ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย คุณสนุก, 4 พฤศจิกายน 2010.

  1. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    :cool: พักผ่อนบ้างนะครับ คุณ นวล เป้นห่วงครับ
     
  2. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321

    :cool:งามมากๆๆๆๆๆๆๆ
     
  3. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    กราบหลวงปู่ยามงานยุ่งยุ่งครับ
    ซำบายดีกันนะครับพี่น้อง:cool:
     
  4. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    กราบหลวงปู่ทวด...

    [​IMG]
    [​IMG]

    คติธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ทวด

    ธรรมประจำใจ
    พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์

    ละได้ย่อมสงบ
    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข ละได้ย่อมสงบ

    ชีวิตทุกข์
    การเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ จะเห็นได้ว่า ตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือ เสร็จแล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ เมื่อเราจะออกจากบ้านก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ ในการงาน ในสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงตนชอบ นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัย

    บรรเทาทุกข์
    การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น เราจะต้องรู้ว่า เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม เราต้องเป็นตัวของเราเองและเราจะต้องวินิจฉัย ในเหตุการณ์ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราว่าส่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ

    ยากกว่าการเกิด
    ในการที่เราเกิดมา ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสุขสบาย


    ไม่สิ้นสุด
    แม่น้ำทะเล และมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ฉันนั้น

    ยึดจึงเดือดร้อน
    ทุกวันนี้ เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ก็เพราะมนุษย์ไปยึดโนน่ ยึดนี่ ยึดพวกยึดพ้อง ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะ โดยไม่คำนึงถึงธรรม สากลจักรวาลโลกมนุษย์นี้ ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก สัตว์โลกทุนคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน เกิดการฆ่าฟันกัน เพราะอารมณ์แห่งการยึดถือ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กันยายน 2012
  5. tawanrise

    tawanrise เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +810
    กราบหลวงปู่ทวด หวัดดีครับคุณนวลเป็นคติที่ดี่มากครับขออนุโมทนาดว้ยที่มอบสิ่งดีๆให้กับสมาชิกได้อานกัน
     
  6. dinso

    dinso เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,863
    ค่าพลัง:
    +9,562
    กราบหลวงพ่อทวดครับ
     
  7. tawanrise

    tawanrise เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +810
    เรื่องราวของหลวงปู่ทวดประสบการณ์ของผมนั้นส่วนมากจะเป็นเรื่องแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุครับ ส่วนของหลวงปู่ดู่ผมไม่มีเลยอยากมีไว้เหมือนกันครับคุณนวลอย่าโหมงานให้มากรักษาสุขภาพด้วยพักผ่อนให้มากสักหีดเดียวไม่บายนะจะบอกให้
     
  8. chon sangthong

    chon sangthong Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +29
    วัดไหนครับ เผื่อผมจะมีโอกาสไปหาบ้างครับ
     
  9. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    เจอคนบ้านเดียวกันแล้วหล่าว....
    ขอบคุณค่ะ วันนี้ขอพักสักหีด....(งานประจำติดต่อกันตลอดค่ะ)
    เดือนหน้าคงเบาบางลง.......ช่วงนี้ไม่บายบ่อยค่ะ....
    เลือดทหารเข้าสิงค่ะ...

    ขอบคุณมากค่ะที่ห่วงใย....
    มาเล่าให้ฟังบ้างนะคะเกี่ยวกับประสบการณ์แคล้วคลาดอยากฟังค่ะ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กันยายน 2012
  10. Jopaa

    Jopaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +4,867
    ชอบครับ..ฟอร์มพระ วัดบวรฯออกแบบได้สวยงามมาก ไม่เลอะเทอะ องค์หลวงปู่คม ชัด ลึกดี โดดขึ้นชัดเจน ลักษณะรูปหลวงปู่เหมือนเหรียญเปิดโลกเลย ส่วนเหรียญทรงเสมาลวดลายปราณีตแปลกตาดี ไม่ค่อยเห็นกัน สวยงามครับ
     
  11. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
  12. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    สวัสดียามค่ำค่ะ....
    อ่านเจอมา

    <TABLE id=tbForumDetail border=0 cellSpacing=0 width="98%" align=center cellpading="0"><TBODY><TR><TH id=titleTopic>เรื่องราว ปาฎิหารย์ หลวงปู่ทวด ปี 14 พระนอกพิมพ์
    [​IMG]
    Thanks: ฝากรูป
    [​IMG]
    Thanks: ฝากรูป
    </TH></TR><TR><TD align=middle>

