พระแจ้งจับสีกาตั้งแก๊งแบล็กเมล์ขู่รีดเงินแลกคดี

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 14 สิงหาคม 2012.

  1. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    พระแจ้งจับสีกาตั้งแก๊งแบล็กเมล์ขู่รีดเงินแลกคดี

    [​IMG]

    พระวัดป่าภาคอีสานโร่แจ้งความกองปราบฯ จับ 2 สีกาแจ้งเท็จ โดยมีพฤติการณ์แบล็กเมล์เรียกเงิน 1 แสนแลกถูกล่วงละเมิดทางเพศก่อนไปแจ้งความดำเนินคดี

    วันนี้ (14 ส.ค.) ที่กองปราบปราม พระคำสิงห์ แสนหมื่น อายุ 49 ปี พระลูกวัดบุบผามาลา อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ พร้อมด้วยนายสงกรานต์ อัจฉริยทรัพย์ ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.เกรียงไกร ขวัญไตรรัตน์ พนักงานสอบสวน กก.1.บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อกลุ่มบุคคลทั้ง 2 คน คือ ด.ญ.เอ และ น.ส.บี (นามสมมติ) ในข้อหาแจ้งความเท็จ หลังจากเมื่อกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ทั้งสองคนได้แจ้งความดำเนินคดีต่อพระคำสิงห์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.หัวตะพาน โดยกล่าวหาว่าพระคำสิงห์กระทำการล่วงละเมิดทางเพศ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง อันเป็นการแจ้งความเท็จ

    โดยนายสงกรานต์กล่าวว่า หลังจากมีปัญหากัน น.ส.บี และ ด.ญ.เอ ได้เข้ามาหาพระคำสิงห์ เพื่อข่มขู่เรียกเงิน 1 แสนบาท เพื่อให้เรื่องทุกอย่างจบลง แต่พระคำสิงห์ไม่ยอมมอบเงินให้ ทั้ง 2 คนจึงไปแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว

    อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังมักจะมีกลุ่มผู้หญิงเข้ามากระทำการในลักษณะข่มขู่เรียกรับเงินจากพระสงฆ์ โดยจะเลือกพระวัดป่าที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ภาคอีสาน เพราะเป็นพระที่ชาวบ้านเคารพศรัทธา และกลุ่มบุคคลดังกล่าวคิดว่าพระที่มีชื่อเสียงจะมีเงินให้ข่มขู่ได้ ซึ่งภายหลังเกิดเรื่องในลักษณะนี้กับพระสงฆ์บ่อยครั้ง ทางคณะสงฆ์จึงลงความเห็นว่าควรที่จะแจ้งความดำเนินคดีให้เป็นคดีตัวอย่าง


    Crime - Manager Online - พระแจ้งจับสีกาตั้งแก๊งแบล็กเมล์ขู่รีดเงินแลกคดี
     
  2. ผงธุลี

    ผงธุลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +2,494
    คนทุกวันนี้หากินกันแบบง่ายๆ ไม่กลัวหรือเกรงบาป หรือไม่เชื่อว่าบาปบุญมีจริง ให้ผลได้จริง แม้แต่พระเองก็ตาม ก็หากินกันแบบง่ายๆก็มี ผมเพิ่งกลับไปกราบพระป่าเล็กๆแถวบ้านมา เจ้าอาวาสท่านเมตตาเล่าว่า เพื่อนของท่าน(เป็นพระภิกษุ)มาชวนไปนอนโรงพยาบาลสงฆ์ ด้วยการกินกล้วยใส่ตะปู ไปโรงพยาบาลสงฆ์นอนเป็นพระภิกษุอาพาธสัก 2-3เดือน ก็มีปัจจัยเกือบแสน มีคนมาถวายซองปัจจัยทุกวัน บางวัน3-5ซอง
    ผมกราบขอท่านอย่าได้ทำเลย ฟังแล้วเศร้าใจครับ ศาสนาไม่ได้เสื่อมจากเหตุภายนอก เสื่อมจากพุทธบริษัทสี่นั่นเอง
    ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำมาดีแล้ว อย่าได้มีเหตุให้ข้าพเจ้าได้คิด ได้ทำร้ายพระพุทธศาสนาเลย ให้ข้าพเจ้าได้มีส่วนช่วยสืบสานอายุพระพุทธศาสนา ให้มีความมั่นคงสืบไป
     
  3. แม่สรวิศ

    แม่สรวิศ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +63
    ไปเป็นตามธรรมชาติ ตามกิเลส ของโลก
    ธรรมดา เงินคือที่สุดของชีวิต
    ทำโดยไม่คิดถึงผลภายหน้า เพราะคิดว่าชาติหน้าไม่มีจริง
    มีอยู่เยอะไป หมด เราก็ทำหน้าที่ คือบำรุงพระศาสนา ต่อไป
     
