ความคิด..มโนกรรม..

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย หนึ่งจิต, 28 กันยายน 2012.

  1. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ธรรมดาของทุกคนก็ชอบที่จะคิดอยู่แล้ว คิดไปได้เรื่อยๆ เปื่อยๆ จนกว่าจะเหนื่อยกันไปข้างนึงแล้วก็วางมันทิ้งซะเพราะมันทำให้ทุกข์
    จนกว่าจะรู้ได้ด้วยตนเองนั่นแหละค่ะ ว่าคิดเองก็ทุกข์เอง คิดไปก็เท่านั้น ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการคิด
    เพราะการคิดมันก็ได้แค่คิด หากยังไม่ทำผลก็ยังไม่เกิดเป็นรูปธรรม มันจึงเป็นเพียงเจตนาที่สร้างไว้ ยังไม่ส่งต่อไปหาใคร
    นอกจากความคิดเราไปหยิบ ไปจับ ไปโยง..เอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวกับเรา ที่เรียกว่ามโนกรรม..

    มโนกรรม..ก็แยกได้อีกเมื่อส่งไปหาคนอื่นๆ ว่า เป็นเรื่องที่คิดดี กับคิดไม่ดี เมื่อเราได้เริ่มต้นคิดและไปโยงถึงใคร ๆ เขา
    ความคิดนั้นก็จะถูกส่งไปยังบุคคลที่เราคิดถึงได้ทันที..มโนกรรม..ทั้งดีและไม่ดีนั่นแหละค่ะ
     
  2. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    หากจะถามว่าส่งไปได้อย่างไร..มโนกรรม..มันก็ไหลไปเป็นพลังงาน..เป็นคลื่นของพลังงาน..โดยปกติคลื่นเหล่านี้ถูกออกอยู่ตลอดเวลา
    เหมือนกระแสไฟฟ้าที่ไปตามสายไฟนั่นแหละค่ะ แต่นี่มันไม่มีสาย คิดถึงใครส่งตรงไปได้เลย เหมือนเรด้า

    และหากผู้รับมีความสงบพอ ไม่ถูกแทรกแทรง เค้าก็จะรับคลื่นนี้ได้และจะรู้ชัดที่เค้าเอง..
    เพื่อบริหารจัดการกับมโนกรรม(พลังงาน) ของผู้อื่นที่ส่งออกมาหาตน..และรู้ เห็น เข้าใจ แล้วว่าตนเองน่ะไม่มีอะไร ที่มีก็เป็นของผู้อื่น
    หากสติเรายังไม่มั่นคงพอ ไม่รู้ตนเองได้มากพอ ก็จะมีความเผลอของสติแล้วไปหยิบคลื่นเหล่านั้นมาเป็นเรา กลายเป็นมีเรา มีอัตตา ตัวตน

    อารมณ์ เวทนา ต่างๆ ที่เกิดที่เป็นกับเรา หากเราไม่ยุ่งกับมันแค่ ดู รู้ เห็น และอยู่กับอาณาปานสติไป มันก็จะถูกเคลื่อนออกไป
    จากเดิมที่มี..ก็จะไม่มี จากไม่ว่าง ไม่สงบ ก็กลายเป็นว่าง เป็นสงบ จากมีอัตตา ก็กลายเป็นอนัตตา

    ถามว่าทำไมมันยังมีมาเรื่อยๆ ล่ะ เพราะอะไร?
     
  3. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    เพราะชีวิตเราไม่ได้อยู่คนเดียว เรายังมีพ่อแม่ พี่น้อง ญาติ เพื่อนร่วมสังคม เพื่อนร่วมโลก..
    โดยมีกรรมจัดสรรค์มาให้เราเกิดเป็นคนนี้และมีเหตุต่างๆ ให้เกิดและเป็นกับเรา..กรรมวิบาก..

