ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    ผมติดตามกระทู้นี้มาตั้งแต่ระยะต้นๆ ถ้าจำไม่ผิดได้สัมผัสความเห็นที่เป็นลบต่อกระทู้นี้ตั้งแต่สมัยแรกๆแล้วครับ แต่กระทู้นี้ก็สามารถพิสูจน์คุณค่าของกระทู้ มาได้ระดับหนึ่งอย่างต่อเนื่อง

    ความที่กระทู้นี้เป็นกระทู้ฮิตผู้คนมาติดตามอ่านมากยังไม่ได้สำคัญเท่า ทำให้ผู้คนที่มาอ่านมาเรียนรู้ สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตความรู้ทั้งทางโลก ทางธรรม ตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท เข้าใจพุทธธรรม ขณะเดียวกันสามารถหลุดพันจากบ่วงแห่งความงมงาย ความตระหนกแตกตื่น การเป็นเหยื่อแห่งการต้มตุ๋น รักษาตนให้พร้อมเผชิญภัยพิบัติด้วย คุณธรรม และวิทยาการทางโลก ได้โดยดีงามเหมาะสม

    เอาใจช่วยคุณเกษมและหมู่คณะครับ ขอให้สามารถบรรลุภาระกิจตามวัตถุประสงค์ได้โดยสามารถพัฒนาความรู้ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับกระทู้นี้ ทั้งทางโลก/ทางธรรม ให้กับตนและหมู่คณะได้โดยดีงามยิ่งๆขึ้นไปครับ

    เห็นด้วยกับคุณเกษมครับ ที่ข้อมูลที่มาลงอาจมีส่วนที่ผิดพลาดได้อยู่ (ถ้าเป็นไปได้ โดยควรแจ้งให้ผู้มาอ่านมาศึกษา มีวิจารณาญาณหรือตระหนักถึงขอบเขตความถูกต้องของข้อมูล) ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าไม่มีเจตนา หรือรู้เท่าไม่ถึงการ โดยผู้ลงหรือผู้อ่านผู้ร่วมศึกษา และเมื่อรู้แล้วก็สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ต่อยอดความรู้ใหม่เหล่านั้นต่อไปตามสมควรแก่กาล

    ผมได้เห็นผู้มีความคิดเห็นทางด้านลบต่อกระทู้เตือนภัยพิบัติต่างๆจำนวนมาก ที่เรียกร้องหาความถูกต้องของข้อมูลการเตือน แต่เมื่อความเห็นลบของตนเองผิดหรือข้อมูลการเตือนถูก ก็กลับเพิกเฉยบ้าง กล่าวข้ามไปบ้าง หาประเด็นใหม่มาโจมตีต่อบ้าง (ซึ่งผมเข้าใจว่าหลายท่านก็คงประสบเรื่องเหล่านี้เช่นกัน) หากจะมีในกระทู้นี้ด้วย ผมก็ขออนุโมทนาสาธุการ สนับสนุนให้คุณเกษมและหมู่คณะให้อภัยทาน ธรรมทาน เมตตากรุณา อุเบกขา ต่อพวกเขาเหล่านั้นโดยดีงาม ผมเชื่อว่าผู้อ่านจำนวนหนึ่งจะเห็นคุณค่าและยกย่องคุณธรรมประการนี้อย่างแน่นอน

    ถ้าความคิดเห็นใดที่มีต่อกระทู้ระดับยอดนิยมนี้เป็นไปโดยชอบธรรม ปราศจากอคติ ไร้ความริษยา ไม่มีิทิฏฐิมานะกระด้าง มีเหตุผลชอบธรรมสมควรแก่กาล สามารถนำมาปรับปรุงพัฒนากระทู้นี้ให้มีคุณภาพได้ กระผมก็ขออนุโมทนาในเฉพาะส่วนบุญกุศลนั้น และสนับสนุนให้คุณเกษมและหมู่คณะนำมาใช้ประโยชน์ได้โดยดีงามด้วยคนหนึ่งครับ

    ผมเห็นว่าภัยพิบัติเป็นสังขารธรรมอย่างหนึ่งไม่พ้นไปจากความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เช่นกันครับ

    ผิดพลาดพลั้งไปขออภัยขมาทุกท่านโดยดีงามด้วยครับ
     
  3. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    อารักขกรรมฐาน

    ›››››
    สมเด็จพระญาณสังวร
    สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    วัดบวรนิเวศวิหาร
    คัดจากเทปธรรมอบรมจิต ข้อความขาดนิดหน่อย
    อณิศร โพธิทองคำ บรรณาธิการ



    บัดนี้ จักแสดงธรรมะเป็นเครื่องอบรมในการปฏิบัติอบรมจิต ในเบื้องต้นก็ขอให้ทุกๆท่านตั้งใจนอบน้อมนมัสการ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตั้งใจถึงพระองค์พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ ตั้งใจสำรวมกายวาจาใจให้เป็นศีล ทำสมาธิในการฟัง เพื่อให้ได้ปัญญาในธรรม

    จิตตภาวนาการอบรมจิตเป็นกิจสำคัญแห่งผู้ปฏิบัติธรรมะในพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นภิกษุสามเณร ไม่ว่าจะเป็นคฤหัสถ์ชายหญิงทั้งปวง เพราะว่าจิตนี้เป็นความสำคัญ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการปฏิบัติกระทำทุกอย่าง เป็นเบื้องต้นของกรรมคือการงานที่ประกอบกระทำ ถ้าจิตร้ายใจร้ายก็เป็นเหตุให้ประกอบกรรมที่ร้ายต่างๆ ถ้าจิตดีใจดีก็เป็นเหตุให้ประกอบกรรมที่ดีงามต่างๆ

    เพราะฉะนั้น จิตตภาวนาการอบรมจิต จึงหมายถึงการอบรมจิตให้ละเว้น ให้สงบอารมณ์และกิเลสที่ชั่วร้ายทั้งหลาย แต่ให้ตั้งอยู่ในธรรมะที่เป็นคุณงามความดีต่างๆ อันตรงกันข้าม การปฏิบัติธรรมะในพุทธศาสนา แม้ว่าจะเป็นขั้นต้นก็ต้องอาศัยจิตที่สงบ ที่ดี

    ด้วยการทำจิตนี้ให้สงบให้ดีประกอบไปด้วย แม้ว่าการปฏิบัตินั้นจะปรากฏทางกายทางวาจา ดังที่เรียกว่าศีล ที่อธิบายกันทั่วไปว่าเว้นจากความประพฤติชั่วประพฤติผิดทางกายทางวาจา แต่ก็มิใช่ว่าจะทิ้งใจเสียได้ ต้องมีจิตใจ ตั้งใจที่จะงดเว้น และจะต้องมีจิตใจเป็นศีล กายวาจาจึงจะเป็นศีลที่สมบูรณ์ ถ้าแสดงกายวาจาว่างดเว้นได้ แต่จิตใจยังไม่สงบ ยังมีความคิดฟุ้งซ่าน ยังมีความอยากต้องการที่จะทำโน่นทำนี่อันเป็นการผิดศีล ก็ชื่อว่าใจยังไม่เป็นศีล และหากว่ากุศลเจตนาหย่อนลงไป หรืออารมณ์อันเป็นเครื่องยั่วเย้าจิตแรงขึ้น ก็จะทำให้ละเมิดศีลได้ ดังที่เรียกว่าศีลขาด ศีลเป็นท่อน เป็นช่อง ศีลด่างศีลพร้อย เป็นอันยังไม่ได้ สีลวิสุทธิ ความบริสุทธิ์แห่งศีล ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีจิตตภาวนาการอบรมจิต

