จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ขออนุโมทนาบุญกับจิตบุญดวงที่ ๑๒๙ ค่ะและขออนุโมทนากับคุณครูผู้

    ฝึกสอนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกๆท่านค่ะสาธุ.
     
  2. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ======

    จิตที่เป็นอนัตตาแล้ว เข้าสู่สุญญตา แล้ว ก็จัดว่าละปล่อยวางได้หมดแล้ว จิตไปไกลมากแล้ว
    จิตและปัญญารวมสัมปยุตเข้าด้วยกันแล้ว ย่อมเป็นอริยะบุคคลผู้ไกลจากกิเลสแล้ว ก็คงเหลืออีกไม่มากแล้ว ที่จะไปให้ถึงที่สุดแห่งนิพพาน
    เพื่อจะได้ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกครับ ก็ขออนุโมทนาในจิต ของท่านผู้เข้าสู่อนัตตาสุญญตาวิหาร
    สำหรับวิชาจิตเกาะพระ ก็เช่นกันเรามีปลายทางที่เดียวคือนิพพาน ซึ่งก็มีวิธีและแนวทางของเรา สำหรับบางท่านก็ยอมรับว่า ด้วยภูมิธรรมที่ท่านมี ก็สั่งสมไว้มากแล้ว เพียงแค่เสริมปัญญา เสริมความรู้ เสริมวิธีการ หาทางลัดสู่พระนิพพานก็เท่านั้น

    สำหรับผู้ที่ฉลาดในทางธรรมย่อมข้าใจและไม่ควรประมาทในมรรคาทั้งหลาย ผู้เป็นบัณฑิต ย่อมฉลาดในกาละ ที่รู้ว่าควรเข้าไปศึกษาอย่างไร ควรแลกเปลี่ยนในธรรมอย่างไร ควรน้อมนำมาพิจารณาด้วยปัญญาอย่างไร สุดท้ายย่อมรู้ดีว่าควรก้าวเดินต่อไปอย่างไรให้ถึงที่สุดแห่งปลายทางครับ สาธุ ครับ

     
  3. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    <IMG src='http://palungjit.org/customavatars/avatar443925_3.gif' width=30>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2013
  4. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    O อุเบกขาธรรม

    “อุเบกขา” เป็นธรรมในธรรมสำคัญหมวดหนึ่ง คือ “พรหมวิหารธรรม”

    มนุษย์ก็ได้ชื่อว่าเป็นพรหม แม้มีธรรมหมวดนี้สมบูรณ์ คือมีพร้อมทั้งเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา

    อุเบกขา หมายถึง การวางใจเป็นกลาง วางเฉย ไม่ยินดียินร้าย จึงไม่หวั่นไหวด้วยความยินดีหรือความยินร้าย หวั่นไหวเพราะความยินดีแม้มากย่อมเป็นเหตุให้ฟุ้ง หวั่นไหวเพราะความยินร้ายแม้มากย่อมเป็นเหตุให้เครียด อุเบกขาจึงเป็นธรรมโอสถเครื่องรักษาโรคทางจิตทั้งสอง คือ โรคฟุ้งและโรคเครียด

    ท่านผู้มีปัญญาเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของธรรมโอสถนี้ จึงสนใจอบรมอุเบกขา เพื่อรักษาใจให้ปราศจากโรค ให้เป็นใจที่สมบูรณ์สุขอย่างแท้จริง

    O โรคทางจิตก็เหมือนโรคทางกาย

    โรคทางจิตก็เหมือนโรคทางกาย ยารักษาโรคทางจิตก็เหมือนยารักษาโรคทางกาย

    ไม่ว่าจะใช้ยาวิเศษขนานใดก็ตาม ก็ต้องใช้ยานั้นให้ได้ขนาดเพียงพอกับอาการของโรค โรคทางกายบางโรคไม่ต้องใช้ยามากและไม่ต้องใช้นาน บางโรคต้องใช้มากและต้องใช้นาน จะใจร้อนใจเร็วให้โรคหายทันใจทุกโรคไม่ได้

    แต่โรคทางใจของคนทั่วไป ปกติต้องใช้ยามากและต้องใช้นานจึงจะใจร้อนใจเร็วให้เห็นผลเป็นความหายขาดจากโรคหัวใจอย่างทันตาทันใจไม่ได้ ต้องใช้ธรรมโอสถให้เพียงพอกับอาการของโรค เช่น โรคเครียดและโรคฟุ้งที่กล่าวแล้วว่า รักษาได้ด้วยธรรมโอสถ คือ อุเบกขา ก็ต้องใช้ธรรมโอสถให้เพียงพอ คือ ใช้ให้มากพอและใช้ให้นานพอ จึงจะหายขาดได้จริง