    หลังสงกรานต์ที่ผ่านมาลูกศิษย์ผมคนหนึ่ง ได้เข้าดำหัว ตามประเพณี มันได้เล่าถึงประสบการณ์เฉียดตายให้ผมฟัง ลูกศิษย์คนนี้สมัยเรียนมันมีนิสัย เกเร ติดเหล้า บุหรี่ ทะเลาะวิวาทประจำ จนแม่ไม่เอา ผมต้องเป็นผู้ปกครองให้มันประจำ ผมเลยให้พระหลวงปู่ทวดกับมันไปองค์หนึ่ง ซึ่งผมบูชาจากพวกมา คู่ละ พันบาท สมัย ปี 48 ปัจจุบันมันทำงานเป็นเชลล์หน่วยรถเดินทางไปขายสินค้าอุปโภค บริโภค เกือบทุกจังหวัดที่เขตมันรับผิดชอบ คืนก่อนกลับบ้านแวะไปฉลองกับเพื่อนร่วมงานที่ร้านคาราโอเกะร้านหนึ่ง เสือกเมาไปมีปัญหาแย่งเด็กออฟกัน ตอนเลิกที่ลานจอดรถมันเสือกเดินเข้าไปหาเค้าเพื่อไปขอบุหรี่ดูด แค่นั้นแหละ เสียงดังขึ้น และมันก็ล้มลงกับพื้นด้วย คู่กรณีขับรถหนีตามระเบียบ จริง ๆ เรื่องนี้มันน่าจะเป็นข่าวดังครึกโครม แต่ใครจะรู้ครับว่าคนยิงเป็นลูกของท่านผู้ทรงอำนาจในถิ่นนั่น ปิดข่าวเงียบกริบ งั้นป่านี้พระรุ่นนี้ได้หากันให้ขวักแน่ครับ แต่ก็ดีแล้วที่ลูกศิษย์ผมไม่ตาย สรุปคือ โดนไป 2 นัด เสื้อขาดเป็นรู ที่ท้อง 1 รู ไหล่ช้าย 1 รู โคตรแปลกครับ มันเล่าให้ผมฟังพร้อมกับโชว์หลวงปู่ทวดที่มันแขวนในวันเกิดเหตพร้อมกับเลี่ยมทองเรียบร้อย มันบอกว่า ไม่มีท่าน ป่านี้มันเป็นศพไปแล้ว ผมเลยได้โอกาสตักเตือนสั่งสอนมันสักหน่อย ท่านคงไม่ช่วนเอ็งไปทุกคราวหรอกหากเอ็งยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กิน เที่ยว แบบนี้ พอได้แล้วครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนชีวิตให้ได้เรียนรู้ ขยัน ตั้งใจทำงาน เก็บเงิน สร้างครอบครัวได้แล้ว และอย่าไปคิดว่าต่อไปหากเกิดขึ้น มันจะลงเอยแบบนี้อีก .....(เรื่องราวที่กระผมเล่าสู่กันฟังนี้ท่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านน่ะครับ ผมไม่ได้มาโฆษณาขายพระแต่ประการใด แค่อยากเล่าสู่กันฟัง) ผมก็พึ่งรู้ไม่นานนี้แหละว่าพระหลวงปู่ทวด ปี 14 อาจารย์นอง ปัตตานี ไม่ได้มีบันทึกการสร้างไว้ สรุปคือ พระนอกพิมพ์นั่นเอง ...นี้คือเรื่องราวปาฎิหารย์พระนอกพิมพ์ หลวงปู่ทวด ปี 14 .... สวัสดีครับ


    </TD></TR><TR bgColor=#111111><TD id=label5 height=25 vAlign=bottom colSpan=2 align=right>ผู้โพส จักรพงค์ AM , วันที่โพส : 30 เม.ย.2555 11:48:25 <!-- AddThis Button BEGIN -->


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง...
    http://www.nanamulet.com/forum.php?action=view&tid=2&topic=10180
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กันยายน 2012
  13. อั๋นวัดสาม

    อั๋นวัดสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    4,259
    ค่าพลัง:
    +9,022
    รักษาสุขภาพบ้างนะครับพี่นวลอย่าหักโหมกับงานมากนักนะครับ :cool:
     
  14. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    [​IMG]
    กราบสมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ หรือหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม
    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะวะวา
     
  15. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    เคล็ดที่ไม่ลับ "ของการแก้เคราะห์กรรม" โดย พระมหาพิน

    เคราะห์กรรมนั้นเป็นเรื่องที่บางคนก็ให้ความเชื่อถือมาก บางคนก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง บางคนก็บอกว่า “เขาไม่เชื่อ แต่ไม่กล้าลบหลู่” บางคนก็ไม่เชื่อเลย หาว่าเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ เป็นเรื่องของไสยศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องของพุทธศาสตร์ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ บางคนไม่เชื่อเลย ไม่ยอมเชื่อคำทำนายทายทักของใครทั้งสิ้น แต่เมื่อหลังจากที่เผชิญเคราะห์กรรมตามคำทำนายของหมอดูแล้ว จากนั้นก็กลายเป็นคนที่เชื่อเรื่องนี้อย่างฝังจิตฝังใจ
    และคนอีกกลุ่มหนึ่งที่แปลกมากก็คือ ผู้ที่ได้รับการบวชเรียนทางด้านบาลีแล้ว แต่ก็ไม่ยอมเชื่อในเรื่องนี้ กลับหาว่าเรื่องนี้ไม่มีในพุทธศาสนา ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้มีกล่าวไว้ในนิทานธรรมบทอย่างมากมาย อาจเป็นเพราะไม่ค่อยได้ใส่ใจก็ได้
    ในพุทธศาสนานั้น จัดแบ่งเคราะห์กรรมเป็น ๒ ประเภท คือ
    ๑. ปริปนฺโถ <SUP>3</SUP> คือ เคราะห์หรืออันตรายที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
    ๒. ปริสฺสยํ <SUP>4</SUP> คือ เคราะห์หรืออันตรายที่รอเวลาเกิด

    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>๑. ปริปนฺโถ คือ เคราะห์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า<O:p></O:p>
    เคราะห์ชนิดนี้ คือเคราะห์ที่จะเกิดขึ้นเฉพาะหน้า รู้ตัวได้ล่วงหน้า สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ถ้าหากประมาทขาดสติ หรือได้รับการศึกษาเรียนรู้ในเรื่องนั้น ๆ น้อยเกินไป เช่น อันตรายจากการขับรถยนต์เป็นครั้งแรก หรืออันตรายจากเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
    วิธีแก้เคราะห์กรรมชนิดนี้ จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย คือการใช้สติปัญญาเข้าแก้ไขในเรื่องนั้น ๆ ตามสมควรแก่กรณี เช่น ก่อนขับรถยนต์จริง ๆ ควรเรียนรู้ถึงวิธีการขับรถและกฎการจราจรก่อน หรือก่อนใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ควรเรียนรู้เรื่องระบบไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ๆ ก่อน ในทางศาสนา เรียกคนประเภทนี้ว่า “นิปโก = ผู้มีปัญญารักษาตัวรอด” (ผู้มีปัญญารักษาไว้ซึ่งตน)