    วิธีหนึ่งสำหรับที่จะใช้อบรมจิต เรียกว่าอารักขกรรมฐาน คือกรรมฐานที่ควรรักษาไว้เป็นประจำ เพราะว่าจิตนี้ที่ยังมิได้อบรมก็มีกิเลสมีอารมณ์อยู่เป็นประจำ ถ้าหากว่าไม่มีกรรมฐานมาเป็นประจำบ้าง อารมณ์และกิเลสก็จะจูงจิตไปในทางชั่วทางผิดได้โดยง่าย แต่ถ้าหากว่ามีกรรมฐานมารักษาจิตเอาไว้ตามสมควร กรรมฐานที่รักษาจิตไว้นี้ก็จะช่วยรักษาบุคคล ไม่ให้ตกไปสู่อำนาจของอารมณ์และกิเลสได้โดยง่าย

    อารักขกรรมฐาน กรรมฐานที่ควรรักษาไว้เป็นนิจนี้ ข้อ ๑ พุทธานุสสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ข้อ ๒ เมตตา แผ่จิตออกไปด้วยความใคร่ความปรารถนาสุขประโยชน์ แก่บุคคลแก่สัตว์ทั้งหลาย ข้อ ๓ อสุภะ พิจารณากายนี้ว่าไม่งดงาม และข้อ ๔ มรณสติ ระลึกถึงความตาย

    พุทธานุสสติ

    ข้อ ๑ พุทธานุสสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ในทางปฏิบัติที่เป็นกรรมฐานก็คือระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ตามบทที่สวดกันว่า อิติปิโส ภควา อรหังสัมมา สัมพุทโธ เป็นต้น อันมีคำแปลว่า แม้เพราะเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คือเป็นพระผู้ไกลกิเลส ผู้ตรัสรู้ชอบเอง ดั่งนี้เป็นต้น อันเรียกว่า นวหรคุณ คือคุณของพระพุทธเจ้า ๙ ประการ นวหรคุณนี้ย่อลงก็เป็น ๓ ประการ ดังที่เราทั้งหลายสวดกันอยู่ ว่า พุทโธสุสุทโธ กรุณามหัณโว อันแปลว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเป็นพระ พุทโธ คือพระผู้ตรัสรู้แล้ว อันแสดงถึงพระปัญญาคุณ สุสุทโธ ทรงเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว อันแสดงถึงพระวิสุทธิคุณ กรุณามหัณโว มีพระกรุณาดั่งห้วงทะเลหลวง อันแสดงถึงพระกรุณาคุณ ก็คือย่อลงเป็นพระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ พระกรุณาคุณ ก็ตั้งใจระลึกพิจารณาในพระคุณของพระพุทธเจ้า บทใดบทหนึ่งใน ๙ บทก็ดี ย่อลงเป็นพระคุณทั้ง ๓ ดังกล่าวแล้วนี้ก็ดี

    หรือว่าจะพิจารณาระลึกถึงพระคุณดังที่ท่านแสดงไว้อย่างอื่น เช่นระลึกว่าพระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้มีพระสันดานแห่งธรรมอันบริสุทธิ์แล้ว และที่เรียกว่าพระพุทธะ พระพุทธะ ก็เพราะตรัสรู้อย่างยอดเยี่ยม เพราะประกอบเวไนยนิกรไว้ในธรรมะ เพราะทรงปลุกให้ตื่นจากความหลับคือกิเลสมีความหลงเป็นต้น ดั่งนี้ก็ได้ ซึ่งก็รวมเข้าในพระปัญญาคุณ ในพระวิสุทธิคุณ ในพระกรุณาคุณนั้นเอง และเมื่อ ... (เริ่ม ๑๒/๒ ) ในพระปัญญาตรัสรู้ของพระองค์ ในความบริสุทธิ์ของพระองค์ และในพระกรุณาของพระองค์ยิ่งขึ้น ทำให้จิตใจได้พบสรณะคือที่พึ่งกำจัดทุกข์ภัยได้จริง

    กำจัดกิเลสได้จริง กำจัดบาปอกุศลได้จริง อันน้อมใจให้ใฝ่ปฏิบัติธรรมะตามที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอน

    เมตตาพรหมวิหาร

    ฉะนั้นจึงมาถึงข้อที่ ๒ เมตตา ความแผ่จิตออกไปในสัตว์บุคคล เจาะจงก็ตาม ไม่เจาะจงคือทั่วไปไม่มีประมาณก็ตาม ให้มีความสุข ดังเช่นคิดว่าสัตว์ทั้งหลายจะเป็น นระ คือมนุษย์ก็ตาม เป็น อนระ คือมิใช่มนุษย์ คือเป็นพวกโอปปาติกะทั้งหลาย ทั้งที่เป็นฝ่ายสุคติ ทั้งที่เป็นฝ่ายทุคติก็ตาม เป็นสัตว์เดรัจฉานก็ตาม ต่างก็พากันแสวงหาความสุข จึงขอให้สัตว์ทั้งปวงพากันมีความสุข มีตนบรรลุถึงความสุข มีความเกษมสวัสดี

    เมื่อหัดปฏิบัติแผ่เมตตาไปดั่งนี้ จะทำให้จิตใจนี้พ้นจากโทสะพยาบาท เป็นจิตใจที่อ่อนโยน ที่สุภาพ ที่ไม่มุ่งร้ายต่อใครๆ แต่ว่ามีความมุ่งดีต่อใครๆ อันทำให้ผู้ที่มีเมตตาอยู่ในจิตเอง มีความสุขความเย็น มองดูใครๆโดยรอบ ก็มองดูด้วยสายตาที่มีความรักใคร่ปรารถนาดีมุ่งดี ไม่มุ่งทำลายล้าง ผู้ปฏิบัติมีเมตตาขึ้นเองจึงได้พบความสุข ความเย็น และก็ทำให้ผู้ที่อยู่ร่วมกันมีความสุขความเย็นด้วย และนอกจากนี้ยังทำให้จิตใจยากที่จะกระทบกระทั่ง ง่ายต่อที่จะให้อภัยในความผิดพลาด ล่วงเกินของผู้อื่น ไม่ถือโทษโกรธแค้น จะโกรธยาก ใจจะถูกกระทบกระทั่งให้โกรธได้ยาก เพราะฉะนั้น จึงเป็นข้อที่ควรอบรมให้มีอยู่ประจำใจเนืองนิจ

    อสุภกรรมฐาน

    และมาถึงข้อที่ ๓ อสุภะ พิจารณากายนี้ว่าไม่งดงาม กรรมฐานข้อนี้เป็นเครื่องระงับกิเลสกองราคะ

