มีแมลงออกจากตัวเรา ใครเคยเป็นเหมือนเราบ้างช่วยเราที

เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย 54 เราไปถวายกฐินที่วัดแห่งหนึ่งที่นครสวรรค์ เรารู้ตัวก่อน 1 วัน ว่ามีแมลงบินออกมาจากศีรีษะ เราทรมานมาก กลับมาถึงกรุงเทพก็ไปทำงานปกติ แต่พอหลายวันเข้า หน้าเราจากที่เคยเนียนๆ ก็เป็นรูๆ ผิวและตามลำตัวด้วย เราต้องเอาถุงขยะสีดำคลุมหัว 7 ชั้น เวลานอนเขาจะได้ไม่มากัด แต่ก็ไม่เป็นผล แมลงสามารถเจาะออกมาได้ ไปอาบน้ำมนต์ก็แล้ว หาหมอที่โรงพยาบาล ก็ไม่รับรักษาเขาบอกไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เราเลยต้องขาดงานแบบไม่มีใบแพทย์ เราเอาตัวแมลงไปให้ รุ่นน้องเขาเรียน คณะกีฏะ มหาลัยมหิดล อาจารย์หมอส่องกล้องแล้วถ่ายรูปขยายออกมา แล้วบอกว่ามันคือ เพลี้ยจั่กจั่น และไม่สามารถอาศัยอยู่ภายใต้ผิวหนังคนได้เลย เราก็เลยหมดกำลังใจ เขาบอกต้องเก็บตัวอย่างตอนที่มันยังไม่ตาย ตอนเราเก็บมันก็ยังไม่ตาย พอไปถึงเขามันก็ตายทุกที เราโดนไล่ออกจากงาน และหลังจากนั้นเราก็ไปหาสำนักที่เพื่อนแนะนำเอาน้ำมนต์มากิน และเขาก็ให้ยาหม้อมาต้มกินไล่ออกทางทวาร เราไปหาเขาเราเอาถุงคลุมหัวไป มันก็บินอยู่บริเวณคอ พอเราก้มกราบพ่อปู่ แล้วแกะถุงออกมันก็บินกลับเข้าไปในหัวเราเหมือนเดิมภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที หลังจากนั้น แฟนเราก็พาไปรักษาที่นครพนมหลวงพ่อเอาไม้เคาะ แล้วทำสังขทานข้าวสารข้าวเปลือก หลวงพ่อก็บอกว่าเหม็นตัวเรากลิ่นน้ำเหลืองเน่าๆก็ออกมา แล้วก็เสกเป่ายาหม่องให้เอากลับมาทาตัวและแผล แล้วให้น้ำมนต์กลับมา ก็ยังไม่ดีขึ้น เลยไปที่สระแก้ว หลวงพ่อก็ให้ปั้นดินน้ำมันเป็นรูปสัตว์ต่างๆ แล้วใช้แป้งดินสอพองผสมน้ำมนต์ทาหน้า ไข่แมลงที่ติดตามหน้าก็ล่วงลงมาเยอะมากแล้วก็อาบน้ำมนต์ แล้วก็กลับบ้านก็รู้สึกโล่งขึ้น กลับมาก็ไหว้พระสวดมนต์ หลังจากนั้น 1เดือน หน้าตาก็ดีขึ้น แมลงก็หายไปจากชีวิตเรา จากวันนั้น ก็ 2 เดือนแล้ว พอเข้าพรรษาเราก็มีแมลงออกมาอีก คราวนี้เขาแทะฟันเราจนขาว และเราเอาตะไคร้ถูและใบยาสูบก็ออกมาจากฟันเรา ปวดทรมานมาก ตามผิวหนังทุกรูขุมขนจะเป็น มด ที่เท้าจะเป็นตัวเลือด ที่หัวจะเป็นปลวก ลูกด้วงตัวเล็กๆ แมลงวัน แมลงหวี่แมลงเม่า เราทรมานมาก ใครก็ได้ช่วยให้คำปรึกษาเราที เราไปที่วิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่แม่กลองเขาก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ ขนาดทั้ง พ่อ แม่ และ แฟน เราก็เห็น เขาให้เราไปปรึกษา จิตเวชเราเลยรู้สึกเซร้ามาก เหมือนไม่มีทางออก เรามึนหัวทุกวัน ปวดหัว เหมือนเขากินเลือดเราทีละนิดๆ

ปล. เราไปหาหมอที่โรงพยาบาลมาแล้วนะ พยาบาลบอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แล้วให้เรากลับบ้านเลย อีกที่นึงบอกให้ไปจิตเวช ทั้งๆที่เราเอาตัวแมลงที่ออกมาจากตัวเราไปด้วยนะ เราทรมานมาก ใครพอช่วยได้ช่วยที

 

ทำบุญแผ่เมตตา ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร ซะ และโปรดเข้าใจว่ามันเป็น ผลกรรมก็เท่านั้น

 

.....รูปข้างล่าง เป็นคนละคนกัน...ผมดูจากดั้งจมูก--ริมฝีปาก นะครับ...ถ้าเป็นเรื่องจริงแล้วเอารูป ของคนละคนมาลงทำไม?

