ตอนนี้มีปัญหาในครอบครัวและทางโรงเรียนมากเลยครับ

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย อร่อยมาก, 20 กันยายน 2012.

  1. อร่อยมาก

    อร่อยมาก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +8
    ผมเองก็เป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่งครับ ก็เกิดอยู่ชนบทส่วนพ่อและแม่ผมนั้นตอนนี้เขาแยกทางกันไปแต่งงานใหม่แล้ว พ่อผมก็แยกไปที่ต่างประเทศจริงๆพ่อผมมีคู่ครองอยู่แล้วครับแล้วยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับแม่ผมด้วยอันนี้ผมพึ่งรู้
    ส่วนแม่ผมนั้น เขาก็ไปแต่งงานกับช่างตัดผมคนหนึ่งแม่ผมรู้สึกจะเป็นคนติดการพนันงอมแงม ซึ่งเวลาตังหมดทีรก็เป็นมาขอตังผมที่บ้านทุกที(ตอนนี้ผมอายุ 15)
    เพราะว่าแฟนใหม่ของแม่ผมนั้นเขาไม่ยอมจ่ายให้ซักอย่างไม่ว่าค่าอยู่กินถึงจ่ายค่าต่างๆให้ก็ให้แค่วันละร้อยซึ่งผมว่ามันไม่พอใช้เพราะแม่ผมก็ยังเลี้ยงน้องอยู่
    น้องก็ยังกินจุอีก ทุกๆครั้งที่น้องเป้นไข้ไม่สบายแม่ผมก็หอบน้องมาที่บ้านเสมอเพราะ แฟนใหม่ของแม่ผมไม่ยอมออกค่ารักษาให้ไม่รู้แม่ผมไปชอบเขาอีท่าไหน
    แต่แม่ก็อ้างเหตุผลเสมอว่าพ่อไม่ค่อยได้อยู่ด้วย
    แล้วผมก็ถามแม่ว่า พ่อกับแม่ทิ้งผมไปแล้ว ผมต้องอยู่กับยายอย่างนี้หรอ ซึ่งยายผมก็ไม่ค่อยถูกชะตากับแม่ถึงแม้จะเป็นแม่ลูกกันก็ตามเพราะยายไม่ชอบที่แม่ติดพนัน
    เลยเวลาพูดอะไรกันมักใช้ผมเป็นศูนย์กลางเสมอ เวลาแม่ผมหรือยายผมไม่สบายใจอะรัยก็ปล่อยใส่ผมเสมอ
    ซึ่งปัจจุบันนี้พ่อของผมแกก็ยังส่งตังก้อนๆมาให้ทุกๆเดือนไม่ขาดสาย
    แม่ผมก็มาขอทุกเดือนไม่ขาดสายเหมือนกัน
    จนปัจจุบันนี้ตังใช้ผมก้ไม่ค่อยมีส่วนมากก็จ่ายค่าที่บ้าน
    ผมก้จ่ายค่าเช่าหอพักมั้งอะรัยต่างๆมั้ง
    เลยแถบไม่มีอะไรซื้อกิน จนต้องพยายามไปกินข้าวเที่ยงที่โรงเรียนเอา
    ซึ่งแต่ละอาทิตย์ยายผมก็ส่งมาให้ผมทีละพัน
    ซึ่งมันก็ไม่ได้ใช้วันละร้อยซักหน่อย
    1ค่ารถไปโรงเรียน
    2ค่าน้ำดื่ม
    3ค่าห้อง
    4ค่าชิ้นงาน
    5ค่ากิจกรรมในอนาคต
    ซึ่งผมแทบไม่เหลือตังใช้อะไรเลย
    เพราะโรงเรียนนี้กิจกรรมเยอะเหลือเกิน
    ผมตั้งแต่เด็กมาไม่เคยมีเพื่อนสนิทซักคนครับมีแค่เพื่อนในห้องเท่านั้น
    เพื่อนในห้องบางทีก็ถามผมว่าแกอยู่มาได้ไงวะ ไม่มีเพื่อน
    โดนล้อมั้งว่าต่อมิอะไรมั้ง
    เรื่องต่างๆเริ่มรุมเร้าผมจนการเรียนผมตกต่ำ ไม่สบาย
    โรคต่างๆเริ่มมากวนใจ
    ส่วนยายผมนั้นแกก็ยังบ่นอยู่ทุกวันว่าใช้ตังเปลืองอีกแล้วไปไอ้นู่นไอ้นี่กับเพื่อนอีกแล้วหรอ
    ซึ่งแบบนี้ไงครับผมถึงไม่มีเพื่อน ผมต้องอยู่ในขอบเขตของมโนภาพที่ยายผมตั้งไว้เสมอ
    จนบางวนก็ทะเลาะกัน จนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นจนถึงขึ้นผมปิดเครื่องไม่ให้โทรมา 3วันก็มี
    โรงเรียนที่ผมเรียนนี้ได้ใช้อินเทอเน็ตเป็นสื่อเรียนซัก 40เปอเซ็น
    พอกลับมาหอผมก็ต้องส่งงานทางเน้ตมั้ง เล่นเกมระบายมั้งอ่านนิยายมั้ง
    ซึ่งยายผมก็มาขัดอีกว่าอ่านทำไมนิยายไ่มีประโยชอ่านหนังสือเรียนซักทีสิ
    เล่มทำไมหรอเกม ดีตรงไหนทำให้ปวดหัวเปล่าๆ
    บางวันผมก้ต้องนั่งร้องไห้คนเดียวในหอก็มีเพราะรู้สึกสังเวดชะตาตัวเอง
    ผมอยากจะขอคำปรึกษาหาทางออกนี้จริงๆครับผม
    ซึ่งที่ผมเล่าไปนี้ยังไม่ครึ่งของความทุกที่ผมมีอยู่เลยเล่าไปกว่าจะหมดคงอีกนานเลยขอถามแค่นี้ก่อนได้ไหครับ
     
  2. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    เห็นใจและเข้าใจในเรื่องราวที่น้องเล่ามานะครับ ผมได้รับคำแนะนำที่ดีจากครูอาจารย์และกัลยาณมิตรมาดังนี้...

    อย่าท้อถ้าท้ออยู่ อุปสรรคและปัญหา เป็นเหรียญสองหน้า ที่ทดสอบจิตใจของคนเรา
    คนที่ประสบความสำเร็จทุกๆ คนในสังคมในโลกนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนที่ต้องผ่านความทุกข์ยากลำบากที่ยิ่งใหญ่ ต้องเผชิญปัญหามากมาย คนที่จะประสบความสำเร็จชนะความทุกข์ ไม่ใช่คนที่ จมปักอยู่กับปัญหาและอุปสรรค โดยพร่ำบ่นถึงการขาดโอกาส หรือสถานการณ์ที่ไม่อำนวย เราควรฉวยโอกาสจาก อุปสรรคและปัญหา มองว่ามันเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ เป็นเงื่อนไข ที่รอให้เราแก้ และมอบความ ตระหนักรู้ ความสุขใจภาคภูมิใจ ในตัวเรา ทำให้เรา
    รับรู้ถึงศักยภาพ(บารมี การใช้ความดี คิดดีพูดดีทำดี)ของเรา เป็นรางวัลตอบแทน

    และแน่นอน เมื่อชีวิตมีทั้งรางวัล ก็ต้องมีทั้งการลงโทษ! เพราะอีกหน้าหนึ่งของเหรียญ ถ้าเราไม่เข้มแข็งอดทน เป็นเหยื่อของ มายาภาพ เป็นเหยื่อของคำว่า บ้านแตก ครอบครัวมีปัญหา เป็นเด็กมีปัญหา นั่นก็จะทำให้จิตใจเรา ขาดกำลังใจ ขาดทัศนคติเชิงบวกต่อ ตนเอง ตำหนิ ตนเอง ตำหนิคนรอบข้าง พ่อแม่ญาติพี่น้อง เพื่อนฟูง โรงเรียน เท่ากับว่า เรากำลังเลือกที่จะหยิบยื่น บทลงโทษ และกุมเหรียญด้านเดียวเอาไว้ ไม่สามารถผ่านบททดสอบเชิง สถิติหรือปริมาณ ระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จมีความสุข กับคนที่ล้มเหลวมีความทุกข์
    คนที่ไม่มองบวก ไม่คิดบวก ไม่รู้จักสร้างกำลังใจ ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีความพยายาม ถ้าอยู่ในวัยเด็กวัยเรียน ก็เรียกว่าล้มเหลวจากสถานการณ์รอบข้าง (ครอบครัว) และยังล้มเหลวจากข้างใน ภายในจิตใจของตนเอง อยู่ในวัยไหน ก็ล้มเหลวในวัยนั้น ฯลฯ

    เหรียญมีสองด้าน บางคนเกิดมาพร้อม แต่ขาดเป้าหมายกำลังใจในตนเอง ถึงมีทุกสิ่งและทุกอย่าง ก็ยังสามารถล้มเหลวได้ ในช่วงวัยที่พ้นการศึกษา พ้นพ่อแม่ผู้ปกครอง
    เมือถึงคราวต้องพึ่งพาตนเอง ก็นำพาชีวิตตนเองล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะขาดกำลังใจขาดหลักใจ หลักธรรมความรู้ ที่เอาไว้ แก้โจทย์ชีวิต

    เงินทองจึงไม่ใช่สูตรสำเร็จ ที่จะประกันความล้มเหลว จากตัวอย่าง ของคนที่สถานการณ์ภายนอกพร้อม(ครอบครัวมั่นคง) แต่สูตรสำเร็จที่การันตรี ความสำเร็จและความสุขอย่างถาวรยั่งยืนและแท้จริง คือกำลังใจ คือความศรัทธาความเชื่อ คือการคิดดี พูดดี ทำดี ประกอบด้วยความเห็นชอบ มีทัศนคติที่ถูกต้อง ต่อตนเอง และผู้อื่น ยืนหยัด มีเป้าหมาย มีกำลังใจ คิดใหม่ทำใหม่ ไม่ท้อ ไม่เสียเวลา และพลักไสตนเองไปสู่ ทางเสื่อมทางแห่งหายนะ มีการคบเพื่อนผิด ติดอบาย ใช้อินเตอร์เน็ตใช้ สาระความรู้ต่างๆ ในโลกออนไลน์
    ไปในทาง แก้อารมณ์เบื่อๆ เซ็งๆ ชั่วครั้งชั่วคราว แต่กองปัญหา กองคำตอบต่างๆ ของตนเองเอาไว้ไม่ได้สะสางแก้ไข แล้วไม่คอยเช็คว่า กำลังกุมเหรียญด้านไหน เสื่อมหรือเจริญ...

