ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง

ถ้ายังไม่เข้าใจยังไง..สอบถามความให้ละเอียดมาได้ ครับ...

วันนี้ มันเข้า เวป ยาก จัง..

 

ก่อนนอน นั่งสมาธิจะช่วยได้ครับ
สัก 5 นาที จับที่ลมหายใจ เข้า และ ออก
การยุบตัวของท้องน้อยก็ได้ครับ สังเกตตัวเอง
ว่าส่งใจไปข้างนอกหรือเปล่า สัก 5 นาที พอที่
ใจเรารวมเป็นหนึ่ง

พอตื่นเช้ามา จะรู้สึกว่าโปร่งสบายครับ...

ผมเองก็เป็นคนที่นอนแล้ว จำความฝันไม่ค่อยได้ แต่ไม่ได้
ไปใส่ใจกับมัน จึงทำให้ไม่รู้สึกว่าฝัน เพราะฝัน ก็คือนิมิต
ที่ไม่ได้อยู่บนโลกจริง ตื่นมาก็สูญหายไป

แต่นั่งสมาธิบ่อยๆ ทีไร ผมจะรู้ตัวว่าฝันตลอดนี่สิครับ
คือ เดินในฝัน มีความรู้สึก บอกใครในความฝันก็ไม่มีใครเชื่อ
เลยบอกตัวเองว่า....แปลกดีครับ เกี่ยวกับสมาธิหรือเปล่าก็ไม่รู้

 

แล้ววันอาทิตย์ล่ะครับ เขาแขวนพระอะไรครับ

 

ลองสวดบทยันทุนในเจ็ดตำนานดูสิครับ

 

แล้วมีวิธีทำให้นอนหลับไหมครับ พอดีเป็นคนนอนยาก หลับๆ ตื่นๆ ครับ บางทีก็นอนไม่ค่อยหลับ

 

ผมว่าหลับยากเป็นไปได้หลายปัจจัยนะครับ
สาเหตุหนึ่งที่ผมเจอ คือ เกิดจากเหตุภายใน
นั่นก็คือ ตัวของเรานั่นเอง การตั้งแง่ หรือตั้งธง
สำหรับตัวเอง เพื่อเป็นปัจจัยในการนอน
เช่น ต้องอยู่ห้องตัวเอง ต้องอากาศเย็น ซึ่ง
เป็นเหตุปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรานอนได้ยาก
หากไปอยู่ที่สภาวะที่ไม่คุ้นเคย

 

ขอบคุณครับ จะลองนำไปปฏิบัติครับ ..... ^^

 

ครู

วันนี้วันพฤหัสฯ...รู้สึก นั่งสมาธิแล้วจะแจ่มใสเป็นพิเศษ...เพราะวันครู ครับ

ปกติ วันพระผมก็จะ สวดมนต์ นั่งสมาธิ..มากกว่าปกติ..

แต่ถ้าวันครู..วันพฤหัสฯ ผมจะ ทบทวบวิชาคาถาอาคมเพื่อระลึกถึงครูอาจารย์ที่ทั้งล่วงลับ และยังอยู่..จากนั้น นั่งสมาธิ..อุทิศส่วนกุศลเพื่อแสดงทุติตาจิต

สำคัญมากครับ คำว่า ครู ...สมัยนี้ มักไม่ค่อยผูกพันเท่าไหร่
เนื่องจากสภาพสังคมเปลี่ยนไป..อะไรๆก็ได้ดั่งใจ..ไปครอบครูก็แค่ ๕ นาที ๑๐ นาที หรือไปสักก็แค่ได้เห็นหน้าครู ตอนว่าคาถาลูบไล้ที่รอยสัก.(เพราะคนสักก็ไม่ใช่ครู) แล้วก็กลับบ้าน..แล้วเราก็บอกว่านั่นแหละคือ ครู เรา
แต่ท่านรู้จักคำว่า ครู เพียงใด ลองไปนั่งทบทวบดูครับ

คำว่า ครู สมัยก่อนนั้น ขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก..ไม่มีเรียนวิชาแบบ
สามัคคีวิทยาคม แบบนี้ ครับ..๕๕ ขอตั้งชื่อหน่อย.
ต้องไปแบบเพียรไป..๑ ๒ ๓ หรือ อาจจะแห้ว..มีหลายเหตุผล

แต่ผมดีอยู่ อย่างหนึ่ง..อาจเพราะ อาชีพ..พอท่านรู้เป็นทหาร ท่านจะกรุณาเป็นพิเศษ และเราก็ไปแบบ อ่อนน้อมถ่อมตน..เมื่อฝากตัวแล้วก็ยังแวะเวียนไปมาหาสู่..ถามไถ่..เพื่อแสดงมุทิตาจิต..นำสิ่งของไปฝาก แค่นี้ครู ก็ตื้นตันใจแล้วครับ..

