จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

แหม๊ ผมชักจะรักคุณเข้าแล้วสิ
อยู่ที่นี่ต่อนะ คุณอย่าหนีไปที่อื่นนะ
มาช่วยกันเป็นธรรมาทานหน่อยนะครับ
ภูมิธรรม ภูมิปัญญาของคุณไม่ธรรมดาเลยนะ
คุณฉลาดกว่าผมเยอะ บอกไปแล้วไง๊ ผมน่ะยังโง่เขลาอยู่มาก
คุณมีอะไรที่พอจะแนะนำผมบ้าง ตามสบายเลยนะครับ อย่าได้เกรงใจ คนกันเองทั้งนั้น

เดี๋ยวเรามาเล่นซ่อนหามานะ อนัตตากันดีกว่าไหม๊ครับ
ดูสิว่าใครจะหาใครเจอ

 

ฮั่นแน่...เปรยๆมาอย่างนี้ ยิ่งทำให้ผมต้องสังวรณ์ระวัง รูปนาม นี้ ให้มาก

ประเดี๋ยวลูกเรือท่าน ปันมโนกรรม มารักผมเข้า จะแย่เอาสิ

จะไม่ถึงในปริยัติ ศัพบัญญัติ ที่เรียกว่า นิพพาน เอาน่ะสิ

จะเล่นซ่อนหามานะ อัตตา อนัตตา ก็ให้ศึกษาลงที่จิตผู้เดียว ของคนๆนั้น ล่ะครับ

 

ฮ่าๆ ดีครับผมจะได้อยู่คนเดียว ผมไม่ไปยึดติดกับผู้ใดหรอกครับ
พายุอะไรนำพาให้ท่านมาเยี่ยม แต่ผมคุ้นๆนะเนี๊ย
ผมมีจิตบุญคล้ายท่านนี่แหล่ะ ลองคุยกับคุณลูกหลังบ้าน เอ๊ย ลูกพลังผมดูบ้างนะครับ เก่งพอๆกับท่านเลย
อย่ามาสนทนาธรรมกับผมเลย ผมเผยไต๋ไปหมดแล้ว รุ่นนี้ไม่มีกัก
มีแต่ทิ้งทั้งตัว
โมทนาสาธุ

 

อย่าเลยๆ ตอนนี้กำลังคิดถึงลุงฮั้วอยู่ ลุงฮั้วนี่ เป็นผู้มีใจกว้างท่านหนึ่ง

ก็ถือว่า แวะมาเยี่ยมเยียนบ้านเรือ น ลำนี้ ผ่านมาเคาะประตู

คงไม่ถึงขนาดส่ง ไปที่หลังบ้าน

ซึ่งกระผม ก็ต้องออกตามประตู ล่ะครับ จึงจะเป็นการวดี ที่สุด

 

สวัสดีค่ะ คุณพี่มาลินี ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ ค่ะ น้อมรับปฏิบัติตามค่ะ มาร่วมสร้างความดีด้วยกันนะค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ น้องนก ญ

 

สักกวาแดนดินถิ่นสงบ จะค้นพบแดนใดสุดใฝ่หา

พื้นพิภพทั่วฝั่งทั้งคงคา บนเวหาเขตสวรรค์ชั้นพรหมมินทร์

แดนสงบอยู่ที่ใจใช่ที่อื่น ใจเป็นพื้นฐานความดีทวีศีล

ใจสงบพบสุขทั่วแดนดิน ใจเป็นถิ่นสงบค้นพบเอย...

 

ความสามัคคี...หลวงพ่อจรัญ ฐิตธรรมโม.

ความสามัคคีย่อมเกิดจาก...๑ ช่วยเหลือกันในยามยาก ๒ พูดจาอ่อนน้อมอ่อน

หวานต่อกัน ๓ ช่วยเหลือกันในยามยาก ๔ วางตนเสมอกันในความเป็นอยู่ ๕ ไม่ใช้ความ

รุนแรงต่อกัน ๖ ไม่ถือความขัดแย้งกันทางความคิดเป็นเรื่องสำคัญ ๗ ไม่เอาแพ้ชนะกันซึ่ง

เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะชนะเขาก็ต้องได้รับการจองเวรแพ้เขาก็ช้ำใจ ไม่แพ้ไม่ชนะใคร

สงบ สบาย ไม่วุ่นวายประการใดความชนะที่มีคุณค่า คือ ความชนะใจของตนเองเป็นคุณค่า

มหาศาล.