  4. nut1319

    nut1319 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +651
    ใช่เป็นแบบนี้แล้ววันก่อนท่านพระอจารย์ก็เล่าเรื่องแบบนี้ให้ฟังมาเป็นกลุ่มเลยนะ แล้วก็พกกล้องติดตัวด้วย
     
  5. ศักยิ์กมล

    ศักยิ์กมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +1,316
    จากที่อ่านกระทู้ผู้หญิงทั้งสองคนยังเป็นเด็กหญิงอยู่เลย ผมว่าน่าจะมีผู้ใหญ่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแน่ ๆ เลย ทางเจ้าหน้าที่ต้องลากคอออกมาให้หมด และควรเปิดเผยชื่อจริง เพื่อผู้อื่นจะได้ระวังตัวเมื่อเจอคนพวกนี้ (ความเห็นส่วนตัวนะถ้าผิดขออภัยด้วยครับ)
     
  6. เหมียว_วัฒ

    เหมียว_วัฒ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2011
    โพสต์:
    272
    ค่าพลัง:
    +106
    อ่านแล้วอนาถใจยิ่งนัก แต่อย่าใส่ใจเลยเราจงตั้งใจปฎิบัติต่อไป สาธุ สาธุ
     
  7. จับตา

    จับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +310
    ขอเเสดงความคิดเห็นสักเล็กน้อยเนื่องจากเคยช่วยคดีเเบบนี้มา2-3คดี เมื่อมีการเเจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องว่าไปตามกฏหมายคือพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง ตำรวจก็คงจะออก หมายเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบปากคำ เเละพิสูจน์กันในชั้นของศาล(ถ้ามีมูลอัยการส่งฟ้อง) ส่วนผู้ถูกกล่าวหา ถ้าจะสู้คดี ก็ต้องหาหลักฐาน เช่นผลการตรวจร่างกาย (เเพทย์สูติฯ) จากโรงพยาบาลเเละอื่นๆเป็นต้น ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือพยาน หลักฐาน เราท่านทั้งหลายก็คงจะได้ติดตามข่าวนี้ ว่าจะลงเอยอย่างไรต่อไป...หากว่า นางสาว เเละเด็กหญิงทั้งสองคนเเบล็คเมล์จริงก็คงจะต้องรับโทษ ตามกฎหมาย คดีนี้น่าจะมีคนที่เข้ามาเกี่ยวมากกว่านี้ (ความคิดเห็นส่วนตัว) ลำพังผู้หญิงซึ้งมีเด็กหญิงด้วย 2คนคงจะไม่กล้าเด็ดขาด ขอภาวนาให้จบเร็วๆ โดยต้องหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ ในเบื้องต้นทุกคนยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตามกฏหมาย จนกว่าศาลจะตัดสินคดีความ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2012
  8. จับตา

    จับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +310
    ยอมรับว่า มีอยู่จริงเเต่คงจะเป็นส่วนน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนพระที่มีอยู4เเสนกว่ารูป ถ้าท่านกล้ากลืนตะปู ท่านก็คงไม่ไช่พระเเล้วหละ
     
