WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

Jingjoknayork

(ผมเพียงแต่คิดเพ้อเจ้อไปนิดว่า ด้วยภาวะโลกร้อนทำให้ปริมาณน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิคเพิ่มขึ้น กดทับเพลตแปซิฟิค น้ำหนักเยอะขนาดกดชั้นแมกม่า ทำให้แมกม่าทะลักขึ้นมาผ่านภูเขาไฟ....

ถ้าเป็นจริง ภูเขาไฟอื่นๆ เช่น ฟูจิ หรือใกล้เคียงที่อาจจะมี คงจะการประทุขึ้นในไม่ช้านี้น่ะครับ...)


Falkman

Super Volcano ในโลก (ถ้ามันปะทุแบบเต็มรูปแบบคือ มีผลต่อประชากรโลกแน่นอน)



ผมก็คิดว่า เป็นไปได้อย่างที่่ท่านทั้งสองวิเคราะห์ อยู่ที่ว่าอะไรจะเกิดก่อนอะไร ก่อนประวัติศาสตร์โลก

จะถูกบันทึกไว้ มันก็จะต้องเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติชนิดว่าล้างโลกเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง หลายยุค หลายสมัย

กว่าจะถึงรุ่นเราอย่างทุกวันนี้ รุ่นของเราก็ถือว่า ดีที่ได้อยู่ในช่วงของความเปลี่ยนแปลงนี้

น่าติดตามออกจะตาย มีลุ้นทุกวัน ใช่ว่าผมจะเห็นเป็นเรื่องสนุกหรอกนะ แต่ใครจะห้ามได้ว่าไม่ให้เกิด

อย่างนั้น อย่างนี้ เรื่องว่าช่วยกันลดโลกร้อน ช่วยกันปลูกต้นไม้ ผมว่ามีผลน้อยมากต่อการลดภัยพิบัติลงได้

หรือถ้าจะพูดกันแบบไม่เกรงใจก็คือ สายไปแล้วต๋อย สายเอามากๆ ถ้าจะเริ่มช่วยกันรณรงค์เมื่อ 50ปีที่แล้วโน่น

พอแค่แค่นี้ก่อน ยิ่งพูดยิ่งยาว ยังไงก็รักษาตัว รักษาสุขภาพไว้ดูความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิด


(โชคดี)นะ

 

ยังรอแม่ข่าย B4 มาติดต่ออยู่จร้า

 

แผ่นดินไหวใต้ทะเลเขย่าฟิจิ 5.4 ยังไม่พบความเสียหาย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤศจิกายน 2555 18:19 น.

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ(ยูเอสจีเอส) รายงานวันพฤหัสบดี (29)ว่าเกิดแผ่นดินไหวขนาดปานกลางซึ่งสามารถวัดความรุนแรงที่ระดับ 5.4 ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้กับหมู่เกาะฟิจิ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย

ข้อมูลของยูเอสจีเอสระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวใต้ทะเลครั้งนี้ อยู่ลึกลงไปในมหาสมุทรแปซิฟิกราว 247.5 กิโลเมตร และห่างจากเกาะเอ็นดัวของฟิจิไปทางตะวันออกราว 172 กิโลเมตร

เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายใดๆจากแผ่นดินไหวระดับ 5.4 ครั้งนี้ แม้แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวจะสามารถรู้สึกได้ในบางพื้นที่ของกรุงซูวา เมืองหลวงของประเทศที่มีประชากรอาศัยอยู่กว่าแสนคน และอยู่ห่างจากศูนย์กลางของการเกิดแผ่นดินไหวราว 547 กิโลเมตร

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 กันยายนปีที่แล้วเคยเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลซึ่งสามารถวัดความรุนแรงได้ถึงระดับ 7.3 ใกล้เกาะเอ็นดัวของฟิจิแห่งนี้เช่นกัน เป็นเหตุให้มีอาคารบ้านเรือนบางส่วนได้รับความเสียหาย แต่ไม่พบผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด

 

“พ่อคูณ” อาพาธถูกส่ง รพ.ด่วน! แพทย์ระบุปอดบวมติดเชื้อ อาการหนัก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤศจิกายน 2555 19:41 น.