    คือความกำหนัดยินดีติดอยู่ในกายตนในกายผู้อื่น เพราะฉะนั้นจึงสอนให้พิจารณากายนี้ อันเป็นที่ตั้งของกิเลสกองราคะนี้ ว่าอันที่จริงนั้นเป็นสิ่งปฏิกูล ไม่สะอาดไม่งดงาม เพราะว่ากายนี้เป็นที่ประชุมแห่งศพ มี ผม ขน เป็นต้น เป็นสิ่งที่พึงรังเกียจ โดยจะพึงพิจารณาเห็นได้โดย สี สัณฐาน เป็นต้น ฉะนั้น จึงต้องมีการชำระ และการตกแต่งให้งดงามต่างๆ แต่ก็ไม่สามารถจะกระทำให้สำเร็จไปได้ เพราะเป็นสิ่งที่ปฏิกูลไม่สะอาด ไม่งดงามอยู่โดยธรรมชาติ เมื่อพิจารณาดั่งนี้ก็จะดับกิเลสกองราคะ คือความติดอยู่ในกายลงได้ ทำให้มีความเบา มีความสบาย

    มรณสติ

    และอีกข้อหนึ่งเป็นข้อที่ ๔ คือ มรณสติ ระลึกถึงความตาย ว่าความตายนั้นคือความเข้าไปตัด ชีวิตินทรีย์ ซึ่งความตายนี้เป็นสิ่งที่เที่ยงแท้ของสัตว์ทั้งปวงในโลก ส่วนชีวิตนั้นเป็นของไม่เที่ยงแท้ เพราะจะต้องมีความตายเป็นที่สุดด้วยกันทั้งหมด และเมื่อพิจารณาถึงความตายซึ่งต้องมีแก่ตนเองด้วย แก่ผู้อื่นด้วยทุกๆคนในโลกผู้เกิดมา ดั่งนี้แล้ว ก็จะทำให้จิตใจนี้สงบจากความประมาทมัวเมาเลินเล่อเผลอเพลินในชีวิต

    แต่ว่าก็ไม่ได้มุ่งว่าจะให้กลัวตาย หรือจะให้หมดกำลังใจ แต่มุ่งว่าเมื่อระลึกว่าความตายจะต้องมีแน่นอนดั่งนี้แล้ว ก็จะได้รีบเร่งประกอบกระทำกรณียะ คือกิจที่ควรทำ ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง ทำเสียตั้งแต่ในวันนี้ทีเดียว ดั่งนี้ จึงจะชื่อว่าเป็นผู้ที่ไม่ประมาทในชีวิต และจะทำให้ได้ความรู้รับรองในคติธรรมดาของชีวิต จะทำให้เป็นผู้ไม่กลัวตายเพราะเป็นธรรมดาของชีวิต

    ความกลัวตายนั้นเพราะเหตุที่ไม่รับรองคติธรรมดาของชีวิต แต่เมื่อรับรองคติธรรมดาของชีวิตด้วยปัญญา ก็จะทำให้ไม่กลัวตายและก็จะทำให้ไม่ประมาทไม่มัวเมาเลินเล่อเผลอเพลิน ประกอบกรณียะคือกิจที่ควรทำไปทุกวัน ไม่ผัดหรือผลัดเอาไว้

    ทั้ง ๔ ข้อนี้ คือ ๑ พุทธานุสสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ๒ เมตตา แผ่เมตตาจิตออกไป ๓ อสุภะ พิจาณากายนี้ว่าเป็นของที่ไม่งดงามไม่สะอาด และ มรณสติ ระลึกถึงความตาย เป็นอารักขกรรมฐาน คือกรรมฐานที่ควรรักษาไว้เนืองนิจ ปฏิบัติอบรมอยู่เนืองๆ หัดระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าอยู่เนืองๆ หัดแผ่เมตตาอยู่เนืองๆ หัดพิจารณากายนี้ว่าเป็นของไม่งดงามไม่สะอาดอยู่เนืองๆ ระลึกถึงความตายอยู่เนืองๆ

    เมื่อเป็นดั่งนี้จะเป็นเครื่องป้องกันอารมณ์และกิเลสร้ายทั้งหลายได้ แม้ว่าจะเกิดอารมณ์กิเลสขึ้นตามธรรมดาของสามัญชน ก็สามารถจะใช้อารักขกรรมฐานนี้ระงับได้ เมื่ออารมณ์และกิเลสบังเกิดขึ้น ก็ระลึกถึงกรรมฐานทั้ง ๔ ข้อนี้ทันที ข้อใดข้อหนึ่ง ก็จะทำให้ระงับใจได้ ทำให้จิตใจได้ความสงบได้ความสุข ตลอดจนถึงได้สมาธิตั้งแต่ขั้นต้นจนถึงขั้นสูง เป็นบาทของปัญญาที่จะเห็นธรรมะยิ่งขึ้นต่อไป

    ต่อไปนี้ก็ขอให้ตั้งใจฟังสวด และตั้งใจทำความสงบสืบต่อไป

    http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/somdej/sd-019.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2012
  4. tam220t

    tam220t ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +537
    ผมก็ติดตามคุณเกษมมาหลายปีแล้วนับถือในความสมำ่เสมอ และทำงานมาอย่างต่อเนื่องมากๆ ส่วนเรื่องพุทธทำนายนั้น เนื่องจากยังไม่สามารถยืนยันได้ ส่วนตัวผมจึงเชื่อครึ่งใจ แต่ถ้ามีบุคคนบางคนที่ผมเชื่อถือ อย่างพี่คณานันท์ ให้การรับรองว่าของเป็นพุทธทำนายจริงทุกถ้อยคำผมก็พร้อมเชื่ออย่างเต็มใจครับ สำหรับผมเคยอ่านเอกสารหลายแหล่งที่ มีการใช้ถ้อยคำภาษาเลียนแบบพระไตรปิฏก แต่พอมาค้นในพระไตรปิฏกเข้าจริงๆกลับไม่พบ บทหรือตอนหรือคำดังกล่าว. การเจอแบบนี้หลายครั้งจึงทำให้ผมระมัดระวังในการรับข้อมูลมากขึ้น ถัาบังเอิญเราไปเชื่อในสิ่งที่แต่งขึ้นมาโดยใช้สำนวนเลียนแบบ โดยไม่มีอยู่จริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็เท่ากับเป็นการเชื่อในสิ่งที่ถูกบิดเบือน และถ้านำสิ่งที่ถูกบิดเบือนไปเผยแพร่ต่อ ย่อมเท่ากับร่วมบิดเบือนคำสอนของพระศาสดาด้วย ซึ่งผลกรรมไม่ขอกล่าวถึง จึงมาเรียนคุณเกษมถึงเหตุที่ผมพยายามหาหลักฐานที่มาครับ
     
  5. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    อนุโมทนา นี่คือวิถีของบัณฑิต คือรับข้อมูลข่าวสารอะไรมาแล้ว ไม่ปักใจเชื่อทันที แต่จะวิเคราะห์ไตร่ตรองแยกแยะข้อเท็จจริงก่อน อย่างละเอียด พร้อมหาหลักฐานข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มากกว่า 1 แหล่ง ทั้งจากการไต่ถ่ามผู้รู้ รึจากตัวบุคคล มายืนยันรับรอง หากทำการทดสอบได้ จนกว่าผลลัพท์จะนิ่ง จะตรงกันทั้งหมด รึเกือบทั้งหมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2012
  6. clearlove

    clearlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +644
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2012
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    องค์ความรู้ของจิตจักรวาลเป็นความรู้ใหม่เอี่ยมแกะกล่อง
    ยังไม่มีใครดัดแปลง ให้ข้อมูลแบบทีไม่ประนีประณอม
    แบบตาต่อตา-ฟันต่อฟัน ให้ผู้มีสติปัญญาได้พิจารณากัน
    เพราะมีเหตุมีผลที่ไม่เข้าข่ายมงคลตื่นข่าว เนื่องมีปรากฎการณ์เกิดขึ้น
    ตามองค์ความรู้นั้น อย่างต่อเนื่อง
    ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้บุคคลเตรียมพร้อมและ
    วางกำลังใจให้เหมาะสมกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง
    ของโลกขั้นแตกหัก
     
