ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง

เรียนสอบถามครับ หมอลอง ท่านพำนักอยู่ที่ไหน จ.พิจิตร หรือเปล่าครับ ขอข้อมูลที่อยู่ติดต่อท่านและวันเวลาที่ท่านสะดวกรับแขกน่ะครับ เผื่อมีโอกาสอาจจะได้ไปขอพึ่งบารมีให้ท่านช่วยเหลือ

 

คือว่าผมจะใช้บ้างนะครับสติปัญญาในการเรียนไม่ค่อยจะดี

 

ผมมี "กาฝากสะเดา" อยู่ ๑ อันครับ
อยากทราบว่ากาฝากสะเดา มีความพิเศษหรือเด่นต่างจากกาฝากไ้ม้อื่นๆอย่างไรบ้าง
หรือกาฝากแต่ละประเภทมีความพิเศษ มีข้อแตกต่างอย่างไรครับ

 

มาเยียมชม ชมรมคนรักไสยศาสตร์ครับ

 

หวัดดียาม สายครับทุกท่าน ความรู้แน่นเพียบทุกวันนะครับ...

 

กาฝากสะเดานี่ผมไม่ทราบจริงๆว่าดีทางไหน แต่เคล็ดของกาฝากอยู่ที่ต้นไม้หลักจะเป็นต้นชนิดใด เป็นของดีในตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิ่งด้านทิศตะวันออกจะดีที่สุด

ต้นไม้หลักที่กาฝากไปเกาะจะแสดงผลเด่นทางด้านนั้นตามชื่อ

เช่น กาฝากมะรุม/มารุม หมายถึงมีคนมารุมล้อม

กาฝากมะยม มีคนเมตตามหานิยม

กาฝากขนุน มีคนมาอุดหนุน ค้ำชู

กาฝากมะขาม มีอำนาจ น่าเกรงขาม มหาอำนาจ

นี่คือตัวอย่างครับ...ส่วนใครจะได้มายังไงก็ค่อยนำมา ตกแต่งตามพิธีกรรมนิดหน่อยก็นำไปใช้ได้ (หลายถึงประจุพลังให้มี ปราณ/ชีวิต ในกาฝาก)

การปลุกกาฝาก/ปราณ/พลัง จะทำเองก้ได้ แต่นานหน่อย แค่นำไปไว้หน้าหิ้งพระหมั่นไหว้พระสวดมนต์ บ่อยๆ ใช้บทอิติปิโสฯ นี่แหละปลุก การปลุก หรือบรรจุพลังนั้น ถ้าเป็นของดีใตัว เราแค่ สื่อด้วยพลังจิตบวกพุทธคุณ สิ่งนั้นก็จะแสดงพลังออกมา ...แม้แต่องค์พระพุทธรูปบ้านเรานี่ถ้าใครไม่หมั่นไหวพระสวดมนต์ ท่านก็จะไม่แสดงพลังอออกมาเท่าไหร่ครับ

ถ้าเราสวดมนต์บ่อยๆ พลังงานจะเริ่มขยับเองตามธรรมชาติ

 

ในเรื่องความตั้งมั่นของจิต และความไว ของจิต นั้นท่านที่มีคาถาอาคมวิชาไสยฯไว้ใช้ในการป้องกันตัว หรือแม้กระทั่ง เมตตามหานิยม ก็ตาม

ท่านต้องหมั่นฝึกปรือจิตให้ว่างไวในคำภาวนา ไม่ต้องไปใช้เยอะบท จะดีอยู่ที่เชื่อมั่น มีหลายบท หลายวิชานั่นหมายถึงมีเวลาในการแต่งตัว มีเวลาว่างั้นเถอะ

แต่ถ้าคับขันจวนตัวกระทันหัน หรือแม้กระทั่งจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาแล้วนี่สิ จะทำเช่นไร ต้องมี บทคาถาประจำตัวครับ

