อาการตั้งจิตอธิฐานขณะที่อุทิศส่วนกุศลแบบนี้พอได้ไหมครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย overmage, 14 สิงหาคม 2012.

  1. overmage

    overmage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +128
    กล่าวคือ มันเป็นอาการที่เกิดขึ้น ทุกครั้ง ที่ผมตั้งใจอุทิศส่วนกุศลครับ แรกๆก็คิดว่าชั่งมัน

    ที่ผ่านๆมาก็คิดว่าชั่งมัน แต่ก็เกิดสงสัยขึ้นมาภายหลังว่า มันจะใช่อาการของสมาธิไหมครับ เพราะว่ามันจะเกิดทุกครั้ง

    ที่เราตั้งใจจริง ตั้งสมาธิจดจ่อเฉพาะผู้ที่เรากล่าวถึงนั้น จริงๆ อาการก็จะมีดังนี้ครับ

    1.ขนลุก (อันนี้ธรรมดามาก ไม่ใส่ใจเลย)

    2.รู้สึกว่าตัวเองอยู่ที่ที่โล่งมาก รอบข้างไม่มีอะไรเลย แม้ว่าจะอยู่ในห้อง ผนังก็หายไป(รู้สึกว่าผนังหายไป)

    ยืนในที่โล่ง ประมาณนั้นครับ

    3.รู้สึกว่าตนเองจมลงดินเหลือแต่หัว บางครั้งปริ่มๆอยู่เหลือแค่ระดับลูกตา(เข้าใจว่าคงอยากกลับบ้านเก่า)

    ประมาณว่าเคยอยู่นรกแล้วอยากกลับ ^^ แรกที่เป็นกังวลครับ ช่วงหลังเริ่มไม่ค่อยใส่ใจ มีแอบคิดบ้างในบางครั้ง

    และ.... สิ่งที่ผมกังวลไม่ใช่ว่าผมจะต้องลงนรกไหม แต่ผมกังวลแค่ว่าผมวางอารมถูกหรือป่าว แค่นั้นเองครับ

    ผมกลัวว่าจะวางอารมไม่ถูก แล้วแทนที่จะให้เขา แต่กลับไปไม่ถึงเขาด้วยความอ่่อนซ้อมของตนเอง เลยอยากรบกวนสอบถาม

    ความคิดเห็นของพี่ๆ ในบอร์ดครับ

    เพราะตั้งแต่ปฏิบัติมานั้น ตัวผมเองทุลักทุเลมาก บางครั้งพอใช้ แต่บางครั้งผมก็เลวกว่าหมาอีก T^T

    รบกวนสอบถามความคิดเห็นด้วยครับ ขอพระคุณมากครับ

    อยู่กับลม แต่ไม่รู้ลม คือคนที่ตายจากความดี
     
  2. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ดีมากเลยครับ สมาธิจดจ่อตั้งใจอยู่กับสิ่งที่คิดอย่างเดียวจริงๆ

    ส่วนรู้ตัวแล้วว่า บางครั้งตัวเรายังแพ้กิเลส ก็พิจารณาไปเรื่อยๆ ครับ ดูให้ละเอียด ถึงช่วงที่เราแพ้กิเลส ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ กาย ใจ จิต เราบ้าง มันจะได้ค่อยๆ วางลงไปจากกิเลสตัวนั้น
     
  3. num_mon

    num_mon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    579
    ค่าพลัง:
    +912
    จากข้อ 1-3
    แสดงว่าคุณตั้งใจมากนะครับ แต่อย่าลืมสติอยู่ที่ปัจจุบันนะครับ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ไม่ค่อยได้สังเกตุกิริยาแบบที่คุณเป็นเท่าไรครับ..เพราะมัวแต่สังเกตุลักษณะและสีการรวมตัวของบารมีที่เราขอกับบารมีของตัวเราเองที่มารวมตัวกันเป็นวงกลมด้านหน้า.และดวงจิตที่มาปรากฎให้เห็นใน ขณะที่จะทำการอุทิศส่วนกุศลครับ.ส่วนกิริยาแบบของคุณอาจจะเกิดเร็วจนสังเกตุไม่ทัน..แต่กิริยาที่เกิดกับคุณผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นอันตรายใดๆนะครับ..
     
