องค์กรชาวพุทธฯ สนองพระราชดำรัส เลิกหนุนพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 12 สิงหาคม 2007.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>องค์กรชาวพุทธฯ สนองพระราชดำรัส เลิกหนุนพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 สิงหาคม 2550 15:09 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ประธานองค์กรชาวพุทธฯ สนองพระราชดำรัส ยุติการเคลื่อนไหวบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ ด้านพระเทพวิสุทธิกวี หยุดบทบาทเช่นเดียวกัน แต่เรียกร้องให้หาวิธีอื่นส่งเสริมให้พุทธศาสนามีความมั่นคงอยู่รอดได้

    พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล ประธานองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า องค์กรชาวพุทธฯ ซึ่งมีเครือข่าย 800-900 องค์กร ซึ่งทำงานเทิดทูน 3 สถาบันสูงสุดของประเทศ เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาไว้ องค์กรชาวพุทธฯ จะยุติการเคลื่อนไหวให้มีการบัญญัติ
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6100​

    พายเรือทางเดียวกัน พระราชินี ทรงเตือนคนไทย


    แก้ปัญหาศก.-อุปสรรค พุทธไม่ควรอยู่ในรธน. ช่วยรักษาแม่น้ำ-ป่าไม้



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 11 ส.ค.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถทรงมีพระราชดำรัสแก่พสกนิกรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ทรงแนะไม่ควรนำพระพุทธศาสนาไปยุ่งกับการเมือง ควรเทิดทูนไว้เหนือเกล้า เพราะเป็นสิ่งประเสริฐสุด ทรงเป็นห่วงป่าไม้ ขอให้คนไทยช่วยกันอนุรักษ์ ทรงแนะคนไทยพายเรือไปในทางเดียวกัน พร้อมกัน ทรงเตือนคนไทยรักษาแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมทรงเล่าประทับพระทัยในการเสด็จเยือนต่างประเทศ ทั้งรัสเซีย เยอรมนี ออสเตรีย

    เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 11 ส.ค. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต โปรดเกล้าฯให้พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และท่านผู้หญิงจิตรวดี จุลานนท์ ภริยา นำคณะรัฐมนตรี คู่สมรส และคณะบุคคลต่างๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม

    ในการนี้ทรงมีพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าเฝ้าฯความว่า ขอขอบใจท่านนายกรัฐมนตรี ผู้นำของหน่วยราชการต่างๆ ด้านบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ผู้แทนขององค์กรภาครัฐและเอกชนทั้งหลาย ตลอดจนกลุ่มประชาชนทั่วราชอาณาจักรที่มาร่วมอวยพรและแสดงไมตรีจิตต่อข้าพเจ้ามากมาย เนื่องในโอกาสคล้ายวันเกิดครบ 75 ปีบริบูรณ์ ณ ศาลาดุสิดาลัย ในวันนี้ท่านนายกฯเป็นผู้แทนกล่าวอวยพร เป็นกำลังใจอย่างยิ่งแก่ข้าพเจ้า ท่านนายกฯสุรยุทธ์ให้กำลังใจข้าพเจ้าหลายอย่าง เช่นที่ภาคใต้ 3 จังหวัดภาคใต้เวลาที่เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงแก่ชีวิตไป ท่านนายกฯพยายามตั้งทุนช่วยเหลือครอบครัวของผู้ที่รับใช้ประเทศชาตินี้ เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าชื่นใจ ดีใจที่สุด ดีใจแทนทหารตำรวจที่ปฏิบัติงานที่ยากลำบากและอันตราย นายกฯเป็นผู้บริหารประเทศทราบข้อนี้ดี พยายามดูแลทำนุบำรุงผู้ที่เสียชีวิตไป คือครอบครัวที่น่าสงสารของเขาจะต้องแตกแยกไป แล้วก็ประสบกับความไม่มั่นคงของชีวิต แต่ท่านนายกฯสุรยุทธ์ก็ก้าวเข้ามาช่วยตั้งทุน เพิ่งเริ่มก็จริงอยู่แต่ว่าทุนนี้ต่อไปจะเป็นกำลังใจ และเป็นทุนที่เด็กเล็กๆ ทั้งผู้หญิงผู้ชายจะมีอนาคตที่มั่นคงแน่นอน อย่างน้อยมีการศึกษาเล่าเรียนได้เต็มที่

    นอกจากจะขอบใจทุกท่านที่มาร่วมชุมนุม ณ ที่นี้แล้ว ข้าพเจ้าต้องขอขอบใจผู้ที่อวยพรข้าพเจ้าผ่านทางโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทุกวันนี้ข้าพเจ้าดูโทรทัศน์อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะรายการอวยพรข้าพเจ้ายิ่งตั้งใจดูเป็นพิเศษและดูมานานหลายวันแล้วด้วย เช่นของช่อง 11 มีตั้ง 200 กว่าคณะที่มากล่าวอวยพร บางคนส่งพานพุ่มดอกไม้มาที่สวนจิตรลดาเป็นกำลังใจให้ข้าพเจ้าล่วงหน้า ข้าพเจ้าซาบซึ้ง ขอขอบคุณทุกๆ คนมาก ต่อไปต้องขอกล่าวขอบใจผู้ที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม ประกอบคุณงามความดีและบำเพ็ญกุศลนานาประการเพื่อข้าพเจ้า เช่นหลังจากพ.ศ.2540 มีประชาชนตกงานกันมาก ข้าพเจ้าได้ขอให้ทางสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์จัดเลี้ยงอาหารแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทำนองเดียวกับสมัยพุทธกาลซึ่งข้าพเจ้าชอบอ่าน ชอบค้นอ่านดูสมัยพุทธกาลทำกันอย่างไรบ้าง ที่มีผู้ใจบุญจัดตั้งโรงทานจัดเลี้ยงอาหารแก่ผู้ยากจน

    สภาสังคมสงเคราะห์ได้ช่วยมากกว่าสมัยพุทธกาล คือไปให้การสงเคราะห์ด้านอื่นๆ อีกด้วย เช่นเชิญแพทย์มาตรวจสุขภาพ มีนักกฎหมายมาให้คำปรึกษาเรื่องกฎหมาย มีบริษัทห้างร้านมารับสมัครงาน มีบริการตัดผมให้ สภาสังคมสงเคราะห์ตั้งชื่อโครงการนี้ว่า โครงการน้ำพระทัยพระราชทาน มีผู้ใจบุญมาร่วมงานมาก บางคนมีกำลังทรัพย์ก็ช่วยบริจาคทรัพย์สิ่งของ ที่มีกำลังสติปัญญาก็มาให้ความรู้ ให้คำปรึกษา ที่อุทิศกำลังกายก็เข้ามาช่วย มาประกอบเกี่ยวกับทำอาหาร มาล้างจานก็มี เป็นเรื่องที่น่าชื่นใจ ชื่นชมในความมีน้ำใจ ไม่ทอดทิ้งราษฎรในยามทุกข์ยากของคนไทย และโครงการก็ดำเนินการสืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ มีประชาชนได้รับความช่วยเหลือไปแล้วหลายแสนคน คณะแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลรามาธิบดีจัดทำโครงการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกช่วยเหลือเด็กยากจน ที่ป่วยเป็นโรคร้ายในกลุ่มโรคเลือดและต่อมน้ำเหลืองหลายโรคตั้งแต่พ.ศ.2547 มาจนถึงปัจจุบัน โดยอุทิศแรงกาย แรงใจทำงานกันอย่างอดทน เพราะแต่ละโรครักษายากทั้งนั้น

    โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งเข้าร่วมโครงการผ่าตัดหัวใจเด็กเฉลิมพระเกียรติ ช่วยเหลือเด็กยากจนที่ต้องรอการผ่าตัดจากโรงพยาบาลของรัฐนานเป็นปีๆ และให้ร่นระยะเวลาเข้ามาจนเหลือรอรายละประมาณ 3-4 เดือน เพื่อไม่ให้สุขภาพของเด็กทรุดโทรมมาก หรือเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ขึ้นมาเสียก่อน เท่าที่ทราบมีเด็กได้รับการผ่าตัดไป 200 กว่ารายแล้ว นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของน้ำใจที่คนไทยมีให้แก่กัน และนับเป็นของขวัญวันเกิดที่ล้ำค่าสำหรับข้าพเจ้า ขอขอบใจแทนคนไทยทุกคนที่ได้รับน้ำใจและความกรุณาจากท่านทั้งหลาย และขออนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลของทุกท่าน หวังว่าทุกท่านคงจะหายเหนื่อยทันทีที่คนไข้หายป่วย หรือคนยากคนจนหายหิวอันนับเป็นกุศลที่ตอบสนองน้ำใจงดงามของท่านอย่างทันตาเห็น

    ข้าพเจ้าต้องขอโทษด้วยที่บางทีเสียงก็แหบ เสียงก็หายไป เพราะกลับจากต่างประเทศแล้วก็เป็นไข้หวัด พอเสร็จจากไข้หวัดก็เป็นหลอดลมอักเสบ ตอนนี้ยังไม่หายอักเสบดี เสียงตอนนี้เลยเป็นเป็ดหน่อย ต่อไปจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ท่านทั้งหลายฟัง เริ่มด้วยเมื่อเดือนที่แล้ววันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ข้าพเจ้าเป็นผู้แทนพระองค์ไปเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของประธานาธิบดีปูตินแห่งสหพันธรัฐรัสเซียระหว่างวันที่ 2-11 กรกฎาคม 2550 ตรงกับโอกาสที่รัฐบาลรัสเซียจัดงานฉลองครบ 110 ปีความสัมพันธ์ของไทยและรัสเซีย ซึ่งเริ่มตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปเยือนรัสเซียเมื่อพ.ศ.2440 ข้าพเจ้าได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาภูมิภาคสหพันธรัฐรัสเซีย เป็นผู้แทนรัฐบาลรัสเซียไปคอยต้อนรับ และยังมีอธิบดีกรมพิธีการทูตคอยดูแลแนะนำข้าพเจ้าระหว่างที่มีพิธีการต้อนรับ มีการตรวจแถว มีพิธีสวนสนามของกองทหารเกียรติยศซึ่งทหารรัสเซียเดินอย่างสง่างามเป็นระเบียบ ท่าทางเข้มแข็ง ประธานาธิบดีจัดให้ข้าพเจ้าพักในพระราชวังเครมลิน

    วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม 2550 ข้าพเจ้าได้ไปยังอนุสรณ์สถานทหารนิรนามสงครามโลกครั้งที่ 2 วางพวงมาลาเพื่อแสดงความเคารพทหารนิรนามที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวางพวงมาลาแล้วก็มีพิธีสวนสนามของกองทหารเกียรติยศด้วย ต่อจากนั้นข้าพเจ้าไปยังจัตุรัสแดงและวิหารเซนต์ เบซิล จัตุรัสแดงเป็นสถานที่ที่สำคัญเป็นลานหินยาวตั้งอยู่ใจกลางกรุงมอสโก บริเวณโดยรอบมีวิหารเซนต์ เบซิล ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงมากของรัสเซีย สร้างด้วยอิฐสีแดง มีโดมทรงหัวหอมและยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์วีรบุรุษของรัสเซีย มีหอคอยที่สูงที่สุดของพระราชวังเครมลิน และได้ไปดูพิพิธภัณฑ์ของพระราชวังเครมลิน ซึ่งมีโบสถ์แอสเซมซั่นและมีภาพเขียนบนฝาผนังสวยงาม และพิพิธภัณฑ์ศาสตราวุธอันได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเก่าแก่แห่งหนึ่งของรัสเซีย เป็นที่เก็บสมบัติล้ำค่าของพระเจ้าแผ่นดินรัสเซียทุกสมัย เป็นที่รวบรวมเครื่องเพชรนิลจินดา เครื่องราชอิสริยาภรณ์ เครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องราชูปโภค ฉลองพระองค์ รถม้าทรงและพระแสงศาสตราวุธต่างๆ ไปดูพระคลังสมบัติซึ่งเก็บมหามงกุฎ เครื่องเพชรของพระราชวงศ์ ซึ่งปกติยังไม่อนุญาตให้มีการถ่ายภาพใดๆ แต่ก็ได้อนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้ถ่ายภาพและทำข่าวได้ในครั้งนี้

    วันพุธที่ 4 กรกฎาคม ไปดูหอศิลป์เตตริยาคอฟ เป็นที่แสดงงานศิลปะที่มีชื่อเสียงของรัสเซีย เช่นงานศิลปะที่เล่าถึงประวัติศาสตร์ของรัสเซีย และภาพวาดจิตรกรที่มีชื่อเสียงของชาวรัสเซีย ข้าพเจ้าได้พบคนไทยและนักเรียนไทยที่พำนักในรัสเซีย โดยเฉพาะนักเรียนไทยหลายคนได้ไปประจำอยู่ที่พักของข้าพเจ้าเพื่อช่วยในการติดต่อ เพราะภาษารัสเซียเป็นภาษาที่ยากพอใช้ นักเรียนไทยก็เลยไปอยู่ช่วยและไปอยู่ช่วยทุกตึกที่คณะของข้าพเจ้าไปพักอยู่ นักเรียนไทยของเราเก่งมาก ภาษารัสเซียนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งกับข้าพเจ้าว่าเป็นภาษาที่ยากที่สุด แต่นักเรียนไทยเก่ง ขยัน สติปัญญาดี ได้เหรียญทองได้เกียรตินิยม ซึ่งเป็นที่ประทับใจของคนรัสเซียมาก อย่างนักเรียนไทยไปได้เหรียญทองในมหาวิทยาลัยนั้นๆ ก็เป็นที่น่าชื่นชม คนรัสเซียบอกคนไทยเก่งมาก ฉลาดมาก ข้าพเจ้าเชื่อเพราะภาษารัสเซียยากที่สุด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งอย่างนั้น ตอนค่ำได้ไปดูบัลเลต์ชุดสวอน เลค อันมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกของรัสเซีย ที่โรงละครบอลชอย เธียเตอร์

    วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม 2550 ประธานาธิบดีเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการที่พระราชวังเครมลิน พิธีต้อนรับของประธานาธิบดีโก้มาก ข้าพเจ้าเดินเข้าไปพบกับประธานาธิบดีตรงกลางห้องพอดี ซึ่งมีธงชาติของทั้ง 2 ประเทศ เรียกว่าต่างคนต่างเดินมาคนละมุมแล้วมาพบกันตรงกลางห้อง ที่มีธงชาติของทั้ง 2 ประเทศ ข้าพเจ้านำตัวแทนของนักเรียนศิลปาชีพจากแผนกต่างๆ รวม 5 คน พร้อมผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ เช่นเรือทองคำ สับประคับจำหลักไม้จำลอง นกยูงทองคำ ขันถมทองใบใหญ่ เรือพระที่นั่งศรีสุพรรณหงส์จำลองไปจัดแสดงที่ห้องมาลาไคพ์ให้ประธานาธิบดีและแขกที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงได้ชมด้วย
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2550 เป็นวันที่ข้าพเจ้าเดินทางจากกรุงมอสโกไปยังนครเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก มีพิธีส่งอย่างเป็นทางการที่สนามบิน มีแถวทหารกองเกียรติยศและมีการสวนสนาม ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งในการสวนสนาม รู้สึกว่าสง่าและงดงามมาก ไม่ทราบว่าทหารหน่วยใด แต่มาคอยต้อนรับเวลาแขกเมืองไปเยี่ยมประเทศรัสเซีย หลังจากเสร็จการอื่นแล้วเขาจะเชิญแขกเมืองไปยืนอยู่ในที่เพื่อเกียรติยศ ทหารรัสเซียจะเดินสวนสนามซึ่งโก้เหลือเกิน โก้มาก ไม่เคยพบเคยเห็นที่ไหนมีการสวนสนามเช่นตอนมาถึง โดยมีผู้แทนรัฐบาลคนที่มารับ คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาภูมิภาคเป็นผู้แทนรัฐบาลมาส่ง ซึ่งท่านเป็นคนที่ดูน่ารักที่สุด คอยระมัดระวังนำข้าพเจ้าให้ยืนตรงไหน คอยกระซิบ แล้วหนหนึ่งลมแรงเหลือเกิน ข้าพเจ้าซึ่งอ้วนขนาดนี้ก็ยังเซ ท่านรัฐมนตรีรีบเอามือมาประคองกลัวจะล้มป้าบลงไป

    เมื่อมาถึงนครเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ผู้ว่าราชการนครเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กเป็นผู้หญิง ชื่อมิสซิสวาเลนติน่า อินอฟนา มัชลินเยียโก อ่านภาษาไทย ภาษารัสเซียสุดจะอ่านไหวมาคอยรับ และได้ทราบข่าวว่าผู้ที่มาคอยรับข้าพเจ้าต่อไปทีหลังอาจได้เป็นประธานาธิบดีหญิงของรัสเซียก็เป็นได้ นครนครเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กเคยเป็นเมืองหลวงของรัสเซียมาก่อน นับได้ว่าเป็นเมืองที่สวยงามที่สุดเมืองหนึ่งของยุโรป และได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกด้วย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่พระราชวังปีเตอร์ ฮอป

    วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม 2550 มหาวิทยาลัยแห่งนครเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งปัจจุบันมีอธิการบดีเป็นผู้หญิงมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาภาษาและวัฒนธรรมตะวันออกแก่ข้าพเจ้า เนื่องในภารกิจการที่ช่วยต่อสู้แก้ปัญหาความยากจนเพื่อประชาชน การส่งเสริมสันติภาพโลกและมิตรภาพระหว่างประเทศ การพัฒนาอาชีพและการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นของไทย

    มหาวิทยาลัยนี้เป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงแห่งแรกในรัสเซีย และเป็นสถาบันการศึกษาเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก ประธานาธิบดีปูติน รวมทั้งบุคคลสำคัญหลายคนของรัสเซียก็สำเร็จการศึกษามาจากมหาวิทยาลัยนี้ มีประเพณีปฏิบัติของมหาวิทยาลัยที่อธิการบดีจะต้องตั้งคำถามผู้ที่จะได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิต 3 ข้อคือ 1.ท่านพร้อมจะส่งเสริมสันติภาพและมิตรภาพระหว่างมนุษยชาติหรือไม่ 2.ท่านพร้อมจะดำเนินการอย่างเต็มกำลังในการสนับสนุนให้เยาวชนที่มีความสามารถ ได้บรรลุจุดมุ่งหมายทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ และ 3.ท่านสมัครใจที่จะรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยแห่งนครเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กหรือไม่ และเจ้าหน้าที่สอนข้าพเจ้าก่อนแล้วที่จะมีคำถามนี้ ทีแรกเขาขอให้ข้าพเจ้าตอบเป็นภาษาไทยและจะมีล่ามพูดภาษารัสเซีย แต่ตอนหลังเขาขอร้องให้ข้าพเจ้ารับคำว่าเยส เป็นภาษารัสเซีย 3 หนซึ่งก็ไม่ยาก

    สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงเล่าต่อว่า อังคารที่ 10 ก.ค. ไปชมมหาวิหารเซนต์ไอแซ็ก ซึ่งเป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย สร้างด้วยศิลปะคลาสสิคผสมกับบารอก โดยสถาปนิกชาวอิตาลีและฝรั่งเศส ใช้เวลาก่อสร้างนับร้อยปี ข้าพเจ้าได้พบกับนักเรียนไทยและเขาบอกว่าชื่นชมการคิดแบบชุดไทย เพราะเมื่อเห็นใครใส่ก็จะวิ่งเข้าไปทัก เพราะรู้ทันทีว่าเป็นคนไทย

    พระองค์ทรงเล่าต่อว่า วันจันทร์ 16 ก.ค. อำลาประเทศรัสเซีย พร้อมมีการส่งเสด็จอย่างงดงาม มีการสวนสนามอย่างเดิม ซึ่งข้าพเจ้าชื่นชมการสวนสนามของรัสเซียเพราะสง่ามาก เชิดหน้าขึ้นไป เมื่อข้าพเจ้าอำลาเพื่อนรัสเซีย ออกเดินทางไปกรุงเบอร์ลิน อันนี้ข้าพเจ้าขอพระราชทานอนุญาตและขอร้องไว้แล้ว โดยบอกดร.จิรายุว่า ขอไปพักที่ซัลบวร์กก่อนที่จะไปเยอรมัน ข้าพเจ้าไปที่ออสเตรีย ก่อนที่ซัลบวร์ก ไม่ว่าที่ไหนคนไทยจะมารับมากมายก่ายกองอย่างที่ซัลบวร์ก คนไทยผู้หญิงไทยที่มารับและแสดงความจงรักภักดี ลงหมอบกราบและถวายดอกไม้ ร้องไห้สะอึกสะอื้น ข้าพเจ้าก็กระซิบเขา แต่กระซิบมานานแล้ว ตั้งแต่ข้าพเจ้าไปเนเธอร์แลนด์ตามเสด็จฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้หญิงไทยที่แต่งกับชาวเนเธอร์แลนด์ก็ลงกราบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับข้าพเจ้า และร้องไห้ ข้าพเจ้าต้องบอกว่าอย่าลงกราบสิ เดี๋ยวฝรั่งว่าเอา ผู้หญิงไทยพูดว่าฝรั่งจะว่าอะไรก็ช่างหัวมัน สำเนียงเด็ดขาดมาก นี่ก็เหมือนกัน ข้าพเจ้าก็บอกว่าอย่าลงกราบ เขาก็บอกว่าช่างหัวมันปะไร ขอกราบที ร้องไห้ เขาบอกว่าเห็นหน้าท่านเขาคิดถึงบ้านเมืองของตัวมาก

