แมวเหมียวมงคลฟีล์ม ภูมิใจเสนอ!"เทพผู้พิทักษ์ทั้งสี่"น.64

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย Norlnorrakuln, 10 ธันวาคม 2012.

?
  1. เห็นดีด้วยและขอเป็นกำลังใจต่อไป

    0 vote(s)
    0.0%
  2. ไม่เห็นด้วยนิทานไร้สาระ งมงาย ฯลฯ

    0 vote(s)
    0.0%
  1. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ การอ่านนิทาน หรือ นวนิยายออกแนวลึกลับ! เศร้าสะเทือนใจ ฯลฯ

    พร้อมเปิดทัศนะคติใหม่ ผู้เขียนจึงได้พยายาม นำสำนวนโวหารแบบโบราณมาประยุกต์ใช้เพื่อให้คุณผู้อ่าน
    ได้ซาบซึ้งถึงอรรถรสในบทกวีอิงธรรมะ ซึ่งหาอ่านจากที่ไหนได้ยาก!(โม้)

    อนึ่ง เรื่องที่เคยได้ลงในห้องกระทู้พญานาค บางเรื่องจะขอนำมาลงซ้ำ เพื่อความสะดวกและง่ายในการติดตามอ่าน...

    สำหรับเรื่องใหม่ๆ เมื่อมีโอกาสจะได้นำมาเสนอเป็นตอนๆไป (เพราะบ้างเรื่องต้องใช้เวลา และความละเอียดในการนำเสนอ)

    ขอบคุณแฟนคลับทุกท่านที่ได้ติดตามอ่านมาโดยตลอด

    Norlnorrakuln.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มิถุนายน 2016
  2. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    ไอ้เราก็นั่งรอ นอนรอ อยู่กระทู้โน้น ป๊าดดดด
     
  3. A-ya

    A-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    685
    ค่าพลัง:
    +2,549
    มารอติดตาม แมวเหมียวนครฟิมล์ ด้วยคนคะ:cool:
     
  4. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    เห็นกระทู้เก่า หลายร้อยหน้าแล้วเดี๋ยวจะโหลดช้ามีปัญหาอีก!
    กอปกับเจ้าของกระทู้เค้าลอยแพแล้ว :'(

    คิดว่าขึ้นบ้านใหม่เป็นของตัวเองก็คงจะดี หากมีเวลาจะได้นำเรื่องราวมาลงได้สะดวก (k)
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    มาแสดงความยินดีกับการขึ้นบ้านใหม่
    "แมวเหมียวมงคลฟีล์ม"ค่ะ:cool:
     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ตีตั๋วเข้ามาแล้ว เจ้าของกระทู้หายไปไหนคะ
    งั้น...ปูเสื่องีบรอดีกว่าค่ะ ๕๕๕๕
     
  7. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    ขอแสดงความยินดีกับบ้านใหม่ของแมวเหมียว ด้วยจ้ะ
    (แมวเหมียว..มีบ้านอยู่แล้ว เย้ๆๆๆๆๆ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • flv329a1[1].jpg
      flv329a1[1].jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.7 KB
      เปิดดู:
      151
  8. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    อ๊ะ..ลืมไป
    ของขวัญ..จานนี้ ดีก่า...อิอิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ระหว่างรอเรื่องใหม่ ก็อ่าน เรื่องเก่าๆไปพลางๆก่อนแล้วกันครับ :cool:

    แมวเหมียวมงคลฟีล์มภูมิใจเสนอ

    โกมาลิกะนาคราช​


    เรื่องราวของนางผู้มีจิตอันเข้มแข็ง บำเพ็ญเพียรประพฤติพรหมจรรย์อยู่จนตลอดชีวิต...
    ลุอำนาจมนต์สกด ของคนธรรพ์ และเหล่าอสูร ยักษ์ร้าย ฯลฯ.....
    ไม่สามารถนำเธอมาเป็น บาทบริจาค และนางสนมกำนันได้เลย

    เนื่องจากเธอนั้น สมัยเป็นมนุษย์ประกอบกุศลจิต ได้กระทำความเพียรโดยรวบรวม
    น้ำบริสุทธิ์(น้ำค้าง)จากยอดหญ้า ดอกไม้ และใบไม้ นำมาใส่ภาชนะแล้วเดินทางขึ้นเขาไปทำการสักการะ สงน้ำพระบรมสารีริกธาตุบนยอดเขา ยุคนธร..
    แล้วอธิษฐานจิตให้ วรรณะนางมีสีใสบริสุทธิ์ดุจน้ำค้างบนยอดหญ้า
    ด้วยว่านางระลึกชาติได้ถึงอกุศลกรรมเก่า ที่เป็นเหตุให้นางเกิดเป็นหญิง ซึ่งเป็นอัตภาพอันไม่พึงปรารถนา....นางอธิษฐานจิตว่า
    "หากแม้นว่าข้าพเจ้า ยังมิได้อัตภาพความเป็นบุรุษอยู่ตราบใด ตลอดกาลท่องเที่ยวไปในวัฎฎะ ขอให้ร่างกายอันมีองค์กำเนิดนี้มีวรรณะใสดุจดั่งน้ำค้างบนยอดหญ้าตราบนั้นเทอญ"
    เพราะเหน็ดเหนื่อยต่อการเดินทางไกล เกรงว่า
    น้ำบริสุทธิ์นั้นจะเหือดแห้งหมดไปในระหว่างการเดินทาง นางจึงเร่ง
    ฝีเท้าจนเกินกำลังของร่างกาย สุดที่จะต้านทาน!....เมื่อได้ทำการสงน้ำพระบรมธาตุ และสิ้นคำอธิษฐานจบลง
    นางก็ขาดใจตาย ลงทันที.....ไปบังเกิดเป็น พญานาค มีนามว่า
    "โกมาลิกะนาคราช" นางนั้นมีวรรณะดุจแก้วใสดั่งน้ำคัาง มีรัศมีอันสว่างรุ่งโรจน์
    ดุจแสงสว่างของดวงดาว เทียวไปอยู่ ฉะนั้น.

    นางมักออกมายืนมองดูยอดเขา "ยุคนธร" เพื่อระลึกถึงบิดาที่จากไป....
    "โกมาลิกา เอย" ลูกเห็นแสงสว่างโพยพุ่งออกจากยอดเขาลูกนั้นไหม?"
    "เห็นค่ะพ่อ"
    "แล้วลูกรู้สึกอย่างไร?"
    "รู้สึกสงบ เยือกเย็น มากค่ะพ่อ"
    "รอยยิ้มของท่านผู้เป็นรัตตัญญู เผยให้เห็น บนใบหน้าอันอ่อนโยน..."
    "เจ้ายังเด็กนัก ลูกเอย บนยอดเขาลูกนั้นเป็นเขตแดนอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรของนักปราชญ์ ราชบัณฑิตมาแต่ครั้งปางบรรพ์จวบจนสมัยนี้...และที่สำคัญยังเป็นสถานที่ใช้บรรจุพระบรมสารีริธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รัศมีแห่งพระองค์ท่านที่ลูกเห็นนั้นแล...ลูกรัก"
    "โอ้โห น่าอัศจรรย์จริงค่ะพ่อ...(ขนาดเราอยู่ห่างไกลยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น และสงบร่มเย็นถึงเพียงนี้ ถ้าเราได้พบเห็นพระองค์ท่านจริงๆซักครั้งหนึ่ง เราคงมีความสุขยิ่งขึ้นกว่านี้) งั้นหนูจะขึ้นไปบนเขาพบพระองค์ท่านได้มั้ยค่ะพ่อ?"
    "...ลูกรักพระองค์ท่านเสด็จดับขันธ์ปรินิพานนามมาแล้ว...คงเหลือไว้แต่คุณอันประเสริฐ...แม้พ่อเองก็มิได้เคยพบเห็น...เป็นแต่เพียงว่าครั้งหนึ่งเคยได้มาสู่ธรรมวินัยของพระองค์ท่าน...หากไม่พบเจอแม่ของเจ้าเสียก่อน! ป่านนี้พ่อคงจะได้ไปอยู่กับพระองค์ท่านนานแล้ว....เสียงลมหายใจยาว ถูกขับออกมาด้วยความยากลำบาก..."
    "ทำไม่ค่ะพ่อ?"
    "เพราะพ่อมิได้ประพฤติพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์หมดจด จึงทำให้ไปไม่ถึงฝั่งอันเกษมจากโยคะ ลูกเอย...พระองค์ท่านทรงประทับอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น!...ถ้าลูกอยากพบเห็นพระองค์ท่าน จงประพฤติธรรมยังสัมมาทิฎฐิให้เกิดขึ้น บำเพ็ญพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์เถิด...
    ก็แต่ว่าในอัตภาพความเป็นหญิงของเจ้านั้นพระศาสดาไม่ทรงสรรเสริญให้บวช เพราะหญิงนั้นเป็นมนทิลของพรหมจรรย์...ดั่งเช่นแม่ของเจ้า!...และบัดนี้ยุคแห่งพระสัทธรรมใกล้จะถึงกาลสิ้นสุดแล้ว...ถ้าลูกยากพบเห็นพระองค์ท่าน....จงตั้งจิตอธิษฐานเอาเองเถิด ลูกรัก"

    คำสอนครั้งสุดท้ายของพ่อ ยังคงกึกก้องอยู่ในโสตประสาท....
    ภาพชายวัยกลางคน เดินบ่ายหน้าขึ้นสู่ภูเขายุคนธร หายลับจากไป...ชั่วกาลนาน!...."พ่อไปอยู่กับพระองค์ท่านแล้ว...สักวันหนูจะตามไปค่ะพ่อ!" นางรำพันถึงความปราถนาแห่งใจ พร้อมจิีตอันเข้มแข็ง....

    ๑๖ ปีแล้วสินะ บัดนี้เราได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว...คงถึงเวลาที่เราจะได้กระทำในสิ่งที่ทำได้ยาก คือการอธิษฐานจิตมั่นเพื่อการได้แลเห็นพระพักตร์และชื่นชมทัศนาการในพระมหาปุริสลักษณะแห่งองค์พระบรมศาสดาในอัตภาพที่พระองค์ทรงสรรเสริญ(ชาย)เมื่อพระองค์ท่านทรงแสดงธรรมอยู่ เรานั้นจักพึ่งถึงฝั่งอันเกษมจากโยคะในอัตภาพนั้น
    ก็แต่ว่า...ในวัฎฎสงสารอันหาที่สุดไม่มีประมาณนี้ เราอาจพลาดจากธรรมของพระศาสดา...อย่ากระนั้นเลย เราจึงควรที่จะหาวิธิป้องกันตนเองมิให้ภัยมาถึงตัว ด้วยการรักษาและประพฤติพรหมจรรย์จนตลอดชีวิต เราจะไม่เป็นดั่งเช่นแม่ของเรา!กระทำพรหมจรรย์ของตนให้เศร้าหมอง
    ....ก็แต่ว่าวรรณะของเรานั้นเป็นที่เย้ายวญใจของบุรุษ จำเราจะต้องปกปิดอำพรางไว้ด้วยสิ่งใดหนอ?
    คืนนั้นนางมองดูดาวบนท้องฟ้า กอบกับเป็นช่วงเหมันตฤดู น้ำค้างลงจัด
    พลันความคิดหนึ่งได้บังเกิดขึ้น ในห้วงมโนนึก.....ดังที่ได้เล่าไว้แล้วในตอนต้น

    เหตุที่นางได้อัตภาพเป็นพญานาคนั้น เพราะทำบุญเจือด้วยราคะจิต ที่ดำริอยากจะชื่นชมทัศนาการแห่งองค์พระบรมศาสดา(ด้วยนางเห็นแต่เพียงรัศมีจากองค์พระบรมสารีริกธาตุบนยอดเขา...ยังมิอาจทำความปราถนาแห่งใจให้เต็มบริบูรณ์ได้)
    ส่วนวรรณะสดใสดั่งแก้วนั้น คงพอทราบแล้วกระมัง!

     
  10. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ขอบคุณสำหรับกำลังใจทุกท่าน ครับ :cool:
    บางเรื่องก็เขียนสดๆ มิได้ทำ backup ไว้
    เรื่องไหนน่าสนใจเดี๋ยวค่อยๆนำมาลงให้อ่านกันใหม่ เผื่อผู้ที่ยังมิได้อ่านครับ!
     
