ปิดรับบริจาค เชิญร่วมอนุโมทนาแด่ทุกท่านที่ร่วมเป็นเจ้าภาพตั้งโรงทาน ณ สำนักสงฆ์ภูสูงเจริญธรรม

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย ติงติง, 5 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ปราถนาเป็นโพธิสัตว์ต้องเตรียมตัว
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->มนตะระเทวะ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6740359", true); </SCRIPT> :cool:
    สมาชิก
    <!-- google_ad_section_end -->
    ผมขอต่อยอดเลยนะครับ ผมไม่ได้แบกตำรามา แต่ใช้ดุจพินิจ และประสบการณ์ที่มีอยู่ แต่ให้ใช้เหตุผลดู ไม่ให้เชื่อ จนงมงาย และไม่ให้ ปฏิสธ ให้วางใจไว้ ๕๐-๕๐ ก่อน แล้วพิสูตรได้เมื่อไหร่ ค่อยเชื่อ จึงพอเป็นลูกศิษย์ ตถาคตได้บ้าง แต่ยังไม่แท้ แค่นับถือ แต่ถ้าได้ถึงแก่นนั่น ถึงจะเป็นลูกท่านแท้ๆ ผมเองก็ยังเป็นลูกไม่แท้ ยังมีขึ้นมีลงครับ จริงๆแล้ว พระแม่กวนอิม เป็นามกลางๆผู้ที่จะเจริญรอยตามพระองค์ท่าน เท่านั้น ตัวจริงท่านได้ ได้เข้านิพพานไปแล้ว ซึ่งครูบาอาจารย์ได้กว่าวเอาไว้ ไม่ขอมาเอ่ย ถ้าเอ่ย คนไปปรามาสเข้า หรือเอามาเหยียบย่ำ จะมีโทษหนัก เมื่อท่านเข้านิพพานแล้ว บรรดาลูกศิษย์ หรือผู้ปราถนา พระโพธิญาณ บ้างก็ลาตามท่าน บ้างก็ทำความปราถนาต่อ มีมากมาย ที่เจริญรอยตาม


    ผมรู้จักกับหลวงพี่กฤษณะองค์หนึ่ง ท่านบวชอยู่วัดสระสี่เหลี่ยม ต.ดอนรวก อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ไม่เจอท่านนานแล้ว ว่าอยู่วัดนั้นหรือเปล่า ท่านพูดกับผมว่าท่านจะดำเนินรอยตามแทนพระแม่กวนอิม ท่านเคยพูดต่อหน้าหลวงปู่ครูบาวงค์ อ.ลี้ จ.ลำพูน ว่าท่านจะขอทำแทนพระแม่กวนอิมเองครับผม เรื่องอย่างนี้ มันมีในสมัยครั้งพุทธกาล เวลาพระพุทธองค์เปิดโลก มนุษย์เทวดาพรหม สัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัชฉาน จะมองเห็นกันหมด ทุกคนเห็นความอัศจรรย์ ของพระพุทธเจ้า ใครๆก็อยากจะเป็นพระพุทธเจ้า บ้าง ท่านกล่าวว่า แม้แต่มดแดง มดดำ มดต่างๆสัตว์นรกต่างๆ มนุษย์ ทำความปราถนา เป็นพระโพธิสัตว์เป็นอันมาก พระพุทธองค์ ตรัสรู้ ครั้งหนึ่ง จะเปิดโลกได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะมันเป็นกฎตายตัวของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

    เมื่อทำความปราถนาแล้วใครจะทำสำเร้จหรือไม่นั่นเป็นเรื่องหนึ่งอีกต่างหาก เหมือนในยุคปัจจุบัน หลวงปู่หลวงพ่อได้ลามาเป็นพระสาวกกันเป็นแถว มากมาย ไปหาอ่านดูได้ มีหลายพระองค์ ในยุคปัจจุบันนี้ครับ ส่วนใหญ่ที่ลากันมาก็จะบารมีใกล้จะเต็มหรือเต็มแล้วครับ พระโพธิสัตว์ แต่ละองค์ หรือลามาเป็นสาวกแล้ว ท่านแบกของจริงมาเป็นตำรา และใช้ตำราเป็นแนวทางในการปฏิบัติ พวกนี้ต้องเรียนผิดเรียนถูกด้วยตนเองเสมอมา สำหรับพวกบารมีเข้มข้นนะ ถ้ายังอ่อนป้อแป้อยู่ ถ้าบารมีต้น ผิดเสียส่วนใหญ่ ถ้าคนขึ้นสวรรค์ก็ขึ้นด้วย บางครั้งทำผิดมากๆ ก็พาพวกบริวารไปลงนรกด้วยกัน เพราะมันเชื่อกัน ก็ต้องไปด้วยกัน ที่เคยสำผัสมาพวกนี้ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ ถ้าลองไม่เชื่อแล้ว เถียงหัวชนฝา ถูกหรือผิดกูไม่สนก็มี เป็นมิฏฉา ทิฏฐิ ไปเลย ที่คุณว่ามา ผมอ่านดู มัน่นาจะอยู่ในขั้นของ ปรมัตเสียส่วนใหญ่ ถ้าบารมีต้นยังอีกนาน บารมีกลาง ก็ดีขึ้นมาหน่อย ถ้าปรมัตถบารมีนี่ ฉลาดมาก เก่งทุกเรื่องเรื่องแหละ เพราะต้องฝึกมาทุกอย่าง เขาเรียกกินเองชงเอง เสียส่วนใหญ่ ถ้าถึงปรมัตแล้ว เริ่มเป็นมหาแปลว่าใหญ่ ถ้าเต็มเปรี่ยม รอคิวมาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า เขาเรียกว่ามหาโพธิสัตว์ ใหญ่

    พระโพธิสัตว์ก็มี ๓ แบบ ๓ ขั้น ๓ ชั้น ต้น กลาง ปลาย ปัญญาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๔ อสงขัย กำไลยแสนมหากัป ศรัทธาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๘ อสงขัยกำไลยแสนแสนมหากัป วิริยาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงขัยกำไลยแสนมหากัป มี ๓ แบบนี้เท่านั้น พระโพธิสัตว์ ที่เรียงคิวบารมีเต็มแล้ว มีจำนวนเป็นแสน พระองคื แล้วที่ยังป้อแป้อยู่ละ นับถ้วนหรือเปล่าไม่รู้ครับ กลางอีกล่ะ ถ้าคุยกันเป็นวันคงไมจบแน่นอนครับ มันมาก จริงๆ ที่จะอะบาย ใช้เวลามากครับ มีโอกาศจะเข้ามาเสริมครับตอนนี้ขอตัวก่อนครับ<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->
     
  2. น้ำใสไหลเย็น

    น้ำใสไหลเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +4,452
    แวะมาร่วมอนุโมทนาด้วยค่ะ คุณติงติง

    เสียดายไม่ได้ไปร่วมงานด้วย
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ขอบคุณมากนะคะ ที่กรุณามาร่วมอนุโมทนาบุญ
    ติงมีความสุขและปิติมากๆค่ะ เป็นอีกงานบุญหนึ่งที่คงประทับใจไปนานแสนนาน
    โดยเฉพาะงานนี้ เพื่อนๆในเว็บพลังจิต มีส่วนร่วมอย่างมาก

