ปิดรับบริจาค เชิญร่วมอนุโมทนาแด่ทุกท่านที่ร่วมเป็นเจ้าภาพตั้งโรงทาน ณ สำนักสงฆ์ภูสูงเจริญธรรม

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย ติงติง, 5 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    :cool:({)อีกนานเท่าไหร่พระศรีอาริยเมตไตรถึงมาจุติ?:cool:
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->DR-NOTH<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6773234", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    <!-- google_ad_section_end -->
    :cool:หลังจากสิ้นพระศาสนา พระพุทธโคดม สิ้นไปแล้ว ๑ พุทธทันดร ก่อนที่สมเด็จพระศรีอริยะเมตตรัย มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า กรึ่งหนึ่ง หรือในหนึ่งเรียกว่าครึ่ง หนึ่ง ต้องมีพระปัจเจกระพุทธเจ้า มาตรัสรู้ นับหมื่นแสนพระองค์เลยทีเดียว เขาเรียกพระพุทธจ้าชนิดหนึ่ง ตรัสรู้เอง แต่ไม่สอนให้ผู้อื่นตรัสรู้ตาม อย่างดีถ้าบุคคลใดมีศรัทธา ประสาทะก็สอนผู้นั้น ให้อยู่ในศิลธรรมเท่านั้น เพราะท่านไม่ใช่วิสัยของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีวิสัยที่จะสอนให้ผู้อื่นตรัสรู้ตาม จึงเรียกพระนามของพระองค์ว่า พระปัจเจกะพุทธเจ้า

    หนึ่งในจำนวนนั้น ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระปัจเจกะพุทธเจ้า ก็พระเทวทัต ที่ทำร้ายพระพุทธเจ้าของเราองค์ปัจจุบัน ท่านมีคติแน่นอนแล้วครับท่าน หลังจากนั้นไปอีก ครึ่งหนึ่ง อายุมนุษย์ ขัยของมนุษย์ น่าจะมีอายุเป็นหลายหมื่นปีแล้ว ณ บัดนั้น สมเด็จพระศรีอริยะเมตตรัย ก็จะจุติ จากสวรรค์ชั้น ดุสิต จากเทวโลกลงสู่ พระครรของพระมารดา แล้วออกบวช ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้ อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นศาสดาเอกของโลก ถ้านับเวลาในเมืองมนุษย์ก็ กินเวลาอายุ ๑ ล้านกว่าปีในเมืองมนุษย์ และอีก ๕ แสนกว่าปีในเมืองมนุษย์ พระปัจเจกะพุทธเจ้าจึงมาตรัสรู้ก่อน ถ้า ๑ อสงไขย ดังท่านว่า พระพุทธเจ้าคงมาตรัสรู้ ไม่รู้ กี่หมื่นกี่แสนพระองค์แล้ว เป็นกัปยังนับไม่ได้เลย เพราะว่า กับนี้มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ถึง ๑๐ พระองค์เทียว

    อายุ ๑ กัป ท่านเปรียบเทียบดังนี้ ๑๐๐ ปีของเราเท่ากับ ๑ วันบนสวรรค์ ชั้นดาวดึง สเทวโลก วันเดือนปี มีเท่ากัน แต่ต้องคูณเอา ดังที่ผมกล่าวมา ว่า กี่ล้านปีในเมืองมนุษย์ เท่ากับ ๑ วันบนสวรรค์ชั้นดาวดึง สวรรค์แต่ละชั้นมีอายุไม่เท่ากัน อธิบายไป ต้องใช้เวลาเยอะ จึงอนุมานได้ดังนี้ ภูเขาสูง ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์ ๑๐๐ปีของเรามีเทวดา เอาผ้านุ่มมาปัด ๑ ครั้ง จนกว่า ภูเขานั้นจะเหี้ยนเต้ ราบเท่าแผ่นดิน เรียกว่า ๑ กัป หรืออีกในหนึ่ง ท่านเปรียบ มีเมล็ด พันธ์ผักกาดอยู่ในถัง สูง ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์ ๑๐๐ปีของเราเอาเม็ดผักกาด ออกมา ๑ เม็ด จนกว่าเม็ดผักกาดจะหมดถัง เรียกว่าอายุ ๑ กัป ถ้ากินเวลาในเมืองมนุษย์ ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันล้านปีในเมืองมนุษย์ เท่ากับอายุ ๑ กัป คำว่าอสงไขยกัป มันนับไม่ได้จนคำนวนไม่ได้ เรียกว่าอายุ ๑ อสงไขยกับ :cool:<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ถามเรื่องพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->โลน้อย<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6751569", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    <!-- google_ad_section_end -->
    ไม่มีพระโพธิสัตว์องค์ไหน โง่ขนาดนั้นหรอกครับ อธิษฐาน ขอโปรดสัตว์ ให้หมดเป็นองค์สุดท้าย พระพุทธเจ้า อุบัติขึ้นมาในโลกนี้แล้ว ไม่รู้กี่ล้านๆพระองค์ และในอนาคต กาลเบื้องหน้าโน้น ก็จะมีพระพุทธเจ้า มาตรัสรู้จนนับไม่ถ้วน เปรียบเทียบ เมล็ดทรายในมหาสมุทรทั้ง ๔ ทิศก็ไม่เท่า เอามาแค่กำมือเดียวก็เป็นพันๆเม็ดแล้วครับ เม็ดละองค์น่ะ แค่พระเทวทัต จองเวรกับพระพุทธเจ้า ไม่รู้กี่พันชาติ ลองเอาทรายมานับสักกำมือ ว่ามันมีกี่พันเม็ด การเกิดเป็นมนุษย์ ต้องไปเกิดเป็นทุกอย่างแหละ ทุกเชื้อชาติ เขาแบ่งชนชั้นในโลกมนุษย์เท่านั้น ไปตามกรรม แต่สวรรค์ กับนรก เขาไม่แบ่งชนชั้น แบ่งเขตุ เขตุ ของบุญและบาป นั้นๆที่เราทำ ไปตามชั้นตามขั้น ไม่ต้องอธิบายนะ ถ้าลองคนมันเขียนแบบนี้ได้ ไม่ต้องอธิบาย มันจะเข้าใจได้ ถ้าไม่ปล่อย ใจเอาตามกำลังใจตัวเองเป็นส่วนใหญ่

    เพราะเราไม่ได้แบกตำรามา แต่ส่วนใหญ่ ๙๐ กว่าเปอร์เซ็น เจอของจริงมา และสัมผัสมาจึง กล้ากล่าวเช่นนี้ ทั้งพระโพธิสัตว์ที่เกิดเป็น สัตว์ ผู้หญิง ผู้ชาย ทั้งนักบวช ก็เจอมาเยอะพอสมควร บางสิ่งบางอย่างก็ไม่ใช่จะเอามา เขียนกันเล่นได้เหมือนกัน แต่ถ้าจะมา แสดงความคิดเห็น แจกแจงกัน ใครๆก็เขียนได้ ถ้าศึกษา หรือพูดได้ แต่การกระทำ มันยาก ยิ่งกว่าอะไรเสียอีก ลองอดข้าว ดู สัก ๒ วันก็ได้ ว่ามันทรมาร สักปานใด แต่มันไม่เท่ากับการเจ็บใจ ที่คนมาทำร้ายหรอก เพราะการเจ็บใจมันมากกว่า แค่เขาว่ากว่าวนิดเดียวยังทนไม่ได้ แค่นี้ก็ยากแล้ว การทำใจน่ะ ที่ผมกว่าวมานั้นว่า ไม่มีพระโพธิสัตว์องค์ไหนโง่ขนาดนั้น ไปคิดเอาก็ได้ แล้วใครเล่า จะโง่ตามไปเกิด เมื่อสร้างบารมีตัวเองเต็ม เขาก็หนีไปนิพพานก่อนแล้ว และสัตว์นรก สัตว์เดรัชฉาน เปรต อสูรกาย มนุษย์ เทวดาพรหม บางท่านบางองค์ ปราถนา พระโพธิญาณกันเป็นแถว นับไม่ถ้วน ตอนพระพุทธองค์ ตรัสรู้ พระโพธิญาณ จะเปิดโลกได้แค่ครั้งเดียว คือคนและสัตว์นรก พรหม เทวดา มนุษย์ สัตว์ทั้งหลาย เห็นกันหมด เพราะเห็นความอัศจรรย์ ของพระพุทธเจ้า จึงทำความปราถนา พระโพธิญาณกันเป็นแถว แล้วใครจะไปถึงบ้างล่ะ พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ ครั้งหนึ่ง ลาพุทธภูมิกัน เป็นแถว แล้วนี่คือกฏตายตัว เหมือนกับถวายอทิสทาน ก็ได้แค่ครั้งเดียวเหมือนกัน