    <SUP>3</SUP> ปริปันโถ = อันตรายเป็นเครื่องเบียดเบียนรอบ
    <SUP>4</SUP> ปริสสยัง = อันตรายเป็นเครื่องนอนรอบ
    <O:p></O:p>
    ๒. ปริสฺสยํ คือ เคราะห์กรรมที่รอเวลาเกิด (อันตรายที่นอนรอเวลา)
    เคราะห์ชนิดนี้ คือเคราะห์ที่เกิดขึ้นจากกรรมเก่าในอดีตชาติเป็นหลักหรือเคราะห์ที่เกิดจากเจ้ากรรมนายเวรในชาติที่แล้วตามมาแก้แค้น เคราะห์กรรมชนิดนี้แก้ไขได้ยากมาก แต่ป้องกันได้ง่าย เคราะห์ชนิดนี้จะรอเวลาเหมือนกันคนนอนรอหรือนั่งรอ คือรอให้คน ๆ นั้นอายุครบกำหนด อันตรายหรือเคราะห์กรรมชนิดนี้ก็จะให้ผล เช่น รอให้คน ๆ นั้นอายุ 25 ปี 5 เดือน 5 วัน คน ๆ นั้นก็จะได้รับอุบัติเหตุหรือเคราะห์กรรมนั้น ๆ โดยที่ไม่มีสัญญาณเตือนภัยให้ทราบล่วงหน้า
    เมื่อถึงคราวที่เคราะห์ชนิดนี้ให้ผล วิบากกรรมก็จะสร้างสถานการณ์ให้ผู้นั้นต้องไปประสบกับเคราะห์กรรมนั้น ๆ เช่น คนบางคน มีถิ่นฐานบ้านเกิดอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ถ้าดวงชะตาจะต้องเสียชีวิตที่เชียงใหม่ วิบากกรรมก็จะสร้างสถานการณ์ให้ผู้นั้นต้องออกเดินทางจากบ้าน แล้วมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตที่เชียงใหม่จนได้
    เคราะห์หรืออันตรายชนิดนี้ จะรอคอยให้คนผู้นั้นมาประสบกับเคราะห์กรรม ณ สถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งที่กรรมได้กำหนดเอาไว้ แต่ถ้าหากก่อนจะถึงกำหนดเวลาที่จะประสบเคราะห์กรรม ผู้นั้นเปลี่ยนไปดำเนินชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งดีขึ้นกว่าเดิมและเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เช่น ไปบวชพระ – บวชเณร – บวชชีพราหมณ์ หรือถือศีลกินเจปฏิบัติธรรมชั่วระยะเวลาหนึ่ง หรือจนกว่าเคราะห์กรรมนั้น ๆ จะผ่านพ้นไป ก็จะปลอดภัยได้