 

สาธุอนุโมทนาค่ะ ของคุณภูร้องให้เพื่อพาสัตว์โลกทั้งหลายพ้นทุกข์

ไม่ให้หลงทาง เพราะเสียงร้องให้นั้นมาจาก บบ คนบ่อหมี่บารมีร้องให้แบบนี้บ่อได้เน้อ.สาธุ...

 

การได้เห็น "พระอริยะ" แล้วอนุโมทนานั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีบุญยิ่งแล้ว แต่จะดียิ่งกว่านั้นอีกถ้าเข้าหา "พระอริยะ"
เรียนรู้ความเป็น "พระอริยะ" แล้วทำตนให้เป็น "พระอริยะ" ให้ได้ด้วย ก็ยิ่งเป็นบุญยิ่งๆ ขึ้นเป็นระดับๆ ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นๆ

โศลกธรรม จากครูอาจารย์

 

คุณครูพี่ภูจิตยกทางไส้ไก่ หรอคะ

ผึ้งชอบอ่านธรรมะของคุณครูพี่ภูมากเลยค่ะ อ่านแล้วเข้าใจทันทีไม่ต้องแปล

ผึ้งภูมิธรรมน้อย ถึงน้อยมาก แต่ก็อยากเข้าใจในธรรมค่ะ กำลังหมั่นศึกษาอยู่ค่ะ

อย่างไรจะเข้ามาอ่านทุกวันค่ะ เพื่อนำไปใช้ และเตือนสติตัวเองค่ะ

>.<

 

สมณะภายนอกไม่มี, สังขารเที่ยงไม่มี,
ความหวั่นไหวของพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่มี,
เหมือนรอยเท้าไม่มีในอากาศ

อากาเสว ปทํ นตฺถิ สมโณ นตฺถิ พาหิโร
สงฺขารา สสฺสตา นตฺถิ นตฺถิ พุทฺธานมิญฺชิตํ

 

มีผู้ปฎิบัติทางโทรศัพท์ท่านหนึ่งบอกข้าพเจ้าในเชิงออกจะท้อแต่
ยังไม่ทันเด็ด เลยไม่ได้ลูกท้อ ค่อยยังชั่ว
ท่านว่า...
โห การดูจิตของเรานี่มันช่างยากเย็นแสนเข็ญอะไรเช่นนี้.....ข้าพเจ้า
ก็ตอบท่านไป ว่า...
ไม่เห็นมันยากตรงไหนเลย ง่ายออก หากจะดูให้ง่ายๆสบายๆ
ก็ดูมันไปเรื่อยๆ ช่วงไหนลืมดูก็ช่างหัวมัน ช่วงไหนเผลอจิตไป
ก็ช่างหางมัน ตรงกลางๆตัวมัน เผลอๆลืมๆไปบ้างก็ดี ไม่งั้นหนัก
แบกจนตายก็ไม่ยอมวาง เพราะดันไปเพ่งไปจ้องไปมอง
หาอะไรหว่าจะเข้ามากระทบ เมื่อไหร่หนอมันจะรู้สึกแบบนั้นนี้
วันๆไม่ต้องทำอะไรมัวแต่ไปเพ่งจ้องมองดูจิตตัวเอง เดี๋ยวได้ส่ง
ไปเป็นเพื่อนกับจิตแพทย์....

ครั้งต่อมาท่านบอก...
ดูแล้ว เห็นอารมณ์เห็นความคิด เห็นนั่นนี่เข้ามาเรื่อยเลย ทำไงต่อ
ข้าพเจ้า...
ท่านทำไงล่ะ
ท่านบอก...
ไม่ทำอะไร
ข้าพเจ้า...
นั่นไง จะไปทำอะไรกับเขาได้ ในเมื่อเขาไม่มีตัวให้เราไปล้วงมาบีบให้ตายได้
เขามา เรารู้ แล้วเขาก็ไป...มาอีก รู้เห็นอีก จบไปอีก..จบไป จบไป จบไป เรื่อยๆอย่างเนี๊ย ถ้าไม่อยากให้เขาเข้ามาก็ดักเขาไว้สิ เอาสติ
สติก็คือตัวรู้ที่เรารู้เห็นเขานั่นแหละวิ่งไปดักเขาไว้ แต่สติเราจะวิ่งทันเขาได้
ต้องฝึกฝนให้คล่องตัว เหมือนนักมวยนั่นแหละ หลวงตามหาบัวบอกว่า
ขึ้นชกทุกวัน เดี๋ยวก็คล่อง
การดูจิตไม่มีความจำเป็นต้องไปเคร่งเครียดมากนัก ดูแบบสบายๆ
ลืมก็ทิ้งช่วงนั้นไป เอาใหม่ อยู่อย่างนั้น วันหนึ่งเมื่อมันชินมันติด
มันคล่องก็จะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ผู้ฝึกจิตใหม่ๆ อย่าเพิ่งไปเด็ด
ลูกท้อกินกัน ทำมันเรื่อยๆ อย่าได้ละความเพียร และทำไปแล้ว
อย่าได้ไปคาดหวังหรือคิดเอาอะไรกับการกระทำนี้ เก็บไปนาทีละนิด
ชั่วโมงละหน่อยเดี๋ยวจะเห็นผลออกมาเป็นวันเองเด้อค่ะเด้อ

