ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ภัยพิบัติครั้งใหญ่ตามที่คุณ kananun กล่าวถึงน่าจะเป็นช่วงโลกมืด 49 วันหลังเกิดการใช้ระเบิดนิวเคลียร์เข้าโจมตีกันในตะวันออกกลาง ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นช่วงปลายปี พ.ศ.2550 นะครับ ดังข้อมูลที่คุณ bifern ให้มาดังนี้ครับ

    ท่าน(พระภิกษุรูปหนึ่ง)บอกมาหลังเข้าพรรษานี้(ปี 2549)จะมีน้ำท่วมใหญ่และจะมีภัยพิบัติรุนแรงที่สุด ปลายปี 50 สถานที่หลบภัยของครอบครัวผม(bifern)คือ จ.อุบลฯศูนย์กลางคือ อ.ตระการพืชผล ที่อื่นคงเป็นภาคเหนือซึ่งมีอยู่ในเว็บนี้แล้ว สิ่งที่ท่านให้ทำในปี 49 นี้ คือรวบรวมทรัพย์สินที่จำเป็นเท่านั้น,ถอนเงินจากธนาคาร (เพราะถ้าเกิดเหตุรุนแรงท่านจะเบิกถอนเงินไม่ได้คงรู้นะครับ) เตรียมของยังชีพที่จำเป็นและเตรียมพร้อมที่จะเดินทางได้ตลอดเวลา

    (น้ำท่วมใหญ่ปี 49 นี้ท่านไม่บอกสถานที่ถ้าคุณๆ อยู่กรุงเทพฯ ระวังมากขึ้นเป็นพิเศษครับ)ภัยพิบัติใหญ่ที่จะเกิดในปี 50 (รายละเอียดต่างๆ ส่วนมากจะตรงกับของคุณเกษมครับ) วันเวลาในการเดินทางหลบภัยท่านจะบอกผมอีกครั้งหนึ่งครับ

    ที่มา http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=42069&page=12

    หมายเหตุ

    ปีจอต่อปีกุน คือช่วงเวลาแห่งการเกิดภัยพิบัติ ตามที่ครูบาอาจารย์หลายๆ ท่านได้ทำนายเอาไว้ และปีกุนจะไปสิ้นสุดในวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2551(ก่อนวันสงกรานต์) หลังจากนั้นจึงขึ้นปีชวดซึ่งเป็นปีที่ภัยพิบัติต่างๆ ได้สงบลงแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2007
  2. ppinter

    ppinter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2004
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +289
    นักวิชาการเตือนไทยสุดวิกฤติไม่เกิน 20ปี อาจย้ายเมืองหลวง

    ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการโรงเรียนสัตยาไส จังหวัดลพบุรี กล่าวว่า วิกฤติกาลภัยพิบัติธรรมชาติจะเริ่มชัดเจนอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะการขาดแคลนน้ำจืด ซึ่งจะนำไปสู่สงครามแย่งชิงน้ำระหว่างประเทศ ของประเทศไทยเองก็จะเห็นชัดเจนโดยเฉพาะที่แม่น้ำโขงจะแห้งลงไปแน่นอน ถึงขนาดแห้งผากเพราะน้ำแข็งที่ทิเบตเริ่มละลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะละลายหมดไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า ประชาชนคนไทยที่อาศัยน้ำโขงเช่นในภาคอีสานและภาคเหนือจะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะจะไม่มีน้ำจากแม่น้ำโขงมาใช้อุปโภคบริโภคและประเทศเทศจีนซึ่งกำลังทำเขื่อนจำนวนมากกั้นน้ำไว้ใช้เอง ประเทศไทย พม่า ลาว กัมพูชา จะได้รับความเดือนร้อนกันหมดเพราะฉะนั้นประทศเหล่านี้ต้องหารือร่วมกันไปเจรจากับประเทศจีนไม่ให้เก็บน้ำใช้เพียงประเทศเดียว เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจะเป็นตัวเร่งให้แม่น้ำโขงแห้งเร็วยิ่งขึ้นและความขัดแย้งระหว่างประเทศก็จะบานปลายหากไม่แก้วิกฤติ แม่น้ำโขงแห้ง แต่ก็ต้องรับมือ เพราะต้องแห้งอย่างแน่นอนตามธรรมชาติเมื่อหิมะในยอดเขาหิมาลัยละลายจนหมดจากวิกฤติภาวะโลกร้อน