    ผมจะนำบุคคลตัวอย่าง มา ให้ท่านได้อ่าน อย่างละนิด ส่วนใหญ่มรณะไปแล้ว อดีดใกล้ปัจจุบัน หลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุน คุยกับหลวงปู่วงค์ วัด ดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้จ,ลำพูน หลวงปู่ท่านพูดว่าท่านเคยเกิดเป็นองค์ดไลลามะของทิเบต มาแล้ว เป็นองค์ที่เท่าไหร่ ลองไปคุยเรื่องนี้กับท่านอ.เล็ก วัดท่าขนุนดูก็ได้ อย่างหลวงพ่อสุบิน ท่านเป็นลูกศิษย์ หลงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มาอยู่กับหลวงพ่อ วักปากน้ำ ๑๒ ปี เรียนวิชาธรรมกาย ตอนที่เกิดเรื่องเป็นปี ปี พ.ศ. ๓๐ กว่า ผมอยู่ที่นั่น มีคนมาเผาศาลาวัด หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณ แล้วมากล่าวหาท่านว่า เป็นผู้เผาวัด พวกเดียรถีแถวนั้นบางพวก ท่านเป็นเจ้าอาวาส จะไปเผาวัดทำไม ท่านเป็นผู้สร้าง ผู้หาเงิน ผมคุยกับท่านว่า มันเป็นกรรมในอดีด ของท่าน
    ๆ เคยเกิด เป็นทหารพม่ามาก่อนในสมัยอยุทธยา คุมทหารออกรบ สั่งเผาวัดวาอารามในประเทศ ไทย พอสมควร แต่คงไม่ได้ตกนรก อีตงนี้จำไม่ได้ ท่านบอกอีกว่า ท่านมาใช้กรรม และมาสร้างบารมีต่อ ผมคุยถึงพระนิพานกับท่าน ๆพูดว่าไปก่อนไปหลัง ก้ไม่สำคัญ ใครไปก่อนสบายก่อนครับ



    และอีกท่านหนึ่ง หลวงปู่จัน วัดป่าข่อย อ. สวรรค์โลก จ. สุโขทัย มรณะ พ.ศ. ๔๐กว่าๆ ไปกราบท่านบ่อยๆ เคยไปพักที่นั่นวัดท่านๆจะเมตตามากครับ และคุยกับผู้ทรงศิลท่านหนึ่ง หลวงปู่เคยเกิดเป็นอแซหวุ่นกี่ แม่ทัพพม่ามาก่อน แต่ หลวงปู่จันท่าน เคยขึ้นเครื่องบิน นำทราย โปรย กรุงเทพ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ พร้อมกับ หลวงปู่ จงวัดหน้าต่างนอก หลวงปู่จาด วัดบางกะเบา และหลวงปู่จัน เป็นลูกศิษย์ ปู่ศุขวัดมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และท่านเป็นเณร ใสมัยนั้น และทัน กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ๆล้อเล่นท่านบ่อยๆครับ <!-- google_ad_section_end -->
     
  3. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    พระโพธิสัตว์ต้องขยันเกิดขยันตาย ระหร่างคนกับสัตวืเท่านั้น มันเป็นกฏตายตัว ของผู้ที่อธิษฐานมาแบบนี้ จะไปเป็นครูเขานี่ เป็นเทวดากับพรหมเขาไม่คิดให้ สาวกได้บำเพ็ญเป็นเทวดาพรหม พุทธภูมิไม่ได้ ต้องเรียนผิดเรียนถูก และแก้ไขด้วยตนเอง เมื่อรู้ตัวว่าผิด เขาก็กับตัว ทำไหม่ ไม่ใช่ผิดแล้วทำซ้ำซากแม่มันอยู่นั่นแหละไม่มีใครทำหรอก หมายถึงหลายๆครั้งๆ น่ะ แต่พวกบารมีต้นๆก็ไม่แน่เหมือนกัน เพราะพวกนี้ชอบแหกคอกมากกว่า ยังไม่ถึงบารมีกลาง เลยผิดมากกว่าถูก ส่วนใหญ่ลาพุทธภูมิ ก็บารมีใกล้เต็มหรือเต็มแล้ว พระโพธิสัตว์ที่มีบารมีเต็มแล้ว รอคิวมาตรัสรู้ เป็นแสนๆพระองค์เลยนะ ตามที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกเอาไว้

    ตำราเป็นหนทางการเดินทาง ส่วนการปฏิบัติ เป็นหนทางแห่งมรรคผล ถ้าอยากรู้ชัด ต้องกินเองชงเอง และทำให้ถึง ถึงไม่ละเอียด ให้รู้จัก แห่งมรรคคาบ้าง ไม่ใช่ใช้ตำราอย่างเดียว ตำราเปรียบเหมือนดิน การปฏิบัติบัติ เปรียบเหมือนฟ้า มันสวนทางกัน อีกคนเห็นผี บอกมีผี ไอ้คนไม่เห็นผี บอกผีไม่มี ฉนั้น มันต้องทำ ทั้ง ๒ แบบ แต่คนปฏิบัติ เขาเรียนพอรู้ แล้วนำไปปฏิบัติ มันก็เลยรู้ ทั้ง๒ แบบ ไม่จำเป็นต้องไปเรียนตำราอีกแล้ว เพราะมันทำมาเสร็จแล้ว เหมือนเรียนช่างยนต์ แต่คนหนึ่งมันไปถอดถอนทำเลย มันจึงแต่งเป็น แต่ไอ้คนเรียนอย่างเดียวรู้ แต่ทำไม่ได้ เขาเรียก เถรใบราณเปล่าไงเล่าครับ <!-- google_ad_section_end -->
     
  4. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    นี่จะบอกให้ผมน่ะเคยเนรเทศตัวเองมาแล้วในชาตินี้ ถึง ๒ วาระ และทำผิดเรื่องเดียวกัน ถึง ๓ ครั้งผมน่ะบางครั้งถึงกับตบหัวตัวเองเลยนะ ว่าไอ้เหี้ย มึงอย่าทำอีกนะจำไว้ ผมด่าตัวเองสารพัด ไอ้เหี้ยไอ้สัตว์ บางครั้งผิดหนัก มึงจะไปเป็นสัตวืนรกเปรต อสูรกายอีกหรือ พวกเหล่านี้มึงเกิดมาเท่าไหร่แล้ว จำไว้บ้าง แม้แต่ร่างกายผมปวดมาก ผมก็ด่ามัน ว่า กูหามาให้มึงกินทุกอย่าง หนาวหาผ้าห่ม ร้อนทำความเย็นให้มัน ต้องการเครื่องประดับ กูก้หาให้มึง กุต้องการเป็นหนุ่ม ทำไมไม่ตามใจกู หาของมาบำรุงบำเรอทุกอย่าง มันกับแก่ ทุกวัน ป่วยทุกวัน มีการพัดพรากจากของรักทั้งๆที่มีชีวิตอยู่ พ่อพี่น้องบางคนตาย ปู่ย่าตายาย ตายให้มึงเห็นทุกวัน ทำไมต้องไปติดไปยึด หลงอยู่อย่างนี้อีก จริงแล้วผมด่าตัวเองบ่อย เพื่อจะหาหนทางดับทุกข์ ไม่ขอกว่าวอีกนะ จริงๆ คนเราๆทำตัวเองทั้งนั้นส่วนใหญ่ไปโทษคนอื่นแต่ไม่ดูตัวเอง ผมพยายามสอนตัวเอง แต่ก้ยังหาดีไม่ได้สักทีหนึ่งเลย ถ้าคน หันมาทางนี้จะเข้าใจครับ


