ตัวตนมีหลายตัวตน รู้สึกว่าตนเองพัฒนา มองเห็นภาพวิญญาณมาหา ฯลฯ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย phudit999, 3 ธันวาคม 2012.

  1. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    มีหลายคนสงสัยว่าทำไม เราจึงรู้สึกมีหลายตัวตน

    สงสัยว่า ทำไมตนเองมีการพัฒนา มีพลัง บางครั้งก็รู้สึกแย่

    สงสัยว่า มองเห็นหลายคนผ่านนิมิตมาซ้ำๆ หรือในฝัน

    สงสัยว่า ทำไมตนมีพฤติกรรมแปลก

    คำตอบ

    ในแต่ละชาติของตนเองที่เกิดมาเป็นมนุษย์ จะมีกายทิพย์เฉพาะของตนเอง และกายทิพย์เหล่านี้ จะเป็นตัวตนที่แท้ของมนุษย์ (สภาวะที่แท้จริง กายหยาบเป็นเพียงที่อยู่ ที่พัฒนาตัวตน)

    การเกิดใหม่ก็จะมีกายทิพย์ใหม่ กายทิพย์แต่ละชาติจะมีความผูกพันเชื่อมโยงถึงกันเพราะเป็นธาตุเดียวกัน

    จึงสามารถเข้า ออก ร่างกายของตนเองได้ บางคนจึงสามารถสัมผัสรู้ ตัวตนเองมีหลายตัวตน

    และบางคนสัมผัสรู้ว่ามีใครบางคนมาวุ่นวาน ตัวเรา เทียวจับโน้น จับนี่ในร่างกายตน หรือมาทำให้ตนเองมีพฤติกรรมแปลกๆ สิ่งเหล่านั้น เป็นตัวตน ของร่างของเรา ในอดีต มาแวะเวียนหา

    หากในกรณีที่ตัวตนอยู่ในสภาพของวิญญาณ หรือเรียกว่าไม่มีพลัง หรือมีพลังระดับต่ำ ส่วนใหญ่จะเป็นวิญญาณของตนเอง ที่ได้รับการปลดปล่อยจากอบายภูมิ แต่จะมาในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น

    อาการผิดปกติ หรือ อาการป่วย หรือ ไม่สบาย

    ก็เกิดจาก ตัวตนในภาคอดีต ส่งคลื่น ไม่สม่ำเสมอ

    ส่งคลื่นไม่ดี มาหาตัวตนปัจจุบัน และส่งผลต่อร่างกาย

    เช่น การปวดไมเกรน

    ดังนั้น การแก้ไข บางเรื่อง ไม่ใช่จะใช้วิธีการขับไล่

    ไม่ได้ เพราะเป็นตัวตนของเรา หรือ เรียกว่าเป็นญาติเรา

    และจะทำอย่างไร ก่ ไม่ไปไหนดอก เพราะธาตุกายทิพย์หรือ

    วิญญาณยังเชื่อมกันอยู่

    --------------------------------------------------

    เรื่องเหล่านี้ ใครยังไม่ได้เปิดสัมผัสรู้ ก็จะไม่รู้ ว่ามี

    หลายตัวตนจากอดีต ต่อเชื่อมกันอยู่ เพราะการสัมผัสรู้

    ยังอ่อน ยังไม่พัฒนา

    ถามว่าในอดีต ทำไมไม่มีความรู้ชนิดนี้

    ก็เพราะโลกยังไม่ได้พัฒนา

    ณ เวลานี้ โลกพัฒนาไปมาก

    ความรู้ที่ว่าสุดยอดในอดีต ก็จะล้าสมัยไป

    โรคของกรรม เป็นโรคที่เกิดจากตัวตนในอดีต

    ที่กระทำผิดในศีล และแวะเวียนมาหาตนเองในปัจจุบัน

    ตัวตนในอดีต มีพลังงานต่ำ หรือพลังไม่เป็นระเบียบ เพราะ

    กระทำบาปติดตัว ร่างกายก็จะป่วย อ่อนแอ

    โรคของกรรม คือ สภาวะของวิญญาณที่มาหา หรือ กายทิพย์ที่ไม่สมบูรณ์ ส่งกระแสคลื่นมากระทบ

