ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คำถาม: รูปธรรมชีวิตเหล่านั้นพวกเขาอาศัยอยู่ที่ไหน และพวกเขาชอบอะไรครับ?

    Metatron: ความจริงแล้ว รูปธรรมชีวิตชาวเลมูเรีย พวกเขามีวิวัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณ ก้าวไกลไปมากกว่าพวกคุณในขณะนี้มากมายนัก ก็อย่างที่เรากล่าวไปแล้วว่า ร่างกายของพวกเขา มีความหนาแน่นน้อยกว่าพวกคุณ แต่ก็ยังเป็นกายเนื้ออยู่เหมือนกับพวกคุณนี่แหละ ผิวหนังของพวกเขาได้เปลี่ยนไปเป็นสีเขียว หรือบางคนก็เป็นสีเขียวแกมน้ำเงิน เพราะว่าน้ำที่พวกเขาใช้ดื่ม อุดมไปด้วยแร่ธาตุมากกว่าของพวกคุณ และมีความเข้มข้นของสารประกอบออกไซด์ของทองแดง และของโลหะอื่นๆมากกว่าด้วย

    รูปธรรมชีวิตเหล่านี้พวกเขาดำรงชีวิตอยู่อย่างสงบสุข, ไม่มีศาสนาอื่นใดนอกจากความรักจากแหล่งกำเนิด (Love of Source) และพวกเขามีความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า “ความสงบเงียบอันยิ่งใหญ่”(great tranquility) พวกเขาค่อนข้างที่จะตระหนักรู้ถึงความมีตัวตนอยู่ของพวกคุณ แต่พวกเขาไม่อยากที่จะมาสุงสิงด้วย คุณอาจจะถามว่า ทำไมหละ? ก็เพราะว่ามันมีหลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุหลักก็คือ พวกเขารู้ว่าธรรมชาติของพวกคุณ คือชอบความรุนแรง และรู้ว่าพวกคุณขี้กลัว และด้อยพัฒนาด้านจิตสำนึกมวลรวม

    พวกเขารู้ว่าร่างกายของพวกคุณเต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งโรคภัยบางชนิดอาจจะติดต่อไปถึงพวกเขาได้ และก็ พวกเขาจะทนต่อแสงอาทิตย์ของพวกคุณไม่ค่อยได้ พูดอย่างนี้ดีกว่าว่า พวกเขาได้วิวัฒน์ไปในทิศทางที่พิเศษเฉพาะของตนเอง และตอนนี้พวกเขาก็ใกล้จะบรรลุจุดหมายปลายทางระดับนั้นแล้ว ร่างกายของพวกเขาถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังแม่เหล็กคริสตัลชนิดหนึ่ง (Crystalline magnetic force) ซึ่งมาจากแหล่งกำเนิดแสงสว่างที่อยู่ใจกลางโลกของคุณ ด้วยความสามารถทางจิตที่มากมายของพวกเขา

    ทำให้พวกเขาสามารถควบคุมสนามพลังเหล่านั้น และสามารถปรับพวกมันให้เข้ากับร่างกายและจิตวิญญาณของพวกเขาได้ แม้ว่าพวกเขาจะยังมีกายเนื้ออยู่ แต่มันก็เป็นกายเนื้อในมิติที่ 4 ซึ่งมีความหนาแน่นน้อยกว่ากายเนื้อของพวกคุณเป็นอย่างมาก พวกเขาหลายคนค่อนข้างจะมีความชำนาญในด้านการหายตัวไปปรากฏอยู่ในอีกที่หนึ่งมาก (Teleportation) อันที่จริงแล้ว มันก็มีการติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ ระหว่างผู้ที่อาศัยอยู่ในใจกลางโลก กับรัฐบาลของพวกคุณนั่นแหละ แต่ไม่ใช่การรวมเข้าด้วยกัน

    พวกเขาได้ส่งข้อความสื่อสารทางโทรจิตมาถึงชาวโลกบนพื้นพิภพบางคน ให้รู้ว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น เหมือนอย่างที่พวกเราที่ได้พร่ำบอกกับพวกคุณมาโดยตลอด ที่พวกเขารู้เรื่องนี้ก็เพราะว่าพวกเขาอยู่ในช่วงเวลาที่แตกต่างจากพวกคุณ, พวกเขาอยู่ในวัฏจักรของเวลาคนละรอบกับพวกคุณ และพวกเขาก็ใกล้จะไปถึงจุดหมายปลายทางของพวกเขาแล้ว คุณถามว่าโพรงของพวกเขาอยู่ที่ไหนบ้างใช่ไหม๊ อย่าลืมเรื่องมิติคู่ขนานไปเสียหละ พวกเราจะตอบคำถามของคุณในแบบที่พวกคุณจะเข้าใจ ว่าส่วนใหญ่แล้ว โพรงเหล่านี้จะอยู่ใต้ดินของส่วนที่เป็นทะเล

    แต่ใต้พื้นดินของทุกๆทวีปก็มีโพรงต่างๆเหล่านี้อยู่ด้วย เช่น พื้นที่บริเวณด้านตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา ใต้ภูเขาแห่งรัฐอาแคนซอ (Arkansas) ในมลรัฐนิวเม็กซิโก, อาริโซน่า, ประเทศเม็กซิโก, ประเทศในแถบอเมริกากลาง, ประเทศเปรู, เกาะอังกฤษ, ทวีปยุโรป, ใต้ภูเขาหิมาลัย, ประเทศชิลี, อาเจนติน่า, โบลิเวีย, บราซิล, ประเทศจีน, ไซบีเรีย, เกาะกรีนแลนด์, ไอซ์แลนด์, ศรีลังกา, ใต้พื้นที่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มีเผ่าพันธุ์บางเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ในโพรงใต้ดินของพวกเขา

    คำถาม: พวกเขาอาศัยอยู่ใต้ดินลึกซักแค่ไหนครับ และบนดาวเคราะห์โลก มันมีทางเข้าไปสู่โพรงเหล่านี้บ้างหรือเปล่าครับ?

    Metatron: เราได้บอกไปแล้วว่า ทางเข้าไปสู่โพรงเหล่านี้ อยู่ตรงขั้วโลกทั้งสอง และตามช่องต่างๆที่อยู่บนพื้นผิวโลก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าพวกเขาอยู่ลึกแค่ไหน เพราะว่าความจริงแล้วพวกเขาอยู่ในมิติคู่ขนาน ซึ่งมาตรฐานการวัดของพวกคุณมิอาจนำมาใช้ได้ บางชุมชนก็อยู่ใกล้กับพื้นผิวโลกมาก แต่โพรงหลักๆส่วนใหญ่ ถ้าจะพยายามพูดภาษาของพวกคุณหละก็ ก็อาจจะบอกว่าอยู่ลึกลงไปใต้พื้นผิวของชั้นแมนเทิลประมาณ 20 ไมล์

    และบางโพรงก็อยู่ลึกลงไปหลายร้อยไมล์เลยทีเดียว (นักธรณีวิทยาของพวกคุณ อาจจะจินตนาการไม่ออก เพราะว่าการตีความด้านความดัน และความร้อนของพวกเขา แต่เราขอบอกคุณว่าดินแดนเหล่านี้มีอยู่จริง และก็มีรูปธรรมชีวิตอาศัยอยู่ในนั้น ในสนามพลังงานเหล่านั้น จำนวนมากมายจริงๆ) แต่ระยะทางที่กล่าวไปแล้วนั้น เป็นเพียงระยะทางสัมพัทธ์เมื่อเทียบกับมิติคู่ขนานหลากมิติเท่านั้น

    ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเข้าไปในดินแดนต่างมิติเหล่านี้ ผ่านทางขั้วโลกของพวกคุณ หรือผ่านทางทางเข้าใดๆที่อยู่บนพื้นผิวโลกในมิติที่ 3 ของพวกคุณ เพราะว่าดินแดนเหล่านี้ อยู่ในมิติคู่ขนานและอยู่ในกาลเวลา-อวกาศที่แตกต่างจากของพวกคุณ เพราะฉะนั้น ระยะทางจริงจากจุดที่คุณเริ่มเข้าไป ที่คุณจะวัดได้ ก็อาจจะเป็นเพียงไม่กี่นิ้ว หรืออาจจะเป็นชั่วกาลนานก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่า คุณกำลังมองมาจากตรงไหน

    ศาสตร์ที่สามารถใช้อธิบายแทนถ้อยคำจำนวนนับไม่ถ้วนได้ใกล้เคียงที่สุด ก็คือควอนตัมฟิสิกส์ (Quantum physics) แม้ว่าศาสตร์แขนงนี้ เพิ่งจะเป็นที่เข้าใจกันในแวดวงวิทยาศาสตร์ของพวกคุณก็ตาม แต่ว่าถ้าจะให้ศาสตร์นี้สามารถถูกแปลความหมายได้อย่างถูกต้องมากกว่านี้ บนระนาบของพวกคุณหละก็ จะต้องเปลี่ยนแบบจำลองนั้นซะใหม่ รวมถึงแบบจำลองด้านเรขาคณิต และด้านคณิตศาสตร์ด้วย

    ทางเข้าไปสู่โพรงใต้พื้นโลกเบื้องต้น ก็คือผ่านทางขั้วโลกทั้งสอง เพราะว่าตรงบริเวณดังกล่าวนี้ เป็นจุดเชื่อมต่อด้านควอนตัมระหว่างโลกที่อยู่ในมิติต่างๆของพวกคุณ เพราะว่าตรงบริเวณขั้วโลกทั้งสองนั้น มีพลังแม่เหล็กที่แบนราบ จึงทำให้สามารถใช้เป็นทางเข้าสู่โพรงต่างๆของโลกชั้นในได้

    พลเรือเอกไบร์ด (Admiral Byrd) เคยเขียนบทความเล่าถึงการบินผ่านบริเวณขั้วโลกของเขาว่า เขามองเห็นดินแดนที่เขียวชอุ่ม ที่มีแม่น้ำหลายสายอยู่ในนั้น เราขอบอกคุณว่า นั่นเป็นเพราะว่าเขาได้ผ่านเข้าสู่มิติคู่ขนานในช่วงเวลาสั้นๆ ของโลกชั้นใน และเขาและคนอื่นๆก็ได้ทำแบบนั้นมาหลายครั้งแล้ว ตรงบริเวณขั้วโลกทั้งสอง การส่งผ่านแบบหลากมิติ (dimensional hyper-transport)

    สามารถเกิดขึ้นได้ภายใต้สภาวะพิเศษบางอย่าง การย้ายมิติตรงบริเวณขั้วโลก จะเกิดขึ้นคล้ายๆกับ การข้ามสนามพลังงานรูปทรงกรวยที่สูงชัน แล้วพลิกกลับอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกก็จะเหมือนกับว่า กลับมา “แบน” ใหม่อีกครั้งอย่างรวดเร็ว หรือขนานกับพื้นใหม่อย่างรวดเร็ว ในความเป็นจริงแล้วนายไบร์ด ได้เข้าไปสู่มิติคู่ขนานจริงๆ

    ผู้คนที่อยู่ในโลกชั้นในอาศัยอยู่ในช่องว่างภายในนั้น มีรูปธรรมชีวิตมากมาย และมีหลายเผ่าพันธุ์ ที่อาศัยอยู่ในโลกหลากมิติของพวกคุณ รวมถึงสิ่งที่พวกคุณเรียกว่า “รูปธรรมชีวิตต่างมิติ” ก็ด้วย ซึ่งอาจจะถือว่าพวกเขาก็เป็นพลเมืองของโลก เช่นเดียวกับพวกคุณก็ได้ แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในโลกนี้ก่อนพวกคุณนานมากแล้วก็ตาม

    คำถาม: รูปธรรมชีวิตที่ว่านี้ รวมถึงสิ่งที่พวกเราเรียกว่า “เยติ” (Yeti) และเทวะ (Devic) ด้วยหรือไม่ครับ ?

    Metatron: ไม่หรอก เพราะว่า แม้ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะมีอยู่จริงก็ตาม แต่พวกนี้ไม่ใช่ชาวเลมูเรีย และก็ไม่ใช่ชาวแอตแลนติสยุคต้นๆที่อพยพเข้ามาอยู่ในโลกชั้นในนี้ด้วย
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คำถาม: ท่านจะบอกพวกเราเกี่ยวกับเยติ ได้ไหมครับว่า พวกเขาเหมือนกับสิ่งที่พวกเราเรียกว่า “ไอ้ตีนโต” หรือ “บิกฟุต” (Bigfoot) หรือเปล่าครับ ?

    [​IMG]

    Metatron: สิ่งมีชีวิตที่พวกคุณเรียกว่าเยติหรือบิ๊กฟุตนั้น เป็นผลงานการทดลองด้านพันธุกรรมเวอร์ชั่นแรกๆบนโลกใบนี้ ตั้งแต่สมัยแอตแลนติสเมื่อประมาณ 200,000 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลานั้น มันมีการทดลองด้านพันธุกรรมเกิดขึ้นมากมายบนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ

    สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็มีภูมิปัญญาเหมือนกัน แต่พันธุกรรมของพวกเขาบกพร่อง พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาจากการผสมระหว่าง DNA ของมนุษย์กับของลิงเอ้ป (Ape) พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตครึ่งคนครึ่งสัตว์ เพื่อเอาไว้ใช้แรงงาน หรืออาจจะเรียกว่า สัตว์ที่มีความเฉลียวฉลาดมากขึ้น หรือเรียกว่าสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาคล้ายมนุษย์ก็ได้ แต่พวกเขาถูกบังคับให้มีรหัสพันธุกรรมที่จะไปสั่งการให้พื้นที่บางส่วนในสมองของพวกเขาใช้การไม่ได้

    พวกเขาคือผู้ที่รอดชีวิตมาจากยุคแอตแลนติส ที่พวกคุณเรียกว่า “ผู้อื่น” (the others) นั่นแหละ พวกเขาคือส่วนที่หลงเหลือมาจากยุคแอตแลนติส และพวกเขาคือผู้ที่ถูกสร้างขึ้นมา ด้วยความใจร้าย เพื่อเอาไว้ใช้แรงงานในเหมือง, ในฟาร์ม, และในอุตสาหกรรมทำป่าไม้ พื้นที่ในสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึก และพัฒนาการด้านความคิด ได้ถูกทำให้มีความบกพร่องในรหัส DNA ด้วยความตั้งใจ แม้ว่าจิตวิญญาณของพวกเขาจะมาจากแหล่งเดียวกันกับจิตวิญญาณของปลาโลมาก็ตาม

    แต่กระนั้น ในร่างกายของพวกเขา ก็ไม่มีพัฒนาการด้านอารมณ์ความรู้สึก หรือวิวัฒนาการด้านสติปัญญา ไปเกินกว่าขอบเขตที่ถูกจำกัดไว้ให้เลย แม้ว่าพวกเขาจะมีสิ่งที่เรียกว่า “ภูมิปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์” อยู่ด้วยก็ตาม แต่ว่ามีเพียงความแข็งแรงทางด้านร่างกาย และสัญชาตญาณการอยู่รอดเท่านั้น ที่เหลืออยู่และมีการพัฒนาขึ้น สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ไม่ได้อาศัยอยู่ในโพรงภายในโลก แต่พวกเขาอาศัยอยู่ในถ้ำในภูเขาที่ห่างไกล และอาศัยอยู่ในป่าลึกของพวกคุณ และในที่ลุ่มใกล้แหล่งน้ำ พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่หากินในเวลากลางคืน และจำนวนของพวกเขาก็กำลังลดลงเรื่อยๆ ซึ่งในสักวันหนึ่งก็จะไม่เหลืออยู่อีก

    สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีความเกรงกลัวต่อมนุษย์มากๆ และเมื่อพวกเขาวิวัฒน์มากขึ้น พวกเขาก็ยิ่งเศร้าโศกเสียใจและสับสนมากขึ้น พวกเขาจะคอยแอบมองพวกคุณด้วยความระมัดระวัง พวกเขารู้ว่าพวกเขาคือพี่น้องของพวกคุณ พวกเขาอยากเข้ามาใกล้ชิดกับพวกคุณ แต่ก็มีความวิตกกังวล และก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ ร่างกายของพวกเขาได้พัฒนาขึ้นจนมีขนดกปกคลุมทั่วร่างกาย และมีชั้นผิวหนังที่หนาและมีไขมันมาก เพื่อที่จะสามารถรอดชีวิตอยู่ได้ในพื้นที่ๆมีสภาวะภูมิอากาศที่รุนแรง และในตอนนี้ พวกเขากำลังมีชีวิตอยู่ในช่วงสุดท้ายของยุคของพวกเขาแล้ว จิตวิญญาณของพวกเขาไม่ต้องการที่จะวิวัฒน์ต่อไปในร่างกาย ที่มีข้อจำกัดทางพันธุกรรมแบบนี้อีกต่อไปแล้ว

    หากคุณได้จ้องมองเข้าไปในดวงตาของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้แล้ว พวกคุณจะรู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าเสียใจ ที่พวกเขามีอยู่อย่างมากมาย

    "ข้อความจากต่างมิติ-มิติคู่ขนาน-โลกใต้พิภพ-ufo-yeti"
    http://palungjit.org/threads/%E0%B8...ti.246724/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2012
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คำถาม: ท่านบอกว่าพวกเยติมีแหล่งกำเนิดของจิตวิญญาณเดียวกันกับปลาโลมาอย่างนั้นหรือครับ?

