นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    รู้สึกว่าระยะหลังๆ มานี้ นครแห่งนี้ยุ่งเหยิงด้วยเรื่องฝันต่างๆ นาๆ นะคะ อยากจะลาพักร้อนบ้างแล้วจิ
    นิทงนิทานไม่ได้อ่านเป็นเรื่องเป็นราวซักที...ชักเบื่อๆ แล้วนา...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2012
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    พระฤาษี เป็นคำเรียก คนที่มีพลังจิตเด็ดเดี่ยว มุ่งปฏิบัติจนประสบผลสำเร็จ ในอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายๆอย่าง เช่น สมามารถเหาะเหิรเดินอากาศได้ มีวาจาสิทธิ์ และอีกมากมาย

    บางท่านก็เก่งในเรื่องยาสมุนไพร เช่น ปู่ชีวกโกมารภัทร ซึ่งเป็นแพทย์ประจำพระองค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา เราก็รวมเรียกท่านอยู่ในกลุ่มของพระฤาษีเช่นกัน และที่สำคัญ พระพุทธเจ้าของเราก็เคยศึกษาวิชากับพระฤาษีเหมือนกัน (ก่อนที่จะทรงกระทำบำเพ็ญทุกขรกิริยา...และก่อนจะทรงตรัสรู้)

    แต่พระองค์ต้องหันเหออกไป เพราะไม่สามารถจะทำให้พระองค์ตรัสรู้ได้ จนกระทั่งพระพุทธเจ้าทรงค้นพบสัจจธรรม ค้นพบความจริงที่มีอยู่ในโลกแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครค้นพบเท่านั้น พระพุทธเจ้าของเราทรงค้นพบแล้วนำมาสั่งสอนเหล่ามนุษย์นั้น ที่ยังหลงระเริงอยู่กับความสุขจอมปลอม ต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบสิ้น

    อันที่จริง พระฤาษีท่านก็พยามจะค้นหาหนทางที่จะให้มนุษย์ได้พบกับความสุขนิรันดร์ แต่ค้นไปค้นมาได้พบกับอิทธิฤทธิ์ต่างๆ บางท่านสามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็นร้อยๆปี ฉะนั้นเรื่องราวของพระฤาษี จึงมีมากมายแตกต่างกันและกลายเป็นตำนานเล่าขานมาจนทุกวันนี้

    การบำเบ็ญตบะ เพื่อสร้างบารมีของเหล่าพระฤาษีนั้น จุดมุ่งหมายก็เพื่อจะได้ไปจุติเป็นพระพรหม หรือเทพชั้นสูง เพราะเชื่อกันว่านอกจากโลกมนุษย์แล้วยังมีสวรรค์ มีนรก มีเมืองบาดาล เมืองสวรรค์นั้นยังแบ่งเป็นพรหมโลก ซึ่งอาจจะสูงขึ้นไปกว่าชั้นธรรมดา ใครต้องการจะไปพรหมโลกก็ต้องสร้างบารมีกันให้มากเข้าไว้ ซึ่งพระพุทธเจ้าของเราค้นพบมากกว่านั้น คือ หนทางหมดทุกข์ ไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏสงสาร นั่นคือ " นิพพา"

    มี การแบ่งชั้นของพระฤาษี ใครที่ต้องการจะมีลำดับชั้นสูงๆ ก็จะต้องบำเพ็ญเพียร เพื่อสร้างบารมีให้มากที่สุด ถ้าจะเทียบกับข้าราชการไทยเราก็น่าจะเป็นระดับซี นั่นแหละ ชั้นสูงก็น่าจะเป็น ซี ๑๑ สุงที่สุดของข้าราชการไทย ลดหลั่นกันลงมา จนถึงเริ่มเข้ามายังไม่มีซีแล้วไต่เต้าขึ้นไปตามผลงาน พระฤาษีวัดระดับชั้นกันที่ตบะบารมี หากผู้ใดอยู่ในชั้นสุดยอด ก็จะเรียกว่า " สำเร็จ "พระฤาษีจัดคัดแยกเอาไว้ ชั้น หรือ จำพวก​
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชั้นที่ เรียกว่า ราชรรษี แปลว่า เจ้าฤษี พวกนี้หรือชั้นนี้จะมีฐานะ และความเป็นอยู่ตามพื้นธรรมชาติ คือมีความปกติเป็นพื้นฐาน เพียงแต่มีความริเริ่มและความพยามยามที่จะบำเพ็ญเพียรในเบื้องต้น และปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
    ชั้นที่ เรียกว่า พรหมรรษี แปลว่า พระพรหมฤษี เมื่อปฏิบัติเพียงพอกับความต้องการในเบื้องต้นแล้ว จึงได้ไปบังเกิดเป็นพระพรหม
    ชั้นที่ เรียกว่า เทวรรษี แปลว่า เทพฤษี ผู้ที่ปฏิบัติอย่างมุ่งมั่นด้วยตบะ จึงมีบารมีมาก พร้อมทั้งมีอิทธิฤทธิ์และมีอำนาจมหาศาล
    ชั้นที่ เรียกว่า มหรรษี แปลว่า มหาฤษี ชั้นนี้นอกจากจะมีอิทธิฤทธิ์ที่เกิดจากบารมีแล้ว ยังมีภูมิปัญญามาก มีอาคมแก่กล้าเป็นที่สุด