    และขออภัยนะครับ ถ้าไม่ชอบใจก็ ขอโทษด้วยจะให้ถูกใจทุกคนคงไม่ได้ และขอย้ำเลยว่าไม่มีพระโพธิสัตว์องค์ไหน อธิษฐานแบบนั้นแน่นอน จะไปเป้นองค์สุดท้าย โปรดสัตว์โลกได้หมด กับไปอ่านไหม่ก็ได้ เพราะสัตว์มันไม่มีวันหมด บารมีเต็มแล้ว มันก็รอคิวอย่างเดียว และเป็นมหาโพธิสัตว์ครับไม่ก็ลา เพราะผมก็ประสพ ของจริงผู้ที่ทำจริง แต่ก็ดี ในข้อความของคุณโลน้อย ได้ประโยชน์ แต่ผมตอบหัวข้อ ของคนอื่น ที่อยู่ในนี้ไปในตัว ครับ<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
     
  5. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์ไหน พระปัจเจพระองคืไหน พระอรหันต์พระองค์ไหน ใช้หนี้กรรมได้หมด ท่านนิพานก่อนครับ บุญก็เหมือนกันไม่มีใครเอามาใช้หมด ไปหมดหรอกครับ เข้านิพพานก่อน พยามาร มาขวางทางพระพุทธองค์ กลัวพระพุทธเจ้า พาคนไปนิพานหมด เวลาตัวเองมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีใครฟังธรรมจากท่าน นี่พระโพธิสัตว์ เป็นมิฏฉาทิฏฐิ ตอนหลัง ท่านลาแล้ว และเข้านิพานบนนั้นเลยครับ พวกคุณอ่านหัวข้อผมให้เข้าใจเสียก่อน เพราะผมไม่ขวางทางการบำเพ็ญ ของผู้ใดอยู่แล้วกับจะอนุโมทนาสาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยิ่งๆขึ้นครับ ถ้าขึ้นชื่อว่าขวางทางการบำเพ็ญบารมีของผู้อื่น มันยิ่งกว่าพยามารเสียอีกครับ ต้องขออภัยอีกครั้งนะครับถ้าทำให้เข้าใจผิด ขนาดพยามาร เป็นเทวดา ยังขนาดนั้น แล้วเรา ดีกว่าเทวดา ที่เป็นพระโพธิสัตว์หรือเปล่า คนที่ไม่ทำผิดน่ะมันไม่มีหรอกครับ แต่บางอย่าง ถ้าแค่นี้ จะเอาคำของพระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญ พระโพธิสัตว์ ไม่เข้าใจ จะเอามาให้บอกกว่าวเพื่อประโยชน์อันใด หรือมาบอกกว่าว เพื่อขอความเห็น มันก็ไม่ใช่แล้ว ขอบคุณนะครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    สวัสดีค่ะพี่บุญทรง
    ติงเอาภาพออกจากกล้องยังไม่ได้เลยค่ะ
    สงสัยจะได้กล้องตัวใหม่แล้วละ..^-^..
     
  7. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ♥ มาแต่งกลอนแก้เหงากันนะ ♥
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->นังกิ๊บตัวดี<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1054056", true); </SCRIPT>
    สมาชิก


    <!-- google_ad_section_end -->
    โอ้น้องรักพี่เข้ามาพอได้เห็น
    พวกน้องว่ากลอนมีคติดียิ่งนัก
    อยากยลภักของน้องๆสักครั้งหนึ่ง
    มีความงามนอกในสักเพียงไร
    จะได้เก็บผ้าเอาไว้ดูต่างหน้า
    แทนบทกลอนของพวกเธอทุกๆคน
    เช้าสายบ่ายเย็นจะได้ไม่หงอยเหงา
    อ่านกลอนของพวกเธอใจชื่นบานเอย<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    เหตุใดเราจึงไม่ศรัทธา นายเกษม(บางคนเรียกหลวงพ่อ)
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->จอมโลกธาตุ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6775851", true); </SCRIPT>
    สมาชิก


    <!-- google_ad_section_end -->เมื่อมีพระพุทธเจ้า จึงมีพระเทวทัต มีพระเทวทัต จึงมีพระพุทธเจ้า แต่พระเทวทัต ก็ถูกพระพุทธเจ้าพยากรณ์ ไว้แล้ว สิ้นพระศาสนา ก่อนที่พระศรีอริยะเมตตรัย มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า กรึ่งกลางครึ่งหนึ่ง ของพระศาสนา องค์ปัจจุบัน กับในสมัยที่พระศรีอริยะเมตตรัยมาตรัสรู้ ท่านจะมาตรัสรู้ เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ๆ ตรัสครั้งหนึ่งมีจำนวนเป็นหมื่น แสนพระองค์ครับ ผมดูวีดีโอ ในทีวี ที่ออกข่าวกำลังดัง ออกทีวีแทบทุกวันตอนนั้นนะ สมัยพุทธเจ้ายังมีนักบวชประเภทนี้ สมัยนี้ยิ่งมีเยอะครับ พวกเดียถีอาศัยผ้าเหลืองหากิน และ สอนผิด ให้พวกพ้อง ยินดีตามกันมันก็ต้องไปด้วยกัน พวกนี้เป็นบริวารของพวกพระเทวทัต ผมเห็นตอน พระเกษม เอามือตบพระพทธรูป แล้วสลดใจมาก

    และสอนไม่ให้กราบพระพุทธรูป หาว่าเป็นอิฐปูน จริงๆแล้ว หินทรายปูนอิฐ ที่เขานำไปจะสร้างพระนั้น ยกมือสาธุและกราบไหว้ได้เลย บุญเกิดทันที ที่เคยสัมผัสมาดูไม่ยากสำหรับพระอริยะ ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป แค่กว่าววาจา ไม่เหมาะสม ท่านก็ไม่ทำแล้ว ตัวอย่างในสมัยพุทธกาล พระอินทร์ มาหา พุทธกุฏฐิ บอกว่า พุทธกุฏฐิ ถ้าเธอพูดว่า พระพุทธเจ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้า แค่เนี้ย เราจะทำให้เธอ หายจากโรคเรื้อน และให้บ้าน เงินทองมากมาย แต่พุทธกุฏฐิ ด่าพระอินทร์ ถ่อยถอยไป เราเป็นพระโสดาบัน ลูกของพระพุทธเจ้า ทำไม่ได้ จงถอยไปนี่ดูตัวอย่างให้ชัดๆ นะพวกเรา ถ้าลองสอนคนให้เป็นมิฏฉาทิฏฐิ มันพวกเดียวกับพระเทวกทัต ไม่ใชใคร แต่พระเทวทัต ท่านมีคติแน่นอนแล้ว


    พระเทวทัตอยู่ไหน ก็ไปที่นั่นแหละ ผมเคยอ่านประวัติ หลวงปู่หลุย ท่านบอก สมัยครั้งพุทธกาล ท่านไปเชื่อพระเทวทัต เลยไปเป็นบริวารของพระเทวทัต เลยไม่ได้มรรคผล แต่ต้องโดนเตะโด่งมาถึงกลางพุทธกาล จึงได้มรรคผลนิพานในชาตินี้ ท่านเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่มั่น <!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- edit note -->
     
  9. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ที่ผมกว่าวมาจะคลาดเคลื่อนวันเดือนปีก็ไม่มาก ที่เฮียปอตำมะลัง เอาตำราของหลวงพ่อฤาษีมา ถ้าทุกถ้วยคำไม่ผิดเลย นำมาเอ่ยทั้งหมด คือนั้นแหละ ถูกต้อง เพราะว่า สมเด็จพระศรีอริยะเมตตรัย ท่านฝาก บอกหลวงพ่อมาว่า คนที่จะไปเกิดในสมัยท่านนั้น ต้องทำอย่างไร หลวงพ่อฤาษี ท่านกว่าวไว้หมดแล้ว และตอนหลวงพ่อยู่นั้น ลูกศิษย์พระศรีอารย์ ถ้าจำไม่ผิด ที่มาเกิดในยุคนี้ แสนกว่า หรือสามแสนกว่านี่แหละ ผิดขออภัยครับ ไปหาอ่านเองครับผม ผมจะไม่อธิบายอีก และในคำตอบของคุณ

