จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    ขออนุโมทนาบุญกับจิตบุญ คุณพ่ออุดร 105 + คุณแม่ภิรมย์ 106 พร้อมทั้ง ครูวิทย์และครูอภิชัย ด้วยนะค่ะ....สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
    พี่อภิชัยเยี่ยมยอดจริง:cool: ยินดีด้วยนะค่ะสิ่งประเสริฐที่สุดในชาตินี้ได้บังเกิดขึ้นกับพี่อภิชัยแล้ว...วิธีเดียวที่จะตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ได้หมดสิ้นก็มีเพียงหนทางนี้ล่ะค่ะ เห็นแล้วประทับใจจริงๆ ค่ะ
    :cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 4722204_3.jpg
      4722204_3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.9 KB
      เปิดดู:
      38
  2. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    คูณพ่ออุดรเป็นข้าราชการครูบำนาญ คุณแม่ภิรมย์ เป็นแม่บ้าน ทั้งสองท่านปฏิบัติธรรม อยู่ในศีลธรรมมาอย่างยาวนาน จุดเปลี่ยนในชีวิตของทั้งสองท่าน เมื่อประมาณ ปี ๒๕๒๗ เกิดวิกฤตแชร์ลูกโซ่ ในช่วงนั้น ท่านก็เป็นหนึ่งในเหยื่อของผู้ถูกหลอกลวงในครั้งนั้น ต้องสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก ต้องขายบ้าน ขายที่นาไปเป็นจำนวนมาก เห็นความสลดสังเวชของชีวิตและเบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิดยิ่งนัก ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญให้เบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิด ท่านจึงมุ่งทำบุญทำทาน รักษาศีล แต่ไม่สามารถปฏิบัติวิปัสสนาได้เพราะไม่ทราบและไม่มีครูสอนปฏิบัติ ทั้งๆที่ท่านทราบว่าทางนี้จะไปสู่ความพ้นทุกข์ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก

    เมื่อปี ๒๕๕๒ ลูกชายได้ปฏิบัติภาวนาในแนวทางของหลวงพ่อปราโมช เป็นการเจริญสติปัฏฐานสี่ ในแนวสุขวิปัสโก ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ไม่ยากในยุคปัจจุบัน ซึ่งจากการปฏิบัติของลูกชาย ท่านได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวของลูกชายหลายๆอย่าง เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งสองท่านจึงได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของลูกชาย ท่านทั้งสองมีความเพียร ได้ปฏิบัติภาวนาและเจริญสติในชีวิตประจำวัน จนแยกจิตแยกกายได้ระดับหนึ่ง เห็นขันธ์ห้า แยกเป็นส่วนๆ ท่านทั้งสองมีความพอใจในการปฏิบัติภาวนาเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะช้าจะนานเพียงใด กี่ภพกี่ชาติ ท่านตั้งปนิธานจะไปสู่พระนิพพานให้ได้ ในการปฏิบัติภาวนาเจริญสติ คุณแม่ภิรมย์ จะมีความก้าวหน้าในการเจริญสติเป็นอย่างมาก เห็นการเกิดดับของจิตได้บ่อยๆ สำหรับคุณพ่ออุดร ท่านถนัดทางด้านนั่งสมาธิและเจริญสติไปด้วย

    ต่อมาเมื่อปลายปี ๒๕๕๔ ลูกชายก็ได้นำศาสตร์ของหลวงปู่ดู่ มาแนะนำท่าน ทั้งสองท่านเกิดศรัทธาในหลวงปู่อย่างเต็มเปี่ยม และปฏิบัติตามศาตร์ของหลวงปู่ควบคู่กับการเจริญสติไปด้วย ท่านสามารถมองภาพหลวงปู่จนสามารถสื่อกับหลวงปู่ได้ โดยเห็นการเคลื่อนไหว การเปลี่ยนหน้า และรูปร่าง ในแบบต่างๆ ของหลวงปู่จากในภาพได้

    เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ลูกชายได้แนะนำศาตร์จิตเกาะพระให้ท่านทราบ ซึ่งก่อนที่ลูกชายจะแนะนำศาสตร์เกาะพระให้ท่านทราบ ท่านได้พูดออกมาก่อนว่า พ่อได้ไปนั่งสมาธิ ในนิมิตที่เห็นเป็นวัดหรือศาลาใหญ่ ท่านนั่งอยู่ท่ามกลางผู้คน และมีคนอื่นจะมานั่งใกล้ๆท่าน ทันใดนั้นได้มีเสียงเสียงดังมาจากศาลาว่า “ที่นี่เป็นที่นั่งสำหรับคนจะไปนิพพาน คนอื่นถอยออกไป”และในนิมิตจากสมาธิ ก็ได้เห็นแม่เข้าไปนั่งอยู่คู่กัน จนจิตถอนออกมาจากสมาธิ...เมื่อลูกชายแนะนำวิธีปฏิบัติตามศาสตร์จิตเกาะพระ ท่านจึงไม่ลังเล และมีความศรัทธาอย่างเต็มที่ ลูกชายได้บอกให้ท่านทั้งสองทราบว่า ท่านได้เจริญสติ และระลึกภาพพระได้ อยู่แล้ว เพียงแค่เรียนให้ถูกต้อง และปรับอารมณ์ให้ถูกเท่านั้น เพราะพื้นฐานท่านทำมาดีแล้ว...ลูกชายได้โทรไปปรึกษากับครูวิทย์ ครูวิทย์ได้ตรวจสอบและรับเป็นครูสอนท่านทั้งสอง ..ท่านทั้งสองได้เริ่มเรียนครั้งแรกในวัน ที่ ๑ พ.ย.๕๕ เวลา ๑๗.๓๐ น ทางโทรศัพท์ ทุกเย็น

