จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    คุณปรีชา เป็นอย่างไรบ้างครับ
    สุขกายสบายจิตดีไหม
    ไม่ได้คุยกันหลายวันเลยนะครับ
    รู้สึกอารมณ์เป็นอย่างไรบ้าง เกาะพระทรงฌาณสูงได้ตลอดไหม
    ช่วยส่งการบ้านด้วยนะครับ ...

    สวัสดีครับ

    วิทย์ จบ.11
     
  2. preechaniy

    preechaniy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +2,356
    ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่35
    ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ 36
    ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ 37
    ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ 38
    ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ 39
    ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ 40
    ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ 41
    มหาโมทนาสาธุ กับครูจิตบุญและจิตบุญทุกๆดวงจิตครับ.
     
  3. preechaniy

    preechaniy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +2,356
    สวัสดีครับครูวิทย์
    ขอบพระคุณครูวิทย์มากครับติดตาม ดูแล เมตตาลูกศิษย์มากจริงๆ.
    ผมไปภารกิจทางโลกต่างจังหวัดมาครับ ได้ทางโรคหวัดติดมาหนักเลยครับกายมันป่วยมันไม่เที่ยง จิตรู้ว่ากายเขาป่วยแต่ไม่จับมาปรุง คงจับภาพพระอยู่เนืองๆ ไม่ทุกข์กับความไม่เที่ยงของเขา มีเสียงจากคนข้างๆบอกว่าไม่รู้จักกินยา ไม่รักตัวเอง หรือจิตเราเป็นเช่นนั้น ก็ใช่กายมันก็เสื่อมของเขาไปตามธรรมชาติ ก็รู้แล้วจะไปห่วงหา ยึดไว้ทำไม ไม่เอาแล้ว มันไม่ทุกข์นะ แต่ก็ยอมกินยาเพราะคนข้างเคียงเขาจะติดโรคหวัดไปด้วยครับ. หากจิตจับภาพพระได้ต่อเนื่อง สติจะมีกำลังมากไวเข้าใกล้กับจิต แต่ที่ผมสังเกตพบว่าเมื่อมีบางสิ่งที่เข้ามากระทบ จิตรู้ ความคิดมันจะปรุงแต่งก่อนแต่สักครู่ สติตามทันมัน ก็จบ(ดับไป) มักจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกิเลสที่มันซ่อนฝังตัวอยู่ในจิตครับ เมื่อมีสติรู้ตัวอยู่ ก็จะทันไม่ไปปรุงตามความคิด ตามสิ่งที่เข้ามากระทบครับ เช่นคนนี้พูดแต่เอาดีเข้าตัวเอง รู้แล้วก็จบไป ไม่มาคิดปรุงว่าก็มันเป็นแบบนี้ มันถึงเป็นอย่างนั้น. ผลที่เกิดนี้ผมเข้าใจว่าเกิดจากที่เรามีสติมากขึ้นครับ.ผมจะพยายามรักษาการต่อเนื่องให้ได้มากกว่านี้ครับ ขอบคุณครับ.<O:p</O:p
     
  4. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    เห็นเวลาที่ครูเพ็ญตอบจดหมายแล้ว โอ้โห เกือบเที่ยงคืน เรานอนสบายไปแล้ว ครูยังต้องมานั่งตอบจดหมายอีก ตั้งจิตว่าจะไม่ไปนอกทางแล้วครับ ครูจะได้เหนื่อยน้อยลง
     
  5. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ มันเป็นอนิจจัง หาความเที่ยงไม่ได้ ถ้ามันไม่เที่ยง เราจะเข้าไปยุ่งกับความไม่เที่ยงให้มันเที่ยง มันก็เป็นทุกข์
    อารมณ์ของคนที่เป็นทุกข์ มันก็เพราะไม่ยอมรับนับถือกฎของความเป็นจริง



    พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
     
  6. คมวรรณ

    คมวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,050
    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุครับ,,จิตขอผมฏ็คล้ายๆท่านน้องเลยเจ๊าคับ..
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอโมทนาสาะธุ..คุณนี่รู้จริง
    แต่ที่บอกว่าเกือบเที่ยงคืนน่ะ ยังน้อยไป
    เพราะบางคืนเห็นเกือบตีสองตีสองก็มี ท่านอยู่ได้เพราะฌานแท้ๆ

