จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พุทธพจน์
    สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี

    พุทธพจน์พระพุทธเจ้าทุกพระองค์
    จงทำดีละเว้นจากบาปทั้งปวง
    การทำกุศลให้ถึงพร้อม
    รักษาจิตใจให้ผ่องแผ้ว

    สมเด็จองค์ปฐม
    สูทั้งหลาย จงมองดูโลกใบนี้ อันตระการ
    ที่คนเขลาหมกอยู่ แต่ท่านผู้รู้หาข้องอยู่ไม่​
     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    การฝึกนิโรธสัญญาและ เจริญพระธารณะปริตร​

    ความศักดิ์สิทธิ์เมื่อมีการสวดพระธารณปริตร อันเป็นบทสรรเสริญพระพุทธคุณอย่างย่อสั้น แต่สมบูรณ์ ทุกชีวิตวิญญาณ ของผู้สวดและผู้ฟัง แม้ทวยเทพต่างก็ชื่นชมเบิกบานมาก ที่ได้ยินพระคาถาอันทรงคุณเป็นเลิศนี้

    หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ กล่าวว่าผู้ที่อาราธนามนต์พระปริตรบทนี้ทุกๆวัน อย่างน้อยวันละ ๑ ครั้ง พร้อมกับเร่งบริจาคทาน รักษาศีลและเจริญภาวนา จะสามารถรอดพ้นจากวิกฤติ มหาอุบัติภัยหรือภัยพิบัติโลก ที่จะบังเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ได้ อย่างน่าอัศจรรย์
    และแม้ในที่สุด จะยังสามารถบรรเทาภัยพิบัติของโลกได้ ไม่มากก็น้อย โดยหลังจากเจริญ พระปริตบทนี้แล้ว
    ให้ตั้งจิตน้อมแผ่เมตตา แผ่คุณความดีบุญกุศลของเรา ที่ได้ทำมาตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรของตนเอง
    และทุกชีวิตทั่วไตรโลกธาตุ อนันตจักรวาล ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันชาติ และควรทำจิตให้นิ่งว่างเปล่าชั่วขณะ
    แล้วภาวนาว่า...

    "พุทธัง อนันตัง ธัมมัง จักรวาลัง สังฆัง นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ"
    พระคาถาป้องกันมหันตภัย.
    {หัวใจพระธารณปริตร} ทิฏฐิลา ฑันทิลา
    ใครคิดร้ายขอให้พ่ายแพ้ไปหอก ดาบ ปืน ไฟ อย่าแผ้วพาน
    มันติลา โรคิลา เวทมนต์ ศักด์สิทธิ์เรืองฤทธิ์กล้า โรคา เบาคลาย หายผ่าน
    ขะระลา ทุพพิลา รอดพ้นโรคร้ายในจักรวาล เครื่องพันธนาการหลุดทันที
    เอเิตนะ สัจจะวัชเชนะ ด้วยอำนาจแห่งสัจจะวาจานี้
    โสตถิเม ( เต) โหตุ สัพพะทาขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ข้าพเจ้า (ปวงท่าน) ทุกท่านทุกเมื่อเทอญ
    (พึงให้ทาน รักษาศิลห้าและเจริญภาวนา เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถานี้ )


    พระธารณะปริตร
     
  3. เมธญา

    เมธญา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +1,584
    =================================

    ส่งไปใหม่แล้วค่ะ จาก methaya9@gmail.com

    ขอบคุณค่ะ
     
  4. preechaniy

    preechaniy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +2,356
    สาธุอนุโมทนากับจิตบุญทุกๆท่าน คุณครูจิตบุญทุกๆท่าน มหาโมทนาครับสาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,086
    ค่าพลัง:
    +10,246
    ขอกราบอนุโมทนากับจิตบุญทุกท่าน และคุณครูจิตบุญทุกท่าน
    กรรมใดที่ผมเคยล่วงเกินพระรัตนตรัย และทุกท่าน ในทางใด ๆ ก็ตาม
    ผมกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
     
  6. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    โมทนาสาะกับจิตบุญ 44 และครอบครัวด้วยครับ.... สาธุ
     
  7. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ขอแผ่บุญกุศลของข้าพเจ้าให้แม่คุณสุชาดา และเจ้ากรรมนายเวรของท่านด้วยครับ ... สาธุ
     
  8. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    แอบเข้าให้กำลังใจชาวจิตเกาะพระทุกท่าน
    ขอให้เจริญก้าวหน้าในการเดินมรรค

    วันนี้ขอมุดไปปฏิบัติภาระกิจ ลับ ลวง พราง ก่อนนะครับ
    มีอะไรเด็ดๆ จะมาบอกเล่าให้ฟังนะครับ

