จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. tom tana

    tom tana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +833
    น่าจะดีนะคะคุณบัว เพราะเวลาเหลือน้อย 5555
     
  2. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    พี่จองไ้ว้แล้วค่ะ คุณครูเพ็ญcatt1ต้องเรียกว่าสาวรุ่น(กลาง)ค่ะ ส่วนสาวน้อยหมายความว่า"หนึ่ง%" หรือน้อยกว่าเหลืออยู่ค่ะ
     
  4. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980

    มอบเพลงนี้แด่ครูพี่ต้อย ผู้เป็นเสมือนแสงสว่าง ส่องทางให้หนูค่ะ;aa53



    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=6qIIRM1FA0g"]You Are The Sunshine Of My Life (Female Acoustic) - YouTube[/ame]
     
  5. ทิวลิปขาว

    ทิวลิปขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +1,555

    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทน จิตบุญใหม่ และครูผู้สอนด้วยค่ะ
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    "จิตบุญ" หรือผู้ที่จบกิจปฎิบัติจิตเกาะพระไปแล้ว ขอให้ท่าน....

    ๑.ทรงพรหมวิหาร ๔ อันได้แก่ ให้ลูกเดียว อภัยลูกเดียว ไม่ว่าข้างนั้นคือ ศัตรู คำว่า ศัตรูของคนทางโลกนั้นมีอยู่จริง แต่ศัตรูในจิตบุญไม่มี

    ๒.ทรงอิทธิบาท ๔ อันได้แก่ สงเคราะห์ผู้ที่ยังเป็นทุกข์อยู่ให้พ้นทุกข์ โดยการไปบอกทางปฎิบัติให้พวกเขาเหล่านั้น ออกจากทุกข์เป็น ดับทุกข์ภายในใจเป็น หรือขึ้นพระนิพพานได้

    ๓.หมั่นเจริญสติ หมั่นทำภาวนา หมายถึง มีสติมากๆ จิตทรงฌานเป็นอย่างต่ำ โดยเฉพาะจิตบุญ ไปจนกว่าจะละสังขาร เพราะตราบใดที่ยังครองขันธ์ ๕ อย่าได้ประมาท เพราะร่างกายนี้ เป็นแหล่งรวมดารากิเลสทั้งปวง ผู้ที่จิตยังมีอินทรีย์อ่อนมักจะหลงใหลไปกับสิ่งนี้ได้ง่าย จึงต้องให้พวกเราคอยหมั่นสร้างสติตนเองอยู่เสมอๆ ผมเตือนบ่อยมาก อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ เหมือนพ่อแม่กับคุณลูก นั่นแหล่ะ พูดไปจนกว่าจะตายจากกัน หรือกระทู้ล่ม ล่มแต่กระทู้ แต่เรือครูวิทย์จะไม่จม ฮ่าๆ อันนี้ของเขาดีจริงๆ