  9. จับตา

    จับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +310
    การดำเนินคดีอาญานั้น มีความมุ่งหมายที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าข้อ เท็จจริงที่เกิดขึ้น อันเกิดจากการกระทำความผิดทางอาญานั้นใครเป็น ผู้กระทำความผิด และผู้ที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นผู้กระทำความผิดจริงหรือไม่ ซึ่งการพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้นจะต้องกระทำโดยศาลตามหลักในกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญา อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการก่อนนำคดีขึ้นสู่ศาลถ้าเป็นคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ กฎหมายให้คดีเรื่องนั้นต้องได้รับการสอบสวนโดยชอบด้วยกฎหมายจากพนักงานสอบสวน ซึ่งได้แก่ ตำรวจ ที่มียศตั้งแต่นายร้อยตำรวจตรีขึ้นไป และการสอบสวนของตำรวจนี้กฎหมายให้อำนาจแก่พนักงานสอบสวนที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ว่า จะเป็นพยานบุคคล พยานเอกสาร หรือพยานวัตถุ เพื่อจะนำมาพิสูจน์ความผิด เพื่อทราบลักษณะของการกระทำความผิด และเพื่อพิสูจน์ว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้กระทำผิดจริงหรือไม่ ในกรณีที่มีหลักฐานน่าเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นผู้กระทำผิด พนักงานสอบสวนจะเสนอความเห็นควรสั่งฟ้อง ต่อพนักงานอัยการ เพื่อให้พนักงานอัยการดำเนินการสั่งฟ้องผู้ต้องหา ต่อไป นอกจากนี้ เพื่อประโยชน์ในการรวบรวมพยานหลักฐานดังกล่าว กฎหมายจึงให้อำนาจตำรวจในการจับ ควบคุมตัวบุคคลที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิด หรืออำนาจในการค้นสถานที่เพื่อหาสิ่งของที่อาจใช้เป็นพยานหลักฐาน และยึดสิ่งของนั้นไว้ หรือค้นเพื่อจับตัวบุคคลที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้กระทำผิด หรือปล่อยตัวบุคคลที่ควบคุมไว้ชั่วคราว โดยมีประกันและไม่มีประกัน เมื่อพนักงานอัยการได้สำนวนการสอบสวนจากตำรวจแล้วพนักงานอัยการ มีหน้าที่ตรวจสอบสำนวนการสอบสวน และทำคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล ถ้าพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องก็จะนำคำฟ้องพร้อมด้วยตัวผู้ต้องหาไปยื่นฟ้องต่อศาล แล้วนำพยานหลักฐานเข้าสืบ ซึ่งรวมถึงพยานบุคคลที่รู้เห็นเหตุการณ์ด้วยหรืออาจเป็นพยานเอกสาร พยานวัตถุ หรือพยานผู้ชำนาญการเข้ามาเพื่อการนำสืบข้อเท็จจริงในศาลนี้ พนักงานอัยการ หรือผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์จะต้องนำหลักฐานมาสืบจนเป็นที่พอใจว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด ส่วนจำเลยก็มีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานต่างๆ มาพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าการกระทำของตนไม่เป็นความผิดตามที่โจทก์กล่าวหา
    หลังจากที่ได้สืบพยานโจทก์และจำเลยจนเสร็จสิ้นแล้ว ศาลจะวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่นำสืบต่อศาล ถ้าเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดศาลจะพิพากษาลงโทษตามที่กฎหมายบัญญัติสำหรับความผิดนั้น แต่ถ้าเห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด หรือมีเหตุอื่นที่จะทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิดทางอาญา หรือคดีขาดอายุความฟ้องร้องแล้ว ศาลจะพิพากษายกฟ้องและปล่อยจำเลยไป
    กระบวนการทั้งหลายเหล่านี้อาจเกิดแก่ท่านได้ในวันใดวันหนึ่งและหลายครั้งที่ประชาชนโดยทั่วไปซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการดำเนินคดีอาญา ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะของผู้เสียหาย พยาน ผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่ทราบว่าจะต้องปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะถูกต้องตามกฎหมายและเป็น การรักษาผลประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น ดังนั้น จึงขอฝากข้อคิดและข้อปฏิบัติตนในการดำเนินคดีอาญาไว้ดังต่อไปนี้
    ๑. กรณีท่านเป็นผู้เสียหาย
    ในกรณีที่ท่านได้รับความเสียหายตามกฎหมาย เช่น ได้รับบาดเจ็บจากการที่มีผู้ทำร้าย หรือถูกล่อลวงไปเพื่อการอนาจาร หรือมีคนมาหลอกเอาเงินไปโดยสัญญาว่าจะส่งตัวไปทำงานที่ต่างประเทศ เป็นต้น ท่านมีสิทธิที่จะดำเนินการทางกฎหมายอาญาแก่ผู้กระทำความผิด โดยเป็นโจทก์ฟ้องคดีเองหรือร้องทุกข์ต่อตำรวจก็ได้