    เมื่อวานคนมากเหลือเกินค่ะ ติงทำงานแทบไม่ได้หยุดมือเลย
    พี่สาวมาจากสกลนคร ขนไอติมมา ต้องหาทางขึ้นภูเอง ติงไม่ได้ช่วยพี่สาวเลยค่ะ
    รถต้องจอดไกลมาก หลายคนต้องเดินขึ้นภูเองเพราะรถรับส่งขนคนไม่ทัน


    ปีหน้ามีงานใหญ่อีกหนึ่งงาน คืองานตรวจธรรมสนามหลวง
    งานนี้ยิ่งสนุกและอิ่มบุญเป็นพิเศษค่ะ เพราะ ๔ ปี ถึงวนมาให้เราได้ทำบุญสักครั้ง
    แค่ถวายเครื่องไทยธรรมก็กินเวลาไป ๑ วันค่ะ
    เพราะพระเถระ พระมหาเถระ มาประชุมกันตั้ง ๖ จังหวัด
    รับบุญไม่หวาดไม่ไหว.......
    ถึงคราวนั้น ก็เรียนเชิญคุณน้ำใสมาร่วมบุญนะคะ.....

     
  4. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ tahanlaoboy [​IMG]
    ท่านทั่งสองไม่ใด้เห็นพญาครุฑแต่เห็นครุฑ คำว่าพญาแปลว่าผู้เป็นใหญ่สูงสุด พญาครุฑจะมีเครื่องประดับอันสวยงามเกิดจกบุญล้วนๆ ผมใด้สัมผัสและจับต้องนาคผู้หญิงมาแล้ว ผมเชื่อพระพุทธเจ้าพูดทุกอย่างไม่มีความสงสัยอะไรแล้ว ไม่มีความเตือนเต้นอีกแล้วมีแต่ฌานสมาธิเป็นสิ่งที่หน้าเตือนเต้นมากๆสำหรับผม เทวดาและอมนุษย์เป็นสัตว์โลกที่หน้าสงสารมาก พระนิพพานเป็นสิ่งอัศจรรย์สุดๆควรไปดูและไปเห็น
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG][​IMG] พูดออกมาได้ น่าสงสารจัง[​IMG]คนที่กว่าวเช่นนี้คงเป็นพระอริยเจ้าแล้วสินะถึงได้ว่าอย่างนี้ เอาแค่เขตุสวรรค์ จะได้เห็นหรือเปล่า แค่นี้มันก็ปรามาสพระรัตนตรัยแล้ว แต่น้องยังลืม ไปว่า สวรรค์ทุกชั้นนั้นน่ะ มีพระอริยะเจ้า ตั้งแต่ พระโสดาบันขึ้นไปถึงพระอนาคามี ท้าวมหาราชทั้ง ๔ โดยเฉพาะท่านท้าวเวสสุวัณท่านเป็นพระอริย สมัยพระพุทธเจ้าแล้ว ฟังธรรมจากพระองค์ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม แล้ว ไม่กับมาเกิดอีก ได้เวลาท่านก็นิพพานบนนั้นเลย แล้วท่านยังมีขี้อยู่ คติแน่นอนแล้วยังล่ะ ฮาๆฮ่าฮ้าๆๆๆ <!-- google_ad_section_end -->
     
  5. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ผมขอถามไรนิดนึงคับ เรื่องกลิ่นพระ
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ผมพอจะรู้<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6741607", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    <!-- google_ad_section_end -->
    เรื่องมันไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร แต่ก็จะบอกค่าวๆว่า เรื่องแบบนี้ มันแสดง ให้รู้ว่า อาการอย่างนี้ คือ ลักษณะ ของเทพพรหม หรือครู บาอาจารย์ แสดงใหรู้ว่าเขามา อยู่แถวๆนั้น ถ้าศพ ผู้ตายใหม่ๆ จะแสดง ถึงอาการคล้ายเหม็นเหมือนสพ หรือแสดงภาพให้ปรากฏ หรือแสดงสัญญาลักษ ของครูบาอาจารย์ ลักษณะนั้นๆ ตามแต่สมัยท่านมีชีวิตอยู่ ท่านเคยฉันหมาก เมื่อตายไป ถ้ามาก็จะแสดง กลิ่นหมากเป็น สัญลักษ์ ว่า ฉันมาโปรดเธอ หรือให้กำลัง ใจ หรือกลิ่น ธูป กลิ่นดอกไม้ หรือของหอม บางทีก็ขนลุกขนชันตามร่างกาย แสดงถึงอาการสัมผัสน่ะครับ ยังมีอีกเยอะ แต่ก็พอจะเข้าใจแล้วนะ เหมือนคุณผู้สนับสนุน เว็ปพลังจิตบอกมานั่นแหละ แต่จะมาลักษณะไหนเท่านั้นเองต่างกันไป ว่ามาลักษณะใดครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  6. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ใครเคยได้ฟังธรรมจาก หลวงปู่บุดดา ตอนท่านยังมีชีวิตบ้างครับ
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->TaoTaoJung<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6745391", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    <!-- google_ad_section_end -->ผมน่ะเคยไปหาท่านที่สำนักสงฆ์สองพี่น้อง ชัยนาท แต่ไม่เจอ ก่อน พ.ศ. ๒๐ เดี๋ยวนี้เป็นวัดแล้ว และไปเจอท่าน นอนปรักกฏอยู่ พ.ศ. ๒๕๒๒ -๒๕๒๓ ที่ชายร่มกอไผ่ วัดกลางชูศรี อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ไปถึงท่านก็ เอาแป้งพรมๆ ให้ และให้พรว่า เอ่อ ให้เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรชน์ มรรค นะ ผมเองในเวลานั้น ขัดๆอยู่ในใจ นึกในใจ ทำไม หลวงปู่ให้พรเช่นนี้นะ ตอนนั้นยังเรียนรู้ ประสพการณ์ น้อยอยู่ มารู้ มากตอนหลัง แหมท่านให้พร ตัดกิเลส มองเห็นอริสัจ ๔ เมื่อตัดได้แล้ว มันก็พ้นทุกข์นั่นเอง ถ้าอธิบายละเอียด พิมหลายหน้ากระดาษแน่เลยครับ มีคนอยากเป็นพระอริยะถามหลวงปู่ทำอย่างไร ถึงจะเป็นพระออริยะเจ้า และตัดกิเลสได้ หลวงปู่ตอบว่า เป็นพระอรหันต์ไม่เห็นมันยากเลย เคี้ยวหมากยังยากกว่า ก็ท่านเป็นแล้ว จบกิจแล้ว ท่านจึงได้พูดเช่นนั้น มีถามอยู่ไม่กี่คน