    ๔.ธรรมทุกธรรม หรือสิ่งที่กำลังมากระทบจิต อยู่ทุกขณะจิต ขอให้พิจารณาธรรมเฉพาะในธรรมปัจจุบัน เท่านั้น ว่าเมื่อมีสิ่งกระทบจิตของเราแล้ว ขอให้ดูอาการหรืออารมณ์ของจิตตนเองให้ดีๆว่า มันวิ่งตาม หรือมันไหลตาม หรือมันอยู่เฉยๆ แต่ถ้าจิตผู้ใดเป็นอย่างอันหลังนี้ นับว่าดีมากแล้ว แสดงว่าธาตุอินทรีย์ของจิตคุณนั้น แก่กล้าดีเยี่ยม ทำให้ได้อย่างนี้ทุกท่านนะ แต่ถ้าจิตใครอ่อนไหวหรือวิ่งตามหรือไหลตามสิ่งที่มากระทบนะ นั่นก็แสดงว่า ธาตุอินทรีย์ยังไม่แก่กล้า ไม่เป็นไรนะ อย่าอายกัน ฝึกฝนกันได้ของแบบนี้ แต่ถ้าใครรู้ตัวว่าธาตุนี้อ่อนนะ ให้พยายามทรงฌานต่ำเข้าไว้ เพื่อความไม่ประมาท จิตยกหรือจิตบุญผมไม่เป็นห่วงแล้ว ถือว่าจิตได้ผ่านวิปัสสนาไปแล้ว หรือจิตไปรู้ความจริงแห่งธรรมกันมาแล้ว จิตฝึกมาดีแล้ว แค่อินทรีย์บางท่านที่อ่อนเท่านั้น เพราะมันจะมีผลโดยตรงกับจิตใจผู้นั้น ที่ผ่านมาจิตของเรามันเดินหลงทางมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว ขอชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายกันเถ๊อะ เลิกหลง ปล่อยวางรูป+นามสมมุติกันได้แล้ว สำหรับผู้ที่ชื่อว่า ผู้เจริญทั้งหลาย หรือผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบกันแล้ว ปฎิบัติธรรมให้ถึง แต่ถ้าผู้ปฎิบัติถึงกันจริง เราก็สามารถปล่อยวางกันได้จริง มิใช่ปล่อยวางเพราะมีแรงมากดดัน หรือเอาธรรมะเข้าข่ม อันนี้ยิ่งผิดไปใหญ่ เพราะอย่าลืมนะ ข่มได้ใจของคนเราน่ะ แต่ทำได้แค่ชั่วคราว สำหรับถ้าใครไม่แน่ใจว่า ตนเองปฎิบัติธรรมมานั้น จิตเราเข้าถึงธรรมไหม๊ดูง่ายนิดเดียวเอง ก็คือ ดูจิตตนเองว่าปล่อยวางจากสิ่งสมมุติกันได้แบบสบายใจไหม๊ เมื่อจิตถึงธรรมแล้ว นั่นก็แสดงว่า จิตเขาไปรับรู้เรื่องสิ่งต่างๆมามากมายแล้ว จิตมองเห็นความเกิด ความดับ จิตมองเห็นทุกธรรมเป็นธรรม หรือจิตเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมชาติ เป็นธรรมดาไหม๊ แต่ถ้าจิตมองเห็นดังนี้แล้ว จิตจะไม่ไปวิ่งตามอีกต่อไปแล้ว ที่วิ่งมานาน วิ่งจนเหนื่อยแล้ว เมื่อจิตคนเราปล่อยวางได้อย่างเดียวนะ เราก็จะรู้ว่าจิตใจของเราโล่ง โปร่งใส เบาสบาย เอ่อน่ะ ท่าน(จิต)ถึงธรรมแล้ว หรือเราปฎิบัติไปจากความทุกข์มากกลายมาเป็นทุกข์น้อยลง หรือจากทุกข์น้อยกลายเป็นไม่ทุกข์ หรือผู้ปฎิบัติท่านใดรู้สึกเหมือนตายแล้วได้เกิดใหม่ แต่ร่างเดิมก็ไม่เป็นไร จิตเกาะพระนี้สอนให้ท่านตามหาจิตของตนเองให้ได้ก่อน แล้วจิตจึงไปจะพบเจอกับธรรมะที่ว่านั้น ก็คือ จิตกลายเป็นพุทธะแล้วนั่น และต่อไปนี้จิตที่กลายเป็นพุทธะนี้ แต่ถ้าท่านเจริญสติภาวนาไปเรื่อยๆ จิตท่านก็จะพบพระพุทธเจ้าภายในจิตของตนนั้น ผู้ปฎิบัติเท่านั้นถึงจะรู้เอง เห็นเอง ชอบเอง ก็ด้วยประการฉะนี้แล....
    (แหม๊นึกว่าจบไม่ได้ซะแร๊ะ)