เพราะมันเกิดกระทันหัน และบางครั้งไม่มีเวลานึกคิดได้ทัน มันเหมือนอาวุธนั่นแหละใกล้อะไรจับอันนั้น ถ้าฝึกไว้ บ่อยๆ ภาวนาไว้ บ่อยๆ เป็น วสีจนชำนาญ มันจะใช้ได้ทันที

ผมเองมีประสบการณ์แบบนี้เลยมาเล่าสู่กันฟัง..มีอยู่ครั้ง ในปีที่มีการสู้รบระหว่างทหารไทยใหญ่กับทหารพม่า บริเวณ บ้านนอแล ดอยอ่างขาง อ.ฝาง เชียงใหม่ ฐานทหารไทยเราก็ ตั้งอยุ่ห่างกับฐานไทยใหญ่แค่ ๒๐๐ เมตร ห้วงนั้นพม่ากำลังปรับปืนใหญ่ยิงใส่ฐานไทยใหญ่(จริงๆของพม่านั่นแหละไทยใหญ่มายึดเขาไว้พี่หม่องจะมาเอาคืน) เกิดเหตุการณ์ไม่ทันคาดคิด ปกติเราก็นั่งซดกาแฟดูพม่าปรับปืนใหญ่ วันนั้น.ผมกำลังนั่งจิบกาแฟบนเก้าอี้เพลินในช่วงเช้าๆอากาศเย็นสบาย(ประมาณแปดโมงเช้ากว่าๆ) เสียงปืนใหญ่พม่าผุดจากลำกล้อง บุ้ด บุด บุด แว่วๆแต่ไกล เราคิดในใจ ๓ นัด จะตกที่ไหนหนอ..ไม่เกิน ๑ นาที กำลังยกแก้วขึ้นมาดื่ม..เสียงครีบหางกระสุน พรี้ดๆๆข้ามหัว..เฮ้ยมันยิงฐานเรา...ทิ้งตัวลงแบบไม่ต้องบอกท่าเลย กลิ้งลงไปยังกะลูกขนุน..ไปที่คูสนามเพราะ..เสียง บึ้ม บึ้ม บึ้ม ครบ ๓ ลูก สะเก็ดระเบิดปลิวว่อน ต้นไม่ฉีกน่าหวาดเสียว ดีที่ทุกคนไม่เป็นไร ..แต่ยังมีตามมาอีกนี่สิ ..(ผมก็ ท่องบทคลาดแคล้วฯอย่างเดียวที่นึกขึ้นได้ ณ เวลานั้น...พุทธังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด ฯลฯ) ภายหลังมาดูทิศทางสะเก็ดที่มันสาด แหมถ้านั่งเต้ะท่าอยู่ที่เดิมนี่..น่าจะได้ซั้ก ๒-๓สะเก็ด..(สะเก็ดปืนใหญ่ชิ้นนึงก็ประมาณครึ่งฝ่ามือก็มีและคมกริบครับ ถ้าโดนไม่ต้องปฐมพยาบาลเลย เอาผ้าคลุมได้ทันที)

จากนั้นมา ประสบการณ์ผมก็ได้นำไปใช้หลายครั้งที่ว่า สติ และ วสี มันต้องมาพร้อมๆกัน นั่นแหละ ถ้าตกใจกลัว มีคาถารอบตัวก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เพราะคำว่าอันตรายนั้นมันแค่เสี้ยววินาทีจริงๆครับ ถ้าใครสังเกตการณ์เกิดเหตุใดๆก็แล้วแต่ ไม่เกินสิบวินาทีครับ รู้ผล ว่าจะเจ็บหรือจะตาย ถ้าเลยนั้น มันจะตั้งหลักได้ ครับ

ดังนั้น จิตใครไว จะได้เปรียบที่สุด ในยามคับขัน

 