    ข้าพเจ้าไม่เคยคิดว่ามีผู้หญิงไทยที่แต่งงานกับคนเยอรมันมากเท่านี้ และก็มาแสดงความรักกันเต็ม ฝรั่งตกใจตาค้างที่คนไทยมาแสดงความรักความชื่นชมก็นับเป็นบุญของข้าพเจ้า เพราะบางครั้งคนของประเทศนั้นๆเองมาโห่ร้องประมุขประเทศของเขาเองเหมือนกัน แต่ของข้าพเจ้ามาแสดงความรัก มาจูบมือ มากอด ข้าพเจ้าก็ไปพักที่ซัลบวร์ก ก็ได้รับความสะดวกสบายทุกอย่าง ธรรมชาติที่นั่นสวยเหลือเกิน ข้าพเจ้าขอร้องว่าไปที่นั้นเพราะ 15 ปีแล้วไม่ไปเลย และข้าพเจ้าก็ถือโอกาสไปช็อบปิ้งเอง ตอนนี้สนุก ที่ร้านขายกระเป๋าหนังต่างๆ ก็มีคนออสเตรียมามุงแน่น ขี่คอกันเองก็มี และเขาก็พูดกัน เขามาคอยดูข้าพเจ้า เขาบอกว่าต้องมาคอยดูสิริกิติ์หน่อยนึง ไม่ได้เห็นมาตั้งนานแล้ว แล้วเขาก็เถียงกันเองว่า สิริกิติ์ป่านนี้จะอายุสักเท่าไหร่แล้ว เขาก็นับกันไปใหญ่ แล้วเขาก็บอกจากการลงความเห็นว่า 60 แล้ว ข้าพเจ้าได้กำไรอีกตั้งเยอะ เมื่อออกมาเขาก็แสดงความรัก ปรบมือให้ ให้ดอกไม้ แสดงความรักมากมาย ซึ่งข้าพเจ้าไม่ได้พบเขามา 15 ปี แต่ก็อุตส่าห์จำได้

    สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงเล่าต่อว่า วันอังคาร 17 ก.ค. ข้าพเจ้าอยู่ที่เยอรมัน ที่มิวนิก แต่มิสซิสเอวารูอิสเซอร์ โคห์เลอร์ ภรรยาประธานาธิบดีเยอรมันขอร้องให้แวะไปที่เบอร์ลิน อยากจะเชิญไปเลี้ยงน้ำชาและมีข้อข้องใจสงสัยหลายอย่างเกี่ยวกับการทำงานของข้าพเจ้า เธอพูดน่ารัก บอกว่าข้าพเจ้าทำงานในฐานะสตรีหมายเลข 1 ของประเทศไทยมาเป็นเวลานาน โดยที่ยังมีคนชื่นชม ก็อยากจะทราบว่าทรงงานอย่างไรบ้าง และตลอดเวลาที่ไปที่นั่น เธอก็สนใจซักถามเกี่ยวกับงานที่ข้าพเจ้าทำว่าช่วยเหลือราษฎรอย่างไร ในเรื่องความเป็นอยู่ ให้เขาอยู่ดีกินดีขึ้น มีอาชีพทำและช่วยเหลือโรคภัยไข้เจ็บ ข้าพเจ้าก็ภาษาอังกฤษก็ไม่คล่องพอจะอธิบาย จึงขอให้ดร.จิรายุให้แปลงานของข้าพเจ้าก็นานกว่าชั่วโมง เพราะเธออยากรู้ว่าวิธีอย่างไหนบ้าง จะเข้าไปพบราษฎรอย่างไร และงานศิลปาชีพนั้นสร้างขึ้นมาอย่างไร "ข้าพเจ้าบอกดร.จิรายุว่าข้าพเจ้าบังเอิญเห็นราษฎรที่มาเข้าเฝ้าฯ ที่อีสานเวลามารับเสด็จแสนยากจนเหลือเกิน เห็นผ้าซิ่นที่เค้าใส่ แลบออกมาจากผ้าซิ่นตัวใหม่ที่ใส่มารับข้าพเจ้า เห็นผ้าซิ่นข้างในสวยเหลือเกิน เป็นลายเก่าโบราณ ข้าพเจ้าเลยเรียกเขามากระซิบตัวต่อตัวว่าลายนี้ที่แม่ใส่อยู่ข้างในนั้นทอให้พระราชินีได้ไหม ประชาชนเขาตอบว่าเอาไปทำไมกัน ถ้าชั้นทอ ทอให้ได้ แต่จะเอาไปทำไม เพราะผ้าอย่างนี้คนใช้ในกรุงเทพฯ เท่านั้นที่ใส่กัน ไม่มีใครใส่หรอก ข้าพเจ้าก็บอกว่าสัญญา ฉันสัญญาว่าถ้าแม่ทั้งหลายทอให้ ฉันจะใส่ไปงาน ใส่ให้เป็นที่ประจักษ์ว่ามัดหมี่ของชาวอีสานสวยสุดขีดยังไง เขาก็บอกว่าตกลง ถ้าแม้ว่าท่านยอมว่าจะซื้อของเขานั้น เขาตกลง เขาบอกว่าไม่งั้นเขาทอ ปู่ย่าตายายสอนเค้ามา เค้าทอแล้วไปขายในท้องตลาด โดนเถ้าแก่กดราคา พูดแล้วเค้าก็ร้องไห้ จนกระทั่งไม่รู้ว่าจะนั่งอดหลับอดนอนตลอดคืนไปทำไม เขาเลยตั้งใจว่าทิ้งเลยศิลปะนี้ ข้าพเจ้าบอกว่ารับรองว่าถ้าทอให้พระราชินี พระราชินีใส่ ข้าพเจ้าก็ได้ทำตามคำมั่นสัญญาแล้ว และไปที่ประเทศต่างๆ ในโลกก็ได้ใส่มัดหมี่ตลอดเวลา มีช่างมีชื่อเสียงของฝรั่งเศส ของอิตาลี เป็นผู้ที่ออกแบบ เพราะให้ข้าพเจ้าออกแบบเองก็คงออกแบบไม่ทราบว่าใจคอของคนต่างประเทศเค้าจะคิดชื่นชมหรืออยากซื้อใช้ได้ยังไง ก็เลยให้ช่างต่างประเทศออกแบบ และใส่ไปต่างประเทศ ปรากฏว่าเดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง มีผ้ามัดหมี่ตั้งวางที่ตู้กระจก ที่ปารีส เพื่อโฆษณาถึงผ้ามัดหมี่นี้