 

paetrix
มันก็ไม่แน่ครับคุณ ผู้หญิงแต่งหน้าใส่บิ๊กอาย ติดขนตาปลอม กับผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งหน้าแล้วหน้าก็บวมด้วย
เขาจะสร้างเรื่องไปทำไม คงไม่ใช่เรี่ยไรหรอก(อย่างน้อยก็ตอนนี้)
ถ้าคิดว่าเรื่องเท็จไปก่อน แล้วถ้าเกิดเป็นเรื่องจริงก็เท่ากับทำร้ายจิตใจคนอื่นนะครับ

จขกท ผมขอFBได้ใหมครับจะส่งทางPMก็ได้ หรือส่งตรงนี้เลยก็ดีคนสงสัยจะได้เข้าไปดูเรื่องของคุณได้มากขึ้น

 

คนเดียวกันคะ ใครเคยเป็นและพอจาให้คำปรึกษาได้บ้าง

 

.............ผมไม่ได้ยืนยันนะครับ แต่ก็ รับผิดชอบกับสิ่งที่พูด..ก็ แค่วิเคราะห์ พอร์เทรต คน ส่วนที่เป็นกระดูก มักจะไม่ค่อยเปลี่ยนนะครับ...ส่วนที่เป็นปลายจมูกก็ด้วย...ถ้าวิเคราะห์ผิดก็ต้องขอโทษ คนเราก็ มีเท่านี้แหละ

 

โดนของ หรือไม่ก็กินยาลดความอ้วน ยาเพิ่มความสวยมากเกินขนาด

 

เรื่องนี้น่าตกใจนะ ขอเป็นกำลังใจให้หายจากโรคไวไวครับ

 

เท่าที่อ่านมาก็ไปรักษามาหลายที่หลายวิธีแล้วนะครับ
แล้วเคยปฏิบัติสมาธิกรรมฐานบ้างใหม
ผมเคยป่วยแล้วได้รู้จักเจ้ากรรมนายเวรเพราะการทำสมาธิ

ไม่รู้จะว่าอย่างไรนะครับถ้าหากมันเป็นโรคกรรม (ซึ่งก็มาจากกรรมทั้งนั้นแหละ)
ดูวิธีของคุณที่ทำมาแล้ว ไม่ว่าการถวายสังฆทานและอื่นๆ
มันดูไม่เหมือนกาีรขออโหสิกรรมต่อกัน ทางหนึ่งเหมือนทำบุญไปให้ แต่อีกทางหนึ่งกลับเหมือนฆ่ากันให้ตายต่อไป
ถ้าจะแนะนำให้หยุดฆ่าให้ยอมรับกรรมชดใช้ไป ก็คงยังทำใจไม่ได้ เพราะยังไม่รู้ว่าเกิดจากกรรมอะไรที่เคยทำไว้

ที่ผมว่าเคยป่วยแล้วรู้จักเจ้ากรรมนายเวร ไม่นานจากนั้นผมหยุดยาหยุดไปตรวจเลยครับ ปฏิบัติสมาธิกรรมฐานอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรอย่างเดียว แล้วขออโหสิกรรมไปด้วย แต่ถ้าไม่ยกให้จะเอาให้ตายก็เอาไม่ว่า จะไม่ขอจองเวรแต่ขอให้จบกันไปเลย
ผลคือหายป่วยครับ

เอาใจช่วยครับ ขอให้หาทางรักษาได้ไวๆ

 

ลองเอาน้ำมันชาตรีของหลวงพ่อฤาษีทาดูครับ ทั้งกินทั้งทาเลย ขอบารมีหลวงพ่อช่วย

 

เคยอ่านพบเรื่องลักษณะนี้เหมือนกันค่ะ
แต่กรณีนี้ไม่กล้าวิเคราะห์ เพราะเป็นไปได้จากหลายสาเหตุมากค่ะ

 