    ปล. อ่านเล่นๆนะ อย่าหาว่าผมมาสั่งสอนธรรมกันเลย ขอให้ทุกท่านมองผมเป็นคนธรรมดาก็พอ อย่ามายกหางกันซะให้ยาก เพราะหางผมไม่มีให้ยก ฮ่าๆ เอ๊ย ไม่ใช่ จิตผมมองเห็นไตรลักษณ์ โดยเฉพาะอนัตตา แล้วผมจะไปเอาอะไรแค่กิเลสหยาบๆ เช่น ความโกรธของตนเองอย่างนั้นหรือ แล้วถ้าจิตผมเป็นอย่างนั้น ผมปิดกระทู้นี้ไปเลยดีกว่า อายชาวบ้าน ชาวช่องเขา มาสอน มาแนะให้ผู้อื่นทำตามทำไม เพราะในเมื่อตนเองก็ยังปฎิบัติไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีปากเอาแต่พร่ำๆบอกๆกับคนอื่นๆอยู่อยู่ว่า เราเป็นพุทธภูมิ พุทธบุตร หรือเป็นลูกหลานของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านไม่อายอายปากตนเองหรือ อย่ามัวนำเอาธรรมะมาเที่ยวสั่งสอนคนอื่น ทั้งๆตัวของเราเองก็ยังปฎิบัติตามไม่ได้ แต่เห็นว่าเป็นธรรมดีเท่านั้นเอง มันใช้ไม่ได้ และไม่อายกันนหรือถ้านำธรรมะที่ได้มานั้น ถกเถียงกัน ไม่อายท่านพ่อ ไม่อายหลวงพ่อกันหรอ ถามจริงๆ รู้ตัวกันบ้างไหม๊...ฮ่าๆ ผมพร่ำคนเดียว ผมคอยด่าตนเอง คอยเตือนสติตนเอง ไม่เกี่ยวกับใคร ใครอ่านแล้ว อย่าหาว่าผมไปตำหนิคนอื่นๆนะ ผมทราบดีครับว่าผมเปลี่ยนใจใครไม่ได้หรอก แต่ผมเปลี่ยนจิตใจตนเองให้ดีได้ แต่ใครจะเปลี่ยนมาทางที่ดีตามก็ไม่ได้ว่า หรือไม่เปลี่ยนก็ไม่ได้ว่า...เพราะจิตเกาะพระไม่ไปหลงตำหนิใครแน่นอนครับ ผมขอยืนยัน...(อ้าวไหนว่าจบแล้ว)

    คุณลินดาไหนหล่ะ...ธรรมาสน์ผมน่ะ ผมเปลี่ยนวิธีเทศน์ใหม่ เพราะหมู่นี้ กระทู้นี้เริ่มดัง ก็ยิ่งมีคนจับผิด พวกที่ไม่เข้าใจธรรมะของท่านพ่อ หรือธรรมะของหลวงพ่อ ได้โปรดอ่านหลายรอบๆนะ และจิตจะต้องนิ่งมากๆด้วย จึงจะเข้าใจลึกซึ้ง+ปฎิบัติตามได้ด้วย ไม่ใช่แค่เห็นว่าเป็นธรรมดี แล้วFwd ไปให้ผู้อื่น หรือนำธรรมะของท่านไปสอนกับคนอื่นเขา โดยที่ตนเองก็ยังทำไม่ได้ ทุกอย่างรู้เรื่องหมด แต่ไม่รู้ตนเอง (จบเฮ่)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กันยายน 2012
  7. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    สำหรับท่าน ผอ. (ท่านภู) คุณครูใหญ่ (ครูเพ็ญ) ครูวิทย์ และครูจิตบุญทุกๆท่าน และกองทัพธรรมจิตเกาะพระทุกท่านค่ะ

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=3cnv4G05vqY&feature=relatedsleeping_rb;aa7_Love+U_;aa17"]Karajan - Beethoven Symphony No. 5 in C minor Part 1 - YouTube[/ame]
     
  8. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    [​IMG]


    นี่ไงคะ ส่งมอบให้โดน(นาน) แล้ว การขนส่งล่าช้านะเนี่ยะ ง้าม งามเด้อค่ะ
     
  9. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    5555+ ขอบคุณมากค่ะครูวิทย์ สำหรับน้ำเต้าหู้ 3 ถุง ดื่มซะอิ่มแป้เลย อิๆๆ ไปแอบรู้มาจากไหนเนี่ยว่าเราชอบน้ำเต้าหู้ 555:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กันยายน 2012
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สติ

