คชสีห์๙บารมี๙บารมี๙แผ่นดินหลวงปู่หมุนเสก

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 30 สิงหาคม 2010.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    <table class="txt" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" align="center" width="98%"><tbody><tr><td align="center" valign="top" width="42%">[​IMG]

    หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญ

    </td><td valign="top" width="58%">



    หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญวัดผาเทพนิมิต อำเภอนิคมน้ำอูน จ.สกลนคร• • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
    </td></tr></tbody></table>[FONT=arial,helvetica,sans-serif]
    [/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif][FONT=arial,helvetica,sans-serif]กำเนิด
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญ นามเดิมท่านชื่อ บุญพิน นามสกลุ เจริญชัย เกิดเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๖ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา ณ ตำบลปลาโหล อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร บิดาท่านชื่อ นายไพ เจริญชัย มารดาท่านชื่อ นางจันที เจริญชัย[/FONT]
    [/FONT]
    [/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]อายุ ๒๒ ปี เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๘ ท่านได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในทางพระพุทธศาสนา ณ วัดอิสระธรรม ตำบลวาใหญ่ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร โดยมี พระอธิการสีลา อิสฺสโร วัดอิสระธรรม เป็นพระอุปัชฌาย์[/FONT]

    การอุปสมบท

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ศึกษาธรรมกับครูบาอาจารย์
    [/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ครูบาอาจารย์พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ที่หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญ ท่านเคยไปอยู่ศึกษา บัติธรรมด้วยนั้น นอกจากพระอุปัชฌาย์แล้ว ก็มี หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จังหวัดหนองบัวลำภู หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดสัมมานุสรณ์ จังหวัดเลย หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี เป็นต้น

    [/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]หน้าที่การงานทางพระพุทธศาสนา[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif] พ.ศ.๒๕๑๙ เป็นเจ้าอาวาสวัดรัตนโสภณ
    [/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif] พ.ศ.๒๕๒๗ เป็นเจ้าคณะตำบลวาริชภูมิ (ธ)
    [/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]พ.ศ.๒๕๔๑ เป็นเจ้าคณะตำบลวาริชภูมิ เขต ๑ (ธ)
    [/FONT]
    พ.ศ.๒๕๔๑ ได้รับพระราชาทานแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามที่ "พระครูพระครูสุวิมลบุญญากร"[FONT=arial,helvetica,sans-serif]
    [/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]พ.ศ.๒๕๔๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นเอกในราชทินนามที่ "พระครูสุวิมลบุญญากร"[/FONT][FONT=arial,helvetica,sans-serif] [/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif] หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญ ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นพระเถราจารย์ที่ชาวจังหวัดสกลนคร พุทธศาสนิกชนทั่วทั้งประเทศไทย และต่างประเทศ ให้การเคารพและนับถือ ท่านพำนักปฏิบัติธรรมจำพรรษาอยู่ที่ วัดผาเทพนิมิตร อำเภอนิคมน้ำอูน จังหวัดสกลนคร[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ข้อมูลจาก www.sakoldham.com [/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif] [/FONT]


    ประวัติพระครูสุวิมลบุญญากร (หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญ)

    ขอขอบคุณเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ


    พระผงเกษารุ่นแรกหลวงปู่บุญพิน องค์นี้มวลสารมีเกาษาหลวงปู่เยอะมากครับ

    ปิดรายการ
    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2012
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    พระขุนแผนมหาลาภสาลิกาลิ้นทอง หลวงปู่ปรง วัดธรรมเจดีย์

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    วันนี้จัดส่ง

    EJ 3756 3798 7 TH คุณอัสนี

    ขอบคุณครับ
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    ประวัติ หลวงพ่อคำ จันทโชโต วัดหน่อพุทธางกูร PDF พิมพ์ อีเมล

    ประวัติ หลวงพ่อคำ จันทโชโต วัดหน่อพุทธางกูร

    วัดหน่อพุทธางกูร ตั้งอยู่ในเขต ต.พิหารแดง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โดยอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี ประวัติความเป็นมาของวัดนี้สร้างขึ้นในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด ชาวบ้านเล่าลือสืบต่อกันมาว่า ชาวลาวที่ถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันทน์ เมื่อคราวกบฏเจ้าอนุวงศ์ พ.ศ.2369 ได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้ และได้สร้างสำนักสงฆ์ขึ้นในบริเวณที่มีฐานพระอุโบสถเก่าอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่สามารถสืบหาอายุได้ว่าสำนักสงฆ์นี้สร้างขึ้นเมื่อใด

    ต่อมา "ขุนพระพิมุข" ข้าหลวงในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มาสร้างวัดขึ้น ให้ชื่อว่า "วัดมะขามหน่อ" จนกระทั่งในสมัย "พระครูสุวรรณวรคุณ" หรือ "หลวงพ่อคำ จันทโชโต" เป็นเจ้าอาวาสจึงได้เปลี่ยนชื่อวัดนี้เป็น "วัดหน่อพุทธางกูร"

    พระอุโบสถเก่าของวัดนี้มีภาพจิตรกรรมฝาผนังซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างมา ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย เนื่องจากลักษณะของฐานที่แอ่นโค้งแบบท้องเรือสำเภาอันเป็นรูปแบบที่นิยมมาก ในสมัยอยุธยาตอนปลาย จิตรกรรมของวัดนี้เขียนอยู่ภายในและภายนอกพระอุโบสถ ผู้เขียนคือ "นายคำ" ช่างหลวงที่ถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันทน์เมื่อคราวกบฏเจ้าอนุวงศ์

    ภาพจิตรกรรมที่พระอุโบสถวัดหน่อพุทธางกูรเป็นจิตรกรรมแบบไทย ภาพจิตรกรรมระบายสีแบนเรียบด้วยสีสันสดใสแล้วตัดเส้น เป็นภาพสองมิติที่ให้ความรู้สึกเพียงด้านกว้างและด้านยาว เนื้อเรื่องที่เขียนเป็นเรื่องราวในพุทธศาสนา มีทั้งทศชาติชาดก พุทธประวัติ เทพยดาต่างๆ และเรื่องราวในไตรภูมิ ซึ่งเป็นที่นิยมโดยทั่วไปในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

    หลวงพ่อคำ อดีตเจ้าอาวาสวัดหน่อพุทธางกูร เป็นหนึ่งในสุดยอดคณาจารย์เมืองสุพรรณที่เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณมาก เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์, หลวงพ่อปิ่น วัดหน่อพุทธางกูร, หลวงพ่อทองหยด วัดชีสุขเกษม สมัยที่มีชีวิตอยู่เป็นพระเถราจารย์ที่ชาวบ้านในตำบลนั้นรวมไปถึงชาวตลาด จังหวัดสุพรรณบุรี มีความเคารพนับถือมากองค์หนึ่ง เพราะท่านเป็นพระที่สันโดษ มักน้อย มีความเมตตาปรานีสูงยิ่ง

    ท่านเกิดเมื่อวันที่ 30 พ.ค.2430 เวลา 19.19 น.โดยประมาณ ตรงกับวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือนอ้าย ปีกุน ร.ศ.106 ณ บ้านพิหารแดง หมู่ 1 ต.พิหารแดง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ห่างจากตัวจังหวัดขึ้นไปทางทิศเหนือตามลำน้ำท่าจีนประมาณ 4 กิโลเมตร และห่างจากวัดหน่อพุทธางกูรราว 27 เส้นเศษ เป็นบุตรจีนฮั้ว แซ่ตัน หรือแซ่ตั้ง มารดาชื่อจันทร์ มีเชื้อสายเป็นชาวเวียงจันทน์