ช่วยแบบ จัดเต็ม


ยาลดความอ้วน ชวนสยอง


[แก้ไข] โรคจิตคืออะไร

โรคจิตเป็นคำที่ใช้กับโรคทางจิตเวชหลายโรคที่มีอาการหลงผิด (เช่น หวาดระแวงคนอื่นจะมาทำร้าย เชื่อว่าตนเองมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์) และประสาทหลอน (เช่น หูแว่ว เห็นภาพหลอน) เป็นอาการหลัก โรคจิตที่มีการกล่าวถึงบ่อย คือ โรคจิตเภท เพราะโรคนี้นอกจากจะรุนแรงเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตในสังคมแล้ว ยังมีแนวโน้มที่จะป่วยแบบเรื้อรังด้วย ในปัจจุบันเรามักแบ่งโรคจิตออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มที่ไม่ได้เกิดจากโรคทางกายและไม่ได้เกิดจากการใช้สารใดๆ เช่น โรคจิตเภท และกลุ่มที่เกิดจากโรคทางกายหรือการใช้สารต่างๆ


[แก้ไข] โรคจิตเกิดขึ้นได้อย่างไร

ในปัจจุบัน เรายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรคจิตที่ไม่ได้เกิดจากโรคทางกายและการใช้สาร แต่ผลการศึกษาส่วนใหญ่สนับสนุนว่ากรรมพันธุ์มีส่วนอย่างมากในการทำให้ป่วยเป็นโรคจิตเภท สำหรับโรคจิตที่เกิดจากโรคทางกายอาจเกิดจากโรคของสมองหรือโรคทางกายที่มีผลต่อสมอง ซึ่งส่งผลให้เกิดความผิดปกติด้านโครงสร้างหรือการทำงานของสมอง เช่น โรคลมชัก ส่วนโรคจิตที่เกิดจากการใช้สาร อาจเกิดจากการใช้ยารักษาโรคหรือยาเสพติดบางชนิด ซึ่งทำให้สมองทำงานผิดปกติ หรือในกรณีที่ใช้สารที่เป็นพิษรุนแรงและต่อเนื่อง เช่น สารระหย สมองบางส่วนอาจถูกทำลายอย่างถาวรได้


[แก้ไข] โรคจิตจากการใช้สาร

ไม่ว่าโรคจิตจะเกิดจากสาเหตุใด อาการโรคจิตที่เกิดขึ้นมักไม่แตกต่างกัน แพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหาสาเหตุจากโรคทางกายและการใช้สารเป็นลำดับแรกก่อน ซึ่งหากไม่พบก็มักสรุปว่าผู้ป่วยเป็นโรคจิตชนิดที่ไม่ได้เกิดจากโรคทางกายหรือการใช้สาร ซึ่งในกรณีนี้ หากป่วยเรื้อรังเกิน 6 เดือน ผู้ป่วยรายนั้นก็เข้าได้กับโรคจิตเภท แต่หากแพทย์สามารถตรวจพบโรคทางกายหรือสารที่น่าจะเป็นสาเหตุของอาการโรคจิต ผู้ป่วยรายนั้นก็จะได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคจิตจากสาเหตุทางกายหรือโรคจิตจากการใช้สาร


[แก้ไข] สารอะไรบ้างที่อาจทำให้เกิดอาการโรคจิต

ดังกล่าวแล้วว่า ยารักษาโรคและยาเสพติดบางชนิดสามารถก่อให้เกิดอาการโรคจิตได้ แม้ว่าสุราก็สามารถทำให้เกิดอาการโรคจิตได้ (ส่วนใหญ่ในระยะถอนสุรา) แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว ยาเสพติดที่พบบ่อยว่าทำให้เกิดอาการโรคจิตคือ ยากระตุ้นประสาทชนิดต่างๆ เช่น แอมเฟตามีน (หรือยาบ้า) ซึ่งมีฤทธิ์ค่อนข้างแรงจึงทำให้เกิดอาการโรคจิตได้เร็วและง่าย แม้ว่าจะเสพไม่มากหรือไม่นาน สำหรับยากระตุ้นประสาทอื่นๆ เช่น ยาอี ก็สามารถทำให้เกิดอาการโรคจิตได้เช่นกัน นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้ยาลดความอ้วน โดยเฉพาะเฟนเตอร์มีน ก็อาจมีอาการโรคจิตได้

 

[แก้ไข] อีเฟดรีนคืออะไร

อีเฟดรีนเป็นสารที่มีโครงสร้างและการออกฤทธิ์คล้ายแอมเฟตามีน ในขณะที่แอมเฟตามีนออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางมากกว่าระบบประสาทส่วนปลาย อีเฟดรีนออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนปลายมากกว่าระบบประสาทส่วนกลาง อีเฟดรีนจึงมีฤทธิ์ในการเพิ่มความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ และอัตราการหายใจมากกว่าฤทธิ์ที่ออกต่อจิตประสาท