    การศึกษาวิชชา ของความสุข การบ้านของวิชชานี้ คือการ รู้จักปัญหากำหนดปัญหาประเด็นถูก ๑
    รู้สาเหตุของปัญหาแล้วละปัญหานั้นๆ ได้ ๑
    ได้รับผลของการขจัดปัญหาแก้ไขปัญหาได้ ๑
    ดำเนินการวางแผนสร้างระเบียบข้อกำหนดที่จะปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหา ๑

    ๑.ปัญหาที่ต้องกำหนด ลำดับความสำคัญก่อนหลัง เรื่องใกล้ตัว เรื่องเรียนเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ
    การแบ่งเวลาในการ อ่านหนังสือ ทบทวนความรู้ ส่งงาน เข้าหาครูบาอาจารย์ ครูแนะแนวครูประจำชั้น ครูที่ปรึกษา บอกถึงปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ที่ยายให้ เงินของพ่อค่าเลี้ยงดู ครูหรือเราเองอาจกำหนด รายรับรายจ่ายออกมา ส่วนที่แบ่งให้แม่ แม่ก็คือแม่ ส่วนที่จำเป็นต้องเก็บกันเอาไว้ใช้จ่าย ลดรายจ่ายอื่นๆ ที่ฟุ่มเฟือยของเราเอง จัดสรรเวลาให้เกิดประโยชน์ เอาเวลาที่มีค่า ให้หมดไปกับการ ทำตามเป้าหมาย ตามการสร้างแผนที่ชีวิต สร้างกิจกรรมที่จะนำเราไป
    สู่ทางเจริญ ไม่ออกนอกลู่นอกทาง เพื่อตนเอง และเพื่อคนอื่นๆ การบ้านของชีวิต จดจำว่าคือความสุข คือความภาคภูมิใจในตนเอง ที่ประสบความสำเร็จและความสุข [​IMG]

    ๒.ละปัญหานั้นๆ ส่วนใหญ่เกิดจากอารมณ์ที่ไม่่น่าพอใจ คือความรู้สึกขาดโอกาส มีอุปสรรค และปัญหาสารพัด เป็นเพื่อนเติมความอบอุ่นให้เราแทน ต้องเมตตา มีความรักความหวังดีต่อตัวเราเอง จะไม่ยอมให้ตัวเองขาดกำลังใจ หลักใจ เมตตาพ่อแม่ คนอื่นๆ กรุณาสงสารไม่ใช่ตำหนิตนเอง และคนอื่นๆ อยากช่วยเหลือ ทุกๆ คนให้มีความสุข โดยช่วยตัวเราเอง วางแผน กำหนดเป้าหมาย แบ่งเวลาการเรียน การทำความเข้าใจ ถึงอารมณ์ที่มีผลกระทบต่อชีวิตใน
    ทุกๆ ด้าน ตามลำดับความสำคัญก่อนหลังในข้อแรก

    ไม่ปล่อยให้ ตนเองหลงไปกับสุขทาง รูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสที่ต้องเสียเงินเสียทอง เติมเงินโทรศัพท์ เติมเงินสดเล่นเกมส์ออนไลน์ ใช้เวลาให้หมดไปกับ อาหารของคนล้มเหลว!

    เมื่อมีเป้าหมายจิตใจเข้มแข็ง ไม่ฟุ่มเฟือย รุ้จักความพอดี สันโดษ พอใจเท่าๆ ที่ได้เท่าที่มีและรู้จักเก็บ รู้จักหา สร้างรายได้เล็กๆ น้อยๆ หาโอกาสไม่พร่ำตัดโอกาสด้วย อาหารรสหวานของคนล้มเหลวไร้สาระ ปัญหาเรื่องเงินก็จะค่อยๆ หมดไป ยิ่งแบ่งเวลาเรื่องการทบทวนหนังสือการอ่านหนังสือ การส่งงาน ตระหนักว่า เรามีปัญหาสถานการณ์ภายนอก(ครอบครัว)ไม่อำนวยเหมือนคนอื่นๆ นี่เป็นของขวัญที่เราได้มา ความอดทน ความพยายาม จะนำพาเราไป
    สู่จุดมุ่งหมายที่ดีกว่า ถ้าเราขยันกว่า พยายามกว่า บ่นได้ท้อได้แต่อย่าถอย ให้วันนี้เป็นวันที่ล้มเหลว เป็นช่วงวัยที่ล้มเหลว แต่สัญญากับตัวเอง จะไม่ปล่อยให้พรุ่งนี้ อนาคตของเราต้องล้มเหลวเหมือนวันเวลาที่ผ่านไป

    ๓. เมื่อหมดปัญหา!ปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตัวเราเอง ถ้าเรายกกำลังใจเรา สร้างกำลังใจเรา มีทัศนคติบวก คิดี พูดดี ทำดี เดียวนี้ ผลของความดี ก็จะทำให้เราได้รับความสุข ไม่บ่นยาย โทษนู้นโทษนี่ ทุกอย่างเป็นไปตามเจตนา เป็นไปตามกำลังของใจ ใจดี ทุกอย่างก็ดี ใจไม่ดี ทุกอย่าง ก็ไม่ดี เปลี่ยนเดียวนี้ ดีเดียวนี้ วางเป้าหมายกำหนดชีวิต ถ้ารอ รอ และรอ ก็ต้องรอต่อไป
    ความสุขความสำเร็จจะปรากฏช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับวิธีคิด ขึ้นอยู่กับกำลังใจ สู้ๆ รู้ได้เฉพาะตน
     
  3. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ๔.ข้อปฏิบัติในการแก้ไขปัญหา ๘ ข้อ

    ๑.เห็นถูก

    ๑.๑ ทัศนคติที่ถูกต้อง ความเห็นชอบ เห็นว่าการเมตตา
    การให้ การเสียสละประโยชน์ส่วนตน ไม่สร้างปัญหาใดๆ เพิ่ม เป็นการให้โอกาสตนเอง
    ให้กำลังใจตนเอง การให้ตนเองได้ สร้างหรือมอบสิ่งดีๆ ให้กับตนเอง ย่อมมีผลเป็นความ
    สุขความสำเร็จในวันข้างหน้าต่อไป

    ๑.๒ เห็นถูกว่าความกรุณา ความสงสาร เห็นอกเห็นใจ ต่อคนอื่นๆ ต่อตัวเราเองที่ต้องมีทุกข์ มีปัญหา
    มีอุปสรรค์ด้วยกันทุกๆ คน แต่คนไหนจะสร้างสรรค์ กุมด้านบวก ด้านแห่งรางวัล ด้านความ
    สำเร็จ ต้องมีเป้าหมาย มีแผนการ มีระเีบียบวินัย สงเคราะห์ช่วยเหลือ ด้วยการให้กำลังใจ
    ตนเอง พ่อแม่ ยาย และคนอื่นๆ ตลอดจนเพื่อนๆ ที่ยังลำบากกว่า ทำให้รู้จักช่วยเหลือคนอื่น
    และสังคมรอบข้าง เป็นนิสัยต่อๆ ไป

    ๑.๓ เห็นถูกว่าความเคารพบูชา ต่อพ่อแม่และยาย ครูบาอาจารย์ ที่สามารถให้คำปรึกษาช่วยเหลือเรา
    เคารพในคำตักเตือน ของยาย ยินดีพอใจในความสุข ความอบอุ่นของคนอื่นๆ ไม่อิจฉา
    ไม่คิดเล็กคิดน้อย ไม่กินอาหาร(ความคิดลบ)ของคนล้มเหลว ไม่ทำการบ้านวิชาทุกข์ ของ
    คนอมทุกข์ จะยึดมั่นในวิชชาความสุข กินอาหาร(ความคิดบวก)ของคนสำเร็จ ยินดีกับสิ่งที่
    เราได้เรามี ยินดีพอใจกับคนอื่นๆ เป็นนิสัยในการยกย่อง ไม่ถือตัวสำคัญตัว

    ๑.๔ มีความเห็นถูกว่า กรรมหรือเจตนา ขึ้นอยู่กับกำลังจิตกำลังใจที่ดี ถ้าใจดีกรรมก็ดี คือทำดี
    คิดดีพูดดี ถ้าใจไม่ดี ก็คิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี ผลที่ได้รับ ระหว่างความสุขความทุกข์ คนเรา
    ล้วนกระทำไปด้วยอำนาจ ด้วยกำลังของจิตของใจนั่นเอง จะดีจะชั่วตัวทำด้วยกันทุกๆ คน
    ทุกๆ คนมีกรรมเป็นของตัวเขาเอง ฝึกใจให้เป็นกลาง ไม่ตำหนิติโทษตนเองและผู้อื่น...