    สติ แปลว่า ความระลึกได้ ความนึกขึ้นได้ ความไม่เผลอ ฉุกคิดขึ้นได้ การคุมจิตไว้ในกิจ หมายถึง อาการที่จิตนึกถึงสิ่งที่จะทำจะพูดได้ นึกถึงสิ่งที่ทำคำที่พูดไว้แล้วได้ เป็นอาการที่จิตไม่หลงลืม ระงับยับยั้งใจได้ ไม่ให้เลินเล่อพลั้งเผลอ ป้องกันความเสียหายเบื้องต้นยับยั้งชั่งใจไม่บุ่มบ่าม เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ความไม่ประมาท

    สติ เป็นธรรมมีอุปการะมาก คือทำให้ตื่นตัวอยู่เสมอ เป็นเจตสิกชนิดหนึ่ง สตินั้นหากนำมาใช้กับทางโลกทั่วไปก็ย่อมมีประโยชน์มหาศาลอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการงาน ความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ๆ การคิดอ่านย่อมเป็นระบบ จิตย่อมมีสมาธิในการทำกิจการงานใด ๆ อารมณ์มักจะเป็นปกติ ไม่ค่อยโกรธ เครียด หรือทุกข์ใจอะไรมาก ๆ กล่าวโดยรวมคือย่อมเกื้อกูลชีวิตประจำวันทางโลกได้อย่างดีซึ่งเป็นประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจน ถ้ารู้เนือง ๆ มาก ๆ เข้าจนเป็นมหาสติ ก็จะได้ประโยชน์จากทางธรรมด้วย การที่เรามีสติอยู่เนือง ๆ รู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง ทำอย่างติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ก็เพื่อให้สติเกื้อกูลต่อการ “เห็นความจริง” ความจริงนี้เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดก็คือกายกับใจจุดหมายของการรู้ก็เพื่อให้เห็นความจริง อันได้แก่อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ว่ากายและใจของเรานั้นเป็นสิ่งไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตัวเรา

    สติ เป็นคุณธรรมที่เกิดเองไม่ได้ ต้อง ทำให้เกิดขึ้นด้วยการฝึกฝนรวบรวมจิตใจให้นิ่งแน่วด้วยวิธีต่างๆ เช่นการเจริญวิปัสสนาคือการฝึกตามมหาสติปัฏฐานสูตร ทำสมาธิ สวดมนต์ ภาวนาคือให้มีความรู้สึกตัวผ่านอายตนะทั้ง 6
    สติ มีใช้ในอีกหลายความหมาย เช่น กำหนดรู้ ตระหนักรู้ ระลึกรู้ สัมผัสรู้ รู้สึกตัว และอื่นๆ ที่ใช้ในความหมายการทำความกำหนดรู้สึกตัวในปัจจุบันต่อผัสสะใดๆที่เกิดขึ้นมาเพื่อให้กำหนดรู้เฉพาะหน้า ให้เท่าทันต่อสัมผัสตามความเป็นจริงต่อสิ่งที่ปรากฏขึ้นมา ให้จิตเป็นอิสระต่อสิ่งที่มากระทบในฐานะเป็นเพื่อผู้เฝ้ารู้เฉย ด้วยการเพิ่มการรับรู้ทางประสาทสัมผัส โดยลดการคิดนึกปรุงแต่งความรู้สึกอื่นๆ

    สติ ใช้เพื่อที่จะรู้เท่าทันในสังขาร ๓
    ๑.รู้เท่าทันในการเคลื่อนไหว(กายสังขาร) ในอันที่จะการสร้างกรรมใดๆ นั่นคือศีล
    ๒.รู้เท่าทันในอารมณ์ที่ปรุงแต่งจิต(จิตสังขาร) จนจิตเป็นอิสระจากอารมณ์ นี่คือสมาธิ
    ๓.รู้เท่าทันความคิดทั้งหลาย(วจีสังขาร) ว่าความคิดเป็นเหตุเป็นผลหรือไม่(โยนิโสมนสิการ) นี้คือปัญญา


