จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. หน่อง

    หน่อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +185
    อนุโมทนาด้วยครับ
     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ผู้ใดสนใจดู(แล)จิต(ตนเอง) ผู้นั้นย่อมไม่เป็นผู้หลง
    แต่ผู้ใดดูที่มิใช่เรื่องจิต(ตนเอง)นั้น หลงทุกตัว หลงทุกรายไป
    ผู้มีปัญญาทางธรรม(จริงๆ)นั้น ย่อมสนใจแต่เรื่องจิต และการสร้างสติเท่านั้น
    เพราะนอกนั้นเปลือกทั้งเพ ขี้โม้ทั้งนั้น แถมคิดฟุ้งซ่าน และท้ายที่สุดก็ไม่พ้น คำว่า ทุกข์ทั้งปวง

    เพราะฉะนั้น จิตบุญ ที่รู้ตัวว่ายังมีอินทรีย์ยังไม่แก่กล้า ให้รีบๆสร้างสติอย่างต่อเนื่อง จะได้ไม่เป็นผู้ประมาท
    เพราะฉะนั้น จิตบุญ อย่าเป็นคนโง่เขลา เบาปัญญา เพราะที่ผ่านมานั้น ยังโง่เขลา เบาปัญญา ยังไม่พอกันใช่ไหม๊
    จิตคนเรานี่ เผลอสติไม่ได้ เผลอเมื่อไหร่ จิตตามกิเลสลงต่ำทุกทีไป นี่ก็คือ ธรรมชาติแห่งจิตมนุษย์ จงทำความเข้าใจจิตเดิมแท้ของตนเองให้ดี จิตใครจิตมันดูแลกันเอง

