ราม บาฮาดูร์ บัมจอน

นายราม บาฮาดูร์ บัมจอน จะมีใครรู้บ้างว่าเด็กหนุ่มคนนี้
ณ ตอนนี้ บรรลุธรรมถึงขั้น 3 อานาคามี แล้ว เป็นมนุษย์แห่งยุค พ.ศ.2555 เลยก็ว่าได้ ที่ยังมีชีวิต และ
ที่เข้าถึงพระธรรมได้ขนาดนี้ ผู้โพสกระทู้ก็ทึ่งเช่นกันเมื่อได้ทราบความจริง เลยนำมาบอกกล่าว
เพราะนายราม บาฮาดูร์ บัมจอน มีโอกาสได้เข้าถึงพระพุทธเจ้า และ
พระพุทธเจ้าทรงโปรด พาเดินทางไปทั่วจักรวาลโดยการถอดจิต และต้องใช้เวลาถึง 2ปี
ในการเดินทางทั่วจักรวาล นับว่าเป็นมนุษย์แห่งยุค 2555 เลยก็ว่า
จึงนำมาบอกกล่าวให้ทราบกัน



แหล่งข้อมูลภาพอ้างอิง THE NATURAL OF REVENGE: 09/01/2011 - 10/01/2011

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=1rpWWm8PDDc]Buddha Boy fire - YouTube[/ame]


[ame="http://www.youtube.com/watch?v=9fPz3omqxFw&feature=related"]Buddha Boy inside Fire (full version) - YouTube[/ame]

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=_DMLOeW9yYE&feature=related]Rare Interview About Buddha Boy: Ram Bahadur Bamjan - YouTube[/ame]


พี่ชายให้สัมภาษณ์ว่าเป็น อะบา มีบา กลับชาติมาเกิด มีครูชื่อ ชี นี ญี เชิน


พี่แกเคยเห็นดอกกุหลาบพันตัวน้องชายขึ้นมาออกดอกบนหัว และมีแสงสว่าง

ที่หัว และกลางท้อง

 

คนนี้ผมว่าน่าทึ่งมากเลยนะ แต่คนไทยกลับไม่ค่อยให้ความสนใจหรือเพราะเขาไม่ใช่คนไทย ลองมีคนไทยทำแบบนี้ ชาวบ้านแห่ไปขอหวยกันใหญ่ เป็นข่าวใหญ่โต

 

เขาน่าสนใจริงๆ มีความเพียรมาก

 

คนไทยให้ความสนใจคนนี้มากครับ

แต่ถ้าเป็นคนไทยกันเอง มารผจญมันเอยะ

เราไม่ค่อยสนับสนุนกันครับ หนึ่งในนั้นคือความอิจฉา

 

คุณแน่ใจได้ยังไงคับ ว่าท่านเป็นพระอนาคามี ผมเคยฟังบทสัมภาษณ์ของท่าน ท่านปรารถนาพุทธภูมินะ เป็นพระโพธิสัตว์

 

อนุโมทนา สักล้านน ครั้งครับ สาธุ ผมก็ติดตามเรื่องนี้เสมอ..

 