    O ยอดของพรหมวิหารธรรม

    อุเบกขา เป็นยอดของพรหมวิหารธรรม เมตตา กรุณา เป็นฐาน มุทิตาเป็นตัว

    การจะสร้างยอดโดยไม่สร้างฐานไม่สร้างตัวนั้นก็ก็ทำกันได้ แต่ยอดจะวางอยู่ต่ำเตี้ย ไม่มั่นคง ไม่สูงสง่า ถ้าสร้างฐานสร้างตัวเป็นลำดับขึ้นไปเรียบร้อยแล้วจึงสร้างยอด ยอดก็จะมั่นคง สูงเด่นเป็นสง่า

    O ฐานของพรหมวิหารธรรม

    การอบรมอุเบกขาให้มั่นคง งามพร้อม จึงควรต้องอบรมพรหมวิหารธรรมให้สมบูรณ์

    เริ่มแต่ฐาน คือ เมตตากรุณาเป็นเบื้องต้น มุทิตาเป็นลำดับไป แล้วจึงถึงอุเบกขา เช่นนี้ไม่หมายความว่าจะต้องใช้เวลานานนักหนากว่าจะเริ่มจากฐานขึ้นไปถึงยอด เรื่องของจิตหรือเรื่องของใจเป็นเรื่องพิเศษสุด อำนาจของใจ ความเร็วของใจ ก็เป็นความพิเศษสุดเช่นเดียวกัน

    พรหมวิหารธรรม คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ก็เป็นเรื่องของใจ จึงมีความพิเศษสุด ผู้มีบุญมีปัญญา มีใจเข้มแข็งมั่นคงด้วยสัจจะ สามารถอบรมพรหมวิหารธรรมตั้งแต่ฐานถึงยอดได้ในเวลารวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องเนิ่นช้า

    สำคัญที่พึงต้องมีศรัทธาตั้งมั่น ว่าพรหมวิหารธรรมนี้มีคุณประโยชน์แก่ชีวิตอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นแล้วสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จักไม่ทรงแสดงไว้ว่าเป็นธรรมเครื่องอยู่ของพรหม จึงพึงน้อมใจรับปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ในเรื่องการอบรมพรหมวิหารธรรมนี้

    O ความหมายที่แท้จริงของพรหมวิหารธรรม

    เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มีความหมายที่แท้จริงอย่างไร ศึกษาให้เข้าใจถูกต้องเสียก่อน อย่าให้รู้ผิด เพื่อการปฏิบัติจะได้ไม่ผิด ผลที่ตามมาจะได้ไม่ผิด

    เมื่อศึกษาเข้าใจพรหมวิหารธรรมถูกต้องพอสมควรแล้ว ให้ปฏิบัติให้เกิดมีขึ้นในตนให้ถูกต้อง และจะไม่ต้องใช้เวลานานเลย สำหรับการปฏิบัติอบรมธรรมหมวดนี้หรือหมวดใดก็ตาม

    แม้เชื่อว่าพระพุทธองค์ทรงสอนให้ปฏิบัติพุ่งใจให้ตรงดิ่งลงไปในเมตตา ในกรุณา ในมุทิตา ทุกเวลา ทุกโอกาสที่มีมา ไม่มีข้อแม้ข้อแย้งยกขึ้นเพื่อให้ใจคัดค้านไม่ยอมมีเมตตา ไม่ยอมมีกรุณา ไม่ยอมมีมุทิตา ไม่ว่าต่อผู้ใดทั้งสิ้น

    ไม่ว่าจะเป็นมิตร หรือเป็นศัตรู หรือเลือกคนดีคนชั่ว ทรงสอนให้มีพรหมวิหารเป็นที่อยู่ของใจตลอดเวลา นั่นก็คือไม่ว่าจะพบคนดีหรือคนชั่ว พบมิตร หรือพบศัตรู พบที่ไหน เวลาใด ใจของเราต้องอยู่ในพรหมวิหารธรรมตลอดเวลาสม่ำเสมอ
     
  5. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    [​IMG]