    อะไรล้มได้ แต่จิตล้มไม่ได้
    อะไรจมได้ แต่จิตจมไม่ได้
    อะไรตกได้ แต่จิตตกไม่ได้
    กายหยาบเอาอะไรได้ทุกอย่าง แต่จิตละเอียดเอาไม่ได้ ขอให้ละทุกสิ่งที่มี ที่เห็น ที่เป็น เพราะจิตผู้ที่จะไปพระนิพพานนั้น จิตจะต้องว่าง บริสุทธิ์ และเป็นกลางเท่านั้น
    อย่าไปแยกแยะว่า นี่คน นี่สัตว์ จะต้องเมตตาเหมือนกันหมด เพราะเป็นผู้ที่หลงมาเกิดกันทั้งนั้น
    อย่าไปแยกแยะว่า นี่คือญาติเรา นี่คือญาติเขา
    เพราะทั้งคน ทั้งสัตว์ ทั้งญาติเราญาติเขานั้น ต่างก็ตายทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเหลือ ตายหมด ไม่ใช่สมบัติของใครๆทั้งนั้น แต่มันเป็นสมบัติของโลก แม้นกระทั่งร่างกายของตนเองก็ตาม ที่ผู้คนส่วนใหญ่พากันหลงกาย หลงใจ หลงสิ่งสมมุติกันนั้น เขาเรียกว่า อวิชชาแทบทั้งสิ้น หรือ มิจฉาทิฎฐิ ก็คือ ยังมีความเห็นผิดอยู่มาก หลงอยู่มาก ไม่รู้จักอันไหนคือเปลือก อันไหนแก่น ลิงกินกล้วยมันยังปลอกเลือกทิ้งเลย มันเลือกกินแต่เนื้อกล้วย
    แต่พวกเราเป็นคน ทำไมชอบกินแต่เปลือก เนื้อๆเน้นๆไม่รู้จักเอากัน
    ปัญญาน้อยก็กินเปลือกไป เพราะไม่มีแรงไปแกะเปลือกทิ้ง เมื่อเกิดเป็นคนกันแล้วมันยังไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นจะต้องพัฒนาจิตใจให้สูงยิ่งๆไป ให้สมชื่อคือมนุษย์ เพราะมนุษย์แปลว่า สัตว์ประเสริฐ อย่ามีแค่กายเป็นมนุษย์เท่านั้น แต่มีจิตใจเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานนั้นมันใช้ไม่ได้ พัฒนาให้เยี่ยงสัตบุรุษ หรือพระพุทธเจ้า หรือผู้ประพฤติปฎิบัติแต่ธรรม(ความจริง)เท่านั้น พระพุทธองค์ได้กระทำให้ชาวพุทธบริษัทได้ดู ได้เห็นเป็นตัวอย่างกันไปแล้ว เกิดเป็นคนทั้งที อย่าไปเสียชาติเกิด ขอให้ปฎิบัติกันจริงๆจังๆ แต่ถ้าใครมาทำเป็นเล่น มาลองภูมิ มาทำตามกระแสนิยม งั้นไม่ต้องมาทำกันที่นี่ ให้ไปทำกันที่อื่น ที่นี่เมตตาสอนหรือแนะนำเฉพาะผู้ที่มีความรักเคารพ เลื่อมใสและศรัทธาต่อรัตนตรัย หรือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นไปอย่างสูงสุด การปฎิบัติจึงจะได้ผล ทำให้มันจริงๆ
    ไม่ใช่แค่ปากพูดว่าทำจริงๆ อยากได้เท่านั้น ขอให้ปฎิบัติให้มากๆ มากกว่าที่ตัวเราได้พูดไว้ คนจริงเขาไม่พูดมาก แต่เขาจะปฎิบัติมาก ครูหรือผู้สอนแนะนำอะไรไปก็อย่าดื้อ บอกไปแล้วก่อนการปฎิบัติว่า ให้วางของเดิมก่อน ผู้ปฎิบัติฟังภาษามนุษย์รู้เรื่องและเข้าใจกันบ้างไหม๊ พี่ภูดุเฉพาะคนที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หรือคนไม่เอาถ่าน ที่นี่คนโง่ก็ปฎิบัติได้เหมือนคนที่ฉลาด แต่อย่าโง่เหมือนวัวควายก็พอ หรือคนฉลาดแต่ยังหาความโง่ของตนไม่เจอ อย่างนี้ก็แย่เหมือนกัน ไม่แตกต่างจากคนที่โง่แบบวัวควาย พี่ภูจะใจดี มีเมตตาเฉพาะคนที่พอจะสอนได้เท่านั้น บัวสี่เหล่าพระพุทธเจ้าก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่างให้ดูกันแล้ว คนไหนโปรดได้ก็โปรดกันไป โดยมิได้เลือกว่าคนนั้นมีปัญญาน้อยหรือมาก จิตยกไวหรือช้าก็ไม่เป็นไร เพราะทุนเดิมหรือของเก่าติดตัวมาไม่เหมือนกัน ผมโง่ทางโลกมานานแล้ว และต่อไปนี้ ขอประกาศว่า จิตเกาะพระ จะเป็นแนวทางที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง และจะปฎิบัติการในเชิงรุก ต่อไปนี้จะไม่น๋อมแน้มกับกิเลสตนเองและผู้ใดทั้งสิ้น แต่ถ้าผู้ใดที่ต้องการปฎิบัติเพื่อมุ่งหวังมรรค ผล หรือนิพพาน อันเป็นจุดหมายปลายทางสูงสุดของจิต ขอเชิญทุกท่าน ผู้ใดคิดว่าจะปฎิบัติเพื่อสามอย่างนี้ จะต้องถามตนเองให้ดีเสียก่อน มิใช่ทำไปเกรงกลัวแค่ตกนรก เพราะการปฎิบัตินี้ มิใช่แค่เพียงความคิดหรือคำพูดเท่านั้นที่จะมาปฎิบัติกันได้เลย มิใช่ เพราะการปฎิบัตินั้น จะต้องอาศัยจิตของผู้ปฎิบัติเอง มาเดินมรรค ผล นิพพาน มิใช่กายหรือว่าปากพร่ำ ว่าอยากไปนิพพานตามคนอื่นเขา คิดให้ดีๆเสียก่อน แต่ถ้าไม่แน่หรือกำลังใจยังไม่ถึง ขอแนะนำให้ท่านไปทำบุญทำทานปกติหรือสวดมนต์ไหว้พระ รอให้กำลังใจตนเองถึงหรืออยากปฎิบัติมากๆเสียก่อน ถึงจะมาสมัครเรียนกันนะ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะทำให้เสียเวลาทั้งสองฝ่าย เพราะที่นี่มิได้ทำยอด หรือทำเพื่อสำนักอะไรทั้งสิ้น ขอให้ผู้ปฎิบัติทำเพื่อจิตหรือดวงจิตของตนเอง ครูหรือผู้สอนทุกท่านที่นี่ มีความตั้งใจสอน ตั้งใจให้ แต่ขอให้ผู้ปฎิบัติตั้งใจรับกันด้วย แต่ถ้าผู้ใดยังวางของเดิม(คำภาวนา) หรืออีโก้ตนเองไม่ได้ หรือท่านที่กำลังตามหาครูบาอาจารย์ตามที่ตนเองคิดว่าใช่ ชื่นชอบ หรือถูกจริตตน ขอให้พวกท่านตามหาให้พบกันนะครับ เพราะที่นี่จะไม่ตามหาใครทั้งสิ้น รับแต่เฉพาะผู้ที่มีกำลังใจพร้อม ขอให้เดินเขามา

    สำหรับผู้ที่กำลังปฎิบัติอยู่นี้ แต่ถ้ารู้ตัวไม่ตั้งใจเรียน ไม่ทำตามที่ครูแนะนำ ครูไม่ได้ทอดทิ้ง แต่ครูก็จะสนองเหมือนที่ศิษย์กระทำอยู่นั้นบ้าง นั่นก็คือ หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ตำราเขาสอนมาอย่างนี้ ช่วยไม่ได้ แต่ถ้าใครสนใจปฎิบัติ ครูก็สนใจสอนเหมือนกัน แต่ถ้าศิาย์ไม่สนใจเรียน ครูก็ไม่สนใจสอนเหมือนกัน เอาอย่างนี้ดีกว่า