    ๑.๕ เห็นถูกว่า วันนี้เป็นผลมากจากเมื่อวานนี้ ถ้าเมื่อวานนี้คิดลบ ล้มเหลวไม่มีกำลังใจ วันนี้
    ก็เป็นเหมือนเมื่อวาน เล่มเกมส์ บ่น หงุดหงิด ท้อแท้ เบื่อหน่าย เศร้าหมอง หดหู่ ซึมเศร้า
    ฟุ้งซ่าน รำคาญใจ ผิดหวัง อุปกรณ์วิชาของคนล้มเหลว จะติดตามให้ผลมาถึงวันนี้!!!
    เชื่อว่า กรรมหรือเจตนา หรือกำลังใจ ของเมื่อวาน เป็นผลของวันนี้ เชื่อในวันนี้ต้องสู้...

    ๑.๖ เห็นถูกว่า วันพรุ่งนี้ อนาคตคือ แอคชั่น action การกระทำคิดดี พูดดี ทำดี หรือคิดชั่ว
    พูดชั่ว ทำชั่ว ในวันนี้ วันนี้ทำดี วันนี่แหละดี วันนี้ทำไม่ดี วันนี้แหละทำไม่ดี เห็นผล
    ลักษณะนิสัยที่กล่าวมา ทั้งหมดต้องสร้างต้องทำ ต้องเข้มแข็ง วันพรุ่งนี้ จะมาถึงหรือยังไม่มา
    เราทำวันนี้อย่างไร พรุ่งนี้ก็คือผลของวันนี้ เหมือนข้อ ๔.๕ นั่นเอง เชื่อมั่นในอนาคต
    ว่าอยู่ในชะตา ในกรรม ในเจตนา ด้วยการสร้างกำลังใจของเรา

    ๑.๗ - ๑.๘ เห็นถูกว่าบิดามารดา หรือคนเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อมรอบข้าง ตัวอย่างต้นแบบ ไอดอลของเรา
    มีผลต่อเรา ข้อนี้ก็คือ สถานการณ์ภายนอกที่มีผลต่อเรา(ครอบครัว)นั่นเอง เมื่อพิจารณาแล้ว
    ก็ให้ดูหลักข้ออื่นๆ ทุกคนมีกรรม มีเจตนา มีกำลังใจ มีทิศทางของใจถูกผิด เป็นของตัวเอง

    ๑.๙ เห็นถูกว่าผลของความสุข ความสำเร็จปรากฏขึ้นได้จริง เหมือนรางวัล และการลงโทษ ก็มีได้เหมือนกัน
    ขึ้นอยู่กับว่า เราจะมีกำลังใจถูกหรือผิด จะเลือกศึกษาวิชชาความสุข หรือวิชาความทุกข์ เลือก
    จะสำเร็จหรือล้มเหลว ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง

    ๑.๑๐ เห็นถูกว่า บุคคลที่สอนหรือเป็นตัวอย่างของการประสบผลของความสุขความสำเร็จมีจริง
    ตลอดจนพี่ๆ กัลยาณมิตรที่จะมาแนะนำอีกหลายๆ คนก็เป็นตัวอย่างของคนที่เคยล้มเหลวและสามารถ
    ประสบความสำเร็จได้ มีอยู่จริง ขอให้เราสู้ๆ นะครับ เป็นกำลังใจให้ ๑๐ ข้อนี้คือ สัมมาทิฏฐิ คือปัญญา
    ในการแก้ไขปัญหา ยังมีอีก ๖ ข้อเป็นทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหา เป็นหลัก มนุสสธรรม ๑๐

    ๒. คิดถูก ความคิดที่ถูกต้องเว้นงดอาหารของคนล้มเหลว

    ๒.๑ เว้นความคิดไปในทาง อยากได้อยากมีอยากเป็นที่ไม่สมเหตุสมผล เกินตัว
    ๒.๒ เว้นความคิดไปในทาง ขัดเคืองใจไม่พอใจในสิ่งที่ผ่านไปแล้วและเป็นอยู่
    ๒.๓ เว้นความคิดไปในทาง กระทบกระทั่งเบียดเบียน ตนเองและคนอื่นๆ
    เพราะพอใจอยากได้หรือไม่พอใจขัดเคืองใจข้างต้นทั้งสองข้อ

    ๓. พูดถูก พูดจาอ่อนหว่าน อ่อนโยน สัมมาวาจา ๔
    ๓.๑ ไม่โกหก
    ๓.๒ ไม่หยาบคาย
    ๓.๓ ไม่ส่อเสียด
    ๓.๔ ไม่เพ้อเจ้อ

    ๔.ทำถูก สัมมากัมมันตะ
    ๔.๑ มีเมตตาไม่เบียดเบียนทำร้ายสัตว์หรือคนเพราะทั้งคนและสัตว์ต่างก็รักชีวิต
    ๔.๒ มีกรุณา ไม่เบียดเบียนหยิบยืมหรือลักขโมยสิ่งของๆ คนอื่น
    ๔.๓ มีสติระงับ ป้องกันสิ่งยั่วยวนกามารมณ์ สื่อไม่เหมาะสมต่างๆ ก่อนวัยอันควร
    ๔.๔ มีสัจจะ ไม่พูดโกหกพูดเท็จ

    ๕.เลี้ยงชีพถูก สัมมาอาชีวะ
    ๕.๑ ห่างอบาย รู้จักหา รู้จักเก็บไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ขัดสน พอดีๆ

    ๖. พยายามถูก สัมมาวายามะ
    ๖.๑ พยายามพิจารณา นิสัยดีไม่ดีของตนเอง รวมถึงกิจกรรมสถานที่
    บุคคล ที่มีส่วนทำให้เกิดนิสัยที่ไม่ดี ให้เว้น พยายามสร้างนิสัยที่ดี กิจกรรม
    สถานที่ บุคคลที่แวดล้อมที่ดี
    ๖.๒ พัฒนานิสัยด้านดี คิดดีพูดดีทำดีมากๆ ขจัดอาหารของคนล้มเหลวออก

    ๗. ระลึกถูก สัมมาสติ
    ๗.๑ ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    ๗.๒ ระลึกถึงพ่อแม่ยาย ผู้มีพระคุณ
    ๗.๓ ระลึกถึงกาย ถึงใจ ตามความเป็นจริง

    ๘. ตั้งใจถูก
    ๘.๑ ตั้งใจทำความดี นิสัยดีๆ เพื่อเป็นกรรมในทางทีดี
    ๘.๒ ตั้งใจละความชั่ว นิสัยไม่ดีต่างๆ ที่จะเป็นกรรมติดตัว
    ๘.๓ ตั้งใจทำใจให้บริสุทธิ์ ปราศจากนิวรณ์กิเลส มีกามฉันทะ ความกำหนัด
    ยินดีพอใจ เกินตัว มีความพยาบาท มีความหดหู่กายหดหู่ใจ มีความฟุ้งซ่าน
    รำคาญใจ มีความลังเลสงสัย ไม่เชื่อในเหตุของความดี และผลของความดี
    ๘.๔ จิตตั่งมั่นรู้กายรู้ใจตามสภาพความเป็นจริง.

    มรรค ๘ ข้อปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2012
  4. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    คำแนะนำของกัลยาณมิตรอีกท่านหนึ่ง..

    ขอบคุณที่นำเรื่องราวชีวิตมาเล่าให้ฟังนะครับ

    ชีวิตนั้นบางทีก็แสนขมขื่นครับ บางจุดเมื่อมองออกไปมันน่าน้อยใจว่าทำไมต้องมาเกิดขึ้นกับเรา

    ปัญหาเรื่องเงินเอย เรื่องสุขภาพเอย ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับผู้คน และปัญหาอื่น ๆอีกมากมาย

    ซึ่งผมเชื่อว่าคุณคงจะมีอีกเยอะแยะ แต่ไม่ได้นำมาเล่า




    ปัญหาบางอย่างเราก็มองไม่ออกว่ามันเป็นโอกาสให้เราได้ยังไงนะครับ

    ถึงเป็นโอกาสก็คงไม่ใช่โอกาสที่เราจะยินดีกับมันสักเท่าไร เพราะเราไม่ได้ต้องการใช่ไหมครับ



    มันก็ยากเหมือนกันที่จะยอมรับได้นะครับ แม้เราจะเข้าใจว่า คนเราเกิดมา ด้วยกรรมที่แตกต่างกันออกไป

    แต่มันก็เหมือนยังไม่ได้ช่วยให้อะไร ๆ ดีขึ้น




    หลายอย่างเหมือนเราต้องพึ่งพึงผู้อื่น จนเหมือนเราไม่เป็นตัวของตัวเอง

    ผมเคยเห็นเคยอ่าน และคิดว่าคุณก็คงเคย เกี่ยวกับเรื่องราวของคนที่ช่วงชีวิตในวัยเด็กขมขื่น