    [​IMG]

    Metatron: ถูกต้อง แต่ต้องเข้าใจให้ชัดเจนนะว่า จิตวิญญาณของพวกเขามาจากแหล่งเดียวกันกับของปลาโลมา แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นจิตวิญญาณชนิดเดียวกันนะ เพราะในความเป็นจริงแล้ว มันห่างไกลกันมาก คุณเห็นไหม๊ว่า สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่มีการแสดงออกถึงความมีชีวิตชีวา และความเฉลียวลาดเหมือนอย่างที่ปลาโลมามีเลย เพราะว่าร่างกายที่พวกเขาถูกกักขังอยู่นี้ ไม่เอื้ออำนวยที่จะให้พวกเขาทำเช่นนั้นได้

    คุณอาจจะสงสัยว่าจิตวิญญาณแบบไหนกัน ถึงได้เลือกที่จะลงมาเกิดในร่างกายที่เป็นยานพาหนะที่มีข้อจำกัดเช่นนี้ และคำตอบมันก็คือ มีจิตวิญญาณจำนวนน้อยมากๆ ที่เลือกที่จะทำเช่นนั้น และอีกไม่นานนี้ สปีชีส์ของพวกเขาก็จะไม่มีเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว แม้ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ จะสามารถแสดงออกถึงความเข้มแข็ง ถึงการเอาชีวิตรอดได้อย่างยอดเยี่ยมก็ตาม และแม้ว่าพวกเขาเองจะรักกันก็ตาม แต่พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะถอนตัวจากการเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดนี้แล้ว

    และถ้ามนุษย์ยังคงสร้างความแปดเปื้อนให้กับมหาสมุทรอยู่ต่อไป และยังฆ่าปลาวาฬและปลาโลมา ซึ่งมีพลังงานอันดีงามอยู่ต่อไปอีกหละก็ พี่น้องผู้ประเสริฐทั้งสองชนิดนี้ของพวกคุณ ก็อาจจะขอถอนตัวจากภาระหน้าที่นี้ก็ได้ พวกคุณไม่รู้หรอกว่าปลาวาฬและปลาโลมาทั้งหลาย ได้แผ่พลังงานแห่งแสงสว่างออกมาสู่มหาสมุทรของพวกคุณมากแค่ไหน คุณจะแปลกใจไหม๊ หากรู้ว่ามีพวกคุณหลายคนที่เป็นปลาโลมา ทั้งในปัจจุบันและในอดีตที่ผ่านมา เพราะว่าที่พวกคุณทำเช่นนั้น ก็เพื่อที่จะเสียสละตัวเอง เพื่อรับใช้ดาวเคราะห์โลกและมวลหมู่มนุษยชาติทั้งหลาย

    คุณเห็นไหม๊ว่า การเรียงตัวของโครงข่ายพลังงานของโลก, กระเปาะพลังงานของโลก (power nodes) และรูขาว (white holes) ทั้งหลายบนดาวเคราะห์ของพวกคุณ ไม่ได้มีอยู่เฉพาะบนพื้นดินแห้งๆเท่านั้น เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว ส่วนใหญ่พวกมันจะอยู่บนหรืออยู่ใต้น้ำ ซึ่งปกติปลาโลมา หรือมีบางกรณีที่ปลาวาฬ จะจัดเรียงพลังงานของพวกเขาให้เข้ากับจุดต่างๆเหล่านี้ เพื่อช่วยให้พลังงานของดาวเคราะห์โลกของพวกคุณเกิดความสมดุล

    สิ่งที่พวกคุณเรียกว่า “อาณาจักรเทวะ” (Devic Kingdom) นั้น มีรูปแบบของชีวิตที่อยู่ในมหาสมุทรและทะเลสาบ มากกว่าบนก้อนหิน, บนพื้นดิน และบนดิน

    คำถาม: ท่านบอกว่ามีรูปธรรมชีวิตต่างมิติอาศัยอยู่ในมิติชั้นในของดาวเคราะห์โลกดวงนี้ด้วย และท่านบอกว่าพวกเขาอยู่ในมิติ “มิติแห่งโฮโลแกรม” (holographic dimension) มีหลายคนรายงานว่าได้พบเห็นยานบินของพวกเขาด้วย แต่ในความคิดเห็นของผม ผมคิดว่าถ้าพวกเขาอยู่ในระนาบอื่นๆ พวกเขาไม่น่าที่จะถูกพบเห็นหรือถูกรับรู้ได้ง่ายๆ กรุณาอธิบายให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหมครับว่า มนุษย์โลกสามารถมองเห็นยานบินของพวกเขาได้หรือไม่?

    Metatron: คำถามนี้เป็นคำถามที่ซับซ้อนคำถามหนึ่งเลยทีเดียว ตอนนี้ให้เราอธิบายแบบนี้ดีกว่าว่า รูปธรรมชีวิตจากมิติอื่น, ระนาบอื่น, กาลเวลาอื่น และโลกอื่น เคยปรากฏตัวให้มนุษย์โลกได้เห็นจริงๆ ทั้งในอดีตและในปัจจุบันนี้ การปรากฏตัวของพวกเขา บางครั้งก็สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าด้วยความบังเอิญจริงๆ และในบางครั้ง พวกเขาก็ปรากฏตัวให้มนุษย์โลกได้เห็นด้วยความตั้งใจ

    ในกรณีแรก เป็นเพราะว่ามนุษย์โลก บังเอิญหลงผ่านเข้าไปในม่านกาลเวลา ซึ่งกั้นระหว่างสนามพลังของปัจจุบัน, อดีต และอนาคตของพวกคุณ หรือไม่ก็เป็นเพราะว่ารูปธรรมต่างมิติเหล่านี้หลงเข้ามาอยู่ในม่านแห่งคลื่นความถี่ที่กั้นอยู่ระหว่างมิติหนึ่ง หรือระนาบหนึ่งกับอีกระนาบหนึ่งโดยบังเอิญ ซึ่งปกติแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็จะสามารถถูกมองเห็นได้จากระนาบของพวกคุณ เช่นเดียวกับที่เมื่อพวกคุณบางคนหลงเข้าไปในอดีต หรือคล้ายอดีตแล้ว ผู้คนในยุคนั้นก็จะสามารถมองเห็นพวกคุณได้เช่นเดียวกัน

    ส่วนในกรณีที่เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจนั้น ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากเช่นนี้ เกิดขึ้นจากการกระตุ้น ให้ความตระหนักรู้ของจิตใต้สำนึกขยายตัวไปสู่จิตสำนึกในทันทีทันใด แล้วจิตสำนึกก็จะถูกกระตุ้นให้ตื่นตัว โดยการส่งผ่านความตระหนักรู้ดังกล่าว ให้เข้าไปสู่ลำดับชั้นของกาลเวลาที่แตกต่างกัน มันถูกสร้างขึ้นมาจากใจกลางหลากมิติของมิตินั้นๆโดยตรง และมันคือการพิสูจน์อะไรบางอย่างของพวกเขา แม้ว่ามันค่อนข้างจะไปรบกวนผู้ที่พบเห็นมันในเวลานั้นอยู่บ้างก็ตาม ซึ่งเขตแดนของมิติ และแบบจำลองเหล่านั้นทั้งหมด ปกติจะมีไว้สำหรับการฝึกฝนเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2012
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]

    ความรู้เรื่องโลกใต้พิภพ (ต่อ)

    คุณรู้ไหมว่า ในแต่ละมิติ ต่างก็มีวิชาวิทยาศาสตร์ และวิชาฟิสิกส์เป็นของตนเองที่ไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกันกับที่มันมีสาขาวิชาทางวิทยาศาสตร์ และฟิสิกส์ที่แตกต่างกันมากมาย บนโลกมนุษย์ในมิตินี้นั่นแหละ ศาสตร์ทั้งหลายที่อาจจะนำไปสู่หลักการที่แตกต่างกันอย่างมาก ถูกพวกคุณมองข้ามไปซะเป็นส่วนใหญ่ เช่น มันมีสาขาวิชาใหม่ของฟิสิกส์สาขาหนึ่ง ที่เปิดเผยความจริงมากมายเกี่ยวกับการขนย้าย (Transport), การเปลี่ยนรูป (Transmutation), และการเคลื่อนไหว (Locomotion) ได้มากกว่าวิทยาศาสตร์ที่พวกคุณยอมรับและเข้าใจ หรืออยากจะเข้าใจกันอยู่นี่ซะอีก

    และหากมนุษย์โลกได้ฝึกจิตจนมีจิตที่ละเอียดอ่อนมากพอ จนสามารถค้นพบกฎต่างๆของเทคโนโลยีจากนอกโลกได้แล้ว ความรู้ของพวกคุณ, วิธีการ และผลลัพธ์ของระบบขนส่งของพวกคุณก็คงจะแตกต่างและมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่นี้อย่างมาก นั่นเป็นเพราะว่า พวกคุณมัวแต่หมกมุ่นก็แต่กับเรื่องภายนอก และไม่สนใจใยดีกับ “ศักยภาพภายใน” ของตนเองที่อยู่ใน “จิตสำนึกอันศักดิ์สิทธิ์” เลย

    เวลานี้ เมื่อมนุษย์โลกตัดสินใจที่จะทุ่มเทการศึกษาให้กับศาสตร์ที่เรียกว่า “วิทยาศาสตร์การขนถ่าย และการอยู่ใน 2 สถานที่พร้อมกัน” (Science of Transportation and Bi-location) แล้ว และแน่นอนว่า มันเป็นวิทยาศาสตร์ที่มีความละเอียดอย่างมาก และมีกฎมากมาย ที่สามารถเรียนรู้และนำไปปฏิบัติได้จริงๆ เพราะฉะนั้น การเข้าไปเยี่ยมเยือนมิติคู่ขนานและเวกเตอร์อื่นๆ ที่อยู่ภายในกาลเวลาและอวกาศ ก็จะกลายเป็นสิ่งที่มีความบังเอิญน้อยลง และจะกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะความจงใจหรือการวางแผนแทน

    เมื่อใดที่มนุษย์สามารถเรียนรู้และควบคุม “ฟิสิกส์แห่งจิต” (mental physics) ได้แล้ว เมื่อนั้นมนุษย์ก็จะสามารถปลดปล่อยตัวเอง ให้เป็นอิสระจากการติดอยู่ในตัวคัดกรองของมายาการ (filtering illusion) และเครื่องพรางแห่งความเป็นทวิภาวะ (duality camouflage) ของโลกในมิติทางกายภาพนี้ได้อย่างกว้างขวาง จริงๆแล้วพวกคุณเพิ่งจะเริ่มเข้าใจว่าทำไม “เมอร์ขะบะห์” (Merkabah) และ “เมอร์ขิวะห์”(Merkivah) เมื่อถูกปรับจูนโดยจิตให้เข้ากับสนามคริสตัล (crystalline field) แล้ว จึงสามารถปลดล็อคกุญแจนี้ได้

    นี่คือส่วนหนึ่งของสิ่งที่จะกลายเป็นสิ่งที่พวกคุณจะต้องปรับปรุงใหม่ เพราะว่าโครงข่ายทั้ง 144 เส้น และเครือข่ายของพลังงานคริสตัล (crystalline energy) จะทำให้พวกคุณบางคนพยายามทุ่มเทความสนใจ ไปในศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์นี้ คุณเห็นไหม๊ว่าศาสตร์ทุกศาสตร์ จะต้องมี “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” (divine) เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเสมอ

    ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่ระบบการศึกษาหลักในปัจจุบันของพวกคุณ ละเลยอย่างสิ้นเชิงมาโดยตลอด เพราะฉะนั้น เรามาย้อนกลับไปที่คำถามและหัวข้อเรื่องกันดีกว่า จุดสำคัญมันอยู่ที่ว่า ชาวโลกที่บอกว่าตนเองพบเห็นยานบินจากนอกโลก หรือพบเห็นสิ่งที่พวกคุณเรียกว่า “จานบิน” นั้น ไม่ได้หมายความว่าจานบินเหล่านั้นอยู่ที่นั่นจริงๆเลย แม้ว่าจะมีหลายคนมากที่อ้างว่าได้เห็นมากับตาตัวเองจริงๆก็ตาม แต่ก็มีบ้างที่มีจานบินอยู่ตรงนั้นจริงๆ แต่ก็น้อยมากๆ และผู้ที่พบเห็นยานบินเหล่านั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมองเห็นด้วยความตระหนักรู้แบบพิเศษมากกว่า ไม่ได้มองเห็นด้วยตาเนื้อธรรมดา เพราะว่าความจริงก็คือ ยานบินส่วนใหญ่ที่กำลังท่องไปในสนามพลังของมิติคู่ขนานมิติใดมิติหนึ่ง จะมีเกราะป้องกันไม่ให้พวกคุณมองเห็นได้ โดยอาศัยคลื่นความถี่ของมิตินั้นๆจริงๆ เป็นเครื่องพรางกั้น

    เพราะฉะนั้น ถ้าจะพูดให้ถูกต้องแล้ว ก็จะต้องบอกว่า ส่วนใหญ่แล้วยานบินเหล่านั้นไม่ได้อยู่ และไม่สามารถอยู่ที่นั่น ในมิติของพวกคุณจริงๆได้ แต่ที่พวกมันถูกพบเห็น ในกรณีที่เป็นการพบเห็นจริงๆ มันคือภาพสะท้อนของพวกมัน มันคือภาพสะท้อนทางพลังงานของพวกมัน ที่เข้าไปปรากฏอยู่ในมิติของพวกคุณ เพราะว่าพลังงานของพวกมันได้เข้าไปสู่สเปกตรัมของมิติของโลก ในชั่วขณะที่เกิดการล่าช้าจากความเร็วของแสง และชั้นต่างๆของรูหนอนในอวกาศ (space-hole folds) อะตอม, พลาสมา และโมเลกุลต่างๆที่ประกอบกันขึ้นเป็น “ยานบิน” นั้นๆ ถูกสร้างขึ้นมาจากรูปแบบทางกายภาพ ที่มีพันธะยึดเหนี่ยวทางโครงสร้าง และมีการเรียงตัวทางกายภาพ สอดคล้องกับธรรมชาติและรูปแบบของมิติของพวกมันเองโดยเฉพาะ