ในอดีตอีเฟดรีนเป็นยาตัวหนึ่งที่สามารถใช้รักษาโรคหอบหืดได้ แต่ในปัจจุบันยารักษาโรคหอบหืดจึงไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป ขณะนี้อีเฟดรีนจึงยังคงมีการใช้อยู่บ้างในรูปของยาหยดใส่จมูกเพื่อลดอาการคัดจมูก สำหรับในรูปของยาฉีดนั้น วิสัญญีแพทย์เกือบจะเป็นแพทย์กลุ่มเดียวที่ยังคงใช้อีเฟดรีนชนิดฉีดอยู่ โดยใช้เพื่อเพิ่มความดันโลหิตในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตต่ำจากการได้รับยาทางไขสันหลัง

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย ได้จัดให้อีเฟดรีนเป็นสารในกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 2 เช่นเดียวกับยากระตุ้นประสาทอื่นๆ เช่น เฟนเตอร์มีนที่เป็นยาลดความอ้วน และเมทิลฟินิเดทที่ใช้รักษาโรคสมาธิสั้น ซึ่งลักษณะสำคัญของสารในกลุ่มนี้คือ เป็นสารที่จำเป็นสำหรับการรักษาผู้ป่วย แต่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อจิตประสาทและถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ ยากลุ่มนี้จึงถูกควบคุมพิเศษ ผู้ใช้ยาไม่สามารถสั่งซื้อยาจากผู้ผลิตได้โดยตรง แต่หากต้องการสั่งซื้อจะต้องขึ้นทะเบียนและสั่งซื้อยาผ่านทาง อย. เท่านั้น

นอกจากอีเฟดรีนในรูปของยาแล้ว สารนี้ยังพบได้ในสมุนไพรต่างๆ (เช่น Ma Huang ซึ่งเป็นสมุนไพรจีนที่ใช้กันมานานกว่า 5 พันปีแล้ว) และอาหารเสริมบางชนิดอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีรายงานการเสียชีวิตและผลเสียทางสุขภาพหลายราย องค์การอาหารและยาในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จึงได้สั่งห้ามจำหน่ายอาหารเสริมที่มีอีเฟดรีนเป็นส่วนประกอบตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา แต่เนื่องจากสารนี้ยังเป็นที่ต้องการสำหรับผู้ที่ประสงค์จะลดน้ำหนักและใช้ยาเป็นยาโด๊ป การแอบจำหน่ายสารนี้อย่างผิดกฎหมายจึงยังคงมีอยู่ในหลายประเทศ


[แก้ไข] อีเฟดรีนสามารถทำให้เกิดอาการโรคจิตได้หรือไม่

ภาวะแทรกซ้อนทางจิตเวชที่สำคัญของการใช้อีเฟดรีน คือ อาการโรคจิตและอารมณ์แปรปรวน ซึ่งในประเทศไทยเท่าที่ทราบยังไม่มีผู้ใดได้รายงานเรื่องโรคจิตจากอีเฟดรีนลงในวารสารทางการแพทย์มาก่อน แต่ในต่างประเทศได้มีรายงานในเรื่องนี้อยู่บ้าง เช่น Herridge และ A'Brook ได้รายงานผู้ป่วยโรคจิตจากอีเฟดรีนเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1968 จากนั้นก็มีรายงานเพิ่มเติมอีก 2 รายงานในปี ค.ศ. 1977 และ 2004 ส่วนผู้ป่วยที่ได้สารอีเฟดรีนแล้วมีอาการในแง่ของอารมณ์แปรปรวนนั้นก็มีผู้รายงานไว้เมื่อปี ค.ศ. 2002 และ 2004 เช่นกัน โดยมีอาการคล้ายคลึงกับผู้ป่วยแมเนีย (mania) คือ มีอารมณ์ครืนเครงหรือหงุดหงิด ร่วมไปกับมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง พูดมาก นอนน้อย และใช้จ่ายเงินมากผิดปกติ ซึ่งอาจแสดงออกในลักษณะของการใช้จ่ายเงินทองฟุ่มเฟือย การแจกหรือการบริจาคก็ได้