    ... ผู้ฝึกทุกคน อย่าไปสนใจคนอื่นมาก สนใจแต่จิตตนเองนะ

    ส่งออกนอกมาก เดินไกลนะครับ
    อยู่ข้างใน เดินไวนิดเดียว ... สาธุ

    วิทย์ จบ.11
     
  9. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    วิโมกข์ 8

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒
    ทีฆนิกาย มหาวรรค

                 [๖๖] ดูกรอานนท์ วิโมกข์ ๘ ประการเหล่านี้ ๘ ประการเป็นไฉน คือ
                 ๑. ผู้ได้รูปฌานย่อมเห็นรูป นี้เป็นวิโมกข์ข้อที่ ๑
                 ๒. ผู้ไม่มีความสำคัญในรูปในภายใน ย่อมเห็นรูปในภายนอก นี้เป็น
    วิโมกข์ข้อที่ ๒
                 ๓. ผู้ที่น้อมใจเชื่อว่า กสิณเป็นของงาม นี้เป็นวิโมกข์ข้อที่ ๓
                 ๔. ผู้บรรลุอากาสานัญจายตนะด้วยมนสิการว่า อากาศหาที่สุดมิได้
    เพราะล่วงรูปสัญญา เพราะดับปฏิฆสัญญา เพราะไม่ใส่ใจถึงนานัตตสัญญา โดย
    ประการทั้งปวง นี้เป็นวิโมกข์ข้อที่ ๔
                 ๕. ผู้ที่บรรลุวิญญาณัญจายตนะ ด้วยมนสิการว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้
    เพราะล่วงชั้นอากาสานัญจายตนะ โดยประการทั้งปวง นี้เป็นวิโมกข์ที่ ๕
                 ๖. ผู้ที่บรรลุอากิญจัญญายตนะ ด้วยมนสิการว่า ไม่มีอะไร เพราะล่วง
    วิญญาณัญจายตนะ โดยประการทั้งปวง นี้เป็นวิโมกข์ข้อที่ ๖
                 ๗. ผู้ที่บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนะ เพราะล่วงอากิญจัญญายตนะ
    โดยประการทั้งปวง นี้เป็นวิโมกข์ข้อที่ ๗
                 ๘. ผู้ที่บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธ เพราะล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนะ
    โดยประการทั้งปวง นี้เป็นวิโมกข์ข้อที่ ๘
                 ดูกรอานนท์ เหล่านี้แล วิโมกข์ ๘ ประการ ภิกษุเข้าวิโมกข์ ๘ ประการ
    เหล่านี้ เป็นอนุโลมบ้าง เป็นปฏิโลมบ้าง เข้าทั้งอนุโลมและปฏิโลมบ้าง เข้าบ้าง
    ออกบ้าง ตามคราวที่ต้องการ ตามสิ่งที่ปรารถนา และตามกำหนดที่ต้องประสงค์
    จึงบรรลุเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะสิ้นไป เพราะ
    ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบัน อานนท์ ภิกษุนี้ เราเรียกว่า
    อุภโตภาควิมุตติ อุภโตภาควิมุตติอื่นจากอุภโตภาควิมุตตินี้ที่จะยิ่งหรือประณีตไป
    กว่าไม่มี พระผู้มีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ท่านพระอานนท์ยินดี ชื่นชม
    พระภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้วแล ฯ

    จบมหานิทานสูตร ที่ ๒
    -----------------------------------------------------

    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,308
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
  11. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    ได้คุยกันแล้วค่ะ รู้สึกดีด้วยกันทั้งคู่ ขอบคุณพี่เพ็ญที่ให้โอกาส
    คุยกันอยู่พอสมควร
    แล้วอวยพรเธอให้สมหวังดังตั้งใจไว้ บุญ กุศลอะไรที่หนูทำไว้ดีแล้ว ขอให้เธอได้รับเท่าตัวหนูเอง ตอนพูดยังแปลกใจตัวเองที่น้ำตาเกือบไหล เธอก็ดีใจ
    ถ้าพี่เพ็ญเห็นสมควร จะให้เบอร์กับท่านอื่นที่พร้อมจะยก หนูก็ยินดีค่ะ
    กว่าจะถึงจุดนี้ ท่านปฏิบัติมาดีมากๆแล้ว ครูทุกท่านก็สอนมาเป็นอย่างดี เป็นครูบาอาจารย์ผู้ประเสริฐ
    แต่ถ้าได้แชร์กับคนที่เพิ่งยกไปก็จะเห็นว่าสี่งที่ติดเล็กๆน้อยๆ คนอื่นก็เป็น เขาก็ยกมาได้ ก็เป็นกำลังใจให้เดินต่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2012
  12. ่jarunee

    ่jarunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,917

    อภิโมทนาสาธุการ กับครอบครัวจิตบุญทุกท่านคะ
    ได้อ่านแล้วปลาบปลื้มปิติมากเลยคะ ขอบคุณสำหรับธรรมทานนี้คะ
    เป็นตัวอย่างการสร้างบารมีในครอบครัวที่สุดยอดจริงๆ