    ทีนี้ ถ้ายานบินลำใดบินเข้ามาสู่ระนาบของพ
    วกคุณ การบิดเบือนอย่างรุนแรง ก็จะเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้โครงสร้างที่แท้จริงของมันมากก็จะตกอยู่ในสภาวะวิกฤติ ระหว่างการเปลี่ยนรูปแบบตัวมันเอง ไปเป็นวัสดุที่มีอยู่ในมิติของพวกคุณโดยสมบูรณ์แบบ กับการพยายามรักษารูปแบบดั้งเดิมของตัวมันเองไว้ ชาวโลกที่พบเห็นยานบินดังกล่าวนั้น เพราะพยายามที่จะเชื่อมโยงสิ่งที่ตนเองพบเห็น ให้เข้ากับระบบความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องจักรวาลของพวกเขาเอง เพราะฉะนั้น ผลลัพธ์สุดท้ายของสิ่งที่ชาวโลกผู้ที่เชื่อว่าพวกเขาได้พบเห็นยานบิน ก็คือพวกเขามองเห็นยานบินรูปร่างแปลกๆ และพร่ามัว เหมือนกำลังอยู่ในแสงสว่างที่กำลังหมุนอยู่

    แต่ว่าความจริงแล้ว มันไม่ใช่เลย ยานบินจะรักษาสภาพ
    โครงสร้างเดิมของมันเอาไว้ เท่าที่มันจะทำได้ และเปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างของมันเอง ในส่วนที่จำเป็นจะต้องเปลี่ยน เพื่อให้เข้ากับกฎของระนาบแห่งมิติใหม่นั้นๆได้ เพราะว่าชาวโลกเมื่อได้เห็นภาพเดียวกันนี้แล้ว ก็แปรความหมายเอาเองตามความเชื่อและภูมิปัญญาของตนเอง เพราะฉะนั้น สิ่งที่พวกเขารายงานเกี่ยวกับรูปร่าง, ขนาด และสีของมัน จึงผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงไปมาก มีน้อยครั้งที่ยานบินถูกพบเห็นในมุมที่ถูกต้อง ตรงกับที่มันถูกสร้างมา ตามที่ปรากฏอยู่ในมิติของมันเองจริงๆ
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]

    ดังนั้น สิ่งที่ดูเหมือนจริงเหลือเกินสำหรับพวกคุณ อย่างมากมันก็เป็นแค่ภาพที่บิดเบือนเท่านั้นเอง ยานบินส่วนมาก มาจากมิติและระนาบที่มีความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากกว่าพวกคุณมากมายนัก ยานบินที่พวกคุณพบเห็น แม้แต่ที่เป็นภาพที่บิดเบือนนั้นก็ตาม ก็ไม่ได้ถูกสร้างมาจากสิ่งที่พวกเราเรียกว่า “ระนาบที่สูงกว่าของความคิดที่บริสุทธิ์” หรือ “ระนาบแห่งจิตสำนึก-วิทยาศาสตร์” เลย

    เพราะฉะนั้น ภาพสะท้อนจากคุณสมบัติบางอย่างของเครื่องพราง บางครั้งจึงดูเหมือนว่าสามารถมองเห็นได้ ยานบินเหล่านี้ ที่ตั้งใจเดินทางมาที่มิติของพวกคุณ จะมาอยู่เพียงแค่ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น เพราะว่ายานพาหนะจากอวกาศชั้นในเหล่านี้ ไม่สามารถอยู่ในระนาบของพวกคุณได้นานๆ เพราะว่ามันมีแรงตึงเครียดมหาศาลเกิดขึ้น ที่จะไปบีบอัดความแข็งแกร่งของโครงสร้างของยานบินเข้า และแรงบีบอัดเหล่านี้ก็สามารถทำให้เกิดแรงกดดันอย่างมหาศาลขึ้น จนสามารถทำให้ยานบินเหล่านั้นสลายตัวไปในอากาศ ภายในระยะเวลาไม่นาน ได้เลยทีเดียว

    การจะทำให้โครงสร้างของยานบินเปลี่ยนรูปแบบกลายเป็นวัตถุธาตุทางกายภาพ เพื่อให้เข้ากันได้กับกฎทางฟิสิกส์ของพวกคุณ ซึ่งอยู่ต่างมิติกันแบบนี้ จำเป็นจะต้องได้รับการฝึกฝน และในเวลานี้ จึงไม่มียานบินใดๆที่สามารถอยู่ได้ในมิติของพวกคุณ โดยไม่มีขีดจำกัดด้านเวลาเลย เปรียบเทียบคร่าวๆก็จะเหมือนกับ การที่เรือดำน้ำของพวกคุณ ถ้าลงไปลึกเกินระดับลึกสุดที่มันสามารถจะลงไปได้แล้ว มันก็จะประคองตัวเองไว้ไม่ให้ได้รับความเสียหายได้อย่างยากลำบาก และในไม่ช้ามันก็จะได้รับความเสียหาย จากความดันที่สูงเกินจะทนรับได้ในที่สุด คุณเข้าใจไหม๊?

    ดังนั้น รูปร่างของยานบินที่พวกคุณเห็น มันจึงเป็นรูปร่างลวงตา ที่บิดเบี้ยวไปจากความเป็นจริงของมัน มีหลายครั้งที่ชาวโลกรายงานว่าพบเห็นยานบินรูปทรงซิการ์ หรือยาวๆเหมือนบุหรี่ซิการ์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว นั่นก็เป็นการมองเห็นที่บิดเบือนเหมือนกัน และมันก็ไม่ได้มีส่วนสัมพันธ์อะไรกับรูปร่างที่แท้จริงของมัน ที่ถูกออกแบบมาอย่างสลับซับซ้อน และถูกมองเห็นในมิติบ้านเกิดของมันเองเลยแม้แต่น้อย เราอยากจะบอกพวกคุณว่า มีชาวโลกหลายคนที่เชื่อเหลือเกินว่าการพบเห็นจานบินของพวกเขาเป็นเรื่องจริง แม้ว่ามันจะมาจากภาพที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเองบ่อยๆก็ตาม

    ตอนพวกคุณเป็นเด็ก มีพวกคุณกี่คนที่เคยเห็นซานตา คลอส อยู่บนท้องฟ้า นั่งอยู่บนรถเลื่อนที่ถูกลากด้วยกวางเรนเดียร์จริงๆบ้าง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ซานตา คลอส ของพวกคุณ ก็มีตัวตนอยู่จริงๆ และมีความตระหนักรู้อยู่จริงๆซะด้วย เพราะว่าพวกคุณได้ป้อนอาหารให้แก่ “สิ่งมีชีวิตในรูปแบบความคิด” (thought form life) ของพวกคุณ ผ่านทางระบบความเชื่อของพวกคุณเองอยู่เสมอ และอันที่จริงแล้ว “ตัวละคร” มากมายจากนวนิยายของพวกคุณ ก็มีตัวตนอยู่จริงๆ และมีการตระหนักรู้อยู่จริงๆด้วยเช่นกัน แต่อยู่ในรูปแบบของความคิดหรือจิต ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากกระแสจิตของผู้คนจำนวนมาก

    คุณจะเห็นว่าพวกคุณมีความคิดสร้างสรรค์กันมากแค่ไหน เพราะว่าโดยแท้จริงแล้ว มันเป็นความสามารถอย่างหนึ่งของ “วิทยาศาสตร์ทางจิต” (Mental Science) ของพวกคุณเอง ที่ทำให้มันสัมฤทธิผล และสำแดงตัวตนออกมาได้ เพราะระบบความเชื่อของพวกคุณ แต่ก็อย่าเข้าใจผิดไปว่าสิ่งมีชีวิตนอกโลกจะมีเพียงที่อยู่ในมิติต่างๆเท่านั้น เพราะว่ามันมีรูปธรรมชีวิตมากมายดาษดื่นอยู่ในเอกภพเต็มไปหมด และอันที่จริงแล้ว มันก็มีอีกมากมายที่อยู่ภายใน และอยู่บนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณด้วย

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นบรรพบุรุษของพวกคุณเอง ที่กำลังทำงานร่วมกับพวกคุณ ในกระบวนการเลื่อนระดับขึ้น (ascension) และกระบวนการพัฒนาโลกใบนี้อยู่ในขณะนี้ ซึ่งในบรรดารูปธรรมที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาเหล่านี้ กลุ่มที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุด ก็คือชาวกลุ่มดาวลูกไก่ (Pleades), ชาวกลุ่มดาวซีรีอุส A และ B (Sirius A and B), ชาวกลุ่มดาวแอนโดรมีด้า (Andromeda) และชาวกลุ่มดาวอาร์คทูริอุส (Arcturius)

    อันที่จริงแล้ว พวกคุณหลายคน เคยอยู่ในยุคแอตแลนติสมาก่อน เหมือนๆกับรูปธรรมชีวิตเหล่านี้แหละ และพวกคุณก็เคยอยู่ร่วมกันกับพวกเขาด้วย แต่อยู่ในมิติคู่ขนานกัน แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันก็ตาม อย่างที่เราได้บอกท่านไปแล้วก่อนหน้านี้ ความจริงแล้ว รูปธรรมชีวิตเหล่านี้ สามารถดำรงอยู่ในรูปกายเนื้อได้บนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ และพวกเขาก็ได้ทำเช่นนั้นมาแล้วเป็นเวลานานแสนนาน แต่นี่ก็ไม่บ่อยเท่ากับการเปลี่ยนรูปแบบ โดยใช้วิทยาศาสตร์ทางจิต หรือการควบคุมอำนาจจิต

    ยานอวกาศของพวกเขา ไม่มาปรากฏในมิติของพวกคุณอย่างที่พวกคุณหลายคนจินตนาการไว้ เพราะความจริงแล้วรูปธรรมชีวิตเหล่านี้ ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยีประตูมิติหรือสตาร์เกต (Stargate) เพื่อช่วยให้พวกเขามาปรากฏตัวที่มิติของพวกคุณได้ ซึ่งมันก็คล้ายๆกับ “การบีม” (beaming) ในหนังเรื่องสตาร์เทร็ก (Star-Trek) ของพวกคุณนั่นแหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2012
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]

    ตอนนี้ ระนาบระหว่างมิติต่างๆ แห่งโลกหลากมิติ สามารถรวมกัน และก็ได้รวมเข้าด้วยกันแล้วในดาวเคราะห์หลายดวง เหมือนกันกับบนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ และบ่อยครั้งที่พวกเขา ไม่ตระหนักรู้ หรือรู้สึกถึงรูปธรรมชีวิตที่อยู่ในระนาบอื่นๆที่อยู่บนดาวดวงเดียวกันนั้นเลย

    คุณรู้ไหมว่า ระนาบของมิติคู่ขนาน บ่อยครั้งที่จะมีลักษณะโฮโลแกรม (hologramic) โดยธรรมชาติ เพราะฉะนั้น พวกมันจึงไม่จำเป็นต้องอาศัย “พื้นที่ว่าง” ในการดำรงอยู่เลย พวกมันไม่ใช่สถานที่จริงๆในนิยาม หรือ หลักการเกี่ยวกับ “สถานที่” ของพวกคุณ ระนาบโฮโลแกรมคู่ขนานใดๆ อาจจะเป็นภพภูมิแห่งจิต ที่แทรกอยู่ในกาลเวลาใดกาลเวลาหนึ่งก็ได้ หรือมันอาจจะเป็นภพภูมิพิเศษเฉพาะที่อยู่อย่างเดี่ยวๆก็ได้ แต่สิ่งเหล่านี้ ก็ไม่ได้ทำให้ความมีอยู่ของมันลดน้อยถอยลงแต่ประการใด

    ความจริงแล้วงานศิลปะของคริสโต (Christo Vladimirov Javacheff) จำนวนมากมาย ก็เป็นการสอดแทรกโฮโลแกรมเข้าไปอย่างตั้งใจแบบนั้นเหมือนกัน การสอดแทรกโฮโลแกรม อาจจะดำรงอยู่ในแค่ในช่วงเวลาหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็หายไป เพราะว่ามันไม่ใช่ “สถานที่” ที่แท้จริงในเอกภพ การสอดแทรกโฮโลแกรมใดๆ จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้รูปธรรมชีวิตทั้งหลาย ใช้เติมเต็มอารมณ์และเติมเต็มบทเรียน ในระดับต่างๆกัน

    มนุษย์โลกมักจะไม่รู้ว่า “อารมณ์ความรู้สึก” และ “จินตนาการ” มีความสำคัญและให้ผลลัพธ์ออกมาได้มากแค่ไหน ทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในวิทยาศาสตร์ทางจิต (Mental science) เลยทีเดียว เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว สภาวะของอารมณ์ และสิ่งที่พวกคุณเรียกว่า “จินตนาการ”หรือความคิดเพ้อฝันนั้น มันคือ “ระนาบแห่งมิติ” และความจริงแล้ว ระนาบแห่งมิติหนึ่งๆ ก็มีความคล้ายคลึงกันกับสภาวะอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งนั่นเอง ซึ่งถ้าเปรียบเทียบแบบนี้แล้ว มันจะเหมาะสมและสมเหตุสมผลมากกว่าการที่จะไปเปรียบเทียบระหว่าง “ระนาบ” กับ “สถานที่” ซะอีก

    ตอนนี้ ชาวกลุ่มดาวลูกไก่ และดาวซีรีอุส ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของ DNA ของพวกคุณ กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดอยู่กับมนุษย์โลก และหากจะพูดตามภาษาของพวกคุณ ที่เข้าใจว่าเวลาเป็นเส้นตรงแล้ว ก็น่าจะพูดได้ว่า รูปธรรมชีวิตผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาเหล่านี้ เคยทำงานกับพวกคุณมาแล้ว ทั้งในอดีต, ปัจจุบัน และในอนาคต พวกเขาพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะช่วยให้มนุษย์โลก ได้ "อำนาจอันยิ่งใหญ่ที่แท้จริงของตนเอง" กลับคืนมา

    รูปธรรมชีวิตเหล่านี้ทำงานกับสนามแรงโน้มถ่วง, ระบบโครงข่ายแม่เหล็ก,ระบบการหมุนเวียนของกระแสลมและกระแสน้ำ และระบบทางเข้าออกของดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การอัพเกรดประตูมิติของโลกที่กำลังมีการปรับปรุงกันใหม่อยู่ในขณะนี้ เพราะเหตุนี้ พวกเขาจึงได้พัฒนาวิธีการที่จะให้สามารถอยู่ร่วมกันกับพวกคุณให้ได้ในระดับหนึ่ง และเพื่อที่จะให้สามารถปรากฏกายของตนเองให้สามารถอาศัยอยู่ภายในและอยู่บนโลกของพวกคุณได้

    พวกเขามักจะสร้างรูปวงกลมที่บรรจุรหัสของข้อความบางอย่างเอาไว้ เพื่อช่วยเหลือพวกคุณในด้านต่างๆมากมาย ซึ่งส่วนหนึ่งของวงกลมที่ว่านี้ก็คือ “วงกลมปริศนาแห่งท้องทุ่ง” (Crop circle) นั่นเอง วงกลมปริศนาเหล่านี้ถูกส่งออกมา โดยเริ่มแรกจะออกมาในรูปของกระแสจิตแห่งแสงสว่างที่เข้มข้นก่อน จากนั้นก็จะไปรวมเข้ากับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลก เพื่อสร้างให้เกิดรูปสัญลักษณ์ต่างๆ ตามที่ได้ตั้งโปรแกรมเอาไว้ วงกลมปริศนาเหล่านี้ มีพลังงานไฟฟ้าสูงโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้นชาวโลกที่เคยเข้าไปนั่งในวงกลมปริศนาที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆนี้ จึงสามารถยืนยันถึงความแรงของพลังงานที่มีอยู่ในนั้นได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2012
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]