    ท่านไปได้เร็วมาก ปฏิบัติได้ถูกต้อง ไม่ต้องแก้ไขปรับปรุงมาก คุณพ่ออุดรท่านชอบนั่งสมาธิ และได้เห็นในนิมิต ว่าหลงทางวกวนไปใหนไม่ถูก ต้องใช้เวลาถึงเจ็ดวันถึงจะออกจากทางได้ และได้ขี่ม้าออกจากทางด้วยความสบายอกสบายใจ ท่านเล่านิมิตให้ฟังเมื่อประมาณสามวันก่อนหน้านี้ ..ปกติท่านพักอยู่อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ วันนี้ท่านเดินทางมาเยี่ยมลูกชายที่จังหวัดนครพนม

    และในวันนี้เวลาประมาณสี่ทุ่ม ครูวิทย์ได้โทรศัพท์แจ้งให้ทราบว่าจิตยกแล้ว ลอยคู่กันไปบนพระนิพพาน ท่านทั้งสองได้เข้าไปกราบพระ และอธิบฐานต่อสมเด็จพ่อองค์ปฐมในหลายๆอย่าง และจะช่วยงานท่านพ่อเพื่อเพื่อเผยแพร่ศาสตร์จิตเกาะพระอย่างเต็มที่...ท่านได้กล่าวขอบพระคุณครูวิทย์อย่างตื้นตันใจ... และจะมาในงานเพื่อแสดงความขอบคุณครูวิทย์ และครูจิตบุญท่านอื่นๆ ในวันที่ ๑๗ พ.ย. นี้ด้วย

    รวมระยะเวลาที่ท่านปฏิบัติ ๗ วัน พื้นฐานที่ท่านทำมาเดิม และการรักษาศีล๘อย่างเคร่งครัด ประกอบกับท่านศรัทธาอย่างเต็มที่ การปฏิบัติของท่านไม่มีการลังเลสงสัยใดเลย ครูบอกอย่างไรท่านทำตามทุกอย่าง จึงเป็นปัจจัยให้การปฏิบัติของท่าน เป็นไปอย่างรวดเร็ว..และเป็นสิ่งยืนยันที่สำคัญว่า การปฏิบัติจิตเกาะพระเป็นศาสตร์ที่สำคัญและเห็นผลการปฏิบัติที่รวดเร็ว ในการปฏิบัติต้องมีครูอาจารย์คอยดูแลชี้แนะอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ท่านทั้งสองจะระลึกภาพพระได้บ่อยๆ และเจริญสติอยู่เนืองๆ แต่ก็ติดอยู่แค่นี้ ไม่สามารถได้ฌานเพื่อเดินวิปัสนาตามแนวทางนี้ได้ ต่อเมื่อได้มาเรียนกับครูอาจารย์อย่างถูกต้องแล้ว จึงได้ฌานและเดินวิปัสนาในแนวทางนี้ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ...

    ขอบพระคุณครูวิทย์ และครูจิตบุญทุกๆท่านเป็นอย่างสูง และขออนุโมทนากับจิตบุญที่ ๑๐๕ และ ๑๐๖ ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 พฤศจิกายน 2012
  3. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ขออนุโมทนาบุญ กับคุณพ่อ อุดร จิตบุญดวงที่ ๑๐๕ คุณแม่ภิรมณ์ จิตบุญดวงที่ ๑๐๖ ครูผู้สอน และครูจิตบุญทุกท่านค่ะ ดอกบัวคู่ น่ารักจังค่ะ สาธุ
     
  4. จารุณี22

    จารุณี22 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +1,403

    สาธุ สาธุ โมทนาสาธุอย่างไม่มีประมาณกับคุณอภิชัย
    และคุณพ่ออุดร คุณแม่ภิรมย์คะ


    ;aa2
     
  5. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    ขออนุโมทนา กับ คุณพ่อ+คุณแม่ ของคุณอภิชัย จิตบุญที่105 และจิตบุญ106 และครูผู้สอนทุกท่านด้วยค่ะ ...สาธุ:cool:
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    กิเลสคนเรา​

    อะไรเนียนที่สุด?
    (ไม่ใช่ผิวคน แต่เป็นมายากิเลสของคน)
    มายากิเลส มันยั่วเย้าให้จิตคนหลงใหลและทำให้คนเราทุกข์มานับภพชาติไม่ถ้วน
    กิเลสมันร้ายนัก มันแฝงมาในรูปแบบไม่มีรูป กลมายากิเลสนั้นมีมากกว่าสติปัญญาของคนเรามากนัก
    กิเลสเปรียบเสมือนยาเสพติด ยาสลบ
    ที่มาทำให้จิตคนเราเสมือนต้องคอยละเมอ เผลอเลอ หลงใหล คลั่งไคล้ งมงาย
    ปกติจิตของคนเรา ก่อนที่จะเกิดมาเป็นคนนั้น จิตใสสะอาด เป็นจิตประภัสสร
    เหตุที่จิตเราทุกวันเป็นเพราะกิเลสมาจร มาบดบังให้จิตหมองมัว เศร้า ตกอยู่แห่งกองทุกข์ทั้งปวง
    และคาดว่าจะไม่มาทางจะออกมาด้วยตนเอง เพราะกิเลสบางนั้น หน้ามาก
    ซึ่งไม่เคยกระเทาะออกเองได้ เพราะกิเลสเป็นนามมองด้วยสายตาเปล่าไม่เห็น
    กิเลสมีทั้งหยาบไปจนละเอียด มันเกาะกัดเซาะจิตใจของคนมายาวนาน
    โดยมิรู้ตัว เปรียบดั่งกาฝาก มะเม็ง หรือเห็บหมัดสุนัข
    มีทางเดียวที่จะเอากิเลสหยาบถึงละเอียดอันนี้อออกกันได้
    พวกเราจะต้องนำจิตของตนเองเข้ารับการอบรมพระกัมมัฎฐาน(กรรมฐาน)
    หรือต้องเจริญสติภาวนา เท่านั้น
    จึงจะกำจัดยาเสพติด ยาสลบของจิตได้ หรือ กำจัดทุกข์ของจิตใจของคนได้
    และตรงนี้ จิตเกาะพระนั้น พร้อมแล้ว ที่จะทำหน้าที่ตรงนี้กัน
    ตอนนี้รอเพียงบุคคลกร(ครูสอนจิตเกาะพระ)ที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นให้มากกว่านี้
    และสถานที่ก็น่าจะประทานลงมาให้พวกเราไม่น่าจะนานนัก
    ได้โปรดติดตามความเคลื่อนไหว จิตเกาะพระกันต่อไปด้วยเถิด