    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ DR-NOTH


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ๑ อสงขัยปีนั้น พระพุทธเจ้าคงมาตรัสรู้ ไม่รู้ กี่พันหมื่น พระองค์แล้ว ๑ อสงขัยนั้น มันนับไม่ได้คำนวนไม่ได้ เรียกว่าหนึ่งอสงขัย คำ ว่า ๑ กัป กับ ภัทรกัป มันก็ไม่เหมือนกันแล้วครับ แต่ที่ผมพูดแบบนี้ เหมือน คำว่า ทศวรรต์ มันแค่ ๕๐ แต่ถ้า สัตวรรต์ มัน ๑๐๐ มันแตกต่างกันอย่างนี้ครับ


    และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมได้เคยสัมผัส หลวงปู่หลวงพ่อที่เป็นพระโพธิสัตว์ ใหญ่ ทั้งพระและฆราวาส มาไม่น้อย ทั้งผู้หญิงผู้ชาย แม้แต่สัตว์เดรัชฉาน ที่เป็นพระโพธิสัตว์ ที่กล้ากล่าวเช่นนี้ เพราะไปสัมผัส ของจริงมา และไม่ได้แบกตำรามา ตำรา เป็นแนวทางเดิน ส่วนการปฏิบัติ เป็นหนทางของมรรคผล สิ่งใดที่พวกท่านรู้ แต่ผมไม่รู้ แต่สิ่งที่ผมรู้ ท่านยังไม่รู้อีกเยอะครับ ตำราเปรียบเหมือนดิน การปฏิบัติ เปรียบเหมือนฟ้า มันสวนทางกัน เหมือนคนเห็นผี บอกผีมี แต่ไอ้คนไม่เห็นผี บอกผีไม่มี มันถูกทั้งคู่ แต่ใครมันจะถูกที่แท้จริง นั่นต่างหาก คนปฏิบัต มันกีน เองชงเอง มันถึงรู้ทั้งสองอย่างไงครับ
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    วันนี้ติงเลี้ยงไอศกรีมเด็กๆที่โรงเรียนค่ะ
    (๔๔+๔๐+๓๘+๓๓+๒๕ คน) แล้วก็มีคุณครู และนักการบางส่วนด้วยค่ะ
    งบประมาณ ๒,๐๐๐ บาท
    ดูพวกเค้ามีความสุขมาก
    ท่านที่บริจาคเงินมา คงมีความสุขมากกว่า แถมได้บุญไปเต็มๆ
    (เงินส่วนนี้ เป็นคนละส่วนกับเงินบริจาคในกระทู้นะคะ)
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    สวัสดีค่ะพี่บุญทรง
    เลิงนกทาไม่มีฝนเลยค่ะ
    คงต้องรอพายุลูกใหม่ค่ะพี่
     
  12. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ โลน้อย [​IMG]
    แล้วพระกษิติครรภ์มีคู่บารมีหรือปล่าว แล้วคู่บารมีของท่านคือใครครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG][​IMG] นอกจากพวกพุทธภูมิด้วยกันที่มีบารมีมาก ถึงจะรู้ และเคยสัมผัสมา พวกที่ได้ญาณ ที่สูงๆ แต่พวกเทวดาพรหม ท่านจะรู้ ยิ่งกว่ามนุษย์ พระโพธิสัตว์ที่มีบารมีมาก ท่านทำหน้าที่ของท่านไม่ทัน พระโพธิสัตว์องค์ อื่นจะทำหน้าที่แทน ถ้าไม่งั้น บางที เทวดาหรือพรหม ทำแทนครับ ตัวอย่างพระแม่กวนอิม ท่านก็เข้านิพพานไปแล้ว แต่คนที่เจริญรอยตามท่านนั้นมีมากมายครับ บ้างก็ลาตาม บ้างก็ทำความปราถนาต่อไป ตำแหน่งนี้ เป็นตำแหน่งกลาง ใครก็สามารถเจริญรอยตามได้ครับ แต่จะสำเร็จหรือไม่ นั่นต่างหาก


    เหมือนตำแหน่งพระมหากษัตย์ ตำแหน่งพระอินทร์ ท้าวมหาราชทั้ง ๔ องค์นี้หมดบุญ องค์อื่นก็มาแทนครับ ตำแหน่ง นายกก็เหมือนกัน ไม่มีใครเป็นตลอดกาลตลอดสมัย หรอกครับ เป็นเทวดาหรือพรหม หมดบุญก้ต้องเคลื่อน เหมือนกันครับ ภาษามนุษย์ ชาติพันทธ์ต่างๆ ก็เรียกชื่อ เทวดาพหรมไม่เหมือนกัน จริงๆมันก็องค์เดียวกัน แต่จะเรียกชื่อว่าอย่างไรเท่านั้น พระพุทธเจ้า ท่านก็ไม่ซ้ำกันอยู่แล้ว แล้วแต่ ฝ่ายไหนจะเรียกอย่างไร เพียงแต่ ครูบาอาจารย์ สมัยนั้นๆ มาเปลี่ยนแปลงชื่อ ทีหลัง ยกตัวอย่าง เช่น ฝ่ายมหานิกาย เดิม กับฝ่าย ธรรมยุต พรึ่งมาเกิด สมัย ร. ๔ นี่เอง ฝ่ายมหายาน กับฝ่ายหินยาน ก็มาแยกกันทีหลัง


    พระพุทธเจ้า องค์เดียวกัน พ่อเดียวกัน ใครจะแยก แยะไป ก้เรื่องของเขา แหละ แต่ผู้ที่เขาถึง และผู้ทรงธรรม เขาไม่แบ่งกัน นอกจากคนที่นำคำสอน มาผิด หรือ แยกแยะไปอย่างอื่น พยายาม นำคำสอนคำของพระพุทธเจ้า ไปอย่างอื่น บิดเบือนคำสอน นั่น มันเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลเท่านั้น พวดพระโพธิสัตว์ เรื่องคู่บารมี มันมีอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก คนทำความปราถนา จะไปเป็นพระพุทะเจ้า มันก็ต้องมีคนไปอธิษฐานตามอยู่แล้ว แล้วพวกโพธิสัตว์ มีลูกมาก เมียมาก บางชาตินะ บริวารมาก บางที่ก็ต้องไปบำเพ็ญแต่ผู้เดียว เหมือนกัน ทุกๆพระองค์แหละ

    พวกพระโพธิสัตว์ต้องเรียน ถูก เรียนผิด ด้วยตนเอง แล้วเขาก็กลับใจ ตนเอง เพราะเขาต้องเรียนรู้ทุกอย่าง ต้องเป็นหมด เกิด อย่างใหญ่ไม่เกิดกว่าช้าง อย่างเล็กเกิด ไม่ต่ำกว่านกกระจอก นกกะจาบ คุยเรื่องนี้คุยวันก็ไม่จบครับ พวกนี้เมื่อบารมีแก่กล้า ท่านปรับตัวของท่านเอง เมื่อบารมีเต็ม ท่านก็ต้องรอคิว มาตรัสรู้ เพราะว่า พระโพธิสัตว์ มี ๓ ขั้น ๓ ชั้น ไม่มีเกิดกว่านี้ ปัญาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๔ อสงไขยกำไลยแสนกัป ศรัทธาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๘ อสงไขยกำไลย แสนมหากัป วิริยาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขย กำไลยแสนมหากัป [​IMG]
     