 

"เมื่อขันธ์ทั้งหลายยังมีอยู่ การสมมติว่าสัตว์ย่อมมี ฉันนั้น ฯ
ความจริงทุกข์เท่านั้นย่อมเกิด ทุกข์ย่อมตั้งอยู่ และเสื่อมสิ้นไป
นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด
นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ ฯ"

วชิราสูตร.

<IMG src='http://www.nattawoot.com/wp-content/uploads/2012/01/Tahitian-Gardenia-Flower-1.jpg' width=250>

ดอกพุด ชนิดหนึ่ง​

 

กราบขอบพระคุณสหายธรรมทุกท่านเจ้าค่ะ

ได้อ่านคำสนทนาธรรมของท่านทั้งหลาย
แม้จะเข้าใจมั้งไม่เข้าใจมั้งในบางตอน
แต่ด้วยจิตที่ใสๆๆ ของข้าพเจ้า
ขอกราบโมทนาบุญกะสหายธรรมทุกท่านค่ะ

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นนะเจ้าค๊ะ

 

หากตีค่าราคาตน ด้อยกว่า สูงกว่า ภูสติปัญญา ภูมิธรรมด้อยหรือสูงกว่า

เหล่านี้ ล้วนเป็นมานะสังโยชน์ทั้งนั้นครับ เป็นการเอาตนเข้าไปเทียบ

ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำลายตัวมานะ นั้นได้

แต่พยายามสำรอก ด้วยการเคารพนอบน้อม ชื่นชมต่อกัน

ตามกิจอันควร ในฐานะผู้ควรแก่การรับ หรือสดับ แล้วนำไปพิจารณา

คือ เป็นผู้ว่าง่าย มีความอ่อนโยนถ่อมตน ไม่มีอติมานะ มายาแอบแฝง

ความเป็น อีโก้ จะน้อยลง

จิตที่ใสๆ นี้แหละ จะเป็นจิตที่ควรแก่การงาน ใสจากอะไร ก็คือใสจากอุปกิเลสที่จรมา

แต่ไม่ใช่จิตที่ซื่อๆ นะ ต้องเป็นจิตที่รู้สึกตัวในทุกขณะ ใสเหม่งเลย

พร้อมกับมีความแช่มชื่นเบิกบาน ไม่หม่นหมองด้วยอคติเป็นยองใย

จิตใจที่ดี แสงอุษา ย่อมพร้อมจะส่องลงมา ทั้งคุณภู คุณวิทย์ พร้อมลัดตัดตอน

ดูอย่าง ดอกพุดแสงอุษา เมื่อได้รับแสงในตอนเช้า ก็พร้อมที่จะเบิกบาน

 

โมทนาสาธุกับท่าน◎ ด้วยครับ
เราขอน้อมรับคำตักเตือนและข้อชี้แนะจากท่านด้วยนะครับ
โดยเฉพาะในเรื่อง"อุปาทานหมู่" มูลเหตุปัจจัยอันใดในมุมมองของท่าน ได้โปรดช่วยชี้แจงแถลงไขเถิด.. (ยินดีน้อมรับฟังครับ)