    แต่อย่าให้รู้นะว่า ครูท่านใดที่ชอบตามใจศิษย์ระวังให้ดี ศิษย์จะต้องตามครู ไม่ใช่ครูไปตามศิษย์ แต่ถ้าครูทำแบบนั้น แล้วมันจะไปสอนกันได้อย่างไร ครูหรือผู้สอนก็อย่าทำให้เสียระบบกัน
    เพราะฉะนั้น ทั้งครูและศิษย์จะต้องเคร่งครัด เอาจริงเอาจังกับตนเอง และก็ผู้ปฎิบัติกันด้วย ขอให้ทุกท่านทำเพื่อท่านพ่อ หรือพระพุทธเจ้า ไม่ต้องทำเพื่อพี่ภู ไม่ต้องทำเพื่อใคร แม้นกระทั่งตนเอง ไม่มีผู้ใดอยากได้หน้าเพิ่ม และขอเตือนครูด้วย สำหรับหน้าตาให้ตัดทิ้งไป ไม่ใช่ศิษย์ยกหางแล้วชอบใจกันใหญ่ ชื่นชอบกันใหญ่ เดี๋ยวครูจะโดนไม้เรียวพี่ภูมั่ง ใครไม่กล้าด่า พี่ภูจะด่าเอง เพราะที่นี่ไม่ใช่ สถานีอัตตาหรือมานะ

    (จบ) ไปนอนแร๊ะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 ตุลาคม 2012
  3. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    คุณภูไม่สบายเหรอ ขอให้หายไวๆนะคะ เมื่อสัปดาห์ก่อน ลินดาก็ไม่สบ าย ทานยาแล้วนอนมัน สี่คืนห้าวันไม่สนใจเดือนตะวัน พอวันที่ยาครบโดส ถึงกลับมาเป็นผู้เป็นคนเหมือนเดิม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • gfh.jpg
      gfh.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.1 KB
      เปิดดู:
      38
  4. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ที่ท่านรู้สึกสุขนั้น ก็คือจิต มิใช่กาย
    ที่ท่านรู้สึกทุกข์นั้น ก็คือจิต มิใช่กาย

    และที่ตายจริงๆนั้น ก็คือกาย มิใช่จิต เพราะจิตไม่มีวันตาย หรือดับสลายสูญสิ้นไป

    แล้วทำไม ผู้คนส่วนใหญ่มัวไปหลงแต่ร่างกาย หรือว่าภายนอกกัน

    เห็นมีแต่ผู้เจริญ ผู้มีปัญญา อริยบุคคลหรือพระอริยเจ้านั้น เห็นท่านสนใจแต่เรื่องจิตตนเองเท่านั้น
    ไม่เห็นท่านไปสนใจอย่างอื่น ที่มิใช่เรื่องจิต เหมือนกับปุถุชนหรือคนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ กันเลย
    หรือว่าพวกเรายอมรับหรือยอมจมอยู่กองทุกข์ ยอมรับกิเลส ยอมรับการเวียนว่ายตายเกิดกันแล้ว

    แต่ก่อนจะดูจิตให้ได้ผลนั้น หรือการปฎิบัติจิตเกาะพระให้ได้จิตยกไวๆนั้น ก็คือ ให้นึกถึงพระบ่อยๆ ถี่ๆ ให้กระทำอย่างสม่ำเสมอ
    นี่ก็คือ การสร้างสติแบบจิตเกาะพระ ผู้ปฎิบัติใหม่อาจจะยากสักหน่อย แต่ถ้ามีความเพียรแล้ว ก็น่าจะสอบผ่านได้ คนอื่นๆยังทำกันได้เลย เราก็คนเหมือนกัน เหตุไฉนจะทำไม่ได้ เพียงพกความมั่นใจ กำลังใจเต็มร้อย ให้สมความอยากได้มรรคผลนิพพาน

    ที่นี่สร้างสติ โดยการนึกถึงพระที่ท่านเลือกมาครั้งแรกก่อน แล้วต่อไปจึงจะพอมองเห็นดวงจิตตนเอง แต่ถ้าตามทันจิตเมื่อไหร่ นั่นก็หมายความว่า จิตของท่านก็นิ่งแล้ว ส่วนอาการปิติแรกของจิตเกาะพระนั้นก็คือ เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ของการเดินทางตรงของจิตกันที่นี่ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และตรงนี้นี่เอง ที่พี่ภูบอกว่าจิตจะรวมตัวเป็นหนึ่งได้ไวกันตรงนี้นะ ไม่ใช่ให้นึกถึงพระกันแค่ไม่กี่ครั้ง แล้วจิตของท่านจะรวมตัวเป็นหนึ่งได้ไวกันนะ จงอย่าเข้าใจกันผิด เดี๋ยวจะหาว่า โม้ พี่ภูไม่ได้โม้ แต่ขอพร่ำนิดเดียว ฮ่าๆ
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ครับ กายไม่สบาย
    ขอขอบพระคุณมากครับที่เป็นห่วงเป็นใยกัน ความไม่สบายนั้น เป็นเรื่องของกายเขา มิใช่เรื่องของจิต ห้ามไม่ได้