    ผู้ที่ไม่มีปัญญาเป็นของตนเองเปรียบเสมือนต้นหญ้าที่โดนลม
    ลมพัดมาทางไหน ก็ลู่ไปตามลมเช่นนั้น
    เพื่อนสายนึงบอกว่าเป็นเช่นนี้ หญ้าก็ลู่ไปตามนี้
    เพื่อนอีกสาย บอกว่าเป็นอย่างนั้น หญ้าก็ลู่ไปตามลมที่เขาเป่าอย่างนั้น



    ต้นหญ้าเอ๋ย... เจ้าคงสับสนอยู่ใช่ไหม?
    เจ้าหาตัวตนของจิตเจ้าอยู่ใช่ไหม?
    เจ้าไม่เข้าใจตนเองใช่ไหมว่าเป็นแบบใด?



    เมื่อคืนเจ้าเคยได้ดื่มด่ำน้ำทิพย์ที่เป็นน้ำค้างมาแล้ว
    เจ้ารู้ถึงรสชาดความบริสุทธิ์ของน้ำทิพย์นั้นที่ทำให้เจ้าเข้าใจตัวตนของเจ้า
    และได้พบ ได้มีปัญญาด้วยตัวเจ้าเอง
    แต่ตอนนี้เจ้ากลับสับสนในตนเองว่าเจ้าควรเป็นแบบใด




    เจ้ารู้ดีว่ากว่าจะเจ้าจะได้ปัญญามา เจ้าต้องทำอย่างไรบ้าง? เจ้ารู้!
    แต่เมื่อตอนนี้มีลมมากระทบเจ้า เจ้ากลับลู่ไปตามลม และสับสนไปวันๆ เช่นนั้นหรือ?



    รสชาดน้ำค้างเป็นเช่นไร เจ้ายังจำได้ดีอยู่ไหม?
    รสชาดที่บริสุทธิ์
    น้ำค้างทิพย์ที่เจ้าพบได้ด้วยปัญญาจากการวิปัสสนา เจ้าคงลืมหมดแล้ว



    แต่ถ้าเจ้าลองมองดูดีๆ ด้วยสติอันน้อยนิดของเจ้า
    เจ้าจงมองลงไปเบื้องล่างของเจ้า
    รากที่หยั่งลึกอยู่ในดิน มันจะทำให้เจ้าชัดเจนว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าเป็นอะไร



    สายลมข้างนอกไม่เคยมองเห็นหรือผ่านเส้นรากของเจ้าฉันใด
    คนภายนอกก็ย่อมไม่เคยมองเห็นจิตเจ้าเองฉันนั้น



    มันไม่จำเป็นว่าเราต้องเป็นเหมือนที่ใครพูด
    มันไม่จำเป็นว่าเราต้องสนใจในสิ่งที่คนอื่นพูด
    แม้แต่ต้นไม้ต้นอื่นเจ้ายังไม่รู้เลยว่า รากของมันเป็นอย่างไร เหมือนเจ้าไหม
    แล้วเจ้าจะเอาสาระอะไร เมื่อไม่รู้เขา แต่เก็บเอาสิ่งที่เขาพูดมาทำตนสับสน
    คนอื่นเขาพูดอะไร ไม่สำคัญ
    ขอแค่เจ้าชัดเจนในตัวเจ้าก็พอ


    วันนี้เจ้าเป็นหญ้า ก็รู้ว่าเป็นหญ้า
    ถ้าใครมาบอกว่าเจ้าเป็นวัชพืช เจ้าก็คงจะสับสนอีกในตัวตน
    จะหญ้า หรือจะวัชพืช มันก็สิ่งสมมุติเหมือนกัน



    เจ้าจะชัดเจนทางใดเจ้าจงเลือกเอา
    "ชัดเจนในโลกสมมุติ" หรือ "ชัดเจนในโลกแห่งความจริงของจิต"
    ก็แล้วแต่เจ้าจะเลือกเป็น