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “หลวงพ่อคูณ” อาพาธ ลูกศิษย์พร้อมทีมแพทย์ รพ.ด่านขุนทด นำส่งรักษาที่ รพ.มหาราชนครราชสีมาเป็นการด่วน หลังมีอาการอาเจียน ซึม และมีไข้ แพทย์ระบุเบื้องต้นปอดบวมจากการติดเชื้อแบคทีเรียเหตุสำลักอาหาร ชี้อยู่ในภาวะวิกฤตอาการหนักแต่ไม่ถึงขั้นโคม่า ต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ยันแพทย์ รพ.มหาราชโคราชรับมือไหว ยังไม่ต้องส่งรักษาต่อที่กรุงเทพฯ

วันนี้ (29 พ.ย.) เมื่อเวลา 16.30 น. ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ทีมแพทย์โรงพยาบาลด่านขุนทด อ.ด่านขุนทด พร้อมลูกศิษย์ใกล้ชิดได้นำพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา อายุ 89 ปี เข้ารักษาอาการอาพาธเป็นการด่วน หลังมีอาการอาเจียน ซึม ไอ และมีไข้

โดยทันทีที่เดินทางถึงโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ที่มารอรับอยู่ด้านหน้าตึกอุบัติเหตุฉุกเฉิน อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ ได้นิมนต์หลวงพ่อคูณเข้าทำการเอกซเรย์ปอดที่ห้องเอกซเรย์ 2 จากนั้นได้นำหลวงพ่อคูณไปเอกซเรย์สมอง ด้วยเครื่อง CT แสกน บริเวณชั้น 1 ก่อนนำหลวงพ่อคูณขึ้นไปที่ชั้น 4 เพื่อตรวจคลื่นหัวใจที่ศูนย์โรคหัวหัวใจและหลอดเลือด ใช้เวลานานกว่า 1.30 ชั่วโมง จึงนิมนต์หลวงพ่อคูณขึ้นไปพักรักษาอยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 ตึกเดียวกัน

นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.50 น.วันนี้ (29 พ.ย.) หลวงพ่อคูณมีอาการอาเจียน และสำลักอาหาร จากนั้นทีมแพทย์ได้เฝ้าดูอาการ พบว่าหลวงพ่อเริ่มมีเสลด เสมหะมากและมีอาการสะอึก ต่อมามีอาการหนาวสั่น ซึม และมีไข้ทีมแพทย์จึงนิมนต์หลวงพ่อมาตรวจดูอาการอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

ทั้งนี้ จากการตรวจอาการเบื้องต้นคาดว่าหลวงพ่อมีอาการปอดบวมจากการติดเชื้อแบคทีเรียจากการสำลักอาหาร มีไข้ 39 องศาเซลเซียส น้ำหนักประมาณ 46 กิโลกรัม (กก.) สำหรับสาเหตุของการสำลักอาหารนั้น ต้องยอมรับว่าการให้อาหารผ่านทางสายยางเช่นเดียวกับหลวงพ่อ มีโอกาสที่จะสำลักได้ หากจะป้องกันอาการสำลักได้ 100% ต้องเอาสายยางไปไว้ที่ลำไส้เล็กซึ่งลำบาก การให้อาหารยาก และผลแทรกซ้อนจะมีมาก ทีมแพทย์จึงปรึกษากันแล้วว่าให้อาหารผ่านสายยางทางช่องท้องเพื่อลดการสำลัก ประกอบกับช่วงนั้นท่านฉันอาหารทางปากได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายและน้ำหนักลดลงเรื่อยๆ

นพ.พินิศจัยกล่าวอีกว่า การรักษาในขณะนี้ทีมแพทย์จะรักษาตามอาการที่เบื้องต้นทราบว่ามีอาการปอดบวมจากการติดเชื้อซึ่งได้ให้ยาปฏิชีวนะ และต้องรักษาแบบประคับประคอง จากนี้ต้องเฝ้าดูว่ามีภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่นตามมาหรือไม่ ที่สำคัญคงต้องให้งดเยี่ยมอย่างเด็ดขาดเพราะที่ผ่านมาตอนที่ท่านอยู่วัดก็ปฏิบัติเช่นนี้มาโดยตลอด มีเพียงลูกศิษย์ที่คอยปรนนิบัติเท่านั้นและงดให้อาหารทางสายยาง แต่จะให้ทางอื่นแทน เช่น น้ำเกลือ

ต่อข้อถามที่ว่า อาการอาพาธของหลวงพ่อคูณถือว่าวิกฤตหรือไม่ นพ.พินิศจัยกล่าวว่า ถือว่าวิกฤตเพราะปีนี้ท่านก็จะอายุย่าง 90 ปีแล้ว และสำลักมากกว่าทุกครั้งเพราะเท่าที่ดูจากการดูเสลด เสมหะท่านที่สำลักเข้าไปค่อนข้างมาก ยอมรับว่าอาการหนักแต่ไม่ถึงขั้นโคม่า และยังไม่จำเป็นจะต้องส่งรักษาที่กรุงเทพฯ

อย่างไรก็ตาม หากประเมินแล้วอะไรที่เป็นประโยชน์กับท่านทีมแพทย์ก็พร้อมจะทำ ส่วนจะให้พักรักษาที่โรงพยาบาลนานเท่าไหร่นั้นยังไม่สามารถตอบได้ ต้องประเมินวันต่อวัน โดยยารักษาวัณโรคปอดจากที่ท่านเป็นอยู่ได้หยุดให้ยารักษาไป 2 วันแล้ว นั่นหมายถึงท่านหายแล้ว ซึ่งใช้เวลาในการรักษานานกว่า 1 ปีครึ่ง

“ยอมรับว่าอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณครั้งนี้ทีมแพทย์ค่อนข้างซีเรียสกว่าทุกครั้ง เพราะอายุของท่านมากขึ้น ประกอบกับโรคประจำตัวของหลวงพ่อมีหลายอย่าง แต่ยืนยันว่าทีมแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมายังสามารถรับมือได้” นพ.พินิศจัยกล่าว

 

4.3 ที่พม่าเวลา ๑๐.๕๒น.



