จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ขออภัยค่ะ ไม้ของตรูลินดาค่ะ..black_pig

 

โมทนาสาธุกับ จิตบุญ ๗๗ ด้วยครับ .... สาธุ

 

เวลา 23.00-24.00 วันที่13-09-2555

ขอเล่าถึงธรรมารมณ์ของการวิปัสสนาว่าด้วยปัญญาการตามดูตามรู้อารมณ์ของจิตอย่างละเอียดดังนี้ว่า

เมื่อกระผมเจริญสมาธิและกำหนดสติและจิตรวมเป็นหนึ่งแล้ว เมื่อกายสงบระงับจากเวทนาทั้งหลายแล้ว ไม่มีความรู้สึกแห่งกายแล้ว จิตเข้าสู่ฌาณมีความสงบเป็นอุเบกขาละปล่อยวางแล้ว ในขณะนั้นเมื่อผ่านไปอีกระยะหนึ่งเกิดนิมิตภาพแห่งกายทิพย์กายแก้วประกายพฤต เป็นผลึกแก้วใสสว่างสวยงาม แต่นิมิตนี้ก็เกิดได้ชั่วขณะ จิตกระผมในตอนนั้นก็ตามดูตามเห็นไม่ปรุงแต่ เมื่อภาพนิมิตนั้นดับไปจิตกระผมก็มิได้สนใจในภาพนิมิตแก้วประกายพฤตนั้น เพียงแต่มีสติให้จิตตั้งอยู่ในความสงบ ระงับความรู้สึกปล่อยวางทั้งหมด

และเมื่อผ่านไปอีกสักพักหนึ่งก็ปรากฏภาพนิมิตกายแก้วประกายพฤตสว่างสวยงามอีก และอันเหตุการณ์ช่นนี้ ได้เกิดขึ้นซ้ำๆกันหลายครั้ง

กระผมจึงกำหนดสติตามดูสภาวะเหล่านั้น การเกิดดับแห่งนิมิตกายแก้วประกายพฤตที่สว่างสวยงามนั้น
จากการตามดูจิตจึงเห็นว่า
สิ่งที่เกิดดับและเสื่อมไปไม่ตั้งมั่นทรงอยู่ได้คือภาพนิมิตกายแก้วประกายพฤตนั้น เพราะอะไร อะไรที่เป็นเหตุให้เกิดสภาพเช่นนี้ และหากพิจารณากายแก้วประกายพฤต ด้วยเป็นกายทิพย์แห่งพระวิสุทธิเทพบรมเอกพุทธปฐม บรมไตรโลกนาถสัมมาอรหันตธาตุ ย่อมมีลักษระอย่างนั้นเช่นนั้นเป็นธรรมดาธรรมชาติของจิตแห่งอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเป็นเช่นนั้นอะไรเล่าที่เป็นเหตุที่แท้จริง

เมื่อตามดูจิตตนในขณะนั้นก็เห็นว่า จิตเราเองนี้แหละในสภาวะนั้นไม่ตั้งมั่นไม่สงบจริง มีความเพลิดเพลินติดอยู่ในความสว่างสวยงามแห่งนิมิตแก้วประกายพฤตนี้ แต่เมื่อไหร่ที่จิตตั้งอยู่ในความสงบสติและจิตไม่เกาะยึดติดในนิมิตนั้น กลับรู้เห็นสภาวะทุกสิ่งต่างๆที่ปรงแต่งจิตเราได้ดี ทั้งเวทนาวิญญาณ
สัญญาวิญญาณ และสังขาระวิญญาณขันณ์ ที่ประกอบกัน เป็นสิ่งที่จิตเข้าไปเกาะยึดอยู่นี้เอง ทำให้จิตเราหาความสะอาดบริสุทธิ์ หลุดพ้นไม่ได้

การที่จิตเราจะสะอาดบริสุทธิ์ได้ ควรกำหนดจิตให้มีสติสัมปชัญญะดังนี้คือ

1 การทรงไว้ซึ่งสติสัมปชัญญะสมาธิกรรมฐานไว้ให้หนักแน่นมั่นคง
ไม่เข้าไปรับหรือยึดเกาะในธรรมารมณ์ใดๆ แค่รู้ดูและวางเฉย อันอาศัยว่าสรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ คือเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์
ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น มันเป็นธรรมดาและธรรมชาติของมัน เป็นเรื่องของมันไม่เกี่ยวข้องด้วยจิตนี้