  13. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ปรารถนาพระโพธิญาณ
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->sutongperd<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6729559", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    <!-- google_ad_section_end -->
    ขออนุโมทนาสาธุครับ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ ผมนั่งฟังเทศ หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง ท่านเทศ ที่ศาลา พระพินิจ อักษร ทองดี ฝั่งโบสถ เอาแต่ใจความนะครับ ท่านกว่าวว่า ในสายของเรา ลูกหลาน พักพวก บริวาร ติดตามกันมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า ๑๐ อสงไขย กำไลยแสนกัป ท่านหยุดนิดหนึ่ง แล้วกว่าวว่าส่วนใหญ่ติดตามกันมา ๑๖ อสงไขย กำไลยแสนกัป ทุกคนทำความปราถนา พระโพธิญาณ กันมาแล้วทั้งนั้น เมื่อหัวหน้าลา ส่วนใหญ่จะลาตาม หลวงพ่อ กันมากมาย ที่ไม่ลาพุทธภูมินั้นมีอยู่ และสมบัติที่อยู่ ใต้ดินวัดท่าซุง ต่อไปในอนาคต จะไปเป็นสมบัติ ของพระเจ้าจักพรรดิราช ที่ไม่ลา

    ท่านบอก ถ้าลูกหลานที่ไปนิพานยังไม่ได้ อย่างน้อยท่านบอก จะช่วยสอนดึงลูกหลานไปอยู่สวรรค์ชั้น ดาวดึง ตอนสมัยพระศรีอริยะเมตตรัย มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ได้ฟังเทศจากพระองค์ ก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วไปนิพพาน ในชาตินั้นเลยครับ เป็นเทวดา กับพรหม ฟังเทศพระพุทธเจ้า สำเร็จมรรคผลง่ายกว่าเป็นคนครับ ตอนเช้าผมเอา ธูปเทียนแพร ใส่พานจะไปลา พุทธภูมิ ที่พระจุฬามณี เพราะฟังเทศจากหลวงพ่อเข้าใจแล้ว

    หลวงพ่ออยู่ตึกกลางน้ำ หลังพระจุฬามณี เมื่อถือพานแพร์มาถึง ไม่ไกลจากจุฬามณี พอดี พวกทหารกับคนขับรถ หลวงพ่อมาถึง ผม หลวงพ่อท่านเปิดประตู ไขกระจกรถลง แล้ว ตระโกนออกมาว่า เอ่อดีแล้ว ลูก เอ่อดีแล้วๆ ประมาณ ๓ ครั้ง แล้วท่านก็ปิดกระจกทันทีนี่เห็นไหม ท่านรู้ล่วงหน้า โดยที่ผมก็ไม่รู้ ว่าท่านจะมา เพราะท่านจะเข้าไปที่ตึก ริมน้ำ ทุกวัน ไปฉันอาหารด้วยครับ และพักผ่อนเมื่อถึงเวลา ท่านจะไปรับแขกที่ตึกรับแขกครับ และปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ปีที่หลวงพ่อบวชให้พวกเรา รุ่นเดอะ อ.เล้กวัดท่าขนุน ก็รุ่นเดียวกันครับ ด็อกเตอร์ ปริญญา พ.อ. แดง วิชชุพัน ยังไม่ลา ทั้งหมด ประมาณ ๓๐ คนที่บวชตอนนั้นครับ ผมได้ ฉายา ว่า พระสุธัมมะวิริโย ผมนึกในใจ ไม่อยากได้ ฉายานี้เลย ความเพียรนำหน้า อยากได้ ฉายา พระสุธัมมะปัญโญ แต่ ฉายานี้ เป็นของ หลวงพี่ อ. เล็ก วัดท่าขนุน ผมน่ะอยามีปัญญามาก กับไม่ได้ คิดในใจว่า ปีหน้า ถ้าได้ บวชใหม่ กูไม่เอาแล้ว ฉายานี้ ท่านที่เคารพ เชื่อไหม หลวงพ่อพูดออกมาทันฟวัน บอกว่า บัญชา ถ้าปีหน้า ใครบวชอีก ให้ใช้ฉายาใคร ฉายามัน ผมถึงกับสดุ้งเลยครับ

    และตอนไปธุดงค์กับหลวงพี่ อ. เล็ก ท่านบอกว่า ทุกคนที่บวช ๓๐ องค์ตอนนั้น หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า องค์สมเด็จ ท่านบอกตรง ที่เราเคย บำเพ็ญมาแต่อดีดชาติครับ จึงหายสงสัย ถึงบางอ้อเลยครับ งั้นเราถึงได้เป็นแบบนี้ สมแล้ว ที่องค์สมเด็จตั้งตรง ให้หลวงพี่ อ.เล็ก พระสุธัมมะปัญโญ ท่านมีปัญญามากจริงๆ ผมอยุ่กับกระเหรี่ยง เป็น ปีหลายปี ไม่รู้จักชื่อใคร แต่หน้ารู้จัก หลวงพี่ท่านไปวันเดียน รู้จักชื่อ ไม่รู้กี่ คนดีกว่าผม อยุ่ตั้งหลายปี และท่านไปเรียน วิชาทำตะกลุดกับ หลวงปู่เนป่อง กระเหรี่ยง พระคาถา หรือไงนี่แหละ ไม่ต้องจดเลย แค่ท่านปู่เนป่องท่องให้ฟัง ๓ เที่ยว ท่านจำได้เลย แหมถ้าเป็นเราผมว่า ต้องจดใส่กระดาษ ท่อง หลายชั่ว โมง กว่าจะได้ นี่ความจำของท่านเป็นเลิศ และมีปัญญาจริงๆ สัมผัสมาอีกเยอะ เล่าแค่นี้แหละครับ


    พอหอมปากหอมคอ นี่แค่เกร็ดนิดๆเท่านั้น เรื่องจริงที่เด็จๆมีมากมาย เล่า ๒ วัน ๒ คืนไม่จบหรอกครับ:cool: อ้อลืมไปครับ หลังจากนั้นไม่นาน ผมจึงเปลี่ยนคำอธิษฐานใหม่ บุญกุศลที่ข้าพเจ้าทำมาแล้วตั้งแต่อดีดถึงปัจจุบัน ขอคำว่าไม่มีจงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้า มีความคล่องตัว โดยฉับพลัน มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีปัญญาดี หายจากโรคภัยไข้เจ็บมีอายุยืนยาว ได้ดวงตาเห็นธรรม ทั้งอิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์ ปัญญาฤทธิ์ ได้เกิดแก่ข้าพเจ้าโดยฉับพลัน และเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ ในชาตินี้จะถึงหรือไม่ถึง ชาติหน้าก็ต้องถึง สักวันคงเป็นของเราครับ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2012
  14. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ช่วงนี้วุ่นวายอยู่กับการตัดเกรด ไม่ค่อยได้เข้าเว็บเลยค่ะ
     
  15. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ต้องมีพระพุทธเจ้ากี่พระองค์ ถึงจะพอ
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->banana366<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6790957", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    <!-- google_ad_section_end -->
    ทำความดีให้สุดขั้วหนีชั่วให้สุดขีด ใครก็ตาม บอกว่าไม่มีบารมี ให้กำลังใจครับ ในเมื่อตัวเองบอกไม่มีบารมี ก้เริ่มทำแต่วันนี้ ทำมันทุกเรื่อง ทำมันทุกอย่างที่จะทำได้ โลกนี้เขาสร้างอะไร ทำอะไรให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม ส่วนรวม บ้าง ทำด้วยแรงกายแรงใจ และด้วยกำลังทรัพย์ ผมเริ่มต้นด้วย ศูนย์ และนับ ๑-๒-๓-๔-๕ จนถึงนะปัจจุบัน นี้ ไม่ว่าทั้งทางโลกและทางธรรม สิ่งใดท่านรู้แต่ผมไม่รู้ สิ่งใดผมรู้พวกท่านไม่รู้นั้นมีอยู่ ทุกคนต้องโง่มาก่อนทั้งนั้น มาเรียนรู้ และหาประสพการณ์ ด้วยตนเอง มีพ่อแม่ให้กำเนิด เป็นครูอาจารย์ก่อนใครๆ และมีครูอาจารย์ต่อจากพ่อแม่ รองลงมา ที่ประสิทธิประสาท ความรู้ต่างๆให้ รู้สัพพระวิชาต่างๆ หลายแขนง