    เมื่อเรารู้แล้ว เข้าใจแล้ว ว่างแล้ว สงบแล้ว แต่คนอื่นๆ ความคิดเราควบคุมได้แล้ว ไม่ส่งต่อไปหาใครๆ ได้
    แต่คนอื่นๆ ที่เค้ารู้จักและไม่รู้จักก็ดี เค้ายังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจ ยังไม่ว่าง ยังไม่สงบ สรุปว่ายังทุกข์อยู่นั่นเอง
    เมื่อเค้าทุกข์และเค้ารู้จักเรา ซึ่งเราอาจช่วยได้ ในฐานะ พ่อแม่ ลูก หลาน ญาติ เพื่อนๆ เค้าก็คิดถึงเราเพราะต้องการให้ช่วย

    กรรมเป็นทายาท กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มันก็ไหลมาที่เรา มโนกรรมเหล่านั้น (พลังงาน) ทั้งหลายก็เทมาหาเราโดยที่เราไม่รู้
    และผลก็เกิดกับเราได้ คือ ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ของผู้ส่งมันจะเข้ามาให้เรารับรู้ได้เมื่อเรามีอัตตา ตัวตนน้อย หรือไม่มี..คือเรามีที่ว่างเยอะ
    เมื่อเรามีที่ว่างก็สามารถรองรับความไม่ว่างของผู้อื่นที่ยังทุกข์อยู่ เพื่อให้เราช่วยเหลือ
    เวทนาที่เกิดกับเราก็เช่นกัน..มาพร้อมๆ กับมโนกรรม ความอยาก ความต้องการ ของผู้อื่น ไหลมาโดยพลังงาน...
    เราก็อยู่กับอาณาปานสติไป..ใช้ลมเป็นตัวขับเคลื่อนทุกอย่าง..เพื่อไม่ให้ทุกขัง และแก้ไขปัญหาให้กับผู้อื่น

    มันคือการนำการปฏิบัติทั้งหมดที่ได้เรียนรู้ และเข้าใจมา ไปใช้ประยุกต์ใช้เพื่ออธิบาย ให้คนอื่นเข้าใจ และวางใจ
    ด้วยความเข้าใจในความเป็นเค้าเหล่านั้น และไม่ตัดสินในความถูกผิดใดๆ มีแต่ช่วยเหลือและนำพาซึ่งกันและกันด้วยคุณธรรม ความดี
     
  4. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ให้ในสิ่งที่เค้าเข้าใจได้ เพราะเราเข้าใจในความเป็นเค้า แต่อย่าให้ในสิ่งที่เค้าไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะเค้าเข้าใจไม่ได้
    สิ่งนี้เราต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลงที่ตนเอง คือเราต้องเข้าใจในความเป็นเค้า ไม่ยัดเยียดให้เค้ารู้และเข้าใจในความเป็นเรา หรือสิ่งที่เรารู้

    เค้าต้องการแค่ไหน ก็ให้แค่นั้น ให้ยาผิดขนาน ผลก็ไม่เกิดและมีโทษให้ต้องแก้ไขปัญหาอีกต่างหาก เสียเวลา และวุ่นวาย
    แต่มันก็คือการเรียนรู้ของเรา เพื่อให้ถูกต้อง และตรงทาง ลัดสั้น ง่ายๆ ในครั้งต่อๆ ไป
    ไม่มีผิดไม่มีถูก ..แต่ถ้าทำไม่ถูกวิธี..ปัญหามีและเกิดให้ต้องแก้ไขตามมาแค่นั้น และมันก็คือการฝึกปัญญาของเราเช่นกัน..
     