  8. webang906

    webang906 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +1,759
    อันนี้เห็นด้วย พึงระวังให้มาก
    จะขอพูดถึงข้อความที่บอกว่าเป็นพุทธทำนายนิดนึงสั้นๆ

    "..." หิตะชิราทัน มันกะโลอังคะ ศิลากะละสา สาสะสะติ โหตะถิ โหคะหะคะเน "

    ให้ท่องบ่นภาวนาเป็นนิจ ให้จดอักษรใส่กระดาษหรือผ้าขาวปิดไว้หน้าบ้าน หัวนอน หรือพันศรีษะไว้ สารพัดภัยพินาศ สันติประสิทธิ์ ดูกรอานนท์ อาตมาสงสารสัตว์โลกเป็นล้นพ้นที่มีอายุขัยอยู่ได้ไกล้ยุคกึ่งยุคลลาย...."


    อ่านดูเผินๆจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่จริงๆแล้วยุคของพระพุทธเจ้ายังไม่มีกระดาษที่จะจดบันทึกอะไร พระไตรปิฎกช่วงแรกยังต้องอาศัยการท่องจำกันเอาเองเลย อันนี้บอกว่าพระพุทธเจ้าให้เขียนคาถาใส่กระดาษเหมือนยันต์กันภัยแปะไว้หน้าบ้าน ให้พันหัวไว้ น่าแปลกมาก

    ถ้าจะคิดไปไกลว่าเพราะพระพุทธเจ้าตรัสให้คนในอนาคตฟัง แล้วทำไมถึงมีแต่คำว่ากระดาษโดยไม่เคยปรากฏถึงคำอื่นๆจากอนาคตถ้าเทียบกับเวลาของพระองค์ให้เห็นเลย ไม่ว่าจะในพระไตรปิฎกหรือจารึกอื่นๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2012
  9. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    พ่อแม่ครูบาอาจาร์ยท่านเมตตาให้กรรมฐานนี้มา เหมือนกัน
     
  10. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    รู้สึกว่าตัวเองเป็นทาสของโลกธรรม เพิ่งได้อ่านทั้ง8ตัว มีอย่างนี้เอง บ้างครั้งก็หลงไปกับมัน ฝ่ายสุขมี 4 ตัวไม่เห็นโทษของมันเลย
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เรียนเพื่อนๆสมาชิกทุกๆท่านโปรดทราบ !!!


    ผมคิดว่าการที่มีคนเป็นจำนวนมากเข้ามาดูในกระทู้นี้ ก็เพราะอยากจะทราบข่าวเรื่องของภัยพิบัติ จากผู้รู้ที่มีญาณหยั่งรู้อนาคตทั้งหลาย ว่ามีความคืบหน้าหรือมีอะไรเปลี่่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ไม่ได้ต้องการมาฟังการโต้แย้งหรือทะเลาะวิวาทกันทางความคิดเห็นแต่อย่างใดทั้งสิ้น

    ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลากับเพื่อนๆ ที่ต้องการทราบข่าวเรื่องภัยพิบัติเท่านั้น นับจากนี้ไปใครจะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยอย่างไร ก็เป็นสิทธิ์ของทุกๆท่าน ผมจะไม่ขอนำมาเป็นประเด็นหรือให้ความสำคัญอีกต่อไป เพราะผมได้อธิบายเหตุผลมามากพอสมควรแล้ว ใครจะมาสร้างกรรมใดๆในกระทู้นี้อีก ไม่ว่าดีหรือชั่ว ก็จะต้องได้รับผลกรรมนั้นๆ ไปตามกฏแห่งกรรม ซึ่งรวมทั้งตัวผมด้วย เพราะผมถือว่าได้บอกเตือนเอาไว้แล้ว ว่าจะต้องได้รับผลกรรมอย่างไรบ้างนะครับ

    ถ้ามีคำถามใดที่ผมเห็นว่าสมควรตอบผมก็จะตอบ หรือถ้ามีคำถามใดที่ผมเห็นว่าไม่สมควรตอบผมก็จะไม่ตอบนะครับ จะได้ไม่เสียเวลากับเพื่อนๆ ที่ต้องการจะทราบข่าวเรื่องของภัยพิบัติ จากผู้รู้ที่มีญาณหยั่งรู้อนาคตทั้งหลาย ซึ่งท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นสิทธิ์ของทุกๆท่าน แต่ถ้ามีท่านใดมาใช้ถ้อยคำหยาบคาย ด่าทอ เสียดสี เยาะเย้ย ถากถาง ประชดประชัน ใส่ร้ายป้ายสี ผมก็ขอใช้สิทธิ์ที่จะให้ผู้ดูแลห้องภัยพิบัติและการเตรียมการแห่งนี้ ลบข้อความของท่านออกไปนะครับ

    จึงขอเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2012
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พุทธานุภาพพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ปฐม !!!

    [​IMG]

    somdul สมาชิก

    ในวาระโอกาสปัจจุบัน ปลายปี 2555 ที่โลกกำลังปรับตัวเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะแวดล้อมของ กาแลกซี่ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโลกและสุริยจักรวาล ทั้ง 3 กาแลกซี่ อันได้แก่ อันโดรเมดา ทางช้างเผือกและ ไตรแอง กุลัม ที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของ ทางช้างเผือก ทราบรายละเอียดจากพระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโณ ว่า หลังวันที่ 17 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป ทั้งสามกาแลกซี่กำลังจะโคจรมาอยู่ในเส้นตรงเดียวกัน มีสุริยจักรวาลและโลกอยู่ตรงกลางเส้นตรงนี้

    โดยจะมีพื้นที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของจุดหมุน พลังงานของกาแลกซี่อันโดรเมดาและไตรแองกุลัมหมุนวนตามเข็มนาฬิกา ส่วนพลังงานของทางช้างเผือกหมุนในทิศตรงกันข้าม พลังงานที่หมุนต่างกันจะสวนทางกันและอัดแน่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนไร้ที่ว่าง ยังผลให้เกิดการสดุดหยุดการเคลื่อนไหวของพลังงานจักรวาลและของโลกไปชั่วคราว ถึงจุดสูงสุดในวันที่ 3 มกราคม 2556 หลังเวลา 5 โมงเย็นไปแล้ว ที่จะยังผลให้แรงโน้มถ่วงบนโลกเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3 เท่าแก่สัตว์ที่มีกระดูกสันหลังตั้งฉากกับผิวโลก