    ปล. แค่ธรรมทานที่พบในจิตตนเอง ก็เลยนำมาฝากทุกท่าน
    หมูตัวแค่นี้ หมูอยู่แค่นี้ หมูชัดเจนแค่นี้ หมูคนธรรมดา แค่นี้ก็พอ
    ความรู้ไม่มาก แต่เพียรปฏิบัติ มันก็คงจะถึงสักฝั่งฝันสักวัน
    วันนี้เลวมากไม่เป็นไร ขอแค่หมูรู้ว่ายังเลวอยู่ก็พอ
    วันนี้ใครว่าหมูเลวยังไง หมูก็คงจะไม่ได้จับสาระอะไร
    เพราะต่อให้ใครจะว่าหมูเลว ก็ไม่เท่าที่หมูจะรู้ตนเองดีว่าเลวเช่นไร
    แต่คนที่ว่าหมูเลว เขาก็คงจะเลวกว่าหมูเป็นแน่
    เพราะผู้ปฏิบัติเขาไม่เพ่งโทษใคร ไม่จับผิดใคร
    ไม่สั่งสอนใครไปทั่วใช่ไหมง่ะ?
    เฮ้อ... ปวดหัว
    แวะมาส่งธรรมทานเสร็จเลี้ยวไปหาอะไรทานดีกว่า
    รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ... รักนะ ฟึ้ด ฟึ้ดดดดด



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2013
  6. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    คำว่า ขันติ คือ ความอดทน โดยองค์ธรรม ได้แก่อโทสเจตสิก

    มีความไม่ดุร้าย ไม่พิโรธ ไม่แค้นเคือง ไม่พยาบาท ไม่มาดร้าย เป็นลักษณะ

    มีการกำจัดความอาฆาต ความเร่าร้อน เป็นหน้าที่ มีความร่มเย็น มีความผ่องใส เป็นผล

    ปรากฏมีการทำไว้ในใจโดยอุบายอันแยบคาย เป็นเหตุใกล้ชิดที่จะให้ขันติเกิดขึ้น.

    บุคคลที่มีขันติย่อมมีความ อดทน อดกลั้นเป็นตบะอย่างยอดเยี่ยม ทนลำบาก ทนกรากกรำ

    ทนเจ็บใจ ห้ามไว้ได้ซึ่งความผลุนผลัน เป็นเครื่องประดับของนักปราชญ์ เป็นเครื่องประ

    ดับภายใน คือ ประดับใจ ขันติเป็นกำลังของผู้บำเพ็ญพรต. ผู้ปฏิบัติธรรม ผู้บำเพ็ญธรรม

    ต้องใช้ขันติเป็นกำลังภายในมากที่สุด ขันติเป็นตบะของผู้พากเพียร ความอดทนนี้ เป็น

    ธรรมสำหรับเผาความชั่วไม่ให้รั่วออกมา จนกลายเป็นเดช ทั้ง ๕ คือ สีลเดช คุณเดช

    ปัญญาเดช ปุญญเดช ธัมมเดช. ฉนั้นผู้ที่มีขันติประจำใจจึงมีความอดทนเป็นอย่างยอด

    เยี่ยม.ผู้เขียนได้
    คัดมาจากหนังสือวิปัสสนาโสภณ โดย พระเทพสิทธมุนี ญาณสิทธิเถร.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2013
  7. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    ผู้มีปัญญา จงเปรียบชีวิตเป็นดั่งต้นหญ้า

    ไม่ทะเยอะทะยาน เพื่อความสูงใหญ่
    เพราะหากเจ้าสูงไป เจ้าจะถูกแรงลม พัดล้มลงได้ง่าย
    นั่นเพราะต้นฐานของเจ้า ยังไม่มั่นคง

    เมื่อเจ้าชัดเจนในความจริงของจิต เจ้าจะชัดเจนในโลกแห่งสมมุติทั้งหลาย ล้วนไม่เที่ยง

    ------------​



    อย่างงี้ หากผมเป็นผู้รับการฝึก ผมจะเลือกทางใดดีล่ะ

    ก็ผู้ให้ธรรมทาน พอแวะมาส่งธรรมทานเสร็จ กลับบอกว่าปวดหัว ไปหาอะไรกินล่ะ ว่า..!

    ธรรมทาน นะ ไม่ใช่ยาแก้ปวดหรืออาหารว่าง ควรที่จะใส่ใจ ในสิ่งที่จะให้ด้วย

    ไม่ใช่ พอวางแปะ สบัดก้นหนี อย่างนั้นเลยรึ

    นี่ไง อย่างนี้ ศรัทธาคือหัวรถจักร ในปฏิปทาครูบาอาจารย์พาดำเนิน

    แล้วศรัทธาจะเกิดขึ้นได้อย่างไรล่ะ ในครูผู้สอน

    มีตบท้ายด้วย "รักนะ ฟึ้ด ฟึ้ดดดดด"

    แล้วใครสับสนกันแน่น้อ น้ำมะนาวมั้ย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2013
  8. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    O มีความเชื่ออย่างมั่นคง จะได้ผลรวดเร็ว