    เมื่ออายุได้ไม่กี่ขวบก็ต้องกำพร้าบิดามารดา และอาศัยอยู่กับน้าชาย ชื่อทอง น้าสาวชื่อหริ่ม จนกระทั่งอายุ 16 ปีจึงบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดมะนาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันอังคารที่ 8 เม.ย.2445 โดยได้รับความอนุเคราะห์จากพระอาจารย์คำตา และอยู่กุฏิเดียวกับพระปลัดบุญมี ซึ่งเป็นญาติกับท่าน พร้อมกับศึกษามูลกัจจายน์และอักขระขอมไทยกับขอมลาว

    ต่อมาญาติของท่านชื่อพระอาจารย์บุญมา บวชอยู่ที่วัดภาวนาภิรตาราม อ.บางกอกน้อย ธนบุรี ได้ชักชวนให้ไปเรียนหนังสือต่อที่วัดแห่งนี้

    "พระครูสุวรรณวรคุณ" หรือ "หลวงปู่คำ จันทโชโต" วัดหน่อพุทธางกูร ต.พิหารแดง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ท่านได้ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและมูลกัจจายน์ กับหนังสือใหญ่ (หนังสือขอม) ด้วยความขยันขันแข็ง แต่ดวงของท่านต้องกลับมาอยู่บ้านเกิด เพราะเกิดเหน็บชาไม่สามารถที่จะอยู่วัดภาวนาภิตารามได้ เมื่อกลับมาอยู่วัดหน่อพุทธางกูร ไม่นานก็หายเป็นเหน็บชา เพราะได้ฉันข้าวซ้อมมือซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยวิตามินบี

    เมื่ออายุ 21 ปีเต็ม ท่านได้กลับไปอุปสมบทที่วัดนะนาว เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2451 โดยมีพระครูวินยานุโยค วัดอู่ทอง เป็นอุปัชฌาย์ พระปลัดบุญมี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระช้าง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า "จันทโชโต" จากนั้นได้จำพรรษาอยู่ที่วัดมะนาวเรื่อยมา

    ต่อมาพระอาจารย์บุญมา ได้กลับมาจำพรรษาและดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหน่อพุทธางกูร ในราวปีพ.ศ 2452 ได้ชักชวนให้ท่าน มาอยู่ที่วัดหน่อพุทธางกูร (วัดมะขามหน่อในขณะนั้น) เพื่อช่วยพัฒนาวัด เมื่อมาจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ ท่านได้ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยจนมีความรู้แตกฉานยิ่งขึ้นทั้งพระธรรมวินัย และอักขระขอมไทย-ลาว ตลอดจนขนบธรรมเนียมและแบบแผนอันดีงามสืบต่อติดมาจนเป็นนิสัย จนชาวบ้านแถวนั้นต่างกล่าวขวัญว่า เป็นพระที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยดีมาก

    "พระอธิการบุญมา" กับ "หลวงพ่อคำ" ได้พยายามพัฒนาวัดหน่อพุทธางกูรเรื่อยมาจนวัดเจริญขึ้นตามลำดับ ภายหลังจากที่พระอธิการบุญมาถึงแก่มรณภาพในราวพ.ศ. 2458 คณะสงฆ์จึงแต่งตั้งให้หลวงปู่คำ รักษาการแทน เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2458 ขณะมีอายุได้ 28 ปี พรรษาที่ 8

    ก่อนที่จะเป็นเจ้าอาวาสอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2471 อายุได้ 41 ปี พรรษาที่ 21 ผ่านไปอีก 10 ปี ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการศึกษาเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2481 ต่อมาวันที่ 5 ธ.ค. 2498 ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรที่ "พระครูสุวรรณวรคุณ" ขณะอายุได้ 78 ปี พรรษาที่ 48

    อุปนิสัยใจคอของหลวงปู่คำนั้นเยือกเย็น ถ้าใครได้ไปพบเห็นจะมีความรู้สึกเคารพนับถือขึ้นมาทันที เพราะใบหน้าท่านยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา พูดค่อยและช้า แต่วาจาศักดิ์สิทธิ์มาก ภายในกุฏิของท่าน ของมีค่าหาได้น้อย มีหัวกะโหลกมนุษย์ตั้งอยู่ นอกนั้นเป็นสิ่งหาค่าไม่ได้วางอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบ ท่านมีความมักน้อยในจิตใจ แต่มักใหญ่ในการก่อสร้างเสนาสนะ เช่น การสร้างพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญคอนกรีต และโรงเรียนประชาบาลจนกระทั่งมรณภาพ

    ในด้านการปกครอง ท่านมีปฏิปทาในหลักธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ได้แนะนำสั่งสอนพระภิกษุสามเณร ให้ประพฤติอยู่ในระเบียบวินัยสงฆ์ โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณรที่จำพรรษาอยู่ในวัดหน่อพุทธางกูร ไม่ว่าจะบวชนาน หรือบวช 3 เดือน จะต้องศึกษาพระธรรมวินัยและต้องสอบธรรมสนามหลวง

    ใครก็ตามที่มาบวชต้องได้รับการอบรมแบบตัวต่อตัวจากท่านทุกรูป เริ่มต้นด้วยการสอนอนุศาสน์ 8 นิสสัย 4 ส่วนมากที่เฝ้าสั่งสอนด้วยใจเป็นห่วงคือ ปาราชิก 4 สอนด้วย การยกอุปมาอุปไมย นอกจากนั้น สอนสังฆาทิเสส นิสสัคคียปาจิตตีย์ ในข้อนี้ชาวพุทธทราบดีว่าหลวงปู่คำไม่ยอมหยิบเงินทองที่เขาถวาย เมื่อท่านไปไหนๆ มีเด็กลูกศิษย์ติดตามท่านไปด้วยหนึ่งคนเสมอ

    เมื่อมีงานวัดหน่อพุทธางกูร ต.พิหารแดง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี "หลวงปู่คำ จันทโชโต" จะ ห้ามเด็ดขาดมิให้ภิกษุสามเณรไปเที่ยวจุ้นจ้านกับฆราวาส อ้างว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ ถึงแม้วัดอื่นมีงาน ท่านก็ไม่อนุญาตให้ไปเที่ยว โดยได้พิมพ์กฎข้อบังคับของวัดใส่กรอบไว้ที่หอสวดมนต์

    ในส่วนของวิชาอาคม เชื่อกันว่าท่านได้ไปเรียนเวทมนตร์คาถาและวิปัสสนากรรมฐานจาก หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกับ หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว พระเกจิอาจารย์ดังของเมืองสุพรรณอีกองค์หนึ่ง และมีความเชี่ยวชาญถึงขั้นเล่นแร่แปรธาตุได้

    นอกจากนี้ ยังมีความรู้ในทางแพทย์โบราณ รักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยสมุนไพร และเวทมนตร์คาถา รวมทั้งมีความเชี่ยวชาญในการดูฤกษ์ยามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานมงคลสมรส อุปสมบท ปลูกบ้าน ขึ้นบ้านใหม่ โกนจุก จนกระทั่งปลูกยุ้งข้าว

    กิจพิเศษที่พิเศษยิ่งของท่านคือ การรักษาคนที่ถูกสุนัขบ้ากัดอย่างที่เรียกกันว่า "โรคกลัวน้ำ" ความศักดิ์สิทธิ์ในตัวยาของท่านทำให้ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว โดยในช่วงชีวิตของหลวงปู่คำได้ช่วยชีวิตคนที่ถูกสุนัขบ้ากัดเอาไว้หลายหมื่น คนทีเดียว

    "หลวงปู่คำ" สร้างมงคลวัตถุขึ้นหลายอย่าง อาทิ รูปหล่อรุ่นแรก เนื้อทองเหลืองรมดำ ปี 2498 รุ่น 2 เนื้อทองเหลือง ปี 2504, รุ่น 3 เนื้อทองเหลืองรมดำ ปี 2511 เป็นพิมพ์เดียวกับรุ่นแรก แต่ฐานสูงกว่า และตรงฐานมีชื่อท่านอยู่ด้วย, เหรียญรุ่นแรก รูปอาร์ม เนื้อทองแดงรมดำ ปี 2498, รุ่น 2 รูปไข่ ด้านหลังพระประจำวันพุธ (วันเกิดของท่าน) เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง และเนื้อฝาบาตรรมดำ ปี 2504, รุ่น 3 รูปไข่ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง และเนื้อฝาบาตรรมดำ ปี 2509 ด้านหลังพระประจำวัน 7 วัน, รุ่น 4 ปี 2511, รุ่น 5 ปี 2513