    หลังจากนั้น ผมจะมากราบท่านบ่อยๆ และนานๆครั้ง บางทีไปเจอท่าน ที่ วัดท่าซุง บางทีก็ไปเจอท่านที่ วัดพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน มีอยู่คราวหนึ่ง ที่วัดพระบาทห้วยต้ม ผมนำอาหารไปถวายหลวงปู่ ๆ ไม่รับ บอกมาว่า อย่าถวายหลวงปู่เลย ไปใส่บาตร เถอะจะได้มีบริวารมากๆ พวกพ้องเยอะๆ ท่านคงให้เรา ไปถวาย พระสงฆ์เยอะๆจะได้อานิสงฆ์ มากกว่าถวายหลวงปู่องค์เดียวไงครับ ผมก็เข้าใจเลยไปใส่บาตรที่มีพระมามากมาย ในงาน เสดาะเคราะตัดกรรม เรียกว่า สายหลวงปู่ครูบาศรีวิชัย เพราะหลวงปู่ครูบาวงค์ เป็นศิษย์เอก ครูบาศรีวิชัย ลองจากหลวงปู่ครูบาขาวปีชาวเขาเผ่าต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นกระเหรี่ยง และชาวเมืองมากมายทั้งกรุงเทพก็เยอะ ผมไปอยู่ ๑๐ กว่าวันครับ

    มีอยู่วันหนึ่ง หลวงปู่ บุญเย็น เทศอยู่หลวงปู่ จะนั่งฟัง ธรรม โดยความเคารพ นั่งเขี้ยวอะไร จำไม่ได้ ท่านลืมตาแป๋วเลย ส่วนใหญ่พระจะนั่งหลับตา สวดหรือฟังธรรม จะหลับตา ผมนั่งมองดูหลวงปู่ ท่านป่อยไปเป็นธรรมชาติ ไม่มีมารยา เหมือนนักบวช หรือคนที่ยังหนาด้วยกิเลส เราลองย้อนไปดุ พระพุทธเจ้าก็ได้ในสมัยครั้งพุทธกาล เมื่อพระสงฆ์ คุยในเรื่องธรรมมะ พระองค์ จะแสดงอาการถึงการเคารพธรรม และตรัสถาม ถึงเรื่องนั้นที่คุยกัน และหลังจากนั้น ท่านก็จะแสดงธรรม ให้ สาธุชนฟัง มีคนจำนวนมากฟังธรรมจบกิจจะสำเร็จมรรคผลกันครั้งละมากๆ แค่นี้แหละครับ พูดมาก ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรสาธุครับ<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  7. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อันตรายจากการใช้มือถือ
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->deity<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6750421", true); </SCRIPT>
    สมาชิก


    <!-- google_ad_section_end -->ดีครับที่มาบอกคนไม่รู้จะได้รู้ครับ ทราบหลายปีแล้วครับ แต่ก็จนใจ มันจำเป็นมากๆครับ เวลาเขาโทรมาหาเราคุย ครึ่งชั่วโมง หรือ ๑ ชั่วโมง แตะที่หู ๆจะชามึน แล้วชาไปแก้มทั้งแถบ สังเกตุดูบ่อยๆครับ ใช้สาย บูทูลสายเสียบ ใช้ไม่ถึงเดือน ขาดเรื่อยใช้ไม่ถึงเดือน บางทีขาดในเสียงไม่มี แม่มันเอาแต่เงินไม่มีคุณภาพเลย เลยขี้เกียจเซื้อใส่ครับ ซื้อบ่อยเปรืองเงินอาศัยเปิดเสียงดังๆ ถ้าไม่จำเป็นจะไม่แตะที่หู และใช้ไปนานๆ มีคนบอก จะเกิดมะเล็ง เพราะมันดูด เลือด เหมือนไฟช๊อด นานๆเข้าจะทำให้เกิดมะเล็งได้ครับ และมีหลวงพี่องค์หนึ่งคุยนานๆเป็นชั่วโมง หรือถึง๒ ชั่วโมงตายไปแล้ว ท่านเป็นมะเล็งตายเมื่อปีที่แล้วครับ หมอบอกมะเร็งในสมองครับ:cool:<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ คีย์บอร์ด [​IMG]
    นิพพานมีความรักหรือไม่ ผมเข้าใจว่าผมใช้คำว่าเป็นมิตร คำว่าจริงใจดูเหมือนจะไม่ใช่ เพราะถ้าใช้คำว่าจริงใจมันจะเป็นอนัตตาอย่างนั้นหรือเปล่า แต่คิดว่าเป็นบรมธรรมคือทุกสรรพชีวิตที่ได้มรรคผลนิพพานเป็นมิตร แล้วมีความรักด้วยหรือเปล่า.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG][​IMG] คำว่าพระนิพพาน แดนพระนิพพาน แดนอัมตะ เป็นแดน ของพระพุทธเจ้า พระปัเจกะพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ที่ตัดกิเลส เป็นสมุจเฉททประหารแล้ว ดับแล้วซึ่ง โลภ โกรธ หลง หมดไปจากใจท่านแล้ว ว่างจากกิเลสทั้งมวล เมื่อมีชีวิตอยู่ เขาเรียกนิพานดิบ เมื่อกายดับทำลายขันลง จิตท่านก็เข้าสู่แดนพระนิพพาน ไม่กลับมาเกิดอีกต่อไป เรียกว่านิพพานสุข

    คำว่ารัก มัน เป็นคำกว้าง รักสาวๆ หรือรักหนุ่มๆ จะเอามาเป็นเมีย เป็นผัว นี่รักแบบราคะ รักพ่อรักแม่ แบบ ให้ความเคารพ ในผู้ให้กำเนิด รักพี่ป้าน้าอา ก็รักอีกแบบ หนึ่ง รักปู่ย่าตา ยาย รักสัตว์ ผมอุปมามาพวกท่านพอจะเข้าใจไม่มากก็น้อยครับ รักผู้ทรงศิล รักพระ สงฆ์องค์เจ้า รักด้วยความเคารพและ ศรัทธา ในตัวท่าน แต่ผู้ทรงศิลที่แท้จริง จะรัก ด้วยความเมตา และสงสาร อยากให้พ้นทุกข์ จากความอดอยาก และให้หาธรรมมะ และถ้ารักของพระโพธิสัตวแล้ว ยิ่งใหญ่มาก อยากให้มนุษย์คนและสัตว์ มีความสุขกายใจ ในทางโลก และอยากจะพาสัตว์ ข้าม วัฏจักสงสาร พ้นทุกขื

    ตั้งแต่ พระพุทธองค์ ลงมา พระปัจเจ กพุทธเจ้า พระอรหันต์เจ้าทั้งหลาย ท่านรักพระนิพพาน ยิ่งกว่าสิ่งใดๆในโลกแม้แต่แดนเทวดา พรหม โลก อรูปพรหม เพราะพวกนี้ ยังต้องเกิดอีก เมื่อหมดบุญวาสนาบารมี เพื่อความพ้นทุกข์ ท่านจึงรักพระนิพพาน เป็นแดนอัมตะ ชีวิตจึงไม่มีความหมาย เมื่อดับขันลง ท่านจึงเข้าสู่แดนพระนิพพาน เสวยสุขตลอดกาลตลอดสมัย ดังนี้แล[​IMG]
     
  9. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    <TABLE id=post6751310 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_6751310 class=alt1>อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ฮานฮาน [​IMG]
    คือดิฉันพึ่งสนใจปฏิบัติธรรมได้ไม่นานค่ะ เลยหาข้อมูลต่างๆ