Magnitude mb 4.3
Region MYANMAR
Date time 2012-11-30 03:52:11.4 UTC
Location 25.84 N ; 96.32 E
Depth 10 km
Distances 430 km N Mandalay (pop 1,208,099 ; local time 10:22:11.4 2012-11-30)
231 km SE Dibrugarh (pop 122,155 ; local time 09:22:11.4 2012-11-30)
118 km NW Myitkyina (pop 90,894 ; local time 10:22:11.4 2012-11-30)​

 

......(โชคดี)นะ

คนอื่นกล่าวคำนี้ก็ไม่มีอาไร
เเต่ท่านFalkกล่าวคำนี้ต้องเสียวสันหลังวูบวาบกันนิดหน่อย

 

มีเรื่องแบบนี้ในโลกด้วย "สภาท้องถิ่นเซอร์เบียประกาศเตือนแวมไพร์ออกอาละวาด"


ยอดขายกระเทียมพุ่งกระฉูดทางตะวันตกของเซอร์เบีย หลังสภาท้องถิ่นมีคำเตือนถึงประชาชนว่าแวมไพร์ตนหนึ่งอาจจะออกอาละวาดเล่นงานมนุษย์ คำเตือนนี้มีออกมาหลังจากโรงสีร้างเก่าๆแห่งหนึ่ง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นแหล่งกบดานของแวมไพร์ชื่อดังนามว่าซาวา ซาโวโนวิช ที่อยู่ในสภาพเสื่อมโทรม สืบเนื่องจากขาดการบำรุงรักษา เกิดพังถล่มลงมา และก่อข่าวลือว่าแวมไพร์ตนนี้ กำลังจะออกอาละวาด มิโอแดรก วูเจติช นายกเทศมนตรีท้องถิ่นยอมรับว่า "ชาวบ้านกังวลกันมาก ทุกคนทราบถึงตำนวนของแวมไพร์ตนนี้ดี ผู้คนพากันหวาดผวายิ่งเมื่อคิดดูว่าตอนนี้มันกำลังไร้ที่กบดาน กำลังหาถิ่นที่อยู่ใหม่และบางทีก็อาจมองหาเหยื่อใหม่ๆด้วย เราทุกคนตื่นตระหนกกันไปหมด" นายกเทศมนตรีรายนี้กล่าวต่อว่า เรื่องนี้อาจทำให้คนอื่นๆที่ไม่อยู่ในย่านนี้ขำกลิ้ง แต่สำหรับคนในย่านนี้แล้วทุกคนเชื่อเรื่องแวมไพร์กันอย่างมาก และเขายังยืนยันเรื่องที่สภาเมืองแนะนำให้ชาวบ้านนำกระเทียมแขวนไว้ที่ประตู หน้าต่างทุกบานที่บ้านของแต่ละคน รวมถึงให้ติดกางเขนไว้ทุกห้องของบ้านด้วย

30/11 สภาท้องถิ่นเซอร์เบียประกาศเตือนแวมไพร์ออกอาละวาด :: มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ

 

คำว่าแวมไพร์ของเขาอาจจะเป็นรหัสการสื่อสารของเขาหรือเปล่า

 

'Put garlic in your windows and crosses in your homes': Serbian council warns residents vampire is on the loose after his 'house' collapses

Sava Savanovic 'on prowl' after his watermill home in Serbia collapsed
Legend has it he drank blood of anyone who came to mill their grain
Mayor: 'We've also reminded people to put Holy crosses in their houses'

By Daily Mail Reporter

PUBLISHED: 09:30 GMT, 27 November 2012 | UPDATED: 16:27 GMT, 27 November 2012



Fear factor: Panic has spread through a Serbian village amid rumours that notorious vampire Sava Savanovic (pictured) is on the loose




Sales of garlic are booming in western Serbia today after the local council issued a public health warning that a vampire was on the loose.

The official announcement came after an old ruined mill said to once have been the home of the country's most famous vampire collapsed.

Sava Savanovic was believed to have lived in the shack on the Rogacica river in Zarozje village in the municipality of Bajina Basta.

It is said he drank the blood of anybody that came to mill their grain.