    (โรคไม่ได้เกิดจากกรรมอย่างเดียว)

    หาก ตัวตนในอดีต มีพลังงานสูง ก็จะควบคุมพฤติกรรมของร่างได้


    ----------
    มีกายทิพย์ มาหา

    มีวิญญาณ มาหา

    หากไม่ได้ทำร้าย ร่าง

    นั้นคือ ตัวตนของเราในอดีต

    วิญญาณ คือ พวกมีพลังงานต่ำ ตัวตนที่มา จะดูไม่สดใส เพราะตกอยู่ในอบายภูมิ

    กายทิพย์ คือ พวกที่มีพลังสูง ตัวตนจะปกติ หรือ แจ่มใส
    (มีพลังแห่งความดี เป็นปกติ)

    ------------------------------------------
    ใครที่คิดว่าใครส่งพลังมาหาตนเอง

    ใครที่คิดว่า มีคนส่งวิญญาณ มาหาตน

    พึ่งระลึกไว้ว่า เป็นตัวตน ของตนเองในอดีต

    ตนเองดี หรือ ไม่ดี ก่ ให้ดูสิ่งที่มาหาตนเอง
    สัมผัสรู้ ตาในมองเห็น นั้นล่ะคือ ตัวตนของท่านเอง
    (สภาวะผลของกรรมตัวตนในอดีต กำลังเสวยเป็นอะไร ก่ ดู ดี ก่ แล้วกัน )

    มิติเปิด ก่ จะเห็นกันถ้วนหน้า มากขึ้น

    บางคนจะเห็นก่อนมิติ เปิด มานานแล้ว

    -------------------------------------
    และไม่ต้องไปโทษผู้อื่น ส่งของมา ส่งวิญญาณลามกมา หาตน

    สิ่งที่ไปหาคือตัวตนของท่านในอดีต

    ======================

    ใครป่วย

    ใครคิดอกุศล

    ใครคิดลามก

    ใครคิดไม่ดี

    นั้นเป็นเพราะ ตัวตนในอดีต กำลังส่งกระแสคลื่น ต่อท่าน

    เพราะเป็นคลื่นรบกวนทำให้ คิดต่างๆ นาๆ

    เพราะ ในอดีตเคยผิดในศีลมาก่อน

    การผิดในศีลจึงทำให้ สมาธิไม่สามารถตั้งมั่น

    เพราะ ตัวตนในอดีต ไม่สมบูรณ์ เป็นคลื่นไม่เป็นระเบียบ

    อยากตั้งมั่น ก่ ต้อง สำนึกในตัวตนให้ดี และรู้จักนอบน้อม (เรียนรู้การอโหสิกรรมและการให้อภัย)

    การสำนึกในตัวตนให้ดี ก็ให้ดูที่ความคิดของตน ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

    กุศล หรือ ไม่กุศล ปัจจุบันขณะ

    ไม่ต้องไปคิดเผื่อไปหาผู้อื่น ผู้อื่นจะเป็นอย่างไร ก่ ช่าง

    หากตนเองยัง ผุดความคิดที่ดูถูก ดูแคลน ผู้อื่น

    นั้นล่ะ คือ พลังงานต่ำ ส่งผล (ความคิดที่ปกติ คือ นิ่ง จักไม่ผุดความคิดอกุศล)

    ความคิดคือ คลื่นพลังงานตัวตนในอดีตกำลังส่งผล

    คิดไม่ดี ตัวตนของตนเอง คือ วิญญาณอันต่ำทราม อยู่กับตนเองขณะปัจจุบัน

    กายทิพย์ ปัจจุบัน จะได้รับผลอย่างไร หากมี ตัวตนในอดีต

    แวะเวียนเป็นประจำ ... ค่อยว่ากันต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2012
  2. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ร่างกายหยาบ ที่ดำรงอยู่ ไม่ใช่ตัวตน