ตอบ

ข้อมูลแน่นอนมาก ว่าตอนนี้สำเร็จธรรม ขั้น 3 อานาคามี แต่ผู้โพสกระทู้ขออนุญาตไม่บอกที่มาของข้อมูลว่ารู้ได้อย่างไร เพราะเขากำลังศึกษาธรรมขั้นสูง ซึ่งนำมาโอ้อวดมิได้แต่นำมาบอกกล่าวได้ถึงขั้นความรู้ของการศึกษาธรรมของนายราม บาฮาดูร์ บัมจอน เพราะเขาไม่มาโอ้อวดหรอก ว่าเจออะไรมาบ้าง ถ้าใครถามเขาก็ตอบเลี่ยงๆ ถามเรื่องอิทธิฤทธิ์เขาจะตอบว่าทำไม่ได้
ขออธิบายถึงสิ่งที่ผู้สำเร็จธรรม แต่ละขั้น ว่าสามารถทำอะไรได้บ้างแบบคร่าวๆ
ขั้น 1 โสดาบัน ขันนี้ระลึกชาติได้ ดูเหตุการณ์อดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้ เริ่มสามารถแปรธาตุได้ เนตรมองได้ลึก ความถี่ภาพกว้างขึ้น เพราะมองด้วยแก้วตานัย สามารถมองเห็นได้เยอะกว่าคนปกติ หูจะได้รับความถี่เสียงได้กว้างกว่าคนปกติทั่วไป
ขั้น 2 สกิทาคามี ขั้นนี้ แปรธาตุได้เกือบทุกชนิด เช่น จากดินเป็นหิน แปรของเหม็นให้เป็นของหอม และเริ่มสามารถถอตดวงจิตออกจากร่างได้ แต่ร่างต้นยังคงหายใจเป็นปกติอยู่
ขั้น 3 อานาคามี ขั้นนี้ แปรธาตุได้ทุกชนิด เช่น หลวงปู่สรวง (ขั้น3) ท่านมีอายุถึง 750 ปี เพราะท่านเข้าถึงธรรม แปรธาตุให้เป็นร่างหนุ่มก็ได้ ร่างเด็กก็ได้ ตามข้อมูลประวัติของท่านที่ผู้โพสกระทู้เคยนำมาโพสไว้ และสามารถถอดดวงจิตไปไหนมาไหนได้ แต่ร่างต้นยังคงหายใจอยู่เช่นเดิม เริ่มแบ่งภาค หรือแบ่งแยกร่างกายได้เป็นหลายๆ คนได้
ขั้น 4 อรหันต์ ขั้นนี้ รู้หมดทุกสรรพสิ่งของจักวาล รู้ความลับทุกๆอย่างของจักรวาล แบ่งภาค หรือแบ่งแยกร่างได้ 84,000 ร่าง ถ้าเป็นกายหยาบอยู่ (ยังมีชีวิตอยู่) จะอยู่เป็นอมตะ ไม่มีวันตาย ยกเว้นจะดับขันธ์เอง แล้วร่างกายจะกลายเป็นพระธาตุ (ตอนนี้พระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่ ณ พ.ศ. 2555 มีเพียง 5 รูปเท่านั้น แต่หลัง พ.ศ. 2600 จะเพิ่มเป็น 100รูป) ยกเว้นพระพุทธเจ้า ท่านดับขันธ์ เพราะพญามารอัญเชิญท่านดับขันธ์และพระพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์จึงดับขันธ์น้่นเอง

ขออธิบายพอสังเขป เพื่อเป็นวิทยาทานด้านความรู้
มิได้เจตนาขัดแย้งกับใคร หรือโอ้อวด แต่นำข้อมูลจริงมาเผยแพร่ เพื่อเจตนาชักนำผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ให้อยู่ในศีลและปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง แล้วจะรู้ว่าข้อมูลที่กล่าวทั้งหมดนี้ คือ เรื่องจริง.


http://palungjit.org/threads/ประวัติหลวงปู่สรวง-ฉบับหลวงปู่สรวงอนุญาตให้เผยแพร่.358930/
http://palungjit.org/threads/ตำนานพระพุทธศาสนาและพระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่.350697/

 

จะไม่มีใครเชิญท่านมาให้ธรรมะหน่อยหรือ

เคยได้ยินท่านบอกว่า เรามีพระพุทธเจ้าในตัวเราทุกคน

เหมือนของบางสำนักเลย

 

ศรัทธาในธรรมะ ของเขาที่เห็นเถอะครับ ความเพียร ที่ท่านบำเพ็ญ ทำให้เห็นว่า ธรรมะไม่ใช่สิ่งที่ได้มา ด้วยการนึกตามเอาแต่เพียงอย่างเดียว ต้องประกอบ ด้วยความเพียรในการลงมือปฎิบัติ