    การเชื่อพระพุทธเจ้าให้แน่วแน่มั่นคง ยอมเป็นยอมตายได้ เพื่อปฏิบัติตามที่ทรงสอนไว้ เป็นวิธีพิเศษที่จะช่วยให้การใช้ธรรมโอสถรักษาโรคทางใจได้ผลรวดเร็วทันที

    การเชื่อพระพุทธเจ้า แล้วปฏิบัติตามที่ทรงสอนไว้ โดยไม่มีข้อคิดค้านอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ใช่ความงมงาย ไม่ใช่การแสดงความอ่อนแอไม่เป็นตัวของตัวเอง ตรงกันข้าม กลับเป็นความปรีชาฉลาดลึกซึ้งอย่างยากจะหาผู้ทัดเทียมได้

    O โทสะไม่ว่ามากหรือน้อย ดับด้วยอำนาจของเมตตา

    พระพุทธองค์ทรงสอนให้เมตตา ให้กรุณา ก็ให้เมตตา ให้กรุณา อย่างเต็มเปี่ยมทั้งหัวใจ โทสะไม่ว่ามากไม่ว่าน้อยจะดับลงได้ด้วยอำนาจของเมตตาทันที

    ยิ่งทุ่มเทใจเชื่อพระพุทธเจ้า ทำตามพระองค์เต็มสติกำลัง ใจก็จะตั้งอยู่ในความไม่มีโทสะ มีแต่ความสุขสงบเย็นสว่างไสวจนกระทั่งอาจรู้สึกเหมือนไม่มีเมตตา ไม่มีกรุณา ไม่มีมุทิตาในใจตน มีแต่อุเบกขาเท่านั้น

    แต่ความจริงอุเบกขานั้นพร้อมด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา เปรียบดังขึ้นรถด่วนที่วิ่งผ่านสถานีต่างๆ อย่างรวดเร็ว ไม่หยุดสถานีระหว่างทางเลย ไปหยุดต่อเมื่อถึงสถานีปลายทาง ถึงที่หมายได้สมประสงค์ตรงสถานีปลายทางนั้น

    เช่นนี้ไม่หมายความว่ารถไฟไม่ได้วิ่งผ่านสถานีต่างๆ ในระหว่างทาง รถผ่านแต่ละสถานีอย่างรวดเร็วจนยากจะสังเกตรู้ว่าเป็นสถานีใดบ้างเท่านั้น

    การอบรมเมตตา กรุณา มุทิตา ไปจนถึงอุเบกขาด้วยวิธีพิเศษ คือ เชื่อพระพุทธเจ้าให้แน่วแน่มั่นคง ยอมเป็นยอมตาย เพื่อปฏิบัติตามที่ทรงสอนไว้จะได้ผลรวดเร็วดังนี้

    O ผู้มีเมตตา กรุณา และมุทิตา
    จะต้องใช้อุเบกขาแทรกไว้ทุกเวลา


    ผู้ยังไม่บรรลุผลสูงสุดของพรหมวิหารธรรม ยังพยายามตั้งใจอบรมพรหมวิหารธรรมอยู่ ควรต้องรู้ว่า ผู้มีเมตตา กรุณา มุทิตานั้น ควรอย่างยิ่งที่จะต้องใช้อุเบกขาแทรกไว้ทุกเวลา เหมือนเป็นยาดำที่จำเป็นต้องแทรกอยู่ในยาดีแทบทุกขนานไม่เช่นนั้นแล้ว ยาดีที่ขาดยาดำก็จะไม่เป็นยาดีที่สมบูรณ์ และพรหมวิหารธรรมก็จะไม่สมบูรณ์เช่นเดียวกัน

    เมตตาขาดอุเบกขา...ก็ผิด
    กรุณาขาดอุเบกขา...ก็ผิด
    มุทิตาขาดอุเบกขา...ก็ผิด

    เมตตากรุณาที่ผิด ก็เช่นปรารถนาเขาเป็นสุข พยายามช่วยให้เขาพ้นทุกข์เต็มกำลังความสามารถ เมื่อทำไม่ได้ดังความปรารถนาก็เป็นทุกข์ เพราะไม่วางอุเบกขา เช่นนี้แหละผิด