"จะบอกว่า เป็นไปไม่ได้เลย ที่นำคำสอนครูบาอาจารย์ หรือคำสอนพระพุทธเจ้า 
เป็นไปเพื่อการถกเถียง ในการแพ้ชนะอะไรนั่น เพราะเจตนาไม่ได้เป็นเช่นนั้น"
โมทนาสาธุ สาธุกับท่านอีกครั้งด้วยครับ
ดีแล้ว ดีแล้ว.. เมื่อเจตนาของท่านมิได้เป็นดังนั้น เราจึงขอเชิญชวนท่านมาเป็นกัลยาณมิตรกันดีกว่านะครับ
แลกเปลี่ยนแสดงธรรมเพื่อเพิ่มพูนปัญญาทางธรรมและประสบการณ์การปฎิบัติซึ่งกันและกัน เป็นมิตรที่ดีต่อกัน.. 
ไหนๆท่านก็แวะมาเยือนเรากันแล้ว อันนี้ถือว่าเราขอร้องก็แล้วกันนะครับ(ด้วยจิตน้อมคาราวะอย่างยิ่งครับ)
ได้โปรดช่วยแสดงธรรมเรื่อง"การเดินมรรคเพื่อเข้าสู่ สุญญตาวิหารธรรม"ตามองค์ความรู้, ประสบการณ์และมุมมองของท่านด้วยเถิด กราบขอบพระคุณอย่างสูงล่วงหน้าด้วยครับ

ปล.ส่วนเรื่อง3ขาหยั่งนั้น ท่านกล่าวได้ชอบแล้ว ชอบแล้ว.. มีเพียงแค่"การให้น้ำหนัก"เท่านั้นเองที่อาจจะแตกต่างกันไปบ้างตามจริตวาสนาบารมีของแต่ละบุคคลเท่านั้นเอง ไม่มีไรหรอก เพราะที่สุดแล้วทุกๆท่านก็ย่อมมุ่งไปสู่ปฎิเวธนั่นเอง และพอถึงที่สุดแห่งที่สุดแล้วก็แค่เพียงรู้้-วางเท่านั้นเป็นพอ..


ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุครับ

 

"กังนัม สไตท์" ไงครับ

ง่ายๆ กระทัดรัด โอปป้าๆ กันไปตามกระแส

แม๋...ไม่น่าถามเนาะ

 

สุญญตา คือ ความว่าง ว่างจากกิเลส ว่างจากตัวตน คือการรู้ในอนัตตลักษณะ

เห็นว่าไม่มีสิ่งใดเป็นตัวเป็นตน ที่ควรยึดมั่นถือมั่น

ก็มีแต่พระอรหันต์เท่านั้นล่ะครับ ที่รู้จริง รู้แจ้ง รู้ชัด รู้รอบ กับสิ่งในโลก คือขันธ์นี้

เพียงแต่เรา หากเป็นผู้เดินในมรรค เพื่อให้ถึงความเป็นสุญญตา

สิ่งเหล่านี้ ก็ควรอบรมพิจารณา ในความหาสาระใดๆ ในโลกนี้ไม่ได้

คือ อนัตตสัญญา ก็ต้องเจริญสติ สมาธิ เพื่อให้เห็นตามจริงในสิ่งทั้งปวง

เพื่อคลายทิฏฐิ ความเห็นผิด สำคัญในเราเขา คลายวิปลาส ในความเป็นตัวตน

เช่น พิจารณากาย คือ การเข้าไปพิจารณาในกองรูปขันธ์นี้

เกิดขึ้นเพราะอะไร เป็นตัวเป็นตนมาได้อย่างไร ใช้สติสัมปชัญญะ

ชำแรกแยกรูป ออกมาดู จนเห็นตามจริงว่า

ความเกิดขึ้นของรูปขันธ์นี้ นั่นเพราะความประชุมของธาตุทั้งสี่ มีดิน น้ำ ไฟ ลม หาใช่ความเป็นตัวตน

รถยนต์ หากแยกส่วนประกอบออกแล้ว มีส่วนไหนบ้างที่เรียกว่ารถยนต์

คอมพิวเตอร์ ก็เช่นกัน ก็จะมีแต่อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ นำมาประกอบกันขึ้นรูปทรง

ไม่ต่างกัน ทั้งกายนอก กายใน ของสังขารทั้งหลาย คือ รูปขันธ์ เป็นต้น

มีเรามีเขา นั่นเพราะอุปาทาน สำคัญมั่นหมาย ยึดมั่นในตัวตนเราเขา

จึงล่วงไปในกรรมทั้ง3 ทั้งสุจริตบ้าง และทุจริตบ้าง

ด้วยกิเลสตัณหาพาเวียน ก่อภพก่อชาติ ให้สืบเนื่องรับผลในวิบาก ไม่จบสิ้น

พิจารณาอย่างนี้ล่ะครับ น้อมเข้ามาให้ใจนี้อยู่ในวิหาร ในอนัตตลักษณะ

 

คุณหน่องคะ ขอให้หายเจ็บแผล ร่างกายแข็งแรงโดยไวนะคะ

 

ขอบพระคุณสำหรับธรรมะดีดี และความมีเมตตาจิตค่ะ อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุค่ะ ;41jaah;aa43