    เมื่อนำเอามาเปรียบเทียบกันแล้วจะเห้นชัดเจนว่า ทั้ง ชั้นมีความสามารถไม่เหมือนกันหรือไม่เท่ากัน แล้วแต่การปฏิบัติของแต่ละตน ผู้ใดมีความมุ่งมั่นหมั่นเพียรและตั้งใจปฏบัติ ทำได้เท่าใดผลก็จะส่ง บุญก็จะบันดาลให้ไปถึงขั้นนั้นๆ
    อันผู้ปฏิบัติหรือที่เรียกว่าพระฤษีนั้น มิใช่มีแต่เฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือลัทธิใดลัทธิหนึ่ง ที่อื่นๆ ก็มีเหมือนกันทั้งนั้น เพียงแต่การเรียกขานเท่านั้นที่แตกต่างกันออกไป แต่จุดมุ่งหมายเหมือนกัน อย่างเช่นประเทศจีน ก็จะมีลักษณะที่คล้ายพระฤษี แต่เขาจะเรียกกันว่า " เซียน " เช่น เซียนเหย่ง เซียนเต๋า เมื่อถอดความหมายออกมาแล้วแปลได้ความว่า " เป็นผู้ซึ่ง ไม่มีการตาย "

    ชาวจีน เขาก็มีการแบ่งชั้นวรรณะออกเป็นก๊ก เป็นเหล่าอีกถึง ๕ ชั้น ๕ พวกด้วยกัน คือ
    ชั้นที่ เรียกว่า กุ้ยเซียน แปลว่า เปรตฤษี พวกนี้จะไม่มีที่พักที่อาศัยเป็นหลักแหล่ง เที่ยวเร่ร่อนไปตามยถากรรม คล้ายๆ กับพวกสัมภเวสี หรือ อสุรกาย ไม่ผิดเพี้ยน
    ชั้นที่ เรียกว่า ตี้เซียน แปลว่า ภูมิฤษี พวกนี้ไม่ได้ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ อย่างกับพวกแรก กลับชอบอาศัยอยู่ตามถ้ำตามเขาที่มีแต่ความสงบ ทั้งนี้เพื่อจะได้ปฏิบัติบำเพ็ญตบะได้อย่างสะดวกสบาย
    ชั้นที่ เรียกว่า เหย่งเซียน แปลว่า นรฤษี พวกนี้จะมีความมุ่งมั่นเจริญศีลภาวนาเป็นที่ตั้ง แต่ยังไม่สันโดษเท่ใดนัก ยังคงวนเวียนอยู่กับมนุษย์ทั่วไป เพียงแต่ไม่มีความยินดียินร้ายใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้น
    ชั้นที่ เรียกว่า เซียนเซียน แปลว่า บุรุษฤษี พวกนี้จะมีอิทธิฤทธิ์ เหาะเหิรเดินอากาศได้ ไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง เช่นเดียวกับพวกแรก ชอบตระเวนไปโน่นมานี่ ซอกแซกซุกซนไปในอากาศ เมื่อพบที่เหมาะก็จะเหาะลงไปหยุดพัก บำเพ็ญตบะบารมีเป็นการชั่วคราว แล้วก็จะร่อนเร่ต่อไปอีก อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    ชั้่นที่ เรียกว่า เถียนเซียน แปลว่า เทพฤษี พวกนี้จะแตกต่างจากพวกแรกๆ คือ ไม่เที่ยว ไม่เร่ร่อน ไม่ยอมทำอะไรแผลงๆ ชอบสงบนิ่ง บำเพ็ญตบะเพื่อเสริมสร้างบารมีด้วยความมุ่มั่นจริงจัง