  5. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    พลังงาน มาในรูปแบบไหนบ้าง

    ทางตา คือ ภาพ
    ทางหู คือ เสียง
    ทางจมูก คือ กลิ่น
    ทางลิ้น คือ รส
    ทางกายคือ สัมผัสทั้งหลาย

    ทางใจคือ ความคิด(มโนกรรม)

    สิ่งพวกนี้ มันเหมือน พลังงาน ที่ รับส่งกัน ของ ร่างกาย ของแต่ละ คน
    การที่เรารู้จักหน้า ค่าตา ก็เหมือน รู้จัก ที่อยู่ หรือ สมมุติ ของเขา (ถ้าเราเป็นบุรุษไปรษณีย์) สามารถ ส่งพัสดุ ถึงได้ (คิดถึงได้)

    และ การรับรู้ พลังงาน แบบนี้ เรียกว่า มากกว่า ภาพ มากกว่าเสียง มากกว่า สัมผัสทางกาย เพราะมันคือ สัมผัส ทางใจกาย พร้อมเลย คือ กายรับรุ้ ตามที่ใจ รับมา ด้วย

    มันหมายถึง เมื่อเรา สามารถรับรู้ ได้แบบนี้ (ทั้งสุขและทุกข์) แต่ส่วนมาก มันยจะมีแต่ทุกข์ เพราะ เวลาเขา มีความสุข เขาไม่คิดถึงเรา

    เมื่อ เวทนา อารมณ์ ความทุกข์ ของ คนอื่น มัน มาถึงเรา จรมาถึงเรา จะด้วยเหตุประการใดก็แล้วแต่ นั่นหมายความว่า ที่มาหาเราได้ เพราะ เราต้องเคยมีส่วน กระทำกรรมเอาไว้ เคยทำเหตุ ร่วมเอาไว้ ผลเลย มาถึงเราได้

    ดังนั้น ไม่ต้อง สงสัย หรือว่า อารมณ์ คนอื่น มามันที่เราได้อย่างไร (มาตามลมก็มี)
    มันคือ การเรียนรู้ อามณ์ ความรู้สึก ของคนอื่น ล้วนๆ มันคือ อารมณ์ ความรู้สึก ที่เป็นจริง ที่สุด ของโลก ของคนอื่น นั่นเอง

    ทีนี้ ก็จะได้ รู้ ว่า โลกนี้ คนในปัจจุบันนี้ เขามีความสุข จริงหรือ ไม่
     
  6. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    เมื่อเรา สามารถ รับ พลังงาน แบบนี้ได้ แล้ว

    ตอนนี้แหล่ะ ที่ เรียกว่า ฝึกสติทั้งกายใจ ของจริง

    ถ้าไม่ สงบจริง จะ รับมือแทบไม่ได้เลย และ เป็น การเรียนรู้ กฏแห่งกรรม ที่ ต้อง เอา กายใจ เข้าไป พิสูจน์ (ด้วยเลือดเนื้อวิญญาณและน้ำตา)

    เรียกว่า แม้จะอยากตาย ยังตายไม่ได้ เลย
    เหมือน การรับกรรม ชาติสุดท้าย หรือ พิสูจน์ ด่านสุดท้าย ว่า ฌาณหรือญาณทั้งหลาย หรือ อินทรีย์ หรือ บารมีทั้งหลาย หรือ บุญทั้งหลาย หรือ บาป ทั้งหลาย ก็คือ กรรมทั้งหลายทั้งหมดทั้งสิ้นที่เคย ทำมานั้น จะเอามา พิสูจน์กัน ในรอบ นี้ นี่เอง
     
  7. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    เหมือน เราอยู่ดีดี แล้วมีคน เอา ปัญหา อะไรเอ่ยมาถามเรา

    หรือ เราอยู่ดีดี แล้ว คนอื่นอยากนั่นอยากนี่ แต่มาให้เราทำให้ (รบกวนเรา)

    หรือ เราอยู่ดีดี แล้วคนอื่น เอาเรื่องที่เขาแก้ไม่ได้ มาขอให้เราช่วย

    หรือ เราอยู่ดีดี แล้ว ทำไม ทำไม ทำไม ต้องเป็นเรา

    ทำไม ถึงเกี่ยวกับเราด้วย ขออยู่คนเดียวก็ไม่ได้ หรือ

    ที่เป็นแบบนี้ ทั้งหมดทั้งมวลที่จะช่วยแก้ปัญหา หรือ รับมือ เรื่อง พวกนี้ได้ มีแค่ สติปัญญา เท่านั้นเอง