    แต่ถ้าทำเต็มสติปัญญาความสามารถโดยควรแล้ว แม้ไม่เกิดผลดังปรารถนาก็วางอุเบกขาเสียได้ ไม่เร่าร้อนด้วยความปรารถนาต้องการจะให้สมมุ่งหมาย เช่นนี้ก็เป็นเมตตากรุณาที่ไม่ผิด

    มุทิตา ความพลอยยินดีด้วยเช่นกัน มุทิตาที่ผิดก็เช่นไปพลอยยินดีด้วยกับการได้การถึงที่ไม่สมควรทั้งหลาย การได้การถึงที่ผิดที่ไม่ชอบเช่นนั้น ผู้มีมุทิตาที่แท้จริงในพรหมวิหารจะวางใจเป็นกลาง วางเฉยอยู่ได้ด้วยอุเบกขา ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องแม้ด้วยมุทิตา

    O ใจที่เป็นอุเบกขา
    ไม่หวั่นไหวไปตามการแสดงออกภายนอก


    ผู้มีอุเบกขาในใจจริงนั้น การแสดงออกภายนอกเหมือนไม่มีอุเบกขาได้ เพราะผู้มีอุเบกขานั้นไม่หมายถึงว่า จะต้องไม่รับรู้ในคุณในโทษของสิ่งภายนอก ผู้มีอุเบกขาย่อมรู้ดีว่าปฏิบัติอย่างไรเป็นคุณ ปฏิบัติอย่างไรเป็นโทษ บางทีการวางเฉยทางกายวาจา เหมือนกับใจที่วางเฉยอยู่ด้วยความสงบ ก็อาจเป็นคุณ แต่บางทีก็อาจเป็นโทษ

    ฉะนั้นเมื่อการวางเฉยภายนอกจะเป็นโทษ ผู้มีพรหมวิหารธรรมข้ออุเบกขาพิจารณาเห็นแล้ว ก็ย่อมต้องแสดงออกตามความเหมาะความควร รักษาไว้อย่างหวงแหนที่สุดเพียงอย่างเดียว คือ ใจที่เป็นอุเบกขา ไม่หวั่นไหววูบวาบขึ้นลงไปตามการแสดงออกภายนอก

    O อุเบกขาที่แท้จริง สร้างความสงบอย่างยิ่งแก่ใจ

    ความสงบอย่างยิ่งของใจ ย่อมมีอยู่ได้เป็นปกติ ด้วยอำนาจของอุเบกขาที่แท้จริงในพรหมวิหาร ผู้มีใจยังไม่เป็นอุเบกขา บางทีก็สามารถแสดงอุเบกขาให้ปรากฏภายนอกได้

    หลายคนเคยพูดว่า “ฉันอุเบกขา” นั่นไม่หมายถึงว่า ผู้พูดมีใจเป็นอุเบกขาในพรหมวิหารธรรม แต่หมายเพียงการกระทำเท่านั้นที่ไม่ยุ่งเกี่ยวในเรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องๆ ไป ความสงบเป็นปกติของใจด้วยอำนาจของอุเบกขาหามีไม่

    O เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ล้วนสำคัญอย่างยิ่ง

    ถ้าจะอบรมพรหมวิหารธรรม ก็อย่าเห็นว่าเมตตากรุณาเท่านั้นสำคัญ มุทิตาและอุเบกขาก็สำคัญอย่างยิ่ง

    ไม่มีเมตตา กรุณา ก็จะมีใจโหดเหี้ยม ไม่มีมุทิตาก็จะมีความอิจฉาริษยา ไม่มีอุเบกขาก็จะไม่รู้จักวางเฉย ไม่รู้จักปล่อยวางยึดมั่นอยู่

    ความโหดเหี้ยม ความอิจฉาริษยา ความยึดมั่นไม่ปล่อยวางย่อมเป็นความไม่สวยไม่งามของจิตใจ ย่อมไม่เป็นที่พึงปรารถนาฉะนั้น เมื่อปรารถนาจะไม่ให้ได้ชื่อว่าเป็นคนโหดเหี้ยม ขี้อิจฉาริษยา หรือไม่ปล่อยวาง ก็ต้องอบรมพรหมวิหารธรรม เพื่อให้จิตพ้นจากสภาพที่ไม่งดงาม ไม่เป็นที่พึงปรารถนาดังกล่าว

    O ผู้ปรารถนาให้ตนเองมีจิตใจสูง มีจิตใจเย็น
    ต้องอบรมพรหมวิหารธรรมให้สมบูรณ์ บริบูรณ์