เมื่อฝากตัวแล้ว สมัยก่อนนั้นการสัญจร ลำบาก.ต้องเพียรมาก..ไม่ใช่เรียนวันเดียวจบ ยกครู น่ะวันเดียว แต่ ต่อวิชา นี่..บางครั้งเกือบปี
ผมจำได้ ต้องนั่งรถเมล์ จากอุตรดิตถ์ ไปลงท่ารถเพชรณ์บูรณ์ นั่งสองแถวต่อไปอีก..และคอยโบกรถชาวบ้านผ่านไป กว่าจะถึงบ้านครู ก็.เสื้อผ้ามีแต่ฝุ่น

ไปนอนไปกิน..นั่งคุยกันในยามค่ำคืน..เพื่อสามถามประสบการณ์..
ที่เราอยากรู้...และเพื่อเก็บไว้เป็นบทเรียน เพื่อต่อยอด..จึงมารู้ว่าสำคัญมาก
โดยเฉพาะวิชา รักษาคน..เพราะง่ายต่อการ สมมุติฐาน..สาเหตุ

แล้ว สมัยนี้..ทุกท่านๆเรียนแบบไหน..ผมก็ไม่อาจทราบได้

แต่ถ้า ครูอาจารย์ ท่านใด ที่ถ่ายทอดให้ผมแล้ว ผมจะเคารพท่านสุดใจ ครับ และตลอดชีวิต แห่งความเป็นครู ..
อ

 

หลับไปกับพุทโธ ครับ นอนไป ภาวนาไป ไม่ฝันแน่นอน แต่ถ้าได้ฝัน จะแม่นมากๆ

ผมเป็นคนนึง ที่นอนไม่ค่อยฝัน เพราะผมหลับไปกับพุทโธ นี่แหละครับ แต่ก่อนฝันเลอะเทอะ มากๆ พอได้ฝึกสมาธิ หลับไปกับพุทโธ แทบจะไม่มีฝันเลย แต่พอฝัน จะเป็นฝันแบบเทพสังหร แม่นมาก

 

ครู

หลายท่านอยากยกครูเอง ผม ก็อยากแนะนำว่าทำได้ครับ ไม่ใช่ว่า ทำไม่ได้ แต่ ผมต้องอธิบายในขั้นต้นก่อนว่า
ไม่มีวิชาใด ในโลกนี้ เรียนรู้เอง แล้วเก่ง...ไม่มีแน่นอน

แต่ก็มีทุกวิชาในโลกนี้ที่เรียนรู้เอง..แล้วทำได้..พอใช้ได้..แต่จะไปเทียนชั้นที่เขาสำเร็จมาจาก เฉพาะสาขาคงยากสักหน่อย..

หมอจบมาเรียนยเท่ากัน รักษาคน..พอจะรักษาเฉพาะทาง ก็ต้องไปเรียนใหม่
ไม่มีใคร เปิดตำราเรียนเองฝึกเอง ทั้งๆที่หมอแต่ละคนก็มีตำรากันหมด.ยกตัวอย่างครับ..ทางวิชาการธรรมดาครับ

ไสยศาสตร์ ก็เช่นเดียวกัน จะให้ สำเร็จดั่งใจปารถนา นั้น..ต้องเข้าใจพื้นฐานตามที่ผมอธิบายก่อนครับ..ไม่งั้น..จะบอกว่า ไม่เห็น ขลัง เลย
เพราะระดับความขลังก็มีจำกัด..ทุกอย่างในโลกนี้มีข้อจำกัด มีสิ่งควบคุม
มีความสมดุลซึ่งกันและกันในโลก...

ไม่งั้น ถ้าผมเก่งจริง มีวิชาเมตตาแรงสุดๆ ก็ไปเอานางสาวไทยมาเป็นภรรยาไม่ดีเหรอครับ..พอเบื่อ ก็เปลี่ยน...