    มีสติ และ ใช้ ปัญญา ที่ เคยรู้ ทั้งหมด เพื่อ เอามารับมือ แก้ไข อย่างไรนั้น เราจะเป็นคน รู้ด้วยตนเองว่า ถูกหรือไม่ อย่างไร นั่นเพราะ

    นั่นเพราะ แก้ผิด รับมือผิด มันจะเข้า กายใจ เรา เต็มๆ หนีก็ไม่ได้ ไม่แก้ก็ไม่ได้

    มันต้อง รับมือด้วย สติปัญญา เท่านั้น จริงๆ
     
  8. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    สรุป ง่ายๆ พลังที่มา มีทั้ง

    กรรมเก่า และ กรรมใหม่ ต้องแยกแยะให้ออก ด้วยสติ ก่อน สงบให้ได้ นิ่งให้ได้
    หนีไม่ได้ แพ้ไม่ได้ ถอยไม่ได้ ต้อง รับ อย่างเดียวเท่านั้น

    ถ้าแก้ไม่ได้ เราต้อง สงบ ด้วยสติ อยู่กับ ตัวเอง ให้ได้ มากที่สุด ก็คือ ถึงตอนนี้ ยังรับมือ แก้ไขไม่ได้ แต่เราต้อง อยู่กับ ตัวเอง เป็นตัวเองให้ได้ ห้ามหลง ไปกับ อารมณ์ ที่เข้ามา อย่างเด็ดขาด

    หลงเมื่อไหร่ พัง เละ เยิน เท่านั้น เอาสติ รับมือ เพื่อ ให้เห็น การ พัง การเละ การเยิน ที่หลีก เลี่ยง ไม่ได้ นี้ ให้ได้

    ไม่ได้ ก็ ต้องได้ เพราะมันคือ กรรมที่ต้อง ยอมรับ ตามจริง
     
  9. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    การรับรู้ อารมณ์ คนอื่นได้นี้ เป็นการดี มากๆ แต่ก่อนที่จะดีมากๆ

    ท่านก็ ต้องเรียนรู้ ความจริง ของ คนอื่น ก่อน

    คิดง่ายๆ ก็คือ ถ้า อารมณ์ คนอื่น ที่เข้ามา ทำไม มันมีแต่อารมณ์ทุกข์ๆ มีแต่อารมณ์ที่ไม่ดี นะ วิธีแก้ คือ แก้ที่ต้นเหตุ ก็คือ พยายามเปลี่ยนอารมณ์ทุกข์ ของคนที่เรารู้จัก ทำยังไงก็ได้ ที่จะทำให้ เขาคนนั้น ไม่ทุกข์ ไม่มีอารมณ์ทุกข์ ทำให้เขาเป็นคนดี ให้ได้

    นี่คือ โจทย์เดียว เท่านั้น

    ทำไมเขาถึงทุกข์
    เขาทุกข์เพราะเราหรือเปล่า
    หรือเราไปทำอะไรให้เขาทุกข์
    หรือเขาทุกข์ เพราะเขาไม่เข้าใจเราหรือเปล่า
    เราคือเหตุที่เขาเอาไปคิด แล้วทุกข์ หรือเปล่า

    ถ้าเขาไม่เข้าใจเรา ทำยังไง เขาถึงจะเข้าใจเราล่ะ
    ทำไง เขาถึงจะไม่มีอะไรกับ เรา
    เมื่อเราไม่มีอะไรกับ คนอื่น ทำยังไง คนอื่น ถึงจะ ไม่มีอะไรกับเรา
    ไม่มีแบบ เข้าใจ นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กันยายน 2012
  10. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    เหมือนหมอ ที่ ต้องมีสติ ในการรักษาโรค