    นอกจากนี้ทางแถบชายฝั่งทั้งหมดของประเทศจะต้องโดนน้ำทะเลท่วมลุกคืบเข้ามาภายใน 10 -20 ปี โดยเฉพาะจังหวัดภาคกลางจะได้รับผลกระทบจากน้ำเค็มทำให้การเพาะปลูกทั้งหมดเดือดร้อน เพราะน้ำเค็มมีระดับสูงขึ้น จ.นนทบุรี ก็กลายเป็นน้ำกร่อยแล้ว ซึ่งปัญหาน้ำท่วมจากมรสุมที่จะมีมากขึ้นและระดับน้ำท่วมก็จะนานขึ้นจากปัญหาน้ำทะเลหนุน ทั้งหมดเกิดจากโลกร้อน ที่จะต้องช่วยกันชะลอและเตรียมรับมือ เราก็จะต้องรณรงค์ให้ประชาชนรู้เท่าทันเหตุการณ์และเตรียมรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่จะเกิดบ่อยและแรงขึ้น อย่างไรก็ก่อนที่จะเกิดวิกฤติการณืขากแคลนน้ำกินน้ำใช้และพื้นที่ประเทศไทยบางส่วนจะจมหายไปในทะลในระหว่างนี้ก็จะเกิดเหตุแผ่นดินไหว เพราะไม่ว่าจะเกิดวิกฤติทั้งหมดยังไม่สำคัญเท่ากับและไม่รุนแรงเท่ากับเหตุกาณณ์แผ่นดินไหวที่จะไม่รู้ล่วงหน้าและจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เพราะเกิดจากเมื่อน้ำแข็งละลายจะทำให้แกนโลกเอียงเรื่อยจนกระทั่ง โลกมีความสมดุลย์ไม่สมดุลย์ เพราะน้ำจะไหลไปร่วมกันหนักอยู่ข้างเดียว ซึ่งเปลือกโลกจะต้องมีการเคลื่อนตัวเพื่อปรับให้โลกสมดุลย์ระหว่างนั้นก็จะเกิดแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่องและรุนแรงไปทั่วโลก ซึ่งสินามิจะต้องเกิดขึ้นอีกและจะรุนแรงมากกว่าที่เคยเกิด เพราะมีจุดศูนย์กลางอยู่ในประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะที่อ.แม่ริม จงเชียงใหม่ และที่ใต้ฐานเขื่อน จ.กาญจนบุรี


    การสั่นไหวของแผ่นดินไหวจะส่งผลกระทบมาถึงกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวงจะได้รับความเสียหายมากขึ้น จากน้ำท่วมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจะต้องมีการย้ายเมืองหลวงอย่างแน่นอนเพราะจ.ภาคกลางจะเจอกับน้ำท่วมติดต่อกันเพราะจะมีมรสุมบอยขึ้นและมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม น้ำท่วมจะขยายวงกว้างขึ้นเพราะมรสุมขะขยายเป็นปริมาณกว้างตกทั่งประเทศ แต่ที่ท่วมซ้ำซากก็จะท่วมหนักและเป็นวงกว้างกว่าเดิม โดยเฉพาะพื้นที่ต่ำ จ.สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และกทม. จะเจอน้ำท่วมยาวนานแน่นอนจำเป็นต้องย้ายเมืองหลวง ส่วนจังหวัดอื่นของภาคอื่นจะเจอกับปัญหาขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้เพราะจะเกิดหน้าแล้งยาวถึง 8 เดือน การขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ถึงขั้นจะต้องแย่งชิงน้ำ ดังนั้นรัฐบาลควรต้องรีบเร่งหามาตรการเก็บเกี่ยวน้ำฝนไว้ใช้ในหน้าแล้งแต่ไม่ใช้การสร้างเขื่อนอีกต่อไป เพราะจะต้องไม่มีการทำลายระบบนิเวศน์หรือตัดป่าไม้อีกแล้ว จะต้องสนับสนุนให้ทุกครัวเรือนสามารถที่จะพึ่งพาตัวเองได้ เช่นการบุดบ่อที่มีความกว้างลึกเก็บน้ำใช้ได้ทั้งปี หรือไม่สามารถขดบ่อได้ตั้งมีโอ่งเก็บน้ำใช้ได้ทั้งปี อย่างไปหวังฝนหลงฤดูที่จะไม่เกิดขึ้นอีก รัฐบาลจะต้องสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างจริงจังร่วมทั้งต้องรณรงค์ให้รถทุกคันใช้พลังงานจากพืชน้ำมันร่วมทั้งภาคอุตสาหกรรมด้วย ใช้ไฟฟ้าหันมาใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ เพราะการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯจากรถและโรงงานอุตสาหกรรมเป็นตัวเร่งภาวะเรือนกระจก ควรเร่งสนับสนุนให้ปลูกป่า ฟื้นฟูสภาพป่าอย่างจริงจังตามพระราชเสาวนีย์ของพระราชินีอย่าทำแบบไฟไฟม้ฟาง ไม่ควรจะนิ่งดูดาย จะเป็นการชะลอการเกิดวิกฤติได้ จะทำให้ประชาชน ใช้ชีวิตอยู่ได้ในภาวะที่ธรรมชาติเข้าขั้นวิกฤติ ซึ่งต้องใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต หากคนรู้จักพอธรรมก็จะไม่ลงโทษ มนุษย์ ซึ่งขณะนี้สหประชาชาติได้ออกมตรการใมาแล้วที่จะให้ประเทสมหาอำนาจที่ผลบิตกาซคาร์บอนฯโดยเฉพาะ 2ประเทศคู่แข่ง ที่มีการผลิตก๊าซคาร์บอนฯสู่ชั้นบรรยากาศสูงถึง 60-70 % ซึ่ง 2 ประเทศนี้นะต้องจ่ายเงินให้กับประเทศที่สามารถประหยัดพลังงานและลดปริมาณการใช้ก๊าซคาร์บอนฯลงในอัตราส่วนตามปริมาณที่ประหยัดได้ อย่างไรก็ตามทุกรัฐบาลและคนในชาติจะต้องมีคุณธรรมและรู้จักพอเพียงก็อาจจะชะลอวิกฤติออกไปอีก


