จิตกับวิญญาณขันธ์แตกต่างกันอย่างไร

คิดว่าเพราะเหตุใดจึงไม่กล่าวว่า จิตของเรา เป็นผู้มีตัณหา ท่องเที่ยวไปมา ครับ

ขอบคุณครับ

 

http://palungjit.org/threads/ที่ตถาคตเรียกว่า-จิตบ้าง-มโนบ้าง-วิญญาณบ้าง.358838/

 

ตายแล้วเหลืออะไรครับ

 

จิต เจตสิก รูป นิพพาน
จิต เจตสิก รูป ... เป็นการกล่าวโดยปรมัตถ์สัจจะ แต่ถูกสมมุติให้เป็นบุคคลตัวตนหญิงชายเราเขาตามสมมุติสัจจะ..ฯลฯ แต่โดยปรมัตถ์เป็นเพียงจิตเจตสิกรูป
จิต(จิตและเจตสิก)เกิดดับทุกขณะ รูปดับ1 ขณะ จิตดับ 17 ขณะ
รูปใหญ่ดับ(ตาย) จิตก็แสวงหารูปใหม่(จากเหตุปัจจัยที่สร้างไว้เอง)
แต่จะเกิดรูป(กาย)อะไรขณะไหนละเอียดหยาบอย่างไรแค่ไหน ต้องไปศึกษาเองอ่ะจ๊ะ
..แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันจ๊ะ ว่าจะเรียกพวกโลกวิญญาณสัมภเวสี ว่ากายผี กายวิญญาณ กายสัมภเวสี พอได้ไหม..

 

ไหนๆ ก็ไหนๆแล้วรบกวนช่วยตอบคำถามนี้ด้วยเลย ซิครับ

<ins style="display:inline-table;border:none;height:280px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:336px"><ins id="aswift_0_anchor" style="display:block;border:none;height:280px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:336px"></ins></ins>
ภพภูมิมีเยอะแยะมากมาย ถ้าไม่นับภพมนุษย์และโลกของเรา ขอถามสัตว์ในกำเนิดดังนี้

1. สัตว์ที่เกิดจากไข่มีอะไรบ้าง ที่ไม่นับภพมนุษย์และโลกของเรา
ตอบ ได้แก่ ครุฑ พญานาค กำเนิดจากไข่ และ........

2. สัตว์ที่เกิดจากครรภ์มีอะไรบ้าง ที่ไม่นับภพมนุษย์และโลกของเรา
ตอบ........

3.สัตว์ที่เกิดจากคราบไคลความชื้นมีอะไรบ้าง ที่ไม่นับภพมนุษย์และโลกของเรา
ตอบ........

4.สัตว์ที่ผุดเกิดขึ้นเอง มีอะไรบ้าง ที่ไม่นับภพมนุษย์และโลกของเรา
ตอบ เทวดาและสัตว์ในนรก และ........

5.สัตว์ที่ไม่มีรูปลักษณะมีอะไรบ้าง ที่ไม่นับภพมนุษย์และโลกของเรา
ตอบ เป็นชื่อของพรหมชั้น ........

6.สัตว์ที่ไม่มีสัญญามีอะไรบ้าง ที่ไม่นับภพมนุษย์และโลกของเรา
ตอบ........

7.สัตว์ที่มีสัญญาก็มิใช่ไม่มีสัญาก็มิใช่มีอะไรบ้าง ที่ไม่นับภพมนุษย์และโลกของเรา
ตอบ........

 

ไหนๆก็ไหนๆ

หากเราอ่านตำรามา ก็จำในตำรามาเพื่อศึกษา

ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่รวมเรียกว่า ขันธ์5

ว่าเป็น กายที่มีเลือดเนื้อของเรานี่
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จะอยู่ในนี้


ทีนี้ หากเราลองปฏิบัติ จนถึง ขั้นที่ เราเห็นร่างกายตัวเองเป็น สองร่าง เหมือนกันเป๊ะ ต่างกันแค่ว่า ตัวร่างที่เผ็นผู้มองอีกร่างที่เป็นของถูกมอง
มันจะเป็นเพียงร่างโปร่งแสง จะต่างจากร่างที่ถูกมองที่เป็นร่างมีมีความทึบแสง

และร่างที่ถูกมองเป็นเพียงเหมือนก้อนไม้หรือก้อนอะไรซักอย่าง ที่นิ่ง


ทีนี้
ไอ้ร่างที่มันแยกออกมานั่น
มันสามารถมองเห็นได้
มีความรู้สึกนึกคิดได้
มีการสัมผัสได้
หรือที่เรียกว่า มีรูป มีเวทนา มีสัญญา มีสังขาร มีวิญญาณ ครบ