    และไม่ใช่ตัวตนที่แท้

    การฝึกฝนตัวตนที่แท้ ต้องทำอย่างไร

    เพราะการฝึกฝนปัจจุบัน ไปฝึกกับร่างกายหยาบ

    เพราะยังเป็นร่างกายหยาบที่ไม่ใช่ ตัวตนที่แท้

    จะยกตัวอย่าง

    การฝึกฝนที่แท้จริงคือ

    การมองดูใจ ตนเอง นั่นคือ จุดเป้าหมายที่ต้องไปถึงให้ละเอียดยิ่งขึ้นไป

    การฝึกที่ดีอีกอันหนึ่งคือ ฝึกจักระ แต่ข้อพร่องของการฝึกจักระ

    คือ ไม่หัดตามรู้ใจ ผู้ที่ฝึกพลังเหล่านี้ จักเป็นคนที่หยาบกระด้าง

    ดังนั้น การฝึกที่ผสมผสานระหว่างพุทธ กับ จักระ จึงจะไปได้ดี

    พุทธะ จะมีเป้าหมายอยู่ที่ใจ (ลำดับการฝึกสติ มีเป้าหมายอย่างที่สุด อยู่ที่ ใจ)

    จักระ จะมีเป้าหมายที่พลังธรรมชาติ (เป้าหมายเกี่ยวพันกับการกลับคืนกายตัวตนแท้ ให้สมบูรณ์)

    ฝึกเพียงแค่ จุดเดียว ไม่ใช่ทั้งหมด (ไปเลือกเอา จุดไหน) ที่ทำให้กาย(ลมหายใจหายไป)ระงับ

    จุดนั้นคือจุดต่อเชื่อมของ....

    หากฝึกสองอย่างร่วมกัน จะไปได้ดี .... กว่าเดิม

    การฝึกจักระ ฝึกแล้ว ทำให้เป็นคนที่แข็งกระด้าง นั่นคือ ความผิดพลาด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2012
  3. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ใครเป็นผู้บอก....

    ไม่ใช่ความรู้ของ phudit999 แน่นอน
     
  4. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    บอกเพียงแค่นี้พอ

    เพราะบอกมากไปกว่านี้ ก่ ไม่ได้

    เพราะยังรับกันไม่ได้....

    รับไม่ได้เพราะ หาข้อพิสูจน์ ไม่ได้

    ต้องรอ ให้ความจริงปรากฎกับตนเอง ก่อน แล้วค่อยพิจารณา กัน ก็ ยังไม่สาย
     
  5. Bonbnn

    Bonbnn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2012
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +20
    ผมคิดถึงหนังเรื่อง : Cloud Atlas
    หนัง cloud atlas อ่าน cloud atlas เรื่องย่อ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. กวางชัย

    กวางชัย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +5
    ชวนน่าขบคิดดี ทุกๆอย่างต้องปัจจัตตัง
     
  7. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ใครที่ไปเปิดกรรม แล้วมีพฤติกรรมแปลกๆ

    นั้นล่ะคือตัวตนของตนเอง

    อดีต มาหา ของเก่ามาห

    ปัจจุบัน มีสภาวะอย่างไร

    ก็จะเปิดให้เห็น

    สภาพร่างกายไม่เป็นอะไร

    แต่พฤติกรรมแสดงออก

    วิญญาณของตนเองปัจจุบันมีพลังงานต่ำกว่า

    วิญญาณในอดีตที่มาหา ก่ จะออกฤทธิ์ ออกเดช

    แสดงอะไรที่แปลกๆ ออกมา เพื่อให้รับรู้

    ปกติแล้ว เหล่าที่มีพลังงานต่ำ จะมาหาญาติตน

    หรือร่างที่มีธาตุเดียวกัน จะใช้เวลาสั้น

    หากเปิดกรรมแล้ว มิติเปิดเป็นเวลานาน ตามเวลาที่เปิดกัน

    ก็จะแสดงให้เห็นได้ยาว.....