    และใครจะศึกษา และทรงตำหรับตำราได้มากกว่ากันครับ และเมื่อฝึกฝนตนดีแล้ว พวกท่านที่ให้ทาน รักษา ศิล เจริญภาวนา ตามขั้นตามสติปัญญา ความสามารถ ย่อมไม่เสมอกัน ทางโลก สามารถ ที่จะเรียนตามกันได้ และทัน ทางธรรม สามารถ ที่จะเรียนจบ และเกิดสั้นลง แต่บุญวาสนา บารมี ต้องทำ มันทุกอย่าง และสะสมมาพอควร ไม่มีแต่ก็สร้างกันใหม่ได้ คำว่า อ้างว่านั่นนี่ต้องไม่มี ถ้าเราไม่ทำ มันก็ไม่เกิดประโชน์อะไร ท่านที่มีบารมีมาก ท่านทำมาดี แต่เราก็ทำตามท่านได้ และสร้างกันใหม่ได้ คำว่า สายนั้น มันไม่มีสำหรับทุกคนครับ ทำแต่วันนี้ เดี๋ยวนี้ครับ ทุกท่านก็จะมีบารมี ไปตามขั้นตอน ตามวาสนาบารมี ที่ตนสร้างมานั่นเองครับ ไม่มีใครมาสร้างให้เราได้ นอกจากตัวเราเท่านั้นครับ ผู้อื่น ได้แต่บอก แต่การกระทำ คือเราต่างหาก เหมือนคำของพระตถาคต เราเป็นผู้บอก ส่วนการกระทำนั่น เป็นของเธอ จะทำหรือไม่เท่านั้นเองครับ <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  16. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ banana366 [​IMG]
    พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช

    “…พวกเราไม่เท่าไหร่หรอก
    คนที่เขาไม่ได้ศึกษาธรรมะพวกนี้น่าสงสาร
    เขาไม่โง่ แต่เขาไม่มีโอกาสได้สัมผัสธรรมะ
    ถ้าเขามีโอกาสสัมผัสธรรมะ
    เขาก็อาจจะทุกข์น้อยลง

    อย่างพวกเด็กวัยรุ่น
    พวกนี้เป็นเหยื่อของผู้ใหญ่
    เป็นเหยื่อ หาเงิน หากับเด็กนะหาง่าย
    เด็กมันใช้เงินเก่ง มันไม่เคยหาเงิน
    งั้นก็ทำอะไรไปซึ่งมันดูแล้ว
    ไม่มีสาระแก่นสารอะไรเลย
    สนุกเฮฮาไปวันนึงๆ

    พวกเราวันนึงเราต้องไปช่วยเขา
    พวกเราภาวนาให้ดี
    แล้วเราก็ช่วยกันประกาศธรรมะออกไป
    เหมือนหลวงพ่อเป็นเทียนเล่มนึงนะ
    เราต่อเทียนให้พวกเราทุกๆคนไป
    วันนึงพวกเราไปต่อเทียนให้กับคนอื่นเขาอีก

    หน้าที่ของชาวพุทธ
    เรารักษาสืบทอดพระพุทธศาสนากันมา
    เรารักษากันมาอย่างนี้แหละ
    มาหลายรุ่นหลายสมัยแล้ว
    ตั้งสองพันห้าร้อย สองพันหกร้อยปีมาแล้ว
    รู้แล้วบอกต่อ ต้องรู้ก่อนนะแล้วบอกต่อ
    ไม่รู้แล้วบอกต่อก็เยอะ บอกเขาผิดๆ

    คำว่ารู้ รู้แค่ไหน
    เคยมีคนไปตั้งคำถามหลวงปู่เทสก์
    ว่ารู้แค่ไหนถึงจะบอกต่อได้
    ต้องเป็นพระอริยะไหม
    เป็นปุถุชนนี่บอกธรรมะคนอื่นได้ไหม
    ท่านเปรียบเทียบให้ฟังนะ
    บอกหมอ หมอบางคนนะ เป็นโรคนะ
    ตัวเองเจ็บป่วย รักษาคนอื่นได้ไหม

    หมอที่ป่วยเนี่ย ยังรักษาคนอื่นได้นะ
    งั้นพวกเรา จิตใจพวกเรายังมีเชื้อโรค
    ยังมีกิเลสตัณหาอยู่ แต่ถ้าเรารู้วิธีรู้หลัก
    เราบอกเท่าที่เรารู้นะ อย่าบอกเกิน
    อย่าบอกเกิน ถ้าบอกเกินแล้วจะเพี้ยน

    ก็ไม่ต้องพยามคิดทฤษฎีอะไรใหม่ๆ
    คิดขึ้นมาก็เพี้ยนนั้นแหละ
    เป็นสัทธรรมปฏิรูปหมด
    ธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอนนั้น
    มันสมบูรณ์อยู่แล้ว
    เราไม่ต้องไปคิดธรรมะใหม่ๆขึ้นมา
    ถ้าจะคิดขึ้นมา ก็คิดแค่วิธีถ่ายทอดธรรมะของเก่า
    เนี่ยวิธีต้องใหม่ วิธีต้องสด
    วิธีเผยแพร่ธรรมะเก่าๆไม่ได้ เก่าๆมันตาย
    ธรรมะก็จะตายตามคนสอนไปด้วย…”


    จากไฟล์เสียง หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG][​IMG] ดีครับโมทนาสาธุ ในสมัยครั้งพุทธกาล พระอาจารย์เป็นปุถุชน แต่ สอนลูกศิษย์ ให้ได้จบกิจในพระศาสนา เป็นพระอรหันต์ แต่อารย์ยังทรงพระไตร ปิฏก แต่พระพุทะเจ้า เรียก เถรใบราณเปล่า ตอนหลัง ลูกศิษย์ ไปทรมาร นิดหน่อน ในด้านทิฏฐิ ให้ลดทิฏฐิลง ตอนหลังจบกิจเป็นพระอรหันต์ เยอะแยะครับ

    ผมเห็นในปัจจุบัน สอนผิดๆกันเยอะแยะ เห็นแล้วทำให้สลดใจยิ่งนัก จึงเข้ามา คอมเม้นบ้าง แต่ก่อน ไม่อยากสนใจ ขอให้มันตาย พร้อมกับเราดีกว่า เพราะผมเองยังไม่ได้ มรรคผลอะไรไง จึงไม่อยาก สนใจอะไร แต่เมื่อดุคน ที่สอนผิดบ้าง หรือแค่มีความรู้เฉยๆ ไม่เคยปฏิบัติก็มี เลยคิดเข้ามาคอมเม้น ในกระทู้ต่างๆ

    เพราะความรู้ที่ได้มานั้น อาศัยประสพการณ์ เหตุการณ์ ที่เกิด และศึกษาตามครูบาอารย์ต่างๆ และที่ได้ความรู้มาก ไม่อยากเอ่ยถึงท่านเพราะว่า คนไปปรามาส เข้า เขา จะมีแต่ทุกข์ จึงไม่อยากเอ่ย ถ้ากระทู้ไหนมี สายสิษย์เดียวจึงเอ่ย เมื่อก่อน ยิ่งเอ่ยไม่ได้เลย เพราะคนไม่ชอบครูบาอารย์เรานั้นมีอยู่ จึงไม่อยากเปิดเผย แต่เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เขายอมรับกันเยอะแล้ว แต่ยังมีนะ ที่ยังแอนตี้อยู่[​IMG]
     
  17. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ทำไมทำดีถึงไม่ได้ดี ตอนที่ ๑
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->siwasak<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6790574", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    ดีครับมีประโชน์ มาก ขอให้กำลังใจ ความดีและความ ชั่ว ขอยืนยัน ว่าถ้าทำมาดีแล้วพอสมควร มันก็จะให้ผลในชาตินี้ แน่นอนทั้ง ดีและชั่ว กรรมชั่วและดี มันให้ผลผมมาทั้ง สองแบบ มากมาย และไม่สามารถมากว่าวในที่นี้ได้หมด จึงจะเอ่ย มาเป็นอุทาหรณ์ บ้างบางอย่าง ให้คนที่ทั้ง กระทำความดี และกระทำความชั่ว ให้ผล ในปัจจุบัน กรรมบางอย่างให้ผล ในไม่กี่เดือน ไม่กี่ปี หรือ หลายๆปีจึงจะให้ผล กรรมที่ให้ผลในชาติหน้า ผมจะไม่เอ่ย เพราะยังไม่ได้รับกรรมนั้นๆครับ