    กล่าวปิดท้าย

    เราจะขอกล่าวทิ้งท้ายไว้ให้พวกคุณว่า ทุกสรรพชีวิตล้วนเกิดมาจากแสงสว่างทั้งสิ้น และแสงสว่างที่ว่านั้น ก็กำเนิดมาจาก “จิตสำนึก” หรือ “สติสัมปชัญญะ” (consciousness) ซึ่งนั่นก็คือจาก “ความคิด!” นั่นเอง

    ภารกิจของพวกคุณบนดาวเคราะห์โลกใบนี้ คือการมาเรียนรู้ถึงความเป็นทวิภาวะ (Duality – หมายถึงการมีทั้งดี-ทั้งชั่วในคนๆเดียวกัน และอื่นๆที่เป็นคู่ตรงข้ามกันแบบนี้ – ผู้แปล) เพื่อที่จะมาเรียนรู้, มาพัฒนา และมาค้นหาแสงสว่างให้เจอ วัตถุประสงค์ของพวกคุณ ก็คือการมาเผชิญชีวิต และเพื่อมาแสวงหาความเข้าใจ เพื่อที่จะมาทำให้ความลึกลับของชีวิตเปิดเผยตัวออกมา พวกคุณจะพบว่า ความรักคือความสั่นสะเทือนแห่งการสรรสร้างของทุกสิ่งทุกอย่าง และพวกคุณจะพบว่า การแสวงหาความรู้ ซึ่งหมายถึงความรู้ที่แท้จริงเท่านั้น คือกุญแจสำคัญแห่งการพัฒนา…

    ...เราได้บอกคุณไปแล้วว่าความรักคือกุญแจ ความรักคือภาษาแห่งแสงสว่างอย่างหนึ่ง และมันก็อยู่ในรูปแบบต่างๆมากมาย พวกเราได้บอกคุณไปแล้วว่า “ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข”(Unconditional Love) คือรูปแบบที่สูงสุดของความรัก ซึ่งในมิติที่ 3 ของพวกคุณ ไม่อาจจะเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ แม้ว่ามันจะสามารถจินตนาการถึงได้ แต่ว่าก็จะไม่สามารถประจักษ์แจ้งจริงๆได้ในมิติที่ 3 แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่า ความรักแบบไม่มีเงื่อนไขนี้ ไม่มีอยู่สำหรับพวกคุณ หรือว่าจะไม่สามารถเข้าถึงมันได้ หากว่ายังอยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ เพราะว่าจริงๆแล้วมันก็มีอยู่ เพียงแต่ว่ามันอยู่ในมิติที่ 5 ขึ้นไปเท่านั้นเอง

    ประเด็นนี้อาจจะทำให้พวกคุณงง เพราะว่าพวกคุณคิดว่า พวกคุณก็ได้ประจักษ์กับความรักแบบไม่มีเงื่อนไขมาบ้างแล้วเหมือนกัน ซึ่งนั่นก็ถูกต้อง เพราะว่าพวกคุณได้ประจักษ์แล้วจริงๆ พวกคุณสามารถทำได้ และก็ทำได้จริงๆซะด้วย แต่ที่ทำได้นั้นหนะ ไม่ใช่ตอนที่พวกคุณกำลังอยู่ในทวิภาวะแห่งมิติที่ 3 นี้หรอกนะ เพราะว่ามิติที่ 3 นี้ มันเป็นมิติแห่งความมีเงื่อนไข และมันก็ถูกโปรแกรมเอาไว้อย่างลึกซึ้ง และถูกออกแบบมาให้มีความเป็นขั้วที่สลับซับซ้อนมากๆ

    ในมิติที่ 3 นี้ ความรักมันก็มีขั้วตรงข้ามเป็นของมันเองด้วย เช่นเดียวกันกับแสงสว่าง และทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในสเปกตรัมของแม่เหล็กไฟฟ้า ในมิติที่ 3 นี้ ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข มันจะถูกรับรู้ได้ ก็ต่อเมื่ออยู่ในสนามพลังแห่งจุดศูนย์ (Zero Point Field) เท่านั้น ซึ่ง ณ. สภาวะนั้น มันจะปราศจากความเป็นขั้ว สนามพลังแห่งจุดศูนย์นี้ ไม่ใช่ทวิภาวะอย่างหนึ่ง และก็ไม่มีความเป็นขั้วด้วย แบบแผนของมิติที่ต่ำที่สุด ที่จะสามารถรับรู้ถึงคุณสมบัติของความรักแบบไม่มีเงื่อนไขได้ ก็คือมิติที่ 5 และที่มิติที่ 5 นี่เอง ที่พวกคุณรับรู้มันได้ ตามที่กล่าวไปแล้วนั้น คุณเข้าใจไหม๊?

    ชาวโลกที่รักทั้งหลาย ในขณะที่พวกคุณกำลังเจริญเติบโตอยู่นี้ พวกเราอยากจะบอกคุณว่า ในมิติที่สูงๆกว่านั้น แท้ที่จริงแล้ว พวกคุณได้ตระหนักรู้อย่างสมบูรณ์แบบ ถึงความสลับซับซ้อนของตัวตนทั้งหมดของพวกคุณเอง ที่มีจำนวนนับพันๆ ที่แผ่ขยายออกมาจากวิญญาณของพวกคุณเองเรียบร้อยแล้ว ซึ่งความตระหนักรู้ผ่านทางตัวตนเหล่านี้เองที่พวกคุณเรียกว่า “จิตใต้สำนึก” (Subconscious mind)

    ซึ่งมันคือประกายหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า (spark of God) และพวกคุณทุกคนก็สามารถเข้าถึงมันได้ ด้วยวิธีการทำจิตสำนึกให้สงบนิ่ง (quieting the conscious mind) ด้วยการลงมือปฏิบัติ! ด้วยความพากเพียรพยายาม! ด้วยการเข้าให้ถึงสภาวะที่สมบูรณ์แบบดังกล่าวนั้น มันเป็นความฝันที่สวยงาม และมันก็สลับซับซ้อนพอๆกับ “ลูกบาศก์ 12 มิติแห่งเมตาตรอน” (Metatron’s 12 dimensional cube) จงทำความลึกลับให้กระจ่างเถิด !

    เราคือเมตาตรอน และพวกคุณคือผู้ที่เรารัก...และมันก็เป็นเช่นนี้เอง....

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อความจากต่างมิติ-มิติคู่ขนาน-โลกใต้พิภพ-ufo-yeti.246724/page-2

     
  8. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    ขอให้ทุกท่านจรรโลงพระพุทธศาสนา ให้คงอยู่และเผยแพร่ให้กว้างไกลเพื่อให้สรรพสัตว์พบหนทางสว่างที่แท้จริง ที่ถูกต้อง ตามรอยพระบาทพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า สาธุ
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คำยืนยันของคุณอัญญาสิทธิ์ ถึงความมีอยู่จริงของมนุษย์ใต้พิภพ !!!

    เกษม สมาชิก

    เรียนคุณอัญญาสิทธิ์ ด้วยความเคารพ

    จากการที่ผมได้รวบรวมคำทำนายในศาสนาคริสต์ ได้พบความจริงว่าเป็นเรื่องของมนุษย์ต่างดาวแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าการเสด็จมาของพระคริสต์ครั้งที่สอง(มนุษย์ต่างดาวฝ่ายดี) และการมาครอบครองโลกของซาตานในช่วงเวลาแห่งการชำระโลก(แอนตี้ไคร้สต์,อิลูมินาติ,มนุษย์ต่างดาวฝ่ายชั่ว)

    ผมจึงอยากทราบเรื่องของมนุษย์ต่างดาว ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่วนี้ ว่าพวกเขาจะมีบทบาทกับโลกและประเทศไทยอย่างไรบ้าง เพราะผมทราบมาว่ามีผู้ปฏิบัติธรรมหลายท่าน ได้พบปะพูดคุยกับมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้้ รวมทั้งได้ไปเห็นฐานปฏิบัติการของมนุษย์ต่างดาว ที่ซ่อนอยู่ในภูเขาแห่งหนึ่งในประเทศไทยด้วยครับ

    สุดท้ายนี้ผมขออนุโมทนา ในกุศลเจตนาของคุณอัญญาสิทธิ์และหมู่คณะ ที่กำลังทำงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อยู่ในขณะนี้ ถึงจะมีผู้ไม่หวังดีคอยขัดขวางอยู่บ้าง ก็ขออย่าได้ท้อถอย ขอให้อดทนเพื่อความอยู่รอดของคนดีมีศีลธรรมต่อไปครับ

    Aunyasit สมาชิก

    คุณเกษม :- สำหรับเรื่องของมนุษย์ต่างดาวนั้นผมเองก็มีความเชื่อว่ามี และหลายปีก่อนก็เคยสัมผัสในสมาธิ บังเอิญว่าปฏิบัติแล้วจิตหลุดเข้าไปในมิติของเขา ก็เห็นเขาทำสงครามกัน พวกเขามาหลบภัยในที่ที่เราไปหลบภัยก็เลยเจอกัน เขาบอกว่าอย่าออกไปจากที่หลบภัยเพราะอันตราย เท่าที่เห็นเขาแต่งตัวแปลกๆดูน่าเกรงกลัว และไปเห็นเขาใช้อาวุธปืนที่ยิงออกมาเป็นแสงเหมือนแสงเลเซอร์ ครับ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าพวกมนุษย์ต่างดาวพวกนี้คงไม่ได้มาทำอันตรายอะไรโลกมนุษย์ โลกนี้มนุษย์ทำลายเองโดยอาศัย โลภ โกรธ หลงของตนเองป็นที่ตั้ง เพราะเท่าที่ทราบจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จักรวาลแต่ละจักรวาลนี้จะมีผู้ทำหน้าที่ดูแลอยู่

    แม้จะมีพวกเกเรนอกจักรวาลมาเกเรในโลกมนุษย์บ้าง ก็ไม่สามารถสู้ความบริสุทธิ์ของพระพุทธองค์ผู้เป็นต้นธาตุต้นธรรมในจักรวาลได้ ส่วนที่คนเขาเห็นกันว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวในรูปของยานต่างๆ ผมเข้าใจว่าเป็นกลุ่มต่างๆของพวกบังบด ที่มีมิติซ้อนกันกับโลกมนุษย์ซะมากกว่า หลายครั้งหลายคราเท่าที่ผมติดตามดูจะเป็นพวกนี้ซึ่งมีอยู่หลายพวก และบังบดพวกนี้แหละที่จะคอยช่วยมนุษย์เราเพราะเทคโนโลยีเขาดีกว่ามนุษย์เรามาก การแปรเปลี่ยนของธาตุบนโลกจะมีผลกระทบกับทั้งมนุษย์และภพภูมิบังบดพวกนี้ด้วย เราจึงเห็นเขาขับยานเข้าๆออกจากมิติภพภูมิ

    ระดับจิตเขาสูงกว่ามนุษย์เรา เขามาหาเราได้แต่เราไปหาเขาไม่ได้ยกเว้นไปทางจิตครับ ที่ด้านหลังพุทธสถานฯห้าพระองค์ก็เป็นบังบดพวกนึงที่ครูบาอาจารย์ท่านเคยมาบำเพ็ญบารมีเพื่อขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ทางเข้า-ออกเขาเป็นเนิน จอมปลวกขนาดใหญ่สูงๆ ครับ มีตอนที่จะไถเนินนี้ทิ้ง ก็ลองเดินไปส่องดูปรากฏว่าเห็นคนถืออาวุธยืนล้อมรอบเนินนั้นเต็มไปหมด เขาบอกว่าตรงนี้ขอไว้ ผมก็เลยให้รถไถเขาเว้นเอาไว้จนถึงปัจจุบัน

    ใครอยากรู้เห็นก็ลองไปสื่อสารดูครับ ผมชอบไปคุยกับเขาเวลาดึกๆ เพราะเงียบดีและช่วงเวลานั้นญาณรู้เห็นแจ่มใสดี พวกช่างก่อสร้างมักเจอกันบ่อยครับ เขามาบอกว่าผีหลอกที่ตรงเนินนั้น มีเสียงตะโกนออกมาบ้าง เห็นเป็นคนเดินมาบ้าง ที่จริงไม่ใช่ผีหรอกครับแต่เป็นพวกบังบดพวกนี้ อาวุธยุทโธปกรณ์เขาดูล้ำสมัยมาก เห็นแล้วก็น่ากลัวครับ แต่ว่าเขาก็ไม่ทำร้ายใครหากไม่ไปทำผิดอะไรต่อเขาในที่นั้น

    ส่วนในเรื่องกาลเวลาของภัยพิบัตินั้น ให้แต่ละท่านที่จะใช้ข้อมูลต่างๆในการตัดสินใจ ใช้วิจารณญาณและดุลยพินิจ ของตนเองให้ดี ไม่ต้องมาเชื่อข้อมูลจากผมเป็นหลัก แต่ให้ใช้ข้อมูลจากผมเป็นเพียงข้อมูลประกอบในการตัดสินใจของท่าน เท่านั้น
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ผมขอเรียนทำความเข้าใจ กับเพื่อนสมาชิกทุกๆท่าน

    เรื่องของภัยพิบัตินี้ มีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวเป็นอย่างมาก ผมจึงจำเป็นต้องนำข้อมูลจากทุกศาสนา ทุกลัทธิความเชื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวนี้มาโพสต์ให้เพื่อนๆ สมาชิกได้รับทราบกัน ซึ่งเปรียบเทียบข้อมูลเหล่านี้ได้กับใบไม้นอกกำมือ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีอยู่มากมายเหลือคณานับ

    ข้อมูลเหล่านี้จะจริงหรือเท็จประการใด ผมไม่อาจจะยืนยันได้ เพียงแต่อยากให้เพื่อนๆ ได้นำข้อมุลเหล่านี้มาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ เรื่องการเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับภัยพิบัติ หากมีสมาชิกท่านใดเห็นว่าเป็นการเผยแพร่ลัทธิความเชื่อของศาสนาอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพระพุทธศาสนานี้ ผมก็ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย เพราะผมอยากให้มองเป็นข้อมูลทางด้านวิชาการเท่านั้น อย่าได้จับเอามาเป็นประเด็นให้เกิดความขัดแย้งกันทางด้านศาสนาเลยครับ
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คำแปลบทสัมภาษณ์ "Lacerta"ชาวโลกอีกหนึ่งเผ่าพันธุ์

    [​IMG]


    คำถาม: บางครั้งคุณพูดถึงเมืองใต้ดินและแสงอาทิตย์เทียม คุณหมายถึงบางสิ่งบางอย่างเช่น “โลกกลวง” งั้นหรือ? หรือว่ามีดวงอาทิตย์ดวงที่สองอยู่ภายในโลก?