The watermill was bought by the local Jagodic family and they were too scared to use it as a mill – but discovered it was a goldmine when they started advertising for tourists to come and visit it – always during the day.

The family were worried about carrying out building work on the mill because they were scared they might disturb the vampire or unleash his wrath.

And now the property has collapsed through lack of repair.

But for locals it has sparked rumours that the vampire is now free once again.

Local mayor Miodrag Vujetic admitted: 'People are worried, everybody knows the legend of this vampire and the thought that he is now homeless and looking for somewhere else and possibly other victims is terrifying people. We are all frightened.'


Read more: 'Vampire Sava Savanovic is on the loose': Serbian local council issues public health warning | Mail Online
Follow us: @MailOnline on Twitter | DailyMail on Facebook

He added that it was all very well for people who didn't live in the area to laugh at their fears but he said nobody in the region was in any doubt that vampires do exist.

He confirmed that the local council had advised all villagers to put garlic on their doors and windows to protect them from the vampire as it was well known they can't stand the smell.


'People are terrified': Savanovic is said to be on the prowl after his home (above), a favourite with tourists, collapsed in the village of Zarozje

He added: 'We have also reminded them to put a Holy cross in every room in the house.'

Villagers who cashed in catering to tourists fascinated by the legend of Savanovic say they now wish they had left the place well alone.

Savanovic features in the 1880 story Posle Devedeset Godina (After Ninety Years), written by the Serbian realist writer Milovan Glišić who inspired the 1973 horror film Leptirica

He also appears in the novel Strah i njegov sluga (Fear and His Servant) written by Mirjana Novaković.

Other famous vampire cases in Serbia include those of Peter Plogojowitz and Arnold Paole.

Plogojowitz, a peasant, was said to have died at the age of 62 in 1785, but reportedly returned from the grave to ask his son for food.

When his son refused, Plogojowitz brutally murdered him.

Later, the villagers decided to exhume the son's body to look for signs of vampirism and were shocked to apparently find a fresh corpse with 'new skin and nails'.

They said blood could be seen at the mouth.

They proceeded to stake the body through the heart causing 'completely fresh' blood to flow through the ears and mouth of the corpse.

Finally, the body was burned.

In the other case, it was said Paole, a soldier-turned-farmer, was attacked by a vampire and went on to kill a dozen people in the surrounding area in the early 18th Century.

Both cases became famous because the Austrian authorities, who at that time controlled Serbia, appeared to confirm that vampires did indeed exist.


On alert: The mayor of Bajine Basta advised all villagers to put garlic on their doors and windows to protect them from the vampire as it was well known they can't stand the smell

Read more: 'Vampire Sava Savanovic is on the loose': Serbian local council issues public health warning | Mail Online
Follow us: @MailOnline on Twitter | DailyMail on Facebook

 

Lastest Crop Circles - This interesting crop circle formation was found in Boorowa, Lachlan Valley near Yass in New South Wales, Australia.


Reported on November 23, 2012

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=8FQkmA4eyro]Latest 2012 crop circles Boorowa, Lachlan Valley, New South Wales, Australia 23 November 2012 - YouTube[/ame]

B5 - War Room Falkman

 

สื่อนอกยกย่อง “สุวรรณภูมิ-สมุย” ติดโผ “สนามบินสุดเก๋” ของโลก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤศจิกายน 2555 11:23 น.

ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ
เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์- “เดอะ เดลี เทเลกราฟ” หนังสือพิมพ์รายวันเก่าแก่ของอังกฤษ ซึ่งมีฐานที่กรุงลอนดอน และมียอดจำหน่ายมากกว่าวันละ 634,000 ฉบับ ยกย่องท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานสมุยของไทย ติดโผ “สนามสุดเก๋”ของโลก ส่งผลให้ไทยกลายเป็นเพียงชาติเดียวเท่านั้นของทวีปเอเชียที่มีสนามบินติดอันดับด้านความสวยงามถึง 2 แห่ง

ผลการจัดอันดับซึ่งจัดทำโดยทีมข่าวท่องเที่ยวของ “เดอะ เดลี เทเลกราฟ” ระบุว่า ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการของไทยซึ่งเป็นสนามบินที่คับคั่งเป็นอันดับ 6 ของเอเชีย และต้องรองรับผู้โดยสารมากกว่า 47.9 ล้านคนในปีที่แล้ว ได้รับการชื่นชมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ถึงความโดดเด่นสวยงามด้านการออกแบบจนมีชื่อติดอันดับสนามบินที่เก๋ที่สุดของโลก ขณะที่สนามบินสมุย บนเกาะสมุยจังหวัดสุราษฎร์ธานีของไทยซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 1989 มีชื่อติดโผเช่นกันในฐานะที่ได้รับเสียงชื่นชมจากนักท่องเที่ยวถึงการออกแบบและการตกแต่งที่ช่วยสร้างบรรยากาศอันผ่อนคลาย จนนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยไม่เชื่อว่า นี่คือสนามบิน