    กรรมชั่วที่ทำ รวมๆ มากมายในชาตินี้ หาปลาเป็นอาชีพ อยู่หลายปี วันบางครั้งหาได้ เป็นครึ่งตะข้อง เป็นกะบุงบ้าง เป็นกะป๋องบ้าง ปลาร้า กะปิเมื่อก่อนหาได้ไว้กินหน้าแล้ง ปีหนึ่ง เป็นสิบๆไห ไอ้ที่ขายเป้นๆไม่คิด น่าฝนๆตกลงมา ไปหากบ หักขายัดใส่ตะข้อง ปักเบ็ด จับเขียดมา เอาตะขอเสียบหลัง แล้วไปละเบ็ด บางตัว ถึงเช้า ปลายังไม่กินปลาเสียบเบ็ดก็มี มันทรมารแค่ไหนล่ะ หลับตานึกดูกันครับ เลี้ยงเป็ดเป็นพันๆตัว ส่งโรงเชือด ไม่รู้กี่ปี ไก่ ก็เหมือนกัน ห่าน หมูเนื้อ ทั้งเป็นลูกจ้างและเลี้ยงเอง เป็นอาชีพ สัตว์อีกหลายชนิด เคยฆ่า แต่ไม่ใช่สัตว์ใหญ่ครับ ในชีวิตผม ไม่เคยเลี้ยง แพะแกะ ช้าง ตั้งแต่ม้าลงมาเลี้ยงมาหมดแล้วครับ ที่เล่ามาเหมือนนิยายครับ แต่เป็นเรื่องจริง ทีเกิดขึ้นมาแล้วครับ กับผม คนนี้ครับ งานทำมาแล้ว ๑๐๐ กว่าชนิดครับท่านทั้งหลาย

    ที่เอ่ยมามันเป็นยังไง ที่ให้ผล และยังไม่ให้ผล เวลาผมป่วย โรคบางอย่าง หมอตรวจไม่เจอก็มี เวลาเจ็บคอ มันนึกถึง ปลาที่กินเบ็ดครับ ผมป่วยเจ็บหลัง ณ ปัจจุบันยังไม่หาย เป็นมานานแล้ว ๓๐ กว่าปี บางครั้ง ทรมาร บอกไม่ถูกเลยครับ เหมือนเอาเบ็ต ไปเสียบหลัง เขียด ไว้ก้ไม่ปานครับ รักษาทั้งหมอ ปัจจุบัน หมอโบราณ หมอนวด หมอน้ำมนต์ หมอไสยศาสตร์ เดี๋ยวนี้ ผมใช้ธรรมมะ รักษาใจ ครับ ใช้ใจพิจรณาอยู่เนืองๆครับ และใช้ใจยอมรับ ว่าเป็นกรรมของเราที่ทำมา ไม่ยอมรับ ก็ต้องยอมรับครับ ยอมรับแห่งตามความเป็นจริง แต่บางที มันก็ทำใจยากครับ ท่าน ไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆเลย จิตมันคอยตะแบงอยู่เรื่อยครับ อืมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    มาว่าต่อครับ ตอนผมบวชอยู่จังหวัดนครปฐม วัดสระสี่เหลี่ยม ต.ดอนรวก ต.ดอนตูม จ.นครปฐม เอาแค่ค่าวๆครับ ผมไปว่าคนที่บวชเวลาใกล้เคียงกัน คนดีๆนี่แหละเวลาบวชปุ๊บ วันรุ่งขึ้น อยู่คนเดียวก็หัวเราะร้องไห้ พูดคนเดียว ไปเอาของคนอื่นไปทั่ว หยิบโฉยโอกาสของผู้อื่น ไม่รู้รู้ของใครเป็นใคร อยู่มาอีกวันหนึ่ง แกมาเอา ของผมไป ปากผมน่ะพูดเร็วไปหน่อย นี่ขาดจากความเป็นพระแล้ว ผมว่าแกนะ เที่ยวเอาของเขาไปทั่ว แต่เราก็สลดใจ ที่ว่าไป และได้พิจรณาว่า ไปว่า คนที่บวช แล้วจิตวิปลาศ ไปปรับอาบัติ นั้นไม่ได้ ลืมข้อนี้ไปครับ ทำอะไรไป พระพุทธเจ้าท่านไม่ปรับโทษครับ มาตอนหลัง มีพระลองเจ้าอาวาสในสมัยนั้น ใช้ด้ามจอบตีคอแก ตีตามตัว ทั้งเตะ ทั้ง ต่อย ทั้งถีบ ไม่เป็นอะไรเลย แกได้แต่ร้องไห้ น่าสงสารครับ ผมยิ่งสลดใจใหญ่ เมื่อเห็นคนสติไม่ดี และนักบวชเลวๆ ทำเช่นนั้นเข้า ผมจึงไปลาท่านเจ้าอาวาส เพื่อไปอยู่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบ และยังไม่ทันไปครับ คนนี้ได้ศึกลง แกบวชอยู่ประมาณ ครึ่งเดือนเห็นจะได้ เชื่อไหมเมือศึกเป็นฆราวาสแล้ว แกไม่เป็นอะไรเลย สภาวะปรกติทุกอย่างครับ นี่คงกรรมของแก ทีบวชอยู่ไม่ได้ จิตวิปลาส

    เมือผมมาอยู่ปราณบุรี เมื่อผมเจริญสมาธิจิตสงบ ถึงที่พอสมควร อยุ่ๆ มารมาบอกผมว่า มึงขาดจากความเป็นภิกษุ แล้วจริงๆ ผมเคยเล่าเรื่อง ในกระทู้ของคน โดนมารหรอกมาแล้วครับครั้งหนึ่ง ละเอียดหน่อย นี่กรรมห่างกันแค่ไม่กี่เดือนเอง ไม่ถึง สามเดือนด้วยซ้ำไป ครับแค่นี้ก่อนครับเดี๋ยวมาว่าเรื่องกรรมดีต่อนะครับ จริงๆยังมีอีกเยอะครับเรื่องกรรมชั่วให้ผลในปัจจุบันครับผม<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- edit note -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
  18. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ล้อเล่น [​IMG]
    ท่านพี่ทรง....ไฉน........ใยเก็บผ้า
    ดูต่างหน้า.....จำได้.......อย่างไรหนอ
    น้องน้องนี่.....เป็นโขยง..โยงไม่พอ
    จำได้หรอ......ผ้าใคร.....ไหนคนครอง....55555
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    [​IMG][​IMG] ฮาฮา..ฮ่าฮ่า..ฮ้าฮ้า สนุกจ้า
    โอ้น้องล้อเล่นเห็นพี่เป็นไฉน
    ผ้าของน้องทุกคนคงจำได้
    ต้องมีผืนหนึ่งชอบใจดีนักหนา
    น้องล้อเล่นว่ากลอนมาพี่ชอบใจ
    ได้หัวเราะร่าเริงขบขันนัก
    ใจสบายชั่วขณะเมื่อได้อ่าน
    เมื่อเข้ามาในกระทู้ที่ได้เห็น
    เห็นทุกคนสบายจิตหายคลายเหงา
    เห็นทุกคนเริงร่าสบายใจเอย [​IMG]


    [​IMG] ฮาฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ [​IMG]
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    วันนี้เว็บพริ้วมากนะคะ
    ต้องขอบพระคุณท่านเว็บสโนว์และทีมงานทุกๆท่านค่ะ
    ท่านทำงานหนักเพื่อสมาชิกจริงๆ
     