    นอกจากนี้ ยังมีพระเครื่องเนื้อดิน เนื้อว่าน เนื้อผง และผงใบลานเผา อีกหลายพิมพ์ เช่น พระ พิมพ์นาคปรกเศียรแหลม ปี 2498, พระพิมพ์ท้าวชมพูบดี ปี 2498, พระผงสุพรรณหลังยันต์ ปี 2504, พระชินราชใหญ่-เล็ก ปี 2498, พระพิมพ์ซุ้มกอ, พิมพ์ยันต์อุ, พิมพ์นางกวัก เป็นต้น

    พระเครื่อง ของท่านทุกรุ่นมีประสบการณ์ดังในด้านแคล้วคลาด ปลอดภัย ยิงไม่ออก ฟันแทงไม่เข้า ทำให้บางรุ่นหายากมาก โดยเฉพาะรูปหล่อรุ่นแรก ตอนนี้เช่าหาอยู่ที่ราคาหลักหมื่น ไม่มีคนอยากปล่อย เพราะถือว่า "มีพระหลวงพ่อคำแล้วไม่ตายโหง"

    ลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสของท่านมีอยู่หลายคน ที่มีชื่อเสียงคือ พระเอกยอดนิยม "มิตร ชัยบัญชา" ซึ่งให้ความเคารพนับถือท่านมากครับ เมื่อครั้งที่ มิตร ชัยบัญชา เสียชีวิต ท่านได้เล่าให้ศิษย์ฟังว่า วันที่มิตรเสีย ไม่ได้ห้อยพระของท่าน ไม่งั้นคงไม่ตาย นอกจากนี้ ยังมี "สุรพล สมบัติเจริญ" ราชาเพลงลูกทุ่งไทย คนบ้านวัดไชนาวาสที่ให้ความนับถือท่าน และฝากตัวเป็นลูกศิษย์ตั้งแต่สมัยที่หลวงปู่คำยังไม่โด่งดังเลย

    วาระสุดท้าย หลวงปู่คำมรณภาพเมื่อวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2513 เวลา 17.43 น. ตรงกับแรม 5 ค่ำ เดือน 3 ปีระกา สิริอายุ 83 ปี โดยจัดงานพระราชทานเพลิงศพท่านเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2514 ในงานมีพระเกจิอาจารย์มากันมากมายหลายองค์ รวมทั้งลูกศิษย์ลูกหาประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธา ก็มากันล้นหลามชนิดที่ว่าแน่นศาลาวัดจนต้องลงมาอยู่ข้างล่างกันเลย แสดงให้เห็นถึงบารมีอันสูงส่งของหลวงปู่คำ


    ขอบขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลและที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญสภาพผ่านการบูชา ปี2498 ตามสภาพที่เห็นครับ สวยๆบูชาหลายพันครับขออภัยที่รูปไม่ชัดครับพอดีเครื่องมือขัดข้องครับ

    ให้บูชา 1500 บาทครับ
    [​IMG] [​IMG]
    รายการนี้ยังสามารถบูชาได้ครับท่านที่จองไว้แจ้งขอยกเลิกการจองไว้แล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2012
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    วันนี้จัดส่ง

    EI 08369741 0 TH โพธาราม

    ขอบคุณครับ
     
  6. prapart54

    prapart54 สุรสีห์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,221
    ค่าพลัง:
    +3,096
    แจ้งโอนเงิน จำนวน 4,950 บาท เมื่อ 01/11/55 เวลา 10.56 น.
    1.ตะกรุดโทน หลวงพ่อคง วัดตะคร้อ 1,500 บาท
    2.พระผงคู่ชีวิต 1,900 บาท
    ที่จองในนามคุณ civicnoi
    3.เหรียญ ฟ้าลั่น 1,500 บาท
    ที่จองในนามคุณ prapart
    ทั้งสอง Uername คนเดียวกันครับ ใช้เครื่องที่บ้าน และที่ทำงาน
    จัดส่งคุณประภาส มะเริงสิทธิ์
    288/10 ม.1 ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จว.นครราชสีมา
    30340 ขอโทษครับที่ล่าช้า ขอบคุณครับ
     
  7. trex2553

    trex2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +102

    จองครับ
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หนุมานหลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ยม จ.บุรีรัมย์ ปี 2517 ในฟื้นที่ที่นิยมมากครับ

    ท่านเป็นอาจารย์ที่เรืองวิทยามียานจิตสูงรูปหนึ่งและเป็นพระที่มีศีลบริสุทธิ์กล่าวคือหลวงปู่ท่านได้เข้ามาอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์เมื่ออายุได้เพียง13ปี จนถึงปัจจุบันนี้ท่านมีอายุ102 ปีนับได้ว่า ท่านเป็นพระอาจารย์ที่บวชพรรษาสูงที่สุดในยุคนี้ (หลวงปู่เกิดวันที่23 พ.ค.2416)

    หลวงปู่ท่านอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ถึง 89 พรรษายากที่จะมีพระอาจารย์เช่นหลวงปู่ท่านนี้ได้ เมื่อสมัยสงครามอินโดจีนเกือบทุกท่านคงทราบความขลังของอาคม ที่หลวงปู่ท่านเม้าได้ปลุกเสกสิ่งมงคลต่างๆ โดยเฉพาะผ้ายันต์และตะกรุดโทนอันลือชื่อบรรดาทหารหาญที่ได้รับผ้ายันต์หรือตะกรุดโทนทุกๆ ท่านต่างได้รับความปลอดภัย แคล้วคลาดจากภัยในสมรภูมิได้ทุกท่านราวปฎิหาริย์เมื่อท่านจอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ท่านทราบข่าวถึงความปลอดภัยแคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ อย่างน่าอัศจรรย์ กิติศักดิ์เป็นที่เลื่องลือ ในหมู่ชนทุกๆ ถิ่นฐาน จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ถึงกับฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่และเลื่อมใสนับถือหลวงปู่เม้ามาก

    หลวงปู่เม้าได้รับการศึกษาจากพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังต่างๆ ในยุคนั้นมากมายโดยเฉพาะวิชาวิปัสสนากัมมัฎฐาน จากพระอาจารย์เพียร ซึ่งเป็นที่ยอมรับของพระอาจารย์เพียรท่านเป็นยอดในวิชาวิปัสสนากัมมัฎฐานและยังได้ศึกษาเพิ่มเติมจากพระอาจารย์อื่นๆ อีกมาก เช่นพระอาจารย์ครุฑ พระอาจารย์นิลและ พระอาจารย์ดา พระอาจารย์นิลและ พระอาจารย์เสาร์เป็นต้น นับว่า หลวงปู่เม้าได้รับการประสิทธ์ประสาทวิชาจากพระอุบัชณา ที่มีชื่อมากมายหลวงปู่เม้าท่านไม่เคยเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยหรือประโยชน์ส่วนตัวเลยท่านได้ทำนุบำรุงสร้างความเจริญให้กับวัดอารามต่างๆ ถึง 6 วัดคือวัดใหม่เรไร่ทอง วัดบ้านถนนหัก วัดบ้านตะโก วัดสังเวทกิริญาวาส วัดบ้านหนองยายพิมและ วัดสี่เหลี่ยม ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ในปัจจุบันนี้ด้วยในจำนวนวัดที่กล่าวมานี้ท่านเป็นเจ้าอาวาสเอง ถึงสี่วัดมาแล้วจึงกล่าวได้ว่า ท่านเป็นพระอาจารย์ที่น่าเคารพรับถือมากในยุคนี้อีกท่านหนึ่ง

