เพี้ยนจัด! “ธรรมชโย”อ้างเห็น“สตีฟ จ็อบส์”หลังตายเกิดเป็นเทพกึ่งยักษ์

“ธรรมชโย”อ้างใช้ญาณตรวจสอบภพภูมิ"สตีฟ จ็อบส์"หลังตาย พบไปเกิดเป็น“ภุมมะเทวาสายวิทยาธรกึ่งยักษ์” ยังห่วงกิจการ “แอปเปิล” แต่ด้วยผลบุญคิดประดิษฐ์สิ่งใหม่ ทำให้มีมิตรดี ได้บำเพ็ญเพียรเข้าถึงธรรมกาย ชาวเน็ต แขวะ ถ้า“จ๊อบส์”บริจาคเงินด้วย จะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นสูง

เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ DMC ของวัดพระธรรมกาย ได้เผยแพร่สารคดี ชื่อว่า “Where is Steve Jobs” เพื่อนำเสนอชีวิตหลังความตายของ สตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล คอมพิวเตอร์ เจ้าของผลิตภัณฑ์ชื่อดังอย่าง ไอโฟน ไอแพด รวมทั้งคอมพิวเตอร์แมกอินทอช โดยสารคดีฉบับเต็มสามารถชมผ่านทาง[ame="http://www.youtube.com/watch?v=abMQPXSng2E"]Case Study สตีฟ จ็อบส์ ตอนที่ 1-2 - YouTube[/ame] และ http://www.dmc.tv/pages/สตีฟ-จ็อบส์-Steve-Jobs

ต่อมา เมื่อวันที่ 20 ส.ค. เว็บบล็อกที่มีชื่อว่า blognone ได้สรุปเนื้อหาของสารคดีดังกล่าวว่า ทางรายการได้อ้างว่า วิศวกรอาวุโสคนหนึ่งของแอปเปิลชื่อ โทนี่ ซวง ได้ขอให้ท่านพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) ใช้ญาณตรวจสอบภพภูมิของสตีฟ จ็อบส์ หลังความตาย มีใจความสรุปว่า “สตีฟ จ็อบส์ ในขณะที่จะตายนั้น จิตใจมีแต่ความเป็นห่วงบริษัทแอปเปิลในอนาคต จึงทำให้ไปจุติเป็นภุมมะเทวาสายวิทยาธรกึ่งยักษ์* มีผิวดำและเขี้ยวเป็นยักษ์ แต่ด้วยผลบุญที่ได้คิดประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ ให้แก่โลก จึงทำให้เขาได้พบมิตรที่ดีบนสวรรค์ และสตีฟ จ็อบส์ จึงตั้งใจบำเพ็ญเพียรเพื่อเข้าถึงธรรมกายต่อไป

“blognone” ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า โดยความเห็นส่วนตัว สตีฟ จ็อบส์ เป็นผู้ที่มีอิทธิพลในวัฒนธรรมร่วมสมัย จึงเป็นสิ่งที่แน่นอนว่าต้องมีผู้หากินกับชื่อเสียงของเขา กรณีนี้นับเป็นกรณีศึกษาแบบสุดขั้วกรณีหนึ่งได้

พร้อมกับให้หมายเหตุว่า “ภุมมะเทวาสายวิทยาธรกึ่งยักษ์” เป็นคำที่วัดพระธรรมกายบัญญัติขึ้นเอง ความหมายคือ สตีฟ จ็อบส์ ไปเกิดเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา แต่เป็นลูกครึ่งระหว่างสองเผ่าคือ เผ่าวิทยาธร (ความมัวเมา) และเผ่ายักษ์ (ความโกรธ)

รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้โพสต์ข่าวดังกล่าวได้รับการติดต่อทางอีเมลจากพระมหาทศพร ปุญฺญงฺกุโร เว็บมาสเตอร์ของ dmc.tv ชี้แจงเรื่องนี้ มีใจความว่า “เรื่องราว Where is Steve Jobs ที่นำเสนอทาง DMC นั้นเป็นความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติสมาธิในพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย ซึ่งเมื่อฝึกปฏิบัติจนเชี่ยวชาญชำนาญแล้ว ผู้ปฏิบัติจะสามารถรู้เห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม, การเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งได้นำมาถ่ายทอดให้เข้าใจง่ายๆ ในรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา โดยพระเทพญาณมหามุนี (เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย) เพื่อให้เข้าใจถึงเรื่องราวความจริงของชีวิตว่า เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน อะไรเป็นเป้าหมายของชีวิต นำไปสู่ผลการปฏิบัติของผู้ฟัง ทำให้ผู้ฟังเกิดความเกรงกลัวต่อบาป รักในการทำบุญกุศล รักการปฏิบัติธรรมสืบไป

“เรื่องราว Where is Steve Jobs นี้เป็นเพียงทัศนคติหนึ่งเท่านั้น ผู้ฟังมีสิทธิ์ที่จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ พระมหาทศพร ยังขอแก้ไขเนื้อหาในข่าวต้นฉบับของ อีกบางส่วน”

รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้เข้ามาอ่านผ่านบล็อกดังกล่าวได้ให้ความเห็นต่าง ๆนานา เช่น ขนาดตายไปแล้วที่อยู่ยังคล้ายๆ Apple Store เลย.. คริคริ , แสดงว่าไม่เคยบริจาคให้ธรรมกายเลยไม่ได้ไปสวรรค์ สงสัยต้องเอาเงินสักครึ่งของ apple มาบริจาคให้ถึงจะได้ไป ,+1 บริจาคเยอะ ยิ่งได้บุญเยอะนักที่ได้ขึ้นไปสวรรค์เพราะบรรดาผู้บริจาคที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของ apple ได้อุทิศส่วนกุศล และวิดิโอนี้ใช้เครื่อง mac สร้างสรรค์ แต่ถ้าจ๊อบส์บริจาคเงินด้วย จ๊อบส์ก็จะขึ้นสวรรค์ชั้นสูง ส่วน options พวกมีข้าวทิพย์ น้ำทิพย์ ขี่นกยูงแก้ว ฯลฯ ขึ้นกับว่าจะจ่ายเท่าไหร่ อยู่สายไหนบุญไหน ถ้าจ๊อบส์แนะนำคนอื่นให้พบธรรมกาย จ๊อบส์ก็จะได้เป็นยอดมงกุฎของสายบุญ ประสบการณ์นี้ประมวลมาจากพ่อกับแม่ที่เคยไปแสวงบุญที่ธรรมกาย เผอิญบ้านจนเลยขอเข้าสู่ทางสุขแบบเถรวาทเดิมๆก็พอ

อีกผู้หนึ่งให้ความเห็นว่า ภุมมเทวดาคือเทพระดับล่างๆ ที่อยู่ในสวรรค์ชั้นหนึ่งที่ชื่อ"จาตุมหาราชิกา" จริงๆ ภุมมเทวดาถ้าเรียกแบบภาษาชาวบ้านก็ประมาณพระภูมิเจ้าที่นี่แหล่ะครับ หรือ เอิ่มอยู่ดีๆ ไปยุ่งคนเค้าเสียชีวิต ,ท่านสตีฟ จ็อบส์ไปอยู่ศาลพระภูมิไหน จะขอไปกราบไหว้สักหน่อย ธุรกิจในประเทศไทยที่จะแข่งกับ apple ในระดับโลกได้ก็คงมีแต่ธุรกิจความเชื่อ(ศรัทธา)นี่แหละ ขนาดกองทัพไทยยังเอาเหล็กฉากมาตรวจระเบิดแล้วบอกว่าจงศรัทธาสิว่าใช้ได้!! ,การที่พระมาโชว์ภูมิ ญาณทิพ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำและผิดวินัย เป็นต้น

ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000102544

 

กรรมของสัตว์จริง ๆ เลย

 

วิชชาธรรมกาย มีอยู่จริง? หรือเป็นเพียงการอุปโลกน์?
หากตัดสินตามแนวทางที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านได้ให้แนวทางการตัดสินไว้ในยามที่พระพุทธองค์ได้ปรินิพพานไปแล้ว ว่า

เมื่อพุทธศาสนาได่ล่วงเลยมา ธรรมะทั้งหลายย่อมมีการบิดเบือนเป็นธรรมดา
ย่อมมีการกล่าวธรรมะที่พระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ไม่ได้กล่าว
กและกล่าวถึงธรรมะที่พระพุทธเจ้าไม่ได้กล่าวว่า เคยกล่าวไว้ ที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง
เมื่อถึงกาลนั้นพุทธบริษัทย่อมมีข้อวินิจฉัยได้ว่า ธรรมะเหล่าใดที่พระพุทธองค์ได้กล่าวไว้
ได้ทรงรับรองไว้ ด้วยการพิจารณาด้วยปัญญาว่า ธรรมะเหล่าใดที่เป็นไปเพื่อการละ โลภะ โมหะ โทสะ
เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดในกิเลสทั้งหลาย พระพุทธองค์ย่อมกล่าวรับรองในธรรมะ เหล่านั้น
ธรรมะเหล่าใดที่เป็นไปเพื่อการสะสม โลภะ โมหะ โทสะ ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดในกิเลสทั้งหลาย พระพุทธองค์ย่อมไม่รับรองในธรรมะ ทั้งหลายเหล่านั้น

ผู้มีปัญญาย่อมพิจารณาและรู้เห็นเองได้ สาธุฯ

 

วิชาธรรมกายมีจริงตามที่หลวงพ่อสดท่านสอน
แต่ไม่ได้มีต้นกำเนิดที่วัดพระธรรมกายนี้
อื่นๆไม่ออกความเห็นละกัน..จ้า

 

ธรรมกาย อันเป็น กายแท้ตามสภาวะพุทธะธรรมนั้นผมรู้จัก แต่ ธรรมกลาย นั้น ผมไม่ปรารถนาที่จะรู้จัก

อเสวนาจะพาลานัง บัณฑิตตานังจะเสวนา

 

สงสัย จะไปทำ i-phone ipad ให้เทวดา ใช่แน่ๆ เลย

นะจ๊ะ นะจ๊ะ

นะจ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

ขึ้นจานบินไปหา สตีฟ จ๊อปกันพวก เรา แต่ต้องซื้อตั๋วกันด้วย นะจ๊ะๆๆๆ ดูเสร็จแล้วอย่าลืมไปทำบัตรเครดิต กันด้วยนะจ๊ะ
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=nEnasF3LdfY"]http://www.youtube.com/watch?v=nEnasF3LdfY[/ame]

 

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กรรมเราก็มี มีมากเสียด้วย กรรมท่านก็มี แต่ไม่รู้เท่าไหร่ กฎแห่งกรรมไม่มีใครหนีพ้น

 

ทำบุญ บาทเดียวแต่ได้บุญล้นพ้นเคยเห็นมะ เอิกๆ

 

คนที่หลงมัวเมาฟังธรรมที่ไม่มีสาระ จากนักบวชโมฆะบุรุษ ทำให้หลงผิด เสียเวลาจมปลักแต่สิ่งที่เลื่อนลอย น่าสมเพชพวกที่นับถือวัดธรรมกาย อย่างไม่ลืมหูลืมตา

 

ธรรมชโย ธรรมชยุต:'(

 

เอ..เราเคยไม่ถูกกันด้วยเหรอ
ทำไมผมไม่ยักกะจำได้เลย

ผมไปล่วงเกินอะไรคุณตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ถ้าไงก็ขอกราบเท้าขอขมาลาโทษไว้ณที่นี้ด้วยนะครับ
ถ้าหากว่าผมได้เคยไปล่วงเกินคุณไว้โดยไม่ได้เจตนา

ขอได้โปรดให้อภัยผมด้วยนะครับท่านผู้เจริญ

...............................................