    ทีนี้ก็พอจะมองเห็นแล้วว่าแม้แต่ชาวจีน ก็ยังมีความนับถือและยกย่องพระฤษี หรอืผู้บำเพ็ญตบะบารมีเหมือนกับคนไทย เพียงแต่การเรียกขานต่างกันออกไปเท่านั้น ฉะนั้น คำว่า พระฤษี จึงมีความหมายที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่าคำว่า เซียน เลย
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ตามชั้นและฐานะของพระฤษีนั้น ก็ยังแยกระดับตามสรรพนามออกไปอีก จะขออธิบายความหมายและความเป็นมาเป็นไปโดยตลอด สำหรับชื่อและชั้นที่ได้ยกระดับ หรือแยกออกมาอีก ก็คือ
    ๑. พระสิทธา
    ๒. พระโยคี
    ๓. พระมุนี
    ๔. พระดาบส
    ๕. ชฎิล
    ๖. นักสิทธิ์
    ๗. นักพรต
    ๘.พราหมณ์
    เมื่อรวบรวมทั้ง นามนี้ให้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ท่านเป็น " ผู้ทรงศีล " ผู้ที่มุ่งหวังในผลสำเร็จ ถึงกับยอมเสียสละทุกสิ่งอย่างเหมือนกันหมด
    คำว่า " สำเร็จ " นี้ท่านอาจจะเกิดความสงสัยหรือเคลือบแคลงใจว่าอะไร คือ ความสำเร็จ หรือ สำเร็จอะไร เพื่อความกระจ่างแจ้ง ขออธิบายให้เข้าใจดังนี้

    การปฏิบัติของผู้ทรงศีลทั้งหลายทั้งปวง หากถึงขั้นสำเร็จบรรลุเป้าหมายในโสดาบัน หรือ โสดาปัตติผล มีทิพยญาณ มีจักษุญาณ หลับตาเห็นธรรม รู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งที่เป็นบารมี ในสิ่งที่เรียกว่าบุญ หรือ กรรม และที่เรียกกันชัดๆว่า " บุญ " หรือ " บาป " รู้แล้วเห็นแล้วในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง นั่นแหละที่เรียกว่าสำเร็จในแต่ละขั้นของแต่ละชั้น แล้วก็จะได้ขึ้นไปบังเกิดในพรหมโลก เป็นพระพรหม เสวยทิพย์อยู่ในวิมานที่แสนจะสันติสุข หมดสิ้นทุกข์จากโลกมนุษย์