    ขอถามหน่อยค่ะว่าเราจะสามารถฝึกหัดนั่งสมาธิอยู่ที่บ้าน โดยที่เรายังมีเพศสัมพันธ์กับแฟนอยู่บ่อยๆได้ใช่ไหมคะ จะถือว่าผิดศีลข้อ3ไหม คือได้ข้อมูลมาว่าถ้าจะฝึกนั่งสมาธิต้องรักษาศีล และลดละกิเลส และไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ค่ะ เพราะไม่อย่่างนั้นสมาธิจะไม่ก้าวหน้าค่ะ

    และอีกเรื่องค่ะ คือเรากับแฟนอยู่กินกันมาได้ระยะหนึ่งแล้วค่ะ แต่ว่าไม่ได้แต่งงานหรือจัดงานแต่งให้ถูกต้องตามประเพณีค่ะ คือคบกันมาตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาค่ะ พอจบการศึกษาได้ระยะหนึ่ง ก็ย้ายไปอยู่บ้านแฟนค่ะ แต่พ่อแม่ของเราทั้ง2ฝ่ายก็รับรู้ค่ะ แบบนี้ไม่ผิดบาปใช้ไหมค่ะ[​IMG][​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG][​IMG]
    จะเอากันวันละกี่ร้อยครั้งก็ได้ไม่ผิดนี่ ทุกอย่างคนอื่นเขาบอกกันมาหมดแล้ว จึงมาเสริมเท่านั้นเองครับ ตอนเอากันก็พิจรณาได้ ให้เป็นอสุภะเลยยิ่งดี ไม่เห็นมันยากเลย ให้ทำได้จริงๆเถอะ กลัวจะทำไม่ได้นะซี มีพระอยู่ในคอ ไม่ได้ถอดออก ยังเอากันยังได้เลย พระไม่ได้มาเอากับเราด้วยนี่ครับ ก็แยกส่วนไป ผิดศิลข้อ ๕ ตรงไหนล่ะ ขนาดเขาทำผิดกัน ยังมาตั้งต้นใหม่ได้เลยอ่ะครับ ไม่ใช่พระสงฆ์ ขาดแล้วขาดเลย ต่อไม่ได้อีกแล้ว สมัยครั้งพุทธกาลนางวิสาขา แต่งงานอายุ ๑๖ เป็นพระโสดาบันด้วย อริยะเจ้าขั้นต้น มีลูก ๒๐ คน มีหลานอีกคนละ ๒๐ คน คูนได้เท่าไหร่บอกด้วยครับ

    บารมีต้น ชวนให้ไปรักษาศิล เจริญสมาธิ พวกนี้ไม่เอาชวนจนตายก็ไม่สนครับ นี่อยากทำสมาธิ อย่างน้อยก็ อุปบารมีบารมีกลางแล้ว ทำมาจนนับชาติ ไม่ถ้วนแล้ว ถึงจะมีวันนี้ครับ สนใจอย่างนี้ ถ้าอยากไปนิพพาน เร็วพวกนี้บารมี เต็ม เป็นปรมัตถบารมี เทียบเคียงเอาครับ บารมีต้น อย่างดีกให้ทาน รักษาศิลบ้างเป็นบางครั้งครับ ส่วนใหญ่จะตกๆหล่นๆ ไม่มีอะไรมากจบครับ[​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2>[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("6751310")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ thaibiz [​IMG]
    "ดวงแก้วจักรพรรดิ" มีเรื่องเล่าว่าดวงแก้วสามารถปรากฏขึ้นเองให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ จริงหรือไม่ อย่างไรครับ
    เช่น

    1.บางท่านเคยเล่าว่ามีดวงแก้วเสด็จมาคล้ายกับการเสด็จมาของพระธาตุที่หิ้งพระ
    2.คิดว่าการเสด็จมาของพระธาตุน่าจะเป็นมงคลกว่าการมาของดวงแก้วหรือไม่
    3.คนที่มีดวงแก้วจักรพรรดิหรือดวงแก้วที่ท่านเสด็จมา บุคคลนั้นจะร่ำรวย สำเร็จทุกประการ ใช่หรือไม่
    4.ดวงแก้วที่มีบูชาที่วัด ตามผู้นำบุญต่างๆ มีอนุภาพบารมีเทียบกับดวงแก้วที่เสด็จมาเอง มากน้อยอย่างไร
    5.ทำอย่างไรจึงจะมีดวงแก้วของตนเองได้ครับ อธิฐานขอให้ท่านเสด็จมาเองได้อย่างไร และถ้าจะบูชาควรบูชาที่ไหนถึงจะได้ของแท้และมีอนุภาพบารมีสูงสุดครับ
    6.ดวงแก้วกายสิทธิ์ กับ ดวงแก้วจักรพรรดิ และดวงแก้วสารพัดนึก คืออันเดียวหรือความหมายเดียวกันหรือไม่ครับ


    สาธุครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    :cool:({) - ข้อที่ (๑) คุณถามมาว่า การมาของดวง แก้วเสด็จมาเหมือนพระธาตุใช่หรือไม่ การมา ไม่แน่นอนนัก ถ้าจิตคุณถึง คุณทำได้ มันก็เกิดขึ้นในจิตคุณได้ เหมือนหลวงพ่อวัดปากน้ำสอน พระธรรมกายก็เกิดขึ้น ในกลางกายของคุณ ในอกบนหัว ข้อที่ (๒) จริงๆมันดีทั้ง ๒ อย่าง ถ้าคุณทำให้เกิด ในตัวคุณมันดีกว่าแน่นอนครับแต่ถ้าบูชา พระบรมธาตุ ก็ถือว่าว่า เป็นอุดมมงคลสูงสุด ในการบูชา ยิ่งถ้าคุณปฏิบัติบูชา ทำให้เกิดนั้น อานิสงฆ์ ใหญ๋แน่นอน เพราะพระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ

    ข้อที่ (๓) ทุกอย่างก็ไม่เสมอไป ถ้าไม่รวยทรัพย์ภายนอก แต่คุณมีทรัพย์ภายใน ได้ดวงแก้วมาบูชา ไม่จำเป็นจะต้องรวยเสมอไป เหมือนคนบางคน ได้ เหล็กไหลบูชา แต่ไม่มีศิษย์ได้ขายเป็นเงิน บางคนได้ วัดระฆังแต่เวลาขาย พวกบอกปลอมเก๊ อะไรประมาณเนี้ย แท้แต่เขาไม่เล่นหรือเช่า ไม่เป็นพิมเขาเล่นเช่าหากัน

    ข้อที่(๔) ก็แล้วแต่ว่า ลูกแก้วที่ได้มา มีอานุภาพขนาดไหน แต่ละองค์ไม่เท่ากันครับ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกแก้วของพระที่ปลุกเศก ได้ระดับไหน ถ้าฌาณโลกีย์ ก็คนละเรื่อง แต่ถ้าถ้าเป็นของพระโพธิสัตว์ ที่มีบารมีมาก ก็เต็มครับ ยิ่งของพระอรหันต์ทำ สู้ของพระอรหันค์ไม่ได้แน่นอนครับ ขนาดพระอรหันต์กำลัง ยังไม่เท่ากันเลยครับ
    ข้อที่ (๕) ถ้ากำลังบารมีคุณยังไม่ถึง อธิฐานจนตายก็ไม่ได้ครับ แต่ถ้าคุณทำถึงทำได้ มันเรื่อเล็กสำหรับคุณแล้วต้องการเมื่อไหรได้เมื่อนั้นครับ ถ้าเช่าก็พิจรณาเอาครับ ในพลังจิตมีเยอะไปสึกษาให้ดีก่อนครับค่อยตัดสินใจครับ