  11. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    โกมาลิกะนาคราช ตอนที่ ๒ "อุปปาติกะบุญ"

    เขายุคนธร เป็น ๑ ในเขาทั้ง ๗ ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ(หรือภูเขาสิเนรุ)...ครั้งนั้นยังมีปราสาทเมืองยุคนธร ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา
    เมื่อพระราชาธิราชเจ้ายุคันธระราชบิดา ทรงสละราชบันลังค์ ให้แก่พระราชโอรสผู้มีบุญญาธิการสูงพระองค์นั้น ครบกำหนดได้เพียงเจ็ดวัน...จักรแก้วนั้น ล่องลอยมาจากมหานทีสีทันดร ส่งเสียงดังไปไกล ๑๒ โยชน์
    และส่องแสงสว่างไปไกล ๓ โยชน์ พอบินไปถึงประตูเมืองก็เวียนอยู่ ๓ รอบ แล้วบินช้าลงมาบนถนนเข้าไปสู่เขตพระราชวัง แล้วจึงบินวนอยู่ในนั้น ๓ รอบ
    ๗ รอบ แล้วก็เข้ามาหาพระเจ้าจักรพรรดิ์เหมือนมีชีวิต ดุจจะมานบน้อมแทบเบื้องยุคลบาทของพระเจ้าบรมจักรพรรดิ์ จากนั้นก็บังเกิดมีจักรแก้ว
    ปรากฏขึ้นอยู่โดยทั่วทั้งเมืองเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง!(ด้วยฤทธิ์ธานุภาพของจักรแก้วดุจการแยกร่างเพิ่มจำนวน)ฝูงคนก็พากันนำข้าวตอกดอกไม้ เทียนธูป และน้ำมันหอมมาไหว้บูชาจักรแก้ว
    จักรแก้วนั้นได้ทำให้ทุกคนมีกายอันงามบริสุทธิ์ปราศจากมลทิน แม้ว่าแต่ก่อนเคยมีตำหนิข้อด้อยในกายตนก็ตาม (เพราะกุศลผลบุญทำให้ได้อุบัติร่วมสมัยกับพระเจ้าจักรพรรดิ)
    จักรแก้วนั้นเปล่งรัศมีสว่างไสวรุ่งเรืองไปทั่วทั้งเมือง ดังยอดเขายุคนธร ยามที่มีแสงจันทร์วันเพ็ญทอดมาจากหลังเขา ก็ปานกัน

    เสนาบดีจึงสั่งให้เจ้าเมืองทั้งหลายตีกลองป่าวประกาศราษฎรว่า บัดนี้ พระยาเจ้านายของเรา ได้เป็นพระมหาจักรพรรดิ์ผู้ปราบทั้งสี่ทวีป
    ใครจักชม จักไหว้ให้รีบมา พระเจ้าจักรพรรดิจะไปปราบทั้งสี่ทวีปแล้ว เร่งแต่งตัวละการงาน ตามเสด็จท่านไป
    ตามเสียงกงจักรที่ดังออกมาก่อน แล้วนำข้าวตอกดอกไม้ไปเพื่อบูชา เพียงแค่อธิษฐานก็จะได้ตามเสด็จไปในอากาศกับพระเจ้าจักรพรรดิ์นั้น!

    จักรแก้วพาพระเจ้าจักรพรรดิเสด็จชมทวีปทั้งสี่ มาหยุด ณ สถานที่แห่งหนึ่งในอุตรกุรุทวีป ในเขตพระราชวังนั้น ยังมีธิดานางหนึ่ง นามว่า "ศรีสุวรรณา"เป็นสตรีผู้มีคุณสมบัติ ๖ ประการ
    คือ ไม่สูงเกินไป ไม่ต่ำเกินไป ไม่อ้วนเกินไป ไม่ผอมเกินไป ไม่ดำเกินไป ไม่ขาวเกินไป มีผิวพรรณเปล่งปลั่งเกินผิวพรรณมนุษย์ธรรมดา งามจนเกือบจะถึงขั้นผิวพรรณทิพย์ของเทพนารีก็ปานกัน!
    มีกายหอมเหมือนกลิ่นจันทน์ ปากหอมเหมือนกลิ่นอุบล เป็นสตรีผู้มีสิริโฉมงดงาม น่ารัก น่าชม ใครเห็นต้องถูกตาติดใจ ใครเห็นต้องเลื่อมใส

    ด้วยกุศลผลบุญ บำเพ็ญสร้าง...บุปเพสันนิวาสบันดาล เกื้อหนุน
    พระธิดาศรีสุวรรณางามแท้...เจริญคุณ
    พระ ๑๖ ชันษา อบอุ่น สุขสม...ชมวิมาน
    พร้อมเครื่องทรงเบญจมาภรณ์...คุณประเสริฐ
    แพรวพราวเลิศรัตนแก้วมณี...เปล่งแสง
    ล่องลอยออกไปสู่อุทยาน...ไม้หอมจันทร์แดง
    นางครางแครงออกเดินรี่...เร่งติดตาม
    เพลานั้นพระองค์เจ้า...บรมจักร
    แปลกใจนัก เหตุอันใด...ไฉนหนอ!
    จักรจึงหยุดสดุดหมุน...รั้ง รอ
    แสงประกายก่อบังเกิดแก้ว...ไพฑูรย์งาม
    นางเดินตามแก้วดวง...เสน่หา
    สบสายตาปฎิพัทธ์ ให้...หทัย ไสว
    สมมุติเทพองค์บรม จักรเจ้า...พอพระทัย
    เอ่ยความนัย ใคร่ชมเมือง...ยุคนธร

    นัยว่าแก้วดวงงามสถิตย์คู่...กรงจักร
    ดั่งความรักสองพระองค์สม...สุขุมาลมารศรี
    ชาวเมืองเอิบอิ่มยิ้มแย้ม...เปรมปรีด์
    พระทรงมีนางแก้วเคียงคู่...บรมวงค์!

    ครั้งนั้น เมือง "กุรุรัตนราชธานี"เป็นมหานครใหญ่ มีสระโบกขรณีอันน่ารื่นรมณ์ ๔ สระอยู่ประจำทิศทั้งสี่ หนึ่งในสระนั้นเบื้องทิศบุรพามีชื่อว่า "โกมุทาโบกขรณี"เป็นสระบัวเก่าแก่ซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนาน กล่าวขานว่ามีประตูน้ำอยู่ข้างใต้เชื่อมไปสู่สระอโนดาตในหิมวันตประเทศ เป็นที่อาศัยบำเพ็ญพรตแห่งพญานาคีนาคราช(ฤาษีณี)โดยเฉพาะ น้ำในสระนั้นใสเย็นสะอาดบริสุทธิ์ใช้เป็นที่สรงสนาพระวรกายแห่งธิดา และเชื้อพระวงค์ทั้งหลายเฉพาะผู้ยังมีได้ออกเรือน(ยังมีพรหมจรรย์บริสุทธิ์)
    น้ำในสระทั่วทั้งบริเวณมีดอกบัวพิเศษชนิดหนึ่งชื่อ "โกมุท" ปีหนึ่งจะบานแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในยามราตรี เพ็ญเดือน ๑๒ เพื่อรับแสงพระจัทร์วันเพ็ญ...น้ำในสระทั่วทั้งบริเวณจักเรืองแสงเงินยวงสว่างไสวตลอดรัติกาลเพ็ญเดือน ๑๒ นั้น...เทพธิดานางฟ้าจะมาเก็บดอกโกมุทเพื่อนำไปบูชาธรรมยังเทวสภา และตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย...พระราชธิดาต่างๆทั่วทั้งแว่นแค้วนต่างปรารถนาจะมาสงสนานพระวรกาย สักเพียงครั้งหนึ่งในชีวิตก็ถึอว่าเป็นอุดมมงคลคุณอันประเสริฐล้ำ
    โดยเฉพาะวันเพ็ญเดือน ๑๒ นั้น เชื่อกันว่าความบริสุทธิ์ของน้ำในสระอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จะช่วยบำบัดรักษาโรคและทำให้พระฉวีวรรณสดใสงดงามเปล่งปรั่งอยู่ตลอดเวลาไม่รู้จักแก่ มีอายุยืน อีกทั้งยังได้ชื่นชมความงามของดอกโกมุทที่เบ่งบานดูดรับแสงจันทร์เปล่งรัศมีสีทองตัดกับท้องน้ำสีเงินยวง ดูน่าทัศนาการเจริญใจยิ่งนัก...แต่หากว่าใครกระทำผิดกฎสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ก็จักบังเกิดเหตุอาเพทภัยร้ายแรงแก่ตนเอง คือต้องพิษแห่งนางพญานาคีและจะถูกตบะฤาษีผู้มีฤทธิ์ธานุภาพ ซึ่งบำเพ็ญพรตอยู่ทางริมฝั่งสระอโนดาตแผดเผาให้เร้าร้อนทรมานไปจนตลอดชีวิต
    ฤาษีและผู้ทรงฌานมักจะมาชำระกายเพื่อใช้อาโปธาตุปรับสมดุลภายใน บางท่านก็ใช้วิธีเพ่งกสิณไฟลงไปแผดเผาไหม้อยู่ในน้ำ...บางท่านก็ชอบทดสอบใช้ตบะสู้รบกัน เพื่อชิงความเป็นใหญ่ ฯลฯ

    กล่าวถึง "โกมาลิกะนาคราช" นางนั้นอุบัติแล้วด้วยแรงอธิษฐาน เป็น "อุปปาติกะ"(ผู้เกิดแล้วโตทันที ไม่มีพ่อแม่)มีอัตภาพเจริญวัยดุจผู้มี อายุ ๑๖ ปีเที่ยวไปอยู่จนตลอดอายุขัย แต่นางนั้นเป็น "อเหตุกะ"(มีลำตัวดำเนินไปตามขวาง ,พญานาค)อาศัยอยู่ในสระโกมุทาโบกขรณีแห่งนี้มาช้านาน มีพิภพอันงดงามสว่างไสว่สดใสเต็มไปด้วยรัตนแก้วอันวิจิตร เครื่องประดับอาภรณ์ล้วนส่องแสงประกายเพชร มีฉวีวรรณสดใสงดงามดุจน้ำค้างบนยอดหญ้า รัศมีดั่งแสงดาวพระกายพฤก...เวลาออกไปสู่สถานที่ภานนอกชอบเนรมิตรกายเป็นมนุษย์ เพื่อแสวงหาทางแห่งสัจจธรรม
    หากจะกล่าวถึงเหล่าพญานาคทั้ง ๔ ตระกูลใหญ่แล้ว...นางถึอว่าเป็นกรณีพิเศษ เพราะไม่มีเหล่าเครือญาติให้สืบสัตตะติวงค์เนื่องจากอุบัติด้วยแรงอธิษฐานเจือด้วยราคะอันประณีต คืออยากอุบัติร่วมสมัยกับพระพุทธองค์,อยากทัศนาการพระมหาปุริสลัษณะอันวิจิตรโอฬาร,จึงเจริญรอยตามคำสอนของบิดา...มิได้มีความปรารถนากำหนัดทางกามราคะอย่างชู้สาว...ดังนั้นวิบากกรรมจึงจัดสรรค์ให้ นาง ฯ เป็นไปตามอำนาจกฎแห่งกรรมแล้ว แล

    "หม่อมฉัน อยากจะได้กลับไปร่ำลา สหายเก่าเพค่ะ!"
    "พี่ว่า เธอคงมีความนัยมากกว่านั้น!...เป็นการสมควรยิ่งแล้วที่เราจักกระทำตามจารีตประเพณีอันดีงาม มิควรให้ใครได้ติฉินนินทราเราได้...ว่าเป็นผู้ใช้อำนาจบังคับเบียดเบียนนำพระราชธิดาฯ มาครอบครอง"
    ครั้งนั้น คหบดีแก้วคู่พระบารมี...ทราบวาระจิตแห่งพระบรมจักรแล้ว จึงได้เร่งจัดไพรขบวนพลพยุหยาตรา บรรทุกทรัพย์สินสอดมหาศาลมีค่าควรเมืองเป็นอันมาก เพื่อเตรียมงานอภิมหามงคลราชาอภิเสกสมรส ไปสู่เมืองกุรุรัตนราชธานี...
    เมื่อพระราชธิดาศรีสุวรรณาชื่นชมพระบรมมหาราชวังจนเป็นที่พอพระทัยแล้ว พญาม้าแก้ว "วิมละวลาหก"ก็โจนทยานออกมาจากโรงม้า ดุจสายฟ้าแลบ!มาสู่ที่เฉพาะหน้าอุทยาน พาพระเจ้าบรมจักรพร้อมพระธิดาพุ่งทยานกลับคืนสู่เมืองกุรุรัตนราชธานี...
    พระราชบิดรมารดาทางฝ่ายพระธิดานั้น รู้สึกพอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง...ตั้งแต่ครั้งได้ทอดพระเนตเห็นจักรแก้ว มาหยุดพร้อมด้วยขบวนพลพระยุหยาสตรา แล้ว...ก็มิได้มีข้อกังขาอะไรอีก (กลับคิดว่าเป็นบุญของเราแล้วหนอ)
    ครั้งพอได้สนทนาปฎิสันฐานเจริญสำพันธไมตรีกัน อย่างสมพระเกียรติตามทำเนียมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...ราตรีนั้นเสร็จเข้าประทับ ณ ห้องทรงพระราชา เมืองกุรุรัตนราชธานี ดุจจะทรงสละมอบราชบันลังค์ให้พระราชโอรส ผู้ถึงพร้อมด้วยคุณขึ้นครองราชก็มิปาน!