    แต่ยังไม่เพียงพอเท่านั้น เมื่อได้บังเกิดเป็นพระพรหมแล้วก็ยังต้องบำเพ็ญตบะต่อไป ทั้งนี้ก็เพื่อจะให้ชั้นภูมิของตนได้เลื่อนถึงชั้นสูงๆ ขึ้นไปอีกตามลำดับ
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ในบรรดากลุ่มของพระฤษีที่มีชื่อแยกออกไป ก็ยังมีความหมายต่างๆกัน เช่น
    ๑. พระสิทธา แปลว่า พระฤาคี ประเภทที่มีคุณธรรมวิเศษ มีหลักฐานมั่นคง ที่สถิตสถานมีวิมานอยู่ตามเทือกเขาและถ้ำ ตามแต่จะเห็นว่าสมควรในความสะดวกสบายอยู่ในระหว่างพระอาทิตย์ลงมาสู่พื้น แห่งโลกมนุษย์โดยกำหนด
    ๒. พระโยคี แปลว่า เป็นผู้ที่มีความสำเร็จ หรือผู้ที่กำลังจะศึกษาสังโยค ในด้านวิชาโยคกรรม มักจะเที่ยวทรมานตนอยู่ตามเทือกเขาและป่า ตามความเหมาะสมในความสันโดษ ที่จะมีและเท่าที่เห็นว่าสมควร
    ๓. พระมุนี แปลว่า ในกลุ่มพราหมณ์ที่มีความพยามยาม กระทำกิจพิธีบำเพ็ญด้วยความพากเพียร มุมานะพยายามจนกระทั่งพบกับความสำเร็จ จึงกลายเป็นผู้ที่มีปัญญา และ มีความรู้ ความสามารถอยู่ในระดับสูง
    ๔. พระดาลส แปลว่า ผู้บำเพ็ญตนสร้างบารมี มุ่งมั่นในตบะธรรมที่คิดว่าจะเผาผลาญกองกิเลสให้หมดสิ้นไป ใช้ความพากเพียร พยายามมุ่งแต่ในทางทรมานร่างกายและจิตใจ เพื่อหวังในโลกุตตรสุข ที่เป็นผลแห่งบารมี
    ๕. ชฎิล แปลว่า นักพรตจำพวกหนึ่ง ที่ชอบเกล้ามุนมวยผมเป็นแบบชฎาเอาไว้ หนวดเครารกรุงรังราวกับคนบ้า ทั้งผ้าที่นุ่งห่มก็รุ่มร่าม ไม่ชอบในการรักสวยรักงาม ทำตนเป็นพราหมณ์รอนแรมอยู่ตามป่าดงพงไพร
    ๖. นักสิทธิ์ แปลว่า เป็นผู้ทรงศีลกึ่งมนุษย์กึ่งเทพ หรือเทวดา พวกนี้มักจะรักสัจจะวาจา มีความเที่ยงธรรมเป็นที่ตั้ง ชอบช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอๆ มีที่อยุู่อาศัยอยู่ในระหว่างกลางที่ว่างเปล่าและบริสุทธิ์ วัดระยะตั้งแต่ดวงอาทิตย์ลงมาจนกระทั่งถึงโลกมนุษย์ พวกนี้มีอยู่กันเป็นจำนวนมากหลายแสนองค์ เที่ยวตระเวนไปตามที่ต่างๆ เพื่อที่จะสอดส่องหาทางลงมาช่วยมวลมนุษย์
    ๗. นักพรต แปลว่า เป็นผู้ปฏิบัติดีเคร่งครัดในการปฏิบัติ ทรงศีลอันประเสริฐ มิยอมให้ศีลบกพร่องแต่ประการใด ตั้งใจบำเพ็ญพรต บำเพ็ญตบะ เพื่อที่จะเสริมสร้างบารมีให้มากๆ อยู่เป็นประจำ ชอบสถิตตามป่าเขาลำเนาไพร และตามถ้ำหน้าผา มักไม่ยอมให้ผู้ใดพบเห็น มีความเป้นอยู่อย่างเรียบง่าย แต่มีอิทธิฤทธิ์มาก
    ๘. พราหมณ์ แปลว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับพระฤษีเหมือนกัน แต่เป็นด้านปฏิบัติบูชาบำเพ็ญตบะสร้างบารมีอย่างมุ่งมั่น เป็นผู้ที่สละแล้ว สละ เรื่องของโลกภายนอกได้หมดแล้ว มีความมุ่งมั่นว่าจะต้องออกไปปฏิบัติการช่วยเหลือมนุษย์และสรรพสัตว์โดยทั่วไป

    พราหมณ์มักจะชุมนุมรวมกลุ่มกันเป็นหมู่คณะ ตามเทวสถานต่างๆ ด้วยความพร้อมเพรียงและสามัคคีกันอย่างดี เมื่อผู้ใดเชิญให้ช่วยกระทำพิธีให้ ไม่ว่าจะเป็นพิธีอะไรที่จะต้องเกี่ยวข้องกับพระฤษีหรือองค์เทพต่างๆ พราหมณ์ก็ออกไปทำพิธีให้ทันที ไม่เรียกร้องค่าป่วยการ หรือ ค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น ไม่เห็นแก่ลาภ ไม่เห็นกับประโยชน์ส่วนตัว (นั่นเป็นพราหมณ์สมัยก่อน สมัยนี้คงมีค่าใช้จ่ายมากน้อยตามแต่เห็นสมควร) สำหรับพราหมณ์พวกนี้ก็มีกันอยู่เป็นจำนวนมาก ชอบฝักใฝ่ในธรรม โปรดสัตว์ ช่วยเหลือมนุษย์ด้วยความเต็มใจ เมื่อเสร็จสิ้นจากภารกิจ ก็เข้าจำศีลภาวนาต่อไปอย่างไม่มีคำว่าพอ