    นายวิชัย แหลมวิไล อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เรียกประชุมทุกกรมและได้สั่งการให้ผู้บริหารระดับสูงของทุกกรมลงไปเกาะติดพื้นที่เสี่ยงต่อการบุกรุกป่าไม้เช่นการบุกรุกเพื่อการทำสวนยาง และพืชเกษตรเพราะขณะนี้มีการบุกรุกเป็นอย่างมาก ซึ่งจะเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่อทบทวนนโยบายการปลูกพืชเศรษฐกิจ โดยเฉพาะยางพาราที่มีนายทุนเข้าไปบุกรุกจำนวนมาก ขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกหน่วยปราบปรามจับกุมและเอาจริงเอาจังกับนายทุนและประชาชนที่บุกรุกให้มีความเด็ดขาดมากขึ้นเพราะพื้นที่ป่าไม้ทั้งหมดมีอยู่ 134 ล้านไร่ ได้มอบให้สปก. 43 ล้านไร่ เป็นพื้นที่อุทยานและเขตอนุรักษ์ จำนวน 60 ล้านไร่ แต่เป็นป่าถาวรที่สำบูรณ์เพียง 10 ล้านไร่เท่านั้นที่จะต้องดูแลอย่างจริงจังและจะรื้อฟื้นคณะกรรมการดูแลป่าไม้ขึ้นมาซึ่งมีทุกระดับเป็นกรรมการซึ่งขณะนี้ขาดระดับอำเภอ ชุมชน เข้าไปดูทุกพื้นที่ และเข้าไป


    โดยจะของบประมาณเพิ่มเติมทำข้อมูลสารสนเทศเพื่อไปเอ็กซเรย์สภาพป่า และใช้ดาวเทียมมาเป็นเครื่องมือในการจับกุมผู้บุกรุกนายทุน ซึ่งหากใช้เครื่องมือนี้ได้จะลดภาวะในงบประมาณลาดตระเวณ แต่งบประมาณดูแลป่าทั้งประเทศเฉลี่ย 1 บาทต่อ 1ไร่ต่อปี ซึ่งน้อยมากจะเสนอเข้าครม.เพื่อขอเพิ่มงบประมาณด้วย ซึ่งจะแยกเป็นป่า 3 ประเภทคือ ป่าพื้นที่หลัก พื้นที่รอง และพื้นที่เสี่ยง ที่รัฐบาลต้องทบทวนว่านโยบายการปลูกพืชเศรษฐกิจ พืชพลังงานจะยกเลิกหรือปรับปรุงให้เข้าพื้นที่ป่าไม้อย่างไร อย่างไรก็ตามได้มีการจับกุมนายทุนบุกทำสวนยางที่เชียงราย 900 ไร่ อยู่ระหว่างการดำเนินคดี เป็นรายใหญ่ที่สุดในขณะนี้ และจะจับกุมนายทุนที่บุกรุกนายทุนทำรีสอร์ทด้วย จะต้อวงเดินหน้าอย่างจริงจัง และขอให้คนไทยเลิกรสนิยมมีริสอรท์กลางป่า ซึ่งปัญหาหนักคือพื้นที่สวนยาง เหนืออีสาน ที่มีพื้นที่เสี่ยง บุกหนัก และลักลอบตัดไม้พยุงส่งออก ต้องเฝ้าระวัง และจัดกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "ความฝัน เทพสังหรณ์" สัญญานเตือนภัยจากเบื้องบน โดยคุณ kook1519<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_652478", true); </SCRIPT>

    [​IMG]
    ภาพจากทางอินเตอร์เน็ต


    เมื่อเช้า (05.30 น.)วันเสาร์สะดุ้งตื่นขึ้นมา..นั่งรวบรวมสติ สูดลมหายใจเข้าออก 10 ครั้ง พอสงบดีแล้วก็มาลำดับเหตุการณ์ดู