    บางคน เป็นเด็กเร่ร่อน แต่มาประสบผลสำเร็จในชีวิต บางคนมาจากครอบครัวยากจน แต่ก็ต่อสู้มาจนตั้งตัวได้

    บางคนก็เป็นคนร่ำคนรวย




    ตัวอย่างแบบนี้มีอยู่ให้เราศึกษาครับ และผมเชื่อว่ายังมีอีกมาก

    จนนับไม่ได้ ที่เขาตั้งตัวได้ แม้ไม่ถึงกับรวย แต่ก็เรียกว่าพ้นความลำบากเรื่องการกินอยู่อาศัย

    เพียงแต่เราอาจจะไม่เคยได้เห็นได้รับรู้เท่านั้น




    บางครั้งความทุกข์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ มันไม่ได้ทุกข์มากเท่ากับเราใส่ ความทุกข์ลงไปในความคิดทุก ๆ วันนะครับ

    จริงอยู่เรื่องความคิดเรื่องการมองเห็นปัญหาที่ประดังเข้ามาทุกวัน

    หรือยังไม่ได้รับการแก้ไขจะเพิ่มขึ้นเสมอ ๆ จะทำให้คนเรามีความเครียดบ้าง



    แต่อยากจะให้เริ่มจากกายและใจนี้ครับ คุณต้องรักตัวคุณเองให้มาก ๆ ก่อน

    ใส่ใจในสุขภาพให้มากขึ้นครับ ดูแลตนเอง ออกกำลังกาย เรื่องจิตใจก็เหมือนกันครับ

    ใจรับเรื่องราวต่าง ๆมามากมาย เราอย่าไปซ้ำเติมใจตนเองนัก

    เช่น ชีวิตผมมันแย่ ผมมีปัญหา อย่างนั้นอย่างนี้ ตรงนี้เหมือนเรา ทำร้ายใจเราเองทางความคิดทุกวัน ๆ ครับ

    ผมไม่ได้ห้ามนะ แต่ให้พักบ้างสงสารหัวใจครับ



    ดูแลสุขภาพกายใจคุณให้ดีครับ ปัญหาของผู้ใหญ่นั้น ให้เป็นเรื่องของท่านครับ

    คุณก็ต้องมาดูว่า ปัญหา ที่เป็นของคุณจริง ๆ แล้วคุณพอจะทำอะไรได้มีอะไรบ้าง





    เช่น ปัญหาเรื่อง เพื่อน ดูสิว่าเราพอจะทำอะไรได้บ้างให้เรามีเพื่อน

    หรือทำอย่างไรบ้างจึงจะมีเพื่อนที่ดี (ควรจะรู้นะครับ เพื่อนที่ดีคืออะไร)

    ความจริงใจ คือ จุดเริ่มต้นของมิตรภาพในความคิดผมนะ

    (มองให้ดี ตัวของคุณเป็นเครื่องกรองเพื่อนที่ดีเข้ามาครับ เพราะตัวคุณไม่มีอะไรมีแต่มิตรภาพจริง ๆ )


    ปัญหาเรื่องเงิน ดูสิว่า มันไม่พอ เราพอจะทำอะไรได้บ้างไหม

    มีช่องทางไหนบ้างที่ไม่ทำลายอนาคตตนเอง (ไม่ใช่ไปค้ายา หรือไปอบายมุขนะครับ)

    หาจ๊อบเสริมได้ไหม คำนึงถึงผลการเรียนด้วยนะครับ


    ผมเห็นคนตัวอย่างคนประสบความสำเร็จเขาสู้ ขยันทำงานและอดออม กับมีคุณธรรมนำชีวิตนะครับ


    ทีนี้ปัญหาอื่น ๆที่เราควบคุมไม่ได้ เช่นแม่ พ่อ ฯลฯ เราก็ไม่ต้องไปอะไรครับ

    เราต้องช่วยตัวเองให้ได้ก่อนครับ

    สู้นะครับ ใช้คุณธรรมนำชีวิต คุณไม่ตกต่ำแน่นอน

    ลำดับให้ได้ว่าอะไรที่เราทำได้ ควบคุมได้

    ให้ทำสิ่งนั้นและพัฒนาไปให้สุด เช่นคุณเรียนอยู่ ก็ตั้งใจเรียนให้ดีครับ

    สิ่งใดที่เราควบคุมไม่ได้ เช่นแม่ เราก็ต้องอดทนไปก่อนครับ

    เมื่อคุณโตขึ้น ช่วยตนเองได้แล้ว ถึงตอนนั้นคุณอาจจะช่วยแม่คุณได้ด้วย

    ซึ่งสมควรสำหรับคำว่า กตัญญู ครับ




    เอาตนเองให้รอดรักตนเอง และไม่ทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่นครับ

    พัฒนาตนเองแล้วคุณจะทำอะไร ๆ ได้อีกมากครับ เพื่อตัวคุณเองและคนที่คุณรักต่อไปครับ
     
  5. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    หวังว่าน้องจะมีกำลังใจเพิ่มและได้รับประโยชน์จากคำแนะนำข้างบนนะครับ
    ขอให้พ้นทุกข์ ประสบแต่ความสุขความสำเร็จตลอดไปครับ
     
  6. kiad

    kiad Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +86
    เคยไหมเวลาเราเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายสักอย่างนึงตอนนั้นใจเรารู้สึกทรมานมาก กลัว เสียใจ หรือถึงขนาดที่ไม่อยากอยู่ต่อไปเลย...แล้วพอเวลาผ่านไปสักพักเรามองย้อนเวลากลับไปช่วงเวลานั้นกับปัจจุบันที่ๆเรายืนอยู่ตรงนี้ลองเอามือจับตัวเองดูสิ...เห้ยเรายังอยู่นี่หว่ายังไม่ตาย ยังอยู่ จำความรู้สึกนี้แล้วจำไว้เพราะต่อไปเราก็จะเจอเรื่องที่ร้ายแรงอีกหลายๆเรื่อง แล้วเราก็จะผ่านมันได้ทุกๆเรื่องเหมือนที่ผ่านมานั้นแหละเพราะมันคือชีวิตคนมีสุขก็มีทุกข์ ตอนนี้แค่กำลังใจก็คงไม่พอแต่ต้องอดทนนะแล้วน้องจะผ่านมันไปได้ด้วยดี
     
  7. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    ขอเป็นกำลังใจให้น้องผ่านเรื่องราวที่เป็นปัญหาไปได้ให้เร็วที่สุดนะคะ อนุโมทนากับคุณ ddman ที่เขียนให้กำลังใจน้องเป็นอย่างดี น้องต้องสู้ ๆ อย่าท้อถอยนะคะ แล้วทุกอย่างมันจะผ่านไปด้วยดี ทุกคนต้องผ่านอุปสรรคในชีวิตกันทุกคนแต่ว่าจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับบุญกรรมที่เราทำมาในอดีตชาติด้วยนะคะ อย่าท้อแท้กับชีวิต และขอให้น้องตั้งใจเรียนให้จบนะคะ น้องจะได้มีอนาคตที่พบกับแสงสว่างและน้องจะมีกำลังใจว่าน้องเก่งจนสามารถผ่านพ้นกับมันมาได้ สู้ ๆ ค่ะ
     
  8. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,499
    โมทนา สาธุครับ
    เนื้อความค่อนข้างยาว แต่ด้วยสาระอันเป็นประโยชน์แล้ว
    กระผมจะกลับมาอ่านอีกครั้ง ต้องขออนุญาต กดอนุโมทนาล่วงหน้านะครับ
    ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งขึ้นไป
     
  9. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    ทางออกที่เหมาะสมสำหรับน้องในตอนนี้คือ ตั้งใจเรียนและจัดระเบียบชีวิตตัวเองใหม่ค่ะ

    น้องพึ่งอายุแค่ 15 เอง ชีวิตยังอีกยาวไกล สิ่งที่สำคัญคือการวางแผนอนาคตให้ตัวเอง มีเป้าหมายของตัวเอง อย่ามัวจมอยู่กับความทุกข์กับปัญหาที่แก้ไม่ได้ง่ายๆ อย่างเช่น ปัญหาของแม่กับครอบครัวใหม่ ปัญหาแม่ติดการพนัน ปัญหายายไม่ลงรอยกับแม่ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่แก้ไม่ได้ง่ายๆ อยากให้พักเอาไว้ก่อน ทำได้อย่างเดียวคือ ทำความเข้าใจสถานการณ์ต่างๆและทำใจ

    ก่อนอื่น อยากให้น้องเข้าใจคุณยาย ท่านอายุมากแล้วนะคะ ท่านคงไม่สามารถเข้าใจคนเป็นวัยรุ่นอย่างน้องเพราะวัยที่ต่างกันมาก แต่พี่ดูๆ สิ่งที่ท่านบ่นท่านเตือนมาก็ด้วยเจตนาดีนะ อย่างเรื่องเงินทองและการอ่านหนังสือเรียน ท่านก็คงอยากให้น้องช่วยประหยัดและตั้งใจเรียนน่ะค่ะ อยากเห็นหลานมีอนาคตที่ดี แต่ท่านอาจจะไม่รู้ว่าจะสอนอย่างไรหรือจะพูดอย่างไรให้น้องเข้าใจความหวังดีของท่าน ท่านก็เลยใช้การบ่นเป็นการสอน ถ้ารู้อย่างนี้แล้วก็อย่าทุกข์ใจกับการบ่นของคุณยายเลยนะคะ ถ้าน้องอยากให้ยายเข้าใจว่าตัวเองใช้จ่ายเงินอย่างสมเหตุสมผลแล้ว ก็ลองทำบัญชีรับ-จ่ายส่วนตัวในแต่ละอาทิตย์ให้ยายดูสิคะ ตัวเราเองก็จะได้ทบทวนดูด้วยว่ามีรายจ่ายอะไรที่ไม่จำเป็นหรือพอจะประหยัดได้อีกหรือเปล่า ไม่แน่นะ น้องอาจหาทางประหยัดขึ้นได้อีก