ไม่ได้ ครับ ในโลกนี้ มีกฏธรรมชาติ รักษา สมดุลไว้ คือ กรรม

 

ครู

ดังนั้น..ก็ขอให้ทำความเข้าใจแบบผมอธิบายก่อน..เมื่อเข้าใจ เราก็สบายใจ..
อ้อ กรรม นี่ผมไม่อธิบายแล้วครับ มันกว้างขวางลึกซึ้ง.ไปหาทางทำความเข้าใจกันเอง ถ้าเรา คือชาวพุทธ...แต่ถามว่า มันจะฝืนได้บ้างไหม..

กฏหมายก็มีช่องโหว่ กำแพงก็มีทางเข้า..กรรม ก็มี หนักเบา ทุเลา เบาบาง ได้ตามสภาวะ...ดังนนั้น อยู่ที่ตัวเรา ครับ

เมื่อใจเราสบาย สงบ กับคำว่า กรรม...(ปล่อยวาง แบบ ช่างมัน.ก็ไม่ได้นะ๕๕ ) แต่ เข้าใจ แบบ ผู้มีปัญญา ครับ นำไปตีความ ปริศนา กันเอาเอง

มาถึง การยกครู ต่อ...ตามที่ผมลงไปให้ครับ..

ยกครูใช้ ขัน๕-๘ เมื่อครูรับเสร็จ ก็ ทำขัน รับ/เชิญครู
เรียกว่าขันรับครู ก็มี เทียนสีผึ้งแท้ ๙ เล่ม ธูป ๙ ดอก ดอกมะลิ ๙ ดอก (ครั้งแรก..ต่อไปอนุโลม ใช้สีขาว) ดอกไม้ ก็ ประมาณ ๒ สัปดาห์เปลี่ยนครั้ง ..พานนี้ วางไว้ที่หน้าพระ ครับ

แต่ถ้าอีก ขัน หนึ่ง ที่เรียกว่า ขันตั้งครูทำพิธี นี่หมายถึง
สมมุติเราจะทำพิธีอะไร ที่ต้องการให้ถูกต้อง..อย่างเช่น คนมาหาผมให้ รดน้ำมนต์ ให้ ก็ต้องตั้ง ขันครูทำพิธี ให้ผม...ภายในพานก็มี
ดอกไม่้ขาว๙ ดอก ธูป ๓ ดอก เทียนสีผึ้งแท้ ๑ เงินค่าครู แล้วแต่ สำนัก ส่วนครูผม แล้วแต่จะให้..(บางคน ๑๐,๒๐ บาท)ก็หายเหมือนกัน
นี่ใช้จุดบูชา เพื่ออาราธนา ครู มาช่วยให้คาถา ขลัง ว่างั้น เถอะ.

นี่คือ แนวทางวิธีปฏิบัติของครูผม...ใครนำไปใช้ก็ได้..แนวนี้

ส่วนใครจะมีแนวอื่น ก็ มาบอกต่อกันไปครับ..ผมว่าคงไม่ผิดเพี้ยนกันเท่าไหร่

 

ท่านส่างปา ถามเรื่อง นอนไม่หลับ นี่ผมตอบยากนะ..เพราะผมน่ะไม่มีประสบการณ์ นอนไม่หลับ

มีแต่หัวถึงหมอนไม่ถึง ๕ นาที..หลับสนิท..๕๕๕

คนที่นอนไม่หลับ ถือว่า มีกรรม ๕๕ อย่าตกใจนะ.

กรรมที่ว่า คือ ถ้าไปนอนที่หลังเขาไปหมู่มาก
ไปเจอพวก นอนเร็ว กรนเร็ว
จะยุ่ง แบบนี้ เสียเปรียบครับ..

ลองฝึกหลายๆวิธี..เท่าที่ท่าน สวดผมก็ว่า ดีหมดแล้วนะ.
อย่างหลายท่านแนะนำก็ดี ครับ ลองดู..
บท ยันทุนฯ ก็น่าจะท่อง ทุกคืน ถ้ากลัวฝันร้าย.