    <O:p></O:p></O:p>
     
  16. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    วิธีแก้ไขมีหลายวิธี แต่ในที่นี้จะอธิบายแค่บางข้อ
    ๑. ให้เจริญ (แผ่) เมตตามาก ๆ ยิ่งถ้าเจริญจนถึงขั้นได้ฌาน ก็จะแก้เคราะห์กรรมได้เกือบทุกชนิด ยกเว้นกรรมที่เป็นผลมาจากอนันตริยกรรม การแก้ไขโดยวิธีนี้ เป็นวิธีที่ดีที่สุด นอกจากจะเป็นการป้องกันและแก้ไขเคราะห์กรรมไปในตัวแล้ว ยังได้รับอานิสงส์ของเมตตาอีก ๑๑ ประการ เป็นกำไรอีกด้วย อีกทั้งไม่เสียเงินทอง ไม่ต้องยุ่งยากรบกวนผู้อื่น
    ๒. ถ้าไม่สามารถทำเหมือนข้อที่ ๑ ได้ ให้ตรวจสอบดวงชะตาขชีวิตของตนเป็นประจำทุก ๆ ปี เมื่อทราบว่าช่วงเดือนไหนเป็นอย่างไรแล้ว ก็จะได้เตรียมรับมือกับเคราะห์กรรมนั้น ๆ ได้ล่วงหน้า เช่น
    o ถ้าจะมีปัญหาเกี่ยวกับทางด้านการเงิน ก็ให้ระมัดระวังการใช้จ่ายและการให้ผู้อื่นกู้ยืม เพราะถ้าให้ไปแล้ว อาจจะไม่ได้คืน (มีเงินให้ผู้อื่นกู้ มีความรู้อยู่ในหนังสือ ใช้ประโยชน์ไม่ได้)
    o ถ้าจะมีปัญหาเกี่ยวกับเคราะห์กรรม ก็ให้ใช้สติสัมปชัญญะในการดำเนินชีวิตให้มากขึ้นกว่าเดิมอีก ๒ หรือ ๓ เท่า ถ้าไม่เช่นนั้นจะประสบอุบัติเหตุได้ง่ายมาก
    o ถ้าจะมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ก็ให้ระมัดระวังคำพูดและการกระทำบางอย่าง อย่ารับปากใครง่าย ๆ และให้พยายามเก็บเนื้อเก็บตัว เพราะคนที่มีเคราะห์กรรมนั้น “ผีมักซ้ำ ด้ามมักพลอย” หมายความว่า ไม่ว่าจะทำอะไรในช่วงนั้น มักซวยไปทั้งหมด ยกเว้นการทำความดี
    ๓. เมื่อเข้าสู่เขตที่จะได้รับเคราะห์กรรม ให้ถือศีลกินเจปฏิบัติธรรม ให้ตัดขาดจากโลกภายนอกไปสักระยะหนึ่ง เช่น อาจจะสัก ๗ วัน ๑ เดือน หรือ ๓ เดือนก็ได้
    ๔. ถ้าจะป้องกัน ให้ทำก่อนที่จะได้รับเคราะห์กรรมอย่างน้อย ๗ วัน อย่ารอให้กรรมเข้าสู่กระบวนการให้ผลแล้ว มิฉะนั้น จะแก้ไขไม่ได้เลย เพราะวิบากกรรมนั้นจะสร้างสถานการณ์ให้ผู้นั้น คิดผิด เห็นผิด พูดผิด ทำผิด และตัดสินใจผิด เพื่อให้ตนต้องได้รับเคราะห์กรรมนั้น เช่น เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นความตายเป็นเรื่องสนุก เห็นความทุกข์เป็นเรื่องน่าลอง
    ในข้อนี้ สังเกตดูได้จากคนบางคน ที่รอจนกระทั่งกรรมเข้าสู่กระบวนการให้ผลแล้วจึงแก้กรรม จะแก้ไขไม่ได้ เช่น คนบางคนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตขณะที่กำลังไปสะเดาะเคราะห์ ส่วนบางคนก็ประสบอุบัติเหตุขณะที่กลับจากสะเดาะเคราะห์แล้ว ดังนี้เป็นต้น
    ในข้อนั้น มีเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์
    ถ้าหากเราไปฆ่าผู้อื่นเสียชีวิต ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าจับกุมตัว เราจะต้องรีบหลบหนี หรือไม่ก็รีบไปติดสินบนเจ้าหน้าที่ หรือไม่ก็รีบไปเจรจาเพื่อจ่ายเงินให้กับญาติของผู้ตายก่อน ก็อาจรอดพ้นจากคุกได้ แต่ถ้าหากปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวไปแล้ว ทำประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือแล้ว การจะแก้ไขให้รอดพ้นจากกคุกตารางเป็นเรื่องยุ่งยากมาก การจะแก้เคราะห์กรรมในอดีตชาติก็เช่นกัน ถ้าหากกรรมเข้าสู่กระบวนการให้ผลแล้ว แก้ไขแทบไม่ได้เลย แต่ป้องกันได้
    ๕. ขอบารมีธรรมของท่านผู้มีบุญช่วยคุ้มครอง เช่น ขอบารมีธรรมของเสด็จพ่อ ร. ๕ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เทพเทวาหรือพระพรหมองค์อื่น ๆ ให้ท่านช่วยคุ้มครอบ ดุจผู้ที่ทำความผิดแล้วหนีไปซุกปีกผู้มีอิทธิพล ก็อาจจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่มากนัก และในขณะที่ขอบารมีจากท่านให้ช่วยคุ้มครอง ห้ามไปทำความชั่วอย่างนั้นซ้ำอีก
    ๖. ถ้าหากในขณะนี้ยังไม่มีเคราะห์กรรมอะไร เราก็ควรป้องกันก่อน (ป้องกันดีกว่าแก้ไข) โดยภายหลังการทำบุญทุกครั้ง ควรทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรในชาติก่อน ๆ ที่เขายังอาฆาตเราอยู่ ที่เขายังไม่ให้อภัย ถ้าหากเขาเห็นเราทำอย่างนี้บ่อย ๆ เขาอาจใจอ่อนให้อภัยเราก็ได้ กรรมนั้นก็จะกลายเป็นอโหสิกรรม เมื่อถึงเวลาที่จะได้รับเคราะห์กรรม ก็อาจจะไม่เป็นอะไรเลย เพราะเขาให้อภัยเราแล้ว
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    สรุปวิธีแก้เคราะห์กรรม<O:p></O:p>
    ๑. ถ้าเป็นเคราะห์กรรมที่เกิดจากเหตุปัจจุบัน ให้ใช้ปัญญาเข้าแก้ไข
    ๒. ถ้าเป็นเคราะห์กรรมที่เกิดจากอดีตชาติ ให้ถือศีลกินเจปฏิบัติธรรม เพราะการบวชปฏิบัติธรรม เช่น บวชเป็นพระ-เณร-ชีพราหมณ์ เป็นการแก้เคราะห์กรรมที่ดีที่สุด
    ๓. ในขณะที่กำลังแก้เคราะห์กรรมอยู่นั้น ห้ามทำชั่วอย่างนั้นซ้ำอีกอย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะแก้กรรมไม่ได้ ดุจคนที่กำลังรักษาโรคตับแข็งเพราะดื่มเหล้าจัด ในขณะที่กำลังรักษาอยู่นั้น ห้ามดื่มเหล้าซ้ำอีก
    ๔. เคราะห์กรรมบางอย่างแก้ไขไม่ได้ เพราะอยู่นอกเหนือวิสัยของเรา ก็ให้ทำใจเตรียมรับมือกับปัญหานั้น หรือไม่ก็พลิกปัญหาให้เป็นโอกาส ก็จะพลิกร้ายให้กลายเป็นดีได้
    ที่กล่าวมานี้ เฉพาะกรรมที่ไม่หนักเท่านั้น แต่ถ้าหากเป็นกรรมี่หนัก เช่น เป็นผลมาจากอนันตริยกรรม ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ จะต้องก้มหน้ารับกรรมนั้นต่อไป ดังเช่น พระมหาโมคคัลลานะถูกทุบจนเสียชีวิต เพราะในชาติที่แล้วเคยฆ่ามารดาของตน
    <O:p></O:p>
    ในพุทธศาสนา มีอาวุธอยู่ ๒ อย่าง คือ
    ๑. ปัญญาวุธ อาวุธคือปัญญา หรือปัญญาประดุจดังอาวุธ ใช้สำหรับแก้ไขเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ที่มองเห็นได้ (ใช้แก้เคราะห์กรรมประเภทที่ ๑)
    ๒. เมตตาวุธ อาวุธคือเมตตา ใช้สำหรับแก้ไขเคราะห์กรรมหรืออันตรายที่มองไม่เห็น (ใช้แก้เคราะห์กรรมประเภทที่ ๒)
    <O:p>อ้างอิง</O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กันยายน 2012
  17. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,819