    ในฝัน ฝันว่าวันที่ 22 ตุลาคม 2550 เป็นวันที่มีเมฆดำทะมึนคลุมผสมกับควันๆที่ลอยตัวพุ่งขึ้น มีไฟยังคงไหม้อยู่เป็นย่อม น้ำเจิ่งนองท่วมขังผสมกับโคลน เหตุการณ์ภัยทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นก่อนหน้าได้สงบลงบ้างแล้ว ทั้งน้ำท่วมจนเห็นเป็นโคลนทับถมสิ่งก่อสร้างสุดลูกหูลูกตา คนที่เหลือรอดพยายามรวมกลุ่มกันและหาทางเพื่อความอยู่รอด ฝันว่าอยู่ในกลุ่มคน กลุ่มนึง(พร้อมกับลูกสาว) รวมเราแล้วก็ 5 คน ผู้ชายคนนึงตัวสูงใหญ่กำลังจัดแบ่งหน้าที่ให้ทั้ง 5 คนรับผิดชอบ คนนึงมีหน้าที่สำรวจความเสียหายทีเกิดจากน้ำท่วม คนที่ 2 รับผิดชอบสำรวจความเสียหายและปะรเมินสถานการณ์ที่เกิดจากไฟไหม้ คนที่ 3 รับผิดชอบสำรวจและประเมินสถานการณ์ความเสียหายที่เกิดจากลมพายุ ส่วนเราได้รับผิดชอบด้านธรณีวิทยา ส่วนคนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มเขาบอกว่าเขาจะรับผิดชอบสิ่งที่ใครๆรู้ (แต่เราไม่รู้ Y_Y) และจะพาไปรวมกับคนอื่นที่เหลือรอดแต่ตอนนี้ทำหน้าที่ ที่ได้ให้เต็มที่ก่อน
    และให้เร่งทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่ให้ลุล่วงไป อย่าเสียเวลา

    ขอให้เป็นแค่ความฝันของคนอดนอน พักผ่อนไม่พอ _/l\_
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ที่มา
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=79471&page=29

    เอ..ชักจะท่าไม่ดีแล้วครับคุณคณานันท์ ถ้าจะต้องรีบอพยพเมื่อไหร่ช่วยแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันด้วยนะครับ
     
  4. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ท่านผู้สนใจ อ่าน ข้อมูล นี้ โปรด อย่าตื่นตกใจ โดยไม่ไตร่ตรอง น่ะครับ

    โปรด ใช้วิจารณญาณ ด้วย ....

    มองตามความเป็นไป ใด้ ตามที่ทราบข่าว มีแผ่นดินไหว ทุกวัน ๆ ละหลายรอบเวลา ทั่วทุกมุมโลก... ทั้ง ปัญหาโลก ร้อน และ อาจจะมีภัย จากสงคราม นิวเคลียร

    ท่านเจ้าสำนัก ปฏิหารย์ บนยอดเขา ปฏิหารย์ เขตโขงเจียม จ.อุบลฯ ท่าน ยังกล่าว ถึง ภัย จาก รังสีนิวเคลียร และ ท่านใด้

    ลูกแก้ว นาคราช ลูกใหญ่ มาก ประมาณ เกือบ14-15 นิ้ว มาจากในถ้ำ ปฏิหารย์ ( ที่มีคนเดิน ในถ้ำ ทะลุ ถึง ฝั่ง ลาว ใด้ )

    วันที่กลุ่มผมไปพบ ท่านเจ้าสำนัก ท่านตีฆ้อง เรียก กลุ่มเราให้เข้ามา เพราะ เราเดินดู ทางอื่น ก่อน

    บนเนินเขาปฏิหารย์ มีโดมที่ประดิษฐาน พระแก้วมรกต ที่ท่านเจ้าสำนักบอก ว่า สมเด็จพระบรมโอสาธิราช ฯ ท่านโปรดอัญเชิญ มาเพื่อให้พสกนิกร ใด้กราบ สักการา .. ทั้งมี รูปหล่อ สมเด็จเจ้าตากสิน ..( เนื่องจาก ที่ตรงนั้น มีที่มา- ที่ไป สมัย สมเด็จเจ้าตากสิน ด้วย )

    ผม ขอย้ำ อีกครั้ง ญาติธรรมของผม อายุประมาณ 80 กว่า , 60 กว่า ที่อุบลฯ , เชียงใหม่ มี ข่าวนี้ และ ท่าน หลายคนในกลุ่มญาติธรม ผม ทราบข่าวเรื่องนี้ มานานมากแล้ว ประมาณ เกือบ 20 ปี แต่ ติดตามความเคลื่อนไหว มาตลอด มืดมิด 7 วัน 7 คืน หรือ 7*7 = 49 วัน

    ผมถูกดึงเข้ามา โดย ที่ไม่รู้ ตัว จาก..... ใด้มารู้จัก ท่าน...จนนั่ง จิต เพ่ง จึงพอรู้ บ้างเล็กน้อย ( แฮะๆ อาจจะผิดพลาด ครับ )

    23 - 31 ตค.นี้ ออกพรรษา ผม มีกำหนดการ ที่ต้องเดินทาง ขึ้น แสวงบุญ ทาง อุบลฯ

    เพราะในจิต ส่องมาว่า..... อาจจะเกิด ความเคลื่อนไหว สักอย่าง...เป็น ระยะ ที่โรงเรียน กำลังเปิดเรียน ด้วย .