    คำตอบ: ไม่ ๆ โลกไม่ได้กลวง และไม่มีดวงอาทิตย์ดวงที่สองอยู่ข้างใน เรื่องนี้มันน่าขันและเป็นไปไม่ได้ในทางกายภาพ (แม้ว่าเผ่าพันธุ์ของคุณจะฉลาดพอที่จะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้) คุณรู้มั้ยดวงอาทิตย์ต้องมีมวลเท่าไหร่ถึงจะสามารถผลิตพลังงานและแสงออกมาได้เป็นเวลานาน โดยอาศัยการฟิวชั่น? คุณคิดจริง ๆ หรือว่า มันสามารถมีดวงอาทิตย์เล็ก ๆ อีกดวงในดาวเคราะห์? เมื่อฉันพูดถึงบ้านใต้ดิน ฉันหมายถึงระบบถ้ำที่ใหญ่ ถ้ำที่คุณพบใกล้ ๆ ผิวโลกนั้นเล็ก เมื่อเปรียบเทียบกับถ้ำจริง ๆ และเป็นโพรงที่โหญ่อยู่ลึกลงไปในโลก (ลึกประมาณ 2,000 ถึง 8,000 ในหน่วยเมตรของคุณ แต่เชื่อมต่อกันด้วยอุโมงค์ที่ซ่อนอยู่มากมายเพื่อไปยังผิวโลกหรือผิวโลกแถว ๆ ถ้ำ)

    และพวกเราอาศัยอยู่ในเมืองและโคโลนีที่กว้างใหญ่ และก้าวล้ำมากข้างในถ้ำเหล่านี้ เมืองหลัก ๆ ของพวกเราอยู่ภายใต้อาร์กติก, แอนตาร์กติก, ส่วนในเอเชีย, อเมริกาเหนือและออสเตรเลีย ถ้าฉันพูดถึงแสงอาทิตย์เทียมในเมืองของพวกเราฉันไม่ได้หมายถึงดวงอาทิตย์จริง ๆ แต่เป็นแสงที่สร้างโดยเทคโนโลยี (รวมถึงแหล่งที่มาจากแรงโน้มถ่วงด้วย) ที่ส่องแสงอยู่ในถ้ำและอุโมงค์ มีบางพื้นที่ในถ้ำและอุโมงค์ที่เป็นที่พิเศษที่มีแสง UV แรงเป็นพิเศษ ซึ่งจะมีอยู่ทุกเมืองและพวกเราใช้สถานที่นี้ทำให้เลือดของพวกเราร้อนขึ้น ยิ่งกว่านั้นพวกเรามีพื้นที่ที่ใช้รับแสงอาทิตย์บนผิวโลกด้วย ในพื้นที่ที่ห่างไกลโดยเฉพาะในอเมริกาและออสเตรเลีย

    คำถาม: มีจำนวนเอเลี่ยนกี่เผ่าที่อยู่บนโลกเรา ณ ขณะนี้?

    คำตอบ: เท่าที่เราจำได้ 14 เผ่า 11 เผ่า มาจากจักรวาลนี้ 2 เผ่า มาจาก “bubble” อื่น และอีก 1 เผ่าที่ก้าวหน้ามาก ๆ มาจาก plain ที่แตกต่างกันมาก อย่าถามชื่อเลย เพราะเกือบทั้งหมดนั้นไม่สามารถออกเสียงเป็นแบบคุณได้ มีแปดกลุ่มที่ไม่สามารถออกเสียงได้แม้แต่เราก็ตาม มีอยู่หลายเผ่า โดยเฉพาะที่ก้าวหน้ามาก ๆ เขาศึกษาพวกคุณเหมือนคุณเป็นสัตว์ และพวกเขาไม่เป็นอันตรายกับคุณและสำหรับพวกเราด้วย และพวกเราทำงานร่วมกันกับบางคนของเขา แต่มีอยู่สามกลุ่มที่มีเจตนาร้าย รวมถึงกลุ่มหนึ่งที่ติดต่อกับรัฐบาลของพวกคุณ และแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีในเรื่องทองแดงและสิ่งสำคัญอื่น ๆ และจะหักหลังพวกคุณ

    ตอนนี้มี “สงครามเย็น” ระหว่างกลุ่มที่คิดร้ายกับคุณสองกลุ่ม ซึ่งเกิดขึ้นเป็นเวลา 73 ปีแล้ว และกลุ่มที่สามดูเหมือนจะเป็น “ผู้ชนะ” ในการต่อสู้ที่ไม่มีประโยชน์นี้ พวกเราคาดการณ์ว่าจะมีสงครามที่ “ร้อนแรง” ระหว่างพวกเขากับคุณในอนาคตอันใกล้นี้ (อาจจะใน 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า) และพวกเราเป็นกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น ในเวลาไม่นานมานี้มีข่าวลือว่ามีกลุ่มใหม่อีกกลุ่มเข้ามา กลุ่มที่ 15 ที่มายังโลกเมื่อ 3 หรือ 4 ปีก่อน แต่พวกเรายังไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของพวกเขา และจนกระทั่งบัดนี้พวกเราก็ยังไม่สามารถติดต่อกับพวกเขาได้ บางทีข่าวลืออาจจะผิดก็ได้

    (ท่านที่สนใจสามารถเข้าไปอ่านต่อได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ เพราะข้อมูลยาวมาก)

    บทสัมภาษณ์ “Lacerta” ชาวโลกอีกเผ่าพันธุ์หนึ่ง ตอนที่ 1

    ฉันรับรองว่าเรื่องราวที่ว่ามานี้เป็นเรื่องจริง และไม่ใช่นิยายวิทยาศาสตร์ นี่เป็นส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ที่ฉันที่ได้คุยกับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์อย่างเรา ๆ แต่เป็นพวกมนุษย์เลื้อยคลานเผ่าพันธุ์หนึ่ง อ่านต่อ…

    บทสัมภาษณ์ “Lacerta” ชาวโลกอีกเผ่าพันธุ์หนึ่ง ตอนที่ 2
    ฉันขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าข้อความต่อไปนี้เป็นความจริง ไม่ใช่นิยาย! มันได้ถูกเรียบเรียงจากเทปบันทึกเสียงตันฉบับสามม้วนที่ได้ถูกบันทึกเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2000 อ่านต่อ…
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2012
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สงครามที่"ร้อนแรง"ระหว่างอเมริกากับเอเลี่ยน !!!

    [​IMG]

    คำถาม: ต่อไปพูดเกี่ยวกับเรื่อง UFO แล้วกัน คุณอธิบายให้หน่อยได้มั้ยว่ารัฐบาลของพวกเราไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่อง UFO จนถึงจุดที่ว่ามีโปรเจคที่จะสร้าง UFO ขึ้นมาได้ยังไง? มันเกี่ยวกับเหตุการณ์ UFO ตกที่รอสเวล [Roswell] หรือเปล่า?

    คำตอบ: ใช่แล้ว! แต่ว่าเหตุการณ์ UFO ตกในครั้งนั้นไม่ใช่ครั้งแรก ฉันไม่ได้เป็นนักประวัติศาสตร์ ฉันศึกษาแค่ความประพฤติของพวกคุณในขณะนี้ ดังนั้นความรู้ของฉันเกี่ยวกับเหตุการณ์เหล่านี้ในตามประวัติศาสตร์ของคุณแล้วจึงไม่รู้ชัดเท่าไหร่ ฉันจะบอกคุณตามที่ฉันรู้ก็แล้วกัน ขอเวลาฉันนึกสักหน่อย ตามช่วงปี 1946 ถึง 1953 ในเวลาของคุณ มีห้าเหตุการณ์ที่ยานบินของพวกเอเลี่ยนตกมายังผิวโลก ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์ UFO ตกที่รอสเวลด้วย มันไม่ได้มีแค่ยานเอเลี่ยนลำเดียว

    แต่มีสองลำที่ตกหลังจากการปะทะกันในที่ส่วนอื่นของดินแดนในตะวันตก คือที่คุณเรียกว่าอเมริกา (คุณควรรู้ว่ายานบินของพวกเผ่าพันธุ์นี้ยังสามารถลอยตัวอยู่ได้ในอากาศเป็นระยะเวลาหนึ่งแม้ว่ายานจะเสียหาย นั่นเลยทำให้มันตกคนละที่ {กับที่ที่มันชนกันกับที่ที่ตก}) เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่เป็นครั้งที่สองและสาม [เนื่องด้วยมี UFO สองลำที่ชนกันและตกลงมา] ลำอื่นนั้นตกมาในปี 1946 [เหตุการณ์ที่รอสเวลเกิดปี 1947] แต่ว่ามันเสียหายจนไม่สามารถนำมาใช้งานได้

    สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ก่อนที่จะอธิบายต่อ: มันคงดูเป็นเรื่องน่าขันสำหรับคุณที่ยานบินของพวกเอเลี่ยนที่เจริญมาก ๆ ตกลงมาได้ และดูเป็นจำนวนมากในเวลาสั้น ๆ คำอธิบายในเรื่องนี้อาจฟังดูแปลก ๆ แต่เป็นเรื่องจริง มันไม่เป็นเรื่องโกหกที่ยานบินมีตัวขับเคลื่อนในตัวมันเอง แต่ว่ามันก็ยังอาศัยสนามแม่เหล็กโลกด้วย เผ่าพันธุ์นั้นที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่ และตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงเวลาที่เผ่าพันธุ์นี้ใช้ยานที่รูปร่างเหมือนจานอยู่ ใช้ระบบขับเคลื่อนที่ขับเคลื่อนยานโดยใช้หลักการฟิวชั่น แต่แค่อย่างนั้นอย่างเดียวนั้น ในชั่วเวลานั้นไม่เป็นไปตามวิธีการบินที่ต้องสอดคล้องกับสนามแม่เหล็กโลกเป็นอย่างมาก

    วิธีนี้มีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีข้อเสียด้วย สนามพลังที่ถูกขับออกมานั้นจะต้องสอดคล้องในมุมที่เหมาะสมกับผิวโลก เผ่าพันธุ์นี้ใช้เทคโนโลยีในการปรับเปลี่ยนสนามพลังที่ถูกขับออกมานี้ เป็นแบบล็อกค่าไว้เป็นค่าเดียวกันในทุกจุดของสนามแม่เหล็กโลก ตอนนั้นพวกเอเลี่ยนกลุ่มนี้พึ่งเข้ามายังโลก และดาวของพวกเขานั้นมีสนามแม่เหล็กที่คงที่ ซึ่งเป็นที่ที่เขาพัฒนาตัวขับดัน แต่สนามแม่เหล็กบนโลกนั้นไม่คงที่ มันมีการเปลี่ยนแปลงเป็นวัฏจักรและทำให้เกิดกระแสหมุนวน [eddy] ภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่เหมาะสม เมื่อยานของพวกนี้เข้าไปในสนามแม่เหล็กที่แกว่งไปมา [fluctuation] หรือหมุนวน [eddy] ที่แรงมาก

    ทำให้สนามพลังที่ถูกปล่อยออกมาจากยาน ไม่สามารถจะปรับเปลี่ยนตัวมันเองให้ถูกต้องในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ และระบบนำร่องของยานไม่สามารถควบคุมเส้นทางการบินได้ ตัวขับเคลื่อนทำงานถูกต้องแน่ ๆ แต่ว่าสนามแม่เหล็กโลกที่เปลี่ยนแปลง [fluctuate] ในทุก ๆ ทิศทาง เพราะว่าเหตุผลเหล่านั้นทำให้ยานตกลงมา ในการตกเมื่อปี 1947 ตามตำแหน่งที่คุณเจอยานที่ตก ในความเข้าใจของฉัน ยานลำหนึ่งตกอยู่ในสนามแม่เหล็กที่ปั่นป่วน มันเกิดขึ้นกับผู้นำฝูงบินและยานลำนั้นได้ชนกับลำอื่น ทำให้ยานทั้งสองลำเสียหายมาก สาเหตุของการปั่นป่วนของสนามแม่เหล็กโลกครั้งนั้น บางทีอาจะเกิดจากการรบกวนทางไฟฟ้าที่มาจากสภาพอากาศ ท้ายสุดยานทั้งสองลำก็ตกลงมา ยานลำหนึ่งตกลงใกล้ ๆ จุดที่ปะทะกัน ส่วนอีกลำตกห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ลูกเรือตายทั้งหมด โครงสร้างบาง ๆ ของยานไม่แข็งแรงมากนัก เพราะว่าไม่ได้ถูกออกแบบมาเผื่อการตก และสำหรับการบินในสนามพลังที่สนามพลังภายนอกมีการเปลี่ยนแปลง

    หลังจากนั้นพวกทหารของมนุษย์ก็ได้มาเก็บชิ้นส่วนยาน จนกระทั่งพวกเขาพบยานทั้งลำที่มีศพลูกเรืออยู่ข้างใน ทันทีทันใดนั้น พวกเราก็ระบุว่าทุก ๆ สิ่งเป็น “ความลับสุดยอด” และนำซากเหล่านั้นไปที่ฐานทัพของพวกเขา เพื่อที่จะนำไปวิเคราะห์ตัวขับเคลื่อน ความพยายามอย่างลับ ๆ ที่จะเอาเทคโนโลยีของพวกเอเลี่ยน เพื่อที่จะนำไปใช้กับศัตรูของประเทศที่ยิ่งใหญ่นั้น มันเป็นเรื่องที่น่าขันสิ้นดี ฉันเชื่อว่าฉันจำได้ ฉันไม่ต้องการที่จะระบุวันเวลาที่แน่นอนลงไป ว่าในช่วงปี 1949 และ 1952 นั้นมีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นระหว่างการวิจัยซากยาน ตามที่ฉันได้ยินมา จากพวกเผ่าพันธุ์ของฉันที่สมาชิกของรัฐบาลนั้นเล่าให้ฟัง มันเป็นผลมาจากการไปกระตุ้นชิ้นส่วนของตัวขับเคลื่อนโดยไม่ได้ตั้งใจในสภาพที่ไม่มีอะไรป้องกัน [unshield] ตัวขับเคลื่อน

    ผลที่ตามมาในช่วงเวลาสั้น ๆ ฉันจะใช้คำพูดอะไรดี มันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมให้เปลี่ยนแปลงระดับขึ้นเป็นสภาพที่เหมือนพลาสม่า ซึ่งในอีกนัยหนึ่ง ทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ถือว่าโชคไม่ดีเอามาก ๆ ทำให้เกิดการสร้างสนามพลังที่มากเกินไปในการสั่นสะเทือนทางแม่เหล็กของพลังที่มหาศาล คุณพอจะรู้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าสนามพลัง plasma-manatic เมื่อกระแทกเข้าใส่ร่างกายสิ่งมีชีวิตแล้วจะเกิดอะไรขึ้น มันจะทำให้เกิดการปั่นป่วนในโครงสร้างของสนามพลังและไฟฟ้าชีวภาพ [bioelectric] ลองจินตนาการดู ถ้าคุณนึกออก ร่างกายของมนุษย์ที่มีไฟลุกท่วมเป็นเวลา 3 หรือ 4 วัน เปลวไฟพวกนี้ไม่ดับ และจะเผาพลาญจนกระทั่งองค์ประกอบสุดท้าย ตอนนี้คุณคงรู้บ้างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่ามีนักวิทยาศาสตร์ 20 หรือ 30 คนตายไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2012
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สงครามที่"ร้อนแรง"ระหว่างอเมริกากับเอเลี่ยน(ต่อ)

    เหตุการณ์ UFO ตกอีกสองครั้งหลัง เกิดขึ้นในปี 1950 และ 1953 ตกลงในส่วนที่เป็นที่กักน้ำของแผ่นดินอเมริกา ยานสามารถกู้ขึ้นมาได้ในสภาพที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ (ยานลำที่ตกในปี 1953 เท่าที่ฉันจำได้ แม้ว่าตัวขับเคลื่อนจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ในความหมายของคุณที่คุณเข้าใจว่าสิ่งนั้นเรียกว่าตัวขับเคลื่อน มันถูกสร้างมาด้วยแนวความคิดที่ไม่ถูกต้อง และคุณก็นำเอาไปเป็นแบบทำให้สร้างออกมาก็ไม่ถูกต้องเหมือนกัน จนกระทั่งบัดนี้มันก็ยังไม่ปรังปรุงให้มันถูกต้อง) เผ่าพันธุ์ที่สร้างยานของเขาที่ดาวของเขา เผ่าพันธุ์ที่ฉันนับว่าพวกเขาไม่เป็นมิตรกับพวกคุณ มีความกังวลเกี่ยวกับการที่พวกเราไปวิเคราะห์เทคโนโลยีของพวกเขา พวกเขาไม่อยากให้ทำ