    ตอนยกจิตก็ให้คุณแม่ทำบุญเป็นคนแรกเช่นกัน
    เพราะได้คำแนะนำจากครูลูกหว้า(ขอบคุณคะ)
    ว่าถ้าใครได้ทำบุญคนแรกกับจิตบุญจะได้บุญกุศลอย่างยิ่ง

    ตอนนี้ก็ให้แม่ทำจิตเกาะพระอยู่คะเพราะท่านก็ปรารถนานิพพานเป็นที่สุดเช่นกัน
    ทุกวันนี้ก็อธิฐานจิตส่งบุญให้ท่านบ่อยๆ ขอให้ท่านยกจิตขึ้นนิพพานไวๆในชาตินี้
    ปัจจุบันท่านอายุมากแล้วคะ (76 ปี)และอ่านหนังสือไม่ออกเลยต้องค่อยเป็นค่อยไปคะ
    ให้ท่านดูรูปพระ และนึกถึงพระบ่อยๆ ให้ฟังซีดีธรรมะเรื่อยๆ บางครั้งก็อ่านธรรมะบนกระทู้ให้ท่านฟัง
    ท่านก็ ทำไปๆ เรื่อยๆ แบบสบายๆคะ เราก็ไม่กดดันอะไรให้ท่านทำไปๆ ตามกำลัง
    คิดว่าซักวันถ้าบุญบารมีท่านถึงพร้อมและหมดวาระกรรมเมื่อไหร่ก็คงถึงจุดหมายคะ


    :z8 ;aa2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2012
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    "จิตเกาะพระ"
    ทำไม?ต้องมีครู
    (คุณถาม ผมตอบ)
    ครูสอนจิตเกาะพระนั้น ก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ของเรา(จิต)
    เพราะจิตที่ยังไม่ได้รับการฝึกฝนนั้น
    จะมีลักษณะคล้ายเด็กเล็ก หรือลิง
    แต่ถ้าคงปล่อยให้พวกเราทำ/ฝึกทำจิตเกาะพระกันเอง
    ยากที่จะสำเร็จได้ ทำไมถึงได้กล่าวเช่นนั้น
    เพราะผู้เขียนมั่นใจเลยว่า แทบจะไม่มีทาง คำว่า สำเร็จเองได้อย่างแน่นอน
    แต่ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู ลองปฎิบัติ หรือบางท่านที่กำลังแอบฝึกเองในกระทู้
    อย่างเก่งก็แค่ ทำให้จิตนิ่ง จิตเป็นสมาธิ หรือจิตทรงฌานได้เท่านั้นเอง
    แต่ยังไม่จบแค่นั้น เพราะหลังการเจริญปัญญา หรือที่จิตกำลังเข้าสู่วิปัสสนา
    ท่านจะงงมาก การฝึกจิตเราปล่อยให้งงนานไม่ได้ เราจะต้องรีบหาคำตอบ
    แต่ถ้าไม่หาคำตอบ อีกไม่นานนัก จิตก็จะเปลี่ยนไปรับรู้อย่างอื่นใหม่มาแทน
    และสิ่งที่ผ่านไปนั้น ก็คือ ความลังเล ความสงสัย(อาการหรืออารมณ์)ของจิต