ส่วนเรื่องอิทธิฤทธิ์ ปาฎิหารย์ ละไว้บ้างก็ได้ครับ อย่าไปหมกมุ่น เพราะเกินวิสัย ปุถุชน เดินดิน กินข้าวแกงอย่างเราจะไปตระหนักรู้ได้ หลักเกณฑ์ เรื่องอิทธิฤทธิ์ ปาฎิหารย์ ต่าง ๆ เราไม่ได้ถึงขั้นนั้น ไม่ได้มีภูมิสูงขนาดนั้น ก็อย่าไปตั้งกันเอาเอง หรือไปเอาคำใครมาบอกต่อ จะกลายเป็นการบิดเบือนไป ถ้าทำได้ถึงขั้นไหน ๆ ผู้ที่ถึงเขาย่อมรู้เองได้ครับ คนเข้าใจผิด กลายเป็นหลงยึดติดอยู่ในโลกียฌาน ไปจะพาลแก้กันไม่ออกเป็นบาปเป็นกรรมไปเสีย

มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือ ท่านแนะนำไว้ก่อนไปเมืองนอกว่า เกิดมาทันพระพุทธศาสนาแล้ว ธรรมะไม่ต้องกลัวว่าไม่มีคนสอน ถ้าศิษย์พร้อม อาจารย์มาเอง ใบไม้ร่วง เทียนดับ พระสาวกทึ่ปฏิบัติถึงพร้อมแล้ว ก็บรรลุอรหันต์กันได้ สำคัญที่ว่าเราปฏิบัติถึงพร้อมหรือยัง เท่านั้นเอง...

 

ศรัทธาในธรรมะ ของเขาที่เห็นเถอะครับ ความเพียร ที่ท่านบำเพ็ญ ทำให้เห็นว่า ธรรมะไม่ใช่สิ่งที่ได้มา ด้วยการนึกตามเอาแต่เพียงอย่างเดียว ต้องประกอบ ด้วยความเพียรในการลงมือปฎิบัติ

ส่วนเรื่องอิทธิฤทธิ์ ปาฎิหารย์ ละไว้บ้างก็ได้ครับ อย่าไปหมกมุ่น เพราะเกินวิสัย ปุถุชน เดินดิน กินข้าวแกงอย่างเราจะไปตระหนักรู้ได้ หลักเกณฑ์ เรื่องอิทธิฤทธิ์ ปาฎิหารย์ ต่าง ๆ เราไม่ได้ถึงขั้นนั้น ไม่ได้มีภูมิสูงขนาดนั้น ก็อย่าไปตั้งกันเอาเอง หรือไปเอาคำใครมาบอกต่อ จะกลายเป็นการบิดเบือนไป ถ้าทำได้ถึงขั้นไหน ๆ ผู้ที่ถึงเขาย่อมรู้เองได้ครับ คนเข้าใจผิด กลายเป็นหลงยึดติดอยู่ในโลกียฌาน ไปจะพาลแก้กันไม่ออกเป็นบาปเป็นกรรมไปเสีย

มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือ ท่านแนะนำไว้ก่อนไปเมืองนอกว่า เกิดมาทันพระพุทธศาสนาแล้ว ธรรมะไม่ต้องกลัวว่าไม่มีคนสอน ถ้าศิษย์พร้อม อาจารย์มาเอง ใบไม้ร่วง เทียนดับ พระสาวกทึ่ปฏิบัติถึงพร้อมแล้ว ก็บรรลุอรหันต์กันได้ สำคัญที่ว่าเราปฏิบัติถึงพร้อมหรือยัง เท่านั้นเอง...