ข้อมูลของสื่อดังเมืองผู้ดีระบุว่า ไทยเป็นเพียงประเทศเดียวในทวีปเอเชียที่มีสนามบินติดอันดับด้านความสวยงามถึง 2 แห่ง ขณะที่ชาติเอเชียอื่นๆ อย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเขตปกครองพิเศษฮ่องกงของจีน ต่างมีสนามบินติดอันดับเพียงดินแดนละ 1 แห่งเท่านั้น

อย่างไรก็ดี สหรัฐอเมริกา ถือเป็นประเทศที่มีสนามบินติดอันดับในเรื่องความเก๋ไก๋สวยงามมากที่สุดในโลกถึง 4 แห่งประกอบด้วย ท่าอากาศยานเจเอฟเคในนิวยอร์ก ท่าอากาศยานนานาชาติลอส แองเจลิส ท่าอากาศยานนานาชาติเดนเวอร์ และท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์ในนครชิคาโก

 

เรียนคุณ Falkman ครับผมเพิ่งจะสมัครเป็นสมาชิกได้ไม่นานนัก
กำลังพยายามอ่านย้อนหลังไปมากๆ แต่เนทที่ทำงานค่อนข้างช้ามากครับ
ถ้าจะกรุณาโพสต์ข้อความสรุปเกี่ยวกับการเข้าร่วมเครือข่าย พท.ที่ผมอาศัยอยู่
คือ อ.เมือง จ.สงขลาครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

 

ไม่รู้ JFK LAX Denver ติดได้ไงส่วนตัวคิดว่าบ้านเราสวยกว่าแต่ถ้าพูดถึงความใหญ่น่ะใช่ ใหญ่มากกว่าบ้านเราแต่สวยกว่าไม่มั้ง

 

พบเป็ดป่าตายเกลือนกว่า4,000ตัวในรัสเซีย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 ธันวาคม 2555 00:02 น.

พบเป็ดป่าตายเกลื่อนกว่า 4,000 ตัวในแคว้นคราสโนดาร์ ทางใต้ของรัสเซีย เจ้าหน้าที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์(30) พร้อมกล่าวโทษไวรัสหวัดนก H5 ต่อเหตุตายหมู่ครั้งนี้

"ต้นตอคือไวรัส H5 เชื้อไวรัสนี้เป็นที่ยืนยันแล้ว" โฆษกหน่วยงานเฝ้าระวังทางการเกษตรของรัสเซีย ประจำแคว้นคราสโนดาร์ บอกกับเอเอฟพี พร้อมเผยว่าเวลานี้อยู่ระหว่างตรวจสอบเหล่าเป็ดป่าที่เหลือ

ซากเป็ดป่าถูกพบตายเกลื่อนตามทะเลสาบต่างๆใกล้อนาปา เมืองท่องเที่ยวริมทะเลดำ ซึ่งผลจากการพบครั้งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ของแคว้นประกาศเตือนภัยขั้นสูงและมีการฉีดวัคซีนแก่เหล่าสัตว์ปีกและมนุษย์ในมาตรการป้องกันไว้ก่อน

 

อาการ“พ่อคูณ”ยังอันตราย ถุงลมโป่งพองกำเริบ รอประเมินใส่ท่อช่วยหายใจ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤศจิกายน 2555 16:27 น.






หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ เข้าพักรักษาอาการอาพาธด้วยภาวะปอดบวม ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา ล่าสุดยังอยู่ในเกณฑ์อันตราย เหตุโรคถุงลมโป่งพองกำเริบ แพทย์รอประเมินใส่ท่อช่วยหายใจ วันนี้ ( 30 พ.ย.)

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น


นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ (กลาง) และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รักษา หลวงพ่อคูณ


ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - แพทย์ รพ.มหาราชโคราช ระบุ อาการอาพาธ “หลวงพ่อคูณ” ภาพรวมดีขึ้นเล็กน้อย ยังเกิดอาการหอบและสำลักอยู่เป็นระยะๆ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์อันตราย เผยเฝ้าสังเกตอาการใกล้ชิดอีก 1-2 วัน ก่อนประเมินใส่ท่อช่วยหายใจ เหตุปอดบวมทำโรคถุงลมโป่งพองกำเริบ ส่งผลให้เกิดภาวะหลอดลมตีบ หอบเหนื่อย ขณะรพ.มหาราชฯออกประกาศอาการอาพาธหลวงพ่อคูณฉบับที่ 1

วันนี้ (30 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่เข้าพักรักษาด้วยภาวะปอดบวมจากการติดเชื้อแบคทีเรีย อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ วีไอพี 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา หลังถูกนำส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วนเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ( 29 พ.ย.)