    เรื่องคุณแม่กับครอบครัวใหม่ น้องคงทำได้แค่ หากมีโอกาสดีๆ ที่จะคุยกัน ก็ขอร้องให้แม่เลิกเล่นการพนันเพราะมันเป็นสิ่งไม่ดี ทำให้เงินทองที่มีน้อยๆ อยู่แล้วยิ่งร่อยหรอลงไป ไม่ส่งผลดีกับใครเลย ส่วนเรื่องคุณแม่กับแฟนใหม่ ก็คงต้องปล่อยให้คุณแม่จัดการปัญหาของท่านไป อย่ามัวทุกข์ใจคิดซ้ำไปซ้ำมาว่าทำไมแม่ต้องมาชอบแฟนใหม่คนนี้ด้วย ไม่เกิดประโยชน์กับใครเลยเพราะเรื่องมันเกิดไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้มาก ให้ท่านจัดการปัญหาของท่านเองไปก่อน

    คุณพ่อ พี่มองว่าคุณพ่อน้องยังมีความรับผิดชอบที่ดีนะคะุ อย่างน้อยท่านก็ส่งเงินมาให้น้องกับแม่ใช้ทุกเดือน พี่ถึงอยากให้น้องตั้งใจเรียนและทำให้พ่อเห็นว่าเงินที่ท่านส่งมาให้เกิดประโยชน์ ได้ช่วยส่งเสริมอนาคตให้ลูก คราวหน้าหากขาดเหลืออะไรในเรื่องเรียน จะได้ขอให้คุณพ่อช่วยได้

    มาถึงตัวน้องเอง พี่อยากให้รู้ไว้ว่า ความทุกข์เป็นเรื่องธรรมชาติมีอยู่คู่กับชีวิตมนุษย์เราทุกเพศ ทุกวัย ทุกช่วงชีวิต เวลาเรามีความทุกข์ เรารู้สึกทุกข์ได้แต่อย่าจมอยู่กับมันนานเกินไป อะไรแก้ได้ก็แก้ไขไป อะไรยังแก้ไม่ได้ก็ต้องทำใจยอมรับและพยายามปล่อยวาง สิ่งสำคัญสำหรับน้องในตอนนี้คือการตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง อยากเรียนอะไร มีใจรักหรือมีความสามารถที่เด่นๆ ด้านไหน อยากจะประกอบอาชีพอะไรในอนาคต แล้วตั้งใจเรียน

    น้องอาจอยากจะใช้เวลาว่างผ่อนคลายโดยการเล่นเกมส์ อ่านนิยายหรือการ์ตูนบ้าง แต่อย่าให้การเรียนเสียหาย ส่วนเรื่องเพื่อน น้องก็เข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ บ้าง โดยเลือกทำกิจกรรมที่มันไม่ต้องใช้เงินเยอะและได้ประโยชน์ เช่น เล่นกีฬา บอล บาส ได้ออกกำลังกาย ได้เข้ากลุ่ม เดี๋ยวก็มีเพื่อนสนิทไปเอง แต่ระวังเพื่อนกลุ่มที่ชวนไปในทางไม่ดีด้วยนะคะ
     
  10. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ขอยกประสบการณ์คนที่เคยอยู่ในสภาพเลวร้ายมาก่อนมาให้พิจารณาครับ..

    ขอเรียนว่าในอดีตสมัยที่ผมเป็นเด็กผมก็เคยเจอปัญหาชีวิตมาไม่น้อยกว่าที่เล่ามาในกระทู้นี้นะครับ
    (ขนาดว่าค่าข้าวเย็นไม่มี และค่ารถเมล์กลับบ้านยังไม่มีเลย)
    แต่ผมก็ยังเอาตัวรอดมาได้ และสามารถหาเลี้ยงชีวิตได้ เลี้ยงดูครอบครัวได้
    ถามว่าทำยังไง?

    ข้อแรก ต้องเลิกพร่ำเพ้อพรรณนากับปัญหาชีวิตตนเอง แต่ให้ขยันครับ
    คือแทนที่จะมัวแต่บ่นคนโน้นคนนี้ น้อยใจในชะตาชีวิตตัวเอง
    กลับควรต้องระลึกว่าเราด้อยกว่าคนอื่นในด้านนี้ ก็แปลว่าเราต้องขยันกว่าเขา
    ไม่ใช่ว่าเราแย่กว่าเขาแล้ว เราดันใช้เวลาไปเล่นเกม หรือห่วงว่าจะไปทำกิจกรรมกับเพื่อน
    ยกตัวอย่างว่า เรากับเพื่อน ๆ จะเดินทางจากกรุงเทพไปลำปางด้วยกัน
    หากเพื่อนมีรถจักรยาน แต่เราเดินเท้าเปล่า เราก็ต้องขยันเดินและอดทนกว่าเขา
    เพื่อนหยุดพักเหนื่อยหรือนอน เราก็ต้องเดินต่อ ไม่ใช่ว่าเราจะอยากไปพักแบบเขา อย่างนี้ไม่ได้
    ฉะนั้นต้องเลิกขี้เกียจครับ จำไว้เลยว่า คนล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร ไม่ใช่ความขี้เกียจ

    ขอยืนยันว่าการร้องไห้น้อยใจในโชคชะตานั้น แก้ปัญหาไม่ได้แน่นอน
    เพราะสมัยก่อนผมก็เคยทำมาเหมือนกัน
    จนถึงจุดหนึ่งที่ผมพบว่าเป็นการโง่และเสียเวลามากที่ทำเช่นนั้น
    ผมจึงนำพลังงานและเวลาไปทำประโยชน์ดีกว่า

    ข้อสอง ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากกว่านี้ ต้องรู้จักวางแผนว่าจะใช้เวลาทำอะไร
    ต้องมีเป้าหมายชีวิตว่าเราอยากจะพ้นจากสภาพลำบาก เราต้องตั้งใจเรียน
    ต้องรู้จักประหยัดมัธยัสถ์ ต้องขยันทำงาน แล้วก็จะทำให้ชีวิตดีขึ้น
    หากปล่อยลอย ๆ ไปวัน ๆ ปัญหาก็ไม่หมดไปหรอกครับ มีแต่จะแย่ลงเรื่อย ๆ
    หากมีเป้าหมายชีวิตแล้ว ก็ขยันตั้งใจทำให้ดี

    หากอยากจะพักผ่อนแล้ว ไม่ควรเล่นเกม แต่ควรจะไปวิ่งออกกำลังกาย
    หรืออ่านหนังสือธรรมะ หรือทำกิจกรรมอื่นที่เป็นประโยชน์จะดีกว่า
    นิยายนั้นควรจะเลิกอ่านไปก่อนครับ เว้นแต่จะเป็นอัตชีวประวัติของท่านที่สู้ชีวิต
    หากเป็นนิยายแต่งสนุกสนานนั้นควรงดครับ เพราะยิ่งอ่านยิ่งเพ้อฝันเสียเวลา
    มันไม่ใช่เรื่องจริง ก็กลายเป็นว่าเราไปหมกมุ่นกับสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องจริง
    พออ่านจบ ปิดเล่มปุ๊บ กลับมาสู่โลกแห่งความจริง ก็กลุ้มอีกแล้ว
    เพราะฉะนั้น หากจะอ่านอะไรก็ควรอ่านของจริง ชีวิตจริงครับ จะมีประโยชน์มากกว่า
    การที่หลบโลกแห่งความจริงไปอยู่ในโลกแห่งนิยายนั้นไม่ได้ช่วยอะไรได้

    ข้อสาม ฝึกหัดรู้จักรับผิดชอบ ต้องพยายามช่วยผ่อนภาระของพ่อแม่และยาย
    ในเมื่อบ้านเราฐานะลำบาก ก็ควรต้องพยายามผ่อนภาระของผู้ใหญ่
    พยายามลดค่าใช้จ่าย และหากสามารถหางานนอกเวลาทำได้ ก็ควรทำ
    ผมไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตก็เห็นเด็กมัธยมทำงานช่วยหยิบของใส่ถุงก็มี
    หรือไปที่ร้านเซเว่น และเห็นเด็ก ปวช ปวส ทำงานนอกเวลาก็มี
    เด็กคนนี้ทำงานอะไรบ้างหรือไม่

    ข้อสี่ รู้จักกตัญญูกับคุณยาย และพ่อแม่
    คุณยายท่านอุตส่าห์เลี้ยงดูเรา และสั่งสอนเรา
    เราก็ควรจะทำตัวให้ดี และรู้จักตอบแทนบุญคุณท่าน ทำให้ท่านสบายใจ

    ข้อห้า หากมีเวลาเหลือ ก็แบ่งเวลาศึกษาและปฏิบัติธรรมครับ
    จะได้ไม่พลาดเดินหลงไปในทางที่ผิด และหากรู้ธรรมะแล้ว
    อีกหน่อยก็จะสามารถช่วยเหลือแนะนำยาย และพ่อแม่ได้