    ผมจะบอกให้นะ ครูจิตบุญทุกท่าน เผื่อจะตอบกันได้นี่น่ะ ท่านจะต้องอาศัยจิตที่ทรงฌานเป็นอย่างต่ำ
    แต่ถ้าไม่ทรงนะ ก็จะไม่มีอะไรมาตอบพวกเธอเหมือนกัน เอ๊าไม่เชื่อก็ลองทำดูนะ
    และตอนนี้ก็ลองให้คุณหมอตอบกันดูสิ เพราะเห็นท่านยอมรับศิษย์เข้าสังกัดไปแล้ว อย่างต่ำสองคน
    แต่แอบเป็นห่วงคุณหมออยู่นิดนึง ก็คือ จิตคุณหมอเคยดื้อ เคยสงสัยกับครูเพ็ญมาก่อน...
    (จิตบุญเผากันเอง...อิอิ)
    (ผมก็เป็น เป็นทุกคน ไม่มากก็น้อย เหมือนลูกชอบถามคุณพ่อ คุณแม่
    เป็นเรื่องปกติ แต่อันนั้นเด็กยกเว้น แต่นี่อะไรโตๆจนสุนัข..ก้นไม่ถึงกันแล้ว มันก็น่าตีไหม๊หล่ะ)

    ถึงอย่างไรก็ขอขอบใจกับคุณWatjojoj มากๆ น่ารักจัง
    ขอหอมแก้มหน่อย สักหนึ่งฟุ๊ดดด...ฮ่าๆ
    ท่านก็ยังอุส่าห์เก็บไปคิดสงสารครู แต่ถ้าสงสารครูก็สอนกันง่ายๆหน่อย

    แล้วพวกท่านเคยรู้กันบ้างไหม๊? เผื่อครูเพ็ญจะสอนสำเร็จได้หนึ่งคน
    คนลองหลับตาคิดตามกันดูสิว่า ครูเพ็ญจะต้องตอบจม.ซ้ำซากจำเจทุกวัน
    ไหนศิษย์จะออกทะเล ไหนจิตหนีไปเกาะทางโลก ไหนจิตจะหนีไปติดสุขจากฌาน ที่หนักที่สุดก็คือ
    ครูแทบจะกระอักเลือดตายก็เพราะศิษย์ชอบนำวิชามางัดกับครู หรือ นำธรรมที่อื่นๆมาหักล้างกับครู
    และครูต้องมาเสียเวลาอยู่กับที่ แทนที่จะรีบเดินๆไปข้างหน้า
    ถ้าผมสอนจะหนักกว่านี้ สำหรับคนดื้อ ผมจะพายเรือหนีเลย
    ปล่อยให้เสือกิเลสเกาะกินใจให้ตายไปเลย เป็นไง โหดไหม๊ง่ะ
    แต่พอเอาเข้าจริงๆ ดันทำไม่ลงซะงั้น นี่แหล่ะลักษณธจิตบุญ
    เปรียบดั่งน้องๆพ่อแม่บังเกิดเกล้าเหมือนกัน คือฆ่าไม่ลง
    มีแต่รอให้อภัยลูกเดียว คือเมื่อไหร่จะสำนึกผิดกันสักทีนึง บอกว่าให้เดินมรรควิธีตรงๆ
    ทฤษฎี ก็มีแค่ศีล สมาธิ ปัญญา และสติ จิต สมาธิ
    มีแค่นี้จริงๆ แต่พวกเราส่วนใหญ่ชอบเดินทางอ้อมกันจริงๆ
    ที่บอกให้ทำกลับไม่ทำ ไปทำที่ครูไม่บอก

    นี่ไง ผมยอมรับครูสอนเรื่องจิตเกาะพระนี่งานหนักจริงๆ
    หนักกว่าครูที่สอนคณิตศาสตร์ อันนั้นพอยังจะเขียนเป็นตัวเลขให้เราดู
    นี่จิตนะคุณ แค่ให้พวกเราแค่จำภาพพระก็ยังยากจริงๆ สำหรับบางคนนะ
    แต่จิตเกาะพระ
    คำง่ายที่สุดในโลกก็ยังทำกันร้อยแปดกันไปได้ แปลกแต่จริงนะ
    ขนาดพระพุทธเจ้าท่านทรงสั่งสอนให้พวกเรายึดพระธรรม
    (แล้วคนส่วนใหญ่ไปยึดอะไรกัน บ้าบอคอแตกไหม)
    บอกให้เดินตรงทาง ท่านหมายถึงให้พวกเราเดินทางเข้าสู่มรรค ผล นิพพาน นี่คือเส้นทางของจุติจิต
    นอกนั้นนรกชัด อยากไปก็ไปกันสิไม่ว่าอยู่แล้ว
    ใครฟังคำตรงนี้ของผมให้ดีๆนะว่า ถ้าท่านตายไปแล้ว
    ท่านจะมานึกถึงชื่อนี้ ภูทยานฌาน2 หรือ จิตเกาะพระ
    ป่านนั้นไม่ทันแล้วครับคือกรรมการเป่านกหวีดไปแล้ว สายไปต๋อย พี่ภูช่วยไม่ได้แล้ว
    Sorry! sorry!