    "ความจริงน้องใคร่ อยากจะได้สงสนานพระวรกายในห้วงมหามงคลนทีธารอันศักดิ์สิทธิ์ แห่งนี้เป็นครั้งสุดท้าย!...(นางกล่าวด้วยเสียงเรียบ)"
    "ครั้งสุดท้ายหรือ? ศักดิ์สิทธิ์อย่างไรฤา? น้องแก้วขวัญพี่...ขอเจ้าจงได้เฉลย ความนัยจิตนั้น!"
    แล้วพระธิดาก็ทูลเล่าประวัติความเป็นมาอันยาวนานของสระโกมุทาโบกขรณี ให้พระเจ้าบรมจักรได้รับสดับฟังตั้งแต่ต้นจนจบ...
    "สหายเจ้าคนนี้แปลกจริงนา พี่ยังมิได้พบพาน ไป่เชื่อ
    มีหรือคนธรรมดา จักพาเจ้าว่ายแหวก คุ้งน้ำ
    เที่ยวสนานเสมอ สนุก ใต้โกมุท พิภพเมืองบาดาล!"...เอาเถอะ พี่จักยอมเชื่อบ้าง หากสนทนาแล้ว สหายเจ้า งามน่าอัศจรรย์จริง!
    "เกรงว่าเสด็จพี่จักปันใจให้นาง น้องคงเศร้ากำสรวญ!"(นิสัยผู้ชายเจ้าชู้ทุกคน...นางรำพึงในห้วงมโนนึก)
    "น้องเจ้า อย่าได้คิดเช่นนั้นเลย หทัยพี่มีไว้เพียงหนึ่งมั่น รักแล้วมิปันใจแบ่งให้ หญิงใดอย่าหมายสถิตย์ห้องหทัยข้า ฟ้าสูญดินมลาย มิคลายแก้วเอย!"(พระจอมบรมจักรเจ้ากล่าวด้วยพระสุรเสียงอันหนักแน่น)
    "ถ้าเช่นนั้นน้องขอกลับไปถาม โกมาลิกะ ดูก่อนนะเพค่ะเพราะปรกตินางจะไม่ยินยอมให้ชายใดเห็นและเข้าใกล้ สระโบกขรณีนั้น"
    "สุดแล้วแต่เธอเถิด น้องหญิง พี่นี้แค่เพียงสงสัย หากเธอมิยินยอมสนทนาด้วย จักข่มเหงน้ำใจใครหาควรไม่"(ความจริงพระเจ้าจักรพรรดิ์มีอานุภาพมากสามารถเสด็จไปได้ทุกที่ แต่เพราะคุณธรรมท่านมีอนันต์จิตมารจึงมิอาจครอบงำได้)

    "โกมาลิกะ โกมาลิกะ...เธออยู่หรือเปล่า?"(เสียงตะโกนเจื้อยแจ่ว จากพระโอธฐ์ธิดาน้อย)
    ปรากฎเรือลำหนึ่งค่อยๆ ลอยฝ่าม้านหมอก มาสู่ท่าน้ำ...เหมันตฤดูยามเช้าเหนือคุ้งน้ำกลางสระใหญ่แห่งนี้ ช่างเป็นรมย์มณีสถานอันน่ารื่นรมณ์ยิ่ง เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน เพ็ญเดือน ๑๒ นั้น ก็จักมาถึง
    "นั้นพระธิดา ศรีสุวรรณา หรือเพค่ะ"
    "ใช่ ใช่จ๊ะ ฉันเอง..ฉันมีเรื่องบางอย่างจะบอกเธอ"
    ร่างสตรีน้อยนางหนึ่ง กำลังลงจากเรือ ซึ่งยกเป็นบ้านไม้เรือนงาม ทรงกระทัดรัด (ดูคลายเรือนแพของไทยสมัยก่อน)
    เมื่อทั้งสองเข้าสู่ที่ประทับริมสระ คำสนทนาแรกถูกเปล่งออกมา ให้ฉงนสนเท่ในจิตนัก ยังมิทันที่พระราชธิดาจะเอื่อนเอย
    "หม่อมฉันรอเวลานี้มานานแล้ว เพค่ะ"
    "เธอรู้หรือเพื่อนรัก!"
    "พระธิดาจะทรงเข้าพิธีอภิเสกสมรส!"
    "โอ้โห...สมแล้วที่เธอเป็นที่ปรึกษาเรา รอบรู้ได้ทุกเรื่องจริงๆ"
    "มันเป็นทำเนียมของแว่นแค้วนแดนนครแห่งนี้นะเพค่ะ ที่พระราชธิดาทุกๆพระองค์จักต้องทรงเข้าพิธิอภิเสกสมรส...หม่อมฉันทราบดีตลอดระยะเวลาที่หม่อมฉันทำหน้าที่รักษาสระโกมุทาแห่งนี้
    หม่อมฉันเห็นพระราชธิดา พระองค์แล้วพระองค์เล่ามาสงสนานพระวรกาย เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเพ็ญเดือน ๑๒ มาถึง...จนกระทั้งถึงบัดนี้ พระราชธิดาเจ้าศรีสุวรรณาก็จักทรงเสด็จจากหม่อมฉันไป
    เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้วนะ เพค่ะ (นางผู้เป็นกัลยานมิตรแห่งพระธิดาทั้งหลาย กล่าวด้วยเสียงเศร้า)"
    "โกมาลิกะ...เธอพูดเหมือนตัดพ้อ!"
    "ก็พระธิดาเจ้า มีความพิเศษกว่าสตรีนางใดที่หม่อมฉันเคยพบเห็นมา จะไม่ให้ห่วงหาอาลัยได้อย่างไร ละเพค่ะ"

    ความจริงคนทั้งสองเคยผูกพันธ์เป็นเพื่อนรัก ประพฤติพรหมจรรย์ร่วมกันมาแต่กาลก่อน...ธรรมดานางแก้วคู่บารมีของพระเจ้าจักรพรรดิจะต้องบำเพ็ญ "พรหมจรรย์"อย่างยิ่งยวด บารมีถึงจะสมดุลกัน
    สมัยที่ยังมิได้เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ พระองค์ท่านทรงบำเพ็ญเนกขัมบารมี นางแก้วก็จำต้องบำเพ็ญด้วย เป็นผู้มีธรรมเสมอกัน กรรมถึงจัดสรรคให้เกิดร่วมสมัยกันได้

    "...แต่หม่อมฉันก็เป็นที่เบาใจเพราะเชื่อแน่ว่า พระราชสวามีคู่บารมีของพระองค์ท่าน(พระธิดา)จักต้องเป็นผู้มีบุญญาธิการสูงส่งมาก "
    "เธอทายถูกอีกแล้วนะ โกมาลิกะ...เก่งจริงๆ เรื่องนี้แหละที่เราอยากจะสนทนากับเธอ พระองค์ท่านเป็นพระมหาราชาธิราชเจ้าบรมจักรพรรดิ์ ครองเมืองยุคนธร เสด็จมาเยือนเมืองกุรุรัตนราชธานีของเรา
    ด้วยอภินิหาร เสด็จลอยมาจากนภากาศ พร้อมเหล่าเสนาข้าราชพลเรือนมากมาย ฯลฯ"
    ยังมิทันที่พระธิดาฯจะทรงพูดสาธยายจนจบ...พลันนางโกมาลิกะ ก็เปล่งอุทานแทรกออกมาก่อนว่า
    "ยุคนธร!...ยุคนธร หรือ เพค่ะ!!"
    "...ใช่ เธอฟังไม่ผิดหรอก เมืองยุคนธร เราไปเยือนมาแล้ว บ้านเมืองน่าอยู่มาก ชาวเมืองมีน้ำใจอัชฌาสัยดีงาม เธอเคยไปมาหรือ โกมาลิกะ...ว่าแต่!เราไม่เคยเห็นเธอออกไปไหนไกลรัศมีสระแห่งนี้เลยนะ
    อ้าว!...ทำไมทำท่าเหมือนปวดหัวอย่างนั้นหล่ะ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?"
    "หม่อมฉันไม่เป็นไร แค่เกิดความรู้สึกปราบปลื่มยินดีด้วยกับพระธิดาเพค่ะ(ทำไมเราถึงได้รู้สึกคุ้นเคยนัก กระแสความสงบเยือกเย็นที่สัมผัสได้ มันคืออะไรกัน?)"
    "ถ้าอย่างนั้นเธอจะไปเข้าเฝ้าพระเจ้าบรมจักร พร้อมกันกับฉันได้ไหมโกมาลิกะ เพื่อนรัก พระองค์ท่านอยากสนทนากับเธอนะ?...(พระธิดาน้อยได้ช่อง ถามกลับในบัดดล!)"
    "...อะ ไร นะ เพค่ะ!จะ ทรงอยากพบหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันมิบังอาจหรอกนะ เพค่ะ"(สงสัยธิดาน้อยคงจะเล่าเรื่องพาไปเที่ยวพิภพของเรา ให้พระองค์ท่านฟัง)
    "แต่มันเป็นพระราชประสงค์ของพระองค์ท่านนะ เธอจะขัดได้หรือ?"(ธิดาน้อยเจ้าปัญญา มองเห็นอุบาย)
    "ความจริงหม่อมฉันก็มิได้อยากขัดพระราชประสงค์หรอกนะเพค่ะ...เพียงแต่ว่า"
     
  12. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    กะว่าจะลงทีเดียวจบเรื่องเลย แต่ยาวเกินไประบบรับไม่ไหว! อ่านเป็นตอนๆแล้วกันครับ :cool:

    โกมาลิกะนาคราช ตอนที่ ๓ "เที่ยวเมืองบาดาล"

    "เพียงแต่ว่าที่หม่อมฉันไม่สามารถจะออกไปไหนไกลๆได้นั้นเพราะพ่อปู่ครูฤาษีท่าน ทำนายไว้ว่า ...หากเจ้าออกไปสู่โลกภายนอกเมื่อใด ภัยจะมาถึงตัวเมื่อนั้น!"
    "พ่อปู่ครูฤาษีที่ไหนกัน!ฉันไม่เห็นจะมีใครอยู่ที่นี้เลย...สถานที่แห่งนี้เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์มิใช่หรือ จะมีบุรุษเพศอาศัยอยู่ร่วมกับสตรีผู้ประพฤติพรหมจรรย์ได้อย่างไร
    ...โกมาลิกะ!เธอหาข้ออ้างมากกว่า(พระธิดากล่าวด้วยเสียงเครือ)"
    "พระธิดายังมิทรงเข้าพระทัยอีกหรือเพค่ะ...ก็ประตูมิติที่ปลายถ้ำใต้บาดาลนั้นไงเพค่ะ หม่อมฉันเคยอธิบายให้พระธิดาฟังว่า เป็นที่เชื้อมต่อไปยังสระอโนดาต
    ในหิมวันตประเทศ หม่อมฉันนำดอกโกมุท ไปถวายพ่อปู่ครูฤาษีท่านเป็นประจำทุกปีเพค่ะ"
    "เราจำไม่ค่อยได้แหล่ะ (พระธิดาตอบแบบมีเลสนัย)"
    "ดูท่าพระธิดาจะทรงปรารถนาที่จะไปเที่ยว เมืองบาดาลอีก อย่างนั้นหรือเพค่ะ?(โกมาลิกะรู้ใจ)"
    "เราไปกันเลยดีมั้ย (พระธิดาไม่ลังเลใจที่จะไปเที่ยว...นางคงทราบดีแล้วว่าครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมีโอกาสไปเยือนมิติลี้ลับ)"