    ถ้าหมอไม่มีสติ แล้ว จะช่วย คนป่วยได้อย่างไร

    ถ้าหมอ หลงทุกข์ หลงปวด หลงเจ็บ ไปกับ คนป่วย หมด ก็ เหมือน หมดความมั่นใจ ในตนเอง ดังนั้น หมอต้อง มีสติ เข้มแข็ง ไม่หวั่นไหว ไปกับอารมณ์ คนไข้

    หมอต้อง เป็นตัวของตัวเอง เวลา เปลื้อนเลือด เปลี้อนหนอง (เหมือนลงนรกเลย)
    หมอไม่ลงนรก ใครจะลงนรก
    หมอไม่ทุ่มเทกายใจ ใครเล่าจะทำ

    มันคือ สิบแปดด่านอรหันต์ทองคำ ขนานแท้ นี่เอง การรับรู้ พลังงาน ของคนอื่น
     
  11. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    พลังงาน อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ที่ได้รับ

    มันคือ พลังงาน จริงๆ ของ คนทั้งหลาย ในปัจจุบัน นี้ ที่ว่า

    เขามีความสุข กันจริงๆ หรือ ไร

    โลกแห่งวัฏฏะสงสาร โลกแห่งทะเลทุกข์ นี้ ถ้าท่านรับรู้ พลังงาน ได้ ท่านจะรู้ว่า นรกในโลก เป็นเช่นไร

    จงเรียนรู้ ที่ จะ รับมือ กับมัน ด้วยเลือดเนื้อวิญญาณและหยดน้ำตา

    ไม่ใช้สลิง ไม่มีตัวแสดงแทน รับเต็มๆ แบบ เน้นๆ
     
  12. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ถ้าผ่านด่าน นรก บนโลก นี้ได้
    ท่านก็ ไม่ต้อง ไป ผ่าน นรก อีก
    ถ้าท่านรับมือ กับ ความทุกข์ ของคนอื่นได้ ท่านจะรู้ว่า สวรรค์ในอกท่านนั้น มันมีอยู่จริง
    ถ้าในอกท่าน มีสวรรค์อยู่จริง นรกจากคนอื่น ก็จะ เป็นเรื่อง ที่ท่าน จะแก้ไขได้

    นรกจากคนอื่น แก้ได้ด้วย สวรรค์ ในใจเรา
    ทะเลทรายจากคนอื่น แก้ได้ด้วย เอโอซิส ในใจเรา
    ไฟร้อนจากคนอื่น แก้ได้ด้วย น้ำเย็น ในใจเรา
    ความไม่รู้ จากคนอื่น แก้ได้ด้วย ความรู้ ในใจเรา
    ปัญหาจากคนอื่น แก้ได้ ด้วย ปัญญาในใจเรา
     
  13. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    การอยู่กับอาณาปานสติ การใช้ลมเป็นตัวขับเคลื่อนทุกอย่าง ..ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ใดๆ อัตตาใดๆ ที่รับมาด้วยการรู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี..

    เป็นการเคลื่อนลมด้วยสติ เคลื่อนด้วยความไม่มีอะไร เคลื่อนด้วยใจที่เป็นกลางของเราเอง เคลื่อนด้วยความว่างปล่าว..อนัตตา
    จากเดิมที่เราไม่มีอะไร..ว่างอยู่ สงบอยู่..ก่อนที่จะมีการกระทบเข้ามาหรือรับเข้ามาทั้งรู้ทันและรู้ไม่ทันนั้น
    เมื่อกระทบเข้ามาแล้วจะมีเวทนาเกิดขึ้นที่เรา ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ที่เข้ามาครอบงำ ไม่ว่าจะเป็นเวทนากายให้เกิดทุกข์
    คือ ความหนัก แน่น อึดอัด ขัดเคือง ไม่เบาสบาย ไม่เหมือนตอนที่ไม่มีอะไรเลย ไม่เหมือนตอนที่ว่างปล่าว มันก็เริ่มมีนั่นเอง