    ติดตามดู ว่า ถ้า ช่วง กลางเดือน ตค.นี้ มี สิ่ง ใด รถ 3-4 คัน จาก พังงา,กทม. อาจ เดินทางไป แสวงบุญ ที่ อุบล และเตรียม ความพร้อม ที่โน้น

    ซึ่งผมใด้แจ้ง น้องๆทุกคนใว้ แล้ว โดยความไม่ประมาณ ให้ ลางาน ใว้ก่อน
    เพราะเรายังไม่รู้ จริง ว่า ....


    รอ ดู สถารการณ์ ต่อไป ครับ....

    ยังไร เข้า สมาธิ สร้างบุญ ใว้ ดี กว่า ครับ บุญ เท่านั้น ที่จะนำ พาเราไป ในสิ่ง ที่ดี และ ปลอดภัย

    --แต่ ไม่เกิน กรรม--

    ( โปรดใช้วิจารณญาณ )


    และ

    เอ..ชักจะท่าไม่ดีแล้วครับคุณคณานันท์ ถ้าจะต้องรีบอพยพเมื่อไหร่ช่วยแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2007
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** เมตตาสาร ****

    "น้ำ" ....ที่ขอไว้...จากทางช้างเผือก กำลังจัดมาเรื่อยๆ
    เหตุการณ์...ฝนดาวตก....คือ ก้อนน้ำแข็ง จากทางช้างเผือกพุ่งเสียดสีกับชั้นบรรยากาศของโลก
    น้ำ...จะมาเพิ่มตามสัดส่วนที่หายไป
    คือ ๑๖ ส่วน....หมายถึง น้ำจะมาเพิ่มบนโลก ๑๖ เท่า จากที่มีอยู่เดิมในยุคปัจจุบัน
    เป็นการช่วยสัตว์โลก
    ช่วยให้โลกสมบูรณ์ขึ้น
    น้ำทะเล...จะสูงขึ้น....
    กรุงเทพและพื้นที่ข้างเคียง...จะท่วมเกิดเป็นเกาะแก่งมาก
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    ดินมันแห้งมานาน...พอโดนฝนมาก....ไอดิน มันก็มาก

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** วิญญาณ กับ ยุคสมัย ****

    จิตวิญญาณ...ยังไม่หมดกิเลส.... ตายแล้วเกิดใหม่
    โลก...มียุคสมัย....นับไม่ถ้วน
    จิตวิญญาณบาปกรรมมาก...ยุคเก่า....ถูกเก็บ เหมือนถูกสาป ไว้ใต้โลกมีมากมาย
    โลกยุคต่อไปนี้
    จะมีการพิจารณา พิพากษา...การกระทำ
    ใครไม่รอดพ้นภัย....จะถูกสาปไปอีกนานแสนนาน
    เหมือนสิ่งมีชีวิตใต้โลกในตอนนี้

    รีบสะสมการกระทำด้วย "สัจจะ"...ก่อนหมดเวลา !!!!

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** พวกตกยุค พวกตกค้าง ****

    จิตวิญญาณ ที่อยู่ใต้โลก...คือ จิตวิญญาณ ที่ตกค้าง
    ไม่หลุดพ้นสักที !!!!
    ต้องรอวันเกิดใหม่ในยุคต่อๆ ไป

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** พวกจากฟากฟ้า ****

    จิตวิญญาณ ที่มาช่วยเหลือ...
    จิตวิญญาณที่อยู่บนโลก...ให้หลุดพ้น
    บางจิตวิญญาณ...มาแล้วหลงใหล !!!!
    หาทางกลับ บ้านนิพพาน ไม่เจอ !!!!

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ชี้ตุลาอาถรรพ์ ธรณี-พายุถล่ม
    หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ 3 ตุลาคม 2548

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต
    ชาวเน็ตผวาเจออีเมลประกาศเตือนจากประธานชมรมวิถีธรรม-วิถีไทแพร่หลายทางอินเทอร์เน็ต ระบุช่วง 11-29 ต.ค.นี้จะเกิดภัยพิบัติทั่วทุกภาค ส่วน