    สติ - วิกิพีเดีย

    *สติหายไปเมื่อไหร่ ไม่ต่างกับคนบ้าเมื่อนั้น ใครไม่อยากเป็นบ้า สร้างสติให้มากๆเข้าไว้ ถึงจิตดีจิตไวก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าสติตามจิตไม่ทัน อาจจะตกม้าตาย เพราะตราบใดที่พวกเรายังมีขันธ์ ๕ อยู่ อย่าได้ประมาท (ความคิดเห็นตนเอง ซึ่งไม่เกี่ยวกับใคร)
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    ;aa17

    เอนึกๆไป น้องพอใจก็ร้องเพลงเก่ง;aa19 นึกไปนึกมา น้องจุ๋มก็ร้องเพลงเก่ง เรามี"นักร้อง" "น้องรัก" สองจิตบุญ บนกระทู้นี้แล้วนะ ครูวิทย์อยู่ไหนเอ่ย สองคนนี้เข้าใกล้Mike ละก็ กระทู้นี้ก้องกังวาลแน่ๆ(แล้วแต่ท่านอาจารย์ภูค่ะ คช)

    คุณครูเพ็ญเป็นหวัดจากComputer virus หรือเปล่าคะนี่ เอ สงสัยต้องใส่mask เวลาเช็คอีเมล์ลูกศิษย์แล้ว ขอให้ขันธ์๕หายไวๆค่ะ
    catt1
     
  12. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    :cool: คุณเอ๋ กลางไพร อีกคนค่ะ พี่ต้อย ร้องเพลงไป เกาะพระไปนะคร้า ๆ ๆ ... ช่วงนี่้..บอร์ด ติด ๆ ดับ ๆ ค่ะ
     
  13. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    ชนะใครไม่เท่า ชนะใจตนเอง

    กำลังใจตามหลักพระพุทธศาสนา คือ พละ 5


    1. ศรัทธา คือเชื่อมั่นว่าทำดีได้ดี
    2. วิริยะ คือความขยันหมั่นเพียร

    3. สติ คือ ความระลึกรู้ ระลึกได้ มีจิตใจจดจ่อต่อการกระทำดี
    4. สมาธิ คือ จิตที่ตั้งมั่น

    5. ปัญญา คือ เห็นชัดว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก
     
  14. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    มารายงานตัวเจ้าค่ะ..พร้อมปฎิบัติครับพ๊ม..555+++
     
  15. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    วันนี้ตื่นเช้า..ด้วยใจที่ผ่องใส.(ยิ้มรับใจใสๆค่ะ).. พร้อมทั้งเข้ามาอ่านข้อความต่างๆของอจ.หลายๆท่าน โดยเฉพาะท่านจขกท. อ่านแล้วก็...รู้สึกดี
    (ท่านจขกท.ดูเป็นคนตรง และชัดเจนดีมากค่ะ)
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    Hello! วันหยุด สบายดีกันมั๊ย ขอเสียงหน่อย คุณเอ๋กลางไพร พี่ภูกลางดอย มีคุณพอใจก็ต้องมีคุณต้อย คู่หูพลิกล๊อค
    ช่วงนี้บอร์ดติดๆดับๆหรอ ก็เหมือนคนนั่นแหล่ะ! กายมีเกิดมีตาย จิตมีเกิดมีดับ
    มีสุขมีทุกข์ มีนรกมีสวรรค์ มีสติมีปัญญา มีจิตบุญมีนิพพาน
    อะไรๆก็ไม่เที่ยง ตอนนี้จิตบุญหายเหนื่อยกันหรือยัง? แต่ก่อนจิตมันหลงไปวิ่งตามกิเลส หลงไปตำหนิกัน หลงไปโกรธกัน ตอนนี้ไม่มีแบบนั้นกันแล้วนะ เพราะจิตบุญจะต้องเป็นผู้ดู เป็นผู้จัดการบ้างหล่ะ จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว เมื่อก่อนผลัดกันเป็นนายเลย เพราะไม่มีใครยอมใคร แรงทั้งคู่ทั้งกายทั้งใจ ทั้งสามีทั้งภรรยา ตอนนี้พอจะมองเห็นจิตเดิมแท้ได้อย่างชัดเจนหรือยัง? พอมองเห็นเกิดดับหรือยัง? พอมองเห็นความไม่เที่ยงหรือยัง? พอจะมีดวงตาเห็นธรรมหรือยัง?

