พลังงานที่ปลดปล่อยจากจุดใดในโลก เช่น จุดที่แผ่นดินไหวเกี่ยวกับพลังจิตยังไง?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อู่หยาจื่อ, 9 กันยายน 2012.

  1. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    สวัสดีครับ วันนี้ มีเรื่องเกร็ดเล็กๆ
    เกี่ยวกับการเกิดภัยพิบัติที่จะมา
    จากจุดใดในโลกนี้ เกี่ยวข้องกับ
    " พลังจิต" ของมนุษย์แต่ละคน
    อย่างไร? เอาละ มันเกี่ยวโยงกัน
    นะครับ ชักตื่นเต้นแล้วสิ เพราะ
    ถ้าเรารู้ เราทำนายได้ละก็ มันก็
    จะทำอะไรได้อีกมากเลยใช่มั้ยละ


    อย่าช้าเลย เข้าเรื่องกันดีกว่าครับ
     
  2. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    พลังงานเก่าของผู้บำเพ็ญบารมี เชื่อมโยงอยู่ในบางจุดของโลกใบนี้?


    อย่างแรกที่ท่านควรทราบคือ ผู้มีพลังจิตมากๆ คือ ผู้บำเพ็ญบารมีมา
    มาก (นอกจากผู้ที่ฝึกฤทธิ์โดยไม่สนใจจะบำเพ็ญบารมีแล้วผู้มีบารมี
    ก็เป็นผู้ที่มีพลังจิตมาก อีกประเภทหนึ่งครับ) โดย "พลังงานเก่า" จะ
    ถูกเก็บไว้ใน "ที่ใดที่หนึ่งในโลกนี้" แล้วจึงรอเวลาที่จะได้รับการปลด
    ปล่อยออกมา เมื่อผู้มีบารมีท่านนั้น เวียนว่ายตายเกิดมาอีกชาติ ท่าน
    ก็จะบำเพ็ญบารมีจนสะเทือนถึง "พลังงานเก่า" ของตน ซึ่งเคยได้รับ
    การ "ผนึกไว้ในบางจุดของโลกนั้น" ในที่สุด พลังงานนั้นจะถูกปลด
    ปล่อยออกมา เช่น พลังงานที่เป็นรูปธรรมชีวิตต่างๆ เช่น ภาคแบ่งส่วน
    พลังงานที่เป็นมังกร ซึ่งแบ่งออกมาใหม่ๆ แล้วยังควบคุมได้ยากจนต้อง
    ผนึกไว้ในภูเขาบางแห่งในโลก เมื่อผู้บำเพ็ญบารมีที่แบ่งภาคส่วนพลัง
    งานนั้นมาเกิดใหม่ แล้วบำเพ็ญบารมีมากพอ พลังงานส่วนที่ถูกผนึก ก็
    จะได้รับการปลดปล่อยออกมา แล้วกลับมาสู่ร่างสังขารของเขา กลาย
    เป็น "พลังงาน" ส่วนหนึ่งที่เขาจะได้รับเพิ่มไป เพื่อการพัฒนาให้สูงขึ้น
     
  3. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    พลังงานเก่าที่ถูกผลึกไว้ เมื่อปลดปล่อยแล้วอาจทำให้แผ่นดินไหวได้?


    ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ เมื่อพลังงานเหล่านี้ได้รับการ "ปลดปล่อย"