    แต่ถ้าคนปกติ เวลากายไม่สบายก็มักจะดึงจิตให้ตกตามไปด้วย อันนี้ยอมรับ
    แต่ถ้าจิตยกแล้ว ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะในขณะที่กายนอนหลับ แต่จิตไม่เคยเห็นมันนอนสักที แถมขยันวิปัสสนา จิตเห็นธรรม จิตพบธรรมตลอดเวลา และธรรมะเด็ดๆทั้งนั้นเลย แต่ไม่สามารถลุกขึ้นมาพิมพ์ให้พวกเราอ่านกันได้ เพราะกายมันยังหลับอยู่ แต่พอตื่นขึ้นมาก็ได้แต่นึกเสียดาย ที่ไม่สามารถถ่ายทอดให้พวกเรารับรู้กันได้ จิตมันรู้ชัดในธรรมนั้น สว่างไสว ตื่นมาก็พอจำได้ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นพิมพ์ยังไง

    แต่ถ้าผมไม่ห่วงเรื่องบ้านของท่านพ่อหรือพวกเรากันนะ ผมจะไม่ยอมกลับเข้าร่างเดิมเป็นแน่ เพราะนับตั้งแต่จิตยกเป็นต้นมา จำได้ว่าเคยประกาศเป็น ประกาศตายในโลกทิพย์ไปแล้ว แต่เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างไม่ยอมให้ทำแบบนั้น และเหมือนจะมีพลังงานอะไรสักอย่างได้เหวี่ยงจิตลงมาที่กายหยาบเหมือนเดิม อีกไม่กี่นาทีผมก็รู้สึกตัว นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กายของผมจึงดูเหมือนไม่ค่อยสบายอยู่บ่อยๆ แต่ถ้าใครนึกไม่ออก ขอให้นึกถึงคนที่ขวัญหาย หรือขวัญหนีดีฝ่ออะไรแบบนั้น ตอนเด็กๆคงจะเคยได้ยินกันบ้าง แค่นี้ก่อนเดี๋ยวจะหาว่าพูดเรื่องเพ้อเจ้อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 ตุลาคม 2012
  6. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    คุณภู เล่าต่อนะคะ ถือว่าเป็นธรรมทานและเปิดโลกทัศน์ในมิติอื่นที่ พวกเราหลายๆคนยังไม่เคยมีประสบการณืด้วยตนเอง พลี้สสส
     
  7. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    ขวัญเอย ขวัญมานะคะครูภู..

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=O84TSmhcRBE&feature=related"]????????????? - YouTube[/ame]
    ;aa45
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2012
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอตามตรงนะว่า (เฉพาะเคสตนเองนะ)นับตั้งแต่จิตยกใหม่ ที่จิตอยู่ข้างบนนั้น และตอนนี้ก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ตลอดเวลาเลยว่า ที่ทุกคนคิดว่า นี่คือร่างกายเรา ของเราน่ะ มันไม่ใช่จริงๆตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้นั้น ดูแล้ว ถูกต้องแล้วที่สุด
    จิตผมเห็นชัดเจนมาแล้ว ในขณะที่จิตไม่ยอมลงมานั้น ก็อาจจะเป็นเพราะว่าจิตได้พบธรรม หรือสัจจะธรรม หรือความจริงตามนั้นแล้ว จิตมิได้เห็นสงสัยแต่ประการใดๆแล้ว จิตน้อมยอมรับทั้งหมดแล้วจริงๆ จิตถึงไม่อยากจะกลับลงมา ตอนนี้ผมถึงเข้าใจดีมากแล้ว แม้นร่างกายที่กำลังมีลมหายใจอยู่นี้ ใครจะนำไปต้ม ไปฆ่า ไปแกงก็เชิญตามสบาย ถึงมีคนมาทำร้ายหรือฆ่าต่อหน้า เราก็มีเมตตาให้เขาทำเช่น โดยที่เราไม่เข้าไปขัดขืนหรือโกรธ อาฆาต หรือพยาบาทแต่อย่างใด แม้นกระทั่งกรรมของตนเอง ถ้าจะใช้กำลังฌานกดได้หรือทำลายได้ แต่ก็ไม่ทำ เพราะจิตเขาเชื่อกฎแห่งกรรม แท้ที่จริงแล้วกฎแห่งกรรมนี้ก็คือ กฎแห่งความยุติธรรม เป็นกฎแห่งธรรมชาติ เป็นธรรมดีๆนี่เอง เมื่อจิตของเราไปลึกแล้ว มันไร้ซึ่งแรงเสียดสีใดๆ แต่กฎแห่งกรรมนั้น จึงไม่มีผู้ใดหลีกหนีพ้นกันได้สักคนเดียว แต่จะทำได้เฉพาะผู้ที่จิตยังทำอาสวะกิเลสทั้งปวงกันยังไม่ได้ หรือถ้าผู้ที่จิตทำอาสวะกิเลสทั้งปวงได้ แต่กฎแห่งกรรมนั้น อยากมากที่สุด เขาก็ทำลายแค่ร่างกายเท่านั้น เพราะกรรมตามไม่ทันเฉพาะผู้ที่ฝึกจิตมาดี