ล่าสุดช่วงบายวันนี้ นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ได้นำทีมคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขา ต่างๆ ของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เช่น นพ.อนุชิต นิยมปัทมะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุกรรมโรคปอด , นพ.ธนากร อนันตเศรษฐกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางดินหายใจ , นพ.ชัยวิวัฒน์ตุงคะเสรีรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางสมอง , พญ.วิลาวัลย์ แสงศิรินาคะกุลแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมโรคติดเชื้อ เข้าตรวจอาการหลวงพ่อคูณ ที่ห้องผู้ป่วย อีกครั้งพร้อมวางแผนการรักษา

จากนั้น นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า จากการตรวจอาการครั้งล่าสุดในภาพรวมถือว่าดีขึ้นบ้าง รู้ตัวมากขึ้น ส่วนปอดถือว่าดีขึ้นแต่ยังต้องเฝ้าระวังอยู่ หลวงพ่อโต้ตอบดีขึ้นจากเมื่อวานที่มีอาการซึมไม่พูด ขณะนี้คณะแพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ ซึ่งการให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ ฆ่าเชื้อได้กว้างคลอบคลุมเชื้อได้มาก

อย่างไรก็ตาม ทางการแพทย์ยังถือว่า หลวงพ่อคูณ มีอาการหนักอยู่แม้จะดีขึ้นก็ตาม และคงต้องขอดูอาการอีกประมาณ 1 สัปดาห์ ว่าจะผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้หรือไม่ หากในช่วง 1 สัปดาห์อาการหนักกว่านี้อาจต้องช่วยการหายใจ หรือใส่ท่อช่วยหายใจซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ และช่วงนี้จะต้องเฝ้าระวังเรื่องภาวะแทรกซ้อนในระบบต่างๆ ด้วย เพราะเวลาระบบร่างกายรวนอาจจะพาเอาระบบอื่นๆ ที่เป็นปัญหาอยู่แล้วรวนตามไปด้วย

ด้าน นพ.อนุชิต นิยมปัทมะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุกรรมโรคปอด กล่าวว่า อาการอาพาธ หลวงพ่อคูณเกิดการสำลักทำให้น้ำย่อยและน้ำดีลงไปในปอด ซึ่งตอนแรกรับ หลวงพ่อมีอาการหอบเหนื่อยค่อนข้างมาก และเกิดกระตุ้นทำให้ถุงลมโป่งพองที่หลวงพ่อเคยเป็นโรคถุงลมโป่งพองมาก่อนอยู่แล้ว เกิดการกำเริบขึ้นมาอีก ส่งผลให้เกิดภาวะหลอดลมตีบทำให้เหนื่อย ทางคณะแพทย์ได้พยายามช่วยเต็มที่ โดยการพยายามดูดน้ำย่อยที่ลงไปในปอดออกมาให้ได้มากที่สุด

ตอนนี้การรักษาอาการหลอดลมตีบทางคณะแพทย์ได้ให้ยาขยายหลอดลมทำให้อาการดีขึ้นในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่คงต้องเฝ้าระวังเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาเพราะอาการเดิมท่านมีอาการทั้งโรคหัวใจและโรคอื่นๆ เกิดขึ้นด้วย ถ้าเกิดมีโรคอย่างอื่นกำเริบขึ้นในช่วงนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์อันตราย แต่หากเทียบระหว่างวันนี้กับเมื่อวานถือว่าดีขึ้นทั้งเรื่องอาการหลอดลมตีบ และอาการหอบเหนื่อย รวมถึงระดับค่าออกซิเจนในเลือดก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

“ส่วนภาวะปอดอักเสบ นั้น เกิดขึ้นทั้งสองข้าง จากการดูฟิล์มเอ็กซเรย์ตอนเช้ายังพบปอดเป็นฝ้าขาวทั้งสองข้างอยู่ ฉะนั้นตอนนี้คงต้องเฝ้าติดตามอาการในระยะเวลาช่วง 1-2 วันนี้ก่อนว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง หากเกิดอาการแย่ลงก็คงมีความจำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และ ตอนนี้ยังเกิดอาการหอบและสำลักอยู่เป็นระยะๆ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่อันตราย” นพ.อนุชิต กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันเดียวกันนี้ ( 30 พ.ย.) ทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ออกประกาศโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เรื่อง อาการอาพาธพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ) ฉบับที่ 1 ระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 พระเทพวิทยาคม ได้เข้ารับการรักษา ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ด้วยอาการอาเจียน สำลัก เสมหะมาก ไข้สูง หนาวสั่น สะอึกและซึมลง นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จึงได้มอบหมายคณะแพทย์ทำการตรวจวินิจฉัยโรค