    ทั้งสองเดินลงสู่ลำเรือของนางโกมาลิกะนาคราชนั้น เรือค่อยๆลอยออกไปกลางสระน้ำ...ทันใดนั้นเอง กระแสน้ำวนใหญ่ก็บังเกิดขึ้น!
    ดูดเรือของนาง จมลงสู่ก้นบึ้งสระโกมุทา ในบัดดล!ความรู้สึกเหมือนเรือนั้นค่อยๆจมดิ่งลงไปเรื่อยๆลึกลงไปๆ นานชั่วอึดใจหนึ่ง
    ความรู้สึกเหมือนเรือลอยโผล่ขึ้น บริเวณปากโถงถ้ำใหญ่ มีท่าทรายขาวระยับสะท้อนแสงแดดจากพื้นน้ำด้านบน เหมือนอยู่ในห้องสูญกาศ
    พระธิดาศรีสุวรรณานั้นมิได้ทรงหายใจทางจมูก นางจึงรู้สึกแปลกใจทุกครั้งที่มาเยือนไม่รู้สึกเกิดทุกขเวทนาแต่อย่างใด มีแต่สุขเวทนาล้วน
    ดุจอยู่ในห้วงนิททราอันแสนสุขสันต์ มีปีติโสมนัส อิ่มในจิตยิ่งนัก...
    (ความจริงนางมิได้ไปด้วยกายเนื้อ หากแต่เป็นการทรงอารมณ์ฌาน ถอดกายทิพย์ไป...กายเนื้อก็ยังคงนั่งอยู่ในเรือนั้นเอง!)
    มีกระแสเย็นๆลอยมากระทบอยู่ตลอดเวลา เหมือนกำลังสัมผัสกับกระแสน้ำที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ก็ปานกัน...เมื่อพระธิดาอยากจะดำเนิน
    ไปก็ไปได้อย่างปกติ หากนึกอยากจะลอย ตัวนั้นก็เบาลอยไปดุจสายลมพัด...ตามรายทางดารดาษไปด้วยบุษผาแก้ว
    พื้นปูลาดด้วยเกล็ดทรายทองส่องประกายแพรวพราว โกมาลิกะพาพระธิดาเดินไปชมส่วนผลไม้ทิพย์ "อัมพมณี"มะม่วงแก้ว ดูคล้ายกันผลมะม่วง
    ในเมืองมนุษย์ แต่ลูกนั้นมีสีใสบริสุทธิ์ ดั่งอัญมญีเพชรน้ำต้ม ออกผลดกตลอดทั้งปี โกมาลิกะ นำผลไม้นั้นมาถวายพระธิดา ทรงเสวยแล้วให้รู้สึกพระวรกายเบาใสสะอาดดูมีน้ำมีนวล อยู่ตลอดเวลา...
    (คงมีแต่พระธิดาเพียงไม่กี่พระองค์เท่านั้นที่มีโอกาสได้เสด็จมาเยือนพิภพบาดาลนาคราชแห่งนี้...พระธิดานอกนั้นคงได้แต่สงสนานพระวรกายอยู่ท่าน้ำริมสระโกมุทาโบกขรณี นั้นเอง)

    หลังจากเสวยผลมะม่วงแก้วเสร็จ โกมาลิกะ ได้พาพระธิดา ดำเนินไปสู่ห้องบำเพ็ญ!ลัษณะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่มาก
    ณ สถานที่แห่งนี้เอง มีเหล่าพญานาคีนาคราช มากมาย บำเพ็ญพรตอยู่ในอริยาบถที่ต่างกันตามวิถีของตน (ฤาษีณี)
    พระธิดาสังเกตุเห็น พญางูใหญ่นั้นมีหงอนสีแดง บางตนก็ขนดลำตัวขึ้นเป็นชั้นๆวนอยู่บนแท่นหิน,บางตนก็วนขนดตัวอยู่ในแอ่งน้ำ,บางตนก็ขนดลำตัวจมอยู่ในพื้นทราย,บางตนก็เลื้อยวนเวียนอยู่รอบสถูปเจดีย์สถาน
    ทุกตนบำเพ็ญพรตอยู่ใน อัตภาพเดิมของตน!...

    ครั้งแรกที่พระธิดาศรีสุวรรณามาเยือนพิภพบาดาลในห้องบำเพ็ญนี้ เกิดตกพระทัยกลัวจิตใจสั่นไหว ไปทั่วสารพังกาย...
    ครั้งพอสายตามองกลับหันหลังมาเห็นร่างของโกมาลิกะเพื่อนรัก แปรเปลี่ยนไปกลายเป็นพญางูใหญ่มีกายใสดั่งมะม่วงแก้ว ในสวนผลไม้ทิพย์นั้น...เกิดธาตุลมกำเริบขึ้นในบัดดล พลันสติก็หมดลง
    มาตื่นขึ้นอีกที่ปรากฎว่าตนได้มาอยู่ในเรือแล้ว...กว่าจะปรับความเข้าใจกับเพื่อนรักได้ ทำใจอยู่นาน

    ครั้งนี้พระธิดาศรีสุวรรณาเข้าใจและรับรู้ถึงวิถีการ บำเพ็ญพรตอยู่ตามอัตภาพของเหล่าพญานาคีนาคราชทั้งหลาย ให้เกิดความสงสารและเลื่อมใสในความเพียรพยายามเพื่อนำตนออกจากภพอันต่ำต่อยนี้ !
    (พระธิดาคงมิรู้หรอกว่าในอดีตชาติหนึ่งนั้น ได้เคยมาบำเพ็ญพรตประพฤติพรหมจรรย์ดุจเดียวกันนี้!จึงรู้สึกอาลัย และผูกพันธ์ในการประพฤติพรหมจรรย์นั้น)
    พระธิดากำหนดจิตแผ่เมตตาให้กับเพื่อน นางพญาฤาษีณีนาคราชทั้งหลาย...กระแสพลังจิตนั้นปรากฎเป็นลำแสงสีทองกระจายตัวโพยพุ่งออกไป ปรกคลุมทั่วอาณาบริเวณห้องบำเพ็ญนั้น เป็นภาพที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่ง!
    (วิสัยของท่านผู้มีบุญญาธิการบารมีทุกท่าน เมื่อมีโอกาสไปเยือนสถานที่ลี้ลับ มักกำหนดจิตแผ่เมตตาไปให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยไม่มีประมาณ)...พลันนางพญาฤาษีทุกตน ต่างทอดสายตามองมาดูพระธิดาผู้ประเสริฐนั้นด้วยจิต
    อนุโมทนาเปรมปรีดายินดียิ่งแล้ว....สาธุ

    โกมาลิกะ พาพระธิดาเดินเลยมาหยุดอยู่ตรงที่สุดของผนังถ้ำด้านหนึ่ง ลักษณะเป็นช่องประตูใหญ่(ไม่มีบานประตูเปิดปิด)มองเข้าไปในช่องประตูนั้นมีไอหมอกสีขาวลอยปรกคลุมอยู่ตลอดเวลา...
    ทั้นใดนั้น!เกิดมีลำแสงสีแดงพุงออกมาจากประตูมิติ กระทบลูกแก้วขนาดใหญ่บนแท่นหิน จากเดิมที่มีความใสทั้งลูกก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที!
    พระธิดาสงสัยจึงถามโกมาลิ ด้วยความใคร่รู้...

    "นั่น นั่น มันแสงอะไรกันนะ ลอยออกมาเมื่อซักครู่นี้"
    โกมาลิกะ ยิ้มแล้วกล่าวกับพระธิดาว่า ประตูมิติแห่งนี้เป็นที่ออกไปสู่ สระอโนดาตแสงสีแดงนั้น เป็นนิมิตหมายว่า ในขณะนี้พวกฤาษีหรือท่านผู้ทรงฌานกำลังทำกิจกรรม กันอยู่!
    "เธอหมายถึงกำลังสู้รบกันอยู่"
    "ประมาณนั้น เพค่ะ"
    ลูกแก้ววิเศษนี้เป็นตัวบอกสถานการณ์ ในอาณาบริเวณรัศมีโดยรอบสระอโนดาต ว่าขณะนี้เกิดอะไรขึ้น...เช่น สมัยใดพระราชาธิราชเจ้าไม่ว่ามาจากสถานที่แห่งใดก็ตาม หากเสด็จผ่านเข้าใกล้รัศมีสระอโนดาต
    ลูกแก้วก็จะปรากฎเป็นสีน้ำเงิน...เมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็ปรากฎเป็นนิมิตลูกแก้วสีน้ำเงินเข้มและมีรัศมีลำแสงสว่างไสว่มากเป็นปรากฎการที่ไม่เคยมีมาก่อน!นิมิตนั้นแสดงว่าพระมหาราชาธิราชเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เสด็จผ่านมา
    ถ้าหากว่าลูกแก้วเปลี่ยนเป็นรัศมีสีทองเมื่อใด นั้นแสดงว่าท่านสมณะผู้บำเพ็ญบุญกุศลเสด็จมาโปรดสัตว์ พวกเราเมื่อรับรู้เหตุนั้นแล้วจึง รีบออกไปอารักขาและกราบไหว้บูชา...
    ลูกแก้ววิเศษนี้ถูกเรียกว่า "แก้วนิมิต" และสมัยใดเป็นวันเพ็ญเดือน ๑๒ รัศมีตบะบารมีธรรมในพิภพบาดาลจะส่องแสงสว่างไสว่เจริญรุ่งเรื่องขึ้น แก้วนิมิตนั้นจะกลายเป็นแก้วใสสีเพชรดาวประกายพฤก
    เหล่าผู้บำเพ็ญพรหมจรรย์ทั้งหลายในพิภพแห่งนี้ จักนำดอกโกมุท อันสำเร็จแล้วด้วยแรงอธิษฐานจิตของฤาษีนาคีนาคราชในรอบ ๑ ปี ข้ามผ่านประตูมิตินำออกไปเพื่อบูชาผู้ทรงคุณธรรมทั้งหลายตามกำลังความเลื่อมใสของตน
    หนึ่งในนั้นมี "ฤาษีนรเก"ผู้ทรงคุณบำเพ็ญพรตถือเพศพรหมจรรย์อยู่ในหิมวันตประเทศ นางโกมาลิกะได้เพียรบูชาฤาษีนั้นดุจลูกศิษย์เคารพบูชาครู เป็นประจำทุกปี

    ก็สมัยนั้นแลพระพุทธเจ้ายังไม่ทรงอุบัติ จะมีก็แต่คุณอันประเสริฐปรากฏเฉพาะในบางสถานที่เท่านั้น!(จึงเป็นเรื่องเหลือวิสัยที่ผู้เขียนจะพึงหยิบยกมาแต่งอ้างได้)...ก็แต่ว่านางโกมาลิกะนั้นมีสัญญาเก่าเลื่อมใสในองค์พระชินสีห์มาแต่เดิม
    เมื่อนางได้สดับชื่อ เขายุคนธร อันเป็นสถานที่เก่าเมื่อสมัยครั้งนางยังเป็นมนุษย์ได้เคยทำความเพียรบูชาพระบรมสารีริกธาตุ จึงทำให้รู้สึกคุ้นเคย เมื่อได้สดับรับฟังเรื่องราวของพระเจ้าบรมจักรพรรดิ...อุบัติในแดนอันเป็นอดีตชาติ

    เมื่อพระธิดาทรงทราบเหตุที่นางโกมาลิกะไม่สามารถออกไปเข้าเฝ้าพระเจ้าบรมจักรพรรดิได้เพราะต้องเชื่อฟังคำสั่งสอนของ พ่อปู่ครูฤาษีนรเก...เพื่อไม่ให้เกิดภัยมาถึงตัว พระธิดาศรีสุวรรณา จึงรบเร้าเพื่อนรักด้วยอุบายใหม่ว่า...

    "โกมาลิกะ ถ้าเป็นงานอภิเสกสมรสที่มหานครเมืองยุคนธร หล่ะ เธอจะไปได้ไหม ?"

    โกมาลิกะจะตอบว่าอย่างไร? นางจะไปร่วมงามมหามงคลอภิเสกสมรสของพระธิดาศรีสุวรรณาไหม?
     
  13. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    :cool::cool: มารายงานตัว เป้นแฟนคลับเหมียวน้อยด้วยคนจ้าาาาาาาาา
     
  14. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    โกมาลิกะนาคราช ตอนที่ ๔ "อดีตกาลนานมา"

    ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๒ วิวาห์หวานสุขชื่น
    ดารดาษดูดดื่มรื่น สุขสม บรมศรี
    วิวาห์มหามงคล นฤนาทอธิบดินทร์
    เอกองค์อมรินทร์ ราชาธิราชเจ้าร่วม โมทนา

    มหรสพอึกทึกดัง กังวานกึกก้อง
    ๗ ทิวาราตรีก้อง เกรียงไกร เกริกฟ้า
    มหาบรมวงค์องค์จักรเจ้า พร้อมพระธิดา
    สงน้ำสังข์ ทักษิณาณุวัตร ราชประเพณี

    พระธิดาศรีสุวรรณาประดับพระองค์ด้วยมหาลดาอาภรณ์อันเลิศ โกมาลิกะจำแลงกายเป็นหญิงรับใช้อยู่เคียงข้างพระราชธิดา(ทำรัศมีของตนให้เศร้าหมองแล้วด้วยฤทธิ์ธานุภาพตบะเดชะแห่งพญานาคี )อยู่ถวายงานรับใช้ประดับตกแต่งพระองค์ให้ดูสวยงามสง่ายิ่ง
    ดำเนินจูงพระราชธิดาศรีสุวรรณาออกสู่ท้องพระโรง ในมหาปราสาทราชวังยุคนธระ...ท่ามกล่างเหล่าพระประยูรญาติทั้งสองฝ่าย ครั้งนั้นมหาพราหมณ์ปุโรหิตผู้มีอายุทำพิธีบวงสรวงประกาศเชิญชุมนุมเทวดา ลั้นฆ้องชัยมงคลกังวานเกียรติกึกก้องอยู่...
    เมื่อดอกไม้ทิพย์กำลังล่วงหล่น ลงสู่ท้องพระโรง พลันปรากฎลำแสงสว่างจากนภากาศ หลายลำพุ่งลงมาสู่สถานที่เฉพาะหน้า ในปราสาทพระมหาราชวังนั้น....องค์อัมรินทร์เทวาธิราชเจ้าพร้อมด้วยท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ พาเหล่าบริวารเทวบุตรเทวนารีทั้งหลาย
    มาร่วมโมทนา งานมหามงคลอภิเสกสมรสนั้น ขณะกำลังประสิทธิ์ประสาทพรถวายแด่ทั้งสองพระองค์อยู่...คนรับใช้จำแลงผู้อันกุศลจิตครอบงำแล้วเงยหน้าขึ้นสบพักรต์พระมหาบรมจักรพรรดิ!พลันฤทธิ์ธานุภาพจำแลงของตนเองก็เสื้อมลงในบัดดล!
    "ดั่งต้องมนต์สะกด เกิดหลงลืมสติขาดไปชั่วขณะหนึ่ง!"ร่างอันเขื่องมีลำตัวขนดเท่าลำตาล!หงอนแดงฉาน เปล่งรัศมีสว่างไสวใสดุจแสงดาวประกายเพชร !นางบังเกิดปีติโสมนัสในจิตยิ่งนัก น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ยืนขึ้นอธิษฐานจิตกล่าวสดุดีถวายพระพรชัยมงคล...
    (นัยว่าเพราะต้องพระมหาปุริสลักษณะในองค์พระเจ้าบรมจักรพรรดิ...ชะรอยพระองค์ท่านคงเป็นหน่อเนื้อพุทธรางกูล ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งเป็นแน่แท้!)