    นี่ผมยังไม่ได้สอนธรรมะนะ อย่าเข้าใจผิด แค่ไตเติ้ลเท่านั้น
    ผมทราบดีธรรมะสอนกันไม่ได้หรอก เพราะธรรมะก็มีอยู่ทุกคนนั่นแหล่ะ
    แต่จะหาเจอกันหรือไม่ แต่ถ้าอยากเจอตอธรรมะของตนเองนะ
    ผมขอแนะนำให้พวกเราไปตามหาจิตเดิมแท้ของตนให้ได้เสียก่อน
    แต่ก่อนที่พวกเราจะไปตามหาจิตเดิมแท้ของตนเองเจอนั้น
    พวกเราจะต้องมีสติเยอะๆกันก่อน
    วันๆนึงผมจะไม่ค่อยพูดเรื่องไรหรอก ผมชอบพูดแต่เรื่องสติ
    กับเรื่องจิตก็พอแล้ว หากินได้ยันจนเกษียณ

    ขอร้องนะ โดยเฉพาะผู้ที่รับปากกับครูเพ็ญไปแล้ว ว่าหนู/ผมอยากไปนิพพานชาตินี้
    ขอให้ตั้งสัจจะกับตนเองให้ดี(วันหน้าต่อไปนี้จะให้ผู้ที่ปากชอบพูดว่า
    อยากไปนิพานๆ เดี๋ยวจะให้ผู้ปฎิบัติสาบานกับพระพุทธเจ้ากันดีกว่า
    เหมือนผู้ชายน่ะ ก่อนยังไม่ได้กันนี่นะ จะบอกอะไร ขออะไรได้หมด
    แต่พอได้ไปแล้วกลับทิ้งขว้าง ผมด่าตนเอง ใครรับไปก็รับไปสิ!)

    แต่ถ้าคนทางโลกจะมาทำงานนี้กันไหม๊? ในเมื่อครูที่นี่ยอมเสียสละเวลา
    ยอมเหนื่อยใจ(สำหรับจิตดื้อ)ก็เพื่อพวกเราทุกคน
    และไม่ได้หวังอะไรกับพวกท่านสักนิดเดียว แต่ถ้าพี่ภู ครูเพ็ญ หรือครูจิตบุญทุกท่าน
    ไม่มาเสียเวลาตรงนี้จะได้ไหม สบายเลย นอกจากไม่เป็นทุกข์ใจ
    นั่งๆนอนๆ เดินๆเล่นไปวันๆ ไม่ดีกว่าหรอ? จะมานอนดึก เสียเวลากับท่านทำไม๊
    คนทางโลกถ้าทำอะไรแล้วจะต้องได้ใช่ไหม๊หล่ะ แต่ถ้าทำแล้วไม่ได้
    ไม่มีใครเขาบ้าทำกันหรอก จริงไหม
    *ขออนุญาตวันนี้บ่นยาวหน่อย ทนเอานะ ดีกว่าฟังภรรยา/สามีบ่น
    อันนั้นฟังแล้วจิตตกนะ
    แต่ฟังผมบ่นนี่ จิตไปนิพพาน พวกท่านจะเอากันไหม๊หล่ะ)
    เห็นไหม๊ คุณwatjojoj ยกมือท่านแรกเลย

    พี่ภูขอร้องกันแล้วนะ ว่าอย่าดื้อ ครูว่าไรขอให้ทำตาม
    แต่ถ้าใครเก่งก็อย่าแวะเวียนเข้ามานะ ไม่พายก็อย่าเอาเท้าราน้ำ
    อย่าไปถ่วงเวลา เพราะมันจะเสียเวลาทั้งผู้ให้กับผู้รับ
    ถามว่าครูได้อะไรจากท่านไหม๊? เปล่าเลย แค่อยากเห็นไม่เป็นทุกข์
    หรือมากกว่านั้น คือถ้าปฎิบัติสำเร็จกันได้ คำว่า นิพพานก็อยู่แค่เอื้อม
    ว่าแต่ว่าท่านจะเอากันไหมเท่านั้นเอง
    พวกเราก็อย่าไปโง่กันนักเลย เพราะพวกเราที่หลงๆกันมาเกิดกันเนี๊ย กี่ชาติแล้ว
    และเกิดมาก็โง่ทุกข์ชาติ คือเป็นเหยื่อกิเลสมันอยู่ได้ ปล่อยให้กิเลสนำพาไปเป็นทุกข์กันอยู่ได้
    รู้ทั้งรู้นะ แต่ทำอะไรไม่ได้
    เหมือนตอนนี้แหล่ะ เหมือนประเทศชาตตนเองนี่แหล่ะ ได้แต่เห็น แต่ทำอะไรไม่ได้ หนีไปให้ไกล
    คือนำจิตหนีขึ้นพระนิพพานกัน
    แต่อยากโง่ต่อชาติหน้า หรืออยากตกเป็นทุกข์ก็ไม่ต้องเสียเวลาฝึกจิต