    ผู้ปรารถนาให้ตนเองมีจิตใจสูง มีจิตใจดี มีจิตใจเย็นสบาย ไม่มีโทสะ ไม่มีพยาบาท ไม่มีอิจฉาริษยา ควรต้องอบรมพรหมวิหารธรรมให้สมบูรณ์บริบูรณ์อย่าได้ว่างเว้น

    โอกาสที่จะแผ่เมตตามีอยู่ทุกเวลา มีสติระวังให้มีอุเบกขาไปพร้อมกันด้วย ก็จะเป็นพรหมวิหารธรรมที่ถูกต้อง สมบูรณ์ บริบูรณ์ ที่จะให้คุณแก่เจ้าตัวเต็มที่ก่อนให้แก่ผู้อื่น

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=11913
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2013
  9. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937

    จะเลือกทางใดก็แล้วแต่จิตท่านพี่จะพาไปจ้ะ
    คนผู้น้อยเช่นน้องมิบังอาจสอนใคร
    น้องไม่รู้หรอกว่าท่านพี่จะต้องเลือกยังไง หรือฝึกทางใด
    เรื่องธรรมทานนี้เกิดขึ้นที่ตัวน้อง มันก็จบไปพร้อมกับน้อง
    ส่วนใครจะนำไปเป็นสาระ ไปเป็นประเด็นเพื่อหาธรรม หรือหาความเลวของน้องก็แล้วท่านทั้งหลายจะพิจารณาด้วยปัญญาของท่าน




    วันนี้น้องเป็นผู้ปฏิบัติตัวน้อยๆ (ไหม?), ปัญญาก็น้อย
    ทำได้เท่านี้ ก็คือทำได้เท่านี้

    ธรรมทานที่ให้ไปน้องพิจารณา ใส่ใจ และทำได้เท่านี้ ก็คือเท่านี้
    น้องจะไปเอาสาระอะไรมากกับชีวิต ในเมื่อมันเกิด-ดับทุกวัน
    มันวนเวียนไปมาทุกวัน ไม่จบไม่สิ้น?

    ธรรมทานจบที่น้อง แล้วจะไปเกิดกับที่อื่น น้องก็ไม่สน
    น้องรู้แค่ว่า "มันจบที่น้องก็พอ"

    ไตรลักษณ์ของน้องอาจจะยังไม่ดี
    ไตรลักษณ์ที่น้องมองเห็นอาจจะไม่เท่าท่านพี่ หรือเท่าใคร
    น้องก็ไม่แคร์!

    หากท่านพี่จะหาประเด็น หรือหาสาระธรรมอะไรมาคุยกับน้องก็อย่าคุยเลย
    เสียเวลาเปล่า เพราะน้องอ่านภาษาปริยัติไม่เข้าใจ
    หรือหากจะสอนอะไรน้อง ก็คงจะรับอะไรไม่ได้มาก
    เพราะน้องปัญญาน้อยเกินไปจนกว่าจะรับธรรมะจากท่านพี่ได้เข้าใจในจิตตน

    สันดานของน้องย่อมถ่อมตนเป็นเช่นนี้ธรรมดา
    ขออย่าได้ว่าน้องดูถูกตนหรืออะไรเลยนะจ้ะ พี่ชาย
    น้องไม่อยากคุยอะไรกับใครมากมาย แค่เผื่อแผ่ตามประสาเด็กคิดน้อยคนนึง
    มันก็ย่อมจะเป็นเช่นนี้ที่ต้องมีคนท้วงติงในสิ่งที่น้องทำ เพราะคิดน้อยนั่นเองจ้ะท่านพี่



    ส่วนน้ำมะนาว
    น้องไม่รับนะจ้ะท่านพี่
    น้องเบื่อแล้วจ้า
    เชิญท่านพี่ดื่มให้สบายจิตเถอะจ้ะ ท่านพี่ที่รัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2013
  10. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    ระหว่างที่พิมพ์ตอบมานี้ พิจารณาอาการของจิต ที่เกิดดับ ด้วยหรือป่าว

    หากเห็นเกิดดับ อยู่ทุกวัน

    โอ้ย..มันช้าไป
     
  11. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937

    "เห็น... ไม่เห็น...
    รู้... ไม่รู้...
    เกิด... ไม่เกิด...
    ดับ... ไม่ดับ...
    ช้า... ไม่ช้า..."