    พร้อมๆกับพลังงานอีเล็คตรอนจะหยุดไหลไปชั่วคราว และจะฟื้นกลับมาใหม่ตอนปลายเดือนมีนาคม 2556 ตามที่พระอาจารย์รัตน์ค้นพบตรงกับพระธิเบตอีกรูปหนึ่ง ที่กล่าวเตือนเอาไว้ ให้สาธุชนที่ไม่ประมาท ออกจากเมืองใหญ่ไปหาที่ปลอดภัยชั่วคราว โดยเตรียมอาหารแสงสว่างและน้ำเอาไว้ใช้ประมาณ 2 เดือน ซึ่งพระอาจารย์รัตน์ มีความเป็นห่วงสงสารสัตว์โลกและเพื่อนมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง ที่จะพบกับแรงโน้มถ่วงบนโลกที่จะเพิ่มขึ้นในวันที่ 3 มกราคม 2556 ไปจนถึง 14 กุมภาพันธ์ 2556

    หากเหตุการณ์เช่นที่เล่าให้ฟังเกิดขึ้น จะสร้างความทุกข์ให้แก่มนุษย์บนโลกนี้ไม่น้อยทีเดียว ระหว่างความเป็นกับความตาย ต่อภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลกและสุริยจักรวาล โดยพระอาจย์รัตน์ท่านแนะนำเครื่องมืออุปกรณ์สำหรับแก้ไขปัญหาด้วยพีระมิด ที่มีเวลาจัดสร้างอย่างจำกัด ไม่ทั่วถึงแก่ความต้องการของมหาชนที่ไม่ประมาท

    ได้หารือสู่กันกับเพื่อนทางภูเก็ตท่านหนึ่งถึงปัญหาดังกล่าว และหารือกันถึงคุณสมบัติพิเศษของพีระมิด ที่เคยฝึกสมาธิและได้พีระมิดส่วนตัวมาองค์หนึ่ง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุเจดีย์ 80 วาของสมเด็จองค์ปฐมฯ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์ท่าน ที่อุดมไปด้วยแสงทิพย์คลื่นความถี่สูงที่หมุนตามเข็มนาฬิกา ที่สามารถอธิษฐานขอพลังบารมีดังกล่าวของพระองค์ท่าน นำไปแก้ปัญหาอันอาจจะเกิดขึ้นแก่สาธุชนทั่วทั้งโลก ในเวลาวิกฤตตามที่กล่าวแล้วนั้นได้เป็นอย่างดี อีกช่องทางหนึ่ง

    ด้วยพระบารมีอันศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญสารพัดนึก ที่สมเด็จองค์ปฐมฯทรงประทานให้แก่ลูกมานั้น ลูกจึงขอตั้งจิตปรารถนาอันแน่วแน่ ณ โอกาสนี้ ขอพลังพระบารมีรวมแห่งพระมหาธาตุเจดีย์ 80 วาของสมเด็จองค์ปฐมบรมครู จงมาเป็นอุปกรณ์ที่ทรงพลังพร้อมด้วยแสงทิพย์ อันมิได้มีสิ่งใดบนโลกและจักรวาลจะเสมอเหมือน จงมาเป็นเครื่องมือคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายใดๆให้แก่คนดีมีศีลธรรม รักประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้มีชีวิตอยู่อย่างเป็นปกติสุข ในยามที่วิกฤติพลังงานของจักรวาลและโลกจะพึงบังเกิดขึ้นใดๆก็ตาม

    ได้มีโอกาสนำพาชีวิตของตน ครอบครัว และเพื่อนมิตรบริวาร เข้าสู่โลกยุคพลังงานใหม่ของ กาแลกซี่ไตรแองกุลัม ที่อยู่ในแถบคลื่นสีเหลืองที่เบา สงบ เย็น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ให้ทุกๆท่านบรรลุเป้าประสงค์ของตนได้โดยสะดวกรวดเร็ว ดุจเดียวกับสมัยต้นๆของพุทธกาล ให้ประเทศไทยยุคใหม่เป็นต้นแบบที่ดีงามของชาวโลก เป็นที่ชื่นชอบ ต่างพากันมาใส่ใจในการฝึกปฏิบัติในพระพุทธศาสนาให้บังเกิดผลโดยไม่ชักช้า บรรลุสู่จุดหมายปลายทางโดยทั่วถึงทุกๆท่านทุกๆคน ทั่วกันทั้งโลกเทอญฯ

    ที่มา http://ainews1.com/article172.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2012
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    โลกกำลังได้รับพลังเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป !!!

    [​IMG]

    อจิตตะ สมาชิก

    THE HILARION’S WEEKLY MESSAGE 2012 December 23-30 , 2012 วันที่โพสท์ 24/12/2012 ผู้แปล: อจิตตะ ที่มา:HILARION 2012 - The Rainbow Scribe

    ๑.และแล้วเราก็ได้เข้าสู่ยุค new golden age. ขอต้อนรับคุณคุณด้วยความปิติยินดีอย่างสุดซื้ง ความเข้มข้นของพลังงานที่เป็นอยู่ในขณะนี้ยังคงเคลื่อนที่ไปตามกิจกรรมที่เกิดขึ้น สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกต่างก็ขมักเขม้นที่จะปรับมิติให้มีความถี่ที่สูงยิ่งขี้น และจะปรับไปเรื่อย ๆจนกว่าจิตแต่ละดวงจะ”รู้ตื่น”ในแสงแห่งมิติใหม่

    ๒.ภารกิจนี้เป็นทั้งเรื่องส่วนตัวและส่วนรวม ใครก็ตามที่ตื่นรู้แล้ว ก็จะส่องแสงของเราเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อสรรพสิ่งรอบ ๆ ตัวตามที่เห็นและจะเป็นไปตามต้องการ การเริ่มเปล่งประกายแสงของคุณในขณะนี้มันมีความสำคัญกว่าชีวิตที่ผ่านมาเป็นไหน ๆ เพราะเป็นการเผยตัวออกมาแสดงวิสัยทัศน์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาลของคุณต่อโลกใบนี้...

    ๓.การที่คุณได้มาสู่โลกก็เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ เพราะโลกเป็นศูนย์รวมของร่างมนุษยที่คุณสมบัติที่เหนือกว่าของคุณสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากันได้ ซึ่งเป็นความปรารถนาของคุณคุณ...

    ๔.เมื่อก้าวขึ้นสู่ปีใหม่ คุณคุณต่างก็จะก้าวสู่ระดับที่สูงขึ้นไปตามชะตากรรมของแต่ละคนและก็จะเคลื่อนตัวไปรวมกันเป็นกลุ่ม ซึ่งจะส่งผลให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางบวกมากยิ่งขึ้น และการรวมตัวของกลุ่มพลังบนโลกครั้งนี้จะก่อให้เกิดความมหัศจรรย์อย่างเห็นได้ชัด...