2 หากการทรงอารมณ์ ไว้ตามข้อ1แล้วแต่สติสัมปชัญญะตามธรรมารมณ์ไม่ทันคือรับเอาธรรมารณ์เหล่านั้นเข้ามาแล้ว จับยึดไว้แล้ว
พึงให้จิตนั้นมีสติสัมปชัญญะวิปัสสนาญาณตามรู้ตามดูธรรมารมณ์ นั้นๆเพื่อให้ถึงแห่งปัญญาว่า อันธรรมารณ์ สังขารธรรมทางโลกิยะ ทั้งหลายล้วนเป็นสิ่งสมมุติล้วนไม่เที่ยง ล้วนเป็นทุกข์ ควรละปล่อยวางไปเสีย มันเป็นธรรมดาและธรรมชาติของมัน

จุดจบของการรวมสติและจิตคือการทรงไว้ซึ่งสภาวะที่จิตไม่ติดยึดในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ หรือสังขาระธรรมใดๆ จิตจึงย่อมหลุดพ้นจากสรรพสิ่งทั้งปวง กลายเป็นจิตที่สะอาด สงบ สว่างอยู่ภายในจิตเอง ไม่มีสิ่งใดมาไม่เกี่ยวข้องด้วยจิตนี้เสมอ

ท้ายที่สุดแล้วเมื่อ สติและจิตรวมเป็นหนึ่งแล้ว

ด้วยอาศัยจิตที่ควรแก่งานคือการเจริญกรรมฐานแล้ว ในทุกอิริยาบทได้แล้ว มีสมาธิ เจริญวิปัสสนาก่อปัญญารู้แจ้งในรูปนามทั้งหลายอันเป็นเครื่องกระทบจิตแล้ว จิตมีสติปัญญาระงับดับตัดละปล่อยวางรูปนามทั้งหลายได้ในทันที
เช่นนี้แล้วจิตจึงมีสภาพแห่งการเป็นจิตที่หลุดพ้นห่างไกลจากกิเลสจากรูปนามทั้งหลายทั้งปวงได้เป็นผลสำเร็จ

หากทุกครั้งในการปฏิบัติทุกอิริยาบทนี้หากกระผมจะใช้แนวทางเป็นเช่นนี้จะผิดถูกอย่างไรรบกวนชี้แนะด้วยครับ

ทุกวันนี้กระผมเองตีกรอบให้กับตัวเอง อันได้แก่การที่กระผมรักษาศีล ทรงพรหมวิหารและมีหิริโอตัปปะและบุญกริยาวัตถุ10ที่ตั้งมั่นไว้เสมอนี้

ก็ด้วยอาศัยการคิดพิจารณาในเหตุและผลในการกระทำทั้งกาย วาจา ใจ
เสมอพร้อมด้วยการรักษาสติระลึกไว้เสมอเพื่อไม่ให้ ด่างพร้อยหรือขาดล่วงไป ครับ

 

ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ ๗๗ แลครูจิตบุญค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

 

คุณจุ๋ม แหล่งพำนักอยู่ที่ เยอรมัน ---> เพราะฉะนั้น ต้องเจอ ยัน-ละ-เมอ
ถึงจะเอาอยู่ ....

จัดเลยครับพี่ดัช พี่เพ็ญ 55555

 

กระท้อนอย่างจุ๋ม เจอหนักๆก็ดีเหมือนกันนะคะครูวิทย์pig_cryy

 

ฮ่า ๆ ครูวิทย์ มี 2 จุ๋มค่ะ จุ๋ม(ศิษย์)ครูต้อย สุภาทร อยู่เยอรมัน
อีกหนึ่งจุ๋ม(ศิษย์)ครูดัช
เวลาพี่เพ็ญเรียกชื่อเรียกอย่างนี้ค่ะ
จุ๋ม-สุภาทร
จุ๋ม-ครูดัช

พี่เพ็ญเลยจำไม่ล่ายว่าจุ๋มไหนชื่อจริงว่าอะไร
ตกลงว่าจุ๋มเยอรมันนี่คุณพัชรวรรณเหรอคะ - -"
ขำตัวเองจนกลิ้ง 555555555555

 

"หากทุกครั้งในการปฏิบัติทุกอิริยาบทนี้หากกระผมจะใช้แนวทางเป็นเช่นนี้จะผิดถูกอย่างไรรบกวนชี้แนะด้วยครับ"

ตอบ: คุณจะได้คำตอบของของคำถามนี้ด้วยตนเองในคืนนี้..
โดยในคืนนี้ก็ให้ทำตามเช่นเดิมทั้งหมดเพียงแต่ว่า"ห้ามหลับตา"..
แล้วพรุ่งนี้ให้มารายงานผลด้วยนะครับ..