    ทุกข์ท่านรู้นะว่า ถ้าทำอย่างนี้ก็จะได้อย่างนี้ กฎแห่งกรรมมี แต่พวกเราไม่เชื่อ พระธรรมมี แต่ไม่ปฎิบัติตาม
    แต่คนส่วนใหญ่ชอบยกมือไหว้ ชอบดูคนอื่นๆสำเร็จ แต่ไม่รู้จักทำเอง ไม่ปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
    แค่ศีล5 หย่าบๆ ก็ยังรักษากันไม่ได้เลย
    ผมจึงไม่สงสัยสัยเลยว่า คำว่า นิพพานกันไกลจริงๆ(สำหรับคนพวกนี้)
    และผมเชื่อพวกเราที่กำลังทำจิตเกาะพระนี้ เป็นผู้เจริญ เป็นผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ
    คุณwatjojoj อย่าเพิ่งเคลิ้มไปกับคำพูดของผมนะ เฉยๆเข้าไว้
    เราฝึกจิตกันเพื่ออะไร เพื่อมาทำใจให้บริสูทธิ์ เพื่อทำใจให้เป็นกลาง(เฉยๆกันนี่ไง) สำหรับจิตยังไม่ยกนี่
    แค่ใครพูดดีหรือพูดเข้าข้างตนเองไม่ได้นะ
    ตัวจะลอยให้ได้ เอาใหม่นะ ทำตัวใหม่
    ต่อไปนี้ผู้ปฎิบัติทุกท่าน จงทำตามพระพุทธเจ้า ไม่ต้องมาทำตามครูกันนะ
    ทำตามครูตอนทำจิตเกาะพระเท่านั้น อย่าติดครู ครูก็ไม่ติดเธอ
    แต่เมื่อไหร่ เธอเป็นทุกข์ฉันก็จะคิดถึงเธอ หรือเธอไม่คิดถึงครู ก็ตามใจ

    "คนไหนคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงเขา คนไหนไม่คิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงเขา"
    -หลวงปู่ดู่


     
  8. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233

    โมทนาสาธุกับท่านพี่ภูขอรับกระผม ....

    ยาวดีจริงๆๆ อ่านแล้วสะดุ้งกันมั่งไหมครับ

    ใครคิดได้ก้อดีไป เดินทางต่อไปด้วยใจมั่นคง

    ใครยังงงๆๆ ก้อ งมโข่งต่อไป ... สวัสดี

    วิทย์ จบ.11
     
  9. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    สวัสดีค่ะครูภู ครูเพ็ญ ครูดัช ครูน้องหนู ครูวิทย์ ครูนก ครูลูกหว้า ครูลูกพลัง ครูนิวเวบ ครูจารุณี ครูเมิล ครูทุกท่านรวมถึงจิตบุญทุกท่าน คุณเกษ คุณเอ๋ และท่านที่กำลังฝึกปฏิบัติทุกท่านนะคะ ช่วงนี้ไม่ได้เข้ามาอ่านธรรมะในกระทู้นี้หลายวันเนื่องจากมีภาระกิจทางโลกต้องเดินทางไปต่างจังหวัดกลับมาก็ป่วยกันทั้งบ้านค่ะ เป็นธรรมดาของมนุษย์ เกิดมาแล้วต้องแก่ ต้องเจ็บ รอแค่วันตายยังมาไม่ถึงเท่านั้น

    จากการไปทำธุระครั้งนี้ได้พบกับเหตุการณ์หลายเรื่องค่ะ ได้เห็นและรู้เรื่องกิเลสของมนุษย์อย่างชนิดที่คาดเดาไม่ถึง ทำให้นึกถึงที่ครูภูสอนเสมอว่ามนุษย์ต้องมีศีลห้าเป็นอย่างน้อย ต้องระวังรักษาศีลทุกข้อมันเป็นแค่ศีลหยาบที่สามารถทำได้ เพราะผู้ปฏิบัติธรรมต้องเป็นคนที่มีศีลห้าเป็นอย่างแรก แต่นั่นก็เป็นเรื่องของเขา ใครทำกรรมใดไว้ ก็ต้องคอยรับผลของกรรมนั้นเอง แม้จะกระทบกับเราก็ช่าง ปล่อยและวาง เพราะตัวเราก็ไม่มี ของเราก็ไม่มี มีแต่สิ่งสมมติที่มนุษย์ต่างแย่งกัน เบียดเบียนกันเพื่อให้ได้สิ่งสมมตินั้นมาครอบครอง สุดท้ายตายไปก็เอาไปด้วยไม่ได้
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    แหม๊ นึกว่าผมคิดถึงใคร คิดถึงคุณแสงจันทร์นี่เอง
    เพราะผมรอธรรมะของคุณมาตั้งนาน รอเปิดประเด็น...อิอิ

    นี่แหล่ะหน๋า คนเห็นสัจจธรรมชีวิต
    มักจะทำใจได้ง่าย
    (ปลงนะ ส่วนคนที่ไม่เห็นสัจจธรรมก็มักจะปรุงแต่งให้เกิดทุกข์กันซะงั้น)
    นี่แหล่ะหน๋า คนที่มีดวงตาเห็นธรรม(เห็นความเกิดและก็ดับในเวลาต่อมา)
    สุดท้ายก็เห็นกฎไตรลักษณ์ เพราะท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรเหลือกัน

    เพราะผู้ที่เห็นธรรมกันจริงๆ หรือมีดวงตาเห็นธรรมกันจริงๆ
    เขาจะไม่ไปแย่งหรือแข่งกัน เอาเปรียบกัน เอาชนะกัน ล้างแค้นกัน อาฆาตกัน

    สรุปแล้ว
    "เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด(หยุดหรือยัง?)"
    คือหยุดที่จะสร้างกรรมชั่ว
    แต่หันมาสร้างแต่กรรมดี(เท่านั้น)
    แล้วดูสิว่า อนาคตมันจะดีกันได้ไหม๊
     
  11. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    เมื้อกี้เพิ่งโทรไปขอโทษแม่มา เกือบน้ำตาร่วง บอกตัวเองตลอดว่าเราคุย ขอโทษ ยกย่องผู้อื่นได้ แต่ทำไมพ่อแม่เรา เราทำไมไม่กล้าหว่าเลยจัดไปซะเลย โล่งไปอย่างแล้วครับ
    *ขอบคุณครูลูกพลัง ครูดัชและครูเพ็ญมากครับ ที่ย้ำเตือนเรื่องนี้กับผม*
    พอดีอ่านแล้วไปเจอมา ได้ใจมากครับ
    Note : คนหนอคน เห็นอะไรก็ไหว้หมดยกเว้นพ่อกับแม่.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2012
  12. คมวรรณ

    คมวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,050
    บุญครับผม..

    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    "ดูก่อนท่านทั้งหลาย ท่านที่มาประชุมทั้งหมด จะเป็นเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี ขอทุกท่านจงอย่าลืม ความตาย นั่นหมายถึงว่าการจุติ ลืมความเป็นทิพย์เสีย อย่าเพลิดเพลินเกินไป อย่ามีความ สุขเกินไปและมันจะทุกข์ทีหลัง จงดูภาพมนุษย์ว่ามนุษย์เมืองไหนบ้างที่น่าเกิด ดินแดนไหนที่มีความสุขไม่มีการงาน เราจะมองไม่เห็นความสุขของมนุษย์ เมืองมนุษย์มีแต่ความทุกข์ต้องประกอบกิจการ งานทุกอย่าง ต้องกระทบกระทั่งกับอารมณ์ มีความปรารถนาไม่ค่อยจะสมหวัง ทุกอย่างต้องใช้แรงงาน

    แต่ว่ามาเป็นเทวดา มาเป็นนางฟ้าทุกอย่างหมดสิ้น นั่นหมายความไม่ต้องทำอะไรทั้งหมด ร่างกายอิ่มเป็นปกติ ร่างกายเยือกเย็นอบอุ่นไม่ต้องห่มผ้า และมีความปรารถนาสมหวัง ก็หมายความถ้าจะไปทางไหน ก็สามารถลอยไปถึงที่นั่นได้ทันทีทันใด ความป่วยไม่มี ความแก่ไม่มี ร่างกายไม่มีการเปลี่ยนแปลง ความเป็นทิพย์อย่างนี้ท่านทั้งหลายจงอย่ามัวเมา จงอย่ามีความเข้าใจผิดว่าเราจะอยู่ที่นี่ตลอดกาลตลอดสมัย

    ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะอายุเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี มีอายุจำกัดตามบุญวาสนาบารมี ถ้าหมดบุญวาสนาบารมีก็ต้องจุติ คือตาย แต่ว่าท่านทั้งหลายจงอย่าลืมว่า เทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมทั้งหมดที่นั่ง อยู่ที่นี่ทั้งหมด แม้แต่จะเป็นพระอริยเจ้า ที่ท่านเป็นพระอริยเจ้าก็มาก จงอย่าลืมว่าทุกท่านยังมีบาปติดตัวอยู่ และการสะสมบาปมาเป็นชาติ ๆ ยังมีมากมาย"

    ( พอพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ บรรดาท่านทั้งหลาย อาตมาก็ใช้กำลังใจดูร่างกายเทวดานางฟ้ากับพรหม เห็นเงาบาปอยู่ในหนามาก เป็นอันว่าทุกองค์ต่างองค์ต่างมีบาป แต่ก็มาเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมได้ แล้วก็ดูตัวเองเวลานั้น ร่างกายของตัวเองก็เป็นทิพย์ บาปมันก็ท่วมท้นเหมือนกัน ต่อไปองค์สมเด็จพระภควันต์ทรงตรัสว่า )