    พระอุโบสถที่วัดสี่เหลี่ยม นี้อยู่ ซึ่งก็เป็นการยากที่จะให้สำเร็จลุล่วงไปโดยลำพัง เท่าที่กำลังมีอยู่ในวัดนี้ได้จึงได้สร้างสิ่งมงคลต่างๆ ขึ้นเพื่อหาปัจจัยมาเป็นทุนทรัพย์ในการสร้างอุโบสถไว้เป็นที่ระลึกและท่านที่ต้องการมีไว้เพื่อเป็นสิริมงคลและแค้วคลาด จากภัยอันตรายต่างๆ อีกทั้งจะได้ทำบุญร่วมในการสร้างโบสถนี้อีกด้วยโดยการเช้าบูชาสิ่งมงคลต่างๆ ที่หลวงปู่เม้าได้ทำพิธีพุทธาณิเษกและปลุกเสกเอง เช่นเหรียญรูปเหมือนปู่เม้ารุ่นที่1 ซึ่งได้หมดไปแล้วจากวัด เพราะสร้างจำนานน้อยมากปัจจัยที่ได้มาก็ไม่เพียงพอยังขาดทุนทรัพย์อีกเป็นจำนานมาก จึงจำเป็นจะต้องหาปัจจัยอีกเพื่อเป็นทุนทรัพย์ในการก่อสร้างพระอุโบสถหลวงปู่ท่านจึงได้สร้างสิ่งมงคลรุ่นพิเศษขึ้นโดยมี

    พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร ได้ทรงเป็นองค์ประธานจัดงานให้สิ่งมงคลรุ่งพิเศษมีหลายอย่างเช่น** กริ่งหนุมาณ** เหรียญรูปเหมือนหลวงปู่เม้ารุ่งพิเศษ พระสมเด็จเนื้อผง พระปิดตามหาลาภเนื้อผง พระบูชาอีกหลายขนาดเป็นต้น ซึ่งยังพอมีเหลืออยู่บ้างได้นำออกให้เป็นบูชาเพื่อหาปัจจัยมาเป็นทุนทรัพย์ แต่ก็มีอุปสรรคด้วยการคมนาคมไม่สะดวกเท่าที่ควร และเป็นการสิ้นเปลืองเวลาของท่านที่ต้องเดินทางมาที่วัดด้วยตนเองหลวงปู่และกรรมการของวัดจึงคิดว่า ควรจะขอความร่วมมือต่อสถานที่บูชาสิ่งมงคลนี้ให้มากขึ้น และก็ได้รับความร่วมมือจากสถานที่ต่างๆ หลายแห่งเป็นอย่างดี เป็นตัวแทนของทางวัดสี่เหลี่ยมให้เช่าบูชาสิ่งมงคลและเครื่องรางของขลังที่หลวงปู่เม้าได้ปลุกเสกไม่ว่า ชนิดไหนหรือคราวใดยังคงความขลังให้กับของที่ท่านได้ปลุกเสก ทุกๆ ครั้งและรุ่งพิเศษนี้อีกเช่นกันได้เกิดปฎิหาริย์ให้กับผู้ที่บูชาพกติดตัวแล้วมากมายเช่นเหรียญรุ่งพิเศษกับกริ่งหนุมานถึงกับเป็นข่าวพาดหัวในหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ มาแล้ว ซึ่งทุกท่านคงทราบดีและได้อ่านข่าวมาโดยละเอียดแล้วถึงความแคล้วคลาดในเหตุการณ์อันน่าแปลกใจครับ

    ให้บูชา 600 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ


    [​IMG] [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2012
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ

    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2012
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    วันนี้จัดส่ง

    EI083901291TH คลองไผ่

    ขอบคุณครับ
     
  11. ครุฑยุดนาค

    ครุฑยุดนาค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,914
    ค่าพลัง:
    +7,212
    จองรายการนี้ครับ..พี่ครับมีหนุมาน ลป.เม้าไหมครับ..ถ้ามีและราคาไม่แรงมาก ขอจองครับ ขอบคุณครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    ประวัติครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง




    อนึ่ง ด้วยครูบาธรรมชัยเป็นพระกรรมฐานมีฌานสมาบัติแก่กล้าทรงอภิญญา ในด้านวิทยาคมและแพทย์ศาตร์สงเคราะห์แผนโบราณนั้น มีความเชี่ยวชาญมากเป็นพิเศษ เมื่อประชาชนได้รับทุกขเวทนาทางเจ็บป่วยพากันหลั่งไหลมาขอความเมตตาพึ่งพาใครผู้ใดได้อีกแล้ว ครูบาธรรมชัย ก็ได้ประโลมขวัญให้กำลังใจเขาเหล่านั้น ช่วยสงเคราะห์เมตตารักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ ทำให้พ้นจากโรคภัยไปเป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน สามารถมีชีวิตอยู่รอดไปได้ ตามส่วนกุศลผลบุญมากและน้อยแต่ละบุคคล การรักษาโรคของครูบาธรรมชัย ท่านรักษาด้วย พลังกระแสฌาน หรือ พลังจิตขั้นสูง ยึดเอาอำนาจคุณพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณเป็นสรณะสูงสุด และประกอบด้วยยาสมุนไพร ครั้นต่อมาท่านได้นำเอาวิธีการ ฝังเข็ม ด้วยกระแสไฟฟ้าเข้ามาประยุกต์ใช้ด้วย แสดงว่าท่านค้นคว้าก้าวหน้าอยู่เสมอในทางแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ การอบตัวด้วยเครื่องยาสมุนไพรก็เป็นส่วนประกอบอีกแบบหนึ่งในการรักษาที่ขึ้นหน้าขึ้นตาที่วัดของท่านในเวลานี้ โดยมีพระเณร แม่ชี และชาวบ้านคอยต้อนรับคนเจ็บป่วยและช่วยดูแลเครื่องต้นสมุนไพรตลอดจนอำนวยความสะดวกต่าง ๆ บริการอยู่ตลอดเวลา ตามปกติจะมีคนไข้ด้วยโรคพยาธิต่าง ๆ จากทั่วประเทศหลั่งไหลไปขอให้ครูบาธรรมชัยรักษาวันละมาก ๆ ที่รักษาค้างคืนเป็นประจำก็มีมาก ที่รักษาอยู่เป็นเดือนก็มีมากเช่นกัน สุดแต่โรคที่เป็นมากและน้อย เรื่องเงินทองอาหารการกินไม่ต้องวิตกกังวลใจ ครูบาธรรมชัยบริการทุกอย่าง ท่านมีแต่ให้และให้ด้วยความเมตตากรุณาหาที่สุดมิได้ ส่วนใครจะถวายเงินทองท่านหรือไม่ ท่านไม่สนใจ ไม่ใช่เรื่องของท่าน เป็นเรื่องของศรัทธาแต่ละคนแล้ว แต่จะถวายกับทางวัดทางคณะสงฆ์ ท่านให้ทุกคนที่บากหน้าไปหาได้รับแต่ความชุ่มชื่นสมหวังในสิ่งที่ปรารถนาอย่างเดียวเท่านั้น ใครบากหน้าไปหาท่านแล้วจะต้องขนลุกซู่น้ำตาคลอเกิดความปิติอย่างบอกไม่ถูก ปฏิปทาจริยาวัตรการปฏิบัติของท่านพิเศษจริง ๆ ไม่เหมือนหลวงพ่อหลวงปู่วัดใด ใครไม่เชื่อก็น่าจะลองไปพิสูจน์ดูด้วยตนเอง ท่านไม่ใช่พระเกจิอาจารย์ธรรมดา ๆ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ลงมาเกิดบำเพ็ญบารมี เพื่อหวังพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตอันไกลโพ้น แต่จะเป็นองค์ที่เท่าใดไม่อาจทราบได้ จึงกล่าวได้ว่า ครูบาธรรมชัยมีภารกิจในพระศาสนา และ บำเพ็ญประโยชน์สาธารณะสังคม เป็นภาระหนักทับถมอยู่ตลอดเวลา แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนหลับนอน เวลาพักผ่อนของท่านก็ได้อาศัยการนั่งสมาธิในตอนดึก ๆ นั่นแล เรื่องราวของครูบาธรรมชัยที่เล่ามาตั้งแต่ต้นนี้เป็นเพียง "เสี้ยวหนึ่งของชีวิต" ของท่านเท่านั้น ยังมีเรื่องราวอีกมากมายนักที่ไม่ได้เล่า เพราะถ้าเล่าจนหมดก็คงจะลงในหนังสือใช้เวลาเป็นปี ๆ ถึงจะจบ จึงใคร่จะขอรวบรัดตัดตอนนำมาเล่าสู่กันฟังเฉพาะตอนที่ไม่ "หนัก" จนเกินไปในด้านข้ออรรถข้อธรรม