    เพราะฉะนั้น จิตที่ไม่ได้รับการฝึกฝนอบรมมาเป็นอย่างดีนั้น จิตย่อมรู้ไม่เท่าทันกิเลสแน่
    และตกอยู่ภายใต้แห่งกองกิเลสหรือเราเรียกกันว่า กองทุกข์นั้น และไม่มีทางที่จะเงยหัวขึ้นมาเองได้เลย
    นอกเสียจากผู้ที่อบรมพระกัมมัฎฐาน(กรรมฐาน) นี่เป็นการวิธีชำระกิเลสของคนทั้งหลาย
    แล้วผู้คนส่วนใหญ่เจ้าจึงไม่พากันปฎิบัติ ท่านทราบหรือไม่ว่าคุพ่อคุณแม่อดีตของเจ้านั้นได้ส่งดวงจิตให้เกิดมาเป็นมนุษย์
    บ้างให้ลงมาทำหน้าที่ บ้างก็ถูกให้ลงมาจูงมือหรือขนดวงจิตกลับบ้านเดิมกัน(พระนิพพาน)
    แล้วใยพวกเจ้ามาพากันหลงงมงาย หลงกิเล หลงกาย หลงอย่างอื่นกันเล่า
    พวกเจ้ารีบพากันรักษาศีล ทำภาวนาตามกันไป เส้นทางอื่นไม่มีที่จะให้พวกเจ้าออกจากความหลงนี้ได้
    คุณพ่อคุณแม่อดีติชาตินั้น ท่านยังคงติดตามและคอยช่วยเหลือพวกเจ้าอยู่ทุกเมื่อ
    ท่านเป็นห่วงแต่ไม่ยึดติดแต่ประการใด แต่ท่านมีพระเมตตาสูงยิ่ง หาที่เปรียบประมาณมิได้
    ท่านพยายามสื่อสารติดต่อหาทุกทาง แต่พวกเจ้าจิตหยาบเกินไป รับสัญญาณกันไม่ได้เอง
    เสมือนคนไม่มีหูพูดก็ไม่ได้ยิน ตาก็มองไม่เห็นเหมือนคนตาบอด มืดมิดจนปัญญาที่จะช่วยพวกเจ้า
    ในขณะนี้พวกเจ้าบางคนมีโอกาสแล้ว สำหรับจิตใครพร้อมก่อนจะถูกส่งไปก่อน
    แต่หากผู้ใดพร้อมทีหลังก็ไม่เป็นไร รอชาติต่อๆไป ท่านยังคงตามเก็บไปจนกว่าจะหมด
    แต่ไม่ทราบว่า อีกนานแค่ไหน และวันนี้พวกเจ้าอย่ากันสงสัยสำหรับหน้าที่ของบางคน
    เดี๋ยวจะมาสงสัยกันว่า เอ๊ะ ทำไม บางคนมีกำลังมาก บ้างเกือบร้อย บ้างเต็มร้อย บ้างเกินร้อย
    ตรงนี้จิตใจของคนๆนั้น จะบอกตัวเขาเอง โดยที่คนอื่นๆจะไม่ทราบ แต่ตอนนี้มีหลายคนแล้วที่รู้ตัว
    และคนอื่นๆก็จะค่อยๆรู้ตัวทีละนิดๆ ท่านจะค่อยๆสื่อไปให้กับลูกหลานทุกๆคน
    แต่ตอนนี้จะสื่อเฉพาะจิตเขาใสจริงๆ จิตใสที่พวกเจ้าคอยหมั่นทรงฌานไปเรื่อยๆ
    เดี๋ยวอภิญญาจะตามมาเอง โดยที่ไม่ต้องฝึก สำหรับผู้ปฎิบัติแนวนี้นะ พยายามทรงฌานไปนะ
    เพราะเป็นเขตบุญกุศลล้วนๆ แต่ถ้าทรงฌานไว้นานๆปกตินิสัยแล้ว
    จิตพวกเจ้าจะเข้าถึงความละเอียดแห่งจิต และจิตก็จะเข้าสู่ความว่างในที่สุด

    ความว่าง ก็คือ ความว่าง คำสั้นๆแค่นี้ พวกเราก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง
    แต่ผู้ที่จะเข้าใจตรงนี้ได้นั้น จิตต้องเข้าถึงความเป็นอนัตตา(อนัตตาแห่งจิต) หรือจิตอยู่เหนือขันธ์๕จริงๆ
    หรือ เราอยู่เหนือกายและเหนืออารมณ์จิตใดๆ บางทีเรียกกันว่า โลกุตตรญาณ
    อันเป็นเครื่องนำออกไปจากโลกให้เข้าไปสู่นิพพาน เพราะทุกวันนี้ จิตคนเราเป็นแบบ โลกีย์
    หรือยังเกี่ยวข้องกับทางโลกหรือธรรมดาของโลก