    ปลูกข้าวก็ได้ต้นข้าว ปลูกถั่วก็ได้ต้นถั่ว
    ทำอะไรก็ได้รับผลเช่นนั้น หากต้องการมีอนาคตที่ดี ก็ต้องลงทุนทำปัจจุบันให้ดี
     
  11. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    เรื่องค่าใช้จ่าย อาทิตย์ละพัน เดือนหนึ่งก็ตกสี่พันบาท ถ้าอยากให้พี่ป้าน้าอาลุงในเว็บนี้ช่วยกันคิดบริหารให้หน่อยก็ลองบอกรายละเอียดให้ฟังหน่อยก็ได้นะคะ

    รู้แต่ว่า อาหารหลักของเด็กชาวหอพักคือ มาม่า ไข่ ข้าวสารไว้หุงทานเอง น้ำปลา น้ำพริก ของเหล่านี้มีอยู่ติดหอไว้ :cool:
     
  12. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    <big><big> เจาะใจ..อดีตเด็กเร่ร่อน...ดิ้นรนสู้ชีวิตจนเรียนจบด็อกเตอร์

    </big></big>
    จากเด็กเร่ร่อนที่อาศัยอยู่กับแม่ที่ประกอบอาชีพเก็บขยะขาย
    ใครจะไปคาคดิดว่า ในอนาคตข้างหน้าเขาจะสามารถคว้าใบปริญญามาให้แม่ได้ชื่นชมสมใจ
    หนำซ้ำยังเป็นปริญญาเอกที่ทำให้เด็กชายคนนี้ภูมิใจอย่างที่สุดในฐานะด็อกเตอร์
    เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา รายการเจาะใจ ทาง ททบ.5 จึงได้เชิญชายคนนี้มาร่วมพูดคุย
    ปัจจุบันเขาคืออาจารย์ภาควิชาวิศวอุตสาหการ ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี..."ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ"


    จะว่าไปเรื่องราวของอาจารย์กุลชาติก็เหมือนกับนิยายเรื่องหนึ่งที่เริ่มต้นมาด้วยความยากลำบาก
    แต่เพราะความพยายามและตั้งใจ ทำให้เขาประสบความสำเร็จในตอนท้าย
    โดยอาจารย์ เล่าให้ฟังว่า ครอบครัวของเขาเป็นชาวชุมพร
    เขาจำความได้ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ว่ามีพี่น้องทั้งหมด 5 คน เขาเป็นลูกคนที่ 4
    คุณพ่อทำงานเป็นคนขับรถทัวร์ ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้าน ชีวิตในช่วงนั้นมีความสุขมาก
    แต่หลังจากนั้นได้ 2 ปี พ่อกับแม่ก็มีปัญหาทะเลาะกัน
    เขาเห็นพ่อใช้ค้อนทุบรูปภาพของตัวเองพร้อมกับประกาศว่า
    "ต่อจากนี้จะไม่มีพ่ออยู่ในบ้านแล้ว"
    ก่อนที่พ่อจะพาน้องสาวคนเล็กไปด้วย และไม่กลับมาที่บ้านอีกเลย

    หลังจากคุณพ่อและคุณแม่ของอาจารย์แยกทางกัน
    คุณแม่ซึ่งต้องเลี้ยงดูลูก ๆ อีก 4 คน ไม่มีเงินพอจะเช่าบ้านอยู่ต่อ
    จึงได้ไปเช่าโกดังเก่า ๆ อยู่ ในราคาเดือนละ 350 บาท
    พร้อมกับออกไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ต่างจังหวัด
    เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว และส่งเงินกลับมาให้ลูก ๆ เดือนละ 500 บาท
    เท่ากับว่าในแต่ละเดือน 4 พี่น้องจะมีเงินเหลือใช้เพียงแค่ 150 บาทเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม หลังจากทนความลำบากได้เพียงไม่กี่เดือน
    พี่สาวคนโต และพี่ชายของอาจารย์ก็ตัดสินใจหนีออกจากโกดังไปใช้ชีวิตเอาดาบหน้า
    เหลือเพียงเขากับพี่สาวอีกคนที่ต้องดิ้นรนใช้ชีวิตต่อไป
    แม้กระทั่งบากหน้าไปขอข้าวข้างบ้านกิน แต่ทำอย่างนี้อยู่เพียงแค่ 2 เดือน
    ในที่สุด พี่สาวคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็หายออกจากบ้านไปอีก
    ทิ้งอาจารย์ในวัย 6 ขวบ ให้อยู่ที่โกดังเพียงคนเดียว
    ซึ่งอาจารย์บอกว่า ช่วงนั้นเป็นชีวิตที่มีอิสระมาก
    เขาเอาแต่นอนทั้งวัน จนหิวถึงได้ลุกไปที่ บขส. เพื่อหาข้าวที่คนกินเหลือประทังความหิว
    ซึ่งเขาก็ถูกแม่ค้าไล่อยู่บ่อย ๆ จนชิน


    อาจารย์ เล่าต่อว่า ในวัยเด็กเขายังเคยไปเดินเร่ร่อนขอเงินจากผู้โดยสารตามท่ารถ
    ถ้าได้เงินก็จะนำไปซื้อข้าวกิน บ่าย ๆ ก็ไปเล่นเกมกับเพื่อนตามประสาเด็ก ๆ
    พอตกเย็นก็กลับไปนอนที่โกดัง แต่อยู่ไปสักพัก โกดังก็ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ
    เพราะไม่มีใครไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ แต่อาจารย์ก็ยังคงอยู่ในโกดังแห่งนั้น
    ไม่ได้อาบน้ำ แปรงฟัน และไม่กล้าไปเรียน
    เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงชุดนักเรียนเพียงชุดเดียว
    ซึ่งสภาพก็ดูมอมแมม ทำให้เพื่อน ๆ ไม่มีใครกล้าคุยด้วย
    แต่เขาจะเลือกไปโรงเรียนเฉพาะในวันที่โรงเรียนแจกนมถั่วเหลืองเท่านั้น
    เพราะช่วยคลายความหิวให้ตัวเองได้


    ตลอดชีวิตในช่วงวัยเด็ก อาจารย์กุลชาติต้องต่อสู้กับชีวิตมาตลอด

    ทั้งไปขอข้าวกินตามวัด หรือตามงานเทศกาลต่าง ๆ
    แม้กระทั่งเป็นเด็กเก็บกระทง เด็กรับใช้วิ่งซื้อของ
    เรียกว่าทำทุกอย่างไม่ต่างจากเด็กจรจัดทั่วไป
    แต่ถึงชีวิตจะลำบาก ถูกตำรวจจับก็หลายครั้ง
    เขาก็ไม่คิดย้ายไปอยู่กับเพื่อนเหมือนกับพี่ชายพี่สาวที่หนีไปก่อนหน้านี้
    เหตุผลเดียวก็คือ เขาต้องการรอแม่
    เพราะกลัววันใดที่แม่กลับมาแล้ว จะไม่เจอลูก ๆ เหลืออยู่เลยแม้แต่คนเดียว


    และหลังจากใช้ชีวิตเพียงลำพังมา 2 ปี ในที่สุด "แม่" ก็กลับมาจริง ๆ
    และบอกว่าจะไม่ทิ้งลูกไปอีกแล้ว อาจารย์บอกว่า นี่คือช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุด
    แม้จะถูกแม่ตีบ่อย ๆ เพราะติดนิสัยไม่ยอมตื่นไปโรงเรียน
    แต่เขาก็เข้าใจว่า แม่หวังดีเพราะอยากให้เขามีความรู้
    ขณะเดียวกัน เขากับแม่ก็ช่วยกันเก็บขยะขายของหาเงินเลี้ยงชีพไปพร้อม ๆ กัน
    และแม่ก็พร่ำสอนให้เขาเลิกเป็นขโมย




    เมื่อถามจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้เขาขวนขวายเรียนหนังสือคืออะไร?
    ดร.กุลชาติ บอกว่า เพราะวันหนึ่งส้วมที่บ้านเต็ม ราดเท่าไหร่ก็ไม่ลง
    แม่ของเขาตัดสินใจใช้ค้อนทุบบ่อเกรอะด้วยตัวเอง
    และใช้กระป๋องสีตักสิ่งปฏิกูลยกไปทิ้งทีละถัง ๆ ตลอดทั้งคืน


    "ผมมองเห็นแม่ทำแบบนั้นทั้งคืน ผมคิดในใจว่าท่านยอมทำขนาดนี้เพื่อลูก
    เขาแค่อยากให้ผมไปเรียนเอง ตีผมทุกวันเพื่อให้ผมไปเรียน ทำไมผมถึงไม่ยอมไป
    เทียบแล้วแม่ลำบากกว่าเรามาก ก็เลยตั้งเป้าจะไปเรียนให้ได้" อาจารย์กุลชาติ บอก

    หลังจากนั้น ดร.กุลชาติ ก็ปฏิวัติตัวเองใหม่ ตื่นแต่เช้า ออกไปช่วยแม่เก็บขยะตั้งแต่ตี 4
    เสร็จสรรพ 7 โมงเช้าก็ไปเข้าห้องเรียน เพื่อตั้งใจเรียนหนังสือ
    กระทั่งวันหนึ่งความพยายามของเขาก็ประสบความสำเร็จ
    เมื่อสามารถสอบได้เป็นที่ 5 ของห้อง จากเดิมที่เคยได้ที่โหล่
    และยังได้รับทุนเด็กเรียนดีมาช่วยเหลือ
    ในตอนนั้น ดร.กุลชาติ ตั้งใจจะเรียนสายอาชีพ เพื่อจะเป็นช่างเชื่อม จะได้หาเงินมาเลี้ยงดูแม่