    ปรากฎการณ์นี้ อยู่ในสายตาแห่งปวงเทพเทวาทั้งหลาย...ไม่เป็นสาธารณะแก่บุคคลธรรมดาโดยทั่วไปจะพึงเห็นนางได้(เพราะรัศมีแห่งองค์อัมรินทร์เทวาธิราชเจ้านั้นสว่างไสว่เกินกว่าแสงสว่างจากทวยเทพเทวาใด ในมณฑลสถานแห่งนี้จะเทียบได้)
    พระเจ้าบรมจักรพรรดิ และพระธิดา ทอดพระเนตเห็นนางในอัตภาพเดิมของตนแล้ว มีรอยยิ้มเอิบอิ่มใจชื่นชมในความจงรักภัคดี ให้นึกเมตตาเอ็นดูนางเป็นกำลัง มีความรู้สึกดุจพ่อแม่รักลูกก็ปานกัน

    เป็นธรรมดาของผู้บำเพ็ญบารมีทั้งหลายต้องมีมารเป็นเครื่องทดสอบ...ไม่เว้นแม้แต่นางโกมาลิกะเองก็ตาม ยิ่งเป็นผู้ที่ปราถนาบรรลุธรรมในสำนักแห่งพระบรมศาสดาองค์ประทีปแก้วชินสีห์ก็ยิ่งแล้ว บททดสอบจะยิ่งหนักมากเป็นร้อยเท่าพันทวี!
    ในขณะนั้นเอง...บุตรแห่งท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่เห็นนางแล้ว บังเกิดความกำหนัด ใคร่อยากจะนำนางมาเป็นพระสนม จำอดกลั้นเวทนานั้นไว้รอจนกว่างานถวายพระพรชัยมงคลจะสิ้นสุดลง...ครั้งนั้น

    "พญากุมพีสุรสีหนาท"จ้องมองดูนางโกมาลิกะ ดุจพญาราชสีห์มองดูเนื้อมัสมั่นทราย!
    "พญาวิกาฬปักษ์สี"จ้องมองดูนางโกมาลิกะ ดุจพญาอินทรีย์มองดูกระต่ายน้อย!
    "พญาทัตตะระสา"จ้องมองดูนางโกมาลิกะ ดุจคนเดินทางไกลในที่กันดารกระหายน้ำ!
    "พญาเอรยานะ"จ้องมองดูนางโกมาลิกะ ดุจพี่ชายมองดูน้องสาว!

    "งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา"หลังจากพระเจ้ามหาจักรพรรดิ์พาพระธิดาศรีสุวรรณาเสด็จเข้าสู่ที่ประทับส่วนพระองค์แล้ว เหล่าทวยเทพเทวาทั้งหลายต่างกลับคืนสู่เคหสถานวิมานของตนก่อนเป็นพวกแรก ส่วนนางโกมาลิกะนั้น หลังจากถวายพระพรลาเสร็จ
    อยู่รอจนมหาชนบางตา นางมองทอดสายตาขึ้นไปบนยอดเขา ยุคนธร เบื้องหลังพระบรมมหาราชวังนั้น พลันสัญญาเก่าแต่ครั้งอดีตชาติก็พร่างพลูขึ้น!

    "พ่อจ๊า!"เสียงนางเครือด้วยน้ำตา...นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่เราจากสถานที่แห่งนี้มา หมู่บ้านชนบทเชิงเขาเมืองยุคนธรแห่งนี้เอง นางเคยได้อยู่อาศัยพักพิงมาก่อนแต่ครั้งปางบรรพ์...
    กระท่อมน้อยริมฝั่งแม่น้ำคงคา!นางอุทานแล้ว ออกเดินค้นหาสถานที่แห่งนั้นทันที...
    บัดนี้เค้าโครงหมู่บ้านสถานที่เดิมไม่มีเหลืออยู่แล้ว คงเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย มองเห็นแต่ราวป่า สลับท้องทุ่งนา ไอดินกลิ่นฟ้าลอยผ่านมากระทบผัสสะบางเบา...
    นางยืนรำพึงนึกถึงเรื่องราวในอดีตกาลครั้งเก่าที่ผ่านมานานแสนนาน ด้วยความเหงาเดียวดาย...

    การ์ตูนผู้หญิง๑.jpg

    พ่อจ๊า!หนูคิดถึงพ่อ ค่ะ

     
  15. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    (k)(k)(k)(k)(k)....................
     
  16. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    โกมาลิกะนาคราช ตอนที่๕ "ศึกชิงนาง"

    เมื่อถึงคราวกุศลปิด วิบากเข้า กำสรวล
    จิตช้ำตรวนตรึงโซ่ผูก ห่วงกำซาบ ยากจะถอน
    ดั่งไฟสุมลุกไหม้กลุ้ม รุมร้อน ทิฆัมพร
    บ่วงปัญจะถอน หน่วงเหนี่ยวให้ พิษรัก รัดติดตรึง

    มีคนเคยกล่าวไว้ว่า "สถานที่ที่เรารู้สึกคุ้นเคย มักเป็นที่มีอันตรายมากที่สุด" ผู้เขียนเคยพิจารณาคำกล่าวนี้ ในทำนองคล้อยตาม ด้วยวิธีหาเหตุผลมาสนับสนุน
    ก็พบว่า "มันเป็นสถานที่ที่เราต้องมาชดใข้กรรมนั้นเอง"

    ยังมิทันที่นางโกมาลิกะ จะได้ทันระวังตัว!พลันศรนาคะศิริ ก็แล่นออกจากแล่งธนูพุ่งเข้าเสียบกลางหลังของนางโกมาลิกะ ตัดขั้วหัวใจอย่างแม้นยำ!...พญากุมพีสุรสีหนาท กระหยิ่มใจในอาวุธวิเศษ
    อันทรงพลานุภาพของตน...นางโกมาลิกะ มีอาการสดุ้งตกใจเล็กน้อย
    ศรนาคะศิริ นั้น มิได้ทำให้นางถึงแก่ความตาย แต่มันทำให้พิษของพญานาคราช อันตรธานหายไปชั่วขณะหนึ่ง...แน่นอน!มันเป็นความปรารถนาของพญายักษ์ ผู้ใคร่เสน่หาในตัวนาง
    ศรวิเศษค่อยๆสลายตัววิ่งเข้าสู่ระบบต่างๆของร่างกายอย่างรวดเร็ว...

    ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆ...พญากุมพีสุรสีหนาท หัวเราะเสียงดังก้องฟ้า
    "น้องเจ้าจะไปแห่งหนตำบลใดฤา พี่นี้ขอตามติดไปด้วย อยากช่วยให้เจ้า รื่นรมณ์ สุขสมฤดี...ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆ"
    "ท่านๆ...ท่าน เป็นใครกัน? อย่าเข้ามาใกล้เรานะ!นางแสดงอาการตกใจ...ในขณะที่พญากุมพี เดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้"
    นางโกมาลิกะ พอตั้งสติได้ ก็รู้ว่าภัยกำลังเข้ามาถึงตัว จึงเร่งสูดลมปราณเจริญวาโยธาตุ หวังกลับคืนสู่อัตภาพเดิมของตนเพื่อใช้ฤทธิ์บังหวนควันป้องกันตัว
    แต่แล้วนางก็ต้องประหลาดใจ! เมื่อมิอาจยังอัตภาพเดิมของตนให้ปรากฎได้!(นางกำลังตกอยู่ในอันตราย)

    "ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆ...แม่นาคีน้อยเอย เจ้าจงอย่าได้หวาดกลัวภัย พี่นี้คือพญากุมพีสุรสีหนาท มีความปราถนาอยากพาเจ้าไปเที่ยวชมทิพย์วิมาน ณ ปราสาทโอฬารสถานอมรรัตน์
    อยู่ใจกลางเข้ายุคนธรแห่งนี้เอง...มา ม๊ะ คนดีเราไปเที่ยวกัน!" ในขณะที่พญากุมพีเดินรี่เข้ามา ห่างไม่ถึงวา!...พลันบังเกิดลมพายุวูบหนึ่งพัดมา ไว้ปานสายฟ้าแล็บ
    โฉบพาเอาร่างของนางโกมาลิกะ ลอยละล่องขึ้นสู่กลางเวหาอย่างรวดเร็ว!..........................................
    เพียงชั่วขณะอึดใจเดียว โกมาลิกะก็ตกอยู่ในอ้อมกอด ของพญาวิกาฬปักษ์สี!...สัมผัสนั้นทำให้นางรู้สึกอบอุ่นซาบซ่านเข้าไปในจิต อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน (เอ๊ะ นี้เราเป็นอะไรกัน?)
    อาการประหม่าในจิต ทำให้นางมิอาจควบคุมตนเองได้ ดุจคนหลับไหลตกอยู่ในความฝันอันแสนสุข!
    (ขณะเดียวกันนั้นพิภพบาดาลของนางโกมาลิกะ ซึ่งอยู่ในสระโกมุทาโบกขรณี ก็บังเกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...
    นัยว่า เพราะนางมีจิตแปรปวน เมื่อต้องสัมผัสแห่งบุรุษทเพศ...แรงสั่นสะเทือนนั้นทำให้น้ำทั่วทั้งพิภพบาดาลกระเพื่อมตัวขึ้น บังเกิดเป็นตะกอนขุ่นแผ่ปรกคลุมออกไปทั่วอาณาบริเวณ
    ผ่านประตูมิติเชื่อมถึงสระอโนดาต...พ่อปู่ฤาษีนรเก เห็นนิมิต น้ำขุ่นนั้นก็เพ่งกระแสจิตตรวจสอบดู จึงได้รู้ว่านางโกมาลิกะกำลังตกอยู่ในห้วงอันตราย)

    "ไม่ต้องตกใจกลัว น้องเจ้า เราคือพญาวิกาฬปักษ์สี จะพาเจ้าหลบลี้หนีภัยไปอยู่ใน วิมานสุขสิมวลี"
    ยังมิทันที่ พญาครุฑผู้เก่งกล้าจะนำพาโกมาลิกะไป สู่เคหสถานวิมานแห่งตน ทันใดนั้นเอง!..."ศรอัคคีมหากาฬ" ก็พุ่งตรงสวนเข้ามา เฉียดปีกพญาวิกาฬปักษ์สีไปนิดเดียว!...
    แต่อานุภาพของศรอัคคีมหากาฬนั้น ทำให้พญาครุฑผู้ลอยตัวอยู่ท่ามกลางเวหาสูญเสียการทรงตัว...ร่างของนางโกมาลิกะ ปลิวลอยละล่องพุ่งทะยานดิ่งลงสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว!
    ในขณะที่ ศรอัคคีมหากาฬ กำลังหันหัวพุ่งกลับเข้าสู่เป้าหมายเดิม!พญาวิกาฬปักษ์สี เลือกที่จะป้องกันตนเอง...
    จึงบันดาลลมพายุมหาโบก ด้วยกำลังปีกอันทรงพลานุภาพของตน พัดเข้าใส่ ศรอัคคีมหากาฬ หักกระเด็นกระดอน ไปตกลงท่ามกลางมหานทีสีทันดร ในชั่วพริบตา

    ขณะนั้นนางโกมาลิกะ พยามรวบร่วมสติกลับคืนสู่อัตภาพเดิมของตนเอง แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ!
    โอ้ อนิจจา!...นางพญานาคีผู้น่าสงสาร จะถึงการแตกสลายสิ้นสุดลง ในคราครั้งนี้แล้ว กระนั้นหรือ?
    .....................................................................