เนื่องจากอีเฟดรีนเป็นสารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางที่ไม่รุนแรงเหมือนแอมเฟตามีน โอกาสที่จะก่อให้เกิดอาการโรคจิตจึงมีน้อยมาก อาการโรคจิตจากอีเฟดรีนที่เกิดขึ้นจึงมักเกิดในกรณีที่ใช้ยาในขนาดสูง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย (เช่น เส้นเลือดแตกในสมอง) ก่อนที่จะเกิดอาการทางจิตประสาท นอกจากนี้ การใช้อีเฟดรีนในทางที่ผิด เช่นใช้เป็นยาเสพติด ก็พบได้น้อยมาก จากเหตุผลดังกล่าวจึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมโรคจิตจากอีเฟดรีนจึงเป็นปัญหาที่พบได้น้อยมาก


[แก้ไข] ในระยะยาวผู้ป่วยโรคจิตจากอีเฟดรีนจะเป็นอย่างไร

เนื่องจากโรคจิตจากอีเฟดรีนพบได้น้อยมาก องค์ความรู้ในเรื่องนี้จึงมีอยู่น้อยมากไปด้วยเช่นกัน การรักษาและการพยากรณ์โรคของโรคจิตจากอีเฟดรีนจึงอาจต้องใช้องค์ความรู้ที่ใกล้เคียงมาเป็นแนวทาง

โดยเหตุที่อีเฟดรีนมีฤทธิ์คล้ายแอมเฟตามีน (แม้ว่าจะมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางน้อยกว่า) โรคจิตจากอีเฟดรีนจึงน่าจะคล้ายคลึงกับโรคจิตจากแอมเฟตามีน แต่รุนแรงน้อยกว่า และเนื่องจากโรคจิตที่เกิดจากสารจะเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงที่เกิดการเป็นพิษ (intoxication) หรือการถอนยา (withdrawal) ดังนั้นอาการโรคจิตของผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงน่าจะหายไปอย่างสิ้นเชิงภายใน 4 สัปดาห์หลังการหยุดใช้อีเฟดรีน อย่างไรก็ตาม ผู้เกี่ยวข้องควรทราบด้วยว่า ในทางการแพทย์ไม่มีอะไรแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ผู้ป่วยโรคจิตจากการใช้สารบางรายจึงอาจมีอาการโรคจิตต่อเนื่องหลังหยุดการใช้สารแล้วเกิน 4 สัปดาห์ก็ได้


[แก้ไข] บทสรุป

โรคจิตจากอีเฟดรีนน่าจะถือว่าใกล้เคียงกับโรคจิตจากยาลดความอ้วน ผู้ป่วยมีโอกาสสูงมากที่จะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องและสังคมจึงควรให้การประคับประคองผู้ป่วยเพื่อให้สามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ โดยไม่เกิดปัญหาด้านการปรับตัวต่อสังคมเมื่หายป่วยแล้ว



===> .:: หน้าหลัก - คลังปัญญาไทย ::.

 

ลองไปหา อ.กล้วยแขก ญาณทิพย์บำบัดโรค ดูนะครับ ห้อง อ.กล้วยแขก ญาณทิพย์บำบัดโรค - หน้าแรก ญาณทิพย์ - Powered by Discuz! อย่างน้อยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษา หนักอาจเป็นเบาได้

(ปล. แต่ในความรู้สึกส่วนตัวของผม ก็คือ ถ้าจะให้หายขาด คุณอาจจะต้องปฏิบัติธรรมถึงขั้นเอาชีวิตเข้าแลกเลยครับ เจ้ากรรมนายเวรนี้จึงจะอโหสิกรรมและปล่อยคุณไป แต่คุณก็จะได้ดวงตาเห็นธรรมในระดับหนึ่งด้วย โปรดใช้วิจารณญาณ)

 

หายเร็วๆ นะครับคุณ oil_sirikranda ทำบุญอุทิศส่วนกุศลเยอะๆ ผมเองช่วยด้วยอีกแรงแน่นอนครับ (kiss)

 

โรคเวรโรคกรรม ครับ....ความดีเท่านั้นที่ช่วยบรรเทา

 

น้องเขามีปัญหาทางจิตน่ะค่ะ

>> PANTIP.COM : U12532443 [

 

ปัญหาทางจิตก็เป็นโรคเหมือนกัน
ก็น่าคิดเป็นไปได้นะ:'(

 

แสดงว่าแมลงอาจจะแพ้ดินสอพอง..ลองทาดินสอพองเป็นประจำหรือจะลองใช้สมุนไพรรักษาดู..ทั้งการทา และอาจรับประทานด้วย เพราะไม่เป็นอันตรายกับตัวเราแต่อาจสามารถกำจัดแมลงได้..ลองไปศึกษาดูอีกทีนะ