    และเหตุไฉนเล่า ทำไมผมถึงกล่าวเช่นนั้น คือวกกลับมาที่เรื่องเดิมใหม่ก็คือ จิตไม่ยอมเข้าร่างเดิม จิตยกแบบผมนี้ มันยิ่งใหญ่เหลือเกิน คำว่าเกินของผมนี้หมายถึง นอกจากไม่เกรงกลัวกับความตายแล้ว แต่อยากจะตายวันตายพรุ่งนี้เลย เพราะขี้เกลียดรักษากายหยาบนี้เหลือเกิน จิตมองเห็นความเสื่อมทุกวัน จิตมองเห็นความน่าเกลียดภายในร่างกายของตน มันมีอะไรที่น่าดู น่าชมบ้าง นี่ขนาดยังไม่ตายนะ แต่ถ้าตายไปหล่ะก็ยิ่งไม่น่าดูใหญ่ คนที่บอกว่ากับเรารักนักรักนากันนั้น ไม่จริงหรอก โกหกทั้งเพ หลอกตนเองคนเดียวไม่ว่า ยังมาหลอกคนอื่นอีก คนที่ยังหลงตนเอง หลงตนเองนั้นดูดีกว่าคนอื่น หลงว่าตนเองสวย/หล่อ หลงตนว่ารวย หลงตนว่ามียศฐาบรรดาศักดิ์ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้แหล่ะ พวกท่านจงรับรู้ไว้เลยว่า มันกำลังฉุดให้หลง ให้เพลิน บางครั้งตายไปก็ยังหลงต่อในโลกทิพย์ หรือโลกวิญญาณพอจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อสายเกินไป ลืมอะไรไม่เท่ากับลืมรักษาศีลและภาวนา ขนาดพระอริยเจ้าทุกๆองค์ก็พูดเหมือนกันหมด เช่นหลวงปู่ดู่ ท่านก็พูดว่าของดีๆไม่เอากัน ของดีท่านหมายถึงไม่รักษาศีล ไม่ทำภาวนา แต่ไปเอาแต่เปลือก ก็คือทำบุญภายนอก หรือมาหาพระเจ้าไปเอาพระเครื่องแขวนคอ ห้อยคอบางก็ไปเอายันต์ ไปเอาน้ำมนต์ คนเรานี่ก็แปลกพูดเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ไม่รู้เรื่อง เหมือนพูดกันคนละภาษา เหมือนผีกับคน คืออยู่กันละมิติ ...
    กลับมาเข้าเรื่องต่อไป เหตุผลนี้แหล่ะ! ที่ผมไม่อยากอยู่ ไม่อยากมีร่างกาย เพราะจิตมันไปรู้ความจริงของขันธ์๕นี้ทั้งหมดแล้ว และไม่ต้องไป สำหรับผมไม่ต้องไปเสียเวลามานั่งวิปัสสนาอีกต่อไปแล้ว ทุกวันแค่ประคองสติให้รอดพ้นไปวันๆ มิให้ประมาท มิต้องการสิ่งใดๆ ทั้งทุกข์ไม่ต้องพูดถึง ทั้งกิเลสมีก็ไม่เอา แต่ก็อยู่รวมกับมันได้ เหมือนต่างคนต่างอยู่ โดยมิไปเกี่ยวข้อง ทั้งรูป๑นาม๔นั้น โดยเด็ดขาด จิตมันพร้อมออกจากร่างทุกวัน แต่ถ้าหมดอายุขัยจะไม่ขอต่อ เพราะไม่รู้จะอยู่ไปทำไม แต่อยู่เพื่อช่วยเหลือหรือสงเคราะห์กับผู้อื่นได้ก็จะอยู่ แต่ถ้าอยู่เพื่อตนเองนั้นไม่มีแล้ว จบแล้ว ที่พูดให้ฟังเพราะคุณลินดาท่านขอร้องมา มิฉะนั้นจะไม่พูดแบบนี้เด็ดขาดเพราะพูดเองไม่ได้ แต่ถ้าเพื่อธรรมทานกจึงยินดีมาก และไม่เกรงกลัวกับผู้ที่เห็นต่าง เพราะผมก็เคยบอกไปแล้วว่าตำหนิได้ ด่าว่าได้ตามสบาย ชมกันซึ่งหน้าก็ยังไม่เอา แล้วจะไปเอาคำตำหนิหรือคำด่าว่าอีกหรือ ผมอยากให้จิตบุญนำจิตของออกห่างจากสิ่งเหล่า แค่ขันธ์๕ของตนเองก็พอ มิใช่ให้พวกท่านไปให้ห่างไกลจากผู้ใดใครเขา ละขันธ์๕ตนเองให้ได้กันก่อน ก่อนที่ธรรมชาติคือความตายของท่านจะมาละขันธ์ของท่าน ท่านต้องฝึกแยกกายและจิตให้ได้จริงๆก่อน ที่จะหมดลมหายใจกัน อย่าไปละแค่ปากพูดหรือเอาธรรมเข้าข่มเหมือนผู้ที่ยังปฎิบัติยังไม่ถึงไหน การปฎิบัติก็อย่าไปเปรียบผู้อื่น หรือไปหลงดูจริยาของผู้อื่น มันเสียเวลา เสียมรรคผลของตน