    เรื่องจิตเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ก็เปรียบเสมือนเด็กอ่อน
    ที่จะต้องมีผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิด
    เพราะแต่ละขั้นของการเดินจิตนั้น ส่วนใหญ่มักมีปัญหากันตลอด
    เพราะความสงสัยของผู้ปฎิบัตินั่นเอง แต่ไม่ได้แปลก เป็นธรรมดา
    จิตไม่รู้ ก็ย่อมมีความสงสัยเป็นธรรมดา เป็นชาติแห่งจิต
    แต่สงสัยกันได้ ครูมิได้ห้าม แต่ขอให้ลงมือปฎิบัติตามที่แนะนำในเบื้องต้นก่อน
    แต่ถ้าติดขั้นตอนไหน หรือสงสัยสิ่งใด ก็ค่อยส่งการบ้านมาถาม(e'mail)
    นี่ไง จึงมีเรื่อง มีเหตุผลจะต้องมาตอบโจทย์ให้กับผู้ปฎิบัติทั่วไปได้รับรู้กันทั่วไป
    ขนาดมีครูฝึกก็แล้ว พอมีปัญหามาก
    ไหนจะปัญหาจากภายในจิต คือ มีความทุกข์ใจซึ่งเป็นปกติทุกวันกันอยู่แล้ว
    ไหนจะปัญหาจากภายนอกจิต คือ มีปัญหาจากการงาน การเงิน ความรัก
    เป็นต้น
    ในขณะพวกเราปฎิบัติกัน จะมาสร้างบุญใหญ่ทั้งที ก็มีความอยาก ความหวังต่างๆนานา
    เพราะพวกเราเคยชินกับ คำว่า ทำแล้วจะต้องได้ แต่ถ้าหากทำแล้วไม่ได้
    พวกเราก็จะล้มเลิกทำทันที เพราะว่า ทำแล้วไม่ได้ผล
    *ทีจีบกันใหม่ (เป็นการสร้างกรรมร่วมกัน) ก็ยังใช้เวลาทุ่มเทกันเข้าไปทั้งชีวิต
    แต่พวกเราก็ยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า การมีคู่นั้น มันเป็นการสร้างกรรม
    มีทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดีอยู่ในนั้นเบ็ดเสร็จ
    แต่ที่เห็นกันส่วนใหญ่ มักเป็นเนื้อคู่กันจริงๆนั้น มีน้อยมาก แต่ที่เห็นจะมีแต่คู่เจ้ากรรมนายเวรซะมากกว่า
    แล้วทีนี้มาเถียงสิว่า ขนาดกรรมทั้งดีและไม่ดี
    พวกเราก็พยายามสร้างกันขึ้นมาโดยที่ไม่เคยจะคิดว่าเป็นการเสียเวลาเลย
    ทีจะให้มาทำแต่กรรมดีฝ่ายเดียวเองนะ บุญกรรมฐาน(จิตเกาะพระ)เป็นสิ่งที่ดีล้วนๆ
    หรือเป็นการสร้างบุญ กุศลล้วนๆ ทำไมพวกเราถึงไม่เอากัน ไม่ตั้งใจปฎิบัติกัน
    ครูก็พยายามย้ำหนักย้ำหนาว่า ขอให้ตั้งใจปฎิบัติกันนะ เพราะไม่ได้เพื่อใครเลย
    ก็เพื่อตัวของผู้ปฎิบัติโดยแท้ บุญทำแทนกันไม่ได้ บรรลุธรรมแทนกันก็ไม่ได้
    หรือจิตยกแทนกันก็ไม่ได้ เหมือนใครกินใครอิ่ม แบบนั้นเลย

    จำไว้นะ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ
    จิตเกาะพระนี้ ก็ถือว่า พวกเรากำลังทำบุญใหญ่ ก็คือ
    บุญจากการเจริญกรรมฐาน แต่ของเราเป็นกรรมฐานแบบ พุทธานุสสติ+กสิณ
    สองกรรมฐานนี้จึงเป็นจุดเด่น ก็คือ จิตจะรวม จิตจะเป็นสมาธิได้ไว+ต่อเนื่อง
    แต่จะรวมได้ไวแค่ไหน และต่อเนื่องแค่ไหน ก็จะต้องอยู่ที่ผู้ปฎิบัติเท่านั้น
    เพราะครูเป็นได้มากก็อย่างแค่ พี่เลี้ยง คือทำหน้าที่คล้ายๆสติที่ติดตามดูแลจิต

    ผู้เขียนจะบอกให้นะ สำหรับผู้ที่ยกจิตแล้วนั้น ท่านสามารถบก หรือสอนได้เกือบจะ100%
    เพราะอะไร ก็เพราะว่า แต่ละท่านเดินด้วยขาตนเอง ปฎิบัติด้วยตนเอง
    ที่เดินกันี่ก็หมายถึง จิตของผู้ปฎิบัติเอง แต่ถ้าจิตยังสงสัยอยู่
    แต่ถ้าเราไม่พยายามหาคำตอบให้ไวนะ จิตก็จะก้าวข้ามไปทันที
    เพราะฉะนั้น มาถึงกันตรงนี้ ผู้เขียนก็สงสารครูขึ้นมาทันที
    ผู้ปฎิบัติทุกท่าน จงอย่าลืมนะว่า ครูที่กำลังสอนจิตเกาะพระกันอยู่นี้
    ส่วนใหญ่จะมีงานประจำ หรือถ้าไม่มีงานประจำ เช่นเป็นแม่บ้าน ก็หนักเหมือนกัน
    แค่เอาจิตตนเองให้รอดมาได้ก็จะตายให้ได้อยู่แล้ว
    บางคนรู้สึกว่า เราได้หลุดวงโคจรกิเลสทั้งปวงก็ว่าได้
    เพราะมนูาญ์ส่วนใหญ่ที่เกิดกันมานี้ล้วนก็เก่งกันทุกคน
    อะไรยากก็ทำกันมานักต่อนักแล้ว จนจะเข้าโลงแล้ว
    ก็มีอยู่สิ่งเดียวที่มนุษย์ส่วนใหญ่สอบไม่ผ่านกัน ปฎิบัติได้ยากนัก
    นั่นก็คือ การปฎิบัติดี การปฎิบัติชอบ การปฎิบัติธรรม หรือการปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์
    หรือการทำดวงตาให้เห็นธรรม หรือเปลี่ยนดวงจิตใหม่นี้มันแสนยากเข็นเอาการ
    สรุปแล้วทำอารมณ์ให้เป็นกลางดั่งพระอรหันต์นั้นแสนยากนัก
    ธรรมะแค่ฟังก็สามารถรู้ด้วยกันทุกคน แต่ถ้าถามว่าปฎิบัติตามได้ไหม๊
    ส่วนใหญ่ตอบว่าไม่ได้ นี่ไง ที่มาของการเจริญสติภาวนา
    ทำไม? พระพุทธเจ้าท่านจึงคิดค้นวิธีการเจริญสติภาวนาให้กับพวกเรามา
    ก็เพราะว่า จิตของพวกเราไม่นิ่ง
    นี่คือเหตุผลหลัก เพราะฉะนั้นพวกเราจำเป็นจึงต้องเจริญสติก่อนภาวนา
    (การเจริญสติ+ภาวนา) เพราะถ้าจิตไม่นิ่ง ผู้ปฎิบัติก็จะทำภาวนากันต่อไปไม่ได้
    การปฎิบัติธรรมนั้น ไม่ยาก แต่จะยากตรงที่ว่า จะทำอย่างไรให้จิตนิ่ง
    ตรงนี้ยากมากๆ