 

.รักดอกจึงหยอกเล่น เอาไว้ฝึกตนนะอย่าโน้มเข้าใส่ตัว ให้ปล่อยวางนะครับ
:boo:

 

ภิกษุอวดอุตริ อวดรู้ อวดฤทธิ์ ที่ไม่มีในตนต่อหน้าภิกษุ ต้องอาบัติ "ปาราชิก"
ภิกษุอวดอุตริ อวดรู้ อวดฤทธิ์ ที่มีหรือไม่มีในตนต่อหน้าฆราวาส ต้องอาบัติ "ปาราชิก"

ภิกษุรูปนี้ยังหลงไหลอยู่ด้วย รักนวลสงวนผิวพรรณ บำรุงประทินเนื้อหนังมังสา หลงยึดในสิ่งอันไม่เที่ยง ย่อมขาดจากศีลข้อ 7 เป็นวัตรถาวร หรือศีลไม่เต็มในข้ออื่นๆ นับได้ว่ามิใช่พระสงฆ์โดยแท้ เป็นได้อย่างยิ่งเพียง "สมมุติสงฆ์" เท่านั้น การวิพากษ์วิจารณ์ "สงฆ์สมมุติ" เหล่านี้เพื่อเป็นการปกป้อง เพื่อเป็นการจรรโลงพระพุทธศาสนา มิให้ถูกทำลายบิดเบือน จึงเป็นหน้าที่พุทธบริษัทฯ เป็นการบุญ ไม่เป็นการบาปแน่นอน

 

อือ .. กรำเวลล์ ฮ่าๆ

 

กรุณาเลิกพาดพิงบุคคลอื่นที่ไม่ได้กล่าวถึงในกรทู้ด้วยครับเพื่อความเรียบร้อย
ขอบคุณมากครับ

 

ไม่ใช่นะครับ
ภิกษุอวดอุตริ อวดรู้ อวดฤทธิ์ ที่ไม่มีในตนต่ออุปสัมบรรณ์ (ผู้ที่ไม่บวช) ต้องอาบัติ "ปาราชิก"
ภิกษุอวดอุตริ อวดรู้ อวดฤทธิ์ ที่มีในตนต่ออุปสัมบรรณ์ (ผู้ที่ไม่บวช)ปรับเป็นอาบัติปาจิตตีย์ ครับ

 

เพี้ยนอย่างไรช่วยบอกหน่อยสิครับคุณเจ้าของกระทู้ จะได้มาคุยเหตุผลกันครับ

 

สมมุติสงฆ์นี้แม้ศีลเบื้องต้นก็ยังไม่บริสุทธิ์ จะใฝ่หาคุณวิเศษมาแต่ที่ใด ....???

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑
มหาวิภังค์ ภาค ๑

ปาราชิกกัณฑ์
ปฐมปาราชิกสิกขาบท [ว่าด้วย เมถุนธรรม]
ทุติยปาราชิกสิกขาบท [ว่าด้วย อทินนาทาน]
ตติยปาราชิกสิกขาบท [ว่าด้วย มนุสสวิคคหะ]
จตุตถปาราชิกสิกขาบท [ว่าด้วย อุตตริมนุสสธรรม]

สิกขาบทที่ ๑ ภิกษุใด ถึงพร้อมซึ่งสิกขาและสาชีพของภิกษุทั้งหลาย แล้วไม่บอกคืนสิกขา ไม่ทำความเป็นผู้ทุรพลให้แจ้ง เสพเมถุนธรรม โดยที่สุดแม้ในสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้

สิกขาบทที่ ๒ ภิกษุใด ถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้ เป็นส่วนแห่งโจรกรรม จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี ในเพราะถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้เห็นปานใด ภิกษุถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้เห็นปานนั้น แม้ภิกษุนี้ ก็เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้