    น้องไม่รู้ และถึงรู้ น้องพูดอะไรไปก็เท่านั้นล่ะค่ะ
    บอกแล้วว่าน้องปัญญาน้อย อย่าได้มาคุยธรรมกับน้องเลย
    ท่านพี่รู้มากกว่าน้อง นั้นก็โมทนาสาธุด้วยจ้ะ
    น้องเป็นคนธรรมดาอย่ากล่าวอะไรมากกับน้องเลยนะ
    เพราะน้องยังเป็นคนธรรมดาที่ยังเลวอยู่ทุกวัน
    จบนะจ้ะท่านพี่?

    น้องจะไปกินขนมเลี้ยว
    มันอร่อยเกินกว่าจะรอช้า

    นั่น!! เห็นไหม?
    น้องบอกแล้วว่าน้องยังเลวอยู่
    คิคิ



    [​IMG]
     
  12. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 13 คน ( เป็นสมาชิก 11 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    Kim_UoonSo, ข้าวฮางงอก, watjojoj+, เต่าโบราณ 3, Natcha@uk+, Espanda+, klangprai, Golden Sky, vmk57, มาลินี UK



    คิด...คะนึง ถึงพี่ ท่านที่รัก
    ถึง...จะหนัก จะหน่วง พอทนไหว
    ข้าว...ของเรายังหอม ยังอยู่ไหม?
    ฮาง...ข้าวใหม่ หอมกรุ่น ละมุนยัง?


    [​IMG]
     
  13. ข้าวฮาง

    ข้าวฮาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +608
     
  14. ข้าวฮาง

    ข้าวฮาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +608
    เวรกรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรม...โดนยิงก่อนเข้าที่หัวใจ เอิ้ก ๆๆๆๆๆ โห แซงโพสก่อนอ่ะ วุ้ย วุ้ย อิอิอิ
     
  15. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2013
  16. ข้าวฮาง

    ข้าวฮาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +608

    คิด....คำนึง ถึงน้องสาว สุดที่ฮัก
    ถึง....อกจะหัก สิบท่อน ทนรอไหว
    อูน.....อุ่นหอม ละมุน กรุ่นกรุ่นใจ
    ซู....ชูให้ หอมหวลธรรม์ ยิ่งฮางจรฯ
    อิอิ พอไหว ๆ ขออนุญาตท่านภูนะขอรับ คั่นประตูฮิดหน่อย ใส่กลอนฮางลงไป ถึงอย่างไรก้อจะตามมาสาธุฯ ทุกเมื่อกาลฯ

     
  17. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937

    น้อง...จะรอ ที่นี่ นะพี่รัก
    รัก...ไม่รัก พี่ก็รู้ อยู่ใช่ไหม?
    ข้าว...ของพี่ ดูแลดี ใกล้ดวงใจ
    ฮาง...ห่างไป แต่ใจเราใกล้กัน


    [​IMG]







    (วันนี้ไม่ได้มาเสิร์ฟน้ำ มดจ๋าอย่าขึ้นกระทู้นะ... คิคิ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2013
  18. ข้าวฮาง

    ข้าวฮาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +608
    "โห....เด้วเค้าก้อหาว่ามาจีบกันบนบอร์ดหรอก...เทอว์ ไม่ยอม ไม่ยอม ขอนะท่านภูและ จขกท. ฝากอีกสักบาทบท อิอิอิ..."

    รัก....นั้นฤา คือการเอื้อ บริสุทธิ์จิต
    น้อง...นั้นคิด กาลดี พี่รับถึง
    อูน....น้ำเขื่อน ที่ว่ามาก ยังพรั่นพรึง
    ซู.....สู้ถึง พ้นโลกา พี่สาทุเอยฯ
    ยังไหว ๆ ฮะ ฮ่าส์ มดเริ่มมาแระ....คริ คริ คริ
     
  19. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    คงจะเมาเบยลาว มาจากไหน

    อย่าบอกนะว่า เป็นศิษย์ อ.ภู แสดงละครงิ้ว นั่งแห่บนเกี้ยว ซะแล้ว

    น้ำจันทร์กลิ้งบนใบบอน ม่วนหลาย คักๆ ^^ :cool:

    คงจะสุราเป็นระยะๆ มีงี้ด้วย อ.ภู

    อ้ายเรา ก็เข้าใจว่าเป็นคนสุรินทร์ ซะอีก เห็นรณรงค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2013
  20. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ ๑๒๙
    และคุณครูจิตบุญทุกท่านด้วย ค่ะ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...