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุครับ

 

jaah ครูเพ็ญ จุ๋ม พัชราวรรณ อยู่เยอรมัน บ๋มเองฮับ​

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณบัวจิตบุญดวงที่๗๗

สวัสดีคะ

คุณบัวเริ่มฝึกส่งการบ้านตั้งแต่วันที่ ๓๑ สิงหาคมคะรวมเป็นเวลาฝึก ๒ อาทิตย์
คุณบัวเป็นลูกศิษย์ที่น่ารัก เชื่อฟัง ไม่รู้ก็ถาม มีความเพียรและต่อเนื่องส่งการบ้านไม่เคยขาด คุณบัวทำตนเหมือนเด็กที่ใสพร้อมรองรับความรู้ ไม่ทำตนแบบว่าตนเจนโลก รอบรู้ วิชามาก ครูจะชอบศิษย์แบบนี้คะ เพราะแสดงถึงความมุ่งมั่นแน่วแน่ของตน ทุกอย่างจึงก้าวหน้า เพราะเราต้องสอบอารมณ์อยู่เสมอ นั่นแสดงถึงการมีสติในระหว่างวัน การดำเนินชิวิตก็คือการเจริญสติคะ...
รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ชี้แนะคุณบัวคะ และดีใจที่คุณบัวเป็นส่วนหนึ่งในจิตบุญ....
คนจริงย่อมได้เจอของจริง(ธรรมะ)คะ...
ขออนุโมทนาบุญกับคุณบัวสักล้านครั้งคะ ....

ปลื้ม

 

16กย นี้ คือวันอะไรครับ

ปิ๊งป่องๆๆๆๆ ..... ไม่ใช่วันหวยออกนะตัวเอง

วันนี้ รวมพล จิตเกาะพระ คร้าบบบบ 55555

จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม

 

โมทนากับทั้งคู่ด้วยครับ

คู่แท้ครับคู่นี้ โคลนนิ่งกันมาเป๊ะๆๆ .... เยี่ยมครับ ยกให้2โป้งเลยครับ

จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม

 

กราบขอบพระคุณ ครูปลื้ม ครูวิทย์ ครูเพ็ญ ล้านๆครั้ง ที่ดูแลจิตและชี้แนะแนวทางปฎิบัติ ถึงวันนี้เหมือนเป็นคนใหม่ ที่เพิ่งโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำ มองเห็นฝั่งอยู่ลิบๆ หลังจากนี้ จะว่ายเข้าไปให้ถึงฝั่ง ด้วยความเพียร ไม่ว่าจะยาก ลำบากแค่ไหน

ขออุทิศผลบุญ กุศล ทั้งหมด ทั้งปวง ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาในอดีตและอนาคต ให้แก่ครูทั้งสาม ครูจิตบุญทุกท่าน และชาวจิตเกาะพระ ขอให้ทุกๆท่านมีความสุข ความเจริญยิ่งๆขึ้น ทั้งทางโลกและทางธรรม สาธุ

บัว

ยก4นิ้วโป้ง(รวมนิ้วครูปลื้มด้วย)ให้ครูวิทย์ จับคู่เป๊ะมาก

 