    เรื่องตนเองพูดมากก็ไม่ดี เพราะเป็นเรื่องปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตนเองเท่านั้น หาหลักฐานได้ไม่ ที่พูดไปก็มิต้องการให้คนมายอมรับหรือว่าคล้อยตามผม ไม่ต้องเชื่อเลยจะดีกว่า เหมือนกับท่านอ่านนวนิยายน้ำเน่าไปก็แล้วกัน เพราะนิมิตก็คือนิมิต มีทั้งจริงและไม่จริง รู้เห็นอะไรก็วางมันซะ แต่ให้พวกเรามาสนใจแต่แก่นธรรมก็คือ จิตกับสติของตนเองเท่านั้น มิใช่จิตกับสติของผู้อื่น แต่มันยากตรงที่เฉพาะจะทำจิตกับสติให้รวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกันนี่แหล่ะ พูดมากจะออกไปทะเลแล้ว หยุดก่อน รอรอบต่อไป

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 ตุลาคม 2012
  9. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    มาเถิดเจ้า มาหนอ พ่อรออยู่
    ฟังคำครู พร่ำสอน อย่าเฉไฉ
    ปากครูภู ฉีกถึงหู แล้วปะไร!
    ก็แล้วใย เจ้าไม่ทำ ตามคำครู

    วิบากกรรม อันใดหนอ มาล่อเจ้า
    ให้หูเบา ตามัวพร่า น่าอดสู
    เหมือนแหย่แขน ล้วงลึก ลงในรู
    เจ้าไม่รู้ ว่าแขนมัน สั้นหรือยาว

    ล้วงลงไป คลำหาของ ที่ต้องจิต
    ทั้งมืดมิด มองมิเห็น ด้วยตาเปล่า
    พอล้วงถึง พลันก็ว่า แขนข้ายาว
    ล้วงไม่เข้า ว่าแขนฉัน มันสั้นจัง

    เราหาของ ที่ต้องใจ ได้ด้วยจิต
    สติติด ตามดู อยู่ข้างหลัง
    หาเจอแล้ว อย่าดีใจ ให้ระวัง
    กิเลสยัง มีฤทธิ์ พาจิตเบือน

    สติคู่ อยู่กับจิต ให้ติดหนับ
    ฟันให้ยับ กิเลสหนา ปัญญาเฉือน
    จับให้มั่น คั้นให้ตาย อย่าลืมเลือน
    คอยตามเตือน จิตตน ให้พ้นตาย

    [SIZE=5]สมเด็จพ่อ ท่านว่า มาดังนี้
    [SIZE=5]คุณความดี รักษาไว้ อย่าให้หาย
    [SIZE=5]ถ้าจิตดื้อ ไม่มั่นคง จะหลงตาย
    [COLOR=Black][SIZE=5]สมเด็จพ่อ.. ไม่เอาควาย.. ไปนิพพาน..
    [COLOR=Magenta][SIZE=4]จุ๋ม จบ.๘๔[/SIZE][/COLOR]
    [/SIZE][/COLOR][/SIZE][/SIZE][/SIZE]
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ผมเชื่อเหลือเกินว่า ผู้ที่ถอดกายละเอียดได้และสามารถท่องเที่ยวไปยังดินแดนนรก สวรรค์ พรหม แม้นกระทั่งพระนิพพาน ก็คงจะทราบกันดีว่า ดินแดนข้างบนนั้นเป็นอย่างไร โดยเฉพาะผู้มีอภิญญา เช่น มโนยิทธิเต็มกำลัง สามารถมองเห็นชัดยิ่งกว่าตาเปล่า ได้เปรียบกว่าผู้อื่น คือได้เห็นและมีกำลังใจมาก ถึงแยกจิตออกจากายไปถึงข้างบนได้ แต่ตัวไม่ได้ไปเท่านั้นเอง แต่มีจุดเด่นก็ย่อมมีจุดด้อย นั่นก็คือ ส่วนใหญ่มักจะหลงตนเอง อย่าลืมนะว่า ผู้ที่มโนยิทธิได้นั้น ไม่ใช่อริยบุคคล ยกเว้นอภิญญา๖เท่านั้น หรืออาสวักขยญาณคือ รู้การทำอาสวะให้สิ้นไป) แต่ถ้าผู้ที่ไม่นำวิชาที่ได้มานั้น ไปตัดกิเลสหรือทำอาสวะให้สิ้น ส่วนผู้ที่ทำแยกจิตออกมาจากกายไปพระนิพพาน ย่อมเท่ากับเป็นได้แค่นักท่องเที่ยวเท่านั้น จึงไม่มีสิทธิ์ไปอยู่หรือเจ้าของ ยกเว้นนำวิชาที่ได้นั้นนำไปตัดกิเลสให้สิ้นซาก ท่านจึงจะมีสิทธิ์ขึ้นไปอยู่แบบถาวรได้
    เพราะฉะนั้น จิตบุญพยายามละให้ได้ ปฎิบัติกันให้ได้สำหรับสังโยชน์ ๑๐ ประการ และเจริญบารมี ๑๐ ทัศให้ครบถ้วน

    แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่มีอภิญญากับเขายังไม่ต้องเสียใจ เคยบอกไปแล้วว่า พรสวรรค์ไม่มีกับเขา ก็ต้องหาพรแสวงแทน นั่นหมายถึงจิตยกไปแล้ว ขอให้ทำเหมือนเดิม เดี๋ยวก็จะได้เอง สำหรับคนขยัน ไม่ต้องไปฝึกให้เสียเวลา
    ถึงจิตยกไปแล้ว ก็ให้ทำอยู่เหมือนเดิม ทำจิตให้ว่างมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เดี๋ยวอภิญญาจะมาเอง แต่ในใจต้องไม่มีความแม้นแต่น้อยนะ ความว่างแปลว่าอะไร จิตว่างนะ ไม่ใช่ท้องว่าง อันนั้นลดความอ้วน ใครไม่อยากอ้วนก็ทานใหเมันน้อยๆบ้าง