ผลการตรวจร่างกายเบื้องต้นสรุปได้ ดังนี้ สาเหตุของอาการอาพาธครั้งนี้ คือ ปอดบวมจากภาวะสำลักน้ำย่อยและกรดในกระเพาะอย่างเฉียบพลัน และอาจมีภาวะติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย ผลการตรวจ ยังไม่พบภาวะแทรกซ้อนในระบบอื่น

สำหรับผลการตรวจในวันนี้ ( 30 พ.ย. ) อาการโดยรวมเริ่มดีขึ้น รู้สึกตัวมากขึ้น ไข้ลดต่ำลง หอบลดลง คณะแพทย์ได้ให้การรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำและรักษา แบบประคับประคอง งดให้อาหารทางสายยางผ่านช่องท้อง เปลี่ยนเป็นให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดแทน และเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอย่างใกล้ชิดต่อไป ขอความร่วมมือประชาชนงดการเยี่ยมอาการอาพาธ เพื่อให้พระเทพวิทยาคมได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ

จึงประกาศมาเพื่อทราบ ประกาศ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

 

เตือนภัยเฟซบุ๊ก! แก๊งต้มตุ๋นออกอาละวาดหลอกเหยื่อสาวให้โอนเงินแล้วกว่า 100 ราย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤศจิกายน 2555 16:38 น.
แก๊งต้มตุ๋นหลอกเหยื่อสาวให้โอนเงินให้

ตรัง - 2 ข้าราชการสาวเมืองตรังร้องตำรวจ ถูกแก๊งต้มตุ๋นชาวต่างชาติหลอกผ่านเฟซบุ๊กให้โอนเงินเข้าบัญชีแล้วเกือบ 1 แสนบาท ขยายผลตะลึง พบเหยื่อสาวถูกหลอกในลักษณะเดียวกันกว่า 100 ราย สูญเงินนับ 100 ล้าน เร่งสกัดก่อนขยายเครือข่ายไปมากกว่านี้

พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง ได้รับการร้องทุกข์จาก 2 ข้าราชการสาวในจังหวัดตรัง ว่า ถูกแก๊งต้มตุ๋นชาวต่างชาติซึ่งร่วมมือกับคนไทยหลอกลวงผ่านเฟซบุ๊ก โดยหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีไปแล้วเกือบ 100,000 บาท และยังมีอีกหลายรายต้องตกเป็นเหยื่อ แต่อับอายไม่กล้าเข้าแจ้งความ

แก๊งต้มตุ๋นดังกล่าว หลอกลวงโดยวิธีการใช้ชายหนุ่มชาวต่างชาติ รูปร่างหน้าตาดี ทำทีคุยเป็นเพื่อนกับสาวๆ ทางเฟซบุ๊ก เพื่อชวนคุยตีสนิท และบอกว่าจะมาแต่งงานด้วย โดยเน้นสาวที่มีฐานะ แม่ม่าย หรือสาวโสด ก่อนใช้สารพัดวิธีหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชี เช่น เรียกร้องความสงสาร ญาติเสีย และมีความจำเป็นต้องใช้เงินไปลงทุนในกิจการ หรือบางคนก็ถูกแบล็กเมล์ทำให้ผู้เสียหายใจอ่อน หรือจำยอมโอนเงินให้แก่แก๊งต้มตุ๋นดังกล่าว ผ่านหมายเลขบัญชีของเครือข่าย ซึ่งเปิดบัญชีในประเทศไทย

ทั้งนี้ เฉพาะข้าราชการสาวในจังหวัดตรัง รายแรกได้ติดต่อกับชายหนุ่มชาวอังกฤษทางเฟซบุ๊ก โดยอ้างชื่อว่า Mr.Wyne Smith (วินนี่ สมิทธ) ก่อนหลอกให้เหยื่อสาวตกหลุมรัก และโอนเงินให้ จำนวน 20,000 บาท ผ่านทางบัญชีธนาคารที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเปิดโดยหมอนวดสาวรายหนึ่ง ก่อนแก๊งต้มตุ๋นจะไปกดเงินออกมาจากประเทศมาเลเซีย และหลังจากนั้น ก็ยังพยายามแบล็กเมล์ให้โอนเงินอีก หลังจากที่เหยื่อสาวเผลอปล่อยภาพลับให้ไปทางเฟซบุ๊ก แต่เจ้าตัวไหวตัวเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน จึงได้ประสานอายัดบัญชีธนาคารดังกล่าว พร้อมประสานกับกองปราบปราม และศูนย์ประสานงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อติดตามคนร้ายแก๊งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ส่วนข้าราชการสาวรายที่ 2 ได้ติดต่อกับชายหนุ่มชาวอังกฤษทางเฟซบุ๊ก โดยอ้างชื่อว่า Mr.Alex Chris (อเล็กซ์ คริส) ก่อนหลอกให้เหยื่อสาวโอนเงินให้ จำนวน 60,000 บาท ผ่านทางบัญชีธนาคารที่ด่านไทย-จังโหลน หรือด่านนอก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งเปิดโดยสาวรายหนึ่งที่กรุงเทพฯ ก่อนแก๊งต้มตุ๋นจะไปกดเงินออกมาจากประเทศมาเลเซีย คล้ายกับเหยื่อสาวรายแรก และพยายามที่จะขอเงินเพิ่มเป็นหลักแสน แต่เจ้าตัวไหวตัวเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบพบว่า มีเหยื่อสาวทั่วประเทศถูกหลอกให้โอนเงินแล้วนับ 100 ราย มีมูลค่าความเสียหายนับ 100 ล้านบาท และการก่อเหตุทุกๆ รายล้วนมีความเชื่อมโยงกับแก๊งต้มตุ๋นรายนี้ทั้งสิ้น จึงจำเป็นจะต้องรีบสกัดกั้นก่อนจะขยายเครือข่ายไปมากกว่านี้