    ก็จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น ถ้าพลังงานถูกผนึกอยู่ที่
    ใต้ดิน ก็อาจส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวได้ แต่ถ้าพลังงานถูกผนึกอยู่ใน
    น้ำ ก็อาจทำให้เกิดคลื่นซึนามิได้ ดังนั้น หลังการปลดปล่อย จึงทำให้
    เกิด "ภัยพิบัติ" ในรูปแบบที่แตกต่างกันได้ ซึ่งมูลเหตุที่พลังงานเหล่า
    นี้ได้รับการปลดปล่อยมักมาจาก "การที่มีผู้มีบุญบารมี" มากพอที่จะ
    ชำระล้างพลังงานเก่าเหล่านี้ได้ มาเกิดพร้อมแล้ว นั่นเอง เช่น กรณีที่
    พระถังซัมจั๋งได้ปลดปล่อย "ซุนหงอคง" ออกมาก็เกิดแผ่นดินไหวได้
    เช่นกัน พอนึกภาพออกแล้วใช่ไหมครับ (แม้จะดูเป็นนิยายไปหน่อยแต่
    คิดว่าทำให้เข้าใจและเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นนะครับ) ทีนี้ เมื่อเกิดแผ่น
    ดินไหวหรือภัยพิบัติใดขึ้นก็ดี อย่าเพิ่งตกใจนะครับ หลายครั้ง มีความ
    สูญเสียไม่มากเกินไป เช่น เสียหายเฉพาะทรัพย์สิน แต่คนตายไม่มาก
    นะครับ เอาละ เราควรหันมามองแง่ดีบ้าง นั่นคือ มันเป็นโอกาสดีที่จะมี
    ผู้มีบุญบารมี มาปลดปล่อยพลังงานที่ชำระล้างได้ยากแล้ว และสิ่งนี้ ก็
    จะนำมาซึ่งสิ่งดีงามในอนาดคตต่อไป เหมือนซุนหงอคง ที่ใช้พลังเพื่อ
    ช่วยเหลือพระถังซัมจั๋ง อัญเชิญพระไตรปิฎกจากอินเดียได้สำเร็จไงละ
     
  4. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    เมื่อใช้หลักการเช่นนี้ เราจึงทำนายแผ่นดินไหวได้ ด้วยการสังเกตุบุคคล?


    ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ หากเราใช้หลักการนี้ และหลักการนี้ได้รับการ

    พิสูจน์ว่าใช้ได้จริง เราจึงจะทำนายภัยพิบัติได้ครับ เช่น ทำนายแผ่นดิน
    ไหวจากการสังเกตุการบำเพ็ญบารมีของผู้มีบารมี ถ้าเรามีนักพลังจิตที่
    มีญาณหยั่งรู้อดีตก็หยั่งดูอดีตของคนที่บำเพ็ญบารมีมากๆ เช่น คนที่ถูก
    เสนอข่าวดังๆ ทางทีวี เราตรวจเช็คดูอดีตชาติแล้วถ้าพบว่าเขาเคยสร้าง
    บารมีไว้ที่ใดมากๆ บริเวณนั้นแหละครับ จะเกิดภัยพิบัติได้ เช่น ที่ผ่านมา
    ไม่นานนี้ เกิดแผ่นดินไหวที่ "มลฑลยูนนาน" ประเทศจีน ในช่วงนั้นผมก็
    ได้รับข่าวทางทีวีเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับบุคคลที่บำเพ็ญบารมี และสัมผัสได้ว่า
    เขาเคยเกิดเป็นผู้ปกครองแค้วนยูนนาน (แต่เป็นคนไทย-อิสลามนะครับ)
    ผ่านมาไม่นานก็เกิดแผ่นดินไหว (แต่ผมไม่ใช่นักทำนาย และไม่ต้องการ
    ทำนายภัยพิบัติด้วยนะครับ) นั่นคือผลกระทบจากความเชื่อมโยงกันของ
    พลังงานเก่าที่ถูกผนึกไว้ของผู้มีบุญบารมีผู้นั้น เอาละ มีข้อสังเกตุนิดหนึ่ง
    ครับ ผู้มีบุญบารมีท่านนั้น ต้องบำเพ็ญบารมียิ่งยวด เสียสละอะไรมาก จน
    ถึงจุดสะเทือนใจอย่างรุนแรงด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าบำเพ็ญบารมีแล้วได้ดีก็
    ไม่สะเทือนอะไรนะครับเช่น บำเพ็ญบารมีส่งเสริมลูกจนลูกเสียชีวิตเป็นต้น
     
  5. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ภาคมืดจะขัดขวางกระบวนการปลดปล่อย ด้วยการช่วยเหลือคนนั้นก่อน?


    ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ ในกระบวนการนี้ จะมีการคานดุลยภาพอำนาจ

    ด้วย "ภาคมืด" ซึ่งภาคมืดได้ครอบงำโลกนี้ ทั้งยังสร้างถาวรวัตถุเอาไว้
    มากมาย ทำให้พวกเขาไม่ต้องการเห็น "อนิจจังของโลก" เลยแม้แต่นิด
    ดังนั้น พวกเขาจึงกลายเป็น "ฮีโร่ของมนุษย์โลกที่หลงโลก" เพราะพวก
    เขานี่เองที่ช่วยขัดขวางกระบวนการนี้ ทำให้การปลดปล่อยไม่สำเร็จและ
    ทำให้โลกสงบนิ่งอยู่ต่อไป ไม่เกิดภัยพิบัติ เอาละมองในทางโลก ภาคมืด
    ทำดีแน่นอน แต่มองในทางธรรมแล้ว มันขัดแย้งกับธรรมชาติ กับกฏแห่ง
    กรรมนะครับ ทว่า เราคนกลาง ก็อย่าเพิ่งใส่ทัศนคติทางใดมาก แต่เรานั้น
    ก็ควรเคารพกฏแห่งกรรมด้วยนะครับ (ในขณะที่ก็ต้องมีจิตเมตตาต่อภาค
    มืดด้วย) ทีนี้ ภาคมืดเขาจะทำอย่างไรครับ? คำตอบคือ เขาก็จะเข้ามาหา
    ผู้บำเพ็ญบารมีเพื่อช่วยเหลือให้ไม่ต้องถึง "จุดสะเทือนอารมณ์" นั้นๆ ซึ่ง
    เป็น "จุดสำเร็จแห่งการบำเพ็ญบารมีด้วยนะครับ" กล่าวคือ เขาทำให้การ
    บำเพ็ญบารมี "ไปไม่ถึงที่สุด" นั่นเอง ขวางไว้ด้วยการ "ทำความดี" ตอบ
    เช่น คนที่บำเพ็ญบารมีเหนื่อยยากมากๆ แทบหมดแรงแล้ว เกือบบารมีเต็ม
    แล้ว ทว่า เขามาขวางไว้ก่อนที่จะเต็มและจะส่งผลสะเทือนโลก ด้วยการมี
    บริวารมาช่วย ก็ดี, เอาเงินมาช่วย ก็ดี ฯลฯ นั่นแหละ เขามาแบบนี้เอง ทว่า
    เขาไม่ได้ให้ฟรีๆ นะครับ แต่มาพร้อมเงื่อนไข แลกเปลี่ยน ซึ่งมองทางโลก
    แล้วคุณได้อะไรมากมาย ทว่า ถ้าคุณเห็นทางธรรม จะรู้ว่าคุณขาดทุนครับ
     
  6. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    คนที่ภาคมืดช่วยจะถูกปั้นให้กลายเป็น "ฮีโร่" แต่สอบตกในทางธรรม


    ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ คนที่ยอมรับการช่วยเหลือจากภาคมืด จะไป
    ไม่ถึงดวงดาว จะเข้าทางภาคมืด จะถูกภาคมืดปั้นให้กลายเป็น "ฮีโร่"
    ในรูปแบบใด รูปแบบหนึ่ง ในวงการใด วงการหนึ่ง ได้ทั้งหมดครับ แต่
    นี่หมายความว่า "คุณสอบตก ในการบำเพ็ญบารมีครั้งนี้แล้ว" นั่นเอง
    ผมอยากจะพุดให้คุณเห็นภาพชัดๆ ง่ายๆ เปรียบเทียบกันคือ ระหว่าง
    คนที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภาคมืด บำเพ็ญบารมีถึงที่สุด สะเทือน
    ใจเพราะมันยิ่งยวดจริงๆ จนถึงขั้นปลดปล่อยพลังงานเก่าที่อยู่ใต้โลก
    ได้ กับคนที่ยอมรับการช่วยเหลือจากภาคมืด และไปไม่ถึงจุดนั้น จะมี
    วิถีชีวิตไปคนละทางกันเลยนะครับคือ คนที่ถูกภาคมืดปั้นจะกลายเป็น
    ฮีโร่หรือคนดังที่เป็นที่รู้จักในระดับสาธารณชนแล้วถูกภาคมืดวางแผน
    ให้เป็นไปตามที่เขาต้องการเช่น จากนักร้อง มาเป็นดารา จากดารามา
    เป็นพิธีกร นักข่าว จากนั้นมาเป็น ส.ส. เป็นต้น แต่พอตายลงก็ไปสู่ภพ
    มืด มิติมืดครับ ไม่มีรายชื่อที่จะได้คิวเกิดในสามภพนี้เลย ต่างจากท่าน
    ที่บำเพ็ญบารมีถึงที่สุดได้ บางท่านก็กลายเป็น "มาร" ครับ แต่นับว่ามี
    ผลสำเร็จครับ เหมือนพญามาราธิราชไง เป็นพญามาร แต่ก็บำเพ็ญได้
    สำเร็จ พอเข้าใจมั้ย เช่น บางคนถึงที่สุดแห่งการบำเพ็ญบารมี ต้องสูญ
    เสียลูกชายที่รักไป เขาก็มีความโกรธแค้นเกิดขึ้น บารมีก็สำเร็จนะครับ
    แต่จะได้ไปสวรรค์ชั้นมาร ซึ่งมันยังดีกว่าลงสู่ภพมืด ที่ไม่มีคิวได้เกิดใน
    สามภพเลยใช่มั้ยครับ ทีนี้ ท่านพอมองเห็นภาพอนาคตสองแบบนี้ไหม?
     