    อย่างไรก็ตาม ก็ในช่วงแรก ทำให้พวกเขามีการติดต่อโดยตรงกับรัฐบาลประเทศนั้นในช่วง 1960 ตามเวลาของคุณ แน่นอนพวกเขาไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงว่าพวกเขามาทำไมที่โลกนี้ ทองแดง ไฮโดรเจน อากาศ นี่เป็นสิ่งที่พวกนั้นต้องการ แต่ว่าบางพวกก็แอบอ้างว่าเป็น “นักวิจัย [researchers]” ที่อยากรู้อยากเห็น และเสนอที่จะให้หลักการการทำงานของยานของพวกเขา และคาดว่ามี “ความกรุณา” บางอย่างเป็นการตอบแทนความคิดที่พื้น ๆ ของคุณทำให้คุณตกลง และมันเป็นการหลอกลวงของพวกนั้น คุณให้วัตถุดิบ คุณให้สถานที่ที่ปลอดภัย เพื่อให้พวกนั้นใช้เป็นที่อยู่ คุณให้พวกเขารู้ถึงข้อมูลเกี่ยวกับกำลังทางทหารที่เป็นความลับของพวกคุณ

    คุณให้พวกเขารู้ถึง DNA ของพวกคุณ และมากมายกว่านั้น ทั้งหมดนั้นคุณทำไปเพื่อสนองความอยากของคุณที่จะได้มีกำลังทหารที่ยิ่งใหญ่ และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า พวกเอเลี่ยนเหล่านั้นรู้ได้ทันทีว่าพวกเขากำลังติดต่อกับพวกสัตว์โลกที่มีความคิดพื้น ๆ [หรือจะเรียกว่าโง่ก็ได้] พวกเขาให้ข้อมูลที่ผิด ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีกับคุณ ดังนั้นพวกเขาจึงได้ประโยชน์มากกว่าพวกคุณ ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาให้ข้อมูลว่าตัวขับเคลื่อนนั้นสามารถสร้างโดยใช้ธาตุที่ไม่เสถียรที่มีเลขอะตอมสูง ๆ ได้เพียงอย่างเดียว แต่พวกเขาไม่บอกข้อมูลที่ว่าตัวขับเคลื่นสนามพลังนั้น ต้องถูกสร้างด้วยการมีการดัดแปลงหลายอย่างถึงจะทำงานได้ดีด้วยธาตุที่เสถียร และมีเลขอะตอมน้อยกว่า และต้องทำอย่างนี้มันถึงจะสมบูรณ์

    ความจริงเพียงแค่ครึ่งหนึ่งที่พวกเขาบอกไปนั้น ทำให้คุณต้องใช้แต่ธาตุสังเคราะห์ที่{มีเลขอะตอม}สูง และด้วยเหตุนั้นจึงต้องนำไปทำใหม่ด้วยเทคโนโลยีของพวกเขาเอง คำใบ้ของพวกเขาในการสร้าง “UFO” ของพวกคุณวางอยู่ในแนวทางในการแก้ปัญหาเก่า ๆ และก่อให้เกิดปัญหาใหม่ ๆ ตามมา พวกเขาไม่เคยบอกความจริงทั้งหมด แต่สร้างเรื่องโกหกที่แนบเนียนหลายต่อหลายครั้ง ที่ทำให้เกิดปัญหาทางเทคนิค และทำให้ต้องพึ่งพวกเขาตลอด

    ในช่วงปลาย 1970 และต้น 1980 ของพวกคุณ เป็นครั้งสุดท้ายที่มีเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นกับพวกเอเลี่ยนกับรัฐบาลมนุษย์พวกนั้น ฉันไม่ต้องการพูดลึกลงไปในรายละเอียด เพราะว่ามีหลายเรื่องที่ฉันไม่รู้จริง เหตุการณ์มันเกิดมาจากปัญหาทางเทคนิคใหม่ หรือจะพูดให้ดีกว่านั้น เป็นปัญหาเก่า ๆ [ของเอเลี่ยน] กับยานที่พวกคุณสร้าง ซึ่งการพรางตัวและการขับเคลื่อนบางส่วนไม่ทำงานในการทดลองบินกลางแจ้ง เพราะว่าเรื่องนั้นทำให้เรื่องที่เป็นความลับนี้ถูกเปิดเผย ทหารของพวกคุณและนักการเมืองของพวกคุณรู้สึกตัวได้ช้า ช้ามาก ๆ ว่าเป็นเวลากว่า 20 ปีมานี้พวกเขาถูกหลอกโดยมนุษย์ต่างดาวกลุ่มนี้

    มีการไม่ลงรอยกันหลายอย่าง และมีการก้าวล้ำขอบเขตข้อตกลง โดยทั้งสองฝ่ายท้ายสุดมันเป็นการนำไปสู่การทะเลาะกันระหว่างคุณกับพวกเอเลี่ยน จนกระทั่งถึงจุดที่แตกหักที่ว่ามีการทำลายยานของเอเลี่ยนสามลำโดยอาวุธพิเศษ คุณเรียกมันว่าอะไร? อาวุธที่ปล่อย EMP {คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า} และมีการโจมตีทางทหารที่ฐานใต้ดินแห่งหนึ่งของพวกเอเลี่ยน ผลที่ตามมาจากการโจมตีครั้งนี้ พวกเอเลี่ยนยกเลิกการติดต่อกับพวกคุณทั้งหมด และเข้าใจว่าโมโหพวกคุณมาก ดังนั้น ฉันจึงนับว่าพวกเอเลี่ยนกลุ่มนี้ในสามกลุ่มเป็นศัตรูกับคุณ และอีกสองกลุ่มที่เหลือก็ทำเพื่อผลประโยชน์ของพวกเขาเอง และก็มีสงครามเย็นท่ามกลางพวกนี้ในการยึดโลกเป็นของพวกตัวเอง

    “เพื่อน” เก่าของคุณกำลังเตรียมหาเสบียงให้พวกตัวเอง โดยการยึดครองวัตถุดิบทั้งหมดและ DNA ของมนุษย์ไว้แต่เพียงกลุ่มเดียว ในตอนนี้มันอาจจะจริงที่ว่าพวกเขาขาดความเป็นไปได้ทางเทคนิค และกำลังทางทหารที่เยอะพอที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย แม้ว่าอย่างนั้น พวกเราก็คาดว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น เป็นไปได้ว่ามีการใช้เลห์เหลี่ยมมากต่อพวกคุณในไม่กี่ปี หรืออีก 10 กว่าปีข้างหน้า

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2012
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สาเหตุ UFO ตกที่ รอสเวล

    [​IMG]

    ชาวพลีอิเดี้ยน(มนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์หนึ่ง) ได้กล่าวถึงการแกล้งทำจานบินตกที่ รอสเวล เช่นกัน เป็นการยืมดาบฆ่าคนของชาวเกรย์(มนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์หนึ่ง) ใช้องค์กรลับปั่นป่วนไปทั่วโลก สร้างสงครามกลางเมือง เพื่อขายอาวุธ เข้ายึดแหล่งทรัพยากร เช่น เหมืองทอง เหมืองเพชร น้ำมัน

    -- สิ่งมีชีวิตต่างดาวที่เป็นกายเนื้อ มองเห็นได้ มีเป็นบางส่วน บางส่วนเป็นพวกกายทิพย์ บางทีจะเห็นเป็นเงาๆ หรือจะเห็นได้ในรูปถ่าย เนื่องจากพวกเกรย์หรือพวกอื่น มีอุปกรณ์ที่สามรถสลายร่างให้เป็นพลังงานได้ แต่ก็อาจเห็นได้จากกล้องถ่ายรูปที่ตาเรามองไม่เห็น

    ปี 1989-1973 จากรายงานของ MJ-12 มีการลักพาตัวประมาณหลายพันรายแล้ว

    -ปี 1979 หน่วยเดลต้าฟอร์ซ พยายามจะลงไปปล่อยคนที่ถูกจับมาทดลอง บางรายเป็นเด็ก ถูกฆ่าเอาอวัยวะเพื่อเป็นอาหารของเกรย์ ทหาร 66 คน ถูกฆ่าตายทั้งหมด ไม่เหลือรอดสักคน

    --1984 หน่วย MJ-12 ส่งสคริปท์เรื่อง อีที และ Close Encounter of the third kind พร้อมช่วยโปรโมทอย่างลับๆ เพื่อสร้างภาพ ให้ชาวต่างดาว ดูน่ารักสำหรับมนุษย์ และการแลกเปลี่ยนประชากรตามหนังเรื่องที 2 ก็เกิดขึ้นจริงๆ

    ---ภาพยนต์ ดิเอ็กซ์ไฟล์ ส่วนใหญ่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง ล่าสุด Taken จากสปิลเบริก ผู้สร้างเรื่องอีที ก็สับแหลก การกระทำของเกรย์ และองครฺกรลับที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีทั้งกองทัพสามเหล่า ,หน่วยความมั่นคง, หน่วยราชการลับ องค์กร อิลลูมิเนตติ ไตรเลทเทอราล และพวกบิลเดอร์เบอร์เกอร์(บิลเกตต์และเชื้อพระวงศ์ยุโรปก็เป็นพวกนี้ กุมบังเหียนโลก-สำนักงานใหญ่อยู่ที่สวิส---อันนี้เพิ่มเติมจากผมเองครับ

    ขอแก้ข่าวเรื่องรอสเวลล์ ในยานลำนั้นมีเกรย์ 4 ตัวครับ ตายทันที 1 ตัว และช่วง 1984 MJ-12 ก็เตรียมจะแถลงความจริงเรื่อง EBE(มนุษย์ต่างดาวที่รอดตายจากจานบินตก) สู่สาธารชนเช่นกัน และยังมีนายมัวร์ ได้เขียนเรื่องจานบินตกที่รอสเวลล์ไว้อย่างละเอียด จึงได้เชิญนาย มัวร์ มาอัดวีดิโอไว้ด้วย มีการอ้างถึงพระเยซูคริสต์ EBE ก็รับมุขทันที โดยอ้างว่าพวกตนนี่แหละได้ทำการการสร้างพระคริสต์ขึ้นมา โดยวิธีทางพันธุกรรม และมีการฉายวีดิโอโฮโกรมสามมิติ ตั้งแต่กำเนิดของโลก จนกระทั่งการถูกตรึงการเขน

    แต่ภาพไม่ได้ชัดเจนนัก เพราะระบบของภาพยนต์ไม่เข้ากันทางความเร็ว แต่ผลกระทบนี้มีมากมายมหาศาลต่อชาวโลก เพราะความเชื่อทางศาสนาที่มีมานับพันปีจะถูกสั่นคลอน และถอนออกไปจากจิตใจมนุษย์ ทำให้เรารู้สึกเคว้งคว้างว่างเปล่า ว่าทำไมพระเจ้าจึงกลายเป็นชาวต่างดาวไปได้เล่า หลังจากพวกนักวิชาการได้วิเคราะห์แล้ว จึงงดการเผยแพร่ภาพยนต์ดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง

    จากการสำรวจของทางกองทัพอเมริกัน แยกเกรย์เป็น 3 แบบ

    1. เกรย์ ชนิดที่ 1 สูง 3 ฟุตครึ่ง หัวโต ตาโต หัวตาเฉียงลง เก่งและเคารพเทคโนโลยีเป็นศาสนา ไม่คิดร้ายต่อมนุษย์
    2. ชนิดที่สอง นิ้วมือมีรูปแบบต่างออกไป หน้าตาต่างออกไปเล็กน้อย จะมีความซับซ้อนทางจิตใจ ใช้สามัญสำนึกเป็น และไม่ต้องการสารจากอวัยวะสัตว์ก็อยู่ได้
    3.เกรย์ชนิดที่ 3 ปากจะบางกว่า และเชื่อฟังคำสั่งของ สองพวกแรกเป็นอย่างดี

    --พวกอื่น เรียกว่า พวกผมบลอนด์ ชาวสวิส หรือ นอร์ดิกส์ เหมือนมนุษย์เรา ต่ไม่ค่อยปรากฏตัว หรือจุ้นจ้านกับมนุษย์ เพราะถือกฏสมาพันธ์กาแลคติก คือการไม่แทรกแซงสังคมมนุษย์ ยกเว้น เมื่อการกระทำของเกย์ส่งผลร้ายต่อสังคมมนุษย์อย่างรุนแรงและเฉียบพลัน

    --มนุษย์ หลากหลายมิติ สามรถมาในรูปร่างต่างๆ นิสัยรักสงบ
    --คนแคระ สูง 4 ฟุต หนัก 35 ปอนด์ มีหนวดเครา ไม่ทำร้ายสิ่งมีชีวิตที่ฉลาด
    --พวกตัวสูง สูง 7-8 ฟุต ผมบลอนด์
    --พวกตัวคล้ายมนุษย์ อาจจะเป็นลูกผสม หรือแอนดรอย์ เป็นลูกมือของเกรย์
    --ชายชุดดำ ใส่หมวก ใส่แว่นดำ ผิวซีด ไวต่อแสง ไม่ชอบแสงสว่าง บางทีก็เป็นภาพลวงสามมิติ(โฮโลแกรม) บางทีก็เดินหลบพวกเดียวกันไม่ได้ ต้องบอกให้คนช่วยย้ายออกไป และมีสายไฟโผล่มาจากรองเท้า อาจเป็นหุ่นยนต์ หรือตัวโคลนนิ่ง--ผมเคยอ่านมาน่ะครับ

    อืม ลืมบอกไป นอกจากพวกที่อาศัยอยู่ใต้ดิน ใต้ทะเลแล้ว มีอีกพวกที่อยู่ ใจกลางโลกเลย พวกนี้มีหลายเผ่า พลังจิตสูงมาก มีผู้เข้าไป และถ่ายภาพยนต์ไว้ แต่ทางการสหรัฐพยายามปิดข่าว และโต้แย้ง แบบร้อนตัว ทุกวันนี้ ลูกหลานของนายพลที่ถ่ายหนังไว้ ก็สืบทอดเจตนารมย์อยู่ครับ เขากล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐต้องรู้เรื่องพวกนี้ดี และรู้มานานแล้วด้วย

    --มนุษย์ หลายมิติ พวกเขาบอกว่า โลกของก้อนหิน-ไม่มีชีวิต ถือเป็นมิติที่หนึ่ง สำหรับเขาพวกพืชก็เป็นมิติที่สอง พวกสัตว์ มนุษย์ ก็เป็นมิติที่สาม บางครั้งพวกเขาก็ติดต่อไปยังมิติที่หนึ่งเหมือนกัน ถ้าไม่นับมิติกาลเวลาเป็นมิติที่สี่ ให้แยกออกมาเสีย

    มนุษย์กำลังก้าว เข้ามิติที่ 4 หรือความหนาแน่นที่ 4 โดยพวกเขาจะทำการล้างโลกบางส่วน และดวงอาทิตย์บางส่วนไปด้วย พวกเขาบอกว่า โดยทำการกลับสปินของอะตอม ไป 90 องศา(โลกตีลังกา?) ก็จะเกิดสิ่งใหม่ คือเราจะเข้าสู่กาล-อวกาศใหม่ของมิติอื่น พวกเขาบอกว่า สามารถย้ายสสารและมนุษย์ได้โดยวิธีนี้ ส่วนใหญ่จะพาไปที่ใต้ทะเล เพื่อตรวจสอบแล้วส่งกลับมาแบบเดิม มิติที่พวกเขาอยู่ จะมีความเร็วของอะตอมมากกว่าของเรา 17 เท่า และมีความเล็กละอียดมากกว่า รวมทั้งแสงในมิตินั้นก็เร็วประมาณ 17 เท่าของมิติเรา