    <center><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table bgcolor="#222244" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td>

    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></center>ขณะเดียวกัน นอกจากรายการจะได้เชิญ ดร.กุลชาติ มาร่วมพูดคุยแล้ว
    ยังได้เชิญคุณแม่ของอาจารย์มาเล่าถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมาด้วย
    โดยคุณแม่บุษรี จุลเพ็ญ เล่าว่า ที่เน้นย้ำให้ลูกชายต้องเรียนหนังสือ
    เพราะถูกคนรอบข้างสบประมาทว่า เธอไม่เอาลูกแล้ว ทำให้ลูกเป็นเด็กจรจัด
    เธอจึงตั้งใจจะเลี้ยงลูกให้ได้ดี เพื่อลบคำสบประมาทดังกล่าว
    และสิ่งที่จะทำให้ลูกได้ดีได้ก็คือการเรียนหนังสือ


    คุณแม่บอกอีกว่า คนส่วนใหญ่มองว่า พวกเขาเป็นคนขี้ขโมย ไม่น่าคบหา
    ซึ่งเธอก็ได้สอนลูกไปว่า ไม่ต้องอายที่คนมองแบบนั้น
    แต่เราต้องอยู่ให้ได้ เพื่อพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่า
    เราไม่ได้เป็นแบบนั้น ลูกแค่เป็นเด็กหลงทางไปชั่วขณะเท่านั้น

    แต่ทว่า หลังจากอาจารย์กุลชาติเรียนจบชั้น ปวช. ก็มาพบว่า
    คุณแม่ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกต้องมารักษาตัวที่กรุงเทพมหานคร
    เหตุการณ์นั้นทำให้เขาตัดสินใจศึกษาระดับชั้น ปวส. ต่อ
    โดยคิดว่า หากเรียนจบแค่ชั้น ปวช. คงได้เงินเดือนไม่เท่าไหร่
    แต่หากเรียนต่อน่าจะได้เงินเดือนมากขึ้น เขาจึงตัดสินใจไปเรียนต่อ ปวส. ที่สงขลา
    โดยขอให้แม่ช่วยส่งเสียให้เดือนละ 2,000 บาท
    แต่เมื่อวันหนึ่ง เขารู้ว่าแม่ส่งเงินให้ไม่ไหวแล้ว
    เขาจึงตัดสินใจไปทำงานกะกลางคืนที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เพื่อส่งเสียตัวเอง

    มีต่อ....
     
  13. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ในที่สุด อาจารย์กุลชาติก็เรียนจบชั้น ปวส. แต่มีความคิดจะเรียนต่ออีก 2 ปี
    เพื่อเอาวุฒิปริญญาตรีด้านวิศวกรรม คุณแม่จึงตัดสินใจไปกู้เงินหมื่นมาจ่ายค่าเทอมให้
    อาจารย์ได้เรียนวิศวกรรมสมใจ กระทั่งวันหนึ่ง อาจารย์ตัดสินใจเลือกรับทุนของมหาวิทยาลัย
    เพื่อจะได้เรียนต่อ แต่ต้องแลกกับการใช้ทุนด้วยการเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยที่
    ตอนนั้นได้เงินเดือนราว ๆ 6 พันกว่าบาท ต่างจากอาชีพวิศวกรที่จะได้เงินเดือนสูงถึง 15,000 บาท
    แต่อาจารย์ก็ยินยอม เพื่อจะได้มีโอกาสได้เรียนหนังสือให้สูงขึ้น


    หลังจากเรียนจบชั้นปริญญาตรี อาจารย์บอกว่า เป็นความภูมิใจที่สุด
    เพราะทำให้แม่ได้เห็นภาพเขารับปริญญาจนได้
    ขณะที่เด็ก ๆ รุ่นเดียวกันในละแวกบ้านไม่มีใครได้รับปริญญาเลย
    หลังจากนั้น เขาก็ทำงานเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาชั้นปริญญาตรี
    แต่เพราะตัวเองก็จบชั้นปริญญาตรีเช่นกัน ทำให้วิชาพื้นฐานที่สอนชนกัน
    จึงตัดสินใจเรียนต่อเพื่อให้มีวุฒิสูงกว่าปริญญาตรี
    เขาจึงยื่นขอทุนเรียนปริญญาโทจากมหาวิทยาลัย


    เมื่อเรียนจบปริญญาโทแล้ว ทางมหาวิทยาลัยมีโครงการจะเปิดหลักสูตรปริญญาโทอีก
    ดังนั้นจึงต้องหาบุคลากรที่มีวุฒิการศึกษาสูงกว่าปริญญาโท เพื่อมาสอนนักศึกษา
    อาจารย์กุลชาติจึงตัดสินใจรับทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกที่ประเทศญี่ปุ่น
    แต่ก็เจอปัญหาใหญ่ เพราะเขาไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย
    แต่สุดท้ายอาจารย์ก็พยายามขวนขวายจนคว้าปริญญาเอกมาได้สำเร็จ

    ทั้งนี้ อาจารย์ตั้งใจไว้ว่าจะพาแม่มางานรับปริญญาที่ญี่ปุ่นให้ได้
    เขาจึงเจียดเงินทุนการศึกษาเก็บไว้เป็นค่าตั๋วเครื่องบิน
    และค่าอื่น ๆ เพื่อให้แม่เดินทางมาเห็นความสำเร็จของเขา
    พร้อมกับพาครอบครัวไปเที่ยวด้วยกัน


    "วันรับปริญญา ตอนที่ออกมาจากหอประชุม พอเปิดประตูปุ๊บ ผมเห็นแม่ยืนหน้าประตู
    ความรู้สึกแรกที่อยากเข้าไปทำก็คือ อยากเข้าไปกราบเท้าแม่มาก
    ที่ผมมาถึงตรงนี้ได้ ถ้าไม่มีแม่วันนั้นที่คอยเคี่ยวเข็ญเรามาขนาดนี้ ผมคงมาไม่ถึงวันนี้ได้
    ผมเห็นแม่ปุ๊บ ผมก้มลงกราบเลย คนญี่ปุ่นงงกันหมดว่าเกิดอะไรขึ้น
    ส่วนแม่ผมก็ร้องไห้ด้วยความซาบซึ้ง" ดร.กุลชาติ เล่าวินาทีแห่งความประทับใจ


    ขณะที่คุณแม่ก็บอกว่า ในวันนั้น น้ำตาที่ไหลออกมาเป็นน้ำตาของความดีใจที่รอมานานหลายปี
    และเธอก็สอนลูกเสมอว่า คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้
    คำสอนของคุณแม่ที่จดจำอยู่ในใจเสมอมา ทำให้ในวันนี้ ดร.กุลชาติ สามารถพิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้วว่า

    "คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้"

    นี่ไม่ใช่คำพูดที่เกินความจริงเลยแม้แต่น้อย
    เพราะจากต้นทุนชีวิตติดลบที่ต้องเกิดมากลายเป็นเด็กเร่ร่อน ขออาหารคนอื่นกินประทังหิวไปวัน ๆ
    แต่มาถึงวันหนึ่ง เขาตัดสินใจเลือกเดินในเส้นทางที่จะเป็นคนดี และใฝ่เรียน
    ทำให้ ณ วันนี้ เด็กชายเร่ร่อนคนนั้นได้กลายมาเป็น "ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ"


    "มีคนถามผมเยอะว่าชีวิตที่ผ่านมา ผมได้แง่คิดอะไรบ้าง อะไรมันสอนผมบ้าง
    ผมก็พยายามคิดหาคำตอบให้กับตัวเองเหมือนกันว่าอะไรที่ผมต่างจากคนอื่น
    ผมมองว่า มันก็คือคำพูดที่ทุกคนเคยได้ยินกันมาเสมอว่า

    ความลำบากสอนให้คุณอดทน
    ความลำบากสอนให้คุณพยายาม
    สอนให้คุณมีเป้าหมายในชีวิต

    ถ้าไม่ลำบากก็ไม่เจอสิ่งนั้น

    ผมถือว่าผมโชคดีที่เกิดมาจน

    ผมขาดโอกาสจากความจน เราต้องสร้างโอกาสให้กับตัวเอง
    ทำตัวเองให้พร้อม ทำขึ้นมาเองกับมือแล้วมันจะมีความภาคภูมิใจมากกว่า"

    ...นี่คือเรื่องจริงที่ยิ่งกว่านิยายจากชีวิตของ ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ


    ที่มา hilight.kapook.com/view/76161
     
  14. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    อ่านเรื่องของ ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ ที่คุณ ddman นำมาแปะแล้ว น่าชื่นชมมากค่ะ หวังว่าจะเป็นกำลังใจให้กับน้องเจ้าของกระทู้ได้เป็นอย่างดี


     
  15. เขามอ

    เขามอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +539
    ไอ้หนู สู้ อย่ายอมแพ้ ชะตาชีวิต ที่มัน มีขึ้น มีลง มีสุข มีทุกข์ ปนกันไป ในโลกนี้ไม่ได้มีเราคนเดียวที่มีปัญญหาชีวิตแบบนี้ พิจารณาทำตามคำแนะนำ ที่ พี่ ป้า น้า อา เขาแนะนำ เชื่อว่าภายหน้าจะได้ดีอย่างแน่นอน
     