  7. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    คนที่สอบผ่านทางธรรม แม้ว่าอาจจะถูกมองว่าล้มเหลวทางโลก แต่...


    ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ คนที่บำเพ็ญบารมีสำเร็จ หลายท่าน ถูกมายา

    แห่งโลก ทำให้สังคมมองบิดเบือนผิดเพี้ยนไปด้วย "อวิชชา" ด้วยคนใน
    สังคมส่วนใหญ่ยังมิได้บรรลุธรรม พวกเขาจึงมองผู้บำเพ็ญบารมีสำเร็จ
    ผิดไปว่าเป็นผู้ล้มเหลวทางโลก เช่น ถ้ามีพระราชาคนหนึ่งไปตัดหัวเพื่อ
    ถวายเป็นพุทธบูชา ในยุคนี้ คนก็คงมองกันว่า "ล้มเหลว สิ้นคิด คิดสั้น
    และคงทุกข์ใจจนไม่มีทางออกแล้ว" เป็นต้น เห็นภาพออกมั้ยครับ ชัด
    นะครับว่า "มุมมองของคนส่วนใหญ่ ซึ่งไม่ได้บรรลุธรรมนั้น" ผิดไปยัง
    ไง เอาละ ทีนี้ ก็มาดูวิถีชีวิตของผู้ที่ "ล้มเหลวในทางโลกแต่สำเร็จทาง
    ธรรม" กันบ้าง เขาจะมีชีวิตอย่างไร? คำตอบก็คือ ชีวิตของเขาจะหมด
    ความวุ่นวายเก่าก่อนที่เขาเคยมี ไป แล้วจะมีชีวิตใหม่ที่เรียบง่ายขึ้นครับ
    แต่อย่างไรเสีย "เขาก็อยู่ได้ในโลกนี้" และไม่ได้ตกต่ำถึงขนาดต้องไปมี
    ชีวิตเหมือนสัตว์ในอบายภูมิสี่นะครับ เช่น ไม่ต้องไปเป็นคนเร่ร่อน เหมือน
    สัมภเวสี ไม่ต้องไปขอทานเหมือนเปรต ก็มีชีวิตพออยู่ พอกิน พอมี พอได้
    ครับ เพียงแต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรแบบชาวโลกเขาอยากเป็นกัน
    ดังนั้น เมื่อมองจากสายตาของสังคมส่วนใหญ่ เขาก็คือ กลุ่มคนที่ถูกมอง
    ข้าม นั่นเอง เพราะไม่ได้มีอะไรมากมายเหมือนกับคนในสังคมส่วนใหญ่นี้
     
  8. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    พระอรหันต์ที่ผ่านจริง ไร้ชื่อเสียง แต่อรหันต์เก๊ กลับถูกปั้นให้โด่งดัง?