แต่ถ้าไม่ให้ฝันเลย...ก็คงยาก..๕๕๕ ไม่อยากฝันเห็น เลขมั่งรึ

 

แต่ถ้าคนที่นอนไม่หลับจริงๆ..ถ้าใจเด็ดเดี่ยวนะ(ต้องเด็ดจริง)...ลองแบบ นั่งสมาธิ ทั้งคืนเลยได้ไหมล่ะ

นั่งไปจนมันจะหลับคาสมาธิก็หลับไปเลย แบบนี้ ดีนะ

ผมเคยฝึกแบบนั้น ตอนฝึกสมาธิใหม่ๆ แต่ปัญหาผมคือ ง่วง มันง่วงนักหนา
เวลาจะนั่งนี่ หาว วอดๆๆ..เวลาไม่นั่งกลับไม่ง่วง ..

เลยนั่งมันทั้งๆที่ง่วงแหละ..หลับไปนั่งไปทั้งคืน..แต่อย่า นอนนะ
ทำไป ๓ วัน นี่ ต่อมา ผม ตาแจ้งเลย..๕๕๕ (บ้านผมพูดตาสว่าง ว่า ตาแจ้ง.) คราวนี้ มันก็ไม่มีอีกเลยนะ คำว่า ง่วง..

อีกวิธี ถ้าใคร จะลองใช้ วิธีพวกชอบวิชาคาถา ก็ ภาวนา บทคาถาที่เราชอบที่สุด...ภาวนาทั้งวันเลยนะ..ทุกลมหายใจ เข้าออก
หรือจะตั้ง เป้า แค่ ๑ ชม. ก่อนก็ได้..ค่อยๆขยับไป เป็น ๓,๔,๕ ชม.
ก็ได้อีกวิธี..ทำให้ เรา มี จิต เป็น สมาธิเร็ว

แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น...ขันติ วิริยะ ต้องมาก่อน..
.

 

ค่อยยังชั่วหน่อย..ได้ เสพ ข้อมูลตอนเช้า..ไม่ลงแดงแล้ว..5555....

 

เรื่องความสำเร็จ..ครับ..
ผมเคยได้มีโอกาสไปกราบเรียนข้อธรรมะกับ ท่านครูบาบุญชุ่มฯ ที่ อ.เชียงแสน ฯ ..วันนั้น ตั้งใจไปถามธรรมะจริงๆครับ..ก็ได้นั่งคุยกับท่านบนหอคอยสูงๆ...ท่านก็ถามว่ามาทำไม ผมตอบว่า มาหาครูบา ไม่ได้มานานแล้ว..อยากได้ ธรรมะ ข้อนึงครับ...ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร..คุยไปเพลินๆ ท่านก็ถามว่า นี่อยากได้ไหม..ที่ชี้ไปที่ หินธิเบต ที่ท่านคล้องข้อมือ(ท่านได้จากธิเบตมานานแล้ว) ผมบอกว่าไม่อยากได้(ใจจริงก็ไม่อยากได้ครับไม่รู้จะเอาไปทำไม) ท่านบอก ไม่อยากได้ เอาไปเลย ท่านก็ถอดให้มาใส่ข้อมือผม..
คนอื่นก็ตัดพ้อ ว่า ครูบาครับ คนอยากได้ไม่ให้ ทำไมให้คนไม่อยากได้ ท่านก็หัวเราะ..แล้วบอกผมว่า ทุกอย่างจะสำเร็จได้ ด้วย ธรรม ๕ ข้อนี้
เท่านั้น (ผมเลยขอใช้ ลักษณะอธิบาย ตามที่พระนาคเสนตอบปัญาหาอธิบายพระมิลินทละกันเพราะท่านอธิบายลักษณะได้ชัดดี)
ศรัทธา ผ่องใส ดั่งแล่นไป
วิริยะ ค้ำจุนไว้(ดั่งค้ำเรือนที่โยกเอียง)
สติ มีการเตือนเป็นลักษณะ(รู้จัก ดำ-ขาว)
สมาธิ น้อมไป(ดั่งทหารน้อมไปในพระราชา)
ปัญญา ดั่งแสงประทีบกำจัดความมืด..