    ---ปัจจุบันการ คำนวณทางทฤษฎีสตริง พบว่ามีมิติที่ 10,11 และมีถึง 26 มิติ จากการคำนวณ แต่ในทางการมองเห็น หรือความเข้าใจ เราไม่อาจเข้าใจได้ เช่น เราวางกระดาษบางมาก บนโต๊ะ มองลงไป ก็จะเห็นแผ่นกระดาษ เป็นสองมิติ กว้าง-ยาว แต่มองขนานกับขอบโต๊ะ ก็จะไม่เห็นกระดาษ เพราะเรามองดูมิติที่ 3 ซึ่งกระดาษมีแค่สอง เมื่อเข้าสู่มิติสูงๆ ประมาณมิติที่ 7 เราก็จะเห็นสิ่งรอบตัวหายไป เพราะกาล-อวกาศ(ที่ว่าง)-time-space ม้วนตัวกลับสู่จุดกำเนิด ทั้งจักรวาลกลายเป็นจุดสามมิติเล็กนิดเดียว หรือหายไปเลย

    ---การลักพาตัว จะเกิดมากที่สุดในอเมริกา เพราะการยินยอมจากรัฐบาล เหตุผลเพื่อการวิจัยยีนส์ และการผสมข้ามพันธุ์ ว่ากันว่าชาวเกรย์ ให้ทุนสถาบันในอเมริกา 10 แห่ง เพื่อการวิจัยโคลนนิ่งอย่างเดียว เพราะพวกเขาต้องพึ่งการสืบพันธุ์แบบนี้ แต่มีข้อเสียคือรุ่นหลังจะอ่อนแอลง ชื่อของพวกเขา มาจากสีผิวที่เราจะเห็นเป็นสีเทา แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ

    1. มาจากกลุ่มดาว โอเรี่ยน เป็นโอเรียนเกรย์ชนิดที่ 1
    2. โอเรียนเกรย์ชนิดที่ 2
    3. เกรย์สปีชี่ย่อย

    นอกจากนี้จะมีพวก เกรย์สปีชี่ย่อยลงไปอีก 22 แบบ จากดาว ริเกล -Rigel,เออร์ซ่า เมเจอร์-Ursa Major ,ดราโคนิส- Draconis และ ซีต้า เร็ตติคิวลั่ม-Zeta Reticulum

    --เราต้องพยายามเข้าใจพวกเขา เพราะพวกเขามีจุดประสงค์เพื่อเข้าครอบครองโลก โดยเหตุผลของความเห็นแก่ตัว-โลภ เกรย์จากโอเรี่ยน มี 2 แบบ แบบตัวใหญ่ และอีกแบบตัวเล็ก ตัวเล็กจะถูกโคลนนิ่งจากพวกตัวใหญ่ ซึ่งเรามองดูจะเหมือนกันราวกับตุ๊กตา-หรือปั๊มออกมาเป็นล็อตๆ

    --เกรย์ จะมีจุดอ่อนในระบบทางเดินอาหาร และมีจิตสำนึกร่วมกัน(แบบ มด,ผึ้ง) ต่างกันกับพวกเราที่มีจิตสำนึกเดี่ยวเฉพาะบุคคล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2012
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สาเหตุ UFO ตกที่ รอสเวล (ต่อ)

    [​IMG]

    --ศาสนาของเกรย์(มนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์หนึ่ง) คือวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ทางจิตวิญญาณ

    --โครงส้างทางสังคม คือการเคารพเชื่อฟัง และทำหน้าที่

    --การยึดโลก จะใช้การควบคุมจิตมนุษย์มากกว่าใช้กำลัง- -ตามความเห็นของผม ในอเมริกา น่าจะเกิน 80 เปอร์เซนต์ที่เขาควบคุมได้--บางประเทศแถบฝรั่งเศส ถึง 100 เปอร์เซนต์-ที่มีอุปกรณ์ฝังอยู่ในตัวคน

    ---ตามข้อมูลล่าสุด เขาได้ขายประเทศให้กับเกรย์เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในภาวะจำยอม เนื่องจากเทคโนโลยี่ทางอาวุธ ยังห่างชั้นจากเกรย์มากนัก ประมาณว่า ดร.กับเด็กอนุบาล

    ---ในโครงการ รัดจ์ ได้เกิดการวิวาทกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ที่เห็นพวกเกรย์เอาคนไปผ่าทำเป็นมนุษย์แมงมุมหกขา อะไรต่างๆ(จะมองมนุษย์เหมือนคนใจบาปมองดูเป็ดไก่ เตรียมชำแหละ) จนหน่วยเอ็มเจ-12 ได้เข้ามาเคลียร์ อาวุธทุกชนิด ทำอันตรายพวกเขาไม่ได้ หน่วยเอ็มเจ 60 คน เสียชีวิตทั้งหมด--องค์การลับได้สั่งหยุดการทดลองร่วมทันที- -นักวิทยาศาสตร์ ได้กลับบ้าน และแอบเอาเอกสารลับออกมาบอกญาติว่า ถ้าพวกเขาถูกฆ่าตายให้แฉเอกสารทันที

    ---นี่คือที่มาของการรั่วไหลของข่าวจาก แอเรีย 51 และที่อื่นๆ โดยที่อเมริกามีกฏหมายใหม่ ให้คนทั่วไปสามารถขอดูเอกสารของทางการได้ แต่เอกสารเกี่ยวกับยูเอฟโอ จะถูกลบด้วยหมึกสีดำ ดูได้ที่เวป The black Vault แต่ก็พอมีเค้าเงื่อนให้ติดตามได้ ว่ามีจานบินและเอเลี่ยนอยู่จริง

    ---อำนาจและเทคโนโลยี่เป็นสิ่งจำเป็น ในที่สุดองค์กรลับ ที่ชื่อเหมือนสีทาบ้าน ก็ยอมกลับไปทำงานกับพวกเกรย์อีก ทิ้งช่วงไป 2 ปี

    --ใต้ดินแถวแอเรีย 50 มีฐานใต้ดิน 7 ชั้น มีชาวต่างดาวกว่าหมื่นคน ทำงานวิจัยร่วมกับมนุษย์ เช่นการสร้างเครื่องบินเร็วกว่าเสียง 8 เท่า วิศวพันธุกรรมอะไรต่างๆ โดยมีงบลับ ที่ถ้ารู้ตัวเลขแล้วจะสลบ มะกันทุ่มสุดตัว--เพราะอยากเป็นเจ้าโลก-ทั้งงบที่มาจากกลุ่มเศรษฐียุโรป เงินที่ได้จากการขายยาเสพติด--ให้กับคนในชาติของตัวเอง

    --นักวิทยาศาสตร์ ที่เคยทำงานในนั้นถึงกับบอกว่า หมดหวังกับอนาคตของโลกแล้ว เพราะพวกนี้เข้าคุมทุกอย่าง รวมทั้งเรื่องเงินทอง-ไอเอ็มเอฟ แม้กระทั่งรายได้จากเว็ปโป๊-ที่มากมายมหาศาล

    --เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ออกมาโวยวายบอกว่า เพื่อนหล่อนทั้ง 7 คน น่าจะเป็นตัวโคลนนิ่งทั้งหมด--อีกคนเคยทำงานองค์กรลับ บอกว่าพ่อเขาก็เป็นตัวโคลนนิ่งเหมือนกัน

    --จานบินตกที่รอสเวลล์ เป็นการจัดฉาก เพื่อจะอ่อยเหยื่อให้องค์การลับ เข้ามาดูแลเรื่องนี้ และก็สมใจ เกรย์สยายปีกไปทั่วโลกแล้ว

    --เกรย์ ได้ติดต่อลับๆกับรัฐบาลของมหาอำนาจประมาณ 5 ชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนในแบบเดียวกัน--- เทคโนโลยี่กับชีวิตมนุษย์ตาดำๆ

    --การกินอาหารของเกรย์ จะใช้เครื่องชูรส และต่อมต่างๆที่มีฮอร์โมน ได้จากการสกัดจากอวัยวะมนุษย์ และสัตว์ โดยจะอมไว้ใต้ลิ้น บางข่าวบอกว่าเกรย์จะลงอาบในสารละลายที่ว่านี้ เพื่อให้ซึมเข้าในตัว

    --เดิมที เกรย์ก็มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ แต่เนื่องจากการรบกันเอง โดนรังสีโดยตรง และตกค้างหลายพันปี จนยีนส์เสื่อม--นอกจากนั้น อะตอมที่รับรังสีอย่างแรงนานๆ ทำให้เกิดการบิดเบี้ยวของเวลา-อวกาศ ทำให้ดวงดาวของพวกเขาเหมือนยานอวกาศ ที่สามารถวาร์ปผ่านรูหนอนเข้ามาใกล้โลก มากขึ้น เนื่องจากการแบ่งแยกอัตตา ทำให้เกิดสงคราม พวกเขาจึงสร้างจิตสำนึกร่วม โดยใส่ไว้ในยีนส์--รวมทั้งเกรย์บางพวกก็ใส่ ยีนส์ของพืชเข้ามาด้วย--จึงกินอาหารน้อยมาก ใช้พลังงานน้อยแบบพืช--มีแร่ในหินแถบเนวาด้า ที่เป็นพวกเหล็ก ที่เขาต้องใช้เป็นอาหาร จึงนับว่าเหมาะสมที่อยู่แถบนั้น

    --เกรย์ คิดว่า รักร่วมเพศแบบโฮโมเซ็กชวล-ชายรักชาย มีไว้ได้ประโยชน์ จึงร่วมกับองค์กรคิดเชื้อโรคเอดส์ขึ้นมาสำเร็จ และทดลองในเขตสงวนของอืนเดียน 4 จุดนอก นั้นส่งให้เป็นวัคซีนของ องค์การอนามัยโลก จนแพร่มากในแถบอัฟริกา ซึ่งไม่ได้มีสังคมมั่วเพศ จนคนที่นั่นสังเกตว่า คนที่ไปหาหมอ ถูกฉีดยามา จะเป็นเอดส์ทุกคน และอเมริกาก็ขายยาต้านเอดส์แพงๆ อีก

    จริงๆแล้ว เอดส์หายได้โดยไม่ต้องใช้ยา เพียงใช้สนามไฟฟ้าแรงสูง ความถี่สูงหลายจิกะเฮิทซ์ วันละ 2 ชั่วโมง ประมาณ 10 ครั้ง เอดส์จะหายไปเอง

    ข้อมูลจากเว็ปอังกฤษ เกี่ยวกับเอเลี่ยนเบส บอกไว้ละเอียดว่า ไรส์ไทม์ ฟอลล์ไทม์เท่าไหร่ ข้อมูลที่ผมหายไปแล้ว

    ---แล้วไวรัส หวัดนก หวัดหมู ซาร์ โรคสมองฝ่อ ซึ่งมนุษย์เรายังไม่มีเทคโนโลยีดัดแปลงไว้รัสได้ จุดประสงค์คือทำลายมนุษย์และแหล่งอาหาร คือ เนื้อวัว เนื้อไก่ ให้พวกเราอดตาย

    ---มีเทคโนโลยีการถอดวิญญาณของมนุษย์ออกมาขังไว้ เก็บข้อมูลความทรงจำและดีเอ็นเอ ไว้ในเครื่องคล้ายๆคอมพิวเตอร์ -สร้างตัวโคลนนิ่งได้ ใน 3 ชั่วโมง แล้วอัดความจำและวิญญาณกลับไป โดยจะฝังพวกชิป และฉีดยาบล็อคสมองไว้ (การฝังมี 2 แบบ ฝังเป็นวัตถุ และ ไม่มีวัตถุ เป็นก้อนพลังงาน)ร่างเดิมเอาไว้ทดลองต่อไปได้อีก- -รีไซเคิ่ล

    เกรย์ชั่วร้าย ก็ร้ายจริงๆ แต่เป็นเพียง 5 เปอร์เซนต์ ของชาวต่างดาวที่เราได้ พบนะครับ

    บางพวกอยู่ในโลกมาเป็นแสนปี --โดยอยู่ใต้ทะเล เป็นเมืองมีประชากรเป็นแสนๆ คนที่ได้พบมนุษย์ต่างดาว จะถูกข่มขู่ โดยชายชุดดำ บางพวกก็มีนามบัตรของ ทางนาซ่า หรือเอ็นเอสเอ

    --แต่ส่วนใหญ่จะเป็น พวกที่อยู่ใต้ทะเล พวกนี้จะโหดเหี้ยมมาก ส่วนพวกที่มาจากดาวพลีอิดเดี้ยนจะดี เป็นผู้หญิงก็จะสวยน่ารัก อายุยืนราว 400 กว่าปี

    --เดิมทีในสมัยของทรูแมน ได้พบยานบินตกที่เมกซิโก แต่ทางการอเมริกาได้ขอเอาซากยานและศพมาดื้อๆ พบว่าเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายแมลง และพบว่าไม่มีความรู้พอที่จะวิเคราะห์ระบบขับเคลื่อนของยานได้

    --ต่อมา ได้พบยานตกอีก มีสิ่งมีชีวิตรอดตายมา 1 ตัว พบว่าไม่ค่อยกินอาหาร ใช้พลังงานน้อย ได้พา ดร.ด้านสัตว์ไปวิเคราะห์ ปรากฏว่า งง ครับ ดร.ว่า ระบบเหมือนพืช จึงให้ ดร.ทางพืชเข้าไปดู พบว่า โอเค เหมือนพืชมาก ปีแรกๆ พยายามสื่อสาร แต่เขาจะพูดไปอีกทาง หรือหลบเลี่ยง ปีที่ 2 พูดมากขึ้น ตั้งชื่อว่า EBE (extra-terrestrial biological entities)

    -- สิ่งมีชีวิตทางชีววีทยา จากต่างดาว ซึ่งก็คือเกรย์ตัวแรกนั่นเอง ปีที่ 3 EBE ตายเรียบร้อย อาจจะทดลองกะเค้ามากมาก เฉามือตายเลย

    โพสต์ข้อความโดยคุณ jackie2525

    ที่มา http://board.postjung.com/579421.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2012
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "มีผู้ที่ถูกเลือกและไม่ถูกเลือก"
    เพราะความเสมอภาคกัน ไม่อาจจะมีได้จริงในโลกนี้ !!!