    เช่น ใครตำหนิ ใครด่า ถึงใครฆ่าเราให้ถึงตายไป จิตเราก็ไม่ไปโกรธ ไม่เครียดแค้น ไม่อาฆาต หรือ
    ไม่มีพยาบาทกับผู้ที่มากระทำเราเช่นนั้น นี่ถึงจะละขันธ์๕ได้เด็ดขาดทีเดียว ไม่ใช่ละกันแค่คำพูด จิตเราต่างหากเป็นผู้ที่ละ
    เอาไปๆวันที่ ๑๗ พฤศจิกายนนี้ ไปรับกำลังใจกับท่านพ่อเยอะๆนะ ใครไม่ไปเสียดายแย่
    เพราะงานนี้ไม่ใช่มีแต่มนุษย์ไปเท่านั้น ไปคิดเอาตามปัญญาของพวกเจ้า จิตต้องปล่อยวางให้ได้จริงๆ
    และปล่อยวางให้หมด ปล่อยเหมือนกับเราขี่จักรยานฟรีแฮนด์ ปล่อยมือ
    แต่สำหรับจิตของคนที่จะไปพระพนิพพานกันได้จริงๆนั้น จิตเป็นคนปล่อย ปล่อยทั้งหมด
    ปล่อยวางทั้งรูป๑(ร่ากาย) ทั้งนาม๔(เวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ) ปล่อยวางให้หมดกันได้จริงๆ
    จิตจึงจะเข้าสู่ความละเอียดแห่งจิต และความว่างที่กล่าวไปกันแล้ว

    จิตของคนเราสิ้นสุดปลายทางที่นิพพาน
    แต่จิตไม่มีจุดหมายปลาย หรือหาประมาณมิได้นั้น ก็คือ สังสารวัฎ
    หรือ โลกแห่งการเวียนว่ายตายเกิดของเหล่าเวไนสัตว์(ผู็ที่สอนได้) และอเวไนยสัตว์(ผู้ที่สอนไม่ได้)ทั้งหลาย

    ปล.ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ถ้าข้อความตกหล่น ผิดพลาด ธรรมของความหมายผิดเพี้ยน ได้โปรดชี้แนะ ติก่อให้ถูกด้วย อย่าให้พี่ภูโง่อยู่คนเดียว

    (พี่ภูเห็นจิตคุณแพทยิ้ม ยิ้มได้ทั้งวันทั้งคืน สำหรับรายนี้ ไม่ได้ส่องแต่มาเอง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 พฤศจิกายน 2012
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เรามันโง่เองนี่!​

    หมายถึงตนเอง(นะ)
    จิตปุถุชน หรือจิตบุคคลธรรมดา เป็นจิตที่ไม่ได้ฝึกฝนมาดีนั้น ย่อมจะแผดเผาจิตตนและผู้อื่นได้เสมอๆ
    แต่ถ้าจิตอริยบุคคลนั้น เป็นจิตที่ฝึกฝนอบรมมาเป็นอย่างดีเยี่ยมนั้น ย่อมอยู่สงบสุขอยู่ภายใน(จิตตน)
    ไม่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก หรือ บุคลลภายนอกไม่เกี่ยวกับจิตของตน

    ถึงอย่างไรแล้ว จิตปุถุชนั้น ย่อมมีโอกาสลื่นไหล ตกกระทบกระผู้อื่น หรือ ผู้อื่นมากตกกระทบที่จิตตน
    เมื่อกระทบ กระแทก เสียดสี ต้านทาน แหวกว่าย เวียนวนกันอยู่อย่างนี้(หนีไม่พ้นกัน)
    จึงมีโอกาสทำกรรม หรือสร้างกรรมทั้งดีและไม่ดี แต่ส่วนใหญ่จะไม่ดีเสียมากกว่า
    เพราะจิตไม่ใส จิตไม่นิ่ง เพราะไม่ได้ฝึกฝนจิตตน เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อเป็นจิตไม่ใส ไม่บริสุทธิ์นี้
    จึงเป็นผลทำให้ไปเบียดเบียน เสียดสี หรือไปกระทบ กระทั่ง กระแทก แดกดันกับผู้อื่นๆได้
    แล้วผลของการกระทำนั้นก็คือ ยิ่งเผากิเลสให้มันร้อนรน ทนไม่ได้ โกรธกัน ทำร้ายกัน ทำลายกัน
    ในที่สุดก็ฆ่ากัน เอาชีวิต อยู่แบบนั้น ถามว่าคนทำแบบนั้นวันบ้าหรือ มันไม่บ้า แต่จิตมันตกในนรกภูมิ อบายภูมิ
    จิตต่ำกว่าความเป็นมนุษย์ไปทุกที ก็เพราะว่า พวกเราไม่รู้จักนำจิตของตนเองไปล้าง ไปชำระ หรือ
    ไม่รักษาศีล ทำภาวนา เพราะฉะนั้นจิตจะดีไม่ได้ ถ้าไม่ผ่านกลั่นกรองจากสิ่งสะอาด
    เพราะจิตของคนเราทุกวันนี้นั้น มันผ่านแต่สิ่งสกปรก โสโครกทุกวันๆ หรือใครจะเถียง
    เช่น ออกจากบ้านเห็นคนทะเลาะกัน คนคนแก่ เห็นคนเจ็บป่วย เห็นคนร้องโอดครวญ ้ห็นคนเจ็บ
    เราอกหัก รักคุด รักไม่สมหวัง แม้นคนอื่นหรือแฟนทำไม่ได้ดั่งใจตน หรือเบื่อตนเอง
    ไม่มีเงิน ไม่มีงาน มองทางไหนเห็นแต่ขยะ คิดก็ทุกข์ แล้วคนเรามันอยู่ต่อไปได้อย่างไร
    ถ้าเราไม่รู้จัดการระเบียบของจิตตน