    สิ่งที่ต้องใช้คือสติที่ต้อง รู้ ดู เห็น ที่ตนเอง และไม่หลงตามอารมณ์ ไม่หลงตามเวทนาเหล่านั้น..เพราะมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา..
    ในเมื่อเราร่วมรับรู้ไปกับเค้าได้ทุกอย่างทั้งอารมณ์และเวทนาต่างๆ ของกาย(เจ็บไข้ ไม่สบาย เจ็บปวด ทรมาน)
    หากเราไม่หลงตาม ไหลตามสิ่งเหล่านั้นและรู้อยู่ว่าต้องอยู่กับสติ แล้วทำใจให้เป็นกลาง ให้ไม่มีอะไร แล้วใช้ลมเคลื่อนออกไปด้วยสติ
    ช่วยเหลือเค้าในการปลดเปลื้องอารมณ์เพื่อให้เค้าเข้าใจ ยอมรับ และวางใจ อาจใช้การอธิบายทางจิต หรือช่องทางอื่นก็ได้แล้วแต่สะดวก

    ตอนที่เค้าส่งมามันมีที่เค้า เมื่อส่งมาที่เรา..

    เราจึงเป็นผู้เปลี่ยนความมี ให้เป็นไม่มี จากอารมณ์เสียๆ ให้เป็นอารมณ์ที่ดีๆ จากมิจฉาทิฎฐิให้เป็นสัมมาทิฎฐิ
    โดยเน้นที่กฎแห่งกรรม คือการไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน คือให้ยอมรับกรรมของตนเอง ให้ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง
    โดยใช้ความรู้..ความเข้าใจของเรา..มาประยุกต์ใช้เพื่ออธิบายให้เค้าเข้าใจและยอมรับนั่นเอง
    ทุกอย่างไม่ใช่ว่าจะแก้ได้ในวันเดียว มีสิ่งไหนมาให้แก้ไขก่อนก็แก้ไขสิ่งนั้น เอาแค่พอดีๆ อย่าให้มากไป

    แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าพอดี?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กันยายน 2012
  14. illanzer

    illanzer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +840
    [​IMG]
     
  15. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    คำว่าพอดี..

    คือไม่มีการแทรกแซงทางความคิด ความเห็นของตนเองเข้าไป เมื่อคุยกับคนอื่น เมื่อแนะนำคนอื่น แทรกแซงเมื่อไหร่ คิดเองเมื่อไหร่
    นั่นคือการมีเรา เราก็จะมี เมื่อมีเราก็มีอัตตา ตัวตนของเราเข้าไปร่วมแจม เมื่อมีอัตตาตัวตนเข้าใจร่วมแจมในการพยายามที่จะคุย พยายามที่จะอธิบาย
    ผลก็คือทำให้เราเหนื่อยๆ แบตจะโลว์ คุยแล้วเหมือนแบตเราหมด อ่อนระโหยโรยแรง
    หากเป็นเช่นนี้ขอแนะนำให้ไปนั่งสมาธิ ไปนั่งทำจิตใจให้สงบ สบาย ให้ไม่มีอะไร อยู่กับอาณาปานสติไป
    เพื่อเคลื่อนสิ่งที่มีออกไปด้วยสติให้ไม่มี..เพื่อดีท๊อกของเสียที่เกิดกับเรา..สลายด้วยสติ..ส่งออกไปอย่างสบายๆ

    มันคือการเรียนรู้ความเผลอของสติเราเอง ที่ไหลไปเผลอไปมีเรา ..เวทนาเช่นนี้ก็เกิดกับเรา มีเมื่อไหร่ก็ทุกข์เองค่ะ
    เผลอเอาตนเองไปแทรกแทรงเมื่อไหร่ก็จะเป็นเช่นนี้เสมอค่ะ เพื่อให้เราไม่มี..มันคือการเรียนรู้เพื่อให้ไม่มี..และเป็นผู้รู้ ผู้ดู ผู้เห็น ที่แท้จริง

    ถ้าอย่างนั้นเมื่อเราต้องคุยกับผู้อื่น ต้องอธิบายผู้อื่น หากไม่ให้คิด..แล้วจะอยู่อย่างไร?
     