    ข้อที่ (๖) มันต่างกันอยู่แล้วครับ ว่าดวงแก้วนั้นเป็นของผู้ใด มาจากไหน ของพยานาค ของเทวดา หรือดวงแก้วจาก ดาวดึง หรือของพระอินทร์ หรือมาจากผู้มีอำนาจบารมีเกิดจากการบำเพ็ญตบะเดชะ ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆงงไหม ไปคิดเอา ตัวอย่างเหล็กไหล เกิดจาก อำนาจของฤาษีชีไพร เนรมิตมาจาก ฤทธิของท่าน เมื่อเป็นธาตุกายสิทธิ์ เทวดาจึงมารักษา หรืออารักขา และธาตุกายสิทธิ์ เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ อ่ะๆยิ่งงใหญ่ แก้วสารพัดนึก ก็มีได้มาได้เป็นได้ ทุกอย่างแหละ ว่าเป็นของผู้ใดมาจากผู้ใดทำ ดังที่กล่าวมาแล้วในหัวข้อ ที่ ๔ ครับ แค่นี้ท่านคงเข้าใจได้ไปและ:cool:<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    วันศุกร์นี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของพระอาจารย์ ติงอาจขึ้นภูสูงอีกค่ะ
    แล้ววันเสาร์ที่ ๒๙ กันยายน ก็มีการจัดกิจกรรมให้เด็กๆ ติงไม่พลาดอีกเช่นกัน
     
  12. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    diya ขอร่วมอนุโมทนาในบุญกุศลทั้งหมดทั้งมวลด้วยค่าคุณครูติง สาธุ
     
  13. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ต้มก๊วยจั๊บค่ะ เป็นแบบเส้นเล็กของอุบลฯ ค่ะ จะไม่เหมือนของอุดรฯ หรือที่มหาสารคาม
     
  14. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ณิช [​IMG]
    ขอถามพี่บุญทรงพระเครื่อง ทุกๆท่านที่ได้เข้าพระนิพพานไปแล้ว ท่านยังสงเคราะห์มนุษย์หรือไม่คะ ตัวเองเข้าใจว่าสงเคราะห์เฉพาะคนที่เกี่ยวเนื่องกันและคนๆนั้นก็มีบุญพอให้ท่านสงเคราะห์ อันนี้เข้าใจถูกไหมคะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG][​IMG] ถูกต้องครับ และแต่เพิ่มขึ้นครับ คนที่มีศรัทธา ท่าน และขอบางอย่างที่ไม่เกินความสามารถ หรือบุญเราไม่เกินวิสัยว่างั้นเถอะ ท่านช่วยอยู่แล้ว อยู่แล้ว แม้แต่สมเด็จองค์ ปฐม พระพุทธเจ้าองค์แรก ต้น ปฐมวงค์ ในประวัติหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง มีใครรู้จักบ้าง ถ้าท่านไม่มาโปรด หลวงพ่อๆ หลวงพ่อไม่นำมาบอกกว่าว ให้ลูกหลานหรือบริษัท ทั้งหลายฟัง จะมีใครรู้จักบ้าง ฉนั้นมันต้องมีวาสนา บารมีด้วย ท่านจึงโปรด ไปตามวาสนาบารมีแต่ละคน ไม่ใช่ท่านมาโปรดแล้ว ทุกคนจะไปนิพพานได้หมด ก็ไม่ใช่ การปฏิบัติมันเป็นของพวกเรา ต่างหาก ในสมัยครั้งพระพุทธเจ้า ท่ามีศรัทธา เข้าไปหาท่านๆแสดงธรรม สำเร็จมรรคผลกันเป็นแถว ที่เข้าไตรสรณาคม


    ไม่ได้มรรคผล เพราะเขาทำความปราถนาต่อ ตัวอย่างพระเจ้าปเสนทิโกศล แต่มาสมัยนี้เป็นใครต้องไปหาเอาครับ และไปอยู่ไหน ตัวอย่างสมเด็จพระศรีอริยเมตตรัย ในสมัยพระพุทธองค์ออกบวช นั่งแถวองค์สุดท้าย ซึ่งพระนางมหาชาบดี ถวายไตรจีวร พระพุทธองค์ไม่รับส่งต่อๆไป จนถึงองค์สุดท้าย พระนางเสียใจ เพราะพระอชิตะภิกขุ ไม่ใช่พระอรหันต์ เป็นเพียงพระปุถุชน ได้ฌาณสมาบัติ พระพุทธองค์ บอก อย่าเสียใจไปเลย ต่อไปในอนาคตตกาล ข้างหน้านี้ อชิตะภิกษุ จะได้มาตรัรู้ เป็นพระพุทธเจ้า มีชื่อว่า สมเด็จ พระศรีอริยะเมตตรัย พุทธเจ้า



    ไม่ได้มรรคผล เพราะเขาทำความปราถนาต่อ ตัวอย่างพระเจ้าปเสนทิโกศล แต่มาสมัยนี้เป็นใครต้องไปหาเอาครับ และไปอยู่ไหน ตัวอย่างสมเด็จพระศรีอริยเมตตรัย ในสมัยพระพุทธองค์ออกบวช นั่งแถวองค์สุดท้าย ซึ่งพระนางมหาชาบดี ถวายไตรจีวรแด่ พระพุทธองค์ๆไม่ทรงส่งต่อให้พระรับส่งต่อๆไป จนถึงองค์สุดท้าย พระนางเสียใจ เพราะพระอชิตะภิกขุ ไม่ใช่พระอรหันต์ เป็นเพียงพระปุถุชน ได้ฌาณสมาบัติ พระพุทธองค์ บอก อย่าเสียใจไปเลย ต่อไปในอนาคตตกาล ข้างหน้านี้ อชิตะภิกษุ จะได้มาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า มีชื่อว่า สมเด็จ พระศรีอริยะเมตตรัย พุทธเจ้า

    หลุดหายไปเยอะ ทำผิดพาดนิดหน่อยเลยจำไม่ได้ครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ อินทรบุตร [​IMG]
    หลังจากที่มีผู้บอกผมว่า พระอวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) ท่านเข้านิพพานแล้ว
    ผมยังได้ฝันนิมิตจากท่านอยู่ครับ ส่วนตัวผมเชื่อว่าจริง เพราะท่านย้ำให้ 3 ครั้ง ในเวลาห่างกัน แต่เนื้อหาไม่ผิดเพี้ยนเลย และในเนื้อหาที่ท่านสื่อ มีเรื่องเกี่ยวกับที่ท่านจะช่วยเหลือบางอย่างด้วย