 

ข้อมูลมั่วนะผมว่า

เคยฟังจากปากท่านเองผ่านรายการหนึ่ง ท่านบอกเองเลยว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ และจะขนสัตว์โลกทั้งหลายข้ามสงสาร ของผมที่ฟังนี่ออกจากปากท่านเองเลยนะ ส่วนจะถามว่ารายการอะไรจำไม่ได้หรอก แต่100เปอเซนต์ ไม่ผิดเลยท่านบอกเองเลยว่าเป็นพระโพธิสัตว์

 

"ขออธิบายถึงสิ่งที่ผู้สำเร็จธรรม แต่ละขั้น ว่าสามารถทำอะไรได้บ้างแบบคร่าวๆ
ขั้น 1 โสดาบัน ขันนี้ระลึกชาติได้ ดูเหตุการณ์อดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้ เริ่มสามารถแปรธาตุได้ เนตรมองได้ลึก ความถี่ภาพกว้างขึ้น เพราะมองด้วยแก้วตานัย สามารถมองเห็นได้เยอะกว่าคนปกติ หูจะได้รับความถี่เสียงได้กว้างกว่าคนปกติทั่วไป
ขั้น 2 สกิทาคามี ขั้นนี้ แปรธาตุได้เกือบทุกชนิด เช่น จากดินเป็นหิน แปรของเหม็นให้เป็นของหอม และเริ่มสามารถถอตดวงจิตออกจากร่างได้ แต่ร่างต้นยังคงหายใจเป็นปกติอยู่
ขั้น 3 อานาคามี ขั้นนี้ แปรธาตุได้ทุกชนิด เช่น หลวงปู่สรวง (ขั้น3) ท่านมีอายุถึง 750 ปี เพราะท่านเข้าถึงธรรม แปรธาตุให้เป็นร่างหนุ่มก็ได้ ร่างเด็กก็ได้ ตามข้อมูลประวัติของท่านที่ผู้โพสกระทู้เคยนำมาโพสไว้ และสามารถถอดดวงจิตไปไหนมาไหนได้ แต่ร่างต้นยังคงหายใจอยู่เช่นเดิม เริ่มแบ่งภาค หรือแบ่งแยกร่างกายได้เป็นหลายๆ คนได้
ขั้น 4 อรหันต์ ขั้นนี้ รู้หมดทุกสรรพสิ่งของจักวาล รู้ความลับทุกๆอย่างของจักรวาล แบ่งภาค หรือแบ่งแยกร่างได้ 84,000 ร่าง ถ้าเป็นกายหยาบอยู่ (ยังมีชีวิตอยู่) จะอยู่เป็นอมตะ ไม่มีวันตาย ยกเว้นจะดับขันธ์เอง แล้วร่างกายจะกลายเป็นพระธาตุ (ตอนนี้พระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่ ณ พ.ศ. 2555 มีเพียง 5 รูปเท่านั้น แต่หลัง พ.ศ. 2600 จะเพิ่มเป็น 100รูป) ยกเว้นพระพุทธเจ้า ท่านดับขันธ์ เพราะพญามารอัญเชิญท่านดับขันธ์และพระพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์จึงดับขันธ์น้่นเอง"

ข้อมูล มั่วแน่ๆ ไอ้เรื่องแปรธาตุอะ ขนาดพระพุทธเจ้ายังแปรธาตุไม่ได้เลย มั่วละ

 

ทำไมต้องเถียงกัน ลองพิจารณาความพยายามของท่านหน่อย พิจารณา พิจารณา มากๆ แล้ว ไม้ต้องรู้บ้างก็ได้ว่า บรรลุธรรมขั้นนั้นขั้นนี้ เพราะทำไม่ได้อย่างเขาก็อย่าวิจารใคร หาความไม่รู้ใส่ตัว คนฉลาดดูเป็นและรับข้อมูลเป็นและให้เกียติแก่โพธิสัตว์หรือผู้ปฏิบัติชอบเป็นการดี อย่าเถียงกันเรื่องโสดาบันหรืออนาคามีอะไรนั่น โสดาบัน นั้นพวกท่านยังไม่เห็นไม่รู้ก็ไม่ควรแสดง ดาวไลท์ ไม่เห็นอัพไลท์ แค่นั้นก็ควรทำความเข้าใจ ระวังครับ
บ
า
ป
มีจริง