พี่tang_2536 ครับ ขอสอบถามเกี่ยวกับบทนี้หน่อยครับ

1.คือผมเผลอ save ไปท่องแล้วครับ เพิ่งมาเห็นอ่านอีกที เห็นพี่เขียนไว้ว่า "ห้ามจด" แล้วแบบนี้ผมควรแก้ไขอย่างไรดีครับ ตอนนี้ท่องได้แล้วอีกด้วยครับ :''''(

2.จากคาถาพทธังเมตตา ธัมมังเมตตา สังฆังเมตตา โมกรุณา พุทปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู นะผูกจิต โมผูกใจ พุทอยู่มิได้ ธา(อี/ไอ้..) ร้องไห้มาหากู เพี้ยง สวาหะ..
2.1 ขอสอบถามครับ ว่า "พทธังเมตตา" หรือ "พุทธังเมตตา " เหมือนสระอุจะหายไปครับ
2.2 ขอสอบถามครับ ว่า ท่อนช่วง "ธัมมังเมตตา สังฆังเมตตา _ _ _ _ โมกรุณา พุทปราณี" ตรงท่อนนี้ ไม่ต้องมี ท่อนของ "นะ" เหรอครับ
2.3 ท่อน "เพี้ยง สวาหะ" ขณะทำการท่องต้องมีการพ่นลมออก (พ่นลมเบา ๆ ออกไปด้านหน้า) รึเปล่าครับ

ผมแค่สงสัยนะครับ เพราะอาจเกิดการพิมพ์คลาดเคลื่อนได้ รบกวนพี่ tang_2536 ชี้ทางและช่วยแนะนำหน่อยนะครับ

 

๑.เซฟไปก็ไม่ด้ถือว่าจดใส่กระดาษไง ..ใช้ได้
๒.พุทธัง ใช่แล้ว..
๓.ในตำราไม่มี นะ ยืนยันตามนั้น
๔.พูดว่า เพี้ยงสวาหะ พร้อมเป่าลมออกมาไง..

สงสัยต้องมีการแสดงสาธิต ด้วยละมั้ง

 

ตอนนี้ใช้ระบบ แอร์การ์ดgsm เลยส่งรูปอะไรไม่ได้เลย
ขออภัยท่านที่รออ่าน ประวัติครูบา..(มีแค่ ๑๕๐ หน้าครับ)

ระบบ cdma เติมเงินล่มทั้งหมด..(เลยใช้ได้แค่ แอรฺการ์ดระบบจีเอสเอ็ม ช้ามากๆ)
ไม่ได้อยู่เป็นที่เป็นทางกะเขา ยังงี้แหละครับ ใช้ทางสายไม่ได้...

 

ขอบคุณมากครับผม แบบนี้ผมสวดจัดเต็มแน่ ๆ ครับ

 

สวัสดีพี่ ๆ ทุกท่านครับผม ต้อนรับวันพ่อครับ

 

อยากจะสอบถามครับท่านอาจารย์ ด้วยคำว่า สวาหะ นั้น
ครูบาอาจารย์ทางเหนือให้ออกเสียงควบกล้ำ สวา-หะ (สัว - หะ)
ถามมาเยอะแล้ว ท่านว่าคาถาจะปิ๊ด ขลัง เช่น สวาหะเท็ก สวาหาย
ไม่ได้ให้ออก สะ-วา-หะ

อาจารย์ tang_2536 ออกเสียงยังไงครับ

 

สวาหะ....ผมออกเสียง ว่า....สะ-หวา-หะ.....

สวาโหม....ผมออกเสียง...สะ-หวา-โหม....ครูบาอาจารย์ของผมท่านสอนมาแบบนี้...