    เพียงแค่เส้นยาแดง ผ่าแปด!...อุ้งมือที่แข็งแกร่งก็เข้ามาช้อนรองรับ ร่างของนางโกมาลิกะได้ทันเวลาพอดี แล้วจึงพานางเหาะลอยต่อไปในแนวขนานกับพื้นขึ้นสู่ยอดเขายุคนธร...
    "นี้เราตายแล้วใช่มั้ย?" นางลืมตาขึ้นมอง พร้อมกับความรู้สึกค่อยๆกลับคืนมา
    ยังไม่ตายหรอก น้องเจ้า ข้าจักพาเจ้าไปสู่สถานที่ที่ปลอดภัย...
    "แล้วท่านเป็นใครกัน"อ้อมกอดที่แสนจะประณีตกว่าเดิม กับเสียงดลตรีอันแผ่วเบา มันทำให้นางรู้สึกเคลิบเคลิ้มไหลหลง จนลืมเรื่องราวเมื่อซักครู่นี้ไปชั่วขณะหนึ่ง
    "เรามีนามว่า พญาทัตตะระสา "และเราจะขอเป็นผู้ดูแลเธอตลอดไป!

    หลังจากที่กระพือปีกอันทรงพลานุภาพออกไปแล้วครั้งหนึ่ง พญากาฬปักษ์สีก็นึกขึ้นมาได้ "โกมาลิกะ!"...จากนั้นท้าวเธอจึงพุ่งทะยานตัวลงมายังพื้นดินอย่างรวดเร็ว...
    มองซ้าย มองขวา ยินเสียงบรรเลงเพลงคนธรรพ์ แว่วแหวกสายลมมาแต่ไกล...พญาทัตตะระสา หรือ!!
    ด้วยสายตาอันไร้สิ่งกางกั้น มองหันหลังกลับไปเบื้องหลัง ๑๐ โยชน์...เห็นพญากุมพีสุรสีหนาท กำลังโก่งคันธนู มุ่งตรงมาที่ตน...เร็วเท่าความคิด พญาวิกาฬปักษ์สี ก็กระพือปีก
    ครั้งที่สองออกไปด้วยกำลังลมพายุมหาโบก แรงกว่าเดิมถึงสองเท่า...ดุจสายฝ่าฟาด!ท่านพญายักษ์กำลังเล็งตั้งท่าอยู่นาน พลันลมมหากัปปนาท ก็กระหน่ำซัดเอาท่านพญาฯ ล้มกระเด็น
    กระดอนเข้าไปฝังจมอยู่ในฝากเขาด้านหนึ่ง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวสะท้านสะเทือน เลื่อนลั่น!!

    ไม่ได้การล่ะ!จำเราจะต้องติดตามไปให้ทัน ก่อนที่จะเข้าสู่มิติคนธรรพ์ มิเช่นนั้นเราคงพลาดจากเธอสิ้นกาลนาน!...ท่านพญาครุฑ รีบโจนทะยานออกไปเบื้องหน้าขึ้นสู่ยอดเขายุคนธร
    เท่าที่กำลังแห่งตนจะพึงมีอยู่.........................

    ณ สถานที่แห่งหนึ่งในแม่น้ำคงคามหานทีเชิงเขายุคนธรนั้น เป็นอณาเขตที่อยู่อาศัยของท่าน "พญาเอรยานะนาคราช"เป็นหนึ่งในบุตรของท่านเท้าจตุโลกบาลทั้งสี่
    ครั้งนั้นท่านกำลังสำราญอยู่ในทิพย์วิมานของตน พลันได้ยินเสียงภูเขาสะเทือนเลื่อนลั่นจึงออกมาดู...เห็นท่าน พญากุมพีสุรสีหนาท กำลังเดินออกมาจากซอกเขาใหญ่ ก็นึกเดาเหตุการณ์ได้
    ว่าคงต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นซักอย่างแน่นอน...เมื่อมองขึ้นไปบนยอดเขายุคนธรเห็นทิวไม้หักล้มลงเป็นแนวยาวหลายสิบโยชน์ ทันใดนั้นเอง!ท่านพญานาคราชผู้มีฤทธิธานุภาพมาก
    ได้เพ่งมองดูมหาปฐพีใหญ่ตรงหน้านั้น กระทำให้เป็นของเหลว ดุจสายน้ำคงคามหานที แล้ว ชำแรกดินว่ายแหวก แทรกตัวลงไปโผล่ขึ้นถึงยอดเขายุคนธรนั้น เพียงชั่วอึดใจเดียว!

    กล่าวถึงท่านพญายักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อเสียท่าให้แก่พญาวิกาฬปักษ์สีแล้วไม่อาจระงับโทสะแห่งตนไว้ได้...กระทืบเท้าลงสู่มหาปฐพีใหญ่ด้วยเดชานุภาพแห่งตน
    พลันแผ่นดินใหญ่นั้นได้แยกแตกเป็นแนวยาวตรงขึ้นสู่ยอดเขายุคนธร...อยู่บนยอดเขากระนั้นหรือ!!
    เมื่อท่านพญายักษ์เห็นนิมิตเช่นนั้นแล้ว ได้เนรมิตกายใหญ่โตสูงกึ่งหนึ่งของภูเขายุคนธร...เดินสามก้าว(ย่างสามขุม)ถึงยอดเขายุคันธรในบัดดล!

    เรื่องราวจะเป็นเช่นไร โกมาลิกะจะยังคงรักษาพรหมจรรย์แห่งตนไว้ได้หรือไม่?แล้วฤาษีนรเกจะช่วยเหลือนางได้อย่างไร?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ธันวาคม 2012
  17. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    โกมาลิกะนาคราชตอนที่ ๖ "ไฟสุมทรวง"

    กล่าวถึงนางโกมาลิกะ นางนั้นยืนรำพึงถึงบิดาอยู่เป็นเวลานาน...ผ่านไปราตรีหนึ่งแล้ว ไวเหมือนโกหก(นัยว่า เข้าฌาน)ยังมิทันที่จะได้หวนกลับคืนสู่พิภพแห่งตน ก็มาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน!

    สมัยนั้นแล เป็นคืนเพ็ญเดือน ๑๒ รัศมีแสงจันทราสาดส่องหล้า ตกกระทบพื้นผิวน้ำ บริเวณรอบสระโกมุทาโบกขรณีบานสะพรั่งเต็มไปด้วย ดอกบัวสายพันธ์พิเศษ
    หากแต่ว่า เพลานี้ท่านผู้เป็นเจ้าของพิภพบาดาลยังไม่ปรากฎกาย!ยังความประหลาดใจให้เหล่าบริวารและเพื่อนฤาษีณี นาคีนาคราชผู้บำเพ็ญพรตพรหมจรรย์ทั้งหลาย ร้อนรุ่มครุ่นคิด
    ถึงเหตุอาเภทแผ่นดินไหวสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ ซึ่งยังคงมีปรากฎอยู่อย่างต่อเนื่อง(นัยว่า ไหวสั่นสะเทือนตามจังหวะอาการเต้นของหัวใจนางโกมาลิกะ!)
    ต่างพากันไปชุมนุมรวมตัวกันอยู่ทางเข้าประตูมิติ ตั้งวงนั่งล้อมรอบลูกแก้วนิมิตรนั้น แล้วสวดมนต์ภาวนากันเสียงขรม!

    ...ลูกแก้วนิมิตนาคราช ยังคงเปล่งแสงส่องสว่างประกายเพชร งามระยิบระยับขจร กระจายไปทั่วอาณาบริเวณ เหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา ประดุจเสาหลักเมืองของพิภพบาดาลแห่งนี้
    ซึ่งรัศมีของแก้ววิเศษนั้น เป็นปริศนาสำคัญ!เร่งให้ดอกโกมุทเบ่งบานตรงตามกำหนดเวลาเพ็ญเดือน ๑๒ พอดี
    (นัยว่า แก้วนิมิตรนั้น ดูดรับเอาพลังปราณอันบริสุทธิ์ ของเหล่าผู้ประพฤติพรหมจรรย์ทั้งหลายในพิภพเมืองบาดาล มาสะสมเก็บไว้ แล้วจึงปล่อยออกมาเป็นแสงสว่าง กระตุ้นให้ ดอกโกมุทเบ่งบาน)

    เป็นทำเนียมปฎิบัติของทุกปี นางโกมาลิกะ จะเก็บดอกโกมุทไปถวายพ่อปู่ครูฤาษีนรเก เพื่อบูชาคุณ
    (นัยว่า ฤาษีนรเก ท่านจะนำดอกโกมุท มาทำเป็นยาวิเศษสามารถรักษาโรคครอบจักวาล โดยการอธิษฐานจิตบดให้เป็นผงละเอียด แล้วจึงนำมาบรรจุใส่ไว้ในก้อนดิน ปั้นขึ้นรูปให้เป็นก้อนกลมๆบ้าง
    เป็นรูปน้ำเต้าบ้าง ฯลฯ แล้วแต่จิตนาการในขณะนั้น เพื่อรักษาสรรพคุณทางยาเก็บไว้ใช้ได้นานๆ...)

    "พิภพบาดาลกำลังจะถึงกาลล้มสลายแตกดับลงแล้ว!...พระแม่เจ้าโกมาลิกะไปอยู่แห่งหนตำบลใด หากได้สดับเสียงมนต์แห่งพวกข้าพเจ้าทั้งหลายแล้ว โปรดจงคืนกลับสู่เคหสถานด้วยเถิด!!"
    เหล่าบริวารผู้จงรักภัคดี ต่างถวิลไห้ อาลัยหา!

    "น้องเจ้า หลับเสียเถิด พี่จะอยู่ชิดเคียงข้างดูแลเธอตลอดไป"ฝ่ามืออันแสนอ่อนละมุลข้างหนึ่ง ค่อยๆเอื้อมมาสัมผัสลูบไล้ไปทั่วใบหน้า อันแสนบอบบาง พร้อมประทับริมฝีปากลงบน...?แห่งนาง
    มันทำให้นางรู้สึกสะท้านสะเทือนหวั่นไหวไปทั่วสารพังกาย!
    "น้องยังมิอาจข่มตาหลับได้ลงหรอกเพค่ะ...รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรมิรู้ได้"พระธิดาศรีสุวรรณา เผยความนัยให้พระเจ้าบรมจักรพรรดิฟัง!
    "อื่ม...พี่ก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน"พระเจ้าบรมจักร ถอนหายใจยาว แล้วทอดพระเนตรมองผ่านออกไปที่ช่องพระแกน แสงจันทร์คืนนี้รู้สึกดูอึมครึมนัก
    พระธิดาทอดพระเนตรตาม ก็เห็นเช่นเดียวกัน...
    "น้องคิดถึงสหายรักเพ่คะ เสด็จพี่"
    "หญิงจำแลง พญานาคีตนนั้นนะหรือ?"พระสวามี ตอบอย่างรู้ใจ

    เพลานั้น ท่านพญาทัตตะระสา พานางโกมาลิกะล่วงเลยเข้าสู่เขตแดนคนธรรพ์เสียแล้ว!ธรรมดาเจ้าบ้านย่อมมีอานุภาพและเป็นใหญ่ในมิติของตน
    พญากุมพีสุรสีหนาท พอมาถึงแล้วก็ลดขนาดร่างกายอันใหญ่โตของตนเองลง พร้อมกับกวาดสายตามองออกไปโดยรอบ ด้วยแววตาที่แดงกล่ำ ปานประหนึ่งช้างป่ากำลังตกมัน กำหนัดกระหายนางช้างพัง!
    แต่ท่านพญาเอรยานะนาคราช กับ พญาวิกาฬปักษ์สีนั้นมาถึงก่อน ในเวลาไล่เลี่ยกัน ต่างยืนคุมเชิงมองดูกันอยู่!ยังมิทันที่ใครจะได้เอ่ยอะไรออกมา...พลันท่านพญายักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็บรรลือสีหนาทเดโชชัย
    ดังกังวาลก้องออกมาว่า "ใครกันนะมันช่างบังอาจพานาง แก้วของข้าไป!!"...เสียงนั้นดังสะเทือนเลื่อนลั่น ไปทั่วทุกสารทิศ!

    ลำดับนั้นท่านพญาคนธรรพ์ ค่อยๆประคับประครองร่างแสนบอบบางน่าชิดชวนชม ลงบนรัตนบัลลังค์ทิพย์พิมานของตน ด้วยใจแสนสุขสม...กำลังจะก้มลงประทับรอยจูมพิศลงบนใบหน้าของนางโกมาลิกะ
    พลันเสียงกังวาลก้อง ก็ลอยเล็ดรอดผ่านทะลุประตูมิติเข้ามาขัดจังหวะ ทำลายบรรยากาศเสียจนหมดสิ้น!