สมุนไพรที่ขับไล่แมลงได้มีดังนี้
1. หนอนตายยาก - มีฤทธิ์ในการฆ่าหนอนหลายชนิด ,ฆ่าไส้เดือนฝอย
2. เมล็ดสะเดา - มีสารอะซาดีน แร๊กติน มีฤทธิ์ทำให้แมลง ด้วงหมัดผัก เบื่ออาหาร ผีเสื้อ ฆ่าเพลี้ย , ไร
3. ตะไคร้หอม - มีกลิ่นในการขับไล่แมลงทุกชนิด
4. ใบยาสูบ - มีสารที่กำจัดพวกทาก หรือเพลี้ยบางชนิด ,หนอนชอนใบ
5. ขมิ้นชัน - มีฤทธิ์ในการกำจัดเชื้อรา
6. ไพล (ปูเลย) - มีฤทธิ์ในการทำลายแบคทีเรีย ,ไวรัส บางชนิด
7. ข่าแก่ - มีสารออกฤทธิ์ใน ด้วง ,เชื้อรา ,แมลงจั๊กจั่น บางชนิด
8. ใบและดอกดาวเรือง - แมลงหวีขาว ,ไส้เดือนฝอย ,ด้วงปีกแข็ง , เพลี้ยกระโดด
9. บอระเพ็ด - ทำลายเพลี้ยกระโดดมีน้ำตาล ,หนอนกอข้าว
10. ฟ้าทะลายโจร - มีรสขม กำจัดเชื้อแบคทีเรีย ,ไวรัส
11. สาบเสือ - เพลี้ยจั๊กจั่น ,เพลี้ยหอย, เพลี้ยอ่อน ,หนอนใยผัก
12. สาระแหน่ - มีน้ำมันในใบขับไล่แมลง
13. กระเพราดำ - กำจัดเชื้อราบางชนิด
14. หางไหล (โล่ติ๊น) - มีสารโรติโนน ทำให้แมลงหายใจลำบาก
15. ผกากรอง - มีสารแลนดาดีน มีผลต่อระบบประสาทของแมลง
16. ว่านน้ำ - ป้องกันและกำจัดแมลงผีเสื้อในข้าว
17. ดีปลี - กำจัดแมลงศัตรูข้าว .เพลี้ยบางชนิด
18. มะเขือเทศ - ใช้ใบกำจัดด้วงหมัดผัก , ด้วงหน่อไม้ฝรั่ง , ไรแดง , หนอนใยผัก
19. ใบน้อยหน่า - กำจัดเพลี้ยอ่อน ,หนอนใยผัก
20. กอมขม - กำจัดแมลงวันหัวเขียว , แมลงวันทอง
ฯลฯ

ควรลดน้ำหนัก(น้ำเหลืองจะดีขึ้น)ทำจิตใจให้สบาย..เบิกบุญ..........โดยอธิษฐานดังนี้..
ด้วยอำนาจพระพุทธ..พระธรรม..พระสงฆ์ ขอให้บุญที่ข้าพเจ้า(เอ่ยชื่อนามสกุลตนเอง)เคยทำมา..ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน..ส่งผลให้กับเจ้ากรรมนายเวร..สัตว์แมลงทั้งหลายที่อยู่ในตัวข้าพเจ้า(เอ่ยชื่อนามสกุลตนเอง)ให้ได้รับความสุขความเจริญ..ขอให้อยู่ในภพภูมิที่ดีขึ้น

แล้วอย่าลืมเบิกบุญให้เทวดาที่รักษาตนเองด้วย..
ให้อธิษฐานเป็นประจำ ได้ทุกเมื่อไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ก็สามารถตั้งจิตอธิษฐานในใจได้..
ขอให้โชคดี..หายไวๆ

 

ผมไม่เคยพบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้กับใครมาก่อน แต่พอจะแยกได้เพียง 2 กรณีเท่านั้น คือ เท็จ กับ จริง

หากเป็นกรณีที่เป็นเท็จ กรรมนั้นย่อมตกแก่ผู้เป็นเจ้าของโดยอัตโนมัติ และพิจารณาตามเนื้อนา (บุญ-บาป) แล้ว บุคคลผู้แสวงหาการฝึกฝนทางจิต แบบเดียวกันกับเวปนี้ ไม่มากก็น้อย ย่อมมีเนื้อนาที่มีการปรับเปลี่ยนมาบ้างแล้ว ย่อมให้ผลแรงกว่าปกติอยู่บ้าง ดังนั้น พึงสำเหนียกให้เข้าใจ และถี่ถ้วนด้วย