    พี่ภูจะบอกกล่าวให้ว่า เรื่องที่พร่ำมากนั้นน่ะ สาเหตุหลักๆก็มาจากจิตตนเองเท่านั้น
    เพราะว่าจิตคนเราไม่นิ่ง แค่นี้เอง คิดกันออกทะเลไปกันใหญ่ พออกทะเลบ้างก็ไปโทษคลื่นทำให้เราอ๊วก
    ทะเลทำให้ผิวแสบและคัน ทะเลมันเหม็นเมื่อเข้าไปอยู่กับมัน แต่ดูบนท้องฟ้าแหม๊ มันสวยจริงๆ
    ลงท้องทะเลลึกก็ถูกปลาฉลามมันกัดกินอีก เป็นทุกข์กับทะเลอีก เพราะ พี่ภูถามว่า แล้วคุณไปทะเลทำไม๊
    เห็นไหม๊ เรื่องโง่ๆของตนเองทั้งนั้น แต่ดันไป(หลง)โทษทะเลแทบทั้งสิ้น
    แต่ตัวเราเคยมองเห็นตนเอง? เคยมองเห็นความเลวความชั่วของตนเอง? เคยมองเห็นกิเลสตนเองกันไหม๊?
    พี่ภูตอบแทนว่า ไม่เคยเลยครับ/ค่ะ
    เพราะเรามัวแต่ไปคอยดูคนอื่น อย่างอื่น จึงไปโทษแต่คนอื่น อย่างอื่นๆหมดเลย
    ก็ของมันเคยทำแบบเดิมๆง่ะ งุิงิงุงิ..ไม่รุ๊ไม่ชี้ อันนี้เรียก เรามัวเองนี่หว่า! จริงมั๊ย?


    นับตั้งแต่เกิดมา หรือ เพิ่งจำความได้ ไม่เคยเลย ไม่เคยจะมองเห็นความดีของผู้อื่นเลย
    เห็นแต่ความเลว ความชั่วของผู้อื่น แต่ไม่เคยเลย ไม่เคยเห็นความไม่ดี ไม่เคยเห็นความชั่ว ความเลวของตนเอง
    เพราะธรรมชาติมันสร้างให้คนเรานิสัยเสียตั้งแต่เกิดกันมาแล้ว มันหลงมาเกิดนับภพชาติไม่ถ้วนแล้ว มันเป็นจังซี่อิน๋า!
    เคยเพ่งโทษแต่ผู้อื่นนี่ไง๊
    ไปหาธรรมะขององค์หลวงพ่อมาอ่านเยอะๆ เราจะได้ฉลาด
    ถ้าไม่ ก็จะโง่อดักดาน ไม่ได้โง่ธรรมด๊าธรรมดานะ ญาติสันธรรมเอ๊ย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 พฤศจิกายน 2012
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ข้าหยุดแล้ว พวกท่านหยุดหรือยัง?​

    หยุด(กิเลสแห่งตน) กันเห่อๆ
    แต่ถ้าใครไม่หยุด ปล่อยเขาไป อุเบกขา

    สำหรับผู้ที่ยังไม่เริ่มปฎิบัติ
    ขอให้รีบๆพากันรักษาศีล ทำภาวนา
    เพราะเวลาพวกเราเหลือน้อยเต็มที...
    แต่ถ้าพวกเจ้าไม่เริ่มปฎิบัติ จิตก็ไม่นิ่ง ไม่มีปัญญาที่จะออกจากองทุข์ของตนเองได้หรอก
    ทุกข์ผู้อื่นนั้นไม่มี แต่แต่ทุกข์ของตัวเองทั้งนั้น ที่พวกเจ้าหลงไปโทษ หลงไปเพ่งโทษ หลงไปจับผิดกับผู้อื่นหรือใครๆเขา
    เพราะ ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป นอกนั้นไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรดับ

    สำหรับผู้ที่กำลังปฎิบัติ
    ขอให้รีบสร้างสติมากๆ จนกว่าจิตจะนิ่ง จิตจึงจะเกิดปิติ(อันดับแรก)
    จิตจึงจะเป็นสมาธิ(อันดับสอง) จิตทรงฌาน(อันดับสาม) จิตเข้าวิปัสานา(อันดับสี่)
    และจนกระทั่งจิตเกิดญาณหรือความหยั่งรู้ แต่จิตต้องอาศัยฌาน(จิตนิ่งดิ่งลึก)+ญาณ(จิตปัญญา)=วิปัสสนาจึงจะถูกต้อง
    แต่ถ้าไม่ใช่แนวนี้ ก็จะเป็นวิปัสสนานึกแค่นั้นเอง
    แต่สำหรับผู้ที่กำลังปฎิบัติ เมื่อปฎิบัติไปกันได้สักนึง เมื่อจิตนิ่ง หรือจิตทรงฌานแล้ว ระวังอย่าไปติดสุขจากฌาน
    ขอให้กำหนดรู้ นำจิตในขณะที่นิ่งนั้น เพราะจิตเกิดปัญญา ให้ผู้ปฎิบัติรีบนำเอาจิตมาชนกิเลสของตนเอง มิใช่ไปวิ่งชนกิเลสของผู้อื่นหรือใครเขา
    แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้น จิตคุณก็ได้ ก็อยู่แค่อารมณ์ฌานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อย่าลืมนะ อย่ารมณ์ฌานแค่นี้ มันไม่เที่ยง หรือ
    จิตเรายังไม่พ้มหลุมอบายภูมิ นรกภูมิไปได้ เพราะจิตยังมีโอกาสพลาดอยู่มาก หรือถ้าจิตหลุดฌาน(ตกฌาน)นั้น จิตก็จะวิ่งไปตามกระแสโลกได้อีกเหมือนเดิม
    เรื่องจิตเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก
    เราดู เราเข้าแค่วันเดียวไม่ได้ เราจะต้องดู ต้องเข้าใจจิตตนเองไปจนวันตาย เพราะตราบใดที่จิตเรายังเป็นแค่ โลกีย์ หรือ
    ยังไม่พ้น *โคตรภูญาน* จิตอยู่บนโลกุตตรญาณ(จิตเหนือขันธ์๕ จิตเหนือโลก)
    แต่ถ้าผู้ปฎิบัติท่านใด ถูกคนทางโลกต่อว่าเราบ้า อันนั้นขอให้ท่านจงภูมิใจ เพราะจิตเราหลุดโลก แต่เรามิใช่เป็นคนบ้ากันจริงๆนะ
    คนบ้าแบบทางโลกนั้นเขาไม่มีสติปัญญา แต่บ้าในที่นี้เรามีสติปัญญา หรือ มีสติสัมปชัญญะมาก มากกว่าคนปกติธรรมดา
    ผู้ปฎิบัติกลุ่มนี้ นอกจากจะไปติดสุขจากฌาน และก็ไปให้ความสำคัญนิมิตจนลืมสร้างสติ หรือจิตไม่อยากกินอาหารเดิม ก็คือ สติ
    แต่จิตอยากได้ของใหม่ หรือ อยากชิมของหวาน นั่นก็คือ นิมิต ผู้ปฎิบัติจงพึงระวังให้ดี จงเดินตามคำแนะนำของครูผู้สอนอย่างใกล้ชิด
    เพราะฉะนั้นจิตของท่านอาจจะเดินหลงทาง คือ เดินหลงมรรค คือเดินออกนอกเส้นทาง ครูทั้งจะคอยตบแต่จิตของท่านใหเดินตรงทางมรรคาให้จงได้
    หลงได้ ออกนอกลู่ได้ ดูนิมิตได้แต่อย่าหลง จิตติดสุขจากฌานได้แต่อย่านาน เพราะจิตจะยกช้า นี่ยังไม่ได้พูดเรื่องกันนะ ค่อนว่ากันทีหลัง