 

ตอบ

นายราม บาฮาดูร์ บัมจอน เป็นพระโพธิสัตว์ ก็ถูกต้องแล้ว บำเพ็ญบารมีและยึดมั่นใจความดี และเรียนรู้พระธรรมโดยตรงจากพระพุทธเจ้าโดยตรงตอนนี้
และนับว่านายราม บาฮาดูร์ บัมจอน เป็นผู้มีความเพียรจริงๆ ใครมีโอกาสได้ไปเจอท่านผู้นี้ ถือว่าโชคดีมาก

 

ของแบบนี้อยู่ที่การเข้าถึง ไม่สามารถบังคับให้ใครเชื่อได้ ถ้าไม่ปฏิบัติจนเห็นจริง "ดังเช่นสายลมพัดผ่านกายแล้วรู้สึกถึงการสัมผัส แต่กลับไม่มีใครเห็นว่าสายลมหน้าตาเป็นเช่นไร? " ผู้โพสกระทู้ มิกล้านำข้อมูลเหล่านี้ มาโพสให้อ่านสนุก หรือ เพื่อความบันเทิงใจ หรือเป็นข้อมูลหลอกลวงหรอก ให้ใช้ปัญญา และสติในการพิจารณาด้วยตนเอง ซึ่งมิได้อ่านจากบทความเก่าๆที่ไหน และเป็นเรื่องเล่าต่อกันมาแต่อย่างใด แล้วมาโพส และมิได้ก๊อปปี้ใครมาโพส ถ้ามิเชื่อ ก็ให้คิดว่าเป็นนิทานหนึ่งเรื่องก็เท่านั้น.

 

เคยดูรายการ เรื่องจริงผ่านจอ..(นานมากแล้ว)ยังอดทึ่งไม่ได้ ในความเพียรของท่านรามอ่ะจร๊าา.. (เราทำได้ป่าว?)

 

เมื่อฟังแล้วก็พิจารณาตามหลัก กาลามสูตร ที่พระพุทธทรงตรัสเทศน์สอนกับ ชาวกาลามะ ว่า อะไรที่จะนำเข้าตัดสินว่า ทำไมสิ่งที่เรารับรู้มานี้สมควรเชื่อหรือไม่สมควรเชื่อ นอกจาก เราลงมือปฏิบัตแล้วเห็นด้วยตัวเองว่าสมควรเชื่อ มากกว่าจะเอาหลักลอยๆมาเถียงกัน ไม่ได้เป็นประโยชน์ด้วยประการทั้งปวงครับ พี่น้องชาวพุทธ
อีกสิ่งหนึ่งสำคัญ ลำดับขั้นพระอริยะเจ้า มีเกณฑ์ตัดสินว่าใครจะอยู่ลำดับไหนต้องเอา สังโยชน์เข้าไปเป็นตัวตัดสิน แต่อีกแหละครับสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัตตัง จะให้ใครเข้ามาตัดสินไม่ได้หรอกครับ นอกจากพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์จริงที่จะบอกได้ว่า บุคคลคนนั้นสำเร็จขั้นใดแล้ว ปุถุชนคนธรรมดาได้แต่เพียงตัดสินตามสิ่งที่เคยฟังมาเท่านั้นแต่ไม่ได้ใช้ใจเป็นตัวตัดสิน

 

ม่ายเห็นจะมีคัยรุ้จิงๆเลยเรื่องแค่นี้ สำเร็จธรรมในแต่ละขั้นเพื่ออะไรกันเขาพวกนี้ แล้วคลิปข้างบนนั่นอะไรกันทำเพื่ออะไรกันดูงี่เง่าสิ้นดี