    วัดช้างให้ 2542 ครับ
     
  18. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center><TBODY><TR><TD align=left>
    วันที่ อังคาร มกราคม 2551

    </TD></TR><TR><TD align=left></TD></TR><TR><TD>
    <CENTER>ธัลดล บุณนาค กับ...พลังศรัทธาสร้าง ๔ พระมหาเจดีย์

    </CENTER>
    [FONT=courier new,courier,monospace][​IMG][/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]"ธัลดล บุณนาค" [/FONT]
    [FONT=courier new,courier,monospace]กับ...พลังศรัทธาสร้าง ๔ พระมหาเจดีย์ [/FONT]​

    [FONT=courier new,courier,monospace]"หลวงพ่อทวด เป็นที่รู้จักของชาวไทยทุกภูมิภาคในฐานะพระศักดิ์สิทธิ์ที่มีอิทธิปาฏิหาริย์และอภิญญาแก่กล้าจนได้สมญาว่า หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ประวัติอันพิสดารของท่านมีเล่าสืบกันมาไม่รู้จบสิ้น ยิ่งนานวันยิ่งซับซ้อนและขยายวงกว้างออกไปกลายเป็นความเชื่อความศรัทธาอย่างฝังใจว่า ใครแขวนหลวงปู่ทวดแล้วไม่ตายโหง"[/FONT]
    [FONT=courier new,courier,monospace]นี่เป็นความเชื่อความศรัทธาหลวงปู่ทวดของ นายธัลดล บุณนาค ประธาน-เอ ไอ เอ (ประเทศไทย) ที่เป็นผู้หนึ่งได้สัมผัสกับปรากฎการณ์สิ่งที่เร้นลับหรือสิ่งที่มองไม่เห็นเหล่านี้ จนกระทั่งได้มาสร้างพระมหาเจดีย์ตามแรงดลบันดาลใจเพื่อเป็นพุทธบูชาถึง ๔ แห่ง [/FONT]
    [FONT=courier new,courier,monospace]นายธัลดล กล่าวว่า ส่วนตัวมีความเคารพศรัทธาหลวงปู่ทวด วัดช้างให้อยู่แล้ว จนมีวันหนึ่งหลวงปู่ทวดมาดลบันดาลให้สร้างพระเจดีย์ รวมทั้งหลวงปู่ภูก็มาดลบันดาลให้สร้างพระมหาเจดีย์ จะว่าไปแล้วก่อนที่จะสร้างได้นั้นทางเบื้องบนต้องอนุมัติให้สร้างเสียก่อน เนื่องจากทาง ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้มีปัญหา เป็นเรื่องแปลกอยู่เหมือนกันว่า ท่านให้สร้างเฉพาะจังหวัด พัทลุง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส [/FONT]​

    [​IMG]

    [FONT=courier new,courier,monospace]สาเหตุที่รู้ว่าท่านมาดลบันดาลให้สร้างนั้น โดยท่านบอกผ่านร่างทรงมาว่าขอให้ช่วยสร้าง ส่วนครั้งแรกหลวงพ่อท่านเจ้าคุณธรรม เจ้าอาวาสวัดภูผาถิมุข จ.พัทลุง ได้ดูดวงให้แล้วบอกว่าดวงของโยมสร้างเจดีย์ได้ พอฟังเสียงท่านทักเท่านั้นก็รู้สึกตกใจ แต่ก็ได้ถามว่าหลวงพ่ออยากได้แบบไหน ท่านก็บอกว่าอยากได้พระเจดีย์แบบวัดราชนัดดารามวรวิหาร กรุงเทพฯ จึงตอบตกลงสร้างให้ท่าน[/FONT]
    [FONT=courier new,courier,monospace]วันนี้สร้างพระมหาเจดีย์ไปทั้งหมด ๔ แห่งเกือบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย พระมหาเจดีย์องค์ที่ ๑ วัดหลักเมือง จ.ปัตตานี พระมหาเจดีย์องค์ที่ ๒ วัดภูผาถิมุข จ.พัทลุง พระมหาเจดีย์องค์ที่ ๓ วัดนิโรธสังฆาราม จ.ยะลา พระมหาเจดีย์องค์ที่ ๔ วัดเขากง จ.นราธิวาส รวมทั้งการสร้างเจดีย์ทรงจีน ณ ศาลเจ้าจ้อชู้ก๋ง จ.กระบี่ ความศรัทธาตรงนี้น่าจะมาจากการปลูกฝังจากครอบครัว เพราะคุณพ่อคุณแม่ได้เป็นผู้สร้างวัดท่าซุง อำเภอเมือง อุทัยธานีมาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น [/FONT]​