ท่านบอกว่า ทุกข้อในธรรมนี้ ใช้ สติ คุม
นำไปปฏิบัติเถอะ...ผมก็ใช้เป็นแนวทาง ทั้งทางโลก ทางธรรม ทุกวันนี้
เลยนำมาฝาก สมาชิก..ครับ [/COLOR]

 

สวัสดีครับพี่ tang 2536 ช่วงนี้มีข้อมูลความรู้ให้อ่านให้ศึกษาเยอะเลยครับ สบายดีนะครับพี่ ...

 

ผมคิดออกแล้วครับว่าทำอย่างไรถึงจะให้นอนหลับได้ง่ายๆ ^____^

คือ. . .หาหนังสืออะไรก็ได้ที่น่าเบื่อๆ(หนังสือเรียนจะดีมากๆ) รับรองว่านอนหลับได้ง่ายแน่ๆ แค่เห็นหน้าปกหนังสือก็เริ่มหาวแล้ว พอเปิดได้สักหน่อยเริ่มอยากนอนแล้วครับ อิอิ

เหตุที่บอกอย่างนี้เพราะว่าเวลาอ่านหนังสือเรียนแล้วง่วงนอนทุกที อิอิอิ (ขำๆเด้อครับ)

คำเตือน ห้ามนำหนังสือที่เราสนใจมาอ่านเด็ดขาดเพราะว่าอาจทำให้ไม่ได้นอนแน่ๆ เพราะว่าถ้าอ่านไม่จบมันจะวางไม่ลงจริงๆ



ปล.

สำหรับผมถ้าวิธีการอ่านหนังสือไม่ได้ผลแล้ว ผมจะลุกขึ้นมาเดินจงกรมสักห้านาทีสิบนาที แล้วนั่งสมาธิต่อครับ คราวนี้ไม่ต้องกำหนดเวลาอยากนั่งเท่าไรก็ไปเรื่อยๆเลยครับ เพราะว่าผมว่าการนั่งสมาธิก็คล้ายๆกับการพักผ่อนไปในตัวเหมือนกัน ถ้าเมื่อยก็ทนไปสักพักถ้าไหวก็ต่อไปเรื่อยๆแล้วถ้าไม่ไหวจริงๆก็ลุกเดินจงกรมต่ออีกสักพัก แล้วค่อยนอน ผมว่าน่าจะช่วยได้มากทีเดียวครับ (ส่วนคำบริกรรมต่างๆจะใช้หรือไม่ใช่ก็ได้ครับ จะกำหนดลมหายใจหรือว่ามียุบหนาพองหอ พุทโธ สัมมาอรหัง อะไรก็แล้วแต่ครับตามจริตนิสัยของเราครับ)

 

ขอบคุณครับ ได้ยามาหลายขนาน เดี๊ยววันนี้กลับไปลองครับ วันละอย่าง ๆ ..... ครับ ....

 

แรกๆก็สบายดี..

แต่จะไม่ สบาย ตอนนี้ หนุ่มๆ มาขอวิชาเด็ดๆ ไปจีบสาวนี่สิ

จะไม่สบายเอานะ ๕๕๕๕

 

คุณส่างปา หรือทุกท่านที่มักฝันร้าย นอนไม่หลับ ลองเอาบทนี้ไปสวดดู ท่านว่าดีนักแล

เมตตานิสังสสุตตปาฐะ

เอวัมเม สุตัง. เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเม. ตัต๎ระ โข ภะคะวา ภิกขู อามันเตสิ ‘ภิกขะโวติ. ‘ภะทันเตติ ภิกขู ภะคะวะโต ปัจจัสโสสุง. ภะคะวา เอตะทะโวจะ ‘เมตตายะ ภิกขะเว เจโตวิมุตติยา อาเสวิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ ยานีกะตายะ วัตถุกะตายะ อะนุฏฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ เอกาทะสานิสังสา ปาฏิกังขา. กะตะเม เอกาทะสะ

สุขัง สุปะติ.
สุขัง ปะฏิพุชฌะติ.
นะ ปาปะกัง สุปินัง ปัสสะติ.
มะนุสสานัง ปิโย โหติ.
อะมะนุสสานัง ปิโย โหติ.
เทวะตา รักขันติ.
นาสสะ อัคคิ วา วิสัง วา สัตถัง วา กะมะติ.
ตุวะฏัง จิตตัง สะมาธิยะติ.
มุขะวัณโณ วิปปะสีทะติ.
อะสัมมุฬ๎โห กาลัง กะโรติ.
อุตตะริง อัปปะฏิวิชฌันโต พ๎รัห๎มะโลกูปะโค โหติ.