    ข้อมูลจากหนังสือ ตำนานพระฤษี ของ ว.จีนประดิษฐ์

    *อ่านกันให้ตาแฉะไปเลยน้า...าาา*
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นอกจากพระฤษีพวกนี้แล้วก็ยังมีพระฤษีพิเศษอีกพวกหนึ่ง พวกนี้มีทั้งอิทธิฤทธิ์ อภินิหาร และปาฏิหารย์อย่างมากมายเหลือคณานัป นั่นคือ พระกศป สำหรับพระกศปนี้ มีคนบางกลุ่มเกือบจะทั่วไปมักจะเรียกขานกันว่า " ผี " ถ้าหากว่าเป็นผีจริงก็ต้องมีฐานะต่ำกว่า อสูร หรือ รากษส เสียด้วยซ้ำไป พระฤษีพวกนี้ องค์พระพรหมาท่านได้สร้างขึ้นมาพร้อมๆ กับพวกอสูร ในยุคของพระประชาบดีก็ได้บังเกิดมีขึ้นมาสืบเชื้อสายพระองค์หนึ่ง ดังนั้น พระกศป จึงบังเกิดขึ้นมาเป็นพระฤษีพระองค์แรกของโลกมนุษย์

    เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว พระกศป กับ ชฎิล มีความใกล้เคียงและคล้ายคลึงกันมากที่สุด ไม่ว่าจะด้านความเป็นอยู่ การปฏิบัติและการแต่งกาย ตลอดการถือศีลบำเพ็ญภาวนาในด้านตบะบารมีก็เป้นแนวทางเดียวกัน

    แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว พระกศป จะต้องมีฐานะที่สูงกว่าและเหนือชั้นกว่าชฎิล ถึงแม้ว่าจะเกล้าผม มุ่นเกศ หรือบางทีก็โพกผ้าสูงขึ้นไป ทำเป็นอย่างคล้ายกับชฎาที่สวมใส่ในการแสดงลิเก หรือ ละครนั่นแหละ นุ่งห่มด้วยผ้าโขมพัตถ์ คือ ผ้าที่ขาวบริสุทธิ์ มีลูกประคำ คล้องคอ มีสร้อยนวม และทองกร ผิวกายขาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง มีสง่าราศี ถือไม้เท้าคดๆงอๆ เป็นประจำ บางครั้งผู้คนที่เห็นก็นึกว่าเป็นคนสติไม่ค่อยดี หรือคนบ้านั่นแหละ แต่หารู้ไม่ว่า ท่านมีฐานะเป็นถึงเทพฤษี ทีเดียว

    หากเรามาพิจารณาดูกันดีๆ แล้วก็จะเห็นว่าเหมือนกับองค์พระศิวะ หรือ พระอิศวร ในภาคของพระมุนีภพ ก็พอจะมองเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกันมาก เพราะผู้คนที่เห็นก็จะคิดว่าเป็นคนบ้า ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วก็คือองค์พระอิศวร หรือ พระศิวะผู้ยิ่งใหญ่นั่นเอง

    และลีลาของพระกศปก็มิใช่น้อยเพียงเท่านั้น ในกลุ่มนี้ก็ยังได้แยกแจกแจงออกไปถึง ๗ พระองค์ด้วยกัน ที่มีชื่อเรียกว่า ทศฤาษี คือ
    ๑. พระโคม
    ๒. พระภรัทวาช
    ๓. พระวิศวามิตร
    ๔. ระชมทัศนี
    ๕. พระวสิษฐ์
    ๖. พระกศป
    ๗. พระอัตริ
    (ใจเย็นๆ...รู้ว่าคิดว่าทำไม ทศฤษี น่าจะเป็น ๑๐ แต่ทำไมเอ่ยแค่ ...แต่อย่าเพิ่งสรุป....กำลังจะเขียนให้อ่านก็อ่านต่อไปนะ..อย่าเพิ่งขัด)
    แต่สำหรับในคัมภีร์มหาภารตะ ก็ยังได้ระบุชื่อเพี้ยนออกไปอีกอย่างหนึ่ง แต่เมื่อคิดเป็นความหมายแล้วก็พอที่จะเทียบกันได้และลงกันได้ คือ
    ๑. พระมรีจิ
    ๒. พระอัตริ
    ๓. พระอังคีรส
    ๔. พระปุลัสตยะ
    ๕. พระปุลหะ
    ๖. พระกรตุ
    ๗. พระวสิษฐ์
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อมองดูแล้วก็คงจะเพี้ยนกันออกไปไม่มากนัก และในคัมภีร์มหาภารตะนี้ ยังได้เพิ่มเติมแทรกเข้าไปอีก พระองค์ เพื่อจะได้รวบรวมให้ครบ ๑๐ พระองค์ เป็นหมู่คณะครบ ตามจำนวนที่มีชื่อเรียกว่า ทศฤาษี ได้อย่างถูกต้อง
    ๑. พระประเจตัส หรือ พระทักษะประชาบดี
    ๒. พระภฤคุ
    ๓. พระนารท
    ตามรายชื่อของพระทศฤาษีชุดนี้ เรียกเป็นชุดว่า สัปตฤษี
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ฤาษี ถือศีล 6 ข้อ ได้แก่ ศีล 5 และศีัลข้อที่ 6 คือไม่รับประทานอาหารยามวิกาล