    สำหรับผู้ที่จิตยกแล้ว(จิตบุญ)
    คอยหมั่นทรงพรหมวิหาร ๔ เช่น ให้อภัยลูกเดียวเพื่อดับกิเลสโดยเฉพาะความโกรธ
    ทรงอิทธิบาท ๔ เช่น เป็นครูสอนจิตเกาะพระ เป็นต้น แต่ถ้าไม่เป็นครู ก็ให้หมั่นทบทวน(จิต)ละสังโยชน์ ๑๐ ประการให้ได้
    ให้จิตเราละ มิใช่เราละแทนจิต ละขันธ์ ๕ ของตนให้เด็ดขาด
    ระลึกถึงความตายของตนเองทุกขณะจิตหรือเท่าที่นึกได้ หรือพร้อมตายทุกเมื่อ ทำให้ชิน
    ทรงอารมณ์พระนิพพาน เช่น จิตว่างๆๆ นำจิตไปฝากไว้กับท่านพ่อหรือบนพระนิพพานให้ชิน
    โดยเฉพาะที่ลืมไม่ได้ก็คือ ทรงฌานอย่างต่อเนื่อง(วสี=ชิน)

    แต่จิตบุญ ที่พ้นโลกจริงๆ ตอนนี้เห็นมีไม่มีกี่ดวง ที่สามารถเข้าจิตโลกุตตรญาณ(อย่าให้เอ่ยชื่อ)
    เฉพาะจิตบุญที่ตั้งใจที่จะไปพระนิพพานกันจริงๆ ไม่เพียงแค่พูดหรือทำไปอย่างนั้น
    แต่จิตถึงโลกุตตรญาณเท่านั้น แต่บังเอิญจิตบุญอื่นๆนั้น มีท่านรับรองให้ แต่อย่าลืมนะว่า
    ทั้งหลายทั้งปวงนั้น ต้องขึ้นอยู่กับความตั้งใจที่จะไปพระนิพพานกันเท่านั้น หรือจิตจะต้องมีกำลังใจมาก
    หรือจิตละขันธ์๕ หรือละกับทางโลกกันได้จริงๆ จิตไม่มีอะไรต้องห่วง ถึงแม้นจะตายตอนนี้
    เพราะฉะนั้นก่อนตาย ต้องทำอะไรให้เรียบร้อย
    แต่สำหรับจิตบุญที่เบื่อกายจิงๆ คือไม่อยากอยู่ อยากตายแล้ว ก็ยังตายไม่ได้ นอกจากอายุขัยหมด
    ถึงจะไปได้ สำหรับผู้ที่มีกำลังใจมาก เช่น พวกที่สามารถถอดกายทิพย์ได้(กายละเอียด)ไปนิพพาน
    แต่ถ้าท่านยังดื้อ(ไม่อยากกลับเข้าร่างตน)จะมีพลังงานบางอย่าจะจับท่านเหวี่ยงกลับเข้ามายังร่างเดิม
    (พี่ภูโดนมาหลายรอบ จนไม่ไปแล้วตอนนี้ วิ่งไปวิ่งมาระหว่างข้างบนลงล่างอยู่เช่นนี้)
    ลืมพูดถึงจิตบุญที่ขยันทรงฌานเป็นวสี(ชิน) จิตของท่านจะยังเดินทางไปสู่นคร ดังต่อไปนี้
    เช่น บริสุทธิ์นคร กลางนคร ว่างนคร (หมายถึง ความบริสุทธิ์ ความเป็นกลาง ความว่าง)
    เมื่อจิตผู้ใดสามารถไปครบนครที่กล่าวไปแล้วนั้น ก็ขอให้ท่านจงรวมนครทั้งหมดให้เป็น
    วิมุตติสุขมหาคร คือ จิตเตรียมพร้อมเข้าสู่พระนิพพาน เป็นต้น
    (ความว่าง ก็คือ ความว่าง) ใครอย่ามาถามอีกนะว่า ความว่างคืออะไร?
    เดี๋ยวจะโดนพี่ภูไล่บี้จิต คือจะให้ไปเรียนจิตเกาะพระใหม่ ยกรอบสองถึงจะแน่น เอาไหม๊?