 

หิมะเกาะตามขนคิ้วและขนตาที่มองโกเลียในขณะใกล้ -40℃
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤศจิกายน 2555 18:35 น.

หญิงคนหนึ่งขณะเดินผ่านไซด์งานก่อสร้างที่มีผ้าใบขนาดใหญ่กั้นไว้
เอเยนซี่--เขตปกครองตนเองมองโกเลียในทำสถิติหนาวจัดใกล้-40℃ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ก่อนหน้าตั้งแต่กลางเดือน-ปลายเดือนพ.ย. เกิดหิมะตกหนักในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน โดยตกหนักสุดในรอบ 50 ปีที่มณฑลเฮยหลงเจียง

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.พื้นที่ส่วนใหญ่ในเมือง อูลานบาตอร์และบริเวณใกล้เคียง เขตปกครองตัวเองมองโกเลียใน ต้องเผชิญกับสภาวะลมพัดแรง และหิมะตกอย่างหนัก โดยเมื่อเวลาราว 7-8 โมงเช้า พื้นที่บางส่วนอุณหภูมิลดต่ำกว่า -34℃ โดยเฉพาะในเขตแม่น้ำ Ituriอุณหภูมิลดต่ำสุด -38℃ ซึ่งคาดว่าอุณหภูมิจะลดลงอีกจนถึงราว -40℃ ทางการจึงออกประกาศให้ชาวเมืองเตรียมรับมือป้องกันภัยหนาวและไข้หวัด ผู้ทำปศุสัตว์ไม่ควรกลับมืดค่ำ ควรรีบเคลื่อนย้ายอาหารสัตว์ เสริมความอบอุ่นแก่สัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ที่ตั้งครรภ์หรือเพิ่งเกิดใหม่

หิมะตกหนักสุดในรอบ 50 ปี ในมณฑลเฮยหลงเจียง

พื้นที่ส่วนใหญ่ในมณฑลเฮยหลงเจียง ต้องเผชิญกับสภาวะหิมะตกหนักตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนเรื่อยมา อาทิ

เมื่อวันที่ 12-14พ.ย.ในเมืองเฮ่อกั่ง เกิดปริมาณน้ำสะสม 59 มิลลิเมตร หิมะหนา 50 ซม. ทำลายสถิติสูงสุดที่กรมอุตุฯท้องถิ่นบันทึกไว้ในเดือนพ.ย.ปีพ.ศ.2498

เมื่อวันที่ 19 พ.ย.อุณหภูมิในเมืองฮาเอ่อร์ปิน(ฮาร์บิน)เกิดลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำในแม่น้ำซงฮวา เกือบตลอดสายกลายเป็นน้ำแข็ง เรือทุกชนิดต้องหันหัวเรือกลับเข้าฝั่ง และงดการเดินเรือตลอดเส้นทางเดินเรือในแม่น้ำ

เมื่อวันที่ 27-28 พ.ย.หิมะยังคงตกหนักในเมืองฮาเอ่อร์ปิน (ฮาร์บิน)และเป็นหิมะที่ตกหนักที่สุดในฤดูหนาวของปีพศ.2555 นี้

สายการบินในมณฑลซินเจียงดีเลย์เพราะหิมะตกหนัก

วันที่ 20 พ.ย.ที่สนามบินนานาชาติตี้วัวเป่า เมืองอูลูมู่ฉี มณฑลซินเจียง เกิดหิมะตกหนัก ทางสนามบินต้องประกาศระงับการบิน เพื่อเคลียร์หิมะให้พ้นจากรันเวย์ อีกทั้งก่อนขึ้นบิน เครื่องบินแต่ละเครื่องยังต้องกำจัดหิมะหรือน้ำแข็งที่เกาะอยู่ ทำให้สายการบินหลายสายต้องดีเลย์ อาทิสายการบิน southern china airlines ต้องดีเลย์ถึง 26 เที่ยวบินด้วยกัน