    [​IMG]

    [FONT=courier new,courier,monospace]ทั้งนี้นายธัลดลได้พูดถึงเรื่องการทำบุญไว้อย่างน่าคิดว่า "ผมได้ทำตรงนี้คิดว่าเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา เรียกได้ว่ามันเป็นคำปฏิญาณต่อหน้าพระพุทธองค์มาตั้งแต่เล็กแล้วว่า โตขึ้นมาจะต้องทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา แล้วจะทำแต่บุญและทาน เพราะในชาติหนึ่งผมรักพระพุทธเจ้า และผมก็รักเคารพเทพทุกพระองค์ เพราะถือว่าทุกพระองค์ได้ปกป้องศาสนา ผมเกิดมาชาตินี้ก็จะต้องสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อๆไปให้ได้ จริงๆ ถ้าจะให้อธิบายมันอธิบายไม่ได้ แต่ว่าผมรักที่จะสร้างพระมหาเจดีย์ทั้งองค์นี้" [/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กันยายน 2012
  19. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    [​IMG]

    [FONT=courier new,courier,monospace]นอกจากพลังศรัทธาในการสร้างเจดีย์แล้ว นายธัลดล ยังได้สร้างโรงเรียนปริยัติธรรมสำหรับพระสงฆ์ให้กับวัดช้างล้อม จ.กำแพงเพชร แล้วยังได้ช่วยบูรณะวัดต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก และในขณะนี้ยังสร้างศาลาหลวงปู่ภูอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรีตรงนั้นก็ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตรงนี้อยากจะบอกว่า ในฐานะผู้บริหารเอไอเอได้นำพนักงานทุกคนเข้าสู่บุญเหล่านี้สูงมาก อย่างน้อยทำเพื่อให้พนักงานทุกคนรู้ว่าเราเป็นคนไทยที่จะต้องทำหน้าที่บำรุงพระพุทธศาสนา คนเราจะเกิดมากี่ชาติก็ตามสิ่งสำคัญจะต้องทำดีให้ได้[/FONT]
    [FONT=courier new,courier,monospace]"คนเราเกิดมาไม่ว่าจะเกิดกี่ภพกี่ชาติก็ต้องทำดีให้ได้ เราเกิดมาแล้วก็อย่าให้เสียชาติเกิดต่อการทำดี ฉะนั้น เราในฐานะชาวพุทธต้องรู้จักทำบุญทำทานเป็นประจำ เชื่อไหมว่าพนักงานเอไอเอทั่วประเทศหกหมื่นกว่าคน พอบอกบุญไปว่ามีใครทำบุญไหม ทุกคนต่างตอบรับที่จะร่วมทำบุญกัน แล้วส่วนหนึ่งก็เป็นเงินทำบุญที่ได้จากการสมทบจากบริษัท ตรงนี้จึงเป็นการทำบุญที่ร่วมบุญกัน" นายธัลดล กล่าวทิ้งท้าย [/FONT]

    [​IMG]

    [FONT=courier new,courier,monospace]อานิสงค์แห่งการทำบุญ [/FONT]
    [FONT=courier new,courier,monospace]พระอาจารย์สุขเกษม เขมสุโข วัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ กทม. พระนัก จัดรายการวิทยุ และพระนักแต่งเทศน์เพลง บอกว่า คติความเชื่อเรื่องอานิสงค์แห่งการทำบุญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เชือว่า สร้างถวายฉัตรยอด พระเจดีย์ ได้รับการเคารพยกย่อง เกิดในชาติตระกูลสูง มีสง่าราศี ถวายทองคำ ผิวพรรณงาม เปล่งปลั่ง อุดมมั่งคั่งถวายเงิน ใจสว่างไสว อยู่เย็นเป็นสุข ถวายอัญมณี รัศมีกายทิพย์สว่าง มีราศี มักประสบโชคดี ถวาย บรรจุพระเครื่อง มีกำลังใจต่อสู้กับอุปสรรค มักมีคนช่วยเหลือเวลามีปัญหา ถวายแผ่นทองคำเปลวปิด องค์พระเจดีย์ มีราศีผิวพรรณงาม ใจสว่าง อบอุ่นใจ ถวาย อิฐ หิน ปูน ทราย มีแต่ความมั่นคงในชีวิต ใจคอหนักแน่น ไม่โลเล สร้างองค์พระเจดีย์ มักได้สิ่งอันพึงปรารถนา สุขภาพดี ไม่มีวันอดตาย[/FONT]
    [FONT=courier new,courier,monospace]ถวายธงหลากสีประดับองค์พระธาตุ มีสง่าราศี กายทิพย์สว่าง ถวายโคมไฟ ให้แสงสว่าง ,เทียน ใจสว่าง ชีวิตสะดวกสบาย มีอุปสรรคน้อยลง มีปัญญาธรรมสูงขึ้น เบิกทางสู่ทิพยเนตร ถวายดอกไม้ อันบริสุทธิ์ต่างๆ สุขสงบใจ ใจสะอาดสดชื่นผ่องแผ้ว ถวายธูป เครื่องหอม ต่างๆ อบอุ่นมั่นคงในใจ ใจสว่างมีอุปสรรคน้อยลง มีกลิ่นกายสะอาด รู้สึกสดชื่นเสมอ ถวายแผ่นหินปูพื้นพระเจดีย์ มีบริวารดี มีสมาธิดีขึ้น มีเวลาปฏิบัติธรรมมากขึ้น ถวายกระจกสีประดับองค์พระเจดีย์ กายทิพย์สว่าง มีสง่าราศี มีคนศรัทธา เห็นความดีในตัว[/FONT]
    [FONT=courier new,courier,monospace]ถวายผ้าเหลืองครอง(หุ้ม)องค์พระเจดีย์ เพิ่ม เนกขัมมบารมี ใจสงบขึ้น มีโอกาสได้วิมุตติธรมเร็วขึ้น สรงน้ำพระธาตุ ใจสะอาดสงบสว่างขึ้น กายและใจชุ่มชื่นแจ่มใส สุขภาพดี ถวายข้าว อาหาร เวรข้าวบูชาพระธาตุ อุดมสมบูรณ์ อิ่มอกอิ่มใจ สุขภาพดี เวียนเทียนรอบองค์พระเจดีย์ เพิ่มวิสัยปัจจัยแห่งกุศลธรรม เป็นสิริมงคล ช่วยยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น สะอาดขึ้น แสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อพระธาตุจากใจจริง เป็นที่เคารพยกย่อง มักไม่มีใครเข้าใจผิดหรือมองอะไรผิดๆ ได้บารมีวิมุตติรรมจากพระบรมธาตุ พาไปสู่วิสุทธิมรรค ผล นิพพานได้เร็วยิ่งขึ้น เป็นเจ้าภาพ หรือมีส่วนช่วยจัดงานฉลองพระธาตุ ประสบสุขในชีวิตโดยทั่ว ไปแทบทุกด้านอุดมมั่งคั่ง มีคนเคารพยกย่องช่วยเหลือเสมอ บูรณซ่อมแซมเจดีย์พระธาตุ สุขภาพดี อายุยืน รูปร่างหน้าตาผิวพรรณดี มีฐานะมั่นคง[/FONT]