    การร้องทุกข์ต่อตำรวจ หรือที่เรียกในภาษาชาวบ้านว่า "แจ้ง ความ" นั้นสามารถกระทำได้โดยที่ท่านไปพบพนักงานสอบสวนในเขตท้องที่ที่ความผิดเกิดขึ้น แล้วเล่าเหตุการณ์ให้ตำรวจฟัง ซึ่งในขณะที่แจ้งท่านอาจไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด ท่านก็แจ้งได้ แต่อย่างไรก็ตาม กฎหมายกำหนดว่าคำร้องทุกข์ที่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ต้องเป็นการร้องทุกข์โดยเจตนาที่จะให้ตำรวจนำตัว ผู้กระทำความผิดมาดำเนินการทางกฎหมาย หากการแจ้งความนั้นมิได้มีเจตนาเช่นนั้นกฎหมายไม่ถือ ว่าเป็นคำร้องทุกข์ เคยมีคำร้องทุกข์ที่ระบุแต่เพียงว่า "ขอแจ้งไว้เป็นหลักฐานเกรงคดีจะขาดอายุความ" ดังนี้ ศาลวินิจฉัยว่าไม่เป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมาย การที่ผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์นั้นจะมีผลต่อการสอบสวนในคดีความผิดต่อส่วนตัว เช่น ข่มขืน บุกรุก ยักยอก ฉ้อโกง หน่วงเหนี่ยว กักขัง หรือความผิดฐานออกเช็คไม่มีเงิน เป็นต้น เพราะตามกฎหมายตำรวจจะไม่สามารถสอบสวนความผิดดังกล่าวได้ถ้าไม่มีคำร้องทุกข์จาก ผู้เสียหายก่อน นอกจากนี้ การร้องทุกข์ก็ต้องดำเนินการในเวลาจำกัด กล่าวคือ ต้องกระทำภายในสามเดือนนับแต่วันที่ผู้เสียหาย รู้เรื่องความผิดและรู้ว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด ถ้าร้องทุกข์เกินกำหนดเช่นว่านี้ ถือว่าคดีขาดอายุความ และตำรวจหรือผู้เสียหายไม่อาจดำเนินการแก่ ผู้กระทำผิดได้ สำหรับคดีที่ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว เช่น ทำร้ายร่างกาย ฆ่าคน ลักทรัพย์ ประมาททำให้คนตาย ความผิดฐานปลอมเอกสารหรือ เงินตรา เป็นต้น ตำรวจสามารถดำเนินคดีได้โดยไม่ต้องรอให้มีคำร้องทุกข์จากผู้เสียหายก่อน หรือแม้แต่ผู้เสียหายจะไม่ร้องทุกข์ หรือร้องทุกข์แล้วแต่ถอนคำร้องทุกข์ไป พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการสอบสวนได้ และพนักงานอัยการมีอำนาจฟ้อง ซึ่งข้อนี้แตกต่างจากความผิดต่อส่วนตัว เพราะในคดีความผิดต่อส่วนตัว ถ้าผู้เสียหายไม่ติดใจเอา ความโดยยอมความทางอาญา หรือตกลงถอนคำร้องทุกข์แล้วคดีเป็น อันระงับไป ซึ่งมีผลให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และศาลไม่อาจดำเนินคดีแก่ผู้ถูกกล่าวหาได้เลย
    อย่างไรก็ดีการแยกแยะว่าคดีใดเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว คดีใดไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัวนั้น ต้องดูจากบทบัญญัติในมาตรานั้นๆ จึงเป็นการยากสำหรับผู้ที่ไม่ได้เรียนกฎหมายที่จะทราบได้ ดังนั้น ถ้าท่านเป็นผู้เสียหายในคดีใดก็ตาม ทางที่ดีท่านควรจะต้องรีบไปร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวนโดยเร็ว ซึ่งนอกจากจะเป็นการป้องกันคดีขาดอายุความแล้ว ยังทำให้พนักงานสอบสวนสามารถเข้ามาดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีโดยเร็ว และทำให้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ได้ครบก่อนที่จะสูญหายไป
    ในความผิดฐานข่มขืน เป็นคดีที่ผู้เสียหายได้รับความกระทบกระเทือนทั้งทาง ด้านร่างกายและจิตใจจากการข่มขืนผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่ยอมมาร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวนในทันทีเพราะความอายที่จะบอกเรื่องดังกล่าวแก่ผู้อื่น บางคนกว่าจะมาร้องทุกข์ก็เป็นเวลาถึงสามหรือสี่เดือนหลังเกิดเหตุ หรือบางคนรอจนตั้งครรภ์เนื่องจากการถูกข่มขืนแล้วจึงมาร้องทุกข์ก็มี ซึ่งความล่าช้าในการร้องทุกข์อาจทำให้คดีขาดอายุความ เพราะความผิดฐานข่มขืนเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวและพยานหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะร่องรอยการต่อสู้ คราบอสุจิของผู้กระทำผิด หรือพยานหลักฐานอื่นๆ อาจสูญหายไป เพราะหลักฐานดังกล่าวจะปรากฏอยู่ได้ไม่เกินสองหรือสามวันเท่านั้น นอกจากนี้ การไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนจะส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายเพื่อหาพยานหลักฐาน ท่านควรจะไปตรวจร่างกายโดยเร็ว และไม่ต้องทำความสะอาดร่างกายก่อน ทั้งนี้เพราะการกระทำดังกล่าว ท่านสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจากสำนักงานช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐ โทร. ๒๒๔-๘๑๐๖
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2012
  10. porntips

    porntips เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,410
    ถ้าท่านไม่ผิดจริง เล่นงานให้หนักเลย แต่ถ้าท่านผิดจริง น่าอาย ความจริงท่านก็ไม่ควรอยู่ในที่ล่อแหลมกับสีกาครับ ควรมีใครอยู่ด้วยทุกครั้ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...