    "ภริยาท่านประธานาธิบดีเยอรมันน่ารักมากและพูดภาษาอังกฤษก็เก่ง และข้าพเจ้านั่งรถผ่านไปเพื่อไปที่ทำเนียบของประธานาธิบดีเห็นตลอดทางถนน เขารักษาป่าเหลือเกิน รัสเซียเหมือนกัน ข้าพเจ้าดูแล้วบอกว่าทำไมคนไทยชอบตัดต้นไม้ ทั้งๆ ที่เราพอมีน้ำกิน ซึ่งข้าพเจ้าสู้เรื่องนี้มาตั้งแต่อายุน้อยๆ จนแก่จนบัดนี้ก็ยังไม่สำเร็จ ซึ่งได้พยายามพูดกับทุกรัฐบาลว่าต่อไปถ้าป่าเสื่อมสูญไป น้ำจืดที่เรามีกินมีใช้นั้นก็จะน้อยมาก และทางองค์การโลกพยากรณ์ไว้ว่าอีกประมาณสัก 20 ปีน้ำจืดจะขาดแคลนอย่างมาก และจะเป็นของที่หายากมาก ซึ่งหนังสือที่ลงนั้นเป็นหนังสือที่มีชื่อเสียงของโลก ข้าพเจ้าจึงเชื่อว่าเป็นความจริง และอยากจะมาพูดให้ท่านนายกฯ และทุกๆ คนฟังว่าเพื่อชีวิตลูกหลานของเราเอง เพื่ออนาคตของประเทศไทย ขอให้มีมาตรการรักษาป่าไว้ให้ได้ แม้จะลำบากหน่อยเพราะป่าของไทยนั้นเป็นป่าสัก ไม้มะค่า ไม้ตะเคียน ซึ่งขายได้แพง แต่น่าพยายามที่จะรักษาเอาไว้ อย่างเช่น บริเวณหัวหิน ซึ่งปลูกสนก็ปลูกไป อย่างน้อยเมื่อฝนตกลงมามากๆ นั้น ต้นไม้เหล่านี้จะดูดน้ำเอาไว้ใต้รากของเค้า จะรักษาน้ำในแผ่นดินเอาไว้ให้เราได้ใช้ และประเทศไทยไม่ได้มีแหล่งน้ำเหมือนประเทศพม่า ประเทศพม่าเค้ามีแหล่งน้ำน่าอุ่นใจมาก ประเทศไทยเราไม่มีแหล่งน้ำอะไรเลย ต่อไปเราอาจจะต้องซื้อน้ำจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นที่น่าสงสารคนไทยที่ยากจนมาก ข้าพเจ้าเคยพูดเช่นนั้น ข้าราชการที่ข้าพเจ้าจำชื่อกับตำแหน่งเค้าไม่ได้ที่ทางด้านอีสานเค้าบอกข้าพเจ้าว่า เราคนหนึ่งบอกว่าท่านอย่าวิตกเรื่องน้ำไปเลยเพราะเรามีแม่โขงอยู่ริมจังหวัดต่างๆ ของเรา เราก็ทดแม่โขงขึ้นมาก็สิ้นเรื่อง"

    พระองค์ทรงเล่าต่อว่า เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าใจหายว่าเค้าผิดขนัด เพราะว่าได้เห็นหน้าปกนิตยสารทั้งไทม์และนิวสวีคว่าน้ำโขงแห้ง ปลาบึกก็อยู่ไม่ได้แล้ว และคนที่มีอาชีพจับปลาก็หน้าแห้งตามๆ กัน เพราะต้นน้ำของแม่โขงนั้นอยู่ที่ประเทศจีนผืนแผ่นดินใหญ่ซึ่งมีประชากรมากมาย เค้าก็ต้องดูแลประชาชนของเค้าทั่วถึง เค้าก็เพียงกักเก็บแม่โขงที่อยู่ผืนแผ่นดินเอาไว้ ผลคือแม่โขงแห้งผาก ข้าพเจ้าก็ไม่มีโอกาสไปพูดกับข้าราชการทางอีสานคนนั้นว่าข้าพเจ้าถูก เพราะเวลานี้ทางองค์การอนามัยโลกขอให้ทุกคนเก็บน้ำจืดไว้ให้ดี

    จึงอยากขอร้องให้ทุกท่านให้ช่วยประเทศไทย ให้ช่วยราษฎรไทยในอนาคต อย่างข้าพเจ้าขอร้องเรื่องการตัดป่า ขอร้องท่านนายกฯ ไปแล้วว่ามีกฎหมายใด มีวิธีใดที่จะรักษาป่า เพราะว่าไม้แต่ละต้นถ้าเป็นต้นไม้ใหญ่จะกักเก็บน้ำไว้ได้และปล่อยออกมาเป็นลำธาร และตลอดจนถึงเป็นแม่น้ำ และอีกอย่างที่ข้าพเจ้าอยากจะขอร้องพวกท่าน เพราะข้าพเจ้าเป็นพระราชินีตั้งแต่อายุ 17 กว่า ก่อน 18 ปีไม่กี่เดือน จน 75 ปียังขอร้องอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง ไม่มีผลอะไรเลย เรื่องต้นไม้นี่ก็เต้นอยู่ตลอดแต่ไม่สำเร็จ แอบตัด ทางการก็ไม่มีกฎหมายอะไรหรือมาตรการที่จะดูแลรักษาป่าเพื่อเก็บน้ำจืดไว้ ภริยาประธานาธิบดีลาวเมื่อตอนมาเยือนประเทศไทยพูดกับข้าพเจ้าว่า คนไทยชอบตัดป่าของตนเองเหี้ยนเตียนหมด อีกหน่อยระวังจะไม่มีน้ำกิน ยังก้าวมาตัดป่าของลาวอีก ลาวไม่ยอมเด็ดขาดเลยต้องไล่เปิดไปหมดเลย

    การฟังประมุขของประเทศเขาว่าให้ ข้าพเจ้าก็บอกว่าถูกของท่าน การตัดป่าของเราเองโดยเราไม่มีแหล่งน้ำที่ดีเป็นการโง่เขลามาก และอย่างที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวเวลามีฝนตกหนักว่ามีดินถล่ม คนก็เต้นตกใจ กลัวดินถล่มลงมาทับกระท่อม อันนั้นไม่ใช่เพราะปล่อยให้คนมักมากไปตัดป่าหรือธรรมชาติเขาสูงก็เต็มไปด้วยป่า เมื่อฝนตกหนัก ต้นไม้เหล่านั้นก็สูบน้ำลงไปใต้ดินเป็นอัตโนมัติ ส่วนน้อยเท่านั้นที่จะลงมา แต่ดินนั้นไม่มีวันถล่มลงมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสอนข้าพเจ้าอย่างนี้ แต่พูดเท่าไหร่ไม่ฟังก็ต้องตายซะก่อนถึงจะเชื่อฟัง เพราะพื้นที่เป็นที่สูงมันก็ต้องถล่มแน่ และไม้ที่ตัวเองตัดต่างก็ถล่มมากับน้ำด้วย มาทับหมดเลย ข้าพเจ้าว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง และหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากพวกท่านว่าตั้งต้นเสียทีเถิด

    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเล่าต่อว่า วันพฤหัสบดี 19 ก.ค. ดยุกกลางฟอน บาเยิร์น เชิญข้าพเจ้าไปเลี้ยงน้ำชาที่พระราชวังนิวเซนบวร์ก ซึ่งเป็นพระราชวังของราชวงศ์นี้ ใหญ่โต สง่าสวยงามเหลือประมาณ เวลาค่ำนายกรัฐมนตรีบาวาเรีย มิสเตอร์เอ็ดมัล เลี้ยงอาหารค่ำที่อยู่ของเขา เพรสซิเดนต์ แมนชั่น เป็นห้องเลี้ยงที่ใหญ่มาก โต๊ะที่เลี้ยงเป็นโต๊ะยาว นั่งพร้อมกันได้ 86 คนทั้งหมด และข้าพเจ้าก็ได้พบปะคนไทยและนักเรียนไทยในเยอรมันนับพันคน ซึ่งหลายๆ คนอุตส่าห์ใช้เวลาเดินทางมาพบหลายชั่วโมง และมีความยินดีที่ได้พบกันอย่างแท้จริง คำแรกที่เขาถามว่า พระเจ้าอยู่หัว ในหลวงสบายดีหรือเปล่า ก็บอกว่าสบายดีและแข็งแรงขึ้นทุกวันแล้วหลังจากผ่าตัด ส่วนมากจะห่วงใยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และห่วงใยบ้านเมือง ข้าพเจ้าได้พบปะนักเรียนไทยประมาณ 4,000 คนได้ เขาขอพบได้ถามอะไรข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่คิดว่าจะได้ถูกถามเรื่องพระพุทธศาสนากับรัฐธรรมนูญ ข้าพเจ้าไม่เคยคิดเลยที่จะโดนถามอย่างนั้น ก็อธิบายไม่ได้มีกระดาษเลยว่า ข้าพเจ้าคิดเองว่าพระบวรพุทธศาสนาประเสริฐสุด สูงส่งแล้ว และได้รับการสนับสนุนมาตลอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย จากคนไทยทั้งชาติ พระบวรพุทธศาสนาเป็นของที่สะอาดสูงสุด ทุกคนก็คิดว่าไม่อยากให้เข้าไปพัวพันกับการเมือง ข้าพเจ้าพูดเช่นนั้นต่อหน้านักเรียนไทย 4,000 คน ควรเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้าว่าเป็นแสงสว่างในหัวใจของคนไทยทั้งหลาย