    "พญาทัตตะระสา นะสิ ที่ลักพาตัวนางแก้วของพวกเราไป"ท่านพญาครุฑกล่าวด้วยเสียงดังกังวาลก้องไม่แพ้กัน...เวลานี้เรามีศัตรูคนเดียวกัน ช่วยกันหาวิธีแหวกมิติไปนำนางออกมาเถิด!
    หากพวกเราร่วมมือกันแล้ว อาจเป็นผลสำเร็จ!....ท่านพญายักษ์เมื่อได้สดับดังนั้นแล้ว อารมณ์เย็นลงมากทีเดียว
    ทั้งคู่หันมาจ้องมองดู พญาเอรยานะนาคราช เชิงถามความคิดเห็น!
    "จะร่วมมือกับพวกเราหรือไม่ ล่ะ ท่านเอรยานะ"พญาวิกาฬปักษ์สี ตัดสินใจถามสหายนาคราช หลังจากที่จดจ้องมอดดูกันอยู่ ซักพักใหญ่
    (ความจริงท่านพญาทั้งสี่นั้นเป็นสหายกัน...กล่าวคือเป็นเพื่อนรักกัน ย่อมรู้จักอัชฌาสัยของกันและกันดี...เพราะบิดาของท่านทั้งสี่เป็นบริวารของท้าวสักะเทวาธิราชเจ้า เคยติดตามบิดาไปร่วมงานมหาสมาคมบ่อยๆ)

    ท่านพญาเอรยานะนาคราชนั้น เป็นผู้สุขุมรอบครอบ เมื่อพิจารณาลำดับเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว รำพึงในใจว่า...สหายเราทั้งสามนี้!เห็นนางโกมาลิกะแล้ว คงเกิดความกำหนัดอย่างรุนแรง ชะรอยคงวิวาทกันเพื่อแย่งชิงนาง
    เป็นแน่แท้...โอ้ อนิจจา!ไฟกำหนัด มันทำนรชนผู้มีปรีชาญาณ ให้มืดบอดได้ เห็นปานฉะนี้เชียวหรือ?...ท่านพญาเอรายนะนาคราช ผู้ประเสริฐ รำพึงในห้วงมโนนึก!
     
  18. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    โกมาลิกะนาคราชตอนที่ ๗ "บทเรียนรัก"

    "ท่ามกลางแสงจันทรา สาดส่องหล้า...เป็นนิมิตรหมายพยานรักเราสอง น้องเอย ขอเจ้าจงอย่าได้ไหว หวั่นใจ พี่นี้จักพาเจ้าดำเนินข้ามผ่านห้วง รัติกาล อันแสนเปลี่ยวเหงา ปล่าวดาย!"
    เสียงมนต์เสนห์คนธรรพ์ดังกังวานนุ่มนวล ประหนึ่งเสียงดนตรีทิพย์ สกดขับกล่อมโกมาลิกะ ให้นางเคลิบเคลิ้มไหลหลง สองมือกำลังประครองกอดร่างของนางไว้ด้วยไออุ่นแห่งบุรุษเพศ
    มันทำให้หัวใจนางเต้นหนักหน่วงแรงยิ่งกว่าครั้งใดๆในชีวิต............โอ้ อนิจจา!นางมิอาจรู้ได้เลยว่า บัดนี้พิภพบาดาลกำลังจะถึงกาล ล้มสลาย แต่ลงแล้ว!!......
    รอเพียงแค่ปาฎิหาริย์เท่านั้น ที่จะชุดช่วยนางให้พ้นจาก ห้วงวิกฤตินี้ได้!

    เป็นขณะเดียวกันกับท่านมหาฤาษีนรเก เจริญฌานสมาบัติได้จนถึงขั้นสูงสุดแล้ว
    ถอยกำลังฌานออกมา เพ่งกระแสจิตอันทรงพลานุภาพ ไปยังนางโกมาลิกะในบัดดล!!.............................................

    "ตื่น ตื่น โกมาลิกะ จงตื่นขึ้นเดี๋ยวนี้!!"........

    ประหนึ่งเสียงสายฟ้าฟาด ผ่าลงมาท่ามกลางใจ!นางสดุ้งลืมตาตื่นขึ้นในทันใด ....
    "พ่อ พ่อ !นั้น พ่อ เรียกหนู หรือค่ะ " นางอุทานออกมาด้วยใจอาลัยหา ก็เสียงนี้เอง นางจำได้ไม่เคยลืมเลือน
    (นัยว่ามันเป็นโทนเสียงเดียวกันกับคุณพ่อในอดีตชาติเก่าของเธอ...ด้วยเหตุนี้กระมัง!จึงทำให้นางรู้สึกผูกพันธ์และเคารพรักในท่าน พ่อปู่ครูฤาษีนรเก เป็นยิ่งนัก)

    เมื่อได้สติสัมปชัญญะกลับคืนมา...ในขณะนั้นเอง ท่านพญาทัตตะระสา กำลังที่จะ จะ จะ จะ จะ จะ จะ จะ...จูมพิศนาง!
    พลังฝ่ามือ ก็พุ่งเข้าปทะกับอกของบุรุษนิรนามนั้น กระเด็นลอยออกไปกระทบฝาพนังวิมานทอง เสียงดังสนั้นหวั่นไหว!

    "ท่านเป็นใครกัน อย่าเข้ามาใกล้เรานะ!...ที่นี้ที่ไหนกัน นี้เราอยู่ที่ไหน?" นางทอดสายตามองออกไปโดยรอบวิมานนั้น อย่างฉงนใจยิ่ง!
    โอ้ย!..."ทำไมน้องเจ้าถึงทำกับพี่ได้ เราก็อยู่ในบ้านของเรานะสิ"
    "ท่านอย่ามาโกหกเรา เราไม่เคยมีบ้านลักษณะนี้" นางพูดพร้อมกับเตรียมเดินพลังลมปราณที่เคยบำเพ็ญมา เพื่อป้องกันตัว...
    ในขณะที่คนธรรพ์ เดินยางกลายเข้ามาใกล้หมายใช้กำลังเข้าปลุกปล้ำ (นึกในใจว่า...นางนี้ฤทธิ์มากนัก เห็นทีคงต้องใช้ไม้แข็งซะแล้ว)

    ยังไม่ทันที่ท่านพญาทัตตะระสา จะเข้าถึงประชิดตัว!...ทันใดนั้นเอง ร่างพญานาคราช ขนาดเขื่อง ก็ปรากฎตัวขึ้น!สบัดลำตัว เขย่าวิมานน้อยสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น เสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
    ก็ตอนนี้ ฤทธิ์ธนูศรนาคะศิริ ได้อันตรธานหายไปจนหมดสิ้นแล้ว นางจึงสามารถใช้ฤทธิ์ได้ดั่งใจหมาย!
    ขณะที่ท่านพญาทัตตะระสา ผู้ตกอยู่ในห้วงแห่งกามราคะ กำลังตกตะลึงงัน กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้นเอง!...
    โกมาลิกะ ไม่ปล่อยจังหวะโอกาสให้หลุดลอยไป ด้วยรู้แน่ชัดแล้วว่า บุรุษผู้นี้ไม่ประสงค์ดีกับตน...เร็วเท่าความคิด พลันกระแสลมปราณมรณะ(บังหวนควัน)อันเกิดจากฤทธิ์ธานุภาพของ เดชนางพญานาคี
    ก็ถูกขับปล่อยออกมา พุ่งตรงมายังร่างของท่านพญาทัตตะระสา เร็วประดุจพายุใต้ฝุ่น พัดเข้าถลมบ้านเรื่อนผู้คนก็ปานกัน!......................................
    พลัน ช่องประตูมิติก็ ปรากฎขึ้น...โกมาลิกะเห็นนิมิตรของชั้นบรรยากาศที่แตกต่างกันแล้ว จึงพาขนดลำตัวอันเขื่องนั้น เลื้อยออกไปในบัดดล!!

    เหมือนหนีเสือ ปะจรเข้....ท่านพญาทั้ง ๓ กำลังเดินเข้ามา ด้วยท่าทางหิวกระหาย ดุจนายพลานวางบ่วงไว้ แล้วเดินกลับมาดูเนื้อที่ติดอยู่ในบ่วงนั้น!
    โกมาลิกะ เห็นแล้วนึกเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตนเองได้ ถึงวีรกรรมของทั้งสองพญานั้น ให้นึกแค้นในอก....พ่น"ลมมหาอัคคีมรณะ" เข้าใส่พญาทั้ง ๓ ทันที !
    แต่ทว่า ท่านทั้ง ๓ เมื่อเข้าสู่เขตแดนคนธรรพ์ ต่างก็ระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว....จึงไม่สู่เป็นอะไรมากนัก "ลมมหาอัคคีมรณะ"ของนางโกมาลิกะ จึงประดุจดังว่าเป็นอาวุธของเด็กน้อย
    ถือปืนฉีดน้ำวิ่งเล่นสงการต์ ยิงเข้าใส่ผู้ใหญ่ฉะนั้น

    ท่านพญาวิกาฬปักษ์สี นั้น ยกปีกทั้งสองข้างขึ้นป้องกัน สลาย ลมมหาอัคคีมรณะ หายไปในชั่วพริบตาเดียว!
    ท่านพญากุมพีสุรสีหนาท นั้น เกรงร่างกายขึ้นแอ่นอกรับอย่างหน้าตาเฉย พลันเกราะเพชรนั้นก็บังเกิดขึ้นป้องกันตนเอง!
    ท่านพญาเอรายนะนาคราช นั้น อ้าปากรับ ดูดเอา ลมมหาอัคคีมรณะ กลืนกินลงไปในท้องจนหมดสิ้น!

    นางโกมาลิกะเห็นดังนั้นแล้ว ถึงกับ งวยงง ฉงนสนเทห์ใจเป็นอย่างยิ่ง ได้แต่แผ่พังพานค้าง หมดแรงที่จะต่อสู้ ดิ้นรน เลื้อยคลานหลบหนี!
    พอหันหลัง กลับไปดู เห็นท่านพญาทัตตะระสา กำลังเดินปรี่มุ่งหน้าติดตามมา ด้วยอารมณ์โมโหสุดขีด ห่างกันแค่ช่วงวาเดียวเท่านั้น!

    นี้มันเวรกรรมอะไรกันนะ พ่อจ๊า!....นางโกมาลิกะ รำพัน นึกถึงท่านผู้มีพระคุณ เมื่อหมดหนทางหลบลี้หนีภัย

    นางคงไม่รู้หรอกว่าสมัยหนึ่งนั้น นางเคยเกิดเป็นลูกชายของท่านเศรษฐี มีนามว่า "โกมกะกุมาร"เป็นคนเจ้าชู้ชอบออกไปเที่ยวผู้หญิง
    ไม่เว้นแม้แต่ลูกเขาเมียใคร ถ้าถูกใจแล้วเป็นต้องได้มาบำเรอตนเสมอ
    ในบรรดาสตรีทั้งหมดนั้น มีอยู่สามนาง ที่ผูกอาฆาตพยาบาทจองเวร โกมกะกุมาร นางนั้นเป็นพี่น้องกัน จึงร่วมกันในแรงอธิฐานว่า
    "พวกเราจะของตามจองล้างจองผลาญท่านไปจนตลอดทุกภพทุกชาติ ขอท่านจงอย่าได้มีความสุขเลยตลอดชีวิต ชั่วกาลนาน...
    ในแรงอธิษฐานของเราสามพี่น้อง ต่อหน้า จันทิมาทรเทพบุตร!โปรดจงเป็นสักขีพยาน"

    เหมือนท่านจะทรงรับรู้...วงเวียนกรรมได้มาบรรจบพบอีกคราวแล้ว หนอ...โกมาลิกะ เอย!
     
  19. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    โกมาลิกะนาคราช ตอนที่ ๘ "จุดจบพบสัจธรรม"

    เมื่อกรรมหนักได้ถูกชดใช้ในมหานรกเสียโดยส่วนมากแล้ว...คงเหลือแต่เพียงเศษกรรมเพียงเบาบางเท่านั้น
    ยอดเขายุคนธรยามนี้ ไม่อาจเป็นรมย์มณียสถาน อันน่าร่มรื่นได้อีกต่อไป เพราะวาระกรรมของบุคคนกลุมหนึ่งกำลังจะถูกชำระ !

    ท่าน พญาทัตตะระสา ยังไม่หายจากอารมณ์โกรธ เมื่อมองเห็นท่านพญาทั้งสามอยู่ในเบื้องหน้า ก็ให้นึกเจ็บแค้นใจเป็นเท่าทวีคูณ....
    ธรรมดาพิษรักแรงหึง ย่อมมีอานุภาพทำลายล้างได้ทุกอย่างที่ขวางหน้า เมื่อเกิดขึ้นกับผู้ใดแล้ว เหตุผลก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป...
    อย่ากระนั้นเลยเราควรต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ในเมื่อนางปฎิเสธเรา ใครก็อย่าหวังได้นางไปครอบครองเลย!