    <DD>กทม.จะเกิดแผ่นดินไหวย่านหัวลำโพง ปทุมวัน มาบุญครอง ดินแดง และรัชโยธิน ด้านผู้เชี่ยวชาญธรณีวิทยาชี้มีโอกาสเป็นไปได้ แต่ไม่ฟันธง เพราะข้อมูลเท่าที่มีอยู่ยังบอกอะไรไม่ได้
    <DD>ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีอีเมลข้อความคำพูดของ ดร.กัญจีรา กาญจนเกศ นักวิทยาศาสตร์ และประธานชมรมวิถีธรรม-วิถีไท ที่เตือนถึงเหตุร้ายว่าจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่กับประเทศไทย หลังจากที่เคยเตือนและเกิดขึ้นจริงมาแล้ว อย่างกรณีตึกเวิลด์เทรดถล่มที่อเมริกา หรือคลื่นสึนามิเมื่อปีที่ผ่านมา และล่าสุดเรื่องพายุถล่มบ้านเมืองที่อเมริกาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    <DD>สำหรับข้อมูลเตือนทางอีเมลระบุคำเตือนของ ดร.กัญจีรา โดยรวมว่า ช่วงวันที่ 11-29 ต.ค. 2548 นี้จะเกิดเหตุร้ายขึ้น โดยวันที่ 11 ต.ค. จะมีน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของไทย 13-14 ต.ค. จะเกิดคลื่นสึนามิ 18 ต.ค. น้ำป่าจะเข้าท่วมบ้านเรือนและมีน้ำขังอยู่ 2 สัปดาห์ และ 21-23 ต.ต. จะมีแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ จะมีรถติดวินาศสันตะโร ให้ระวังย่านหัวลำโพง ปทุมวัน มาบุญครอง ดินแดง และแถวรัชโยธิน แผ่นดินจะยุบหรือไหวตัว ส่วนวันที่ 29 ต.ค. อาจมีพายุทอร์นาโดเข้ามาทางอ่าวไทย
    <DD>ข้อความระบุอีกว่า ช่วง 11-29 ต.ค.นี้ ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทั้งประเทศทุกภาค จะรุนแรงมากกว่าช่วง 500 ปีที่ผ่านมา หนักกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น โดยภาคใต้หนักสุดที่นครศรีธรรมราช ภาคตะวันตกหนักสุดที่ราชบุรี ภาคกลางหนักสุดที่กรุงเทพฯ ภาคอีสานหนักสุดที่หนองคาย และภาคเหนือหนักสุดที่เชียงราย นอกจากนี้ช่วงปลายตุลาคมถึงต้นพฤศจิกายน ลอสแองเจลิสและนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา จะโดนพายุใหญ่อีก 2 ลูก ถล่มที่ 2 เมืองนี้นั่นเอง
    <DD>ผู้สื่อข่าวทำการติดต่อ ดร.กัญจีรา กาญจนเกศ ได้ข้อมูลว่า คำเตือนนี้กล่าวไปเมื่อครั้งประชุมสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา และได้เผยแพร่ให้กับสมาชิกชมรม และคนทั่วไปได้รับทราบ โดยครั้งนี้เป็นการเตือนให้เตรียมตัวและหาทางรับมือ ไ ม่ใช่ออกมาป่าวประกาศให้ตื่นตระหนก ครั้งนี้ต้องออกมาเตือน มันมีสัญญาณเตือนภัยมา จะต้องออกมาบอกกัน อย่างที่ผ่านมาตอนเหตุการณ์ตึกเวิลด์เทรดถล่ม ออกมาเตือนไว้ก่อนแล้วเกิดขึ้นจริง อย่างเหตุการณ์สึนามิออกมาเตือนแล้วเกิดขึ้นจริงเหมือนกัน ครั้งนี้จึงจำเป็นต้องเตือน แต่มีข้อแก้ไขที่ในเมลระบุว่าจะเกิดสึนามิอีกครั้งนั้น จริงๆ แล้วจะเกิดเป็นพายุโคลน
    <DD>"หลายคนถามว่าเรารู้เรื่องที่จะเกิดได้อย่างไร จริงๆ เราไม่ใช่หมอดู แต่เรามีข้อมูล และที่เคยเตือนมาทั้งหมดเกิดขึ้นจริง เราศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ ศึกษาจากธรณีวิทยา รวมทั้งใช้จิตสัมผัส และการมองดูรู้เห็นจากคลื่นพลังงานพิเศษ ครั้งนี้จึงอยากเตือนให้ทุกคนเตรียมตัวกันไว้ก่อน แต่ทั้งนี้ไม่ได้อยากให้ใครหวาดกลัวหรือตื่นตระหนก แต่การที่มีการเตรียมการป้องกันก่อนจะเกิดเหตุร้าย ย่อมดีกว่าปล่อยให้เกิดขึ้นโดยไม่ได้ป้องกันอะไรเลย" ดร.กัญจีรา กาญจนเกศ กล่าว
    <DD>รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยธรณีวิทยาแผ่นดินไหว และธรณีวิทยาแปรสัณฐานผืนแผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความเห็นเรื่องนี้ว่า เคยได้ยินชื่ออาจารย์กัญจีรามาเหมือนกัน เกี่ยวกับการเตือนเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งครั้งนี้เกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ในทางวิทยาศาสตร์แล้วเป็นไปได้ถ้าฝนยังตกไม่หยุดในช่วงที่เตือนไว้ แต่ถ้าจะท่วมทั้งประเทศก็ต้องในกรณีที่เขื่อนแตก ซึ่งโอกาสจะเกิดก็เป็นไปได้อีก
    <DD>"ส่วนเรื่องแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ เท่าที่ดูจากประวัติศาสตร์แล้ว ไม่เคยมีเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ที่สำคัญไม่เคยตรวจพบว่ากรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว ช่วง 10 ปีมานี้ก็ไม่เคยได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่เห็นได้ชัด เข้าใจว่าการเตือนอาจจะหมายถึงผลกระทบที่ได้รับมากกว่า โอกาสเกิดรอบๆ ปริมณฑลน่าจะเป็นไปได้มากกว่า กรณีนี้ในทางวิทยาศาสตร์แล้วเป็นไปได้ แต่ไม่ได้ฟันธงว่าจะเกิดหรือไม่ อาจเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ แต่ในความคิดส่วนตัวถ้ามีคนออกมาเตือนในฐานะประชาชน ก็น่าจะคิดเตรียมตัวระวังไว้บ้าง ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ที่สำคัญควรติดตามข่าวสารเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับคำเตือนและพิจาณาต่อไป"