    สุดท้ายที่ท่านควรทราบคือ วิถีทางที่แตกต่างทั้งสองทางนี้ คือ ทาง
    ที่บำเพ็ญบารมีจนถึงที่สุดโดยไม่ร้องขอให้ภาคมืดช่วย และวิถีทาง
    ที่ยอมรับการช่วยเหลือจากภาคมืดนั้น ต่างกันมาก และมีได้ในคนที่
    อยู่ในทุกวงการครับ แม้แต่วงการศาสนาทุกศาสนา เช่น ในหมู่พระ
    ที่อยากเป็นพระอรหันต์ เขาไม่ได้มีทุกข์ทางโลกแล้วจึงไปบวช ก็มี
    บางท่านบวชพระตั้งแต่เด็ก ถามว่า "ความทุกข์ทางโลกของท่านที่
    ท่านผ่านมาด้วยประสบการณ์ตัวเองมีอะไร?" ขอโทษนะครับ ความ
    ทุกข์ ก็ดี, ประสบการณ์ของพระบางรูป ก็ดี นั้นๆ ก็ยังเทียบไม่ได้กับ
    "คนเร่ร่อนที่อยู่ข้างถนน" เลย คุณเข้าใจคำว่า "วัชรยาน เขาดูคน
    ที่ประสบการณ์ตรงจากชีวิตจริงหรือเปล่า?" กล่าวคือ คนที่จะบรรลุ
    ธรรมจริงๆ มันก็ผ่านประสบการณ์ในชีวิตจริงๆ นี่มาก่อนนั่นแหละ ที่
    บวชอยู่สบายในผ้าเหลืองมาแต่เด็ก จะไปเห็น "ทุกข์อันแท้จริง" ใน
    โลกนี้ได้จากที่ไหน? แล้วมันจะได้อริสัจสี่กัน ณ ที่ใด? ในกุฎิหรือใน
    อะไรของมัน ไม่มีหรอก ถ้าสบายอยู่ในผ้าเหลืองแล้ว จะหาความทุกข์
    ในอริยสัจสี่แบบคนที่ผ่านประสบการณ์ทางโลกมาได้อย่างไร? เอาละ
    มันไม่จบแค่นี้ ภาคมืด ก็ครอบงำให้มันหลงตัวเอง เพราะมันเรียนมาก
    เรียนปริยัติมาเยอะ มันเลยคิดว่า กูอรหันต์แล้ว! นั่นแหละ "อรหันต์ปั้น
    ได้" ละ ปั้นโดยภาคมืดเขา นั่นเอง ไม่ใช่ของจริง เป็นของเก๊ มีอยู่มาก
    มายในประเทศนี้ เอาละ ฟังไว้ให้ดีนะ พระอรหันต์ในความเป็นจริง ไม่มี
    ที่มีชื่อเสียงหรอก ตอนมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีความโด่งดังอะไรทั้งนั้น แต่คนที่
    เขาเกิดมาตามหลังที่ท่านตายไปแล้ว เขามาเขียนตำราเอาไว้ มันก็เลย
    ทำให้ดูเหมือนดัง เวลาเราไปอ่านตำรา โอ้ แหม ดังจริงหนอ นั่นมันใน
    ตำรา อย่าไปหลงมาก! อย่าไปอยากดังอย่างที่อ่านมาในตำรามากนัก
    เดี๋ยวจะเตลิดเปิดเปิงไป เอ้า เตือนเท่านี้ละ ไม่อยากพูดมาก สอนยาก!


    ขอพลังแสงธรรมแห่งพระธรรมกาย ช่วยส่องประสบการณ์จริง สวัสดี
     
  9. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    9 ก.ย. 2555


    "เสียงจากพระสาวก"
    รับสื่อสารโดย


    瑠璃王
     
  10. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ภาคมืดเขาชอบมาดึง
    "ผู้บำเพ็ญบารมี ที่เกือบจะสำเร็จ"
    นี่แหละ พอดึงได้แล้ว ก็ไม่ได้บำเพ็ญ
    บารมีแล้ว แต่ได้รับอะไรมากมายจากทาง
    โลกแทน กลายเป็นคนเด่นดังไปเลย


    เขาไม่เอาหรอก พวกไร้ประโยชน์ หรือไม่มี
    ดีอะไรในตัว เพราะมันปั้นไม่ขึ้น เขาก็เอาคน
    ที่บำเพ็ญบารมี แต่ใกล้จะถึงไม่ถึงฝั่ง แหล่ นี่ละ