    สรุปแล้ว...
    จิตเกาะพระจำเป็นจะต้องมีครูผู้สอน+ดูแล(จิต)อย่างใกล้ชิดด้วย
    เพราะว่า จิตเหมือนเด็ก เหมือนลิง เหมือนปู สาระพัดจะเป็น
    เพราะอันเป็นบุคคลิกธรรมชาติของจิต ที่มีนิสัยชอบไม่อยู่นิ่งเฉย
    แต่ถ้าจิตไม่ฝึก จิตก็จะไม่นิ่ง จิตก็จะทุกข์ แต่ถ้าเราฝึกจิตให้นิ่ง จิตก็จะสุข
    เพราะด้วยเหตลผลนี้ ที่จะต้องเจริญสติภาวนากันก็เพราะว่า เป็นวิธีเดียว
    จะทำให้จิตมีความสุข พ้นทุกข์ได้ จำเป็นจะต้องนำอุบายพวกนี้มาทำให้จิตนิ่งเสียก่อน
    แต่ถ้าจิตนิ่งแล้ว ต่อไปก็จะยากที่จะตามหาดวงจิตเดิมแท้ของตน
    ต่อไปก็จะรู้ธรรม หรือมีดวงตาเห็นธรรมก็ไม่ยาก
    ต่อไปใครอยากจะไปพระนิพพานก็ไม่ยาก เพราะมีพื้นดีแล้ว(ศีล+ภาวนา)
    อย่าลืมนะ พระธรรมหรือคำสั่งสอนของพระพุทธองค์านั้น
    พระองค์ท่านตรัสรู้ธรรมในขณะที่ จิตท่านทรงฌาน ไม่ใช่จิตแกว่งหาแต่เรื่อง หเมือนจิตปุถุชน พอจะเข้าใจกันนะ
    เพราะฉะนั้น ทั้งครู ทั้งลูกศิษย์ จะต้องขยันทั้งคู่ จะขยันฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งไม่ได้
    คือจะต้องสมดุลย์กัน มิฉะนั้นยาก

    มีหลายท่านสงสัยว่า ทำไม? จิต(บางคน)ยกกันง่ายจัง
    อย่าเพิ่งมาถามให้ท่านลองลงมือปฎิบัติกันดูบ้างจะได้รู้ว่ายากหรือง่าย
    ตอบแทนกันไม่ได้ เพราะว่า ไม่ใช่แฟนกัน ฮ่าๆ
    ลองถามคุณwatjojoj ดูกันนะว่า ยากหรือง่าย...อิอิ
    (โดนพลาดพิงทุกที เพราะคุณเป็นนายแบบจิตเกาะพระ)
    ว่าแต่ว่า น้องทิวลิปของพ่อภูไปไหน อีกไม่นานเดี๋ยวเธอก็ต้องกลับมา

    ยิ่งพูดก็ยิ่งยาว ไม่รู้จะแก้อย่างไร แต่อยากจะพูดเทศน์
    เอ๊ยพูดให้กับพวกเราเยอะๆนะ
     
  14. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    สวัสดีค่ะ ชาวจิตบุญทุกท่าน (หลังจากหายไปนานมากๆ จนตามอ่านกระทู้ไม่ทัน ฮ่าๆ)