    "แว้วเสียงเพลงพิณ พญาโศกเศร้า สุดหมอง"
    "แหวกแว้วสายลม กังวาลก้องสลด สุดเสียง"
    "สกดดับทุกหมู่มวล สรรพสัตว์ สำเนียง"
    "สะดุดเสียง บรรเลงเพลงเศร้า มอดม้วย มรณา"

    เล่ากันว่า คนธรรพ์มีพิณวิเศษเครื่องหนึ่ง สามารถบรรเลงเพลงได้หลากหลายรูปแบบ หลากอารมณ์ แต่คราวครั้งนี้ มันหาใช่เสียงเพลงบรรเลง แสนไพเราะอ่อนหวานสุดซึ้งเสียแล้ว
    แต่มันเป็นเสียงเพลงบรรเลง"พิณพิฆาต"เพื่อหมายปลิดชิพทุกหมู่มวลสรรพสัตว์สำเนียงที่ได้ยิน เสียงนี้ !~!~!~ ~ ~

    ต้นไม้ในรัศมีสิ้นสามโยชน์ เมื่อต้องเสียงเพลงบรรเลง พิณพิฆาต นั้น...ค่อยๆหุบใบ และแห้งเหี่ยวยื่นตายต้นในเวลาต่อมา!
    นกราตรี ทั่วท้องนภากาศยามค่ำ เมื่อต้องเสียงเพลงบรรเลง พิณพิฆาต ชั่วรัศมีสามโยชน์นั้น...ไม่มีโอกาสที่จะบินต่อไปได้อีกเลย!(ตกลงมาตายอย่างน่าเวทนายิ่งนัก)
    สรรพสัตว์นอกนั้น โดยทั่วไป มีเลือดไหลทะลุออกจากโสตประสาท ถึงแก่มรณะภัยในที่สุด!

    จะมีใครรู้บ้างไหมว่า ผลของการพูดมุสา มีการลวงล่อให้ หญิง หรือ ชาย ต้องระทมทุกตรอมใจเจียรตาย กับคำพูดไม่จริงของตนเองนั้น...มันจะส่งผลเป็นเช่นไร?
    ผลนั้น "โกมกะกุมาร" ผู้เสเพล ในอดีตชาติ กำลังได้ลิ้มชิมรสมันอีกครั้งแล้ว ณ กาลบัดนี้!

    ท่านพญาทั้งสามนั้น เมื่อได้ยินเสียงเพลงบรรเลงพิณพิฆาตแล้ว ให้เข่าอ่อนระทวย ประดุจเทียนถูกไฟลน สิ้นเรียวแรงสุดที่จะต่อกรใดๆ...
    แต่ด้วยฤทธิ์ธานุภาพของตน จึงสามารถสกดข่มทุกข์เวทนา เอาไว้ได้อย่างเข้มแข็งไม่เผยความอ่อนแอให้ใครเห็นได้ง่ายๆ

    นางโกมาลิกะนั้น ล้มตัวลงนอนดิ้นกลิ้งเกือกลงกับผื้นดิน ปานประหนึ่งไส้เดือนตัวน้อยๆดิ้นรนอยู่ท่านกลางแสงแดดอันร้อนแรงแผดเผา...โอ้ อนิจจา!นางกำลังจะตาย
    กล่าวถึงท่านฤาษีนรเกนั้น ให้ร้อนรุ่มแน่นในอุราเป็นหนักหนา ครั้นจะดำดินบินบนเหาะเหิน ดำเนินทางไปช่วย ด้วยฤทธิ์ธานุภาพตบะเดช เดชะแห่งตน ก็ไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัยแต่อย่างใด...
    เพียงแต่ว่า มันเป็นวิบากกรรมเก่า ตามมาให้ผล...ท่านจึงช่วยได้แค่เพียงส่งกระแสจิต เป็นเสียงเตือนสติได้เท่านั้น!

    "โกมาลิกะ..โกมาลิกะ..อดทนหน่อยลูก..อีกนิดเดียว!..อีกนิดเดียวเท่านั้น!" เสียงแว้วอันแผ่วเบานั้น มันทำให้นางดีขึ้นเพียงเล็กน้อย

    ท่านพญาทัตตะระสา ยังคงบรรเลงพิณพิฆาต อย่างบ้าคลั้ง!ไม่มีใครสามารถหยุดท้าวเธอได้เสียแล้ว !~!~!~ ~ ~
    เวลาผ่านไปนานเท่าไหรแล้ว ไม่อาจทราบได้...ธรรมดาเดือน ๑๒ นั้น เป็นช่วง เหมันตฤดู
    ในขณะที่นางโกมาลิกะ กำลังใกล้จะหมดสติลงเต็มทีนั้น...พลันสัมผัสไอละอองน้ำเย็นๆวูบหนึ่ง เคลื่อนตัวลอยผ่านเข้ามากระทบร่างกาย และทยอยตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

    ใช่แล้ว มันเป็นสายหมอก หยาดน้ำค้างยามรัติกาล อันแสนเหน็บหนาว...เหมือนจะนึกอะไรได้บางอย่าง นางโกมาลิกะ ทอดสายตาเม่อมองออกไปเบื้องหน้า ท่ามกลางแสงจันทรา ส่องสะหลัวๆ
    นิมิตรนั้นปรากฎเป็นรูปทรงเจดีย์ใหญ่รัศมีสีทอง...!
    เห็นภาพเด็กหญิงตัวน้อยๆ กำลังเดินเวียนรอบ พระมหาธาตุเจดีย์พร้อมกับใช้น้ำจากคณโฑ สรงสนานชำระโดยรอบองค์พระบรมสารีริกธาตุนั้น

    อ้า !...นั้น นั้นมัน เรานี้!
    ใช่..ใช่ เรา จำ ได้แล้ว...น้ำทิพย์อันบริสุทธิ์ของเรา!!(น้ำตาแห่งมหาปีติ ไหลรินซึมอาบสองแก้มนาง แล้วเฮย)

    ขณะนั้น กำลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดอันมีในครั้งสุดท้าย ก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น...โกมาลิกะ น้อมขนดลำตัวเขื่องทั้งหมด ก้มลงกราบพระบรมสารีริกธาตุ ด้วยใจเอิบอิ่มปีติปราโมทย์ยิ่งแล้ว
    หงอนอันแดงฉาน กระแทกพื้นมหาปฐพีใหญ่เสียงดังสนั่นหวั่นไหว สกดทุกโสตสำเนียง ทั่วอาณาเขตบริเวณนั้น!..."ดัง กึกก้องกังวานไพร" }}}}}}}}}

    }}}"กราบครั้งที่หนึ่ง...เสียงพิณหยุด...สดุดเสียง" }}}

    }}}"กราบครั้งที่สองเปรี่ยง...เสียงพิณขาด...สองสาย" }}}

    }}}"กราบครั้งที่สาม...พิณทั้งหมดขาด...สายกระจาย" }}}

    "เลือดหงอนแดง กระเซ็นสาด...หน้าหงาย อาบแม่พระ...ธรณี!!"

    ในขณะที่ทุกอย่างกลับคืนเข้าสู่ความเป็นปกติ...ท่านพญาทั้ง ๔ เมื่อเห็นนางทำการละ แล้ว
    "ให้นึกสลดสังเวช ในจิตเศร้า หม่นหมอง"
    "โอ้ ละหนอเราท่าน ใยถึงมา ลืมหลง"
    "เห็นซากศพนางแล้ว นึกได้ ละอายตน"
    "ทั้งหมดบ่น รำพันเพ้อ ถึงนวลนาง "

    ลำดับนั้น ท่านพญาทั้งหมด จึงกล่าวคำขอขมากรรมว่า...
    "กรรมอันใด เราเคยก่อแล้ว ผิดพลาด"
    "เผลอประมาท พลาดพลั้ง อภัยหนา"
    "หลงวังวน วิบากต่ำ นำพา"
    "แม้นเราหนา ก็จัก อโหสิกรรม ให้ท่านเอย"

    เหมือนนางจะได้ยิน...ร่างอันเขื่องนั้น ค่อยๆเปล่งรัศมีสว่างสดใสขึ้นที่ละน้อย เมื่อไอหมอกระลอกสุดท้าย
    ผ่านเข้ามากระทบสรีระเปียกปอนไปทั่วสารพังกาย ประดุจยาทิพย์โอสถ
    เป็นที่น่าอัศจรรย์!โกมาลิกะนั้นมีรัศมีกาย สว่างงดงาม สดใสกว่าเดิมมาก...ดุจแสงจันทรายามนี้ ปราศจากเมฆหมอกราคีใดๆ มาเผ่วพาน

    โกมาลิกะ ขยับตัวลุกขึ้น ทอดสายตาจ้องมองดูท่านพญาทั้งสี่แล้ว กล่าวคำว่า...
    "กรรมใดๆท่านสร้างแก่เราแล้ว เราขออโหสิกรรมให้ทุกๆท่านค่ะ"...
    "สาธุ..."ท่านพญาทั้งสี่เปล่งเสียงขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
    "ถ้าหากแม้นว่าสมัยใด เราเคยก่อสร้ากรรมอันใดไว้แก่พวกท่าน!..."ยังไม่ทันที่นางโกมาลิกะจะพูดจบ
    เสียงท่านพญาทั้งสี่ก็กล่าวขึ้นพร้อมกันอีกเป็นคำรบสองว่า...
    "เราก็อโหสิกรรมนั้นให้แก่ท่านเช่นกัน"
    "สาธุ...." โกมาลิกะ กล่าว สาธุการขึ้น ด้วยความสบายใจสุดเหลือประมาณ

    ธรรมดา ท่านพญาทั้งสี่ต่างก็มีความสุขสบายดีอยู่ในทิพย์วิมานของตนเอง เพียงแต่ว่าเหตุการณ์นี้เป็นเพียงเศษวิบากกรรมเก่ามาให้ผล...
    เหมือนยกภูเขาออกจากอก สหายรักทั้งสี่ ต่างก็เข้าใจซึ่งกันและกันดี พากันกลับคืนสู่ทิพย์วิมานของตนเอง...
    ส่วนโกมาลิกะนั้นเล่า หลังจากที่นางได้ประจักษ์ซาบซึ้งถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ทำให้นางมั่นคงยิ่งขึ้นในการประพฤติพรหมจรรย์ของตนให้บริสุทธิ์
    คืนกลับสู่พิภพบาดาลสระโกมุทาโบกขรณี โดยสวัสดิภาพแล้ว แล...

    โกมาลิกะ หากจะเปรียบเทียบเชิง "ธรรมาทิฎฐาน"
    นางนั้นคือ จิต ของท่านผู้ประพฤติพรหมจรรย์ทั้งหลาย!
    ที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรค์ อันมีในท่านพญาทั้ง ๓ คือ ราคะ โทสะ โมหะ
    และไม่จมติดอยู่กับอารมณ์ อุเบกขา อันมีในท่าน พญาเอรยานะนาคราช
    เราก็จะสามารถ นำตนให้เข้าถึงฝั่งอันเกษมจากโยคะ ได้รับธรรมาภิสมัย
    สมดั่งปณิธานที่เราท่านทั้งหลาย ตั้งใจไว้........

    ตราบใดที่เรายังมีธงชัยเป็นดั่งยอดเขายุคนธร ที่หยั่งลงแล้วในพระศาสนานี้
    ตราบนั้นนางจะคงอยู่ในใจท่าน ตลอดไป!

    จอมเอ๋ย จอมใจ จอมแก้ว จอมขวัญ
    ห่างร้าง ห่างไกล ห่างนาง ห่างเหิน
    แสนรัก แสนห่วง แสนหวง แสนครวญ
    ถึงปราง ถึงนวล ถึงทรวง ถึงใจ
    จับจิตจับใจจับ จอมเจ้ากลับลับหลบลี้
    เร้นหลีกถ้อยวจี ซ่อนวลีหนีห่างหาย
    เพียงเราเหงาปล่าวดาย หลงงมงายเฝ้าผูกพันธ์
    วิไลวิลาศหวัง มโนฝันนั้นรางเลือน
    เหมือนเดือนลาร้างไกล เหตุไฉนจักทอแสง
    ดาวลับดับแสลง วาววับแวมเหลือรำไร
    หริ่งเงียบสงัดไพร ถึงจอมใจหทัยถอน
    นวลนางนิ่มบังอร มาลางรอนจรจากไป

    จบบริบูรณ์.
     
  20. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    ปีใหม่นี้ เหมียวน้อยจะมีของขวัญอะไรให้เหล่าสาวกมั้ยหนอ :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...