    [​IMG]

    พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงถึงการที่สัตว์ทั้งหลาย ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่างๆ มากมาย มิได้เกิดเพียงชาติเดียวดังที่บางคนเข้าใจเลย ดังที่พระองค์ตรัสไว้ในอังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอกธัมมาทิบาลี ตอนหนึ่งว่า

    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ที่จุติ (คือตาย) จากมนุษย์กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปเกิดในนรก เกิดในกำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย (คือเปรต) มากกว่าโดยแท้

    สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปเกิดในเทพยดา มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ ไปเกิดในนรก เกิดในกำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย มากกว่าโดยแท้

    สัตว์ที่จุติจากเทพยดากลับมาเกิดในเทพยดา มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากเทพยดาไปเกิดในนรก เกิดในกำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย มากกว่าโดยแท้

    สัตว์ที่จุติจากนรกกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากนรกไปเกิดในนรก เกิดในกำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย มากกว่าโดยแท้

    สัตว์ที่จุติจากกำเนิดเดรัจฉาน กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากกำเนิดเดรัจฉานไปเกิดในนรก เกิดในกำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย มากกว่าโดยแท้

    สัตว์ที่จุติจากกำเนิดเดรัจฉาน ไปเกิดในเทพยดา มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากกำเนิดเดรัจฉาน ไปเกิดในนรก เกิดในกำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย มากกว่าโดยแท้

    สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยไปเกิดในนรก เกิดในกำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย มากกว่าโดยแท้

    สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยไปเกิดในเทพยดา มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยไปเกิดในนรก เกิดในกำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย มากกว่าโดยแท้

    เปรียบเหมือนในชมพูทวีปนี้ มีส่วนที่น่ารื่นรมย์ มีป่าที่น่ารื่นรมย์ มีภูมิประเทศที่น่ารื่นรมย์ มีสระโบกขรณีที่น่ารื่นรมย์เพียงเล็กน้อย มีที่ดอนที่ลุ่มเป็นลำน้ำ เป็นที่ตั้งแห่งตอและหนาม มีภูเขาระเกะระกะเป็นส่วนมาก โดยแท้ฉะนั้น"

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุปมาเปรียบเทียบสัตว์ที่ไปเกิดในทุคติ คืออบายภูมิ เป็นสัตว์นรก เปรต สัตว์เดรัจฉานว่า มากมายเหมือนขนวัว คือนับไม่ได้ แต่สัตว์ที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดานั้นเท่าเขาวัว คือน้อยเหลือเกิน เพราะเขาวัวมีเพียง ๒ เขาเท่านั้น ท่านอยากจะอยู่ในพวกไหน? เชื่อว่าทุกท่านคงอยากอยู่ในพวกเขาวัวด้วยกันทั้งนั้น แต่ความอยากอย่างเดียว ไม่สามารถช่วยให้สำเร็จผลได้ ท่านต้องประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ด้วย นั่นคือ ละความชั่ว ประพฤติดี คือละทุจริตกรรม ๑๐ ประการดังกล่าวแล้ว

    ท่านที่เคยเรียกร้องขอความเป็นธรรม โดยต้องการให้ทุกคนเสมอภาคกัน มีความเป็นอยู่เท่าเทียมกัน โปรดได้พิจารณาดูเถิดว่า มีทางจะเป็นไปได้อย่างไรหรือไม่ ในเมื่อทุกคนมิได้ทำกรรมไว้เสมอกัน ลูกฝาแฝดที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน อยู่ในครรภ์ของแม่ด้วยกัน เติบโตด้วยอาหารที่แม่กินเข้าไปอย่างเดียวกัน ก็ยังไม่เหมือนกันทั้งหน้าตา รูปร่าง และจิตใจ แล้วเราจะหวังให้คนที่ต่างพ่อต่างแม่ ต่างกรรมกัน เหมือนกันเสมอกันได้อย่างไร

    ผู้ที่จะเสมอภาคกันได้นั้น ได้แก่ผู้ที่ไม่ต้องเกิดมารับสุข รับทุกข์ในโลกอีก ผู้นั้นคือพระอรหันต์ผู้ปรินิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ พวกเดียวเท่านั้น

    ชีวิตนี้สั้นนัก ความประมาทเพียงนิดเดียวอาจพาเราไปเกิดในที่ชั่วได้ และถ้าลงไปเกิดในที่ชั่วแล้ว โอกาสที่จะได้กลับมาเกิดในที่ดีนั้นแสนยาก เราจึงควรดำเนินชีวิตของเราให้ถูกต้อง คบหาสมาคมกับบัณฑิตผู้รู้ทั้งหลาย หมั่นฟังธรรมของท่าน แล้วน้อมนำมาพินิจพิจารณา เมื่อพินิจพิจารณารู้ว่าอะไรถูกอะไรควรแล้ว ก็ประพฤติแต่สิ่งที่ถูกที่ควร ซึ่งก็ได้แก่สุจริตกรรม ๑๐ ประการ สูงกว่านั้นก็ได้แก่การเจริญสมถะและวิปัสสนา พาตนให้พ้นจากทุกข์ทั้งมวล

    บุญและบาปเป็นของมีอยู่จริง และให้ผลได้จริง ขอย้ำว่าชีวิตของเรา ความสุขความทุกข์ ที่เราได้รับอยู่ในทุกวันนี้ เกิดจากการกระทำของเราเอง ไม่มีใครมาลิขิตให้เรา ผู้ที่ลิขิตชีวิตเราทั้งในอดีตที่ผ่านมา ในปัจจุบันที่กำลังเป็นไปอยู่ และในอนาคตที่จะตามมาคือ"กรรม" การกระทำของเราเองทั้งสิ้น

    บทความโดยคุณ ประณีต ก้องสมุทร

    ที่มา http://palungjit.org/threads/%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2.10537/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2012
  17. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    <TABLE id=post6540979 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_6540979 class=alt1>15 ส.ค. 55 นัดพบ

    วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม ศกนี้ เวลา 11.00น.-12.00น. เปิดนัดพบสำหรับผู้ที่สนใจจะร่วมด้วยช่วยกันที่ฐานผาแบ่น อ.เชียงคาน จ.เลย
    ที่หน้าสถานีรถไฟดอนเมือง หน้าห้องขายตั๋วฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ
    วันนัดจะสะพายย่ามไป

    เคอิสรา<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>Last edited by k_97; วันนี้ at 08:47 AM.
    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2>[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("6540979")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จะรับมือกันไหวหรือ?
    เพราะภัยอะไรๆ ก็ถูกเลื่อนไปรวมกันปลายปีนี้กันหมดแล้ว !!!

    [​IMG]

    marine24 สมาชิก

    ไตรมาสสุดท้าย(ต.ค.-ธ.ค.55) ร้ายหรือดีไม่มีใครบอก จากบางกอกขึ้นดอย ไม่ลอยคอ เท่าที่รู้มาการเมืองเป็นภาค 3 อาจจะเป็นปี 56 แต่ภาค 1,2 น้องน้ำ COMINGSOON หลัง 25 ส.ค. 2555 คงจะได้พอรู้เรื่องคร่าวๆ เพราะจะไปสัมมนาเรื่องภัยพิบัติที่กาญจนบุรี

    16-08-2012,12:58 AM

    karan20 สมาชิก

    เคยบอกไว้ว่าเดือนสิงหาคม บ้านเมืองจะมีเรื่องรุนแรงขนาดนองเลือด โดยส่วนตัวเชื่อว่าจะเริ่มรุนแรงหลังวันที่ 12 สิงหาคม 2555 แต่ล่าสุดได้สอบถามท่านผู้มาเตือน ท่านว่าเดือนนี้(สิงหาคม) จะยังไม่มีความรุนแรง แต่เรื่องการไม่ลงรอยกันทางการเมืองก็ยังมีเป็นปกติ มันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เราเดาเอาเองบ้าง ก็ไม่รู้สึกว่าจะมีความรุนแรงขนาดนองเลือดอีกแล้ว ความรุนแรงที่เคยคิดว่าจะมี(ในเดือนสิงหาคม) หายไปแล้ว

    16-08-2012,12:12 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4.335895/page-8

    Aunyasit สมาชิก

    ถ้าหนีจากกรุงเทพฯแบบเร่งรีบ ก็ไปเส้นทางปกติแหละครับ เพียงแต่ว่าต้องออกเดินทางทันทีที่ทราบเหตุ อย่ารอนานจนโกลาหลไปทั่ว

    น้ำมันก็จำเป็นและสิ่งอื่นๆ อีกหลายอย่างที่ควรเตรียมเอาไว้ใช้งานครับ แต่ละคนอาจจะมีการเตรียมการสิ่งของแตกต่างกันไปบ้าง อย่างที่พุทธสถานฯ คณะผมเตรียมพวกจอบ เสียม มีด พร้า ฯลฯ จำนวนหนึ่งเพื่อเอาไว้ทำการเกษตร และเตรียมเครื่องดูดน้ำขนาดต่างๆ ไว้ใช้แก้ปัญหาหากมีน้ำล้นคูกันน้ำ เป็นต้น บางคนมีโรคประจำตัวก็ต้องซื้อเตรียมยาประจำตัวเอาไว้ด้วยครับ

    ดังนั้นสิ่งที่แต่ละท่าน แต่ละคณะเตรียมกันนั้น อาจจะมีความหลากหลาย เหมือนกันบ้างต่างกันบ้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความคาดหวังหรือการคาดการณ์ว่า ตนเองหรือคณะจะประสบกับภัยพิบัติแบบไหน และจะเตรียมอะไรไว้เพื่อความอยู่รอด หรือเอาัไว้ช่วยแก้ปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้น ที่จริงก็ต้องคิดตั้งแต่คนเกิด ยันคนตายแหละครับ ว่าจะต้องทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร และใครเป็นผู้รับผิดชอบ
    ช่วง พ.ย -ธ.ค. ผมจะเตรียมออกจาก กทม. ครับ

    12-08-2012, 02:31 PM

    Sonk สมาชิก

    เรียนถามพี่อัญญาสิทธิ์

    ๑.รบกวนช่วยเปรียบเทียบ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.สี่คิ้ว อ.พิมาย และอ.วังน้ำเขียว ในสถานการณ์ช่วงแรกๆ ของภัยพิบัติ และสถานการณ์โดยภาครวม ว่าพื้นที่อำเภอไหนค่อนข้างปลอดภัยมากสุดและรองๆลงมาครับ

    ๒.ขอประทานโทษนะขอรับ จากที่ผมเห็นแผนที่โลกอนาคตและประเทศไทย จึงขออนุญาติเรียนถามในทิศทางเดียวกันที่ว่า ถ้าสมมุติต่อไปหลังจากยุค ภัยพิบัติที่ถล่มเมืองไทยและทั่วโลก กล่าวสมมุติในประเทศไทยจังหวัดในภาคกลางใดบ้าง ที่มีทิศอาณาเขตเชื่อมต่อกับภาคเหนือและจังหวัดในภาคกลางใดบ้าง ทิศอาณาเขตเชื่อมต่อกับภาคอีสาน ที่มีโอกาสเป็นจังหวัดริมชายฝั่งทะเล ในท้ายที่สุดครับ ขอบคุณมากครับ


    14-08-2012,, 01:54 PM

    Aunyasit สมาชิก

    น้อง Sonk :-

    1.ในสถานการณ์ช่วงแรกๆ ของภัยพิบัติ และสถานการณ์โดยรวม อ.พิมาย จะดีกว่า อ.สี่คิ้ว และ อ.สี่คิ้ว จะดีกว่า อ.วังน้ำเขียว ครับ

    2. ในอนาคต จังหวัดในภาคกลางที่มีทิศอาณาเขตเชื่อมต่อกับภาคเหนือและจังหวัดในภาคกลาง ที่มีอาณาเขตเชื่อมต่อกับภาคอีสาน นั้นตอบได้ยากครับ เนื่องจากสภาพที่จะเกิดขึ้นนั้นมีหลายส่วนของหลายๆจังหวัด ทั้งภาคกลางและภาคเหนือและบางส่วนของภาคอีสาน ที่จะยุบจมลงในน้ำ อย่างช่วงหลังภัยพิบัตินั้น บางส่วนของ จ.อุดรธานี จะจมลงน้ำ เช่น บางอำเภอระหว่างอุดรธานีกับขอนแก่น อย่าง จ.นครสวรรค์ที่จะเชื่อมต่อกับภาคเหนือ ก็จะจมหายไปหลายส่วน แต่ก็มีบางส่วนของ จ.นครสวรรค์ที่เหลือ เป็นต้น

    สิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นอยู่เหนือจินตนาการของพวกเรามาก จึงไม่แปลกใจที่ดูสภาพ(ในสมาธิ)แล้ว คนจะตายส่วนมากตอนเกิดเหตุ บางสถานที่คนหนีไปรวมกันเยอะมาก สุดท้ายพื้นที่นั้นก็จมหายลงไปในน้ำ และกินพื้นที่กว้างหลายตารางกิโลเมตร บางที่คนหนีไปรวมกันเยอะๆ พอจะตั้งหลักได้ไม่รู้น้ำมาจากไหนไหลมาอย่างแรง พัดกวาดคนจำนวนมากพร้อมทั้งสิ่งของหายไปวับไปกับตา เอ้อน่าเศร้าเหมือนกันครับ

    บางพื้นที่ก็จะอยูู่ในสภาพคล้ายเกาะแก่ง จะมีพื้นที่เป็นพื้นน้ำเพิ่มขึ้นอีกเยอะครับ ที่ราบสูงตามจังหวัดต่างๆ ก็จะมีแผ่นดินยุบได้เช่นกันครับ แผ่นดินจะมีทั้งยุบทั้งเคลื่อนครับ และสุดท้ายริมชายฝั่งทะเลก็จะไปอยู๋ประมาณ จ.สระบุรีตอนบน เอาเป็นว่าใครเตรียมพร้อม หนีได้เร็ว ก็จะมีโอกาสรอดมากกว่าครับ

    16-08-2012, 02:30 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/กระทู้...ิ์-ขอเชิญเข้ามาสอบถามได้ที่นี่.344425/page-12

    Nirvana สมาชิก

    รีบย้ายไปหาที่อยู่ทางภาคอีสานเหนือ.....ด่วน ครับ เร็วที่สุด ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่ารอให้ภัยมาถึงตัว เพราะไม่มีทางหนีได้พ้นแน่นอน

    คนเรามักจะหนีตอนจวนตัวเมื่อเห็นภัยมารออยู่ข้างหน้า (ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา) ถ้าถึงเวลานั้นใครๆก็เห็นภัย ใครๆก็จะหนีกัน ถามว่าคน 10 ล้านคน รู้แล้วอพยพพร้อมกันจะเกิดอะไรขึ้น....ให้ไปคิดเอาเอง ฉะนั้นถ้าเราเตรียมตัว เตรียมที่อยู่ เตรียมปัจจัยสี่ล่วงหน้า เราก็จะเป็นผู้ไม่ประมาท มีชีวิตที่ปลอดภัย สบายกว่าผู้คนที่กำลังแย่งกันตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดกัน......ใช่ไหม ครับ

    15-08-2012,,03:13 PM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/สถานที่ปลอดภัย-ในยามเกิดภัยพิบัติ.63707/page-24
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • traffic1.jpg
      traffic1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.9 KB
      เปิดดู:
      623
    • jams.jpg
      jams.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.3 KB
      เปิดดู:
      48
    • black-holes.jpg
      black-holes.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.3 KB
      เปิดดู:
      49
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2012
  19. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    16 ส.ค. 55 สู้หรือถอย

    ถ้าวันนั้นมาถึงท่านจะตั้งรับหรือถอย ถ้าตั้งรับอาหาร ยา น้ำ ไฟแสงสว่าง เรือและเครื่องใช้จำเป็นอื่นๆต้องพร้อมเผื่อไว้สัก 3เดือน

    พื้นที่แนวน้ำหลากให้ถอยอย่างเดียว พื้นที่ สุ...ระวังของแห้ง ธอ...ก็ให้ถอย

    มหาประชาบดี

    3 ส.ค. 55 รู้เขา รู้เรา

    เมื่อคืน ได้เรียนหน่วยเหนือ(จุดธูป)เรื่อง วันที่ 21 ธันวา ว่าจะต้องนำคนขึ้นไปก่อนหรือไม่? ขอให้ช่วยแจ้งมาในภาพนิมิต

    ภาพแรก จะมีคนสองกลุ่มใหญ่ยืนขวางทางกันอยู่ไม่ยอมให้คนอีกกลุ่ม(คนในครอบครัว)เดินผ่านไป
    ภาพนี้ จะสื่อถึงยังไม่ต้องไป

    ภาพที่สอง จะเห็นอีกครอบครัว(ในนิมิตบอกว่าถ้ากลัวก็ให้ขึ้นไปก่อน)

    มหาประชาบดี ๙๗<!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  20. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด
    เตรียมใจเผื่อไว้ ไว้ดีที่สุด
     

แชร์หน้านี้

Loading...