    "ภิกขเว...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ( เวลานั้นมีพระมาด้วยหลายองค์ ) และท่านทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมด จงอย่าลืมว่าทุกท่านมีบาปติดตัวมามากมาย อาศัยบุญเล็กน้อยก่อนจะตายจิตใจนึกถึงบุญก่อน จึงได้มา เกิดบนสวรรค์บ้าง มาเกิดบนพรหมบ้าง ถ้าหากว่าท่านจุติเมื่อไร โน่น..นรก! ( ท่านชี้มือลงเห็นนรกไฟสว่างจ้าแดงฉานไปหมด ) ท่านทั้งหลายจะต้องพุ่งหลาวลงนรก เพราะใช้กฎของกรรมคือบาป ชำระหนี้บาป กว่าจะมาเกิดเป็นคนก็นานหนักหนา และมาเป็นคนแล้วก็ไม่แน่ว่าจะได้กลับมาเป็นเทวดา นางฟ้าหรือพรหมใหม่

    ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าเป็นคนอาจจะทำบาปใหม่อาจลงนรกไปใหม่ก็ได้ ฉะนั้นเมื่อท่านทั้งหลายมาถึงที่นี่ มาอยู่สวรรค์ก็ดี พรหมโลกก็ดี เป็นทางครึ่งหนึ่งของนิพพานระหว่างมนุษย์กับนิพพาน เป็น อันว่าท่านทั้งหลายได้ครึ่งทาง การมาได้ครึ่งทางของท่าน ท่านทั้งหลายจงดูนั่น.. นิพพาน!"

    ( ท่านก็ยกมือชี้ขึ้นให้ดูนิพพาน เวลานั้นเทวดานางฟ้า กับพรหมทั้งหมด อาตมาก็เหมือนกัน เห็นพระนิพพานไสวสว่างจ้า มีวิมานสีเดียวกัน คือ สีแก้วแพรวพราวเป็นระยับ เป็นแก้วสีขาว พระอรหันต์ ทั้งหลายที่อยู่ที่นั่นมีความสุขขนาดไหน มีความเข้าใจหมด รู้หมดเห็นหมด แล้วองค์สมเด็จพระบรมสุคตก็ทรงกลับมาพูดกับเทวดากับนางฟ้าใหม่ว่า )

    "ท่านทั้งหลายจงหวังตั้งใจคิดว่า ถ้าการจุติมีคราวนี้ ถ้าบุญวาสนาบารมีของเรานี้สิ้นสุดลง เราจะไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์ เราจะไม่เกิดเป็นเทวดา เราจะไม่เกิดเป็นนางฟ้า เราจะไม่ไปเกิดเป็นพรหม เราต้องการไปพระ นิพพานจุดเดียว และการไปนิพพานนี่ ท่านทั้งหลายต้องยึด อารมณ์พระนิพพาน เป็นสำคัญ สำหรับพรหมก็ดี เทวดา นางฟ้าเก่า ๆ ก็ดี อาตมาไม่หนักใจ ทั้งนี้เพราะ มีความเข้าใจแล้ว ( ก็แสดงว่าพรหม เทวดา นางฟ้าเก่า ๆ เป็นพระอริยเจ้ามาก )

    ที่มีความเป็นห่วงก็เป็นห่วงเทวดานางฟ้าใหม่ ๆ ที่มาเกิดใหม่ ๆ จะหลงความเป็นทิพย์ นั่นหมายความจะมีความเพลิดเพลินในความเป็นทิพย์ ยังมีความรู้สึกว่าเราจะเกิดอยู่ที่นี่ตลอดไป จะไม่มีการจุติจะไม่มี การเคลื่อน อันนี้เป็นความเห็นที่ผิด จงคิดตามนี้เพื่อพระนิพพานนั่นคือ จงมีความรู้สึกว่าเราจะต้องจุติวันนี้ไว้เสมอ และอาการของชีวิตนี่เป็นของที่ไม่แน่นอน เราจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ ความตายเป็นของเที่ยง ความเป็นอยู่เป็นของไม่เที่ยง

    เมื่อคิดอย่างนี้แล้วทุกท่านจงอย่าประมาท จงใช้ปัญญาพิจารณาความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ว่า ท่านทั้งหลายควรจะเคารพไหม ถ้าจิตใจของท่านมีศรัทธามีความเคารพในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระอริยสงฆ์ ก็เป็นอาการขั้นที่สองที่ท่านจะไปนิพพานได้

    หลังจากนั้น ขอท่านทั้งหลาย จงทรงศีลให้บริสุทธิ์ จะเป็นศีล ๕ ก็ตาม ศีล ๘ ก็ตาม กรรมบถ ๑๐ ก็ตาม ศีล ๑๐ ก็ตาม ศีล ๒๒๗ ก็ตาม" ( พอท่านพูดถึงศีล ๒๒๗ ก็คิดในใจว่าเทวดาจะไปบวชที่ไหน องค์สมเด็จพระจอมไตรก็หันหน้ามาตรัสว่า )