    อย่างพระนี่ก็เหมือนกัน ภาคมืด มาดึง มาปั้น
    ให้ บางคนเดินญาณไปจนเกิดปีติสว่างไสวมาก
    ยังไม่ถึงต่อถึงอรหันต์เลย เขามาขวางแล้วบอก
    ว่า "ท่านอรหันต์แล้ว" แค่นั้นแหละ ลิงโลดว่ากู
    อรหันต์แล้ว (แต่เป็นแค่ปีติสว่างโอภาสเท่านั้น)
    นี่แหละ อรหันต์เก๊ มันถึงได้เกิดได้ง่ายดายกันนัก
     
  11. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=bcYhxJ59oyc"]Thailand's Got Talent S.2 10/14 ดาวิด คิม 17 Jun 2012 - YouTube[/ame]


    นี่ก็บำเพ็ญบารมีมายิ่งยวด ใช่มั้ย (จากประวัติ)
    ยังไม่ถึงฝั่งธรรม แต่ก็เข้ามาทางนี้ก่อน


    อันนี้ ผมไม่ได้ว่าเขาว่าถูกหรือผิด หรืออะไรนะ
    ยกมาเป็นกรณีศึกษาให้ดูว่า "เขามีอะไรดีบาง
    อย่างในตัว" จากการบำเพ็ญบารมี เขาถึงมาถึง
    "จุดหนึ่ง" ในเวทีนี้ได้ (ทั้งที่ก็ร้องเพลงธรรมดา)
     
  12. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [๙๗] ครั้งนั้น พระอานนท์ได้มีความคิดอย่างนี้ว่า น่าอัศจรรย์จริงหนอ เหตุไม่เคย
    มีมามีขึ้น แผ่นดินใหญ่นี้ไหวได้ แผ่นดินใหญ่นี้ไหวได้จริงๆ
    ความขนพองสยองเกล้าน่าพึงกลัว
    ทั้งกลองทิพย์ก็บันลือลั่น อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรหนอเป็นปัจจัย
    สำหรับให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ
    ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว
    ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นท่านพระอานนท์นั่งเรียบร้อย
    แล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ เหตุไม่เคยมีมามีขึ้น แผ่นดินใหญ่นี้ไหว
    ได้ แผ่นดินใหญ่นี้ไหวได้จริงๆ ความขนพองสยองเกล้าน่าพึงกลัว ทั้งกลองทิพย์ก็บันลือลั่น
    อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรหนอเป็นปัจจัย สำหรับให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ
    [๙๘] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรพระอานนท์ เหตุ ๘ ประการ ปัจจัย ๘
    ประการเหล่านี้แล เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ๘ ประการเป็นไฉน ฯ
    ดูกรอานนท์ มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ สมัยที่ลม
    ใหญ่พัด เมื่อลมใหญ่พัดอยู่ ย่อมยังน้ำให้ไหว น้ำไหวแล้ว ย่อมยังแผ่นดินให้ไหว
    อันนี้เป็นเหตุ เป็นปัจจัยข้อที่หนึ่ง

    เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ
    อีกประการหนึ่ง สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีฤทธิ์ ถึงความเป็นผู้ชำนาญในทางจิต
    หรือว่าเทวดาผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก เขาเจริญปฐวีสัญญา เพียงเล็กน้อย เจริญอาโปสัญญา
    อย่างแรงกล้า เขาย่อมยังแผ่นดินนี้ให้สะเทือนสะท้านหวั่นไหวได้ อันนี้เป็นปัจจัยข้อที่สอง
    เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ
    อีกประการหนึ่ง เมื่อใดพระโพธิสัตว์จุติจากชั้นดุสิต มีสติสัมปชัญญะ
    ลงสู่พระครรภ์พระมารดา เมื่อนั้น แผ่นดินนี้ย่อมสะเทือนสะท้านหวั่นไหว
    อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่สาม
    เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ
    อีกประการหนึ่ง เมื่อใด พระโพธิสัตว์มีสติสัมปชัญญะ ประสูติจากพระครรภ์พระมารดา
    เมื่อนั้น แผ่นดินนี้ย่อมสะเทือนสะท้านหวั่นไหว อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่สี่
    เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ
    อีกประการหนึ่ง เมื่อใด พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
    เมื่อนั้นแผ่นดินนี้ย่อมสะเทือนสะท้านหวั่นไหว อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ห้า
    เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ
    อีกประการหนึ่ง เมื่อใด พระตถาคตให้อนุตรธรรมจักรเป็นไป เมื่อนั้นแผ่นดินนี้
    ย่อมสะเทือนสะท้านหวั่นไหว อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่หก
    เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ
    อีกประการหนึ่ง เมื่อใด พระตถาคตมีพระสติสัมปชัญญะ ทรงปลงอายุสังขาร เมื่อนั้น
    แผ่นดินนี้ย่อมสะเทือนสะท้านหวั่นไหว อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่เจ็ด
    เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ
    อีกประการหนึ่ง เมื่อใด พระตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ เมื่อนั้น
    แผ่นดินนี้ย่อมสะเทือนสะท้านหวั่นไหว อันนี้เป็นเหตุเป็น ปัจจัยข้อที่แปด
    เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ
    ดูกรอานนท์ เหตุ ๘ ประการ ปัจจัย ๘ ประการ เหล่านี้แล เพื่อให้แผ่นดินไหว
    ใหญ่ปรากฏ ฯ

    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๐ หน้าที่ ๙๐/๒๖๑
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2012
  13. แสนสวาท

    แสนสวาท ชมรมสุวรรณภูมิธรรม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,399
    ค่าพลัง:
    +2,488
    ดิฉันคิดว่าข้อความที่ท่านนำเสนอน่าสนใจมากอยู่แล้ว
    แต่สีของอักษรบางสี มีผลกับกระแสธาตุในการอ่านของดิฉัน
    ทำให้ไม่ค่อยสบายเวลาอ่าน
    หากท่านจะกรุณา ใช้สีเข้มหน่อย ไม่ค่อยใช้สีอ่อนหรือสีจาง
    ก็จะเป็นคุณประโยชน์ต่อดิฉันโดยตรง
    สาธุค่ะ
     
  14. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    การทำงาน คือการปฏิบัติธรรม


    ตัวอย่างเช่น ชาวนาหลายคนที่
    ทำนา อาจได้ปฐวีกสิน แต่เขาอาจ
    ไม่ทราบว่านี่คืออะไร มันคืออะไร
    แต่มันก็มีผล เมื่อเขาบำเพ็ญบารมี
    ยิ่งยวด เพราะอิทธิฤทธิ์ของปฐวีกสิน
    เกิดได้ ซึ่งตรงกับเนื้อหาในข้อ 1 ถ้า
    เทียบกับไตรปิฎกนะครับ คือ สมัยนี้
    มันไม่ใช่คนที่ตั้งใจมาเกิดเป็นพราหมณ์
    แล้วใช้อำนาจจิตควบคุมอะไรอย่างนั้น
    แต่มันมาจาก "คนธรรมดา" ที่ได้ธรรม
    จากการทำงานนี่แหละ


    คำถามคือ เมื่อเขาไม่รู้ว่าเขามีพลังจิต
    แล้วมันจะบังเกิดผลเช่น แผ่นดินไหวใน
    กรณีไหน? ได้อย่างไร? ผมจึงขยายตรง
    นี้ครับ
     
  15. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ภัยพิบัติจะลดลง เมื่อเขาเหล่านั้นได้อยู่อย่างพราหมณ์


    ทีนี้ เหล่าคนที่ "ทำงานคือการปฏิบัติธรรม" ไม่รู้ตัวว่ามี
    ฤทธิ์ มีอำนาจจิต ภายใน แล้วได้รับผลกระทบทางจิตใจ
    ก็ส่งผลต่อพลังอำนาจฤทธิ์ให้เกิดผลได้นะครับ มันไม่ได้
    เกิดจากเจตนาที่เราไปเจริญสัญญา ก็ได้ครับ คือ จะเจริญ
    ให้เกิด ก็ได้ แต่มันมีแบบ "ไม่เจตนา" แต่ดันเกิด เพราะมี
    ผลกระทบทางจิตใจ อย่างนี้ ก็มีเหมือนกันครับ