    การเมืองบางครั้งก็มีความผิดพลาด บางครั้งก็มัวหมองได้หลายเรื่อง เพราะฉะนั้น ไม่เอาพระบวรพุทธศาสนาไปไว้กับกฎหมายสูงสุดแห่งประเทศไทย ควรจะทิ้งพระบวรพุทธศาสนาไว้เช่นนี้ ที่ถูกเทิดทูนโดยประชาชนทั้งชาติ พอข้าพเจ้าพูดจบ เล่าจบ ข้าพเจ้าได้รับการปรบมือดังลั่น นานไปหมด

    ในเมืองไทยข้าพเจ้าทราบว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่คนนับถือมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ คงจะไม่ให้ใครมาแตะได้ ข้าพเจ้าเข้าใจว่า การเมืองบางครั้งก็มีอะไรหลายอย่างที่ไม่ค่อยตรงไปตรงมานัก เพราะฉะนั้น ดีแล้วที่พระบวรพุทธศาสนาแยกไปเสียให้พ้นการเมืองจะดีกว่า ไม่ทราบว่าทุกท่านในที่นี้เห็นอย่างเดียวกับข้าพเจ้าหรือเปล่า อันนี้ข้าพเจ้าถามนักเรียนไทย

    พระองค์ทรงเล่าต่อว่า ผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์บอกว่า พระบวรพุทธศาสนาเป็นศาสนาของชาวไทยมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย พระเจ้าแผ่นดินองค์แรกๆ ของสุโขทัย เวลาขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินก็จะต้องกล่าวคำปฏิญาณว่าจะทำนุบำรุงพุทธศาสนาไว้ด้วยชีวิต ซึ่งเดี๋ยวนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ก็เช่นเดียวกัน ยังถือธรรมเนียมเหมือนอย่างคนไทยทั้งหลายถือว่าพระบวรพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ล้ำค่าของชีวิตคนไทยที่จะพึ่งพาเวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในชีวิต พระบวรพุทธศาสนาเป็นแสงสว่าง เพราะฉะนั้น ไม่มีวันยอมให้สลายหรือล่มลงไปเป็นอันขาด และดินแดนของชาวพุทธนี้ชาวพุทธได้ทำชื่อเสียงมามากมาย เช่น ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้าพเจ้าทราบข่าวว่าเชลยศึกสมัยที่ตอนนั้นทางญี่ปุ่นได้ยึดครองประเทศไทย เชลยศึกต่างชาติต่างๆ ได้รับการช่วยชีวิตได้รับการป้อนน้ำ แอบไปป้อนน้ำ เสี่ยงต่อชีวิตตนเอง ซ่อนอาหาร ซ่อนตัวเขาด้วย ที่พูดอย่างนี้ไม่อยากที่จะทำให้ใครต้องเสียใจ แต่พูดให้ทราบความจริงว่า บรรพบุรุษของไทยเรานี้ ที่ผ่านมาไม่เท่าไหร่ ไม่กี่ปี 50 ปีก็ตาม ก็ยังปฏิบัติตนทำให้ต่างประเทศชื่นชมและนับถือประเทศไทยและน้ำใจของคนไทยที่มีความเมตตากรุณา และมีความกล้าหาญที่จะแสดงความเมตตากรุณาด้วย อันนี้ขอให้ท่านคิดดูดีๆ สิ และชาวต่างประเทศมาพูดกับข้าพเจ้าว่าที่เขาชอบกรุงเทพมหานครเหลือเกิน เพราะว่าเมืองหลวงของประเทศไทยน่าอัศจรรย์ โบสถ์พุทธ โบสถ์พราหมณ์ สุเหร่าอิสลาม ทุกศาสนาอยู่ใกล้เคียงกัน ไม่เคยมีใครคิดไปวางระเบิดหรือไปรบกวนศาสนาอื่นเลย ให้อิสระ สิทธิเสรีภาพในการที่จะนับถือศาสนาใดก็ได้ ซ้ำสนับสนุน นี่แหละฝรั่งเขาบอกคือการปฏิบัติต่อกันของคนที่มีความเจริญอย่างแท้จริง เจริญสุดทางด้านจิตใจ อันนี้น่าชื่นใจมาก ถึงเวลาที่สวดของใครๆ ก็ไป ใครทำพิธีของใครก็ไป โดยไม่ไปรังแกซึ่งกันและกัน อันนี้ต่างประเทศคิดว่ายอดสุดๆ คนไทยนี้ ข้าพเจ้าก็คิดพูดเฉพาะกับท่านว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นว่าต้องถือว่าเป็นกรณีพิเศษ นักเรียนไทยที่เยอรมันก็ฮากันตรึมลั่น เขาก็จะฆ่าพระ รังแกพระ ไม่ให้ออกไปบิณฑบาต ไม่เหมือนคนไทยทั้งชาติที่เคยทำมา พวกเราต้องมีอารมณ์เย็น เราไม่เคยไปเบียดเบียนรังแกอะไรใครที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ความเชื่อของแต่ละบุคคล เราถือว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเต็มที่ในการที่จะเชื่อในศาสนาใดก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้ามากเกินไปต้องคอยเตือน คอยดูแล คอยสำทับแต่ก็น่าเศร้าใจ

    วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม ข้าพเจ้าไปเที่ยวสวนป่าเคกังเซ่ที่เมืองมิวนิก นั่งรถไปชั่วโมงกว่า อันนี้กงสุลกิตติมศักดิ์เห็นว่าข้าพเจ้าคงจะเหนื่อยก็อยากให้ไปเห็นนอกเมืองของมิวนิก ไปเห็นป่าสวนงามมาก ได้ไปเห็นแม่น้ำมีคณะนักเรียนมาร้องเพลงและเล่นดนตรีต้อนรับ นั่งรถม้าชมป่าเป็นป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นมาก