    เอาสูตรนี้ไปคือ สติอย่าห่างจิต(จะได้ศีลครบเพราะไม่มีเวลาคิดฟุ้งซ่านหรือไม่มีเวลาไปทำ-พูด-คิดชั่วกับผู้ใด) จิตอย่าห่างพระ(จิตเป็นสมาธิ/ฌาน) จิตขยันวิปัสสนาเอง(จิตจะได้ปัญญารู้จริงเห็นจริง อยู่ๆจะให้จิตไปทำวิปัสสนาเองไม่ได้นะ อันนั้นเขาเรียกกันว่า วิปัสสนึกแล้ว) ทำไปให้เป็นวสี(เคยชิน)

    อย่าให้ผมเล่าข้างบนละเอียดกว่านี้เลย เพราะเป็นกระทู้สาธารณะ กระทู้มหาชน สรุปแล้วดีกว่ามีกายหยาบเยอะเลย สงสัยกรรมมันจะคอยปิดบังกันเข้าไว้ แต่ถ้ามีคนเห็น คนรู้ว่านรก สวรรค์ พรหม หรือพระนิพพานนั้นเป็นอย่างไร มันมีความแตกต่างกันอย่างไร พวกเราไม่ต้องไปตามหาจากที่ไหนให้ยุ่งยากกันเลย ที่บอกไปนั้น นรก สวรรค์ พรหม หรือพระนิพพานนั้น ทุกท่านตามหากันได้ ที่จิตของตนเองเท่านั้น มิใช่จิตผู้ใดหรือจากที่อื่นหรือสิ่งอื่นใด พอจะเข้าใจกันเน้อ...

     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    พ่อรออยู่

    ------------------------------------------------------------------
    อนุโมทนาสาธุค่ะ ไหลออกมาจาก"จิต"เลย:cool:({)(y):VO;ปรบมือ;ปรบมือ;ปรบมือ
     
  12. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    อ้างอิง - อ.ภู
    อะไรล้มได้ แต่จิตล้มไม่ได้
    อะไรจมได้ แต่จิตจมไม่ได้
    อะไรตกได้ แต่จิตตกไม่ได้
    กายหยาบเอาอะไรได้ทุกอย่าง แต่จิตละเอียดเอาไม่ได้ ขอให้ละทุกสิ่งที่มี ที่เห็น ที่เป็น เพราะจิตผู้ที่จะไปพระนิพพานนั้น จิตจะต้องว่าง บริสุทธิ์ และเป็นกลางเท่านั้น
    อย่าไปแยกแยะว่า นี่คน นี่สัตว์ จะต้องเมตตาเหมือนกันหมด เพราะเป็นผู้ที่หลงมาเกิดกันทั้งนั้น
    อย่าไปแยกแยะว่า นี่คือญาติเรา นี่คือญาติเขา
    เพราะทั้งคน ทั้งสัตว์ ทั้งญาติเราญาติเขานั้น ต่างก็ตายทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเหลือ ตายหมด .....
    ไม่ใช่สมบัติของใครๆทั้งนั้น แต่มันเป็นสมบัติของโลก
    ............................................................
    อ่านธรรมะตอนเช้า ๆ ของ อ.ภู
    และกลอนสุดยอดของน้องจุ๋ม จบ.84 โพสโดยพี่สุภาทร จบ.61 ค่ะ
    สติคู่ อยู่กับจิต ให้ติดหนับ
    ฟันให้ยับ กิเลสหนา ปัญญาเฉือน
    จับให้มั่น คั้นให้ตาย อย่าลืมเลือน
    คอยตามเตือน จิตตน ให้พ้นตาย

    สมเด็จพ่อ ท่านว่า มาดังนี้
    คุณความดี รักษาไว้ อย่าให้หาย
    ถ้าจิตดื้อ ไม่มั่นคง จะหลงตาย
    สมเด็จพ่อ.. ไม่เอาควาย.. ไปนิพพาน..

    พอใจ จบ.80
     
  13. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=SD2stEcl8nY]พอใจ-พอใจ - จีวันBAND - YouTube[/ame]

    พอใจ พอใจ พอใจ หลวงตาพูดไว้ทุกวัน​
     
  14. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    @คนให้ก็พอใจ
    คนรับก็พอใจ
    ใจต่อใจเข้าใจ
    ก็ไม่มีอะไร
    ใจต่อใจลงใจ
    ก็พอใจแน่นอน@
    โลกคงสงบ หากมนุษย์รู้จักคำว่าพอ..
    หยุดกิเลส ตัณหา ความทะยานอยาก..
    พ่อบอกว่าพอเถิดลูก...
     