    ๕.คุณคุณจะรู้สึกได้ถึงความหนักเบาของพลังงานแห่งมิติที่ต่ำกว่า(ฝ่ายมืด= ผู้แปล)ที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากตัวของคุณ ความปิติสุขที่ไม่ใช่ด้านโลกีย์วิสัยจะเกิดขึ้นแก่คุณ มันเป็นความรู้สึก คล้ายกับคุณฝึกสมาธิจิต คุณจะเริ่มพบเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่เคยคิดว่ามันมีอยู่ในโลกใบนี้

    ๖.ในบางคนอาจจะเห็นได้ชัดจากการสังเกตุว่ามีความรู้สึกสดชื่น สดใสขึ้นอย่างกับว่าได้ย้ายไปอยู่ที่ใหม่ ๆ ในโลกใบนี้ แสงทองที่ส่องฟ้าก็ดูขาวสว่างสดใสให้ความรู้สึกว่าโลกและรอบ ๆ ตัวคุณที่คุณได้เห็นอยู่ทุกวันนั้นมันได้ปลุกให้คุณตื่นขึ้นมารับกับความรู้สึกแปลกใหม่ ที่คล้ายกับการออกจากสมาธิมาใหม่ ๆ

    ๗.เมื่อปีที่แล้ว คุณได้พยายามที่จะรวบรวมแสงเหล่านี้ เพื่อนำมาปกป้องดาวเคราะห์ดวงนี้ให้ปลอดภัยเพื่อที่จะก้าวกระโดดสู่วงจรของกาแลคซี่ใหม่ เปิดทางให้ตะวันได้ทอแสงมายังขอบฟ้าใหม่บนดาวเคราะห์ดวงนี้...มันจึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณยังคงต้องอยู่เป็นสายดินเพื่อรองรับพลังงานอันบริสุทธิ์ให้กับชั้นบรรยากาศของโลก นี่เป็นวิธีที่ง่ายและเป็นธรรมชาติที่สุดสำหรับวิถีชีวิตมนุษย์ เพราะมันจะทำให้คลื่นกระแสไฟฟ้าบนโลกลดลง แล้วทุกชีวิตบนโลกใบนี้ก็จะเต็มไปด้วยความสวยงามและสะดวกสบาย

    ๘.ทัศนะคติเก่า ๆ จะเริ่มสลายตัวไป การทำธุรกิจในวิธีแบบดั้งเดิม ก็คงจะใช้ไม่ได้เสียแล้วกับโลกแห่งพลังงานใหม่นี้ ซึ่งในขณะนี้ เราสามารถบอกคุณได้ว่า...สัญญาณของความสามัคคี, สันติภาพและความร่วมมือจะเกิดขึ้นให้มวลมนุษยชาติบนโลกนี้ได้เห็น และยังจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ความรู้สึกเอื้ออาทรซึ่งกันและกันจะเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ของโลก

    ๙.จงใช้ความรักของคุณนำคุณสู่ความผ่อนคลาย และมีความสุขกับพลังงานที่เพิ่มขึ้นๆ เบิกบานกับพลังงานที่เพิ่มขึ้น ๆ และนำความสุขความเบิกบาน ของคุณส่งต่อไปยังผู้ที่คุณรักเหมือนดั่งการเฉลิมฉลองให้กับชีวิต(ที่ยังลมหายใจอยู่=ผู้แปล)

    จนกว่าจะพบกันใหม่ในสัปดาห์หน้า
    I Am Hilarion

    Chayutt สมาชิก

    มันจะไม่มีอะไรพรวดพราดตูมตามเกิดขึ้น ในวันที่ 21/12/12 ที่ผ่านมานั้นหรอกเพราะว่าทุกๆอย่างจะค่อยๆเป็นไป อย่างนิ่มนวลที่สุด แต่มันก็กำลังเกิดขึ้นอยู่จริงแท้แน่นอน แม้ว่าชาวโลกส่วนใหญ่จะไม่ตระหนักรู้ หรือไม่รู้สึกอะไรเลยก็ตาม

    แม่นายมล สมาชิก

    ตรงนี้ขอเล่าเสริมหน่อย ฟังจิตจักรวาลมาเมื่อวานนี้ข้อมูลที่ออกมาจากทางนี้ หลายเรื่องน่ะมันตรงกับทีมคุณชยุตแปล โลกกำลังได้รับพลังเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่แบบฉับพลันทันที ดังที่บางกลุ่มคนว่า และ DNA ของผู้ที่ถูกเลือกก็กำลังถูกเปลี่ยนโดยรูปธรรมชั้นสูงจากต่างมิติหรือต่างกาแลกซี่ คือเมื่อก่อนไม่มีข้อเหล่านี้เปิดเผยออกมา ตอนนี้ค่อยๆ แย้มออกทีละนิด เหมือนเป็นรางวัลให้ผู้ฟังที่นำวิธียกจิตสำนึกไปปฎิบัติ....ถ้านึกอะไรออกค่อยมาเล่าต่อ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ของมนุษยชาติ-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-331

    หมายเหตุ

    ข้อมูลของเพื่อนจากต่างดาวเหล่านี้ มักจะพูดถึงแต่สิ่งที่ดีๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นเท่านั้น แต่จะละเว้นไม่พูดถึงสิ่งร้ายๆเลย หรือถ้าพูดถึงก็มักจะบอกเพียงข้อความสั้นๆ ว่าคนที่มีจิตใจด้านมืดและเป็นต้นเหตุแห่งความเดือดร้อนของคนอื่น จะต้องถูกกวาดล้างออกไปจากโลกนี้เท่านั้น โดยไม่ให้รายละเอียดใดๆเลย ว่าจะต้องถูกกำจัดออกไปในลักษณะอย่างไรบ้าง ดังนั้นเมื่อเพื่อนๆได้อ่านข้อความจากเพื่อนต่างดาวแล้ว ต้องทำความเข้าใจว่าภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นนั้นมีจริง เพียงแต่เพื่อนจากต่างดาวเหล่านี้ เขาพยายามที่จะไม่เอ่ยถึงให้มนุษย์ได้รับทราบเท่านั้นเองครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2012
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วิเคราะห์เรื่อง"คนจะเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน"

    อ้างอิงข้อความของคุณ somdul สมาชิก

    ได้หารือสู่กันกับเพื่อนทางภูเก็ตท่านหนึ่งถึงปัญหาดังกล่าว และหารือกันถึงคุณสมบัติพิเศษของพีระมิด ที่เคยฝึกสมาธิและได้พีระมิดส่วนตัวมาองค์หนึ่ง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุเจดีย์ 80 วาของสมเด็จองค์ปฐมฯ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์ท่าน ที่อุดมไปด้วยแสงทิพย์คลื่นความถี่สูงที่หมุนตามเข็มนาฬิกา ที่สามารถอธิษฐานขอพลังบารมีดังกล่าวของพระองค์ท่าน นำไปแก้ปัญหาอันอาจจะเกิดขึ้นแก่สาธุชนทั่วทั้งโลก ในเวลาวิกฤตตามที่กล่าวแล้วนั้นได้เป็นอย่างดี อีกช่องทางหนึ่ง

    จากข้อความนี้ พวกเราก็พอจะมีความหวังกันแล้วว่า เหตุการณ์ "คนจะเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน" นี้คงจะไม่ยาวนานถึง 42 วันเป็นแน่แท้ ถ้าพวกเราช่วยกันอธิษฐานจิต ขอพลังบารมีของสมเด็จองค์ปฐม ให้พระองค์ท่านช่วยลดแรงกดดันจากจักรวาล เพื่อที่จะทำให้คนดีมีศีลธรรมได้มีโอกาส อยู่รอดไปสู่ยุคชาววิไลได้ต่อไป เพราะถ้าแรงกดจากจักรวาลนี้ยาวนานถึง 42 วัน ตามที่พระอาจารย์รัตน์ท่านได้มองเห็นในญาณทัศนะของท่านโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว ทั้งคนดีและคนชั่ว ก็จะต้องล้มตายกันเกือบหมดทั้งโลก

    ในความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่า เหตุการณ์ "คนจะเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน" อย่างไรก็จะต้องเกิดให้เห็นอย่างแน่นอน เพราะเป็นพุทธทำนาย จึงไม่มีทางที่จะผิดพลาดไปได้ แต่ระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์นี้ อาจจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หรือไม่กี่วันเท่านั้นเอง เพื่อให้เป็นการเตือนสติแก่มนุษย์โลก ให้ได้รู้สำนึกในบาปกรรมที่กำลังได้กระทำกันอยู่ในเวลานี้ เพื่อจะได้กลับตัวกลับใจหันมากระทำแต่กรรมดี มีเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลาย เพราะอนาคตนั้นเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ขึ้นอยู่กับการกระทำของคนเราในปัจจุบันนี้เป็นหลักครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2012
  15. natatik

    natatik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +3,607
    ไม่ทราบว่าตามหลักพุทธศาสนา ปีมะโรงนั้น สิ้นสุดวันไหนค่ะ
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ประมาณกันว่า พ.ศ.๑๐๐๐ ไทยได้รับอารยธรรมอินเดียมามากขึ้น จึงมีการใช้ปฏิทินแบบอินเดีย โดยเริ่มเดือนที่ข้างขึ้น (แทนการเริ่มที่ข้างแรมแบบเดิม)
    และใช้วันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ เป็นวันขึ้นปีใหม่ รวมทั้งรับวันสงกรานต์ตามสุริยคติแบบอินเดียมาด้วย ดังนั้นปีมะโรง จึงสิ้นสุดในวันแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๔ ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๖ ครับ
     
  17. mzbot

    mzbot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2012
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +963
    หลังวันเกิดผมวันหนึ่งนะเนี่ย งั้นหากรอดพ้นไป ผมคงจะมีอายุเพิ่มขึ้นอีก 1 ปี คิดแล้วน่าเศร้ากับเวลาและอายุเนาะ
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    โภคะทั้งหลาย มิได้สำเร็จด้วยเพียงคิดเท่านั้น !!!

    [​IMG]

    ในหลวงพระราชทาน ส.ค.ส. 2555 แก่ปวงชนชาวไทย-ทรงให้พร มีสติ ไม่ประมาท

    เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ส.ค.ส. ปีพุทธศักราช 2555 แก่ประชาชนชาวไทย เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฉลองพระองค์สากลสีเทาลายริ้วสีอ่อน ปกด้านซ้าย ทรงประดับเข็มเครื่องหมายมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ มูลนิธิที่พระราชทานกำเนิดและทรงดำรงตำแหน่งพระบรมราชูปถัมภก ทรงผูกเนคไทสีแดงมีลวดลายสีทอง เข้าชุดกับผ้าปักพระกระเป๋า ฉลองพระองค์ชั้นในเป็นเชิ้ตสีขาว ประทับบนพระเก้าอี้ ด้านข้างพระเก้าอี้ที่ประทับทั้งสองข้าง มีโต๊ะกลม โต๊ะด้านขวาวางแจกันแก้วขนาดเล็กปักดอกไม้หลากสี ทรงฉายกับสุนัขทรงเลี้ยง คือคุณทองแดงที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2541 สวมเสื้อสีทอง หมอบอยู่แทบพระบาท หน้าพระเก้าอี้ด้านซ้าย

    ด้านหลังพระเก้าอี้ที่ประทับตกแต่งเป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับด้านซ้ายมีระแนงไม้สีขาวประดับอักษรสีชมพูข้อความภาษาไทยว่าสวัสดีปีใหม่ และข้อความภาษาอังกฤษว่า Happy New Year ด้านขวามีต้นสนประดับเครื่องตกแต่ง ฉากหลัง เป็นผ้าม่านสีเทาอ่อน ด้านซ้ายบน มีตราพระมหาพิชัยมงกุฎประดับ ส่วนด้านขวามีผอบทองประดับ

    ตรงกลาง ส.ค.ส. ด้านขวา มีข้อความจากบทพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก พิมพ์ด้วยสีเหลืองขอบสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นคำตอบที่พระมหาชนกทรงตอบนางมณีเมขลาว่า "ถึงจะมองไม่เห็นฝั่ง เราก็ต้องพยายามว่ายอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร โภคะทั้งหลาย มิได้สำเร็จด้วยเพียงคิดเท่านั้น" ทรงเตือนสติให้คนไทยทั้งหลายมีความเพียร เช่นเดียวกับพระมหาชนก ที่ทรงอดทนว่ายน้ำในมหาสมุทรด้วยความเพียรจนรอดชีวิต ประโยชน์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากการกระทำ ไม่ได้เกิดแค่เพียงคิด

    ตรงกลาง ส.ค.ส. ด้านซ้าย มีข้อความภาษาไทยพิมพ์ด้วยสีชมพูขอบสีเหลืองว่า ขอจงมีความสุขความเจริญ 2555 และข้อความภาษาอังกฤษพิมพ์ด้วยสีแดงขอบสีเหลือง ว่า Happy New Year 2012 ด้านล่างของ ส.ค.ส. มุมล่างขวา มีข้อความ ก.ส.9 ปรุง 185029 ธ.ค. 54 พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร, ผู้พิมพ์โฆษณา Printed at the Suvarnnachad, D Bramaputra, Publisher

    กรอบของ ส.ค.ส. พระราชทานฉบับนี้ เป็นภาพใบหน้าคนเล็กๆ เรียงกัน ด้านซ้ายและด้านขวาเรียงกันด้านละ 3 แถว ส่วนด้านบนและด้านล่างเรียงกันด้านละ 2 แถว ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม

    ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสเนื่องในวาระวันขึ้นปีใหม่ว่า "ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีมาอวยพรแก่ท่านทุกๆ คน และขอขอบใจท่านเป็นอย่างมาก ที่ร่วมกันจัดงานฉลองอายุครบ 7 รอบ ให้อย่างเหมาะสมงดงาม

    ระหว่างปีที่แล้ว เหตุการณ์ต่างๆ ในบ้านเมืองนับว่าเป็นปรกติดี แต่พอเข้าปลายปี ก็เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ เป็นเหตุให้ประชาชนหลายจังหวัด ต้องประสบอันตรายและความเดือดร้อนลำบาก ความเสียหายครั้งนี้ ดูจะร้ายแรงกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญ ดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้หลายครั้งแล้วว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้น จะต้องมีทุกข์ มีภัย มีอุปสรรค ผ่านเข้ามาเนืองๆ ไม่มีผู้ใดจะอยู่เป็นปรกติสุขอย่างเดียวได้ ทุกคนจึงต้องเตรียมกายเตรียมใจ และเตรียมการไว้ให้พร้อมเสมอ เพื่อเผชิญและป้องกันแก้ไขความไม่ปรกติเดือดร้อนต่างๆ ด้วยความไม่ประมาท ด้วยเหตุผล ด้วยหลักวิชา และด้วยสามัคคีธรรม

    ในปีใหม่นี้ จึงขอให้ประชาชนชาวไทยได้ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดกำกับอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดมีภาระหน้าที่อันใด ก็เร่งกระทำให้สำเร็จลุล่วงไปให้ทันการณ์ทันเวลา ผลงานทั้งนั้น จะได้ส่งเสริมให้แต่ละคนประสบแต่ความสุขความเจริญ และทำให้ชาติบ้านเมืองดำรงมั่นคงและก้าวหน้าต่อไปด้วยความผาสุกสวัสดี

    ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให้มีความสุข ไม่มีทุกข์ ไม่มีภัย ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"

    ที่มา www.khaosod.co.th
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2012
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อย่าตกใจไป ทุกปัญหามีทางแก้ไข !!!