    ทำนองเดียวกันกับ พระเจ้าพิมพิสาร เห็น ญาติ นั่นแล
     
  8. Dacky14K

    Dacky14K Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +70
    dannce_เออ..........นะ............คุณเข้าใจมันแล้วใช่ไหม แล้วผมจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจดีนะ black_pig
     
  9. nai_Prathom

    nai_Prathom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +694
    แล้วถ้าความจริงที่ปรากฏเป็นเพียงความปรุงแต่งของกิเลสล่ะพ่อคุณ มันก็จะหลอกตัวเองต่อไปเรื่อยๆใช่หรือไม่?

    พระธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา มีความชัดเจนอยู่แล้ว
    เป็นสิ่งที่ปฏิบัติและพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง

    ถ้าจะเขียนอะไรแล้วใช้หลัก logical fallacy เพื่อทำให้ผู้อ่านสับสน มันก็เป็นสิทธิของคุณผู้เขียนและผู้อ่านจะใช้วิจารณญาณ แต่ขอความกรุณาอย่านำเอาพระพุทธศาสนาไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเพ้อฝันเลยครับ
     
  10. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    logical เป็นเหตุเป็นผล ตามแต่ละมิติ (หรือมุมมองที่พบเห็น)

    มิติใดบาง? มีหลายมิติ มองในมิติของกายหยาบ ก็จะได้เหตุผลตามแบบ

    ฉบับของกายเนื้อ ด้านกายภาพ (นี่คือมุมมองอันหนึ่ง เพียงหนึ่งมิติ)

    การขยายความให้เห็น คือ การเปิดโลกทัศน์ของตนเอง หรือ ผู้อ่านได้

    พิจารณาในสิ่งที่เกิดขึ้นและสังเกตุในสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น

    จะมีความเป็นมาอย่างนั้นจริงหรือไม่

    หากจริง ก็ต้องปฏิบัติตนเองแก้ไข สิ่งบกพร่อง

    หากไม่จริง ก็เพียงแต่ดู (หลักการปฏิบัติธรรม ที่เป็นปกติธรรมดาอยู่แล้ว)

    และสิ่งที่เขียนก็

    ไม่ได้โยงไปถึงพุทธศาสนา (ตรงไหน) คำที่ยกมาเป็นคำกลาง ๆ

    ทำไมเราจึงอาศัยห้องแห่งนี้ เพราะห้องแห่งนี้ เป็นห้องของ

    วิทยาการใหม่ๆ มาแสดง เป็นห้องของการนำเสนอสิ่งที่

    ไม่รู้ สิ่งที่ไม่เคยเปิด นำมาเปิด เพื่อการตั้งข้อสงสัย

    และให้สังเกต กัน ให้ถี่ถ้วน

    และก็จะเกิดการระมัดระวัง...

    ทุกสิ่งที่นำเสนอมา หรือแนะนำมาเพื่อประโยชน์ แก่ผู้น้อมนำ

    เรียกว่า รู้สิ่งใดมา ก็พยายามส่งสาร์น ที่เป็นประโยชน์

    เรียกว่า รู้สิ่งใดมา ที่เป็นโทษแก่คนต่างๆ ก็พยายามนำเสนอ

    เรียกว่า นำเสนอให้เลือก ทางเดิน

    คือ การพยายามทำตน ให้เป็นประโยชน์ แก่ผู้อื่น

    เพราะปกติแล้ว อะไร ที่คิดว่าไม่เป็นประโยชน์กับผู้อื่น

    ปกติ ก็จะพยายามหลีกเร้น ไม่ทำ

    ไม่พูดดูถูก ดูแคลน จาบจ้วง ผู้อื่น โดยไร้ คำอธิบาย

    และเมื่อใดที่พูด ขัดแย้งใด ก็จะมี สิ่งอธิบาย ในมุมมองของตนเอง

    เพื่อให้เขาเหล่านั้นได้พิจารณา .... ว่าความเป็นจริง เป็นอย่างไร

    .....ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตัวตน ล้วนต้องพิสูจน์ ความจริง ด้วยกันทั้งนั้น

    ไม่ใช่ว่า นำมาให้เชื่อ ทั้งหมด คนที่เชื่อ คือ คนที่ไม่ฉลาดรอบคอบ

    ความฉลาดรอบคอบ จะแตกต่างกัน ตามบารมี ของแต่ละคน

    บางคนพูดแค่นี้ จะรู้ได้ทันที

    บางคนพูดแค่นี้ ก็หาว่าไม่เป็นจริง

    แตกต่างกันที่ บารมี ...