  5. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    คล้ายๆกับผมนะ ตอนกรวดน้ำปรากฏกอาการดังนี้คือ

    1 เมื่อจิตเป็นสมาธิในการอุทิศ จะเกิดนิมิตเห็นแสงสว่างอันเป็นทิพย์ เป็นเหมือนพลังบุญของเราลอยสว่างอยู่ ในอากาศใกล้ตัวผม

    2เมื่อกล่าวอุทิศ ระลึกเอ่ยชื่อก็ดีหรือเอ่ยถึงจิตใดก็ดี จิตจะระลึกเห็นเป็นใบหน้าญาตุิเรา ก็ดี ครูอาจารย์ ตลอดจนเทพพรหม เจ้าที่เจ้าทาง เจ้ากรรมนายเวร พระแม่ธรณี ในจิตนิมิต เห็นหมดว่ารูปร่างกายแต่งกายเป็นอย่างไร

    3เห็นว่าท่านพนมมืออนุโมทนาในกระแสบุญอันเป็นแสงสว่างที่ลอยอยู่ บางครั้งก็จะเห็นต่อเนื่องไปว่า แสงสว่างอันเป็นพลังบุญนั้น เมื่อจิตผู้ใดได้อุทฺสแล้ว จิตนั้นกลับเปลี่ยนไปเช่น จิตนั้นมีปิติปราโมทย์ ชื่นชมยินดี มีใบหน้าที่อิ่มยิ้มแย้มเบิกบาน บางจิตก็เปลี่ยนสภาพจากที่ดูเศร้าหมอง เป็นดูสดใสสวยงาม การแต่งกายก็เปลี่ยนไปสวยงามกว่าเดิมก็มี หรือื่นๆอีกเยอะครับ

    4 เกิดอาการขนลุกมีปิติอีกครั้งเมื่อแสงสว่างอันเป็นพลังบุญเค็ลื่อนลอยสู่อากาศและลอยหายไปยังสวรรค์ชั้นบน ไม่รู้ว่าลอยไปที่ใดแต่ก็รู้ว่าเคลื่อนไปรวมอยู่ที่ใดที่หนึ่งครับ

    5 ด้วยการอุทิศกรวดน้ำเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง ในระยะหลังมา แม้อุทิศแบบไม่ต้องกรวดน้ำแต่ใช้การอธิฐาน จิตแลนิมิตเหล่านั้นทั้ง4ข้อ ก็ยังปรากฏเพราะอาศัยกำลังจิตเราสื่อไปถึงเขา แลมั่นใจว่าเขาเหล่านั้นจักต้องได้รับ กรณีที่สื่อจิตไปแล้วแต่กำลังเห็นว่าเขาตกอยู่ในอบายภูมิ กำลังทุกขเวทนาอยู่ไม่สามารถรับบุญนี้ได้

    6 การสื่อจิตให้บุญนี้สำเร็จแก่ พระแม่ธรณี พระแม่คงคา พระยายมบาล พระยายมราช พระยายมทูต และท่านนายนิริยบาลให้อุทิศให้ท่านได้รับบุญนี้ด้วย และขอความกรุณาให้ท่าน ช่วยเปิดทางให้จิตดังกล่าวที่ได้รับทุกขเวทนาอยู่ให้บอกเขาให้อนุโมทนาบุญให้ส่งอำนาจจิตนำเอาแสงสว่างอันเป็นกำลังบุญนี้นำลงไปยังที่เขาอยู่ เมื่อเขาเห็นแสงสว่างนี้แล้วจิตจะพลอยปิติโสมนัสแช่มชื่นยินดีก็จะอิ่มเอมใจ คลายทุกข์ไปได้ชั่วขณะหนึ่งครับ

    วิธีการข้อนี้ ใช้ได้กับการกรวดน้ำขอให้พระแม่คงคา พระแม้ธรณี เป็นสักขีพยายานและให้ช่วยบอกกล่าวให้เขาอนุโมทนา บุญย่อมถึงแก่เขาครับ
    วิธีการข้อ6นี้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านมาสอนในจิตกระผมเองครับ และเป็นวิธีการที่ได้ผลที่ดีทีเดียวสำหรับการอุทิศบุญช่วยจิตที่ตกนรกที่ได้รับทุกขเวทนา ให้หลุดพ้นได้หากเขาใกล้หมดกรรมหรือบุญที่เราอุทิศให้มีพลังบุญมาก ก็จะทำให้เขาหลุดพ้นจากนรกภูมิทันทีครับ