    <DD><DD>ที่มา http://www.thaipost.net/index.asp?bk=xcite&post_date=3/Oct/2548&news_id=113894&cat_id=200100
    </DD>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2007
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>
     
  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>สหรัฐเปิดฉากการรบครั้งใหญ่ในอิรัก
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>แบกแดด 14 ส.ค.-กองทัพสหรัฐเปิดฉากการรุกครั้งใหญ่ที่จังหวัดดิยาลาในอิรัก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการทั่วประเทศเพื่อต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายที่เป็นมุสลิมชีอะห์และสุหนี่
    ทหารสหรัฐและอิรักรวม 16,000 นาย ร่วมกันกวาดล้างเครือข่ายอัลกออิดะห์ ที่เป็นมุสลิมสุหนี่ในจังหวัดดิยาลา ภายใต้ชื่อแผนปฏิบัติการ “ค้อนสายฟ้า” ปฏิบัติการครั้งนี้เน้นไปที่เป้าหมายผู้ก่อการร้ายซึ่งหลบหนีออกมาจากเมืองบากูบามุ่งสู่เขตหุบเขาแม่น้ำทางเหนือของเมือง ปฏิบัติการครั้งนี้สหรัฐจะแสดงให้เห็นว่าไม่มีแหล่งหลบซ่อนให้กับผู้ก่อการร้าย โดยเฉพาะที่จังหวัดดิยาลา
    การรุกที่จังหวัดดิยาลาเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการ “จู่โจมปีศาจ” ซึ่งสหรัฐดำเนินการทั่วอิรัก โดยเพิ่งประกาศแผนนี้เมื่อวันจันทร์.-สำนักข่าวไทย



    [ 2007-08-14 : 19:34:01 ]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อาวุธเชื้อโรค
    (Biological Weapon)

    [​IMG]

    "อาวุธเชื้อโรค" หรือ "อาวุธชีวภาพ" ภาษาอังกฤษเรียกว่า Biological Weapon

    เป็นอาวุธสงครามล้างโลกรูปแบบใหม่ นอกเหนือจากอาวุธสงครามนิวเคลียร์ที่เคยมีอานุภาพทำลายล้างสูงสุด "อาวุธชีวภาพ" เป็นการนำเชื้อโรคและเชื้อจุลินทรีย์ชนิดต่าง ๆ มาพัฒนาบรรจุในหัวจรวดเพื่อใช้ยิงไปยังกลุ่มเป้าหมาย อันที่จริง "อาวุธชีวภาพ" มีการคิดค้นกัน มานานแล้ว แต่เราเพิ่งจะมาได้ยินหรือรู้จักกับอาวุธชนิดนี้กันมากขึ้นก็เมื่อครั้งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาสั่งปฏิบัติการ "จิ้งจอกทะเลทราย" โจมตีเป้าหมายที่คิดว่าจะเป็นแหล่งผลิตอาวุธเชื้อโรคของอิรัก จึงทำให้ชื่อและแสนยานุภาพของอาวุธชนิดนี้เป็นที่สนใจของประชาชนกันอย่างมาก

    สำหรับเชื้อโรคและเชื้อจุลินทรีย์ที่นิยมนำมาพัฒนาเป็นอาวุธชีวภาพ ได้แก่

    1. เชื้อแอนแทรกซ์ เป็นเชื้อที่เกิดอันตรายกับสัตว์ สามารถทนอยู่ในสภาพแวดล้อมได้นาน ทนต่อแสงแดด เชื้อนี้สามารถติดต่อได้โดยการหายใจเอาสปอร์เข้าไป ทำให้มีเลือดออกทางปาก จมูก ทวาร

    2. PLAGUE เป็นเชื้อแบคทีเรีย Pasteurella pestis ส่งผลให้ปอดบวมและเสียชีวิต

    3. เชื้อไวรัสอีโบล่า ทำให้เกิดการการตกเลือดทางช่องทวารต่าง ๆ

    4. เชื้อโรคที่ทำให้เกิดอันตรายกับพืช เช่น ข้าว ได้แก่ เชื้อที่ทำให้ข้าวเกิดโรคใบไหม้ ผลิตเพื่อใช้เป็นอาวุธทำลายแหล่งอาหาร