    ในฝัน ตอนเริ่มสื่อนิมิต สิ่งที่ขึ้นมาที่ใจ ที่ใจรับรู้ได้ คือเป็นท่านแม่กวนอิม ครับ ไม่ใช่ท่านอื่น

    ผมไม่แน่ใจว่ากรณีผม เป็นกรณีทั่วไป หรือ กรณีเกี่ยวข้องกันนะครับ เพราะบุญบารมีผมยังปฏิบัติไม่ถึงระดับ ท่านยังไม่เปิดตรงนี้ให้ทราบครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG][​IMG] ไม่แน่หรอกครับคุณอินทรบุตร ที่ผมตอบหัวข้อคุณ ขนหัวผมมันลุกไปทั้งตัวครับ แต่ผมขอเอาคำของพุทธองค์ มาเอ่ยครับ พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนแลสัตว์ที่เกิดมาในในโลกนี้ ที่ไม่เกิดเป็นพี่น้อง พ่อแม่พี่น้อง ญาติ กันนั้นมันไม่มีเลยบางที่ก็ไม่เคยหรือบางคนเจอกันแค่ชาตินั้นแล้ว ก็ไม่เคยพบเห็นกันอีกเลยครับ ทุกคนและสัตว์เคย ร่วมเกิดเป็นพ่อแม่พี่น้องญาติกันมาแล้วทั้งสิ้นครับ บางชาติ เป็นผัวเมียกันแค่ทางผ่านเท่านั้น ถ้าชนใดกลุ่มใด ทำบุญร่วมกันบ่อยและอธิษฐานร่วมกันบ่อย มันจะเจอกันบ่อย ไปร่วม กิจกรรม ทำบุญ สร้างกุศลร่วมกัน บางชาติอาจจะสลับกันก็ได้ บางทีเคยเป็นเมียอาจจะไปเป็นผัว หรือพ่อแม่ อยู่กรรมดีกรรมชั่ว มันต่อเนื่องกันครับ พูดแล้วยาวมากๆครับผม


    มันมีตัวอย่างเยอะครับ บางที ถ้าเกิด ร่วมกันบางอย่าง มันมีสื่อถึงกันครับ กรรมบางอย่างพูดยากครับ เมื่อก่อนเหตุมันเกิดกับผมๆไม่ค่อยยอมรับ บางที ทำสวนอีกต่างหาก แต่ยิ่งทำ ยิ่งทุกข์มาก กรรมก้ให้ผลหนักกว่าเดิมอีกครับ ถ้าคนไม่รู้หรือไม่ศึกษากรรมก็จะให้ผลน้อยหน่อยครัย แต่ถ้าทำบุญทานกุศล และศึกษามีความรู้ กรรมมันจะให้ผลหนักกว่าคนที่ไม่เคยศึกษา หรือรู้มาก่อนจริงๆนะครับ เคยได้รับมาแล้วในชาตินี้ ทั้ง ๒ อย่างเลยครับ เขาถือว่าเราเป็นผู้รู้ แล้ว


    ถ้าเปรียบเทียบ เหมือนพระครับ ถ้าทำบุญ ได้มากกว่าฆราวาส ถึง ๑๐๐ เท่า บาปก็เหมือนกัน ๑๐๐ เท่าครับ แม้แต่คนที่รู้ ก็เช่นเดียวกันครับ เปรียบดังคล้ายพระสงฆ์ [​IMG]ฉนั้นมันจึงไม่แปลก ยิ่งพระโพธิสัตว์ด้วยแล้ว ต้องจิตละเอียด ไม่งั้น ตัวอย่าง สมัยพระพุทะองค์เกิดเป็นพระโพธิสัตว์ เมื่อไปถึงกลางทาง มีที่พัก เห็นดอกบัวในสระ ก็รีบเข้าไปเก็บ เพราะเห็นว่า เป็นสระสาธารณะ กำลังเก็บอยู่นั้น ยักษียักสา ตระโกนออกมาว่า โขมยๆเจ้าข้าเอ่ยๆๆพระโพธิสัตว์ตรัสว่าเราไม่ได้โขมย เพราะใครๆก็เก็บเอาได้ ถูกต้องใครๆก็เก็บได้ใช่ แต่ถ้าเป็นคนธรรมดา ไม่มีโทษ แต่ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ จิตท่านต้องละเอียด ท่านจะไปเป็นครูเขา จะไปเป็นพระพุทธเจ้า


    เรานี้แหละเป็นเจ้าของดูแลสระสาธารณะแห่งนี้ ฉนั้นท่านต้องขอเราก่อน ถึงจะถูก นี่เห็นไหม ว่าพระพุทธองค์ซึ่งเกิดเป็นพระโพธิสัตว์ในเวลานั้น ยอมรับโดยดุษดีครับ[​IMG] <!-- google_ad_section_end -->
     
  16. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    คำทำนายของพระพรหมนารอดเกี่ยวกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->JAMESBOND1966<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6765668", true); </SCRIPT>
    สมาชิก





    ผู้สืบต่ออายุพระพุทธศาสนา
    <O[​IMG]


    วิชาในพระศาสนาพุทธมี ๔ อย่าง ๔ แบบ (๑) สุกขวิปัฏสโก (๒) เตวิชโช (๓) ฉลภิญโญ (๔) ปฏิสัมภิทัพปัฏโต เมื่อทุกคน มีอิทธิบาท ๔ ก็สามารถ เจริญให้เกิดในบุคคล นั้นๆได้โดยไม่ยาก วิชชาธรรมกาย เมื่อทำถึง ทำได้ มันก็เป็น วิชชา ๓ และทำให้ถึงอภิญญาหกได้ และทำให้ถึง ปฏิสัมภิทัพปัฏโต ตามแต่กำลัง บุญญาบารมีของแต่ละองค์ได้ครับ บางคนต้องฝึกก่อนจึงได้ บางคนไปได้ตอนเป็นอริยะเจ้าขั้นต้น บางคนไปได้ตอนเป็นอนาคามี บางไปได้ตอนจบกิจเป็นพระอรหันตื พร้อมไปด้วย ปฏิสัมภิทาญาณ

    พระอรหันต์ถ้าไม่ใช่หน้าที่ของท่านๆจะไม่ทำ ไม่ก้าวก่ายหน้าที่ ถึงท่านจะทำได้ แต่ไม่ทำ ดูตัวอย่าง พระญามาร ทำไมพระพุทธเจ้าปล่อยมาถึง สมัยพระอุปคุต จริงๆ พระอรหันต์ที่มีฤทธิ์ ออกมากมายในสมัยนั้น ทำไมต้องปล่อยมาถึง ๒๐๐ กว่าปี พระพุทธองค์ทำก็ใช้ฤทธิ์นิดเดียว ก็ย่อมทำได้ พระองค์ ท่านไม่ใช่ เป็นคู่ปรับ ท่านพยากรไว้ พญามารเป็นคู่ปรับ กับพระอุปคุต หลวงพ่อวัดปากน้ำก็เหมือนกัน พระอรหันต์ในสมัยพุทะกาล ท่านได้เยอะแยะ แต่ไม่ใช่วิสัยของท่านที่จะสอนต่างหาก ต้องมาถึงในสมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำ แล้วพันปีนี้ เป็นพันปีที่ ๓ ที่องค์สมเด็จพญากรณ์ไว้ จะมากไปด้วยพระอรหันต์ วิชา สาม สายหลวงพ่อฤาษี ยิ่งสายตรงใหญ่เลย นี่เห็นไหม มโนมยิทธฺ มีฤทธิ ทางใจ ธรรมกาย กับมโนมยิทธิ ต่างกันตรงไหนล่ะ ต่างกันที่ ตรงปฏิบัติ ตรงวิธีทำ แต่อย่างไหนมันไปง่ายกว่ากัน เท่านั้นเอง หลวงพ่อฤาษี ท่าก็ไปศึกษา กับหลวงพ่อวัดปากน้ำ มาแล้ว ท่านบอก วิธีนี้เท่านั้น ที่ง่ายและเร็วที่สุด ไม่มีวิธีไหนอีกแล้ว ท่านลองมาหมด