    พอดีได้อ่านเรื่องการขอโทษพ่อแม่ที่หน้า207มาค่ะ
    ตัวทิวเองนั้นก็เคยมีปัญหาเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ ตอนนี้ทิวได้ขอขมาคุณพ่อไปแล้ว
    ส่วนกรณีของคุณแม่นั้น ไม่ได้ขอขมาท่านซะทีเดียว แต่ได้คุยโทรศัพท์กับท่าน
    ในวันแม่ที่ผ่านมาซึ่งวันถัดมาก็เป็นวันเกิดของท่านด้วย
    ทิวได้พูดว่า "หนูรักแม่นะ แล้วหนูขอยกส่วนบุญส่วนกุศลทั้งหมดทั้งอดีตชาติจนถึงปัจจุบันให้แม่ทั้งหมด ขอให้แม่อยู่อย่างสบายใจ หมดทุกข์หมดโศกนะคะ"
    ได้ยินเสียงท่านซะอื้นนิดนึงค่ะ รู้สึกโล่งใจและดีใจมากๆ ที่ได้พูดให้ท่านฟัง ถึงแม้จะทำบ่อยๆแล้วก็ตาม

    ตอนนี้พ่อแม่ของทิวหย่าขาดกันแล้วค่ะ(ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา) แต่ยังอยู่กันแบบเดิมก่อนหย่า
    คือต่างคนต่างอยู่ บ้านหลังเดียวกัน แต่ไม่ยุ่งกันค่ะ

    ตอนที่ท่านทะเลาะกันหนักๆก่อนหย่า ทิวนี่แหละค่ะ
    ที่กลายเป็นที่พึงทางใจของทั้งคุณพ่อคุณแม่ รู้สึกดีนะคะ ที่ท่านไว้ใจเราที่จะระบายความทุกข์ในใจให้เราฟัง
    และเข้าใจเรื่องที่เค้าจะต้องหย่ากันนะคะ เพราะเค้าเข้ากันไม่ได้จริงๆ

    ตอนนี้ถึงแม้ฐานะทางกฏหมายทิวจะไม่ได้เป็นลูกของแม่แล้ว
    แต่ทิวก็ยังคงเป็นลูกของแม่อยู่ดีค่ะ และยังรักแม่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนค่ะ
    (คุณแม่ก็เคยประชดมาทำนองนี้แล้วทิวก็พูดออกไปแบบนี้นะคะ)

    ยังไงก็ขอบคุณท่านพ่อและพี่ๆชาวจิตบุญทุกคนนะคะ ที่คอยแนะนำทิวเรื่องการทำจิตเกาะพระ
    จนทิวโตขึ้น(ทางความคิด)ได้ ถึงแม้ทิวจะจิตยังไม่ยกก็ตาม

    ตอนนี้ทิวห่างจิตเกาะพระไปนานพอสมควร เนื่องจากปรับตัวประยุกต์เค้ากับงานที่เรียนไม่ได้จริงๆค่ะ
    งานที่ทิวทำมันต้องใช้ความคิดวิเคราะห์มากๆ จนตอนนี้คิดเรื่องงานกับคิดถึงพระไปพร้อมๆกันไม่ได้ค่ะ
    มีคิดถึงท่านบ้างเป็นบางครั้งเท่าที่นึกออก บางครั้งก็รู้สึกไม่ดีนะคะที่ไม่ได้ทำจิตเกาะพระให้ต่อเนื่อง
    แต่ก็คิดไปอีกที่ คว่าถ้าคิดแบบนี้ มันแย่กว่าไม่ได้ทำอีกนะ มันจะไม่ใช่จิตเกาะพระ
    ช่วงเวลาที่หายไป ทิวก็แวะมาที่กระทู้นี้บ้างค่ะ แต่น้อยมากๆ จะไปเช็คเมลล์มากกว่า
    แต่พอได้อ่านธรรมะแล้ว น้ำตาพานจะไหลทุกทีเลยค่ะ รู้สึกคิดถึงมากๆบอกไม่ถูก
    อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นอาการติดสุขรึเปล่า แต่ทิวก็จะพยายามระลึกตลอดค่ะ ว่าอย่าติดสุขมันไม่ไดีเลย แย่มากๆ เพราะมันก็คิดความโลภตัวนึงดีๆนี่เองค่ะ

    ร่ายมาซะยาวเลย ฮ่าๆ ไว้ว่างๆจะแวะมาตอบกระทู้มั่งนะคะ ขอตัวไปทำงานต่อล่ะค่ะ
     
  15. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    พ่อภูรู้ได้ไง โอโห แม่นยิ่งกว่าหมอลักษณ์ฟันธงอีกฮ่าๆ :boo: มาแล้วแต่ก็อาจจะหายไปอีกนะคะ เพราะงานเริ่มหนักแล้วค่ะ วันนี้ก็ไม่ได้ไปหาครูวิทย์
    เพราะงานที่ต้องส่งนี่แหละค่ะ ฮ่าๆ