    ญาณพิเศษ
    เรื่องมีตาทิพย์ของครูบาธรรมชัยนี้ เป็นที่ยอมรับในหมู่พระเถระชั้นสูงที่อยู่ในวงพระกรรมฐานได้ยกย่องว่า ครูบาธรรมชัยมีญาณพิเศษตาทิพย์หูทิพย์ สามารถจะนั่งทางในไปนรก-สวรรค์ได้ รู้ว่าใครตายไปแล้วไปอยู่ที่ไหน ท่านสามารถติดต่อวิญญาณของผู้นั้นได้ รู้ว่ามนุษย์และสัตว์ที่เกิดมาในโลกนี้ มาจากไหน ชาติก่อน ๆ เคยเสวยภพชาติเป็นอะไรมาบ้าง รู้ว่าคนนี้ป่วยเจ็บจะตายหรือจะหายเมื่อไร รู้ว่าคนที่ไม่ป่วยเจ็บมีร่างกายแข็งแรงดีที่มาพบท่านนั้น เมื่อไหร่จะตาย เมื่อไหร่จะมีโชคลาภ ล่วงรู้ด้วยว่า ในใจกำลังคิดอะไร คิดดีหรือคิดชั่ว เรียกว่าท่านมี เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนดวาระจิตผู้อื่น

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของฃบทความที่มาข้อมูลอย่างสูงครับ

    พระผงเกษารูปเหมือนครูบาธรรมชัย

    (ปิดรายการ)


    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2012
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    ประวัติ หลวงพ่อคำ จันทโชโต วัดหน่อพุทธางกูร PDF พิมพ์ อีเมล

    ประวัติ หลวงพ่อคำ จันทโชโต วัดหน่อพุทธางกูร

    วัดหน่อพุทธางกูร ตั้งอยู่ในเขต ต.พิหารแดง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โดยอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี ประวัติความเป็นมาของวัดนี้สร้างขึ้นในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด ชาวบ้านเล่าลือสืบต่อกันมาว่า ชาวลาวที่ถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันทน์ เมื่อคราวกบฏเจ้าอนุวงศ์ พ.ศ.2369 ได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้ และได้สร้างสำนักสงฆ์ขึ้นในบริเวณที่มีฐานพระอุโบสถเก่าอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่สามารถสืบหาอายุได้ว่าสำนักสงฆ์นี้สร้างขึ้นเมื่อใด

    ต่อมา "ขุนพระพิมุข" ข้าหลวงในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มาสร้างวัดขึ้น ให้ชื่อว่า "วัดมะขามหน่อ" จนกระทั่งในสมัย "พระครูสุวรรณวรคุณ" หรือ "หลวงพ่อคำ จันทโชโต" เป็นเจ้าอาวาสจึงได้เปลี่ยนชื่อวัดนี้เป็น "วัดหน่อพุทธางกูร"

    พระอุโบสถเก่าของวัดนี้มีภาพจิตรกรรมฝาผนังซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างมา ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย เนื่องจากลักษณะของฐานที่แอ่นโค้งแบบท้องเรือสำเภาอันเป็นรูปแบบที่นิยมมาก ในสมัยอยุธยาตอนปลาย จิตรกรรมของวัดนี้เขียนอยู่ภายในและภายนอกพระอุโบสถ ผู้เขียนคือ "นายคำ" ช่างหลวงที่ถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันทน์เมื่อคราวกบฏเจ้าอนุวงศ์

    ภาพจิตรกรรมที่พระอุโบสถวัดหน่อพุทธางกูรเป็นจิตรกรรมแบบไทย ภาพจิตรกรรมระบายสีแบนเรียบด้วยสีสันสดใสแล้วตัดเส้น เป็นภาพสองมิติที่ให้ความรู้สึกเพียงด้านกว้างและด้านยาว เนื้อเรื่องที่เขียนเป็นเรื่องราวในพุทธศาสนา มีทั้งทศชาติชาดก พุทธประวัติ เทพยดาต่างๆ และเรื่องราวในไตรภูมิ ซึ่งเป็นที่นิยมโดยทั่วไปในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

    หลวงพ่อคำ อดีตเจ้าอาวาสวัดหน่อพุทธางกูร เป็นหนึ่งในสุดยอดคณาจารย์เมืองสุพรรณที่เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณมาก เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์, หลวงพ่อปิ่น วัดหน่อพุทธางกูร, หลวงพ่อทองหยด วัดชีสุขเกษม สมัยที่มีชีวิตอยู่เป็นพระเถราจารย์ที่ชาวบ้านในตำบลนั้นรวมไปถึงชาวตลาด จังหวัดสุพรรณบุรี มีความเคารพนับถือมากองค์หนึ่ง เพราะท่านเป็นพระที่สันโดษ มักน้อย มีความเมตตาปรานีสูงยิ่ง

    ท่านเกิดเมื่อวันที่ 30 พ.ค.2430 เวลา 19.19 น.โดยประมาณ ตรงกับวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือนอ้าย ปีกุน ร.ศ.106 ณ บ้านพิหารแดง หมู่ 1 ต.พิหารแดง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ห่างจากตัวจังหวัดขึ้นไปทางทิศเหนือตามลำน้ำท่าจีนประมาณ 4 กิโลเมตร และห่างจากวัดหน่อพุทธางกูรราว 27 เส้นเศษ เป็นบุตรจีนฮั้ว แซ่ตัน หรือแซ่ตั้ง มารดาชื่อจันทร์ มีเชื้อสายเป็นชาวเวียงจันทน์

    เมื่ออายุได้ไม่กี่ขวบก็ต้องกำพร้าบิดามารดา และอาศัยอยู่กับน้าชาย ชื่อทอง น้าสาวชื่อหริ่ม จนกระทั่งอายุ 16 ปีจึงบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดมะนาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันอังคารที่ 8 เม.ย.2445 โดยได้รับความอนุเคราะห์จากพระอาจารย์คำตา และอยู่กุฏิเดียวกับพระปลัดบุญมี ซึ่งเป็นญาติกับท่าน พร้อมกับศึกษามูลกัจจายน์และอักขระขอมไทยกับขอมลาว

    ต่อมาญาติของท่านชื่อพระอาจารย์บุญมา บวชอยู่ที่วัดภาวนาภิรตาราม อ.บางกอกน้อย ธนบุรี ได้ชักชวนให้ไปเรียนหนังสือต่อที่วัดแห่งนี้

    "พระครูสุวรรณวรคุณ" หรือ "หลวงปู่คำ จันทโชโต" วัดหน่อพุทธางกูร ต.พิหารแดง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ท่านได้ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและมูลกัจจายน์ กับหนังสือใหญ่ (หนังสือขอม) ด้วยความขยันขันแข็ง แต่ดวงของท่านต้องกลับมาอยู่บ้านเกิด เพราะเกิดเหน็บชาไม่สามารถที่จะอยู่วัดภาวนาภิตารามได้ เมื่อกลับมาอยู่วัดหน่อพุทธางกูร ไม่นานก็หายเป็นเหน็บชา เพราะได้ฉันข้าวซ้อมมือซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยวิตามินบี

    เมื่ออายุ 21 ปีเต็ม ท่านได้กลับไปอุปสมบทที่วัดนะนาว เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2451 โดยมีพระครูวินยานุโยค วัดอู่ทอง เป็นอุปัชฌาย์ พระปลัดบุญมี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระช้าง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า "จันทโชโต" จากนั้นได้จำพรรษาอยู่ที่วัดมะนาวเรื่อยมา

    ต่อมาพระอาจารย์บุญมา ได้กลับมาจำพรรษาและดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหน่อพุทธางกูร ในราวปีพ.ศ 2452 ได้ชักชวนให้ท่าน มาอยู่ที่วัดหน่อพุทธางกูร (วัดมะขามหน่อในขณะนั้น) เพื่อช่วยพัฒนาวัด เมื่อมาจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ ท่านได้ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยจนมีความรู้แตกฉานยิ่งขึ้นทั้งพระธรรมวินัย และอักขระขอมไทย-ลาว ตลอดจนขนบธรรมเนียมและแบบแผนอันดีงามสืบต่อติดมาจนเป็นนิสัย จนชาวบ้านแถวนั้นต่างกล่าวขวัญว่า เป็นพระที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยดีมาก

    "พระอธิการบุญมา" กับ "หลวงพ่อคำ" ได้พยายามพัฒนาวัดหน่อพุทธางกูรเรื่อยมาจนวัดเจริญขึ้นตามลำดับ ภายหลังจากที่พระอธิการบุญมาถึงแก่มรณภาพในราวพ.ศ. 2458 คณะสงฆ์จึงแต่งตั้งให้หลวงปู่คำ รักษาการแทน เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2458 ขณะมีอายุได้ 28 ปี พรรษาที่ 8

    ก่อนที่จะเป็นเจ้าอาวาสอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2471 อายุได้ 41 ปี พรรษาที่ 21 ผ่านไปอีก 10 ปี ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการศึกษาเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2481 ต่อมาวันที่ 5 ธ.ค. 2498 ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรที่ "พระครูสุวรรณวรคุณ" ขณะอายุได้ 78 ปี พรรษาที่ 48

    อุปนิสัยใจคอของหลวงปู่คำนั้นเยือกเย็น ถ้าใครได้ไปพบเห็นจะมีความรู้สึกเคารพนับถือขึ้นมาทันที เพราะใบหน้าท่านยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา พูดค่อยและช้า แต่วาจาศักดิ์สิทธิ์มาก ภายในกุฏิของท่าน ของมีค่าหาได้น้อย มีหัวกะโหลกมนุษย์ตั้งอยู่ นอกนั้นเป็นสิ่งหาค่าไม่ได้วางอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบ ท่านมีความมักน้อยในจิตใจ แต่มักใหญ่ในการก่อสร้างเสนาสนะ เช่น การสร้างพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญคอนกรีต และโรงเรียนประชาบาลจนกระทั่งมรณภาพ

    ในด้านการปกครอง ท่านมีปฏิปทาในหลักธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ได้แนะนำสั่งสอนพระภิกษุสามเณร ให้ประพฤติอยู่ในระเบียบวินัยสงฆ์ โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณรที่จำพรรษาอยู่ในวัดหน่อพุทธางกูร ไม่ว่าจะบวชนาน หรือบวช 3 เดือน จะต้องศึกษาพระธรรมวินัยและต้องสอบธรรมสนามหลวง

    ใครก็ตามที่มาบวชต้องได้รับการอบรมแบบตัวต่อตัวจากท่านทุกรูป เริ่มต้นด้วยการสอนอนุศาสน์ 8 นิสสัย 4 ส่วนมากที่เฝ้าสั่งสอนด้วยใจเป็นห่วงคือ ปาราชิก 4 สอนด้วย การยกอุปมาอุปไมย นอกจากนั้น สอนสังฆาทิเสส นิสสัคคียปาจิตตีย์ ในข้อนี้ชาวพุทธทราบดีว่าหลวงปู่คำไม่ยอมหยิบเงินทองที่เขาถวาย เมื่อท่านไปไหนๆ มีเด็กลูกศิษย์ติดตามท่านไปด้วยหนึ่งคนเสมอ

    เมื่อมีงานวัดหน่อพุทธางกูร ต.พิหารแดง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี "หลวงปู่คำ จันทโชโต" จะ ห้ามเด็ดขาดมิให้ภิกษุสามเณรไปเที่ยวจุ้นจ้านกับฆราวาส อ้างว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ ถึงแม้วัดอื่นมีงาน ท่านก็ไม่อนุญาตให้ไปเที่ยว โดยได้พิมพ์กฎข้อบังคับของวัดใส่กรอบไว้ที่หอสวดมนต์

    ในส่วนของวิชาอาคม เชื่อกันว่าท่านได้ไปเรียนเวทมนตร์คาถาและวิปัสสนากรรมฐานจาก หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกับ หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว พระเกจิอาจารย์ดังของเมืองสุพรรณอีกองค์หนึ่ง และมีความเชี่ยวชาญถึงขั้นเล่นแร่แปรธาตุได้

    นอกจากนี้ ยังมีความรู้ในทางแพทย์โบราณ รักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยสมุนไพร และเวทมนตร์คาถา รวมทั้งมีความเชี่ยวชาญในการดูฤกษ์ยามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานมงคลสมรส อุปสมบท ปลูกบ้าน ขึ้นบ้านใหม่ โกนจุก จนกระทั่งปลูกยุ้งข้าว

    กิจพิเศษที่พิเศษยิ่งของท่านคือ การรักษาคนที่ถูกสุนัขบ้ากัดอย่างที่เรียกกันว่า "โรคกลัวน้ำ" ความศักดิ์สิทธิ์ในตัวยาของท่านทำให้ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว โดยในช่วงชีวิตของหลวงปู่คำได้ช่วยชีวิตคนที่ถูกสุนัขบ้ากัดเอาไว้หลายหมื่น คนทีเดียว

    "หลวงปู่คำ" สร้างมงคลวัตถุขึ้นหลายอย่าง อาทิ รูปหล่อรุ่นแรก เนื้อทองเหลืองรมดำ ปี 2498 รุ่น 2 เนื้อทองเหลือง ปี 2504, รุ่น 3 เนื้อทองเหลืองรมดำ ปี 2511 เป็นพิมพ์เดียวกับรุ่นแรก แต่ฐานสูงกว่า และตรงฐานมีชื่อท่านอยู่ด้วย, เหรียญรุ่นแรก รูปอาร์ม เนื้อทองแดงรมดำ ปี 2498, รุ่น 2 รูปไข่ ด้านหลังพระประจำวันพุธ (วันเกิดของท่าน) เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง และเนื้อฝาบาตรรมดำ ปี 2504, รุ่น 3 รูปไข่ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง และเนื้อฝาบาตรรมดำ ปี 2509 ด้านหลังพระประจำวัน 7 วัน, รุ่น 4 ปี 2511, รุ่น 5 ปี 2513

    นอกจากนี้ ยังมีพระเครื่องเนื้อดิน เนื้อว่าน เนื้อผง และผงใบลานเผา อีกหลายพิมพ์ เช่น พระ พิมพ์นาคปรกเศียรแหลม ปี 2498, พระพิมพ์ท้าวชมพูบดี ปี 2498, พระผงสุพรรณหลังยันต์ ปี 2504, พระชินราชใหญ่-เล็ก ปี 2498, พระพิมพ์ซุ้มกอ, พิมพ์ยันต์อุ, พิมพ์นางกวัก เป็นต้น

    พระเครื่อง ของท่านทุกรุ่นมีประสบการณ์ดังในด้านแคล้วคลาด ปลอดภัย ยิงไม่ออก ฟันแทงไม่เข้า ทำให้บางรุ่นหายากมาก โดยเฉพาะรูปหล่อรุ่นแรก ตอนนี้เช่าหาอยู่ที่ราคาหลักหมื่น ไม่มีคนอยากปล่อย เพราะถือว่า "มีพระหลวงพ่อคำแล้วไม่ตายโหง"

    ลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสของท่านมีอยู่หลายคน ที่มีชื่อเสียงคือ พระเอกยอดนิยม "มิตร ชัยบัญชา" ซึ่งให้ความเคารพนับถือท่านมากครับ เมื่อครั้งที่ มิตร ชัยบัญชา เสียชีวิต ท่านได้เล่าให้ศิษย์ฟังว่า วันที่มิตรเสีย ไม่ได้ห้อยพระของท่าน ไม่งั้นคงไม่ตาย นอกจากนี้ ยังมี "สุรพล สมบัติเจริญ" ราชาเพลงลูกทุ่งไทย คนบ้านวัดไชนาวาสที่ให้ความนับถือท่าน และฝากตัวเป็นลูกศิษย์ตั้งแต่สมัยที่หลวงปู่คำยังไม่โด่งดังเลย

    วาระสุดท้าย หลวงปู่คำมรณภาพเมื่อวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2513 เวลา 17.43 น. ตรงกับแรม 5 ค่ำ เดือน 3 ปีระกา สิริอายุ 83 ปี โดยจัดงานพระราชทานเพลิงศพท่านเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2514 ในงานมีพระเกจิอาจารย์มากันมากมายหลายองค์ รวมทั้งลูกศิษย์ลูกหาประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธา ก็มากันล้นหลามชนิดที่ว่าแน่นศาลาวัดจนต้องลงมาอยู่ข้างล่างกันเลย แสดงให้เห็นถึงบารมีอันสูงส่งของหลวงปู่คำ


    ขอบขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลและที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญสภาพผ่านการบูชา ปี2498 ตามสภาพที่เห็นครับ

    ให้บูชา1500 บาทครับ


    [​IMG] [​IMG]
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    วัดสุวรรณคูหาวารีวงศ์ หรือวัดถ้ำโพงพาง ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร เป็นสถานธรรมที่ 'หลวงปู่สงฆ์ จันทสโร' อดีตพระคณาจารย์ดังแห่งวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย เป็นผู้สร้าง



    ปัจจุบันมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง 'หลวงปู่ บุญมา ปภากโร' สิริอายุ 86 ปี เป็นเจ้าอาวาส



    หลวงปู่บุญมามีนามเดิมว่า บุญมา คงคูณ เป็นชาวเมืองตรัง หมู่ที่ 4 ต.นาบินหลา อ.เมือง ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 ธ.ค.2469 ตรงกับปีขาล ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 1 (เดือนอ้าย) อัฏฐศก จ.ศ.1288 ร.ศ.145 อธิกมาส (8 สองหน)



    เมื่ออายุ 15 ปีเข้าบรรพชาที่วัดใกล้บ้าน และตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอย่างต่อเนื่อง 5 ปี จนกระทั่งได้เข้าสอบธรรมสนามหลวงในระดับชั้นนักธรรมตรี โท และเอกตามลำดับ



    เมื่อมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหาร ท่านรับราชการทหารอยู่ 2 ปี หลังปลดประจำการได้ครองเรือน จนมีอายุได้ 25 ปี เมื่อปี 2494 จึงได้เข้าอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดปากจ่า ต.ควนโส อ.รัตภูมิ จ.สงขลา มีพระครูพิทักษ์ธรรมคุณ (เลี่ยน จันทสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พร้อม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์คล้าว กตปุญโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า 'ปภากโร'





    หลังจากบวชแล้วได้เน้นร่ำเรียนทางกรรมฐานทั้งสมถะและวิปัสสนาโดยตรง จนเข้าพรรษาที่ 8 ในขณะมีอายุได้ 33 ปี จึงออกธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ



    หลวงปู่บุญมาท่านเล่าให้ศิษย์ฟังว่า ช่วงที่ท่านธุดงค์ไปที่เขาชัยสน จ.พัทลุง ในคืนหนึ่งขณะนั่งสมาธิได้นิมิตเห็นในบริเวณป่าเขาที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่งนี้มีเหวลึก ในเหวนั้นมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์และเจดีย์อยู่ รุ่งเช้าจึงเดินทางไปดูตามนิมิตก็เห็นเป็นจริงตามนั้น




    ทั้งนี้ หลวงปู่บุญมาได้เชิญพระคาถาของรัชกาลที่ 4 มาเป็นแนวปฏิบัติควบคู่ไปกับปฏิปทาของหลวงปู่สงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนชาวเมืองชุมพร และจังหวัดใกล้เคียงทั้งชาวต่างประเทศ



    ในด้านวิชาอาคมท่านได้ศึกษาเล่าเรียน และได้รับการถ่ายทอดจากหลวงปู่สงฆ์ จากนั้นไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ แห่งวัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช ท่านได้เริ่มสร้างวัตถุมงคลเมื่อปี 2532 จนได้รับความนิยมจากบรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งไทยและชาวต่างประเทศ เช่น เสือหล่อกวัก, เหรียญเสมารุ่นแรก และรูปเหมือน เป็นต้น


    ขอบขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลและที่มาอย่างสูงครับ


    เหรียญรุ่นแรกกะไหล่ชุบนิเกิล หลวงปู่บุญมารุ่นประสบการณ์

    ให้บูชา1800 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2012
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    ประวัติ หลวงพ่อโอด ปัญญาธโร วัดจันเสน (พระครูนิสัยจริยคุณ)

    "พระครูนิสัยจริยคุณ" หรือ "หลวงพ่อโอด ปัญญาธโร" เจ้าอาวาสวัดจันเสน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ และเจ้าคณะอำเภอตาคลี พระเกจิชื่อดังอีกรูปหนึ่งแห่งเมืองนครสวรรค์

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า วิสุทธิ์ แป้นโต เกิดเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2460 ณ บ้านเลขที่ 103 หมู่ที่ 7 บ้านหัวเขา ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายชิตและนางต่วน แป้นโต มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันรวม 7 คน

    ในช่วงวัยเยาว์ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนวัดหัวเขา ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ก่อนลาออกมาช่วยครอบครัวประกอบอาชีพ

    จนอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าอุปสมบท เมื่อวันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2481 ณ พระอุโบสถ วัดหัวเขา อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ มีพระธรรมไตรโลกาจารย์ (ยอด) วัดเขาแก้ว อ.พยุหะคีรี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูนิปุณธรรมธร วัดตาคลี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูพิพัทธศีลคุณ วัดหัวเขา อ.ตาคลี เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    หลังอุปสมบท ท่านได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรมวิทยฐานะ พ.ศ.2484 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก จากสำนักเรียนวัดมหาพฤฒาราม กรุงเทพฯ

    ลำดับงานปกครอง พ.ศ.2489 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหนองสีนวล อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ พ.ศ.2493 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดจันเสน

    พ.ศ.2493 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลจันเสน

    พ.ศ.2496 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2510 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอตาคลี พ.ศ.2516 เป็นเจ้าคณะอำเภอตาคลี

    ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2500 ได้รับพระ ราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี พ.ศ.2510 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท พ.ศ.2520 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก

    พ.ศ.2527 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ ในราชทินนาม "พระครูนิสัยจริยคุณ"

    ด้านการศึกษา เป็นครูสอนนักธรรมของวัดดอน เขตยานนาวา กรุงเทพฯ (ในสมัยที่พระอาจารย์กึ๋น เป็นเจ้าอาวาสวัดดอนฯ) เป็นครูสอนนักธรรม วัดหัวเขา และวัดหนองสีนวล อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เป็นเจ้าสำนักเรียนวัดจันเสน เป็นกรรมการตรวจประโยคธรรมสนามหลวง เป็นต้น

    หลวงพ่อโอด ได้ศึกษาพุทธาคมจากพระเกจิชื่อดัง คือ หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล อ.ตาคลี, หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อ.ตาคลี, หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อ.ตาคลี และหลวงพ่อเชน วัดสิงห์ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