    วิธีอื่น ท่านก็สอนมาหมด ตั้งแต่ สุกขวิปัฏสโก เตวิชโช ฉลภิญโญ ปฏิสัมภิทัพปัฏโต ย่างนี้มันง่ายท่านจึงนำมาสอนครับ ในยุคนี้ผมก็กล้ากว่าวได้ว่าไม่มี ใครสอนเหมือนท่านอีกแล้ว เข้าใจง่ายสอนง่าย มีข้อให้พิสูตร ได้อีกต่างหาก ถ้าเอาจริง ถ้าใครชอบแบบไหน กองไหน ก็นำประพฤติปฏิบัติ เอาต่างหาก จริงๆท่านต้องการให้ทุกคนพ้นทุกข์ ถ้าไปไม่ได้ อย่างน้อย ก็ให้ไปอยู่ สวรรค์ชั้น ดาวดึง พระศรีอริยะเมตตรัย มาตรัสรู้เป็นพระพุทะเจ้า ฟังธรรมจากพระองค์ สำเร็จมรรคผล ในสมัยท่านครับ <!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- edit note -->
     
  17. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Archeopteric [​IMG]
    สลดใจด้วยคน
    ชาวพุทธสมัยนี้ยึดติดในรูปกันทั้งนั้น
    ถึงว่า... พระเกษม อาจิณณสีโล ถึงได้ออกมาทำลายพระพุทธรูป
    ออกมาหลอมพระพุทธรูป ก็เพราะชาวพุทธสมัยนี้ติดแต่รูปไงหละ

    เวลากราบพระพุทธรูปก็ให้นึกไปถึงพระพุทธเจ้า
    ไม่ใช่นึกถึงอิฐปูนที่อยู่ตรงหน้า
    ถ้าพวกท่านนึกถึงพระพุทธเจ้าจริง
    จะไปแคร์อะไรกับอิฐปูนที่เสียหายถูกทำลาย
    มองมาเป็นกรรมฐานจะดีกว่าไหม
    สิ่งต่างๆซักวันก็จะเสื่อมสลายไป ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG][​IMG] ก็พวกพระเทวทัตไงล่ะถึงได้พูดเช่นนี้ไง ไอ้พวกเดรถี อาศัยผ้าเหลืองหากิน และบริวาร ของพระเทวทัต อิฐปูนทราย ที่กำลัง จะสร้างพระ เขากราบไหว้กันได้แล้ว ยกมือโมทนาสาธุ บุญก็เกิดในใจแล้ว เมื่อทำก็ได้บุญแล้ว บาปก็เช่นกัน ร่วมยินดีกับเขา มันก็ได้รับเช่นกัน พระพุทธรูปตัวแทนพระพุทธเจ้า ถึงแม้ จะเป็นองค์ตัวแทน ผู้ใดกราบไหว้ บุญก็เกิด นายนี่แน่มาก ไปหาทางเล่นงานเราในพีเอ็ม เสียหลายวัน พึ่งเข้ามาเจอ นายมันก็ไม่ต่างอะไรกับพระเทวทัตหรอก แต่พระเทวทัตท่านมีคติแน่นอนแล้ว


    แล้วนายล่ะมีคติแน่นอนยัง นายคงมาจากอิสลามหรือคติสกันแน่ ใช้ความคิดแอบแฝงมา จึงได้กล่าวเช่นนี้ แต่พระเทวทัต พระพุทธเจ้าท่านได้พยากรณ์ ไว้แล้ว หลังจาก สิ้นพระศาสนาไป ๑ พุทธทันดร ครึ่งกลาง ศาสนาพระศรีอาริยะเมตตรัย กับองค์ปัจจุบัน ท่านก็มาตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพทุธเจ้า พระองค์ หนึ่ง แต่พระปัจเจกะพทุธเจ้ามาตรัสรู้ก็เป็นหมื่นแสนพระองค์ เราก็ไม่อยากยุ่งหรอกนะ สิ่งใดที่สอนผิด หรือไม่ควรพูด และไม่รู้จริงอย่าพูด หรือเขียนออกมา และนายนี่แหละ ที่เข้าไปเล่นงานเรา ถึงในพีเอ็ม ถ้าคนรู้จริงมันไม่พูดเช่นนั้น ต้องวางตัวเป็นกลางก่อน ใจตัวเอง เป็นสัตว์เดรัชฉานไม่พอ ดันมาเขียน ให้คนที่ ยังมีควารู้น้อย พลอยเข้าใจผิดไปด้วย

    [​IMG]

    และอีกอย่าง คนที่นึกถึง พระพุทะเจ้าไปเกิดเป็นเทวดา ก็ดีกว่า คน ที่เป็นใหญ่ในเมืองมนุษย์ เพราะอะไร ก็เพราะ เทวดา มีวิมารเป้นทิพย์ ร่างกายเป้นทิพย์ อาหารเป็นทิพย์ ในเมื่อนาย ยังมีขี่เยี่ยวอยู่ ยังสู้เทวดาชั้นต่ำไม่ได้เลย นายเคยเขียน ถึงพวกฝึกสมาธิ และที่สูงๆแค่นี้นายยังเขียนยังงี้ แค่ใจเป็นเทวดา มันก็ไม่มีแล้ว นับประสาอะไร ที่จะเกิดมาเป็นคนอีก ต้องรออีกนาน ถ้าไม่กลับตัวกับใจ นายไม่พ้นไปอยู่กับพระเทวทัตแน่นอน [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
     
  18. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ pramualj [​IMG]
    ไม่ไช่การพูด หรืออ้างตำรา ให้พากันปฏิบัติให้ถึงที่สุด ....แล้วเวลาจะเครื่องพิสูจน์

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG][​IMG] 9eikgxHoco;mk'gfbo c9j.odkixDb[y9b ตำราเป็นแนวทางเดิน การปฏิบัติ เป็นหนทางของมรรค ผล การตัดกิเลส ก้ไม่ใช่เป็นของง่าย ถ้าง่าย คงมีพระอรหันต์เต็มบ้านเต็มเมืองแล้วนะ คนปฏิบัติ จะเป็นผู้ได้มรรคผลจริงๆ หนึ่งในแสนหนึ่งในล้านคน ของพวกนักปฏิบัติ แม้แต่คนที่ได้ ฌาณสมาบัติ เขาเรียก หนึ่งในพันหรือหนึ่งในหมื่น ถึงจะได้ หนึ่งคน เมื่อปฏิบัติแล้ว มันจะได้ทุกคนนั้น ก้แสนยาก ครับ