    บารมี ใจ จะบอกได้ว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่

    ไม่ได้หมายถึงการปฏิเสธตั้งแต่เริ่มต้น

    และกระทำการจาบจ้วงตามความคิด


    การมองควรมองหาประโยชน์ ไม่ใช่มอง

    แล้วมองหาประโยชน์โดยเป็นทาส มาร ในใจตน

    (การว่ากล่าว ว่าร้าย นั่นคือ การตอบสนอง มารในใจตนเอง)

    เพื่อให้ตนเองสบายใจ เพราะว่ากล่าว ว่าร้ายแล้ว จะรู้สึก สบาย

    ใจใช่หรือไม่ล่ะ .... ที่เขียนมา ใครหากได้อ่าน

    บทความนี่ ตอนสุดท้ายจะรู้ว่า เมื่อได้กระทำอะไรที่ อยู่ในมุมมอง

    ที่พยายาม ดิสเครดิต ผู้อื่น หรือ ว่าร้ายผู้อื่นแล้ว

    จะมีความพอใจ แล้ว จบแล้ว ระงับแล้วในสิ่งที่ทนไม่ได้

    เคยมองเห็นกันหรือป่าวล่ะ ..... อาการทนไม่ได้ และ ต้องระบายออก

    โดย แนวทาง ลบ ....ทำแล้วสบายก็ทำไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2012
  11. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    มีหลายบทความที่เขียนสิ่งที่ปรากฎในการสัมผัสในเรา

    มองเห็นในโทษในบางสิ่ง เรา ก็จะเขียนไปให้อ่านกัน

    แล้ว ผู้อ่านที่ฉลาด ก็จะอ่านนำไปไตร่ตรอง ให้ชัดเจน

    ในสิ่งที่ตนเอง กระทำ หรือสัมผัส ว่า จริงหรือไม่ มีประโยชน์

    หรือ โทษ อย่างไร เพื่อเป็นการเพิ่มความระมัดระวัง

    เพื่อเป็นการเพิ่ม กำลังสติ แก่ ผู้ที่มีสติปัญญา ดี ข้อเน้นที่ ดี

    สำหรับพวกที่ไม่ดี หรือ ปัญญาทราม ก็สุดแล้วแต่ บุญนำ วาสนาส่ง
     
  12. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ถามว่า ทำไมจึงเขียนเรื่องแปลก ๆ

    ตอบ หน้าที่ ที่ต้องทำ

    ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้

    เรื่องการพิจารณา อยู่ที่ผู้รับ

    มนุษย์กำลังจะเดือดร้อน

    เรื่องมิติเปิด .... เปิดให้เห็น

    ก็จะรู้มาก เป็นโรคมาก ....

    ไม่ระวัง... ก็ส่งบัตรคิวการเกิดเป็นมนุษย์

    รายอื่นต่อไป....

    ผลของมิติเปิด ตายไวขึ้น.... ชำระโลก

    โรครุ่มเร้า...
     
  13. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +1,116
    ถ้าหากท่านเจริญภาวนาเห็น สิ่งต่างๆ ไม่ว่าท่านเห็นอะไร ก็ตามท่านอย่ายึดติด สักแต่เห็นคะ อย่าเอาจิตปรุงแต่งคะ สิ่งที่ท่านเห็นนั้น เห็นจริง แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่จริงคะ รักษาศิลเจริญภาวนาไปคะ มันจะมีขั้นตอนของมันคะ และท่านข้ามขั้นตอนไม่ได้ ถ้าท่านอยากท่านก็จะไม่ได้อะไรคะ เพียรเจริญภาวนาไปคะ สาธุ บุญรักษาคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...