สิกขาบทที่ ๓ ภิกษุใด จงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิต หรือแสวงหาศัสตราอันจะปลิดชีวิต ให้แก่กายมนุษย์นั้น หรือพรรณนาคุณแห่งความตาย หรือชักชวนเพื่ออันตาย โดยหลายนัย แม้ภิกษุนี้ก็เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้

สิกขาบทที่ ๔ ภิกษุใด ไม่รู้เฉพาะ [คือไม่รู้จริง] กล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้ามาในตนว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ ครั้นสมัยอื่นแต่นั้นอันผู้ใดผู้หนึ่งถือเอาตามก็ตาม ไม่ถือเอาตามก็ตาม [คือเชื่อก็ตาม ไม่เชื่อก็ตาม ถูกซักถามก็ตาม ไม่ถูกซักถามก็ตาม] เป็นอันต้องอาบัติแล้ว แม้ภิกษุนี้ก็เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้ เว้นไว้แต่สำคัญว่าได้บรรลุ


ขยายความสิกขาบทที่ 4 ........ อุตตริมนุสสธรรมสิกขาบทที่สี่ พระพุทธบัญญัติห้ามมิให้อ้างอวดอุตตริมนุสสธรรมี่ไม่มีในตน (อุตตริมนุสสธรรม คือธรรมอันยวดยิ่งของมนุษย์ ได้แก่ ฌาณ วิโมกข์ สมาบัติ มรรคผล บางทีเรียกให้ง่ายว่า ธรรมวิเศษหรือคุณวิเศษ) ภิกษุรูปใดไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ ไม่ถึง ไม่ได้ตรัสรู้ แต่เป็นคนใจบาป อยากจะได้ลาภสักการะ จะให้มีผู้สรรเสริญเลื่องลือชื่อคุณ กล่าวอวดซึ่งธรรมของมนุษย์ผู้ยิ่งด้วยคุณทางมหรคต (คือ การเข้าถึงสภาวะอันยิ่งใหญ่ หมายถึง พระนิพพาน) แลโลกุตตระ(คือ พ้นจากโลก พ้นวิสัยของโลก ไม่เนื่องในภพทั้งสาม คือกามภพ รูปภพ และอรูปภพ) ให้น้อมเข้ามาสู่ตน คือความรู้เห็นด้วยปัญญาอันอาจกำจัดกิเลส คือ อวดว่า “ข้าได้ถึงฌาณ ถึงวิโมกข์ ข้าได้ถึงสมาธิสมาบัติ ข้าได้บรรลุไตรวิชชา มรรคภาวนา ข้าทำให้แจ้งอริยผล ข้าละกิเลสเสียได้ จิตของข้าปลดเปลื้องจากราคะ โทสะ โมหะ ข้ายินดีจะอยู่ในเรือนว่างเปล่าเป็นที่สงัดพอใจพักอยู่ด้วยฌาณ ข้าได้ฤทธิ์จะทำอะไรก็สำเร็จด้วยใจ รู้ใจสัตว์ ระลึกชาติได้ ข้าได้ตาทิพย์ หูทิพย์ เป็นผู้สิ้นกิเลส” อวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตนให้มนุษย์เชื่อถือ แม้จะใช่เล่ห์อุบายเปรียบปราย แสดงกายวิการเป็นเลศ กระหยิบตา พยักหน้า เป็นต้น ให้สังเกตสำคัญตนว่าได้คุณวิเศษดังว่ามานี้ก็ดี เมื่อมนุษย์เชื่อถือตามความคิดของตนในขณะนั้นแล้ว ภิกษุนั้นเป็นปาราชิก

 

good

I like to here more.

 

You could follow Dhammakaya TV at [ANAME="http://www.dmc.tv/"]http://www.dmc.tv[/ANAME], Live broadcast start at 19.00. This week LP will talk about Jobs everyday.

please try