    อาหารของฤาษี คือใบไม้ในป่านั่นเอง
     
  9. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229

    ท่าน ประธานค่ะ ..ลองพิจารณาวัดป่าดอนหายโศก

    ว่าจะถูกจริตมั๊ยน่ะ..โดยส่วนตัวแล้วอยากไปที่นี่มากเลยค่ะอยู่ที่ จ.อุดร
     
  10. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229
    วันนี้ ขอนำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังยามว่างนะคะ

    ก่อนหน้านี้ 6 เดือน หนูได้รับคำสั่งให้ใช้พลังทิพย์ในการรักษาจิตใจ

    รักษาบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บ และ ช่วยแก้กรรมผู้คน
    โดนการกดจุด สัมผัส ร่างกาย ผู้ป่วย...เรียกว่า การกดจุดหยุดโรค
    ภาษาทางการแพทย์ คือ therapeutic reflexology massage

    หนู ไม่เคยเรียน ไม่เคยรู้จัก หลักการเหล่านี้มาก่อน แต่ท่านได้มาสอนหนู
    ในญาณขณะนั่งสมาธิและในฝันโดยบอกวิธีการต่างๆมาหมดรวม ทั้งตัว
    สมุนไพลและยาที่ใช้ในการรักษา

    เมื่อได้เห็นหน้า กำหนดจิต และได้สัมผัสตัวผู้ป่วย หนูจะบอกเขาได้ทันที ว่า...
    ที่เกิดเหตุแบบนี้พราะกรรมใด และให้แก้โดยวิธีการใด ซึ่งแต่ละครั้งก็ต้อง
    แล้วแต่เนื้อนาบุญของหนูและผู้ป่วยด้วย

    หนูสับสนในตนเองว่า...หนูจะทำได้อย่างไรในเมื่อหนูเป็นสัตวแพทย์ !!
     
  11. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229
    ใครจะเชื่อและมาหาหนูเพื่อให้หนูรักษา และหนูจะทำได้อย่างไร ท่านบอกว่า...
    ให้เชื่ออย่าลังเลสงสัยและมั่นใจว่าทำได้ ถึงเวลานั้น เราจะช่วยเจ้าเอง
    และคนรักษาคือเราโดยผ่านร่างของเจ้า



    เมื่อกลับมามองทางโลกหนูกลัวจะมีปัญหาในการประกอบวิชาชีพ
    จึงหาวิธีไปเรียนอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้ใบประกาศเป็นที่น่าเชื่อถือ
    เพื่อให้ผู้คนมั่นใจมากขึ้น สวรรค์ก็มีตาจริงๆ มีน้องที่รู้จักกันชวนหนูไป


    เรียนครอสนวดหน้าชะลอวัยกับอาจารย์ไต้หวัน ใช้ระยะเวลาเรียน 3 เดือน
    หนูเลยไม่ลังเล รีบสมัครเรียนทันที ค่าใช้จ่ายในการเรียน 50,000 บาท
    (ต้องจ่ายสดทันที ไม่มีการผ่อนชำระ)