  16. combatgirl

    combatgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +121
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=_hiQyqnhgUE]โปรอ๋อ ทูไนท์โชว์ 1(1/3) - YouTube[/ame]
    ลองดูลิงค์นี้นะคะ หรือติดตามเฟสบุ๊คของคุณ อ๋อ แอ็คชั่น
    จากอดีตเด็กกำพร้าอายุ6ขวบ ที่ไม่เคยได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นจากพ่อแม่ ซ้ำร้ายด้วยความอดอยากยากแค้นจนบางเวลาไม่มีแม้อาหารจะยาไส้ แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นฟันฝ่าท้าทายโชคชะตา ด้วยความดันทุรัง หยาดเหงื่อและน้ำตา จนทำให้เขาก็ได้ก้าวขึ้นไปยืนบนบันไดขั้นที่สูงที่สุด คือการเป็นผู้ประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต ได้รับการยอมรับจากการแข่งขันกีฬาระดับโลก ในฐานะช่างภาพ100ล้าน และเป็นช่างภาพเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพรีเซนเตอร์ และแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ของบริษัทชั้นนำต่างๆทั่วโลก ชัยชนะที่เขาได้รับในวันนี้ก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการอุทิศตนเพื่อสร้างมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ เป็นสายพันธุ์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เป็นสายพันธุ์ที่เกิดมาพร้อมความเชื่อที่ว่า “ถ้าตั้งใจจริง...ทุกสิ่ง...เป็นไปได้"
    เมื่อเกิดมาแล้วตอนนี้ ทางเลือกเดียวของน้อง คือต้องดำเนินชีวิตไปให้ถึงความสำเร็จ
    หลายคนที่พี่เคยพบเห็นมา เขามีความสุขกับชีวิต มีรถขับ มีเงินเป็นล้าน แต่เดินไม่ได้ น้องยอมแลกกับชีวิตแบบเขาไหม ความสะดวกสบาย แต่พิการ หรือเลือกที่จะเป็นคนเดิม แต่เปลี่ยนความคิดเพื่อต่อสู้จนพบความสำเร็จในที่สุด
    เป็นกำลังใจให้ค่ะ
     
  17. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    มาเป็นกำลังให้น้องด้วยคนค่ะ..สู้สู้น๊ะค๊ะ
     
  18. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    "ถ้าท้อเป็นเพียงถ่าน... ถ้าผ่านจึงเป็นเพชร"

    [​IMG]


    ถ้าท่านกำลังได้รับความกดดันอยู่ จงอดทน จงอดทน
    ถ้าท่านกำลังถูกเคี่ยวถูกสับ ให้คิดว่าเพียงแค่นี้ จะทำให้เป้าหมายเราสั่นคลอนได้หรือ?
    ถ้าสถานการณ์กำลังบีบคั้น แสดงว่าชัยชนะกำลังรออยู่ข้างหน้า
    ถ้ายังถูกโหมกระหน่ำอีกให้รู้ตัวว่า ท่านกำลังใกล้จะเป็นเพชรเต็มที่แล้ว....
    ในสถานการณ์เช่นนี้ หากหยุดคิดพิจารณาอย่างมีสติ

    ย่อมจะเกิดปัญญาพบหนทางสว่างได้เสมอ จงมุ่งมั่นอาจหาญสง่างาม เสมือนดั่งเพชร
    แม้เพชรจะตกอยู่ในสภาวะทุกข์ยากลำบาก อ้างว้างและโดดเดี่ยว

    แต่เพราะเพชรไม่เคยย่อท้อต่อสู้เรื่อยไป

    ให้ถือว่าทุกอย่างเป็นบทเรียนและบทฝึกตัวเองเสมอ จนกาลเวลาผ่านไป

    เพชรจึงภูมิใจในตัวของมันเอง และด้วยความอดทนถึงที่สุดนั่นเอง

    เพชรจึงเป็นอัญมณีล้ำค่า ควรแก่การประดับมงกุฎของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่
    จากอดีต... ปัจจุบัน....ตลอดไปในอนาคต
     
  19. siwatcha

    siwatcha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +1,242
    ขอเป็นกำลังใจและแรงใจนะ ขอให้น้องฮึดสู้นะเพื่อตัวหนูเอง อย่าสิ้นหวัง อย่าท้อถอย หนูอ่านคำแนะนำจากท่าน ddman ไว้นะลูก ที่อุตส่าห์ไปหา ตัวอย่างที่ รำเค็ญ และดันเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย มาให้ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจนะตอนนี้หนูต้องรักตัวเองให้มากๆ นะ ตั้งใจเรียนเพื่อตัวหนูเองจะได้เป็นที่พึ่งให้แก่ตัวได้ในอนาคต พร้อมกำหนดหมายไว้เลยว่าเราจะเรียนอะไร? ยังไง ที่ไหน ต่อไป? สำคัญมากนะตัวนี้จะเป็นตัวเปลี่ยนปัจจุบันที่ขมขื่นนี้ ให้เป็นสิ่งที่สดใสและดีมีสุขได้ในอนาคตนะ สร้างกำลังใจนะคะดิฉันเชื่อว่าหนูทำได้แน่นอน เพราะจากตัวอย่างของ ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ ขอให้ดูเพื่อเป็นแบบอย่างของคนสู้ชีวิตที่ไม่ยอมแพ้ หรือยอมจำนนต่อ โคตรอุปสรรคที่ท่านได้เจอมาก่อนจะผ่านไปและมีความสุข
    สุดท้ายนี้ ขอให้หนูสวดมนต์ไหว้่พระทุกวันและแผ่เมตตาเป็นประจำ สวดบทพาหุงมหกาของหลวงพ่อจรัล และต้องสวดอิติปิโส ให้เกินอายุ 1 คาบ ทุกวันนะ เพราะดิฉันเชื่อว่าธรรมมะของพระพุทธเจ้าจะคุ้มครองหนูให้ผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้ และท้ายที่สุดจริงๆ คราวนี้ ดิฉันขอให้บุญที่ดิฉันจะไปร่วมหล่อสมเด็จองค์ปฐม(พระพุทธเจ้าสิขี ที่ 1) ในวันที่ 30-31 มีนาคม 2556 นี้ที่ สวนพทธธรรม สุพรรณบุรี นี้ และบุญที่ดิฉันก็เพียรทำมาตลอด และด้วยพระบารมีมีอาจประมาณของสมเด็จองค์ปฐม และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน(พระโคดม), หลวงพ่อโสธร(ที่มีพระคุณยิ่ง), พระโพธิสัตย์กวนอิม(พระผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาและมีบุญคุณกับดิฉันอย่างที่สุด), สมเด็จ(โต) วัดระฆัง(พระผู้ช่วยชีวิตดิฉัน),และัหลวงพ่อพระอุปคุต(พระที่ดิฉันเคารพรักนับถือจริงจัง) พร้อมด้วยจิตวิญญานของความเป็นแม่ที่รักลูกสุดใจจงอำนวยอวยพรและส่งผลให้หนูจงเป็นเด็กดี ทั้งร่างกายและจิตใจ การใดที่จะกระทำด้วยสุจริตแล้วไซร้ขอให้บังเกิดผลสำเร็จเห็นเป็นอัศจรรย์ด้วยเทอญ
     
  20. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    อ่านแล้ว

    รู็สึกว่า น้องเป็นเด็กน่ารัก มาก
    ที่ไม่ได้มีความ แค้นเคืองพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด
    และเห็นใจน้องเล็กรักน้อง ไม่ขี้อิจฉา ด้วย
    ซ้ำยังมองเป็นว่าตนเป็นเด็กธรรมดา ด้วย
    ซ้ำยังรู้ประมาณตน ฐานะ ไม่หวั่นไหวฟุ้งเฟ้อ ไปกะเพื่อนฝูงวัยเดียวกัน

    เพื่อนน้อง เค้าก็อยากคบน้องนั่นล่ะ ไม่มีใครรังเกียจหรอก ที่เค้าว่าอย่างนั้นเพราะอยากสนิทกะเราด้วยน่ะค่ะ แต่เค้าไม่เข้าใจสถาณการณ์ ของครอบครัว น้องเท่านั้นเอง

    กับเรื่องคุณยาย ขี้บ่นนั้น ท่านเป็นไปตามวัยค่ะ และท่านก็รักเป็นห่วงหลานด้วย
    เราเข้าใจเห็นใจท่าน แล้วก็เล่นเกมส์ต่อไปได้ เราพิจารณาเอาตามสมควร ว่าเล่นเกมส์ตอนไหน ทำงานบ้าน ทำการบ้านตอนไหนให้ถูกเรื่องก็แล้วกันค่ะ

    ขอเพียงพ่อคุณอย่ารีบมีแฟนนะคะ
    เดี๊ยวจะประสบทุกข์มหาศาลกว่าเดิม
    ตั้งใจเรียน ยอมรับและต่อสู้ความจริงตรงหน้า ให้จงดี

    ปล.น้ามีหลานสาวน่ารักมากๆ ค่ะ ๕๕๕๕อีกสิบปี อนุญาติให้จีบได้นะ ถ้าตัวเองยังไม่แฟน
     

แชร์หน้านี้

Loading...