เมตตายะ ภิกขะเว เจโตวิมุตติยา อาเสวิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ ยานีกะตายะ วัตถุกะตายะ อะนุฏฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ อิเม เอกาทะสานิสังสา ปาฏิกังขาติ. *

* จนถึงตรงนี้ อยู่ในพระสูตร องฺ. อฏฺฐก. 23/91/151/7

..........................................................................

แบบมีคำแปล

เอวัมเม สุตัง.
ข้าพเจ้า [คือพระอานนท์] ได้สดับมาแล้วอย่างนี้.

เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเม.
สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จประทับอยู่ที่เชตวันมหาวิหาร ซึ่งเป็นอารามของอนาถปิณฑิกคฤหัสบดี ใกล้เมืองสาวัตถี.

ตัต๎ระ โข ภะคะวา ภิกขู อามันเตสิ ‘ภิกขะโวติ.ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ‘ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย.’

‘ภะทันเตติ ภิกขู ภะคะวะโต ปัจจัสโสสุง.
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว.

ภะคะวา เอตะทะโวจะ ‘เมตตายะ ภิกขะเว เจโตวิมุตติยา อาเสวิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ ยานีกะตายะ วัตถุกะตายะ อะนุฏฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ เอกาทะสานิสังสา ปาฏิกังขา. กะตะเม เอกาทะสะ
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระดำรัสนี้ว่า ‘ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมตตาอันเป็นไปเพื่อความหลุดพ้นแห่งจิตนี้ อันบุคคลบำเพ็ญจนคุ้นแล้ว อบรมแล้ว ทำให้มาก ทำให้เป็นยวดยานของใจ ทำให้เป็นที่อยู่ของใจ ตั้งไว้เป็นนิตย์ อันบุคคลสั่งสม พากเพียรดีแล้ว ย่อมมีอานิสงส์ 11 ประการ. อานิสงส์ 11 ประการอะไรบ้าง. คือ

1) สุขัง สุปะติ. หลับอยู่ก็เป็นสุข.
2) สุขัง ปะฏิพุชฌะติ. ตื่นก็เป็นสุข.
3) นะ ปาปะกัง สุปินัง ปัสสะติ. ไม่ฝันร้าย.
4) มะนุสสานัง ปิโย โหติ. เป็นที่รักของเหล่ามนุษย์ทั้งหลาย.
5) อะมะนุสสานัง ปิโย โหติ. เป็นที่รักของเหล่าอมนุษย์ทั้งหลาย.
6) เทวะตา รักขันติ. เทวดาย่อมคุ้มครองรักษา.
7) นาสสะ อัคคิ วา วิสัง วา สัตถัง วา กะมะติ. ไฟก็ดี ยาพิษก็ดี ศาสตราก็ดี ย่อมทำอันตรายไม่ได้.
8) ตุวะฏัง จิตตัง สะมาธิยะติ. จิตย่อมเป็นสมาธิได้เร็ว.
9) มุขะวัณโณ วิปปะสีทะติ. สีหน้าย่อมผ่องใส.
10) อะสัมมุฬ๎โห กาลัง กะโรติ. เป็นผู้ไม่ลุ่มหลงทำกาละ [ตายอย่างมีสติ].
11) อุตตะริง อัปปะฏิวิชฌันโต พ๎รัห๎มะโลกูปะโค โหติ. เมื่อยังไม่บรรลุคุณวิเศษอันยิ่งๆ ขึ้นไป ย่อมเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลก.

เมตตายะ ภิกขะเว เจโตวิมุตติยา อาเสวิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ ยานีกะตายะ วัตถุกะตายะ อะนุฏฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ อิเม เอกาทะสานิสังสา ปาฏิกังขาติ.ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมตตาอันเป็นไปเพื่อความหลุดพ้นแห่งจิตนี้ อันบุคคลบำเพ็ญ จนคุ้นแล้ว อบรมแล้ว ทำให้มาก ทำให้เป็นยวดยานของใจ ทำให้เป็นที่อยู่ของใจ ตั้งไว้เป็นนิตย์ อันบุคคลสั่งสม พากเพียรดีแล้ว ย่อมมีอานิสงส์ 11 ประการเหล่านี้.*