    ด้วยภาระหน้าที่สัตวแพทย์ก็เหนื่อยอยู่แล้วหนูต้องไปเรียนนวดหน้าด้วย

    แต่หนูก็ต้องไป ไม่ว่าจะเหนื่อยเพียงใดก็ตาม
     
  12. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229
    ท่านบอกว่า...หากหนูไม่ทำการรักษาด้วยพลังทิพย์นี้ หนูจะมีชีวิตที่ประสบ
    ปัญหาทั้งทางโลกและทางธรรม และอาจจะมีอาการจิตวิปลาศได้
    ระยะเวลา การเรียน 3 เดือน นานเกินไป สำหรับการใช้พลังทิพย์ในการ
    รักษาผู้ป่วย ท่านให้หนูรักษาทันทีไม่ต้องรอเรียนจบ


    หนูงงมาก...หนูจะทำได้จริงหรือ?


    ทาง บ้าน คุณพ่อคุณแม่และพี่สาว เมื่อได้ฟังเรื่องราวของหนูก็ตกใจ
    แต่ท่านก็ไม่คัดค้าน ท่านเกรงว่าหากฝืนจะสูญเสียหนูไป เลยช่วยสนับสนุน
    และเป็นกำลังใจให้หนูมาตลอด


    หนูเริ่มใช้พลังทิพย์ รักษาผู้คน โดยใช้กุศโลบายนวดกดจุดหยุดโรค

    และผู้ป่วยก็หายจริงๆ บางคนไม่หายแต่อาการดีขึ้น และมรสุมชีวิตต่างๆ
    คลี่คลายลง และชีวิตเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ของบ้านเราก็จะมีฤาษี 108 เป็นที่รู้จักกันใช่มั้ยคะ หรือที่เรียกกันว่า "พ่อแก่"
    เท่าที่จำได้หลักๆ ก็มี ฤาษีนารอด ฤาษีนารายณ์ ฤาษีตาไฟ ฤาษีตาวัว ฤาษีหน้าเสือ ฤาษีโคดม ฤาษีหน้าลิง ฤาษีหน้าเนื้อ ฤาษีพรหมบุตร ฤาษีชีวกฯ ใครรู้จักก็ช่วยเพิ่มเติมด้วยนะคะ เราจำไม่ได้แล้ว ไปดูที่วัดโพธิ์นะ มีครบ 108 ตน

    แต่ที่สนิทกับพระแม่ก็คือ ฤาษีนารอด ซี้ปึ๊กคร้า..าาาา
     
  14. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229
    หลายคนอยากไปเรียนกับอาจารย์ไต้หวันบ้าง แต่หนูก็ต้องบอกเขาตามตรงว่า
    ไปเรียนแล้วจริงๆจะได้ความรู้อะไรบ้าง และที่หนูนวดกดจุดกับเขาจริงๆ
    แล้ว อาจารย์ไต้หวันไม่ได้สอน และที่สำคัญ

    หนูเพิ่งได้ไปเรียนวันแรก ยังเรียนไม่จบครอสด้วยซ้ำ หนูรู้อยู่ในจิตคนที่สอน
    หนูและมารักษาผู้ป่วยจริงๆคือ ท่านพ่อ ไม่ใช่ตัว
    ของหนู...แต่ไม่สามารถบอกใครได้ !!

    หลังจากรักษาผู้ป่วยทุกครั้งหนูต้องไปอาบน้ำสวดมนต์ ภาวนา แผ่เมตตา
    และกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวรหนูกลัวกรรมเข้าตัวมาก ท่านบอกว่า อย่าห่าง
    การปฏิบัติธรรม และทุกวันนี้

    ก็ยังใช้พลังทิพย์รักษาผู้คนอยู่ค่ะ พี่รั้ง

    วันนี้ หนูนึกอยากเล่าเรื่องนี้ .... เผื่อใครจะช่วยชี้ทางและแนะนำอะไรเพิ่มเติม
    ให้กับหนูได้บ้าง ค่ะ [​IMG]
     
  15. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229
    ล่า สุดคุณพ่อหนูล้มเจ็บหน้าอกมาก หนูได้ไปรู้จักกับปู่โต ท่านบอกว่าหนูรักษา
    คุณพ่อได้ ให้ทำ 3 ครั้งจึงหาย หนูกลับบ้านจุดธูปเชิญท่านพ่อมาช่วยรักษา
    คุณพ่อในชาติภพปัจจุบัน กลางดึกท่านมาลงร่างและรักษาคุณพ่อ ด้วยพิธีกรรม