    "ฤาษี .. เทวดาเขาไม่ต้องบวช อย่างเทวดาชั้นยามาก็ดี ชั้นดุสิตก็ดี อย่างนี้เขามีศีลครบถ้วนบริบูรณ์ท้ง ๒๒๗ เหมือนกับความเป็นพระ พรหมก็เช่นเดียวกัน ทุกท่านอยู่ด้วยธรรมปีติ ทุกท่านอยู่ด้วยความสุข เขาไม่อาบัติ สิ่งที่จะเป็นอาบัติไม่มี สิ่งที่จะเป็นบาปไม่มี" ( แล้วท่านก็กลับหันหน้าไปหาเทวดานางฟ้ากับพรหมว่า )

    ขอทุกท่านจงอย่าลืมคิดว่า เราจะเป็นผู้มีศีล ให้ตั้งเฉพาะศีล ๕ ก็ดี ศีล ๘ ก็ได้ ศีล ๑๐ ก็ได้ กรรมบถ ๑๐ ก็ได้ ศีล ๒๒๗ ก็ได้ ตั้งใจไว้ว่าเราจะไม่ละเมิดศีล หลังจากนั้นจึงมีจิตใช้ปัญญาคิดว่า การเกิด เป็นเทวดาก็ดี เป็นนางฟ้าก็ดี เป็นพรหมก็ดี มีสภาพไม่เที่ยง จะต้องมีการจุติเป็นวาระสุดท้าย ในเมื่อการจุติจะเกิดขึ้น อารมณ์จะทุกข์ จงคิดไว้เสมอว่าเราจะต้องจุติ ในเมื่อเราจะต้องจุติเราจะไม่ยอมลงอบายภูมิ เราไม่เกิดเป็นมนุษย์

    ท่านทั้งหลาย จงดูภาพของมนุษย์ ( แล้วพระองค์ก็ชี้มาที่เมืองมนุษย์ ) มนุษย์เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มนุษย์เต็มไปด้วยความโสโครก มนุษย์เต็มไปด้วยความทุกข์ มนุษย์เต็มไปด้วยการงานต่าง ๆ มนุษย์ มีความหิวมีความกระหาย มีความอยาก มีความต้องการไม่สิ้นสุด สิ่งทั้งหลายที่ก่อสร้างขึ้นมาแล้ว จะเป็นทรัพย์สินยังไงก็ตาม ในเมื่อเราตายจากความเป็นมนุษย์เราก็หมดสิทธิ อย่างบางท่านเป็นพระมหากษัตริย์ อยู่ในพระราชฐานดี ๆ สร้างไว้เป็นที่หวงแหน คนภายนอกเข้าไม่ได้เข้าได้แต่คนภายใน

    แต่ว่าท่านทั้งหลายเมื่อตายมาแล้วกลับไปเกิดเป็นคน หากว่าท่านไม่ได้เกิดในตระกูลกษัตริย์ตามเดิม ท่านเป็นประชาชนคนภายนอก ท่านจะไม่มีสิทธิเข้าเขตนั้นเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นของที่ท่านสร้างเอาไว้ ท่าน ทำเอาไว้ทุกอย่าง แล้วท่านจะไม่มีสิทธิ นี่ความไม่แน่นอนของความเป็นมนุษย์มันเป็นทุกข์อย่างนี้ ถ้าเกิดเป็นคนก็ต้องหยุด ต้องเดินไปเดินมาทำกิจการงานทั้งวัน เพื่อผลประโยชน์หน่อยเดียว คือ เงิน ถ้าไม่มีเงินก็ไม่สามารถจะมีชีวิตทรงตัวอยู่ได้ เพราะมีความจำเป็นต้องหาเงิน ( ในเมื่อท่านตรัสอย่างนี้แล้วก็บอกว่า )
     
  13. คมวรรณ

    คมวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,050
    ถูกจริตกับพระองค์ปฐม..องค์นี้เจ้าครับ..เผื่อมีญาติธรรมจะถูกจริตเจ๊าครับผม..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,086
    ค่าพลัง:
    +10,246
    กราบของคุณธรรมทานจากทุกท่านครับ
    ช่วยแนะนำวิธีพิจารณาปล่อยวาง สิ่งที่รัก ให้หน่อยครับ
    ขอกราบขอบคุณล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
     
  15. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    จิตเครียดทำไงดี

    วันแรกที่จับภาพพระรู้สึกว่าจับภาพได้ดี ทรงสมาธิได้ดีขึ้น ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เวลาที่นอนนั้น ขณะที่หลับอยู่ จิตได้ระลึกถึงภาพพระ พอเห็นภาพพระจิตลงมาที่ณาฌแล้วหลับไป ร่างกายไม่ได้ขยับ เป็นแบบนี้อยู่สองครั้ง ในคืนนี้