    *ขอให้ทุกท่าน จงมีจิตที่รู้แจ้งแทงตลอด รู้ ตื่น เบิกบาน และพิจารณาธรรมในทุกขณะจิต มีสติอยู่ปัจจุบันตลอดเวลา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กันยายน 2012
  17. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    ฮัลโล ฮัลโล สวัสดีจ้า กว่าจะเข้ากระทู้ได้ เล่นเอาซะเหนื่อยเลย ก็เป็นไปตามวัยอย่างคุณวัฒว่า แต่เป็นวัยของคุณวัฒ โจโจนะค่ะ ไม่ใช่วัยเรา คิกๆๆๆ

    ก็ขอแสดงความยินดีกับพี่แนทอย่างเป็นทางการนะค่ะ ครูน้องเกษปลื้ม และอิ่มบุญด้วยจริงๆ สมกับที่เราตั้งใจชวนมาฝึกถึง 2 ครั้ง 2 ครา จนนึกอะไรไม่ค่อยออกแล้วเนี่ยว่าจะเขียนอะไร อิๆๆ

    จริงๆ เราได้แนะนำพี่แนทไปจากกระทู้ของท่านแม่ทั้ง 3 ที่พี่แนทได้เขียนคอมเม้นท์ไปตั้งแต่ วท.1/7/55 โน้นแหล่ะค่ะ ตอนนั้นเรายังไม่จบกิจเล๊ย พี่แนทก็ตอบรับด้วยไมตรีจิตอย่างดี แต่เนื่องด้วยยังติดวาระกรรมค่ะ นับจากวันนั้นพี่แนทก็หายต๋อมเข้ากลีบเมฆไปเลย 555 จนกระทั่งเราปฏิบัติจิตเกาะพระจนจบกิจลงได้ในที่สุด เราก็เลยส่งเมล์หาพี่แนทอีกทีว่าให้ร่วมโมทนาบุญด้วยน๊า หนูกลับถึงบ้านแล้วค่ะ เราก็ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่คงเป็นเพราะถึงเวลาของท่านแล้ว พี่แนทก็เลยตอบเมล์กลับมาแจ้งความจำนงอย่างหนักแน่นว่า "พาพี่กลับบ้านด้วยค่ะ" ในวท.2/9/55 เราก็ได้เริ่มการเรียนการสอนกันในทันที

    พี่แนทมีพื้นฐานการปฏิบัติมาดีอยู่แล้ว แต่ที่ยังไปไม่ถึงไหนก็ปัญหายอดฮิตของผู้ปฏิบัติค่ะ คือ สมาธิไม่ต่อเนื่อง เลยทำให้จิตไม่ผ่านการวิปัสสนาสักที พี่แนทเป็นลูกศิลย์ที่น่ารักมากค่ะ เชื่อฟังในคำสั่งสอนและคำเตือนของครู ว่านอนสอนง่าย ไม่เคยอวดเก่ง อวดรู้ ไม่เคยมีคำถามนอกบทเรียนนอกตำราจากที่ครูสอนมาถาม ปฏิบัตินำสงสัย มีระเบียบวินัยในตัวเอง ส่งการบ้านทุกวัน (ไม่นับรวมช่วงที่จิตตก ครูต้องประกาศตามหาลูกศิลย์ อิๆๆ) ให้อาหารจิตโดยสวดมนต์ทำสมาธิเพิ่มความแข็งแรงให้น้องจิตทุกวัน ไม่เกิน 3 วันพี่แนทก็เกาะพระติดเป็นอัตโนมัติในไม่กี่วันถัดมา ด้วยความเพียร+ความต่อเนื่อง จิตพี่แนทเข้าวิปัสสนาญาณเร็วมาก จากกิเลสหยาบ กลาง ละเอียด ฟาดฟันไม่มีเหลือเชื้อ จนเกิดปัญญาญาณรู้แจ้งแทงตลอดในที่สุด พี่แนทไม่มีแป้นไทยนะค่ะ ใช้ความจำเก่าๆ พยายามพิมพ์ส่งการบ้านในแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 1 ชม. ด้วยความมานะมุ่งมั่น และวิริยะอุตสาหะบารมี ท่านก็จบกิจลงได้ ภายใน 24 วัน (2/9/55 - 25/9/55)
    เฮอ..โล่งอกไปอีก 1 องค์ค่ะ
    สาธุ บุญกุศลใดที่ข้าพเจ้าได้รับเพียงใดจากการช่วยพี่แนทเดินกลับถึงบ้าน ขออุทิศพลังแห่งบุญทั้งหมดนั้นให้กำเนิดเกิดบ้านรากแก่นแห่งโพธิญาณของพวกเราในเร็วไวที่สุดนี้ด้วยเถิด ท่านพ่อเจ้าขา สาธุ๊