  20. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ทำไมทำดีถึงไม่ได้ดี ตอนที่ ๒
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->siwasak<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6790574", true); </SCRIPT>
    สมาชิก


    ผมขอบอกเลยครับว่าผมนั้นมาจาก ศูนย์ แล้วนับหนึ่ง ๒-๓-๔-๕ -๖-๗-๘-๙ เมื่อก่อนผมทำบุญแค่ ๑ บาท ๕ บาท ๒๐ บาท ผมน้อยใจ ตัวเอง เห็นคนอื่นเขาทำบุญ เป็น ร้อย เป็น พัน เป็นหมื่น เป็นแสน แต่ไอ้เราเสือกเกิดมาจน มันมีน้อยก็ต้องทำแต่น้อยครับ เลยต้องเริ่มปรง อนิจจัง ผมเก็บความขมขื่นอดสู มาถึง ๒๐ กว่าปี ตก ๓๐ ปี ที่คุณเล่ามามันแค่จิ๊บๆครับ แต่มันก้หนักสำหรับคุณครับ ผมเริ่มทำบุญมาตั้งแต่ อายุไม่ถึง ๒๐ ปี สมัยผมอยู่กับท่านแม่ท่านพ่อนั้น ผมไปทำบุญกับท่าน ที่วัด เฉพาะวันพระ หรือวันสำคัญในทางพระศาสนา และไปกับท่านย่าผม นี้แกปราถนาเวลาทำบุญ ประกาศต่อหน้ามหาชน ทำบุญครั้งใด ขอให้ทันพระศรีอาริยะเมตตรัย

    มาว่าต่อครับ ใกล้ พ.ศ. ๒๐ ผมเริ่มเลิกหาปลา มีบ้างบางครั้ง จากการด่าว่าจากท่านพ่อ ว่าปลาปู มันเป็นอาหารของเรา จึงทำด้วยความจำใจบางครั้ง เพราะเราก็ทำมามากแล้ว จึงจะเลิก ถึงจะเริ่มปฏิบัติธรรมก่อน พ.ศ ๒๐ ก็ตาม มันเหตุปัจจัย การเงินและงานครับ เพราะท่านพ่อยากจนมากจริงๆ มีลูกถึง ๘ คน ชาย ๔ หญิง ๔ คน รวม ๘ คนพอดีครับ ผมต้องออกรับจ้างงานต่างๆ เพือหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ซื้อข้าวปลาอาหาร พ่อท่านมีลูกมาก จึงยากจน แต่ท่านเป็นคนขยัน ผมต้องทำงานทุกอย่างที่ฝางหน้า เดี๋ยวกับมาเล่าทีหลัง ว่าทำงานอะไรมาบ้าง เล่าถึงเรื่องทำบุญเลยดีกว่า ว่าเป็นตอนๆไปครับ เรื่องของผมสามารถ เขียนเป็นหนังได้หลายเรื่องเลยครับ พ.ศ.๑๙ ผมบวชเณร ๑ พรรษา พ.ศ.๒๒-๒๓ บวชพระ ๒ พรรษา พ.ศ.๓๐ หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง บวชให้ บวช แค่ ๑๕ วัน ต่อมา พ.ศง๓๕ บวชพราหม์ ไว้นวดเครา ตก ๒ ปี และมาบวชเณร สร้างโบสถ ป๊ ๓๗ วัดบ้านกล้วย อ.ด่านช้างจ.สุพรรณ และไปสร้าง กุฏิ สำนักสงฆ์ อีก ๔ หลัง ศาลาใหญ่ช่วยแม่ชีสร้าง ที่ตะเพินคี่

    หมู่บ้านกระเหรี่ยง ปลายปี ๓๘ สึก ออกมาแล้วบวชพระงาน ธุดงค์วัดท่าซุง อีก ๙ วัน การบวชของผมแต่ละครั้ง เพื่อหาทางพ้นทุกข์ เมื่ออยู่ไม่ได้ ถอยหลังออกมาตั้งหลักก่อน มีกำลัง ก็ออกวิ่งต่อครับ และทำไร่นาสวนผสม ๓๐ ไร่ เอาผัก ชนิดต่างๆมาวัดท่าซุง เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า ๑๐ ปีเป็นอย่างน้อย ครั้งละ ๒-๓ คันรถทุกปี ผมใช้แรงกายที่มีอยู่ อย่างไหนไม่มีผมจะซื้อเอามาวัด และผมเคยเอาของโดยบอกบูญแถวกรุงเทพ นครปฐม และหลายๆที่ เอาไปแจก ชาวเขาหลายที่ เสื้อผ้าอาหารของใช้ ต่มแท๊งน้ำ และเคยนำผ้าป่ากฐิน บอกบุญ ไปวัดแถวอิสาน เหนือ ภาคกลาง และสร้างพระใหญ่พระเล็กมากมาย ที่ท่านบอกบุญมา และตอนนี้ไม่ค่อยรับแล้ว นอกจากไปทำเองด้วยใจ และเมื่อปี ๔๙ ทำบุญกฐิน ๔๙ วัด ก่อนนั้นอย่างดีก็ ไม่ถึง ๑๐ วัด ตั้งแต่ ๔๙ มา พ.ศ. ๕๐ เริ่ม๑๐๐ กว่าวัด จนมาถึงปี ๕๔ ร้อยกว่าวัดบ้าง ๒๐๐ วัดบ้าง และมาปีนี้ เกือบ ๔๐ วัดแล้วครับ

    ตั้งแต่ พ.ศ. ใกล้ ๕๐ บุญเริ่มให้ผลผมแล้ว แต่ก็รับวิบากบ้างครับ จากที่เคยทำบุญ น้อยๆ ๑ บาท ๕-๑๐-๒๐ บาท เพิ่มมาเรื่อย ๕๐-๑๐๐-๑,๐๐๐-๑๐,๐๐๐บาท และได้ถวายรถเก๋ง วัด ในพระศาสนา และถวายที่ ๒๐ไร่ ให้แก่วัด บ้านกล้วยเป็นสมบัติพระศาสนา ได้สร้างพระ ๘,๔๐๐๐ องคืบรรจุไว้ใต้ฐานพระ และสร้างพระให้ วัด ก .ม. ๘ อีก หมื่นกว่าองค์ และร่วมบุญสายพระกรรมฐาน เหนืออิสาน อีกนับเป็นร้อยๆวัด พระใหญ่พระเล้ก ตั้งแต่ เล็กถึงพระใหญ่ถึงหน้าตัก ๓๐ วา ๖๐ เมตร ร่วมบุญ ๑๐๐บาท ๕๐๐บาท๑,๐๐๐บาท ตามกำลังทรัพย์ทีมีอยู่ ยังมีอีกเยอะครับ นี่เล่ามาแค่เศษๆเท่านั้นครับ ละเอียดไม่ได้ พิม วันไม่จบครับ


    ไม่ได้อวด แต่ผมมาจากศูนย์จริงๆ ณ วันนี้ ผมยังสร้างพระที่สำนักสงฆ์เขาขจี อ.สว่างอารมย์ จ.อุทัยธานี ร่วมกับท่านเจ้าอาวาส และใช้รถ ประสานงาน หาพิมพระมาสร้าง หมดเงินไปหลายหมื่นเฉพาะผมนะครับ ตอนนี้ยังไม่เสร็จครับ ตั้งแต่ องค์ ละ ๑๐ ศอก ๕ ศอก ๔ ศอกอีก ๑๑ องค์ครับ มันก็สมใจปราถนามาพอสมควรครับ ที่เคยน้อยใจมานานครับ และน้อยใจในชีวิตตัวเอง แต่ผมมาได้สติทีหลัง ย้อนกลับไปดูผลงานแล้ว มันยิ่งใหญ่สำหรับเราครับ ที่เรามีโอกาศได้ช่วยตนเอง พระศาสนา ชาติ พระมหากษัตย์ โดยไม่แคใครอีกแล้ว ผมโดนอุปสรรคมานับไม่ถ้วน นับจริงๆนะถ้วน แต่ใช้คำพังเพยให้ฟังครับ ที่เล่ามานี้ นิดหน่อยเองครับ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...