    วันอาทิตย์ที่ 22 ก.ค. ข้าพเจ้าจะเดินทางกลับประเทศไทย ที่โรงแรมก็มีคนไทยและครอบครัวมาส่งมากมายเช่นเดิม สนามบินก็มีวงดนตรีของรัฐบาวาเรียมาบรรเลง มีทหารตั้งแถวส่งถึงบันไดเครื่องบินเลย ข้าพเจ้าพบคนไทยที่ไปทำมาหากิน ไปเรียนหนังสือที่รัสเซีย ที่ออสเตรีย แต่งงานกับคนออสเตรีย คนเยอรมัน ทุกคนมีความสุข หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ข้าพเจ้าคิดว่าคงเป็นด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นชาติที่ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นเลย เคยเป็นชาติไทยยังไงอยู่อย่างนั้น มีศักดิ์ศรีของชาติ มีความเป็นไทย อันนี้สำคัญมาก และทุกคนมั่นใจว่าเรามีบ้านเมืองของเราให้กลับมาพักพิง เมื่อไปต่างประเทศ คนต่างประเทศก็ไม่สามารถดูถูกเราได้เพราะเราไม่ได้ไปอาศัยบ้านเมืองเขา เรามีประเทศชาติของเราที่คนไทยกลับมาพักพิงได้ เพราะบางประเทศข้าพเจ้าได้ข่าวว่า คนที่ไปอยู่บางประเทศจะโดนรังแก บางครั้งถึงโดนฆ่า เพราะเขาถือว่าไปแย่งอาชีพของเขา แต่ว่าเมืองไทยไม่มีใครโดนรังแก เพราะมีเมืองไทยอยู่อย่างนี้รองรับทุกคนเป็นคนไทย มีบ้านเมืองของตนเองอยู่จะกลับเมื่อไหร่ก็ได้ อันนี้เป็นความสำคัญมาก

    เมื่อครั้งข้าพเจ้าอยู่ชั้นประถมที่โรงเรียนเซนต์ฟรังซ์ แม่ชีที่เซนต์ฟรังซ์ถึงแม้จะเป็นคริสต์ ร้องเพลงชักจูงให้เด็กๆ รักธรรมชาติ รักความสะอาด สิ่งแวดล้อม และรักประเทศไทย เพราะลำธารประเทศไทยเรางดงามครามครัน นาไร่อุดมสมบูรณ์ เขาเขียวเรียงราย น้ำไหลชุ่มชื่น อันนี้ข้าพเจ้าจำตั้งแต่เข้าโรงเรียนเซนต์ฟรังซ์ตั้งแต่อายุน้อยๆ ได้ยินแล้วซึ้งใจ ยิ่งตอนแก่ยิ่งซึ้ง แหมโรงเรียนฝรั่งเขามาเปิดโรงเรียน แต่เขาสอนให้เด็กนักเรียนไทยรักบ้านรักเมือง ให้รู้อะไรมีคุณค่า เกี่ยวกับการปลูกต้นไม้อะไรต่างๆ เกี่ยวกับไร่นา ข้าวปลามีอยู่สมบูรณ์ ให้หลับตาให้เห็นบุญคุณของประเทศชาติ ข้าพเจ้ารู้สึกถึงบุญคุณ อยู่เซนต์ฟรังซ์ซึ่งเป็นคาทอลิกแต่น้ำใจของเขา

    เมื่อข้าพเจ้าแต่งงานก็ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเอาพระทัยใส่ในทุกข์สุขของราษฎรทุกขณะ ทรงคิดถึงแต่ประโยชน์ของประชาชน ทรงสอนข้าพเจ้าและลูกๆ ทุกอย่าง เช่น สอนถึงประโยชน์ของป่าชายเลนว่าป่าชายเลนต้องระวังให้ดี เป็นแหล่งวางไข่ของสัตว์น้ำพวกกุ้ง หอย ปู ปลา ที่ยังเป็นตัวเล็กตัวน้อยได้อาศัยอยู่ที่ป่าชายเลนนี้จนกว่าจะเติบโตแข็งแรง ฉะนั้น คุณค่าของป่าชายเลนมีมาก ต้องช่วยกันเก็บรักษาไว้ให้ดี ขอให้รัฐบาลช่วยด้วย และขอให้ทุกท่านช่วยด้วย ต่อมาข้าพเจ้าก็นำมาถ่ายทอดสู่ประชาชนให้ช่วยกันรักษาป่า รักษาแหล่งน้ำ รักษาความสะอาด รักษาสิ่งแวดล้อม ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างตลอดเวลา ตั้งแต่สาวๆ จน 75

    "ขอวอนทางรัฐบาลและทุกท่านให้ช่วยกันรักษาแม่น้ำต่างๆ ไว้ด้วย โดยเฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยา ขอให้คนทางกรุงเทพฯ ช่วยกันรักษา แต่ก่อนแม่น้ำเจ้าพระยาเรียกว่าเป็นแหล่งอาหารที่ยอดของคนทั้งหลาย และขอให้ช่วยกันประหยัดแหล่งน้ำจืด แม่น้ำเจ้าพระยาก็น้ำจืด ให้รู้ใช้อย่างรู้คุณค่า ตอนข้าพเจ้าเด็กๆ นี่ เห็นชาวบ้านที่อยู่ในเรือขายข้าวเขาตักน้ำมารับประทานไปอย่างนั้นเลย เพราะน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาขณะนั้นสะอาดมาก เดี๋ยวนี้คงแย่แล้ว และที่แย่ที่สุดคือพันธุ์ปลาตายไปแยะแล้ว สูญสิ้นซึ่งพันธุ์ปลา

    ขอวอนให้ท่านช่วยกันหันกลับมารักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ป่า แม่น้ำ ลำธารต่างๆ ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณท่านทั้งหลายที่มาให้พรให้กำลังใจในวันนี้ ขอให้กำลังใจทุกท่านเช่นเดียวกัน ไม่ว่าประเทศของเราจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจอย่างไร หรือต้องเผชิญอุปสรรคหนักหนาสาหัสสากรรจ์เพียงไหน ขอให้คนไทยรวมกำลังใจที่จะช่วยฝ่าฟันกันไป เพื่อความมั่นคงของแผ่นดินไทย เพื่อความผาสุกของราษฎรไทยด้วยกัน คนไทยด้วยกัน ชาติเดียวกันเปรียบเหมือนอยู่ในเรือลำเดียวกัน ถ้าต่างคนต่างพายไปคนละทาง เรือก็ไม่ไปถึงไหน เรือชาติอื่นก็จะแซงหน้าเรากันไป ถ้าเราช่วยกันพายทิศทางเดียวกัน เรือของประเทศไทยก็จะแล่นฉิวเพราะฝีมือของคนไทยไม่เป็นรองใครเลย

    ขอให้พรทุกประการที่ท่านทั้งหลายให้แก่ข้าพเจ้าในวันนี้ จงตอบสนองทุกท่าน ขอให้ประชาชนชาวไทยมีความรักใคร่ปรองดองกัน เดินไปสู่ความเจริญก้าวหน้า แต่ก็ไม่ละเลยทะนุถนอมแผ่นดินไทยให้คงอยู่ ด้วยความเขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ให้สมกับคำโบราณที่ว่า ในน้ำก็มีปลา ในนาก็มีข้าว ถ้าเรากินใช้แต่พอสมควรไม่มากเกินไป ทรัพยากรไทยก็จะมีเหลือไว้เจือจุนถึงลูกถึงหลาน ไม่สร้างพิษภัยให้แก่ชาวโลกด้วย
     