    [​IMG]

    [FONT=courier new,courier,monospace]"สร้างเจดีย์บรรจุ พระบรมธาตุ ชีวิตมั่นคงสุขสมปรารถนาทุกด้าน เป็นที่เคารพยกย่อง ได้มรรคผล นิพพาน เร็วขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่าง บุญ ที่ยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึง อานิสงส์ ที่ท่านพึงจะได้รับ จงเร่ง ทำบุญ เสียแต่วันนี้ เพราะเมื่อท่าน ล่วงลับ ท่านไม่สามารถ สร้างบุญ ได้อีกจนกว่าจะได้เกิด หากท่านไม่มี บุญ มาหนุนนำแรง กรรม อาจดึงให้ท่านไป สู่ภพ เดรัจฉาน ภพเปรต ภพสัตว์ นรก ที่ไม่อาจ สร้างบุญ สร้างกุศล ได้ ต่อให้ญาติโยมทำบุญ อุทิศ ให้ก็อาจไม่ได้รับบุญ ดังนั้น ท่านจงพึ่งตนเองด้วยการสร้างสม บุญบารมี ซึ่ง เป็นทรัพย์สินที่ท่านจะนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติ" พระอาจารย์สุขเกษมกล่าว[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง /ภาพ ทวีศักดิ์ ภักดีหุ่น [/FONT]

    อ้างอิง...
    ธัลดล บุณนาค กับ...พลังศรัทธาสร้าง ๔ พระมหาเจดีย์ จากบล็อก โอเคเนชั่น oknation.net
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กันยายน 2012
  20. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    <CENTER>เทวดาประจำตัว เทพพรหม องค์ใน ญาณบารมี คนทรงเจ้า คนมีองค์ คืออะไรกันแน่?

    </CENTER>

    เทวดาประจำตัว เทพพรหม องค์ใน ญาณบารมี คนทรงเจ้า คนมีองค์ คืออะไรกันแน่?


    ยากนักที่จะได้เกิดเป็นคน คนนั้นเป็นสัตว์ประเสริฐที่เกิดได้ยากยิ่ง คนเราทุกคนจึงมีค่ามาก เราเกิดมาหลายชาติภพ บางภพไม่ใช่ภพมนุษย์ เช่น ภพนรก ไม่สามารถบำเพ็ญเพียรภาวนาได้ บางภพเช่นภพสวรรค์ เห็นความสวยงามไม่ค่อยเห็นอนิจจัง จึงยากนักที่จะละคลายกิเลส บางชาติ เกิดเป็นสัตว์บำเพ็ญไม่ได้ บางชาติเป็นตาบอด อ่านหนังสือไม่ได้ บางชาติ ไม่มีศาสนาสอนมนุษย์ จึงไม่เข้าใจธรรม ดังนั้น ได้เกิดเป็นคนปกติ มีพระพุทธศาสนาจึงยากยิ่งแล้ว ดังนั้น ระบบการดูแลสามภพ จึงจัดให้คนนั้นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากเทวดาบนสวรรค์ แตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่นๆ เช่น สัตว์นรก ได้รับการลงโทษแทนการดูแล สัตว์เดรัจฉาน ได้รับการปล่อยไปตามยถากรรม ให้กินกันเอง ชดใช้กรรมกันเอง เพื่อบรรเทากรรมที่มีต่อกันให้เบาบางก่อนมาเกิดเป็นคน เมื่อได้มาเกิดเป็นคนแล้ว จึงจะมี “เทวดาประจำตัว” เพื่อคอยดูแล และเทวดาประจำตัวเหล่านี้ จะมีจำนวนมากกว่ามนุษย์ (เพราะมนุษย์เกิดได้ยาก จึงมีจำนวนน้อย) เทวดาประจำตัวจึงต้องมีเวรผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาบำเพ็ญบุญบารมี โดยมีพระอินทร์ เป็นผู้จัดสรรที่สำคัญที่สุด ให้เทวดาในชั้นดาวดึงส์ (สวรรค์ชั้นที่สอง) ซึ่งเป็นบริวารของท่านลงมาทำกิจ ในขณะที่ท้าวจตุโลกบาล ซึ่งปกครองสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกับพื้นโลก จะไม่ได้รับผิดชอบเรื่องเทวดาประจำตัว เพราะท่านจะดูแลพื้นที่เขตต่างๆ ทั้งดินน้ำและอากาศของโลก ในรูปของการดูแลจัดการเจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าป่า เจ้าเขาแทน ซึ่งเป็นการปกป้องคุ้มครองด้วยการอ้างอิงตามอาณาเขต ไม่เกี่ยวกับตัวบุคคล นับเป็นคนละกิจกัน เทวดาประจำตัว จะมาตั้งแต่ตอนจุติ เพราะต้องคอยระวังปกป้องไม่ให้เจ้ากรรมนายเวรรบกวนทำลาย จิตที่จุติฟักตัวในรูปตัวอ่อนในท้องแม่ เพราะง่ายต่อการตายมาก ถ้าเทวดาประจำตัวทำงานได้ดี การตายในท้อง แล้วจุติใหม่ซ้ำๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น จวบจนกระทั่งถึงวาระสิ้นอายุขัย เทวดาประจำตัวก็จะออกไป เปิดโอกาสให้ยมทูตหรือเทวทูตมารับตัวแทน ซึ่งจะเป็นเทวดาอีกชุดหนึ่ง คนละชุดงานกัน ลงมาทำหน้าที่รับช่วงต่อนี้