    พอมาวันที่ 2 พอตื่นนอนจิตตามหาภาพพระ ซึ่งภาพนั้นได้หายไป เลยเริ่มนำภาพพระมาดู แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นคือ จับภาพไม่ได้ พอมาตอนบ่ายเริ่มรู้สึกว่าจิตมันเครียด (สงสัยเพราะอยากดี) และในขณะที่ทำงานอยู่มีโทรศัพท์เข้ามา มีคนพูดไม่ตรงใจเริ่มรู้สึกไม่พอใจ พอเริ่มรู้สึกไม่พอใจเท่านั้น ภาพพระมาปรากฏต่อหน้าเลย จิตเลยเบาสบาย เป้นอย่างนี้ 2 ครั้งในขณะที่สนทนากัน หลังจากนั้นจิตก็เครียดตลอดเลย ก่อนนอนมารำลึก ถึงกฏไตรลักษณ์ของจิต จิตก็ไม่เที่ยงหนอ

    วันที่ 3 เริ่มดีขึ้นมาหน่อยเบาสบายขึ้น วันนี้พบว่าในขณะที่สนมนากับผู้อื่นนั้นก็สามารถจับภาพพระได้บ้างในขณะที่สนทนากัน
     
  16. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    หลักคำสอนของตถาคตมุ่งที่อริยสัจ หรือกฎของกรรมตัวเดียวกัน



    สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้
    <O:p

    ๑. เจ้าเห็นหรือยังว่า โลกนี้ทั้งโลกเต็มไปด้วยความทุกข์ (รับว่า เห็นแล้ว)
    <O:p
    ๒. มันเป็นธรรมดาหรือผิดธรรมดา (รับว่าเป็นธรรมดา)
    <O:p
    ๓. เมื่อเป็นธรรมดาแล้ว จิตเราจักไปอึดอัดขัดข้องกับมันทำไม ปล่อยให้จิตยอมรับนับถือกฎของธรรมดา มีอารมณ์สบายๆ มีการกำหนดรู้ว่า นี่เป็นทุกข์ เป็นอริยสัจ มิใช่ไม่ยอมรู้ว่าเป็นทุกข์
    <O:p
    ๔. ผู้กำหนดรู้จึงจักพ้นทุกข์ไปได้ มิใช่ปล่อยให้ทุกข์มันผ่านไปเฉยๆ อาศัยความไม่รับรู้ ขาดสติสัมปชัญญะ ก็ใช้ไม่ได้ ตถาคตเจ้าทั้งหลาย สอนสติสัมปชัญญะให้มี ให้เกิดแก่พุทธบริษัททุกๆ พุทธันดร มิใช่สอนให้ไม่รู้ สอนให้ขาดสติสัมปชัญญะนั้น ย่อมมิใช่หนทางของผู้พ้นทุกข์
    <O:p
    ๕. เมื่อรู้ทุกข์ก็ให้พิจารณาทุกข์นั้นตามหลักของอริยสัจ รู้แจ้งเห็นจริงตามนั้นเป็นปกติ แล้ววางทุกข์นั้นลงเสีย อย่าให้เกาะยึดอยู่ในจิต
    <O:p
    ๖. ทุกอย่างต้องถูกกระทบก่อน จึงจักเป็นของจริงในพุทธศาสนา นักปฏิบัติกรรมฐานจักต้องวัดอารมณ์กันที่ตรงนี้ อย่าให้กิเลสมันหลอกเรา หากอยู่สงบ ๆ โดยไม่ถูกกระทบก็หลงคิดว่าตนเองแน่แล้ว จึงถูกกิเลสหลอกอยู่ตลอดเวลา
    <O:p
    ๗. เพราะฉะนั้น จงอย่ากลัวอารมณ์กระทบ ให้เอามาเป็นครู พิจารณาให้ลงตัวธรรมดา ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตามสภาวะของธรรม ซึ่งมีความไม่เที่ยงเป็นปกติ
    <O:p
    ๘. อย่าไปยึดเกาะความไม่เที่ยง เพราะมันทุกข์อยู่ตามปกติเป็นธรรมดา จงปล่อยวางทุกข์นั้นด้วยกำลังของอริยสัจ ให้พิจารณาวนไปวนมาอยู่อย่างนี้เป็นปกติ มองความไม่เที่ยง มองความสกปรก มองความทุกข์ของร่างกายให้ชัดตามความเป็นจริง เพียรทำให้ได้ บารมีก็จักสะสมและเต็มได้ในที่สุด


    จาก ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวม โดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
    เผยแพร่เป็นธรรมทานใน Frameset-8
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2012
  17. คมวรรณ

    คมวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,050
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2012
  18. โลกุตร

    โลกุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +124
    ถามพี่ภูว่าถ้ายังสูบบุหรี่จะผิดศิล 5 มั้ยครับ ถ้ายังไม่เลิกสูบบุหรี่จะฝึกจิตเกาะพระได้มั้ยครัย
     
  19. Nuttha_kr

    Nuttha_kr สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +22
    โดนใจจริงๆ ค่ะู ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2012
  20. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    รอ ๆๆ อ่านอยู่น่ะ ของดีจากจิตครูบุญทุกท่าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...