    ช่วยกันคนละไม้คนละมือ นะครับ อย่าตระหนี่ถี่เหนียวแม้แค่การอุทิศบุญนะครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2012
  6. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253



    การปฏิบัติของคุณ แนะนำว่า ควรใช้หลัก วิตก3 เข้าประกอบการ
    พิจารณาธรรม คู่ไปกับการรู้ ลม

    ลม เราจะเอาไว้รู้เพื่อเป็น วิหารธรรม เหมือน การเล่นแบดมินตั้น เราจะ
    ต้องกลับมาตรงกลางของคอร์ด ทุกครั้ง แล้ว เห็นการขยับหลุดออกไป
    จากฐาน เพื่อไปเก็บสแปร์ แล้วก็ต้องกลับมาอยู่ที่ฐาน โดยอัตโนมัติ

    ใช้คำว่า อัตโนมัติ เพราะ อนุโลมตามลายเซ็น ที่ปรากฏมาเนิ่นนานแล้ว

    ทีนี้ เวลาขยับออกจากฐาน แทนที่จะรู้ โลภะ โทษะ โมหะ เหมือนคนอื่น
    เขา ให้ใช้บทว่าด้วย วิตก3 ได้แก่ กามวิตก พยาบาทวิตก และ วิหิงสาวิตก
    แทน

    เช่น

    ขนลุก รู้ว่า ขนลุก แต่ตรงคำว่า ไม่ใส่ใจเลย ให้สังเกตุว่า ไม่ใส่ใจใน
    สิ่งภายนอก นอกๆนั่น หรือว่า ไม่ใส่ใจเลยในอาการที่กายสัมผัส

    ถ้า เป็นการไม่ใส่ใจเลย กับสิ่งนอกๆนั่น ให้รู้ไปเลยว่า จิตมีวิหิงสาวิตก
    กลัวการเบียดเบียนอยู่ ถึงแม้จะไม่ใส่ใจ แต่ การส่งใจไปข้างนอก ใน
    ทางปฏิบัติเขาถือว่า มีวิตก

    แต่ถ้าเป็น ไม่ใส่ใจเลยดูเข้ามาที่ตัวหน่อย เป็นเรื่องของกายตนหน่อยๆ
    ประมาณว่า กายเราจะโดนอะไรอีกก็ช่าง อันนี้ ให้ถือว่า มี พยาบาทวิตก
    อยู่ ยังมุ่งประทุษร้าย/หรือไม่ยี่หละต่อการโดนประทุษร้าย อยู่ จึงถือว่า
    มีวิตก

    หรือ

    กรณีรู้สึกจมลงในดิน จริงๆแล้ว จิตกำลังดำเนินไปด้วยดี ควรอนุโลมจม
    ดินไปสองแบบ คือ ให้จมแล้วรู้สึกว่าเป็นเนื้อเดียวกันกับดิน ไม่มีตัวเราเป็น
    ขอบเขตกายขึ้นมา อันนี้เรียกว่า ปฐววีสัญญา น้อมดีๆ ก็กลายเป็น กสิณแต่
    อาศัย สัญญาภายนอก

    หรือ น้อมจมลงดินโดยเหมือนเราได้ตายไปแล้ว เป็นรูปศพนอนอยู่ในดิน
    จมอยู่ในอ้อมอกแม่ธรณี แต่ก็ ตายไปแล้ว เอา มรณะสติเข้ามา นมสิการ
    แบบนี้ก็จะไปได้แจ๋ว ไปไหนบ้าง เดี๋ยวก็รู้หากทำมากๆ

    แต่..............

    ต้องเอา วิตก3 มาพิจารณาอย่างเดิม หากจมลงดินแล้ว ไม่ยอม เกิดการ
    กระเด้งกลับ แทรกแผ่นดินกลับมาโผล่บนดิน ให้รู้ว่า กามวิตก เกิดขึ้น ตั้ง
    อยู่ ดับไป ( จะดับไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ กลับมาอยู่กับ ลม ไว้หรือเปล่า )