หากกรณีที่เป็นจริง ผมจะพยายามช่วยพิจารณาให้

เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย 54 เราไปถวายกฐินที่วัดแห่งหนึ่งที่นครสวรรค์ เรารู้ตัวก่อน 1 วัน ว่ามีแมลงบินออกมาจากศีรีษะ

+++ เหตุเกิดก่อน การทำบุญ พิจารณาว่า มีอะไรเกี่ยวข้องกับการทำบุญหรือไม่

แต่พอหลายวันเข้า หน้าเราจากที่เคยเนียนๆ ก็เป็นรูๆ ผิวและตามลำตัวด้วย เราต้องเอาถุงขยะสีดำคลุมหัว 7 ชั้น เวลานอนเขาจะได้ไม่มากัด แต่ก็ไม่เป็นผล แมลงสามารถเจาะออกมาได้

+++ แสดงว่า เข้าได้ออกได้

ไปอาบน้ำมนต์ก็แล้ว

+++ ทางธรรม พยายามช่วย

หาหมอที่โรงพยาบาล ก็ไม่รับรักษาเขาบอกไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

+++ ทางโลก ไม่รับ เพราะไม่รู้

เราเอาตัวแมลงไปให้ รุ่นน้องเขาเรียน คณะกีฏะ มหาลัยมหิดล อาจารย์หมอส่องกล้องแล้วถ่ายรูปขยายออกมา แล้วบอกว่ามันคือ เพลี้ยจั่กจั่น และไม่สามารถอาศัยอยู่ภายใต้ผิวหนังคนได้เลย

+++ พยายามพิสูจน์ทางโลก ซึ่งทางโลกพิสูจน์แล้วว่า เป็นไปไม่ได้

เขาบอกต้องเก็บตัวอย่างตอนที่มันยังไม่ตาย ตอนเราเก็บมันก็ยังไม่ตาย พอไปถึงเขามันก็ตายทุกที

+++ ไม่สามารถมีพยานได้ (ผมเข้าใจดี สภาวะแห่งปรากฏการณ์บางชนิด จะมีพยานไม่ได้)

เราไปหาเขาเราเอาถุงคลุมหัวไป มันก็บินอยู่บริเวณคอ พอเราก้มกราบพ่อปู่ แล้วแกะถุงออกมันก็บินกลับเข้าไปในหัวเราเหมือนเดิมภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที

+++ ตรงนี้พ่อปู่ เห็นกับตาหรือไม่ และมีใครเห็นกับตาในขณะนั้นบ้าง และพ่อปู่แนะนำอะไรบ้าง

หลังจากนั้น แฟนเราก็พาไปรักษาที่นครพนมหลวงพ่อเอาไม้เคาะ แล้วทำสังขทานข้าวสารข้าวเปลือก หลวงพ่อก็บอกว่าเหม็นตัวเรากลิ่นน้ำเหลืองเน่าๆก็ออกมา แล้วก็เสกเป่ายาหม่องให้เอากลับมาทาตัวและแผล แล้วให้น้ำมนต์กลับมา ก็ยังไม่ดีขึ้น

+++ ทำสังฆทาน แล้วแผ่ส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรหรือไม่

เลยไปที่สระแก้ว หลวงพ่อก็ให้ปั้นดินน้ำมันเป็นรูปสัตว์ต่างๆ แล้วใช้แป้งดินสอพองผสมน้ำมนต์ทาหน้า ไข่แมลงที่ติดตามหน้าก็ล่วงลงมาเยอะมากแล้วก็อาบน้ำมนต์ แล้วก็กลับบ้านก็รู้สึกโล่งขึ้น กลับมาก็ไหว้พระสวดมนต์ หลังจากนั้น 1เดือน หน้าตาก็ดีขึ้น แมลงก็หายไปจากชีวิตเรา จากวันนั้น ก็ 2 เดือนแล้ว

+++ คุณควรกลับไปหาหลวงพ่อองค์นี้อีก เพราะอย่างน้อย ท่านยังพอเห็นทาง

พอเข้าพรรษาเราก็มีแมลงออกมาอีก คราวนี้เขาแทะฟันเราจนขาว และเราเอาตะไคร้ถูและใบยาสูบก็ออกมาจากฟันเรา ปวดทรมานมาก ตามผิวหนังทุกรูขุมขนจะเป็น มด ที่เท้าจะเป็นตัวเลือด ที่หัวจะเป็นปลวก ลูกด้วงตัวเล็กๆ แมลงวัน แมลงหวี่แมลงเม่า เราทรมานมาก