ทีนี้ เราจะเห็นและเข้าใจ ถึง ขันธ์ 5 อีกอย่างนึง
จะต่างกับ ตอนที่เราจำแต่เพียงในตำราว่า
หากไม่มี ดวงตาจิตจะไม่รู้ถึงภาพ
หากไม่มีหูจิตจะไม่รู้ถึงเสียง
หากไม่มีจมูกจิตจะไม่รู้ถึงกลิ่น
หากไม่มีลิ้น จิตจะไม่รับรู้ถึงรส
หากไม่มีร่างกายจิตจะไม่รับรู้ถึงสัมผัส


หากเราลงมือฝึกฝนอย่างจริงจัง มันคงจะทำให้เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งได้

 

มีเรื่องภพภูมิ ที่เขียน อย่างละเอียด ในพระไตรปิฎก
ให้ ดูหัวข้อ เรื่อง วิมานกถา จะบอกเรื่อง สวรรค์ เรื่องภพภูมิ นี่ละมั้ง

ลองไปหาอ่านดู

และอีกอย่างนึง อ่านเรื่อง อจินตัยบ้างก็ดี เป็นเรื่องที่ ไม่จบง่ายๆ

 

สรุปว่า ตายแล้วเหลือจิต หรือครับ

 

................................................................................

แล้วเราจะจัดการยังไง กับเจตสิกที่เกิดขึ้นในขณะที่จิตเราก็รับรู้ด้วย

 

ก็เป็นขันธ์ห้าค่ะ
แสงของจิต(ออร่า) นี่ก็คาดว่ากายละเอียดชนิดหนึ่ง
(โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล)


ส่วนอรูปพรหม ไม่ทราบจ๊ะ เห็นว่าเหลือขันธ์สี่
http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=18462

 

ตายแล้วยังเหลือขันธ์ 5 อีก หรือครับ งง

 

จิตคือขันธ์สี่ (เวทนา สัญญา สังขาร(เจตสิก)และวิญญาณ(จิต))
ส่วนรูป เป็นกายของแต่ละภพภูมินั้นๆค่ะที่จิตไปอยู่

(ไม่นับอรูปพรหมที่ว่าเหลือแต่ขันธ์สี่)

จิตหนึ่งนั้น จิตกับเจตสิกทำงานร่วมกัน
จิตคือวิญญาณขันธ์ เจตสิกคือเวทนาขันธ์สัญญาขันธ์สังขารขันธ์

ธรรมชาติที่ทำหน้าที่เสวยอารมณ์(๑) เรียกว่า เวทนา
ธรรมชาติที่ทำหน้าที่จดจำ หรือ รวบรวมอารมณ์ไว้ภายใน เรียกว่า สัญญา
ธรรมชาติที่ทำหน้าที่คิด หรือที่เรียกว่า “จิต” นั้น เรียกว่า สังขาร
ธรรมชาติที่ทำหน้าที่รู้ หรือรับรู้อารมณ์ เรียกว่า วิญญาณ

เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ ธรรมชาติทั้ง ๔ อย่างนี้เองที่รวมเรียกว่า “จิต” และต่างก็ทำหน้าที่ต่างๆ กัน แต่สัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดจนแทบจะแยกไม่ออก ธรรมชาติทั้ง ๔ อย่างนี้ ก็มีชื่อเรียกต่างกันตามหน้าที่ของมัน<!-- google_ad_section_end -->

 

ตายแล้วเหลือกายละเอียดหรือครับ ยังไม่เข้าใจเลยครับ เฉลยแบบไม่ต้องให้กระผมคิดต่อเลยครับ ยิ่งโง่เยอะๆอยู่ด้วย

ขอบคุณครับ

 

แม้ไม่ตาย แต่ถอดจิต ก็ต้องมีกายละเอียดไปด้วย เรียกกายทิพย์กายจิต อะไรแบบนี้จ๊ะ คือ ขันธ์ห้า จิต(นามขันธ์สี่)และกาย(รูปขันธ์หนึ่ง)นี่ อาศัยกันตลอด

ที่ว่าตายแล้ว(รูปใหญ่ดับ (แม้นตอนมีชีวิตรูปหยาบก็เกิดดับตลอดเวลา))
ก็ยังเหลือขันธ์ห้าอีก(เพราะเกิดรูปใหม่มารองรับ)
อีกทั้งนามรูปเกิดดับทุกขณะ ไม่ใช่ขันธ์ห้าเดิม