คัดลอกมาจากfb

การปฏิบัติตามหลักของสติปัญญาหรือมรรคนั้น ไม่ต้องไปอยากให้มันดับ
มันจะเกิดขึ้นมากน้อยให้รู้มันเรื่องทุกข์ แต่ค้นหาเหตุที่เกิดขึ้นแห่งทุกข์นั้น
ไม่ถ่อยจนกระทั่งเป็นที่เข้าใจแล้วทุกข์ก็ดับไปเอง ถึงทุกข์ไม่ดับ ความสำคัญมั่นหมายของสัญญาอารมณ์ก็ดับ ทุกข์ก็เลยเป็นความจริงอันหนึ่งเด่นชัดอยู่ตามสภาพของตน
เพราะจิตเป็นผู้รู้เท่าความจริงในทุกข์นั้นด้วย ความจริงในตัวของตัวด้วยจึงไม่มีการกระทบกระเทือนซึ่งกันและกัน
แม้ทุกข์จะไม่ดับเกิดขึ้นภายในร่างกาย เช่น เจ็บไข้ได้ป่วย มันก็ไม่สามารถที่จะไปกระทบกระเทือน หรือซึมซับจิตให้หวั่นไหวไปได้เลย
นี่คือความทุกข์ด้วยความจริง เห็นสัจธรรม เห็นอย่างนี้ และเห็นย้อนมา
อีกทีคือว่า จิตเท่านั้น เป็นผู้ไปสำคัญหมายหมั่น จิตเท่านั้นเป็นตัวทุกข์
เพราะจิตเป็นผู้สำคัญมั่นหมาย จิตเป็นผู้ผลิตกิเลสขึ้นมา
ความสำคัญมั่นหมาย ความยึดถือต่างๆ เหล่านี้เป็นเรื่องของสมุทัย
แล้วจะไปไหน ผลจะต้องมาปรากฏที่จิต จิตจึงต้องเป็นทุกข์
นี่แหละตัวสำคัญจริงๆ เห็นอริยสัจต้องให้เห็นชัดๆ ที่นี่

หลวงตาพระมหาบัว ฌานสัมปัมโน

กราบหลวงตาด้วยเศียรเกล้าค่ะ

 

ครูวิทย์จะอภิปรายที่นี่ก่อนถึงวันจริงพรุ่งนี้ไหมคะ อยู่๊USA ไกลเกินไป ค่ะ ขออนุโมทนาสาธุด้วยอย่างยิ่งค่ะคุณครู;aa27

 

ไปดูชื่อรายการโชว์ที่หน้าห้องภัยพิบัติและการเตรียมการ น้ำท่วม เห็นเขากำลังตื่นเต้นกันเรื่อง ดิน น้ำ ลม ไฟ ชื่อกระทู้จิตพร้อมฯจึงหล่นลงไปเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นอะไรบางอย่างในจิตคน อยากจะถามว่า

"จิตบุญ" ยังตื่นเต้นเรื่องน้ำฝนอยู่ไหม?
"จิตบุญ" ยังตื่นเต้นเรื่องข่าวภัยพิบัติอยู่ไหม?
"จิตบุญ" ยังเชื่อในสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้อีกไหม?
"จิตบุญ" ยังเชื่อในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงอีกไหม?
"จิตบุญ" จิตพร้อมรับทุกสถานการณ์ไหม?

ถ้าจิตบุญท่านใดจะเมตตาตอบเป็นธรรมทานก็ขอโมทนาค่ะ
หรือจิตบุญท่านใดอ่านแล้วใจเป็นกลางว่างเปล่าไม่มีความคิดเห็นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ เพราะสภาวจิตของท่านเป็นอย่างนั้นเอง

จิตบุญว่างแล้วซึ่งภัยทั้งปวง

 

จิตบุญจงดู

เมื่อตาเห็นรูป จิตบุญมีรู้ วาง ว่าง สิ่งที่เห็นไม่มีปรุงแต่ง และเหมือนไม่มีตัวตนเพราะจิตบุญไม่เกาะเกี่ยวในรูปที่เห็น

เมื่อตาเห็นรูป จิตบุญมีคิด คิดอย่างมีสติ และไม่สามารถที่จะห้ามคิดไม่ให้เกิดได้

เพราะอะไรจิตบุญจึงห้ามคิดไม่ได้ เพราะคิดเป็นกระบวนการทำงานในขันธ์ห้า ดังนั้นคิดจึงยังมีอยู่ แต่จิตบุญไม่ยึดคิดนั้นมาเพิ่มน้ำหนักให้จิตอีกต่อไป จิตบุญมีคิด คิดแล้วก็วาง จิตบุญวางเป็นเพราะแตกฉานในเรื่องกฎไตรลักษณ์ จิตบุญที่วางไม่เป็นเพราะท่านยังไม่แตกฉานในเรื่องกฎไตรลักษณ์

จิตบุญใหม่จึงต้องหมั่นเจริญสติ สมาธิ และพิจารณากฎไตรลักษณ์อยู่เนือง ๆ ทำทุกวัน ทำทุกเวลานาทีที่เจอกระทบกับกิเลสโลก แล้วใช้ปัญญาฟาดฟันกิเลสให้ขาดสะบั้นห้ำหั่นอย่าให้เหลือซากคือความคิดชั่ว ๆ แม้คิดก็ไม่มีตัวตน ควรหรือที่จะไปยึดถือเอาคิดนั้นมาเป็นของเราจิต ขอให้พิจารณาใคร่ควรญธรรมให้ถี่ถ้วนและแจ้งในธรรมกันเทอญ