  4. lotte

    lotte เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +4,545
    เป็นศาสนาของชาวไทยมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย พระเจ้าแผ่นดินองค์แรกๆ ของสุโขทัย เวลาขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินก็จะต้องกล่าวคำปฏิญาณว่าจะทำนุบำรุงพุทธศาสนาไว้ด้วยชีวิต ซึ่งเดี๋ยวนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ก็เช่นเดียวกัน ยังถือธรรมเนียมเหมือนอย่างคนไทยทั้งหลายถือว่าพระบวรพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ล้ำค่าของชีวิตคนไทยที่จะพึ่งพาเวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในชีวิต พระบวรพุทธศาสนาเป็นแสงสว่าง เพราะฉะนั้น ไม่มีวันยอมให้สลายหรือล่มลงไปเป็นอันขาด และดินแดนของชาวพุทธนี้ชาวพุทธได้ทำชื่อเสียงมามากมาย เช่น ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้าพเจ้าทราบข่าวว่าเชลยศึกสมัยที่ตอนนั้นทางญี่ปุ่นได้ยึดครองประเทศไทย เชลยศึกต่างชาติต่างๆ ได้รับการช่วยชีวิตได้รับการป้อนน้ำ แอบไปป้อนน้ำ เสี่ยงต่อชีวิตตนเอง ซ่อนอาหาร ซ่อนตัวเขาด้วย ที่พูดอย่างนี้ไม่อยากที่จะทำให้ใครต้องเสียใจ แต่พูดให้ทราบความจริงว่า บรรพบุรุษของไทยเรานี้ ที่ผ่านมาไม่เท่าไหร่ ไม่กี่ปี 50 ปีก็ตาม ก็ยังปฏิบัติตนทำให้ต่างประเทศชื่นชมและนับถือประเทศไทยและน้ำใจของคนไทยที่มีความเมตตากรุณา และมีความกล้าหาญที่จะแสดงความเมตตากรุณาด้วย อันนี้ขอให้ท่านคิดดูดีๆ สิ และชาวต่างประเทศมาพูดกับข้าพเจ้าว่าที่เขาชอบกรุงเทพมหานครเหลือเกิน เพราะว่าเมืองหลวงของประเทศไทยน่าอัศจรรย์ โบสถ์พุทธ โบสถ์พราหมณ์ สุเหร่าอิสลาม ทุกศาสนาอยู่ใกล้เคียงกัน ไม่เคยมีใครคิดไปวางระเบิดหรือไปรบกวนศาสนาอื่นเลย ให้อิสระ สิทธิเสรีภาพในการที่จะนับถือศาสนาใดก็ได้ ซ้ำสนับสนุน นี่แหละฝรั่งเขาบอกคือการปฏิบัติต่อกันของคนที่มีความเจริญอย่างแท้จริง เจริญสุดทางด้านจิตใจ อันนี้น่าชื่นใจมาก ถึงเวลาที่สวดของใครๆ ก็ไป ใครทำพิธีของใครก็ไป โดยไม่ไปรังแกซึ่งกันและกัน อันนี้ต่างประเทศคิดว่ายอดสุดๆ คนไทยนี้ ข้าพเจ้าก็คิดพูดเฉพาะกับท่านว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นว่าต้องถือว่าเป็นกรณีพิเศษ นักเรียนไทยที่เยอรมันก็ฮากันตรึมลั่น เขาก็จะฆ่าพระ รังแกพระ ไม่ให้ออกไปบิณฑบาต ไม่เหมือนคนไทยทั้งชาติที่เคยทำมา พวกเราต้องมีอารมณ์เย็น เราไม่เคยไปเบียดเบียนรังแกอะไรใครที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ความเชื่อของแต่ละบุคคล เราถือว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเต็มที่ในการที่จะเชื่อในศาสนาใดก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้ามากเกินไปต้องคอยเตือน คอยดูแล คอยสำทับแต่ก็น่าเศร้าใจ





    ถ้าโจรใต้ได้อ่านพระราชเสาวนีย์คงจะไม่ขัดพระราชเสาวนีย์โจรใต้นะครับ คงไม่วางบอมบ์วัด วางบอมบ์พระอีกนะครับถือว่าขัดพระกระแสรับสั่งเนี่ยลงข่าวหน้าหนึ่งนะครับ
     
  5. อ้างว้าง

    อ้างว้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +577
    (verygood)

    ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน...
     
  6. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    ขอจงทรงพระเจริญ
     
  7. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    แต่พวกนักการเมืองเลวๆ ยังไม่หยุด
    ผู้เฒ่าผู้แก่บ้านนอก อีสานของผม พุทธบริษัทที่ดี(ไม่รู้เห็นข่าวนี้)
    หลงเชื่อเรียบร้อยแล้วครับ ผลการรับร่าง รธน.ที่อีสานจึงเป็นเช่นนี้

    นักการเมืองพวกนี้ ผมถือว่า พวกมารศาสนา
    ที่แสวงหาอำนาจลูกเดียว โดยไม่สนใจวิธีการ

    ร่วมด้วย ช่วยกัน น่ะครับ[bw-cry] [bw-cry]
    (b-ng) (b-smile) (glass)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2007
  8. ลูกพระสมุทร

    ลูกพระสมุทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +145
    ท่านเคยเห็นประเทศที่มีหลายศาสนาไหม เช่นประเทศออินเดีย เป็นงัยครับข่าวแต่ละวัน
     
  9. maijan

    maijan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +101
    มันมีคนปลุกปั่นให้คนไทยต่างศาสนาเกลียดกัน พวกหาประโยชน์เข้าตัว ยึดติดในอำนาจ ให้กรรมตามทันมันไวเป็นพิเศษ
     
  10. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    เซลล์..มี..พลังงาน..ไม่มีวันสูญหาย
    คิด..ใช้..เซลล์สมอง
    พูด..ใช้..เซลล์ปาก
    ทำ..ใช้..เซลล์กาย
    กรรม = การกระทำ = พลังงาน..ไม่มีวันสูญหาย
    กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม..ดี หรือ ชั่ว

    เมื่อไม่มีวันสูญหาย
    ไม่ช้านาน..คงตอบสนอง
    ล้าน%(b-no) (b-no) (b-evil2) (b-evil2)
     
  11. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    NOCOMMENT ครับ
     
  12. mu-nice

    mu-nice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +650
    (b-wow) ผู้ใดทำกรรมใดไว้ ผู้นั้นย่อมได้รับผลของกรรมนั้น ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร หนีกรรมไม่พ้น
     
  13. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    คุณ mw1958
    ไม่น่าจะใช่
    คนไทย

    น่าจะเป็น
    คนของ นักการเมือง ฝ่ายชั่วๆ
    อ้างเรื่อง ศาสนา เพื่อผล การเมือง
    (b-angry) (b-angry) (b-angry) (b-cap)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2007
  14. อริยชโย

    อริยชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +119
    ใยท่านมาโกรธ อยุ่ที่นี่ โกรธ คือโง่ โมโห ก็คือโง่ ...............
     
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** สัจจะ สืบทอดพุทธศาสนา ****

    ศาสนาพุทธ...จะไม่สูญหายไปจากแผ่นดินไทย
    เหมือนในหลายประเทศ....ที่ศาสนาพุทธได้ถูกทำลายล้างไป...เหลือแต่ซากปรักหักพัง

    หาก...ชาวพุทธทุกคน
    "ถวายสัจจะ ต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า นับถือพุทธศาสนา ตลอดชีวิต "

    พุทธศาสนาจะมั่นคงสืบทอดต่อไป...เมื่อสาวกถือสัจจะ ทำจริง
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** อย่ารอช้า ภัยกำลังมา ****

    กฎหมาย... ไม่เท่า....
     
  17. chaiwat13

    chaiwat13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    292
    ค่าพลัง:
    +638
    ถึงโลกจะแตกสลาย...นักการเมืองไทยที่ดีจะหามีไม่...สาธุ...สาธุ...คงจะมีสักวันนะครับที่จะมีนักการเมืองที่ดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆในเมืองไทย.....
     

แชร์หน้านี้

Loading...