    [​IMG]

    somdul สมาชิก

    ในรายงานของผู้สันทัดในเรื่องอิทธิพลของกาแลกซี่ทั้ง 3 แห่งที่กำลังเคลื่อนมาเรียงตัวเป็นเส้นตรง เต็มที่ในวันที่ 3 ม.ค.2556 โดยมีสุริยจักรวาลและโลกเป็นศูนย์กลางนั้น พลังงานของจักรวาลจะค่อยๆอัดแน่นจนไร้ที่ว่างไปชั่วคราว นัยว่าตั้งแต่ 3 มค. -14 ก.พ. 56 เมื่อไร้ที่ว่างทำให้พลังงานต่างๆจะค่อยๆหยุดนิ่ง หรืออีเล็คตรอนหยุดเดิน พลังงานในดวงอาทิตย์ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของกาแลกซี่ต่างๆ ด้วยเช่นเดียวกัน

    ขนาดบางส่วนของโลกขาดแสงแดดไปไม่กี่ชั่วโมง น้ำต้มเดือดๆ สาดลงมาจากอาคารทางแถบไซบีเรีย ละอองน้ำเดือดก็กลายเป็นเกร็ดน้ำแข็งในอากาศไปในทันที เป็นละอองขาวโพลน ที่เห็นในคลิป ท่านได้รับฟังแล้วพอนึกออกหรือยัง หากพลังงานจากดวงอาทิตย์ขาดตอนไปชั่วคราว อันเนื่องมาจากเหตุที่ไร้ช่องว่างใน Space นั้น มนุษย์ไม่เคยรู้เรื่องเช่นนี้มาก่อน...

    แล้วสรรพสัตว์บนโลกกำลังจะพบกับอะไรต่อไป อย่าตกใจไป ทุกปัญหามีทางแก้ โดยเฉพาะในเรื่องโลกๆ ได้รู้เหตุจะเกิดล่วงหน้าก็ดีเหมือนกัน จะได้ตั้งหลักได้ทัน....ส่วนจะตั้งหลักอย่างไรนั้นลองแวะที่ลิงค์นี้ และเมื่อทุกคนเข้าใจเข้าถึงดีแล้วด้วยปัญญา ก็ไม่สงวนสิทธิ์นะ

    ช่วยกันตั้งจิตอธิษฐานขอได้ด้วยกันทุกคน ในทุกๆเรื่อง พระองค์ท่าน(สมเด็จองค์ปฐม) ค่อนข้างเข้มแต่ก็ใจดี เมื่อตอนได้พบพระองค์ท่านใหม่ๆ ก็ไม่ค่อยเข้าใกล้เกรงๆท่านจะดุเอา แต่หลังจากได้มีโอกาสถวายงานต่างๆ ที่เป็นประโยขน์ต่อโลกแล้ว ควรเฝ้าอยู่ใกล้ๆพระองค์ท่านตลอดเวลาได้ยิ่งดี ท่านสนับสนุนเต็มที่ ช่วยให้คนดีที่น่าจะรอดเหลือเพียง 10 % จากทั้งหมด 7 พันล้านคนกว่าๆ ที่เปิดเผยโดย COW

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ประกาศ...ช่วงนี้จับตารอยเลื่อนสะแกงพม่า.51734/page-636
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2012
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]

    ฮั้วโต๋ สมาชิก

    ..หนังสือ"ปาฏิหาริย์แห่ง มโนมยิทธิ"อาจารย์มอบให้เป็นพระธรรมทาน-วิทยาทาน.เนื่องในวันเริ่ม ปีใหม่ 2556 ครับ.ท่าน จิตพุทธะและท่าน llnuhyper...อ่านแล้วน้อมนำพระธรรมมาปฏิบัติ อย่ายึดติดในตัวบุคคลครับ..พระธรรมของสมเด็จสำคัญสุดครับ...

    ...พูดถึงเรื่อง"มโนมยิทธิ"..หลาย ๆ ท่านก็ฝึกได้แล้ว.เป็นภูมิธรรมความรู้เฉพาะตน.มโนมยิทธิ เป็นวิชชา อภิญญาเล็ก(อภิญญา 5) ส่วนอภิญญาใหญ่หรืออภิญญา 6.เป็นอภิญญาของผู้ที่ได้ "อาสวกญาณ.อภิญญา 5.และอภิญญา 6.ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว.มโนมยิทธิ คือทางลัดที่ผู้ที่ฝึกได้แล้ว.ได้อภิญญา 5 หรืออภิญญาเล็ก และเป็นวิชชานำให้ได้อภิญญา 6 หรืออภิญญาใหญ่ได้ในทางลัด....

    ..ส่วนใหญ่ผู้ที่ฝึก มโนมยิทธิ ได้แล้วมักนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง.เช่น นำไปดูดวง ดูหวย สอดรู้สอดเห็นเรื่องของผู้อื่น.เล่นการพนัน.เหล่านี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ มโนมยิทธิ เสื่อมลงได้.โดยไม่รู้ตัว.การที่จะฝึกฝนลับคม มโนมยิทธิ ให้ชัดเจนแจ่มใสยิ่ง ๆ ขึ้นไปก็คือ การรักษาศีลให้เป็น"อธิศีล"และรักษากรรมบถ 10 ตลอดเวลา ให้เข้มและเคร่งครัด.คำว่า"อุปาทาน"ไม่สามารถที่จะตบกบาลได้เลย.และอย่าทิ้งครูโดยเด็ดขาด.ส่วมมากเมื่อฝึกได้แล้ว มักจะทิ้งครูกัน เพราะคิดว่า ตนเก่งแล้ว เหนือผู้อื่นแล้ว ดีกว่าคนอื่นแล้ว.เหล่านี้เป็นการเข้าใจที่ผิดมหันต์.

    ภาพหรือเสียงต่าง ๆ ที่ผู้ได้รับการฝึกจากครูนั้น.ครูผู้ฝึกให้ ย่อมได้ยินก่อนและเห็นภาพก่อนเสมอ.และประการสำคัญที่สุดในการฝึกมโนมยิทธิ.คือกำลังใจที่สูงมาก.สามารถ ทำใจให้ยอมรับได้ เมื่อครูผู้ฝึกให้.ตำหนิหรือชี้ทางในทางที่ถูกต้อง...ครูที่ดี ไม่แสวงหาศิษย์ แต่ศิษย์ที่ดีแสวงหาครู....ฝากข้อคิดให้กับผู้ที่กำลังฝึก.และฝึกได้แล้ว ใน"มโนมยิทธิ"....

    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-507
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...