาณอุกกาบาตที่วัดได้มีสูงมากในปี 2541 อาจเพราะมีเทคโนโลยีตรวจจับวัตถุหรือมีอุกกาบาตเข้ามาเยอะขึ้น ฝนดาวตกก็เพิ่มขึ้น ยืนยันปรากฏการณ์นี้แสดงว่ามีวิกฤติเข้ามาในโลกมากขึ้น"



    อีกความผิดปกติที่เกิดขึ้นคือ การเปลี่ยนแปลงความดันอากาศรอบนอก ธรรมดาเกิดขึ้นทุก 11 ปี แต่เมื่อวัดครั้งสุดท้ายผิดไปจากเดิม 28 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ชั้นบรรยากาศลดต่ำลง ส่งผลให้โลกของเราไวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนอกโลก เช่นเดียวกับภาพจากดาวเทียมวัดสนามแม่เหล็กรอบนอกแสดงให้เห็นรูรั่ว ที่มี อนุภาคและพลังงานหลุดลอดเข้ามาส่งผลต่อสภาพอากาศโลก ขั้วโลกเหนือน้ำแข็งละลาย ขั้วโลกใต้หิมะน้ำแข็งเพิ่มขึ้น

    เวลานี้มีรายงานวิจัยมากขึ้น ชี้สนามแม่เหล็กโลกส่งผลกระทบต่อรังสีคอสมิกที่เข้ามาในชั้นบรรยากาศ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพเมฆและก่อตัวของเมฆ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงความถี่ในการ เกิดแผ่นดินไหวส่งผลกระทบต่อโลกมากเป็นประวัติการณ์ ปี 2553 ทำสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ เราเห็นความสัมพันธ์ระหว่างปรากฏการณ์ความร้อนที่เกิดขึ้นบนโลก ทั้งอุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้น ความสว่างของดวงอาทิตย์ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป ในทางเดียวกัน ทั้งยังมีข้อมูลสถิติปี 2552-2553 ระบุความสูญเสียจากภัยพิบัติเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า

    ปี 2556 ดวงอาทิตย์จะมีปฏิกิริยาสูงสุด จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อดาวเทียม อุกกาบาตหรือหินนอกโลกอาจทำให้ดาวเทียมเสียหาย มนุษย์มีความเสี่ยงจากการเดินทางด้วยเครื่องบิน เพราะว่าจะได้รับรังสีแกมมา และคอสมิกปริมาณมาก รวมถึงเครื่องบินตก มีข้อมูลว่า 2-3 ปีมานี้ ปริมาณการส่งดาวเทียมไปนอกโลกจากทั่วโลกลดลง ก็ขึ้นกับการตี ความ ปี 2553 เป็นเพียงเริ่มต้นปฏิกิริยาสูงสุดของดวงอาทิตย์ อีก 3 ปีข้างหน้าจะรุนแรงขึ้น

    ย้อนไปเมื่อวันที่ 2 กันยายน ปี 2402 มีผู้บันทึกไว้ว่าเกิดปฏิกิริยาพระอาทิตย์ครั้งใหญ่ ปีนั้นแสงอาทิตย์สว่างจ้า ระบบโทรเลขทำงานโดยอัตโนมัติ คนใช้โทรเลขถูกไฟฟ้าช็อตจากพลังงานที่เข้ามา ปัจจุบันผลกระทบจะสูงกว่าครั้งนั้น อาจเกิดไฟฟ้าดับทั่วโลกหรืออุปกรณ์อิเล็กโทรนิกใช้การไม่ได้ ระบบหม้อแปลงไป จนถึงสายส่งเสียหาย สภาพอากาศแปรปรวน พายุถล่ม น้ำท่วม รวมถึงแผ่นดินไหว ต้องเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์และหาวิธีอยู่รอด

    "พื้นที่เสี่ยงกับปฏิกิริยานี้ คือ ขั้วโลก สหรัฐ แคนาดา ประเทศในแถบเส้นศูนย์สูตรเสี่ยงน้อยกว่าแต่ไม่ใช่ไม่เกิดขึ้น ไม่อยากให้ ประมาท พม่าย้ายเมืองหลวงไม่มีเหตุผล เนเธอร์แลนด์สร้างบ้านลอยน้ำ เมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐ สร้างเมืองตัวอย่างลอยน้ำ คาดว่าแล้วเสร็จปี 2013 หรือปี 2555 ทางการนอร์เวย์ ย้ายศูนย์บัญชาการทหารลงใต้ดินเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา รัสเซียสร้างที่หลบภัยใต้ดิน 5,000 จุด เสร็จในปี 2012 นี่คือสิ่งที่แต่ละประเทศเตรียมการไว้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด" ดร.ก้องภพ กล่าวโดยไม่สรุปใด ๆ เพราะต้องการทำหน้าที่ให้ความรู้จากข้อมูล วิทยาศาสตร์ที่ได้ศึกษาเพื่อสร้างความตระหนักในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ส่วนจะเชื่อหรือไม่ขึ้นกับวิจารณญานของแต่ละบุคคล




    อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการรับมือภัยพิบัติที่จะมีขนาดความรุนแรงแตกต่างกัน นโยบายของภาครัฐควรเน้นการป้องกันเพื่อลดการสูญเสีย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อประชาชนเดือดร้อนมาก อยากให้แก้ที่ต้นเหตุ และใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพตรวจจับสิ่งผิดปกติ มีกระบวนการแจ้งเตือนล่วงหน้า รวมถึงสร้างสถานที่หลบภัย ซ้อมอพยพบนเส้นทางหนีภัย อีกมาตรการหนึ่งที่สำคัญ เป็นการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจกับประชาชนทั่วไปกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

    ส่วนคนทั่วไปต้องเรียนรู้พึ่งพาตัวเอง นอกจากหวังพึ่งรัฐที่อาจช่วยเหลือได้ไม่ทันท่วงที เช่น สร้างคลังอาหารสำรองในพื้นที่ ปลูกพืชผักสวนครัว รวมถึงสำรองอาหารและอุปกรณ์ยังชีพที่จะใช้เอาตัวรอดในเหตุฉุกเฉิน 3-5 วัน ระยะยาวเห็นว่าทำตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์ที่สุด



    ที่ดร.ก้องภพ ตอบก็มีเรื่องการเปลี่ยนแปลงของดาวเคราะห์ต่างๆในระบบสุริยะค่ะ น่าจะพอตอบคำถามได้บ้าง :boo:


    ที่มา http://www.chairmantoday.com/index.php?option=com_multicontent_client&c=multicontents_client&task=showcontent&id=44966
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2013
  11. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681

    ขอบคุณมากครับ น้องดาวที่ช่วยหาข้อมูลมาเพิ่มเติม thaxx
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2013
  12. จอมพล GAY

    จอมพล GAY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +219
    คุณ hiflyer ตอบได้ถนอมน้ำใจมาก (kiss)
     
  13. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    ในบรรดาผู้ที่ออกมาให้ข้อมูลต่างๆกัน

    ดร.ก้องภพ เป็นบุคคลที่ให้ข้อมูลน่าเชื่อถือที่สุด
    เพราะยก "เหตุ" และ "ผล" เป็นวิทยาศาสตร์ทุกครั้ง :cool:
    ส่วนจะแม่ยำขนาดไหนคงต้องติดตามดูกันต่อไป
     
  14. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    พี่ Nirvana คิดเห็นเหมือนกันกับผมเลย ตั้งแต่ที่เริ่มศึกษาเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับภัยพิบัติมา บรรดานักวิชาการทั้งหลายของเมืองไทย ผมยกให้ ดร.ก้องภพ ผู้ที่น่าเชื่อถือที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูล, ความรู้, concept, การ Present ที่ไม่ดูเว่อร์เกินจริง และทั้งหมดเป็นวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้

    .
     
  15. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    ทำไมท้องฟ้ายามเช้าและยามเย็นถึงมีสีแดง แดงส้ม หรือ สีเหลือง ???

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    องค์ประกอบหลักที่ทำให้เกิดสีท้องฟ้าคือ โมเลกุลของไอน้ำ กับ แสง จะเห็นว่าถ้าไปเที่ยวทางเหนือในหน้าหนาว วันที่ท้องฟ้าใส ไม่มีเมฆเลย ตอนเย็นก็จะได้เห็นตะวันตกดินที่เป็นสีฟ้าสวยงามมาก ดูสงบ ผ่อนคลาย ไม่ร้อนแรง น่ากลัว เหมือนโทนสีแดง :cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4607.JPG
      IMG_4607.JPG
      ขนาดไฟล์:
      146.4 KB
      เปิดดู:
      85
    • IMG_4696.JPG
      IMG_4696.JPG
      ขนาดไฟล์:
      100.5 KB
      เปิดดู:
      81
    • IMG_4597-a.JPG
      IMG_4597-a.JPG
      ขนาดไฟล์:
      184.8 KB
      เปิดดู:
      78
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2013
  16. scoopynoi

    scoopynoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +727
    แสงแบบนี้แหละที่นักถ่ายภาพชอบ ผมก็ชอบ อิ อิ กลายเป็นว่านักถ่ายภาพนี่เห็นสัญญาณเตือนภัยทุกวันเลย แต่ไม่เห็นเค้ายักกลัวเหมือนห้องนู้นนนนนนน
     
  17. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277
    เห็นด้วยคะ :cool::boo:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2013
  18. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277

    พี่ hiflyer ถ่ายรูปได้สวยมากๆคะ :cool:
     
  19. kwansao

    kwansao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +619
    .

    อย่างน้อย ก็ อุ่นใจ ในระดับนึง หลังจาก
    วันที่ 21/12/12 จาก การคาดการณ์
    ของ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ที่ผ่านมา
     
  20. มณีจำปา

    มณีจำปา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,423
    ค่าพลัง:
    +9,369
    ขอบคุณ คุณ starme มากค่ะ อาการดีขึ้น แต่ยังไม่เต็มร้อยค่ะ ดูแลสุขภาพเช่นกันนะคะ อากาศเปลี่ยนแปลงมากๆ เดี๋ยวเย็นจัด เดี๋ยวร้อนจัดค่ะ จะไม่สบายกันได้ง่ายๆ [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...