    เมื่อคนเกิดมา พระอินทร์จะจัดเวรเทวดาชั้นดาวดึงส์มาดูแลเรา เช่น ที่เรียกว่า แม่ซื้อ ฯลฯ โดยนำเทวดาที่มีกรรมเกี่ยวข้องกับเรามาดูแลเรา จะไม่สะเปะสะปะสับสน ไม่สุ่มมั่วซั่ว เพราะการที่คนที่ไม่มีบุญกรรมต่อกัน มาสร้างบุญกรรมกันระหว่างชาติภพนี้ จะก่อให้เกิดกรรมใหม่ๆ ที่ต้องไปชดใช้กันยุ่งเหยิงมากขึ้น ส่งผลให้การบรรลุธรรมนั้น ต้องมีชาติภพยืดยาวออกไป เพราะต้องใช้ชดใช้เวรกรรมกันให้หมดนั่นเอง ดังนั้น เทวดาประจำตัวเราจึงมาจากคนที่เคยช่วยเหลือจุนเจือ มีบุญสัมพันธ์กับเรามาทั้งสิ้น ตามแต่วาระที่พระอินทร์จะจัดสรรลงมา ได้แก่ พ่อแม่ปูย่าตายายของเราที่ตายไปแล้วจุติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทั้งหลายนั่นเอง ทั้งนี้ โปรดเข้าใจว่าเทวดาชั้นยามา จะไม่มาทำกิจนี้มากนัก เพราะส่วนใหญ่จะปฏิบัติธรรมภาวนากันมาก ไม่ค่อยยุ่งกันเรื่องทางโลกเหมือนเทวดาชั้นที่สอง ส่วนเทวดาชั้นที่สี่สูงขึ้นไป คือ ดุสิต ก็จะไม่มาทำกิจเล็กๆ น้อยๆ นัก การที่ลงมาดูแลคนเป็นคนๆ จึงไม่ควรเป็นกิจของพระโพธิสัตว์แห่งดุสิตสวรรค์ เพราะท่านจะรับกิจภาพกว้างมากกว่านั้น เอื้อต่อสรรพสัตว์จำนวนมาก คราวละมากๆ มากกว่านั้น ในขณะที่ชั้นสูงบกว่าดุสิตขึ้นไป จะไม่สนใจมาช่วยเหลือมนุษย์นัก อันได้แก่ ชั้นนิมารดี และปรนิมมิตวสวัตตี ทั้งสองชั้นนี้ เป็นชั้นของมาร ที่มีแต่เห็นแก่ตัวเป็นสำคัญ

    ดังนั้น ทุกคนจึงมีเทวดาดูแลประจำอยู่แล้วทั้งสิ้น แต่จะไม่เรียกว่ามี “องค์ใน” บุคคลที่จะถูกเรียกว่า “มีองค์” หรือมีเทพชั้นสูงๆ มาดูแล ก็ต่อเมื่อเขาถึงวาระแห่งการบำเพ็ญเพียรภาวนาแล้ว เบื้องบนก็จะส่งเทพพรหมที่มีฤทธิ์มาก แตกต่างกันลงมาคุ้มครองดูแล และทำกิจมากกว่าเทวดาประจำตัว เพราะมีอิทธิฤทธิ์ส่งผลต่อชีวิตของคนมีองค์ได้มาก และเทพพรหมเหล่านี้ จะมี “กิจเฉพาะ” ที่ได้รับจากเบื้องบนลงมากระทำต่อบุคคลนั้นๆ ดังนั้น จึงมีผลให้วิถีชีวิตต้องเปลี่ยนไปอย่างมากนั่นเอง นี่เป็นสาเหตุว่าทำไม จู่ๆ วิถีชีวิตเกิดเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายระทันหันในระยะเวลาสั้นๆ และถูกทักว่า “มีองค์ใน”
     

แชร์หน้านี้

Loading...