    ตอนนี้ขอเป็นนักเรียนผู้อดทนก่อนนะคะ งานเยอะมากๆจริงๆค่ะ
     
  16. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    ครูเพ็ญ เห็นเมล์ pporjai หรือยังคะ..
    อ่านเวปคุณครูใหญ่ภูได้ 8 หน้าแล้ว
    ความรู้เยอะมาก กลายเป็นมนุษย์เฝ้าหน้าจอไปแล้วค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 สิงหาคม 2012
  17. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    ขออนุญาตประกาศจิตบุญดวงที่ ๔๕ ณ วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๕

    ขอท่านทั้งหลายจงโมทนา

    กับจิตบุญดวงที่ ๔๕
    ของกลุ่มจิตบุญเทอญ


    สาธุ สาธุ สาธุ

    [​IMG]
     
  18. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    พี่เพ็ญไปทานข้าว(มื้อไหนไม่รู้เรื่องแล้ว)ก่อนนะ เดี๋ยวค่อยกลับมาเล่า กรณีของพี่เอ๊งเป็นอะไรที่...เฉียบ!!!
     
  19. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    รอลุ้นพี่เอ๊งอยู่ตั้งแต่เมื่อคืน พอเห็น post นี้ ขนลุกเลยค่ะ
    :cool:;ปรบมือ
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อมิตตาพุทธ..
    ในที่สุดเธอก็มาเอง เห็นมั๊ย!
    ธรรมะกำลังสอนคุณลูกทิวลิป เอ๊ย!
    อย่าไปคิดมากนะ พระพุทธองค์นั้นท่านมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา

    เมื่อคนเราพบกัน หรือเจอกัน ถูกใจกัน มีรักกัน พากันครองรัก ครองเรือนกัน
    และในที่สุดก็ไม่พ้นมีลูกมีเต้า เพื่อเป็นสัญญาลักษณ์ของกันและกัน
    แต่พออยู่มาไม่นาน เมื่อความรักที่เคยหวานชื่น หรือว่ารักปานจะ...ดม
    ก็ได้เปลี่ยนเป็นรักที่ขมขื่น พอรักจืดจางหายไป เหมือนควันบุหรี
    ไม่มีวี่แววที่จะหวนกลับมาคืนดีกันได้ดังเดิม

    เพราะฉะนั้น ลูกทิวลิปเ๋อ๋ย คุณพ่อคุณแม่ของเธอที่เลิกกันนั้น
    มิใช่เป็นคู่แรกในโลกซะหน่อย อย่าเพิ่งตกกะใจไปลูก ลุงภูเข้าใจหนูนะ
    ดีแล้วที่หนูเป็นกลาง คือมีค่า 7 ไม่เป็นกรด ไม่เป็นด่าง (ขอโทษๆคนกำลังเศร้า)
    เหตุที่หนูหายไปนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องเรียนหนักหรอก เรื่องทางโลกก็เยอะ
    เพราะหนูยังไม่ค่อยเข้าใจ คำว่า "แยกกาย แยกจิต"
    เพราะถ้าใครแยกไม่เป็น ก็จะยากต่อการปฎิบัติ
    ค่อยทำความเข้าใจไปทีละนิด
    *ถามครูวิทย์นะ คำนี้ ท่านกระจ่างดี)
    *เรื่องนี้จะต้องถึงหูอาจารย์หมออุษาวดีแน่ๆ ท่านพอจะแนะนำลูกทิวลิปบ้างไหม๊?

    ที่นี่ให้โอกาส ให้อภัยทุกคน มีแต่คำว่าให้ๆๆๆๆ ไม่มีประมาณ
    (ลองไปถามครูเพ็ญ ครูดัชชี่ ครูวิทย์ ครูลูกพลัง หรือครูลูกพลังกันดูดิ)
    ว่าจริงไหม๊?
    แต่ถ้าเธอเดินตามครูที่นี่สักหน่อยนะ...แต่ก็อย่างว่านะ บอกไปแล้ว
    มีเหตุปัจจัยเยอะ น่าจะตอบได้ดี ก็คือ วาระกรรม
    แต่ถ้าใครใกล้จะหมดนะ ไม่ต้องชวน ฉันเปล่านาเขามาเอง(พุ่มพวงร้อง)

    *อดนึกถึงหมีที่ยืนคอยหน้าผาน้ำตกไม่ได้ คือ มีหน้าที่รอเหยื่อ(ปลา)
    โดยอ้าปากรอปลาที่มันกำลังกระโดดจะขึ้นหน้าผาน้ำตกนั้น
    แค่หมียืนนิ่งๆเท่านั้น ห้ามเดินไปหาเหยื่อนะ แต่ถ้าหมีอยากจะกินปลาตัวสั่น
    หมีนั้นก็อาจจะตกหน้าผาน้ำตกตายก่อน ต่อไปก็จะกลายเป็นเหยื่อของปลาไปในที่สุด
    (ผูกเข้าหากันจนได้)