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สมเด็จพ่อ.. ไม่เอาความ..ไปพระนิพพาน..
    อันล่าง(สีแดง)ของพี่ภู แต่อัน(สีดำ)บอกว่า ไม่เอาควายนี่ ของคุณจุ๋ม.๘๔ ฮ่าๆ
    เอาแล้วๆ ครูจุ๋มเปิดประเด็นอีกแย๊ววว สงสัยพี่ภูกับครูจุ๋มลงเรือลำเดียวกันไม่ได้แร๊ะ กลัวเรือจม
    ครูเพ็ญรีบมารับเวรไวๆ พี่ภูขอลาป่วยต่อ ไม่ซำบายย ปิ๊วววว ไปดีก่า กลัวพายุสุริยะเข้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 ตุลาคม 2012
  16. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ขอบพระคุณ คุณภูมากค่ะ ที่มาเล่าเป็นธรรมทาน ลินดาชอบอ่านน่ะค่ะ เพราะโดยส่วนตัวไม่เคยมีนิมิต อ้ออาจจะมีอะไรบ้างก็นิดหน่อย แว้บว้าบมาก แต่ผ่านแล้วก็ผ่านไป ชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับโลกทิพย์จากคนเป็นๆนี่แหละ หรือจากพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กลั่นกรองด้วยปัญญาน้อยๆ เก็บสิ่งที่ดีไปพัฒนาจิตตนเอง หากทุกคนสามารถมองเห็นนรกกันได้ คงไม่มใครกล้าทำสิ่งที่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น นะคะ เมื่อไม่เห็นด้วยตนเองก้ต้องมองเห็นด้วยการถ่ายทอดของผู้อื่น ส่วนใครจะเชื่อใครนั้นเราไม่ขอเอี่ยวเรื่องแบบนี้มีที่มาทีไป บางเรื่องบางอย่างก็มาจากที่(ทำ)ปัจจุบันนี่แหละ

     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=mlr0sSOw09M]อย่าปล่อยมือ ไม้เมือง - YouTube[/ame]​
    "จิตบุญ" จับมือกันไว้แน่นๆนะ
    "จิตบุญ" รักกันไว้นานๆนะ
    "จิตบุญ"
    มาช่วยกันยกจิตลูกหลานของท่านพ่อ-องค์หลวงพ่อขึ้นพระนิพพานเยอะๆนะ

    พุทธบุตรที่นี่!
    จะทดแทนพระคุณท่านพ่อ ตราบจนสิ้นลมสุดท้าย​
     
  18. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    ======

    ร่างกายนี้เป็นรังของโรคาพยาธิ เป็นที่เกิดที่อยู่ของโรคาพยาธิ
    ร่างกายนี้เป็นที่รวมอยู่ของธาตุขันธ์ ร่างกายนี้เป็นที่รวมอยู่ ซึ่งดิน น้ำ ลม ไฟ อันธาตุทั้ง4นี้รวมอยู่ด้วยกันอย่างสมดุลของมัน พอมันผิดปกติขึ้นมาเมื่อไหร ขาดสมดุลเมื่อไหร่ มันก็ทำให้เกิดความผิดปกติกับร่างกาย เจ็บไข้ได้ป่วยเกิดขึ้นเสมอ พอธาตุมันผิดปกติมาก ที่เขาเรียกว่าธาตุแตก อันธาตุแตกนี้ ตัวใดตัวหนึ่งแตกนี้ ถือว่าตัวอื่นๆก็ต้องแตกสลายด้วยตามกัน อย่างเช่น ถ้าธาตุไฟแตก แล้วคือเป็นไขสูงมากอุณหภูมิในร่างกายสูงจัด จนช็อค ขาดใจตาย เพราะธาตุไฟแตก พอธาตุไฟแตก ธาตุน้ำก็แตกตามร่างกายเริ่มเย็นลงมีน้ำไหลซึมออกตามทวาร พอธาตุลมก็แตกเริ่มบวมโป่งพอ. และสุดท้ายธาตุดินก็แตกร่างกายอวัยวะต่างเปื่อยยุ้ยไม่เหลือรูปเดิม

    นี้แหละเหมือนที่พระท่านว่า ให้ปล่อยวางในธาตุขันธ์ มันเป็น อนินิจจัง ทุกขัง อนัตตา จริงๆครับ สาธุ
     
  19. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    =====

    ท่านที่ฝึกอสุภกรรมฐานก็คงเห็นเหมือนๆผมนี้แหละครับ
    แต่เราชาวจิตเกาะพระ จิตบุญ จิตบำเพ็ญ ทุกท่าน เมื่อทำจิตเกาะพระได้แล้ว การทรงฌาณก็ดีการฝึกแยกกายและจิตก็ดีเราไม่ควรประมาทในการมีสติตามดูตามรู้กายและจิต ตนให้ดีให้ต่อเนื่องสม่ำสเมอนะครับ
    เพื่อจะได้ก่อให้เกิดวิปัสสนาญาณ มีปัญญาตามทัน ธาตุขันธ์ ตามทันจิตตนอยู่เนื่องๆนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ

    สุดท้ายขอให้ท่านพ่อภู หายป่วย มีกายสังขารดีพร้อมบริบูรณ์เพื่อการบำเพ็ญประโยชน์ต่อไปครับ สาธุ
     
  20. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    คุณTPCแสดงตนซะที ฮิๆๆๆๆ ยุอยู่ตั้งนาน มาบ่อยๆนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...