    ส่วนใหญ่ ผมเอง จะใช้ตำรานั้นน้อยมากครับ ที่ผ่านๆมา จะเจอของจริง เสีย ๙๐ เปอร์เซ็นขึ้นไป และกินเองชงเอง เรียนถูกและเรียนผิดเสียส่วนใหญ่ แล้วนำมาแก้ไข ทั้ง ๒ ด้าน จึงกล้ากล่าวได้อย่าง เต็มปากเต็มคำเลยทีเดียวครับ และนำความรู้ที่ได้มา โต้ตอบท่านทั้งหลาย ในพลังจิต ทุกๆกระทู้ที่เข้าไป ผมไม่ได้แบกตำรา แต่ใช้ตำราเทียบเคียงบ้าง ก้เท่านั้นเอง ถ้าเปรียบเทียบ ตำราเปรียบเหมือนดิน ส่วนการปฏิบัติ เปรียบเหมือนฟ้า เพราะบางทีมันสวนทางกันเลยครับ ลองไปถามท่านที่ทำได้ทำถึง ก้ได้ว่าจริงหรือเปล่า [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    วันเสาร์ที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๕
    ไปทำบุญที่ภููสูง ทำบุญตักบาตร ถวายปัจจัย ๖๐๐ บาท
    และทำโรงทาน เอาบุญมาฝากนะคะ
    เดี๋ยวมีภาพมาให้อนุโมทนาร่วมกันค่ะ
     
  20. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ประวัติความเป็นมาถ้ำเเกลบ ​

    ถ้ำ เเกลบ อยู่ที่เทือกเขาภูผาเหล็ก ต.ปทุมวาปี อ.ส่องดาว จ.สกลนคร ซึ่งเชื่อมต่อกับเทือกเขาภูพาน จ.สกลนคร ทางเข้าหน้าปากถ้ำจะแคบความสูงจากพื้นประมาณ 80 ซม. และต้องก้มต่ำลงไปประมาณ 20 เมตร ด้านในจะโล้งความสูงจากพื้นประมาณ 5 เมตร และมีบ่อน้ำที่ไหลไม่ขาดสาย บนพื้นหินบริเวณถ้ำจะ เงา เหมือนมีการผ่านของงูขนาดใหญ่อยู่ตลอด ด้านข้างปู่ใหญ่(ปู่ฤาษี)นั้นจะมีช่องทางเดินไปประมาณ 1 km เป็นช่องทางเหมือนงูขนาดใหญ่ผ่านเดินไปตามเส้นทางจะทะลุอีกถ้ำหนึ่ง ส่วนด้านหน้าปู่ใหญ่ ก็มีทางเดินประมาณ 50 เมตรและจะมีช่องให้ออกอีกด้านหนึ่ง ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเดินไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด ผู้เฒ่าคนโบราณบอกว่าเป็นทางของคนเมืองลับแล บริเวณนอกถ้ำจะสังเกตุได้ว่าเหมือนไม่มีถ้ำเลยเป็นเพียงพื้นที่ราบปกติ
    สิ่งอัศจรรย์ที่พบและคนโบราณบอกต่อกันมา บริเวณ นอกถ้ำ..ชาวบ้านออกไปหาเก็บเห็ด เก็บผัก หาอาหารเพื่อดำรงชีวิต และสิ่งที่พบบริเวณพื้นนอกถ้ำคือ ลักษณะหินทรงต่างๆ เป็นรูปเต๋า รูปผลไม้ แม้กระทั้งรูป พระพุทธ ชาวบ้านก็นำมาเก็บไว้โดยคิดว่าเป็นหินแปลก บางคนถามคนแก่คนโบราณบอกว่าเป็นคำหมากฤาษี บางคนเรียกว่า หินเบ้า ชาวบ้านทุบออกมามีวัตถุสิ่งหนึ่งทรงกลมทรงรี แม้กระทั้งสัณฐานต่างๆ และมีผงละเอียดๆ หลากหลายสี ชาวบ้านบางคนบอกว่าเป็นแร่ บางคนบอกว่าเกิดจากการกร่อนของหินและรวมตัวเป็นสัณฐานต่างๆในหิน แม้กระทั้งพบลูกแก้วหนักประมาณ 200 300 กิโลกรัม ที่พบในบริเวณ นอกถ้ำ ฝังตัวอยู่ในดิน ชาวบ้านแห่กัน และ แบ่งมาเป็นสมบัติของตน ต่อมาปีประมาณ พ.ศ ๒๕๔๓- พ.ศ ๒๔๔๕ มี ทีมงาน ข่าวเข้ามาเจาะว่าเป็นชาวบ้านทำขึ้นมา แต่พิสูจน์ไม่ได้ว่าทำขึ้นมาในลักษณะไหน จนมีสายญาณพญานาคมาบอกว่าเป็นพญานาคนิมิตอุ้มไว้เพื่อเป็นดวงจิตของตนเพื่อ ให้ลูกหลานได้บำรุงศาสนา ต่อมาในถ้ำก็มีสัณฐานต่างๆ เป็นดวงแก้ว เป็น สัณฐานต่างๆ สายญาณพญานาคบอกว่านี้คือ เพชรพญานาค จนลูกหลานที่มีความนับถือและมีญาณ ช่วยนำไปบำรุงศาสนาโดยสร้างศาลา สร้างวัด สร้างพระพุทธรูป เพื่อให้บุคคลรุ่นหลังได้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยให้เพชรพญานาคหรือดวงแก้วให้เป็นศิริมงคลในบ้าน หรือพกติดตัว ขอพรต่างๆระหว่างการเดินทาง และเกิดปฎิหาริย์ต่างๆให้เห็นบ่อย บางคนก็นิมิตฝันเรื่องราวต่างๆที่ไม่เคยฝันมาก่อนในชีวิต เป็นเรื่องบาปบุญคุณโทษ เทศนาในฝันถึงกับตื่นมา รู้เเจ้งเห็นจริงมาหลายท่านแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการนิมิตฝันเห็นพญานาคเห็นงูเห็นดวงแก้ว แล้ว ก็มีแรงจูงใจให้ได้พบกับสิ่งที่นิมิตฝันนั้นมานับครั้งไม่ถ้วน
    เพชรพญานาคกับความเชื่อในสังคมไทย บาง ท่านบอกว่าเป็นการต้มตุ๋นหลอกลวง เพื่อได้มาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตน บางคน คิดว่าเป็นความจริงที่ท่านนิมิตเพชรขึ้นมาเพื่อทำให้คนทำความดีละเว้นความ ชั่ว มีผู้คนพยายามพิสูจน์และ ใส่ร้ายสายญาณพญานาคในทางเสื่อมโทรม แต่บางคนก็เห็นถึง การปฎิบัติ การ อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาโดยแท้จริง บางคนถึงกับน้ำตาไหลที่ได้สัมผัสว่าท่านมีอยู่จริง ​
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...