...อาจารย์เสธฯ หรือพี่ๆน้องๆท่านอื่น ออกเสียงว่าอย่างไรบ้าง มาแชร์กันนะครับ ขอบพระคุณครับผม

 

เรื่อง"สวาหะ" คงแล้วแต่อาจารย์แต่ละท่านมั่งครับ ส่วนผมออกว่า"สะ-หวา-หะ" เช่นกัน
คำนี้มีความหมายเกี่ยวพันของพราหมณ์และอินดูโดยตรง ลองไปหาอ่านดูครับ

 

ท่านอาจารย์เสธครับแล้ว สวาหะ กับ สวาโหม ต่างกันยังไงช่วยหน่อยครับ

 

อันนี้ก็ให้ออกเสียงตามอาจารย์ให้มาครับ สัวฮะ สัวหาย สัวฮะเท็ก ทางเหนือแบบนี้ท่านว่ามันปิ๊ด (พิษ) ดี

 

แหม ถ้าเป็นครูผม แล้วผมถามแบบนี้นะท่านหันมาเลย...๕๕๕ คือ ท่านก็จะแบบว่าจะบอกว่า ขี้สงสัยจิงๆ

จริงๆก็ สะหวาหะ ครับ จะ สัว หรือ สะหวา ก็คือกันแหละ

คำว่า สวาหะ สวาโหม สวาหาย สวาหายะ ก็คือคำลงท้ายคาถาหรือกำกับว่าจบหรือ

จะให้ความหมายว่าอย่างไรก็ไม่ได้ถามครูแบบละเอียด แต่ ที่สังเกตุ ถ้าเน้นบทที่รักษาจะมีคำว่า สวาหาย หรือ สวาหายะ

สรุป เรามีจิตมุ่งมั่น มั่นคงในครูก็ไม่ต้องสงสัยดีที่สุด...

 

สวัสดีครับพี่คำรณ ไม่ได้เข้ามา 2-3 วัน สบายดีมั้ยครับ

 

วันนี้ไปเป็นประธานในการเทฐานการสร้างพระศรีอริยะเมตตรัย ที่วัดดอยเทพนิมิตร แม่จัน ชร. ของ ลพ.สำเริง ธัมธีโร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวันพ่อ มาครับ นำบุญมาฝากทุกท่านในสมาชิก

ที่ ลพ.ท่านสร้าง พระศรีอาริย์ฯ นั้นท่านบอกว่าคนเรานั้นมีหลากหลายบุญบารมี ใครไม่สำเร็จธรรมในยุคนี้ก็ยังมียุคหน้าให้เป็นหลักชัยได้ ก็ถือว่าใช้เป็นอุบายธรรมข้อหนึ่งในการสร้างให้คนธรรมดาทั่วๆไปอย่างเราท่านได้มีความหวังในอนาคตที่ถูกต้องครับ

เมื่อคืนนี้ ก่อนจะไปทำพิธีก็เกิดนิมิตดี คือ ฝันเห็นในหลวงใกล้ๆแบบได้รับใช้ท่านอย่างใกล้ชิดเลย ซึ่งไม่เคยฝันแบบนี้มาก่อน ตื่นมาน้ำตาปิติยังเปียกหมอนอยู่เลย(มันไหลตอนไหนไม่รู้) เราก็ตื้นตันใจมากที่ได้ฝันแบบนี้เลยคิดว่าเราพากันมีจิตศรัทธาสร้างความดีถวายต่อพระองค์ท่านแบบนี้ ท่านคงมีญาณหยั่งรู้แน่ๆ

และได้เรียนถามข้อธรรมะกับ ลพ.ท่านหลายข้อเลยวันนี้ อย่างน้อยท่านก็อธิบายเรื่องความแตกต่างของ ฌาน กับ สมาธิ ได้ละเอียดลึกซึ้งดีครับ

ท่านสรุปสุดท้ายว่า ถ้ายกตัวอย่างเราจะใช้ปากกาเขียนหนังสือ(เครื่องมือในการนำไปใช้เพื่อวิปัสนา) ฌาน คือปากกา สมาธิ คือ ไส้ปากกา ใช้เขียนได้เหมือนกัน ..ไปตีความเอาเองละกันครับ..