 

สิ่งสำคัญที่จิตบุญจะต้องปฏิบัติต่อไปก็คือ แยกรูป แยกนาม แยกอาการ แยกอารมณ์ แยกกาย แยกจิต ให้เห็นชัด ชัดกว่าตอนอยู่ในช่วงปฏิบัติ(มรรค) เมื่อจิตยกแล้วให้มาเรียนรู้เรื่องผลให้มาก

สิ่งที่จะไปช่วยแยกคือสติ

เมื่อมีสติตามดูสภาวธรรมที่เกิดขึ้นจากกระทบต่าง ๆ ในโลก

สติทำหน้าที่โดยไม่ต้องรอให้สั่งหรือกำหนด(อัตโนมัติ)

สติจะแยกสภาวธรรมที่เกิดขึ้นนั้นให้จิตเห็นชัดว่า

อะไรคือรูป อะไรคือนาม อะไรคืออาการ อะไรคืออารมณ์ อะไรคือกาย อะไรคือจิต

แต่ถ้าจิตบุญยังแยกไม่ได้ก็หมายความว่าท่านไม่ได้พกพาสติไปด้วย

เคยไหมถ้าลืมโทรศัพท์มือถือแล้วมีอาการเหมือนถูกตัดขาดจากกระแสโลก

เหมือนเราเป็นคนเชย คนล้าสมัย ไม่รู้ข่าวสารข้อมูลของคนไกลและคนใกล้

สติก็เปรียบเหมือนโทรศัพท์เคลื่อนที่

อยากรู้อะไรรอบตัวรอบจิตก็ต้องพกพาสติ(เคลื่อนที่)ไปด้วยในทุกที่และทุกสถานการณ์

ทีนี้เวลาเกิดอะไรขึ้นรอบกายรอบจิตสติรู้เห็นหมด

พอสติทันสถานการณ์เรา(จิต)ก็ไม่เป็นคนล้าหลัง(เขา)แล้ว สาธุ.

 

ขอแสดงความยินดีและโมทนาสาธุกับจิตบุญและครูด้วยนะคะ

 

สวัสดีค่ะ ชื่อขวัญ ไม่ใช่จิตบุญแต่ขออนุญาตตอบคำถามพี่เพ็ญนะคะ อยากพิจารณาจิตตัวเอง

ยังตื่นเต้นเรื่องน้ำฝนอยู่ไหม?
รู้สึกเฉยๆค่ะ สองวันที่ผ่านมา เห็นว่าฝนตกหนักมากที่กทม. แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกกลัวหรือชอบ

ยังตื่นเต้นเรื่องข่าวภัยพิบัติอยู่ไหม?
ไม่รู้สึกตื่นกับข่าวค่ะ เพราะรู้สึกว่าภัยพิบัติเป็นผลของบาปกรรมของมนุษย์ ยุติธรรมแล้ว ดังนั้นต้องหยุดสร้างบาป รักษาศีลให้ได้ และเตรียมจิตให้พร้อม ถ้าตายตอนจับภาพพระ คิดว่าคงไม่ต้องตกนรกค่ะ

ยังเชื่อในสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้อีกไหม?
จะเชื่อเฉพาะในสิ่งที่พิสูจน์ได้เท่านั้นค่ะ ตามหลักกาลามสูตร

ยังเชื่อในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงอีกไหม?
ไม่เชื่อค่ะ แล้วก็ไม่อยากสนใจ เพราะจิตยังเกาะพระไม่สนิทเลย สติยังไม่ค่อยอยู่กับปัจจุบันเลย ชอบส่งออกนอก ถ้ามัวแต่ไปสนใจอนาคตอีก ก็คงไม่รอดค่ะ

จิตพร้อมรับทุกสถานการณ์ไหม?
จิตไม่พร้อมค่ะเพราะยังจับภาพพระไม่ได้ตลอดเวลา ปกติแล้วอารมณ์จะเบาสบาย แต่ถ้าเจอสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ก็ยังไม่แน่ใจว่าจิตจะเบาสบายต่อได้รึป่าว

ขอบคุณพี่เพ็ญค่ะ และก็ขอบคุณที่สอนขวัญจับภาพพระค่ะ สาธุ