    กรณีที่จมลงแล้ว ไม่อยากไปเห็นอะไร ไม่อยากไปท่องเที่ยวไหน เกรงว่า
    ถึงเวลา เกรงว่าไม่ถึงเวลา เหล่านี้ให้รู้ไปว่า เป็น พยาบาทวิตก กลัวโดน
    ทำร้าย .......แปลกกว่านี้ก็มีนะ กลัวว่าจะสำเร็จอะไรสักอย่าง แล้วกลัว
    ว่าจะไปทำร้ายใคร หรือ จะเอาไปทำร้ายใคร นี่ก็ พยาบาทวิตก

    ส่วนเรื่องเห็นว่า มีเรา มีเขา มีสัตว์ได้บุญ มีสัตว์รับบุญ มีสัตว์ไม่ได้รับบุญ
    อะไรเหล่านี้ ให้รู้ไปเลยว่า เป็น การเป็นห่วง วิตกทุกร้อน เรืองการถูก
    เบียดเบียนโดยบุญ/กรรม ก็ให้รู้ไปเลยว่า จิตมี วิหิงสาวิตก

    พิจารณาไปจนกว่า จะไม่มี วิตก ทั้ง 3 ก็จะถึงจุดที่เรียกว่า สัมมาสมาธิ
    หรือ จิตสงบ จิตอยู่ที่ ฐาน เป๊ะ !!

    อยู่แล้ว ไม่ได้แปลว่า จิตรวม เกิดมรรค เกิดผล นะ แค่ หาฐาน หรือ หาใจ เจอ
    เท่านั้นเอง .......ดังนั้น อย่าขี้เกียจ อย่าแวะชมกระทะ ชมตั่งแก้ว หรือ ชม
    มูถ คูต ...หนอนชอนใช ให้รู้ผ่านๆ ให้มากๆ ทำให้มากๆ ไม่ใช่เห็นแล้ว ก็
    ออกมาถามคน เห็นแบบนี้ส่วนใหญ่จะต้องเก็บตัวสักพัก หากออกมาถาม
    คนว่า ผมเห็นอะไรครับ ก็เรียบร้อย กรรมฐานล้มเสียเพราะไม่รู้ว่า สมัยที่
    สมควรแก่ธรรมคือ การเก็บตัว ทำให้มากๆ ทำให้เนืองๆ จนกว่าจะ ผ่าน
    ความขี้เกียจ การหาทางลัด การหาการรับรอง หาเซอรติฟิเคต ไปได้

    พอผ่านตรงนี้ได้ ก็เรียกว่า เจอ สุญญตาสมาธิ ลำดับแรก .....ได้กับ
    เขาบ้างเสียที

    ธรรมที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน เนี่ยะ หากยังไม่เจอ อย่าไปสำคัญว่า
    ได้เจอสัมมาสมาธิ ว่าด้วย สุญญตาสมาธิ เป็นของอริยะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2012
  7. THE SEVEN

    THE SEVEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +870
    เป็นอาการของปิติอย่างหนึ่ง บางคนขณะเดินจงกรมรู้สึกขาตัวเองจมไปในพื้นไม้ก็มี มีสมาธิดี พอดึงสติกลับมาก็ปกติ กรณีคุณน่าจะออกจากสมถกรรมฐานแล้วอุทิศกุศล จึงยังมีสมาธิอุปจารอยู่ บวกกับสมาธิที่ตั้งใจอุทิศ ก็ดีมีกำลังอุทิศดีแต่คุณต้องดึงสติกลับมาที่การอุทิศกุศล ทำอารมณ์นิ่งสงบ ผ่องใส แล้วอโหสิกรรม แผ่เมตตา อุทิศกุศล
     
  8. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    เกิดจากการนึกคิดที่มีก่อนหน้า ตั้งใจมากเกินไปในขณะอุทิศส่วนกุศล ทำแค่พองามตามกำลัง

    หากยังมุ่งหวังมากอยู่เช่นนี้ ย่อมเกิดอาการดั่งที่คุณกล่าวมา เดินมาดีแล้วเพียงแต่ตั้งใจมากเกินไปครับ

    สาธุครับ
     
  9. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    เรียกว่า "ผลพลอยได้" ของจิตที่เป็นกุศลจิตที่อิ่มเอมเปรมปรีดิ์ มีปิติมากๆ จะแสดงอาการอย่างที่พูดมา จิตสุข กายสุขด้วย ถ้าเปนภาคปฏิบัติเขาจะเรียก "รื่นเริงในธรรม"
     

แชร์หน้านี้

Loading...