    นอกจากนี้ ยังมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล และหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ สองพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของอำเภอตาคลี ในฐานะที่เป็นหลานที่ใกล้ชิด โดยโยมพ่อของหลวงพ่อโอด คือ นายชิต แป้นโต เป็นน้องชายแท้ๆ ของหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล และแม่ของนายชิต เป็นพี่สาวโยมแม่ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ดังนั้นหลวงพ่อโอด จึงเรียกหลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิมว่า หลวงลุง

    ด้านการศึกษาด้านพุทธาคม เมื่อท่านกลับจากการเป็นครูสอนนักธรรมที่วัดดอนยานนาวาแล้ว ท่านได้มาอยู่กับหลวงพ่อรุ่ง ที่วัดหนองสีนวล ซึ่งในระยะนี้เองที่ท่านได้ศึกษาวิทยาคมต่างๆ จากหลวงพ่อรุ่ง

    ส่วนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ท่านมาที่วัดหนองสีนวลอยู่เป็นประจำ ซึ่งหลวงพ่อโอดได้ศึกษาวิชาต่างๆ จากหลวงพ่อเดิม

    ทั้งนี้ จากคำบอกของท่านเองว่า ท่านยังมีอาจารย์อยู่อีก 2 รูป คือ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ในช่วงปี พ.ศ.2500 เป็นต้นมา ท่านมักไปเยี่ยมหลวงพ่อพรหมเป็นประจำ

    พระอาจารย์อีกรูป คือ หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ท่านไปอยู่เรียนกับหลวงพ่อเชน ที่วัดสิงห์ เรียนวิชาทำตะกรุด

    ด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน หลวงพ่อโอด เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านการปฏิบัติมาก ท่านศึกษามาจากหลวงพ่อรุ่ง ต่อมาท่านได้ไปศึกษาต่อที่สำนักวิปัสสนาวัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ

    ระหว่าง พ.ศ.2500 ท่านได้เปิดสำนักสอนวิปัสสนากัมมัฏฐานที่วัดจันเสน โดยท่านเป็นผู้สอน

    หลวงพ่อโอด เป็นพระที่มีเมตตาสูงยิ่ง วันหนึ่งๆ ท่านจะนั่งคอยรับแขกอยู่ทั้งวัน ใครมีเรื่องทุกข์ร้อนใจไปหาท่าน ท่านก็จะให้คำแนะนำที่ดีโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะยากดีมีจน

    หลวงพ่อโอด มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2532 สิริอายุ 72 ปี พรรษา 50


    ขอบขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลและที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อโอด วัดจันเสนปี๒๕๒๕เหรียญเก่ามากพุทธคุณควรค่าแก่การบูชา

    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ
    ปิดรายการ
    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2012
  16. ครุฑยุดนาค

    ครุฑยุดนาค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,914
    ค่าพลัง:
    +7,212
    จองรายการนี้ครับ......................................
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu
    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบหรือทางPM ตามท่านสะดวกแล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    [​IMG]


    หลวงปู่มั่น ทัตโต วัดโนนเจริญ อ.นาจะหลวย จ.อุบล

    ถ้า พูดถึงจังหวัด บุรีรัมย์พระเครื่องที่มีประสบการณ์สูงสุดคงไม่พ้นหลวง ปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง แต่ถ้าจ.อุบลต้องหลวงปู่มั่น ทัตโต วัดโนนเจริญ อ.นาจะหลวย จ.อุบล พระเกจิผู้เรืองวิชาทั้งทางด้านคาถาอาคมต่างๆและยังเป็นพระเกจิ สายวิปัสสะนา กรรมฐานที่เคร่งครัดในวัติปฏิบัติอีกด้วยครับ เป็นที่เคารพนับถือของชาวอุบลโดยเฉพาะอำเภอนาจะหลวยสมัยที่ท่าน ยังมีชิวิตอ ยู่ท่านเปรียบเสมือนเสาหลักของชาวบ้านเพราะอำเภอนาจะหลวยและน้ำยืนติด กับชาย แดนเขมรทำให้พื้นที่แถบนั้นมีความอันตรายจากผู้ร้ายชายแดนและกับ ระเบิดเป็น อย่างมาก ใครที่มีวัตถุมงคลของท่านไว้ต่างก็อุ่นใจ วัตถุมงคลแต่ละรุ่นของท่านล้วนมีประสบการณ์นานับประการคนพื้นที่ อำเภอนาจะ หลวยรู้ดีครับ ไล่ตั่งแต่เหรียญรุ่นแรก รูปหล่อฐานสูง เหรียญพระเจ้า5พระองค์ ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ เสือมหาอำนาจ ตะกรุดเขาควายเผือก ปลักขิกเขาความเผือก พระผงดิน9บัง9ป่าช้า ท่านมรณะภาพตอนอายุถึง105ปี ยังความเศร้าสลดเสียใจแก่ลูกศิษ์ทั้งหลาย และที่สำคัญ อัฐิท่านกลายเป็นพระธาตุอย่างน่าอัศจรรย์ครับ แม้แต่หลวงปู่ชายังให้ความเคารพนับถือในวัติปฏิบัติของท่าน

    วัด ป่า โนนเจริญ
    เป็น วัดที่เก่าแก่ก่อตั้งโดย หลวงปู่มั่น ทัตโต ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์สายวิปัสนากรรมฐาน ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2508 ปัจจุบันมีรูปปั้นหลวงปู่มั่น ทัตโต ประดิษฐานอยู่ ภายในบริเวณวัดมีเนื้อที่ 19 ไร่ มีพระภิกษุสามเณร 5 รูป ซึ่งมีพระอาจารย์สมศักดิ์ สุณทโร เป็นเจ้าอาวาสซึ่งเป็นวัดที่ปฏิบัติธรรมเดินจงกรม มีพุทธศาสนิกชนมนมัสการบุญพระธาตุหลวงปู่มั่นในเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความและที่มาอย่างสูงครับ


    ตอนนี้วัตถุมงคลหลวงปู่กำลังมีคนตามเก็บอีกไม่นานจะมีอัตราบูชาสูงและหายากขึ้นเรือยๆครับ

    เมื่อประวัติและปฎิปทาท่านเริ่มเป็นที่รู้จัก ในวงกว้างของนักสะสมบูชาวัตถุมงคลยุคใหม่ครับ


    เหรียญรุ่นแรกพิมพ์เล็กสภาพสวยเดิมๆครับรุ่นแรกจะมี 2พิมพ์โดยส่วนตัวที่ผมเคยเห็นและศึกษา

    ประวัติท่าน และหาข้อมูลในเวปไซท์ต่างๆ 2พิมพ์คือพิมพ์เล็กและใหญ่ พิมพ์ใหญ่จะมีทั้งตอกโค๊ด

    และไม่ตอกโค๊ด พิมพ์เล็กไม่เคยเห็นว่ามีตอกโค๊ด วัตถุมงคลบางส่วนของหลวงปู่นำมาออกที่

    กรุงเทพ วัดเวฬุราชิน หลวงปู่เข้ากรุงเทพจะมาพักที่วัดนี้ครับนี้คือข้อมูลที่ได้มาครับจากการรวบรวม

    คราวๆ อาจผิดพลาดท่านใดศรัทธราลองศึกษาประวัติท่านดูครับจะได้ความถูกต้องยิ่งๆขึ้นไปครับ

    ให้บูชา 1500 บาทค่าจัดส่ง EMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  19. ครุฑยุดนาค

    ครุฑยุดนาค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,914
    ค่าพลัง:
    +7,212
    วันนี้เวลา 16.57 น. ได้โอนเงิน 1,050 บาท เป็นค่าเหรียญ ลป.เม้า และเหรียญ ลพ.โอด และได้แจ้ง SMS แล้ว..ที่อยู่ตาม PM ครับ ขอบคุณครับ
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    วันนี้จัดส่ง

    EJ 3756 5120 7 TH หาดใหญ่

    EJ 3756 5121 5 TH หลักสี่

    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...