    น้องเกษ จบ.52 (ครู+อัฟไลน์+น้องสาว อิๆๆ)
     
  18. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    สรุปดิฉันมีครูโดยตรงคือ ท่านอจ.วิทย์ ป้าพอใจและครูหมูใช่ป่าวคะ?..แล้วป่านฉะนี้แล้ว คุณครูไปอยู่ไหนกัน?..555++..งั้นดิฉันมาใหม่รอบค่ำนะคะ..ขอบคุณค่ะ..
     
  19. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937

    หมายถึงหมูหว้าหรือเปล่าคะ?
    หมูยังอยู่นะคะ บ่ลั่ยไปไหน... แฮ่...


    ปล. แล้วครูน้องฟ้าล่ะน๊า จะรวมด้วยไหม? เห็นเธอบอกว่าอยากช่วย


    [​IMG]
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=TbskVcBPLm8]ภาพประกอบเพลงบทสวดชินบัญชร - YouTube[/ame]​
    การหัดสวดคาถาชินบัญชรควรจะเริ่มสวดในวันพฤหัสบดีข้างขึ้น(ยิ่งขึ้นมากยิ่งดี) ให้เตรียมดอกไม้ 3 สี หรือดอกบัว 9 ดอก และดอกมะลิร่วง(เด็ดก้านดอก) 1 กำ ธูปหอมอย่างดี 9 ดอก เทียน(เล่มหนัก1บาท ถ้าไม่มีใช้2บาท แต่ควรใช้1บาทเพื่อเป็นสิริมงคล) จำนวน 9 เล่ม จากนั้นให้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยโดยการตั้งนะโม 3 จบ ต่อด้วยบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ จากนั้นตั้งจิตนึกถึงสมเด็จโต

    ชินบัญชร แปลว่า กรง ซี่กรงของพระชินเจ้า
    ชินบัญชร มาจากคำว่า ชิน ซึ่งแปลว่า ผู้ชนะ อันหมายถึงพระชินเจ้าหรือพระพุทธเจ้า และคำว่า บัญชร ซึ่งแปลว่า กรง ลูกกรง ซี่กรง รวมกันเป็นชินบัญชร ซึ่งเป็นประดุจแผงเหล็กหรือเกราะเพชรที่แข็งแรง สามารถปกป้องคุ้มกันอุบัติภัย อันตรายและศัตรูหมู่มารทั้งปวงได้
    ชินบัญชร ปัจจุบันใช้เรียกพระคาถาภาษามคธชุดหนึ่ง นัยว่าเป็นนิพนธ์ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม เรียกว่า พระคาถาชินบัญชร ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถป้องกันสรรพอันตรายทั้งหลายได้เหมือนเกราะเพชรและให้โชคให้ลาภตามที่ปรารถนาได้


    *ขอให้ชาวกระทู้นี้ และผู้ปฎิบัติจิตเกาะพระทุกท่าน ปลอดภัยทั้งกายและจิต ทั้งหลายทั้งปวงและตลอดไปด้วยเทอญ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...