+++ เหตุเกิดก่อนการทำบุญ หรือฤดูการทำบุญปฏิบัติธรรม พิจารณาว่า เป็นการทวง ระดับที่ต้องบวชจริงและต้องจำพรรษาด้วยหรือไม่

ใครก็ได้ช่วยให้คำปรึกษาเราที เราไปที่วิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่แม่กลองเขาก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ ขนาดทั้ง พ่อ แม่ และ แฟน เราก็เห็น เขาให้เราไปปรึกษาจิตเวชเราเลยรู้สึกเซร้ามาก เหมือนไม่มีทางออก เรามึนหัวทุกวัน ปวดหัว เหมือนเขากินเลือดเราทีละนิดๆ

ปล. เราไปหาหมอที่โรงพยาบาลมาแล้วนะ พยาบาลบอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แล้วให้เรากลับบ้านเลย อีกที่นึงบอกให้ไปจิตเวช ทั้งๆที่เราเอาตัวแมลงที่ออกมาจากตัวเราไปด้วยนะ เราทรมานมาก ใครพอช่วยได้ช่วยที

+++ ทางโลกไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้เลย จึงส่งใหทางโลกที่เกี่ยวข้องกับทางจิตแบบฝรั่งวิเคราะห์ หลังจากที่ผมพิจารณาแล้ว กรณีของคุณน่าจะจัดอยู่ในกรณีของ Stigmata แต่ Stigmata มักเป็นเรื่องของนักบุญที่มีศรัทธาแรงกล้า แต่ของคุณน่าจะเป็นเรื่องตรงกันข้าม ที่คล้าย ๆ กับอะไรก็ตามที่ตามจองเวรกับคุณ สามารถศึกษาเรื่อง Stigmata เพิ่มเติมได้ที่

Stigmata - Wikipedia, the free encyclopedia

+++ หาก พ่อ แม่ และ แฟน ของคุณสามารถ เห็นและเป็นพยานได้ และคุณบอกกล่าวมาตาม สัจจธรรม (ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามควาามเป็นจริง) แล้ว ผมพิจารณาออกมาดังนี้

+++ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการทำบุญ หรือการมีโอกาสสร้างอานิสสงค์ขนาดใหญ่ ที่ต้องประกอบไปด้วยคนหมู่มาก ครั้งแรก ไปถวายกฐินที่วัดแห่งหนึ่งที่นครสวรรค์ (ประกอบด้วยคนหมู่มาก) ครั้งที่สอง "พอเข้าพรรษาเราก็มีแมลงออกมาอีก" (ต้องการให้มีการประกอบไปด้วยคนหมู่มาก อีกเช่นกัน) ไปรักษาที่นครพนมหลวงพ่อเอาไม้เคาะ แล้วทำสังขทานข้าวสารข้าวเปลือก ก็ยังไม่ดีขึ้น (ไม่มีคนหมู่มากเป็นองค์ประกอบ)

+++ สรุปประเด็นหลัก ๆ คือ ทางโลกไม่ต้องไปแล้ว เพราะไม่มีทาง เหลือแต่ทางธรรมเท่านั้น
+++ หลวงพ่อที่สระแก้ว อาจเป็นกุญแจให้คุณได้
+++ จากกรณี "พอเข้าพรรษาเราก็มีแมลงออกมาอีก" ผมเห็นว่า คุณน่าจะบวชปฏิบัติธรรมโดยมุ่ง มรรค ผล นิพพาน เป็นหลัก และต้องตัดเจตนาแบบ บวชแก้บน ออกไปจากใจ แบบ นักบวชหญิง แม่ชีที่ถือบาตรออกบิณฑบาตรด้วย (มีในบางจังหวัด)
+++ หากเป็นไปได้ ตอนออกพรรษา ทอดกฐิน จะประกอบไปด้วยคนหมู่มากอีกครั้งในปีนี้
+++ ให้พิจารณาหาทางปรึกษากับ หลวงพ่อที่สระแก้ว เสียแต่เนิ่น ๆ และนำข้อพิจารณาของผมไปปรึกษากับท่านอีกที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกอย่างควรจะสมบูรณ์ก่อน การทอดกฐินออกพรรษา นะครับ

ทั้งหมดนี้เป็นข้อพิจารณาส่วนตัว ผมไม่ต้องการหาเหตุ ในกรณีที่เป็นเท็จ เพราะไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย แต่หากในกรณีที่เป็นจริง ก็ลองพิจารณาในความเห็นส่วนตัวของผมดูนะครับ

ด้วยจิตอันเป็นกุศล ขอให้คุณพ้นภัยโดยเร็ว