    จะเห็นได้ว่า จิตที่พร้อมจะไปนิพพานกันได้นั้น เท่ากับพร้อมยอมตายได้ทุกขณะจิต
    จิตจะไปพระนิพพานกันได้นั้น จะต้องเห็นร่างกายนี้เป็นกองทุกข์จริงๆ เป็นทุกข์จริงๆ
    ร่างกายนี้สกปรกจริงๆ พร้อมละได้ทุกลมหายใจ ไม่ต้องมัวทำจงทำใจกันแล้ว สำหรับผู้ที่จิตพร้อมจริงๆ
    ไม่เพียงแค่พร้อมตายจริงๆ แต่เมื่อไหร่จิตหลุดจากกาย จิตพุ่งตรงไปพระนิพพานอย่างเดียว
    โดยไม่แวะสวรรค์หรือพรหม ใครเรียกอย่าไปสนใจ เดี๋ยวกำลังหมดแล้วจะไปไม่ถึงพระนิพพาน
    เดี๋ยวจะแย่ ให้แน่ใจว่าจิตถึงต่อหน้าพระพุทธองค์แล้วจริงๆ

    ความรู้เพิ่มเติม

    *อุเบกขา*
    หมายถึง ความวางเฉยแบบวางใจเป็นกลางๆ โดยไม่เอนเอียงเข้าข้างเพราะชอบ เพราะชัง เพราะหลงและเพราะกลัว

    *โคตรภูญาณ*
    ญาณข้ามพ้นปุถุชน เข้าโคตรพระอริยเจ้า ก็ในปฏิสัมภิทามรรค ท่านกล่าวไว้ว่า ความรู้ในอันหมุนกลับ
    คือออกจากสิ่งภายนอก คือสังขาร ชื่อว่า โคตรภูญาณ และโคตรภูญาณนี้ เมื่อทำพระนิพพาน ๑ อันไม่มีนิมิต ไม่มีปวัตตะ(ไม่มีความเป็นไป)
    ปราศจากสังขารเป็นนิโรธ(ที่ดับกิเลสทั้งหลาย)ให้เป็นอารมณ์แล้ว ย่อมข้ามพ้นโคตรปุถุชน พ้นการเรียกว่า ปุถุชน พ้นภูมิปุถุชน
    ก้าวลงสู่โคตรพระอริยะ สู่การเรียกว่าพระอริยะ สู่ภูมิพระอริยะ ญาณนี้ไม่นับเป็นปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ และญาณทัสสนวิสุทธิ
    เพราะตั้งอยู่ในฐานะหันเข้าสู่มรรค แต่นับว่าเป็น วิปัสสนา เพราะตกอยู่ในกระแสแห่งวิปัสสนาอีกประการหนึ่ง
    จิตที่สัมปยุตด้วยโคตรภูญาณนี้ ชื่อว่า โคตรภูจิต ย่อมยึดพระนิพพานเป็นอารมณ์ นั่นเอง

    *โลกุตตรญาณ*
    แปลว่า สูงกว่าโลก หมายความว่า กรรมต่างๆ ที่โลกนิยมนั้น ท่านพวกนี้พ้นไปแล้ว
    แม้บาปกรรมที่ชาวโลกต้องเสวยผลท่านที่ได้โลกุตตระท่านก็ไม่ต้อง รับผลกรรมนั้นอีก
    เพราะกรรมของชาวโลกให้ผล ท่านไม่ถึง ท่านจึงได้นาม ว่า โลกุตตรบุคคล
    http://www.larnbuddhism.com/grammathan/meditation.html

    *โลกีย์*
    หรือ โลกิยะ แปลว่า ยังเกี่ยวข้องกับโลก เรื่องทางโลก ธรรมดาโลก
     
  9. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    กราบอนุโมทนาบุญกับจิตบุญดวงที่105 และจิตบุญดวงที่106และครูผู้สอนทุกท่านค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอโมทนาบุญกับคุณมาลินีUK
    ศิษย์ครูแนท ครูดาว ครูเกษ
    จบกิจจิตเกาะพระ เป็นจิตบุญ ๑๐๔
    และ
    ขอโมทนาบุญกับคุณพ่ออุดร-คุณแม่ภิรมย์
    คู่รัก "Coffee-mate"
    ศิษย์ครูวิทย์ ครู(ลูกชาย)อภิชัย
    จบกิจจิตเกาะพระเป็นจิตบุญ ๑๐๕ และ ๑๐๖


    ขอยกย่อง
    คุณอภิชัย(จบ.๑๐๑)
    คือ อภิชาตบุตร
    ผู้ยิ่งใหญ่โดยแท้จริง เพราะท่านตอบแทนพระคุณพ่อแม่ โดยการชี้ทางประตูเข้าสู่ พระนิพพาน

    และพี่ภูฝากคุณอภิชัยไว้ก่อนนะ ที่มาทำให้ต่อมน้ำตาแตก(ปลื้มปิติ-สุข เวทนาขันธ์นะ มิใช่จิต)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 พฤศจิกายน 2012
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=TSEcD36-Huc]ใจสารภาพ เปาวลี พรพิมล [Official Audio] - YouTube[/ame]
    ใจสารภาพ
    ใจสารภาพ
    เดี๋ยวนี้ทำไม๊? ขันธ์๕ ของเรามันขี้แยจัง!
    เดี๋ยวนี้นะ วันไหน เห็นจิตพวกเรายก น้ำตานองหน้าทันที
    ขันธ์ ๕ มันร้องไห้ แต่จิตมันนิ่ง-เฉย-รู้-วาง-ว่าง
    ในขณะนี้ พี่ภูกำลังง่วนดูนักมวยคู่นี้สูสีกันดี
    ระหว่างสายบุญ ระหว่าง คุณแนทกับคุณวิทย์ (UK&TH)