    ดังนั้น จึงกล่าวว่าถ้าเขาเหล่านี้ อยู่แบบพราหมณ์เสีย
    (อยู่เฉยๆ) ก็จะลดผลกระทบที่เกิดจากภัยพิบัติได้ครับ
     
  16. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    คำว่า "สัญญา" ไม่ได้แปลแค่ว่า "จำได้ หมายรู้"


    มันมีความหมายกว้างมากครับ เช่น เราเคยชินกับ
    อารมณ์อะไรสักอย่าง แล้วจิตไปแช่อยู่ในอารมณ์
    นั้นบ่อยๆ ก็คือ "สัญญา" เหมือนกัน เหมือนชาวนา
    ไปทำนา แล้วเพลินดี มีสมาธิ แบบนี้ ด้วยท้องนานี่
    ทำให้เขามีสมาธิดี เขาไม่รู้ว่าเขาติดชินกับอารมณ์
    จิตแบบมีสมาธิเพลินๆ แบบนั้น เผลอก็เข้าสู่อารมณ์
    นั้นๆ ได้เลยครับ เพราะ "จิตมันเคยชิน" เป็นสัญญา
    ใจไปแล้ว คือ ไม่ต้องไปนึกถึงอะไร แค่เวลาทุกข์จิต
    มันก็หนีทุกข์ ไปสู่อารมณ์สมาธิเพลินๆ เดิมๆ ที่ตนมี
    ตนเคยได้ อย่างนี้ ก็เกิดสมาธิฉับพลัน ขณะทุกข์ได้
    ครับ พอเข้าใจชัดมั้ยครับ เรื่อง "สัญญา" แบบนี้


    เช่น ปฐวีสัญญา เนี่ย เราไม่จำเป็นต้องนึกถึงแผ่นดิน
    แค่เราเผลอทำใจหนักแน่น เวลาพบทุกข์ แบบเดิมๆ
    ที่เราเคยพ้นทุกข์ เพราะจิตไหลไปสู่อารมณ์นี้บ่อยๆ
    นี่ก็น้อมไปสู่ "ปฐวีสัญญา" ได้เหมือนกัน โดยไม่ตั้ง
    ใจนะครับ ไปโดยความเคยชิน ที่เรียกว่า "สัญญา"
     
  17. โบ๊ต

    โบ๊ต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +847
    จินตนาการเยอะนะ. เหมือนคิดอะไรได้ก็เขียนเป็นตุเป็นตะไปซักทุกรื่องคนเม้นก็งั้นงงๆกับคนๆนี้ เขียนยังกะมีเเหล่งข้อมูลทั้งๆทีเต้าข่าวเอาเองทั้งนั้น.
     
  18. Archeopteric

    Archeopteric Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +53
    อ่านขำๆ อ่านเป็นนิยาย
    เราก็ติดตามผลงานของเขาอยู่เหมือนกัน
    อ่านแล้วทำให้มีจินตนาการสูงส่ง 555+
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2012
  19. Archeopteric

    Archeopteric Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +53
    คิดว่ามี แล้วคงจะมีเยอะด้วย
    แต่มันต้องมีหลักฐานมาอ้างอิง
    เขียนมาลอยๆแล้วใครเขาจะเชื่อ
    มีแต่พวก...เท่านั้นแหละที่เชื่อ

    แล้วที่ จขกท เขียนมาเนี่ยเอามาจากไหน ลัทธิบูชาไฟรึอย่างไร
    ไอ้คนเชื่อมันก็... เนอะ

    ปล. ... เติมเอง



     
  20. suriyannnn

    suriyannnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +124
    สรุปคือการเกิดแผ่นดินไหวเกิดได้หลายสาเหตุ
    เกิดจากผู้มีบุญมาจุติเช่นพระพุทะเจ้า
    เกิดจากลมฟ้าอากาศวิปริต
    เกิดจากผู้มีพลังจิตสูงกระทำ
    เกิดจากเหล่าเทวากระทำ
    เกิดจากบาปกรรมมนุษย์ทำกรรมร่วมกัน เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กันยายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...