  16. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    เมื่อเราคุยกับผู้อื่น เราก็อยู่กับสติไป อยู่กับกายใจตนเองไป..
    เมื่อเผลอใช้ความคิดก็ต้องเห็นตนเอง เมื่อพยายามที่จะอธิบายก็ต้องเห็นตนเอง
    เพราะความคิดมันเกิดก่อนแล้วเราเห็นตนเองไม่ทัน เราจึงพยายามที่จะอธิบาย เราต้องกลับมาอยู่กับกายใจ ทุกครั้ง
    ในขณะที่คุยกับผู้อื่น ทำหน้าที่แค่ผู้ฟัง ผู้ดู ผู้รู้ ผู้เห็น และไม่ต้องคิด..จึงไม่ตัดสินในสิ่งที่ฟัง ที่ดู ที่รู้ ที่เห็น อยู่กับอาณาปานสติไป

    หูฟังเสียงและอยู่กับอาณาปานสติ
    ตาเห็นรูปและอยู่กับอาณาปานสติ
    จมูกได้กลิ่นและอยู่กับอาณาปานสติ
    ลิ้นได้รสและอยู่กับอาณาปานสติ
    กายสัมผัสและอยู่กับอาณาปานสติ

    เรามีหน้าที่อยู่กับกายใจ อยู่กับอาณาปานสติไป ขณะที่คุยทุกอย่างมันจะเคลื่อนด้วยสติเลยในขณะนั้น ไม่มีเราในขณะนั้น
    ทุกสิ่งที่เราได้เรียนรู้มา เข้าใจมา และทุกสิ่งที่เราจะต้องพูด ต้องคุย จะต้องอธิบาย มันจะพูดได้เอง คุยได้เอง รู้ได้เอง โดยไม่ต้องคิดเอา
    แค่เราสงบให้พอ มีสติให้จริง ไม่ถูกครอบงำด้วยอารมณ์ใดๆ ได้จริง ในขณะนั้น เราก็จะพูดอธิบายได้โดยที่เราไม่เหนื่อย ไม่เพลีย
    เพราะไม่ได้เอาตนเองมาพูด แต่พูดไปด้วยความเป็นกลาง ไม่มีอัตตา ตัวตน และพูดด้วยสติสัมปชัญญะจริงๆ
     
  17. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    มันเป็นวิธีนำไปใช้เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด..ปัญญาเกิดได้ง่ายและเร็วที่สุด

    นั่นหมายถึงว่า..การกระจายจากการกระทบจะน้อย ไม่กว้าง ไม่ยาว เพราะเราไม่ได้ทำด้วยอัตตา ตัวตน ไม่ได้พูดด้วยอัตตา ตัวตน

    คู่สนทนาจะรับรู้ได้ด้วยใจ..เมื่อเราไม่มี..เค้าก็ไม่มี..แม้ตอนแรกเค้าจะมีมาก็ตาม

    เค้ามีอัตตามาคุยกับเรา..เมื่อเราไม่ใช้..ไม่มีอัตตาในการคุย..เค้าสัมผัสได้..เค้าก็จะไม่มีได้เช่นกัน..

    เพราะเราเป็นตัวสลาย..เปลี่ยนสิ่งร้ายๆ ให้กลายเป็นดี..
     
  18. wacaholic

    wacaholic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +214
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=tpn--qbgqEw]Jason Mraz - Living In the Moment [Lyrics on screen] - YouTube[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...