    หลักธรรมสำคัญของพุทธศาสนา
    ศาสนาพุทธสอนว่า...ปรมัตถธรรม หรือ สรรพสิ่งมี 4 อย่างคือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน
    (อ่านต่อ) ศาสนาพุทธ - วิกิพีเดีย
    แต่อย่าไปอ่านมาก เสียเวลาปฎิบัติมรรคผล เพราะสมองเรามันจำ แต่ถ้าเราตาย ร่างกายย่อมตกเป็นสมบัติของโลก แต่จิตมันจะไปนรกหรือสวรรค์พรหม หรือพระนิพพาน ก็ต้องตอบว่า ตัวเราเองที่เป็นตัวกำหนดการไป(จุติ)ของดวงจิตตนเอง จึงมิใช่ ปล่อยไปตามยถากรรม

    เพราะฉะนั้น ตราบใดยังมีลมหายใจ จงนำจิตเดินมรรคมีองค์ ๘ (ศีล-สมาธิ-ปัญญา)ให้ไว เดินให้ไวๆๆ
    เพราะข้างนอกจิตคนเรานั้น บอกได้คำเดียว "หลง" และ อันตรายมาก
    เพราะกิเลสมักจะดึงลงต่ำ จนจิตตกไปอยู่ใกล้เขตอบายภูมิ นรกภูมิ โดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว เพราะจิตคนเรามันเดินหลงทาง ซึ่งไม่ได้ต่างกับผู้ที่กำลังเมาเหล้า หรือ กำลังติดยาเสพติด จะออกจากอาการนี้เอง ก็ไม่ได้ ต้องรอคนอื่นนำออกมา หรือ เราเองจะต้องแข็งใจทน นั่น ก็คือ ความเพียรของตนเอง จนมีสติปัญญามาก ถึงจะรอดพ้นตามที่ได้กล่าวไปแล้ว
     
  12. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    ขอโมทนา กับ คุณพ่อ+คุณแม่ ของคุณอภิชัย จิตบุญที่105 และจิตบุญ106 และครูผู้สอนทุกท่านด้วยค่ะ ...สาธุ ๆ ๆ

    น้องอภิชัยเป็นกุลบุตร..ชื่นชมนะคะ
     
  13. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    :'( ขอร่วมปิติกับท่าน อ.ใหญ่ภูด้วยนะคะ..
     
  14. ชัยธนันท์

    ชัยธนันท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    859
    ค่าพลัง:
    +1,488
    ขอโมทนาบุญกับคุณพ่ออุดร-คุณแม่ภิรมย์ และคุณฝั่งโขงด้วยครับ
     
  15. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    โมทนาสาธุ สาธุกับคุณพ่ออุดร+คุณแม่ภิรมย์และคุณครูฝึกทุกๆท่านซัก105+106=211ล้านครั้งด้วยครับ
    ผู้มีอินทรีย์พื้นฐานถึงพร้อม ครั้นเดินมรรคได้ตรงทาง ย่อมบังเกิดดวงตาเห็นธรรม!โดยไม่นาน..

    อภิชาติบุตร ==> คุณอภิชัย จบ.101
    อภิชาติบุตรี ==> ครูเพ็ญ จบ.3, ครูน้องหนู จบ.4
    โมทนาสาธุด้วยครับกับอภิชาติบุตรและอภิชาติบุตรีทั้งหลาย.. สาธุครับ
     
  16. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,103
    ค่าพลัง:
    +10,246
    _/\_ สาธุ สาธุ สาธุ
    ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ ๑๐๕ และ ๑๐๖ และคุณครูจิตบุญทุกท่านด้วยครับ
     
  17. เ่ต่าโบราณ

    เ่ต่าโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +3,624
    อ่านตรงนี้แล้วต่อมน้ำตาแตกเลยยยยย เหมือนพ่อพูดกับลูก :':)':)'(
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอบใจนะคุณอภิชัย ครูเพ็ญ และคุณอัญญะมณี
    ที่ทำให้พี่ภูำน้ำตานอง กับรางวัลอภิชาตบุตร/อภิชาตบุตรีดีเด่น แห่งบ้านจิตเกาะพระ

    ต่อไปพี่ภูกำลังมองหา(คุณลูกพลัง และ คุณวิทย์)

    "The best husband & wife"


    ปล.บอกพี่ภูหน่อยสิว่า สามียกจิตภรรยา หรือ ภรรยายกจิตสามี มีไหม?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 พฤศจิกายน 2012
  19. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    นับต่อจากนี้ไป พวกเราคอยจับตาดูให้ดีกับเจ้าของสโลแกนว่า
    "เรือลำนี้จะไม่จม"
    และนอกจากเรือจะไม่จมแล้ว ยังพายไปรับดวงจิตอีกมหาศาล
    และถ้าสิ้นคุณนี้ไปแล้ว จะมีตัวแทนอย่างนี้อีกหลายเท่าตัว
    เพราะดวงจิตพระองค์ท่านแยกไปหลายดวงจิตเหลือเกิน

    โดยเฉพาะวันสัมมนา จิตเกาะพระ รุ่นพิเศษ
    ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

    *ขอให้ทุกๆท่าน target หรือจดจ้องไปที่คุณเรือลำนี้จะไม่จม ให้ดีๆ
    ท่านนี้บอกใบ้ไปแล้วว่า ใครไม่ไปงานนี้บอกได้คำเดียวว่า "เสียดาย"

    "จบกันทีนะลูก สิ้นภพสิ้นชาติ
    กลับบ้านเราลูก ..."


    คำพูดนี้ ไม่ใช่ คุณเรือลำนี้จะไม่จม
    สักวันนึง พวกเราก็จะได้รู้ว่าคุณเรือลำนี้จะไม่จม ท่านคือใครกันแน่..

    จิตเกาะพระฟีเวอร์(fever)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 พฤศจิกายน 2012
  20. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับจิตบุญดวงที่ 105 และ 106 แล้วจ้าาาา
    พร้อมทั้งขอสาธุอนุโมทนาบุญกับครูผู้สอนทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ๊:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...