    การสวดมนต์ทิพย์ต่างๆ อาการพ่อหนูดีขึ้นมากๆ แต่ก็ยังไม่หาย หนูจะรักษาท่าน
    อีก ท่านไม่ให้ทำเพราะเป้นห่วงหนู ตอนท่านพ่อภุชงค์ผ่านร่างหนูดูน่ากลัวมากก
    ก็ได้พี่รั้งที่มอบลูกแก้ว 2 ลูกให้หนู ตอนนี้ พ่อหนูหายเป็นปกติแล้วค่ะ หลังจาก
    ได้รับลูกแก้วจากพี่รั้ง 2 วัน


    ต้องขอบคุณพี่รั้งมากๆนะคะ [​IMG]
     
  16. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229
    บทความข้างบนนี้ เป็นเรื่องราวของ คุณหมอก้อย (กุสุมา) ที่ใช้ความ

    พยายามทำตามกติกา ของท่านประธานคือ เล่าเรื่องราวที่ประสบมา

    ให้เพื่อนๆฟัง แต่ด้วยอะไรไม่ทราบสาเหตุ เธอไม่สามารถเข้ามาโพสข้อความ

    ต่างๆได้เลย เธอจึงใช้วิธีส่งเป็น PM มาทางเฟส และทาง Line เพื่อให้รั้งได้

    ถ่ายทอดออกมาให้เพื่อนๆได้รับรู้ค่ะ...

    ส่วนเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ต้องรบกวนถามท่านประธานแล้วค่ะ "เพราะอะไร"
     
  17. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,431
    วันนี้ หนูนึกอยากเล่าเรื่องนี้ .... เผื่อใครจะช่วยชี้ทางและแนะนำอะไรเพิ่มเติม
    ให้กับหนูได้บ้าง ค่ะ [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
    ตอบว่า การทำอะไร ที่ทำแล้ว สุขใจ ก็ควรทำต่อไปครับ เพราะภพภูมินี้ มนุษย์สามารถเลือกทางเดินของตนเองได้ครับ แต่ในสังคมของมนุษย์นั้น เรื่องของความเชื่อ ความศรัทธานั้นแตกต่างกัน ก็แค่เราต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมนั้นให้ได้ หมายความว่า เราไม่พยายามให้ใครเชื่อตามเรา และเราไม่พยายามเชื่อตามคนอื่นครับ ชีวิตของเราก็จะมีความสุขในรูปแบบของเราครับ การทำลายขันนั้น น่าจะถูกกดดันในสภาพของสังคมที่จะต้องพิจารณาหรือต้องเจออยู่เท่านั้นเองครับ แค่เราปล่อยวางบ้างก็พอครับ
     
  18. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    สวัสดีทุกท่าน ทุกนามค่ะ...

    เข้ามารับฟังนิทานต่อไปจ้า ไม่มีอะไรมาเล่าเลย นานๆจะจำความฝันได้สักที:cool:
     
  19. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,431
    ถ้าให้คุรุวาโร ดูให้ก็ต้องมีผลกระทบต่อสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันครับ เพราะเราไม่ทราบว่า ใน ใจ จริงๆ ของกุสุมา อยากเป็นเช่นนี้หรือไม่ครับ เพราะเขาอาจจะไม่สามารถเข้าควบคุมมโนวิญญานของ กุสุมา ได้อีกต่อไปครับ เพราะถ้าคุรุวาโร ทำเช่นนั้น อาจจะไม่ผลดีต่อความเชื่อ ความศรัทธาก้ได้ครับ
     
  20. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229

    ณ. ปัจจุบัน ที่เธอรับทำหน้าที่ทางโลกทิพย์นี้หากเธอไม่ทำ

    ก็เหมือนต้องเข้าวิบาก ถึงขนาดจิตวิปลาศ เลยค่ะทางบ้าน

    และครอบครัวจึงยินยอมให้ น้องก้อยมาทำหน้าที่นี้ทั้งทางโลก

    และทางธรรมค่ะ..ส่วนความเชื่อและศรัทธานั้นน้องเค้า ฝึกปฏิบัติ

    มาตลอดค่ะ..และยึดหลักธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าจากที่รั้งได้พบ

    พูดคุยด้วย น้องเค้ามีความอ่อนน้อมถ่อมตนดีค่ะ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...