    สรุปธรรมะสั้นๆ ก็คือ...
    "พบกันเพื่อจาก"
    "ที่ไหนมีรัก ที่นั่นมีทุกข์"
    "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
    "คนเราเกิดมา เพราะมีกรรมนำมาเกิด"

    หรือกรรมลิขิต ฟ้าลิขิตก็ตามแต่จะพูดกันไป
    แต่จะหลุดพ้นบ่วงกรรมที่ว่ามานี้ได้ จะต้องเดินสายอริมรรค
    หรือที่พวกเรากำลังทำจิตเกาะพระกันอยู่ในขณะนี้

    สำหรับคนที่ไม่อยากจากกัน ก็จงอย่าพบกัน อันนี้ความจริงถ้าทำกันได้ก็จะดี
    แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
    เพราะชาติปางก่อนเคยมีความสัมพันธ์กัน สร้างกรรมดีหรือกรรมไม่ดีร่วมกันมา
    ยากนักที่เราจะเข้าใจ คำว่า กฎแห่งกฎแห่ง
    แต่ถ้าเราจะหนีคำว่ากฎแห่งกรรมอันนี้กันได้ ด้วยจะต้องพากันปฎิบัติจิตเกาะพระ
    (นั่น! ผูกเข้าหากันจนได้)
    คำว่าพบกัน รักกัน เพราะถึงอยากไรก็ต้องจากกันอย่างแน่นอน
    แต่จะจากกันแบบไหน จากเป็นหรือจากตายเท่านั้นเอง
    อันนี้เป็นของคู่กันอย่างแน่นอน "คู่รัก คู่รส"คอฟฟี่เมท
    และเป็นธรรมดาสำหรับผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ โดยเฉพาะท่านที่มีดวงตาเห็นธรรม
    จึงจะเข้าใจธรรมะอย่างถ่องแท้ ดีเยี่ยม ทะลุปรุโปร่ง แทงตลอด ไม่มีกั๊ก(โต๊ด)
    แต่ถ้าผู้ที่ไม่ปฎิบัติธรรม อันนี้คือผู้น่าสงสาร(ยิ่งนัก) เพราะออกจากทุกข์ไม่ได้

    * น้องทิวลิป หนูพยายามทำให้ได้นะ สู้ๆ
    ขอให้ทุกท่านในนี้เป็นกำลังใจให้น้องเขาด้วย
    ไหนจะเรื่องเรียน ไหนจะเรื่องปัญหาภายในครอบครัวที่เธอกำลังประสบอยู่
    พ่อภู ลุงภูถึงว่าหนูหายไปไหน พ่อภูรู้นะว่าหนูหายไปไม่นานนักหรอก
    เดี๋ยวก็กลับที่ตั้งเดิม ปล่อยให้เธอไปเล่นบทละครมายาก่อน
    เพราะตอนนี้ กระทู้เขากำลังเล่นบทบู้กัน แต่บทเศร้าทีหลัง
    เธอรอให้พายุทอร์นาโดสงบก่อน ตอนนี้กำลังพัดบ้านเธออยู่
    หรือรอฟ้าหลังฝนก่อนนะคุณลูกทิว...
    นี่เธอยังไม่ทันได้มีครอบครัวเลย ธรรมะก็จัดสรรให้เธอซะแล้ว
    แต่ไม่ได้หมายถึงว่า ผู้ชายหรือผู้หญิงไม่ดีนะ
    เพราะกฎแห่งกฎแห่งกรรมเขากำลังทำงานของเขาอยู่ทุกวี่ทุกวัน
    เพียงแต่ว่าผู้ปฎิบัติถึงธรรมแล้วเท่านั้นจึงจะมองเห็น+เข้าใจธรรมะดี
    เหตุเพราะจิตไม่นิ่งเป็นหลัก เพราะถ้าไม่รู้จักทำให้จิตตนเองนิ่ง
    ก็จะไม่มีทางจะเข้าถึงกระแวจิต กระแสธรรมกันได้
    เพราะถ้าคนเราไม่สนใจจิตตนเองนี่นะ ขอบอกคำเดียว่า
    คุณคือ "ผู้หลงทาง"
    พอหลงทาง ก็จะหลงทำผิดมากขึ้นเรื่อยๆ
    แต่ถ้าใครไม่กลับมาเดินสายตรงกันนะ แต่ถ้าปล่อยไว้นานก็มักมีแต่ทุกข์สะสมเท่านั้น
    ถ้าอย่างพวกเราจะต้องมาสะสมบุญบารมีกันนะ โดยเริ่มต้นของคำว่าภาวนา
    ก็คือสะสมสติก่อนเลย เดี๋ยวศีลก็จะตามมาทีหลัง เราค่อยได้ทำภาวนาได้รื่นไหล
     

แชร์หน้านี้

Loading...