กายในโลกวิญญาณ ก็มีรูปของเขานะ (แต่อาจละเอียดและขึ้นอยู่กับจิตด้วยตามภูมิจิตด้วย) ก็อาจมีที่ว่ายังใช้กายคล้ายตอนเป็นคนอยู่หรืออาจใช้เพื่อติดต่อกับคนรู้จักเก่าๆ ก็จะได้จำกันได้..??? แม้เขาไปอยู่ภูมิอื่นแล้วก็ได้??
..อย่างเปรตก็เป็นรูปกายภพชาติใหม่เลย เทวดาก็เป็นเลย ฯลฯ
แต่ขณะเป็นสัมภเวสีรอเกิด ที่นี่..ก็อาจถือว่าเป็นภพภูมิหนึ่งก็ได้เหมือนกันนะ ไม่รู้เหมือนกันจ๊ะ

 

คุณเคยเห็นหน้าตนเองในกระจกใช่ไหมครับ การรับรู้ได้เกิดขึ้นแล้ว วิญญาณมีรูปร่าง

ที่ยึดว่าเป็นตัวคุณ ในโลกแห่งวิญญาณ วิญญาณจะมีลักษณะรูปร่างจากการจดจำ

ในขณะที่กำลังจะสิ้นลมหายใจ จึงเป็นเหตุให้ผู้ที่พบเจอวิญญาณในสภาพที่ไม่ชวนมอง

โดยเข้าใจว่า "ผีหลอก" ยังมีอีกหลายตัวอย่างครับ

สาธุครับ

 

อาจารย์บางท่านเอาศัพท์มาจากการภาวนาและความเข้าใจของท่าน ความหมายอาจจะไม่เหมือนในตำรา เวลาเจออย่างนี้ให้ยึดเอาสากลคือคัมภีร์ก่อน

ขันธ์ 5 รูปแบ่งแบบหยาบๆคือ ดินน้ำลมไฟ
เวทนาคือความชอบ ไม่ชอบ เฉยๆ
สัญญา ความหมายมั่น นี้เรียกว่ารถ นี้เรียกว่าสีเขียว
สังขาร ความปรุงแต่ง ความคิดก็เป็นส่วนหนึ่งของความปรุง โลภโกรธหลง
วิญญาณ การรับรู้ของจิต ตากระทบรูป หูกระทบเสียง

 

กายผัสสะถึงรู้
วิญญานรับถึงรู้......สึก
จิตระให้ลึกถึงรู้

สิ่งที่วิญญาน
มโน
จิต

พระพุทธองค์ท่านกล่าวเรื่องสามอย่าง
อะไรคือสาม
อย่ารีบรู้
ให้พิจารณาก่อนรับอาหารนะขอรับ
เดี๋ยวเจอไม่มีสีไม่มีกลิ่นไม่มีรสเข้า
รักษาไม่หาย

ขอทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้ว

 

คุณรักษากับพระพุทธเจ้าหรือครับ จึงได้หายดีแล้ว หรือ ว่ายังไม่หายครับ

สองพันกว่าปีมาแล้วที่พระพุทธองค์ทรงปรินิพพาน ไม่ทราบว่าคุณให้พระพุทธเจ้ารักษาที่ไหนครับ

สาธุครับ

 

หากเป็นเช่นที่คุณกล่าวมา บ่งบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาครับ ไม่มีเหตุอันควรให้อวดเลย

ไม่ทราบว่าที่อวดนี้เพื่ออะไรครับ ในเมื่อทุกคนก็เห็นพระพุทธเจ้าเช่นกัน ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย

เพราะ พระธรรมมีอยู่แล้วในโลก

สาธุครับ

 

ไม่เห็นมีใครพูดถึง
สตฺตานํ (สัต-ตา-นัง) = สัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น
มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ

พระพุทธตอนเป็นโพธิสัตว์, คน, เทวดา, พรหม, เปรต, อสูรกาย ก็เป็นสัตว์ที่ว่านี้
แล้วสัตว์ที่ว่านี้ก็ไปยึดไปหลงวิญญาณ (หรือจิต) ที่เกิดมาพร้อมกับ
รูป,เวทนา,สัญญา,สังขาร เพราะวิญญาณ (หรือจิต) ต้องวนเวียนอาศัยอยู่
ใน 4 ตัวนี้เท่านั้นไม่มีมากไปกว่านี้ รับรู้ได้เฉพาะตัวใดตัวหนึ่งเท่านั้น

วิญญาณ (หรือจิต) ไปรู้ในกายบ้าง,ไปพอใจไม่พอใจบ้าง,ไปรู้ในอดีตบ้าง,ไปปรุงแต่งอนาคตบ้าง
มีการเกิดดับเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่สัตว์ตัวนี้ยังอยู่ วิญญาณ (หรือจิต) ดวงนึงดับ
วิญญาณ (หรือจิต) ดวงใหม่เกิดขึ้นสัตว์ตัวนี้ก็เข้าไปยึดเข้าไปหลงวิญญาณดวงใหม่อีก
สัตว์เข้าไปหลงวิญญาณไปยึดวิญญาณ ก็เลยต้องแก่ เก็บ ตาย ไปพร้อมกัน