    นอกจากนี้ยังมีเชื้ออื่น ๆ อีกมากมาย เช่น เชื้อที่เกิดจากโรคฝีดาษ ฯลฯ

    [​IMG]
    การรบโดยใช้อาวุธชีวภาพ จะทำได้ 3 วิธีได้แก่

    1. การปล่อยกระจายเป็นแอโรซอล ( Aerosol Method ) โดยการใช้สเปรย์ หรือวัตถุระเบิดให้กระจายอยู่ในอากาศ เช่น ฝุ่นละออง ควันหมอก คาดว่าการปล่อยกระจายวิธีนี้เป็นวิธีหลักที่จะถูกใช้มากที่สุด

    2. การปล่อยกระจายไปกับสัตว์พาหะจะใช้วิธีการทำให้สัตว์ที่ดูดเลือดเป็นอาหาร ให้ตัวสัตว์นั้นติดเชื้อ แล้วจึงปล่อยให้สัตว์เหล่านั้นเข้าไปในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้สัตว์ที่เป็นพาหะนำสารชีวะเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ เช่น ยุง หมัด เห็บ เหา ไร โดยปัจจุบันมีโรคติดต่อร้ายแรงกว่า 100 ชนิด เช่น ไข้เหลือง กาฬโรค ไข้คิว ไข้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และไข้เลือดออก แต่วิธีการนี้เป็นวิธีรองๆ ลงไป

    3. การใช้วิธีการก่อวินาศกรรม หรือปล่อยกระจายโดยวิธีปกปิด แม้ว่าที่ผ่านมาจะยังไม่มีใครใช้อาวุธชีวภาพโดยเปิดเผย แต่เชื่อว่า การปล่อยกระจายสารอย่างลับๆ ในอากาศ น้ำ อาหาร หรืออื่น ๆ เพื่อทำอันตรายมนุษย์ สัตว์ หรือพืชจะทำได้ง่ายกว่า และป้องกันได้ยาก เนื่องจากจะใช้สารชีวะในปริมาณน้อยมาก หากมีการนำสารดังกล่าวไปใช้ต้องมีการซุกซ่อนอย่างดีวิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับสายลับ ผู้ก่อการร้าย และหน่วยรบพิเศษ เป็นวิธีเสริมการปล่อยกระจายด้วยวิธีหลัก

    สำหรับการใช้อาวุธชีวะในสงครามนั้น จุดประสงค์ คือ ผู้ใช้ต้องการทำให้ประชาชน สัตว์เลี้ยง หรือว่า พืชของฝ่ายตรงข้ามป่วยเป็นโรค จนอาจถึงตายได้ โดยการโจมตีมนุษย์เป็นการกระทำโดยตรงเพื่อลดอำนาจกำลังรบ ส่วนการโจมตีสัตว์เลี้ยง และพืชผลเป็นการกระทำทางอ้อมเพื่อต้องการลดขีดความสามารถในการทำสงคราม และยังทำให้เกิดอาการเสียขวัญ การรบและการส่งกำลังบำรุงล้มเหลว ส่วนการใช้อาวุธชีวะทำลายในสัตว์ ก็จะทำให้เกิดความเสียหายทางอ้อมต่อมนุษย์ด้วยการจำกัดปริมาณอาหาร จำกัดสัตว์พาหนะ จำกัดขีดความสามารถในการเพาะปลูก ผลิตภัณฑ์ชีวภาพทางการแพทย์

    อย่างไรก็ตามในพืชที่เป็นเป้าหมายหลักในการใช้อาวุธเชื้อโรคทำลายส่วนใหญ่จะเป็นพืชอาหารหลัก พวก ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว มันฝรั่ง ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลือง มะนาว ฯลฯ และพืชเศรษฐกิจ อย่าง ชา กาแฟ ฝ้าย ยางพารา โดยจะใช้ในพื้นที่ศูนย์กลางการผลิตอาหารทางการเกษตร เพื่อทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอย่างหนัก ในยามสงคราม

    ที่มา http://www.sudipan.net/phpBB2/viewtopic.php?t=12454
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    การดูแลตัวเองในช่วงเวลาวิกฤติ
    โดย อ.ปริญญา ตันสกุล

    1. ห้ามออกนอกบ้านโดยเด็ดขาด ใครมาเคาะประตูบ้านก็ห้ามเปิด ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นญาติสนิท หรือคนที่เรารู้จักก็ตาม
    2. ห้ามตากฝน เพราะในฝนจะมีพิษ ทั้งเชื้อโรค สารเคมีที่มนุษย์สร้าง
    3. ห้ามลุยน้ำหรือแช่น้ำนานๆ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องใช้ด่างทับทิมล้างทุกครั้ง
    4. ห้ามเปิดประตูต้อนรับผู้อื่น เพราะช่วงเวลานั้น ประตูมิติของโลกทั้ง 3 ภพจะถูกเปิดเป็นครั้งแรก ผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง จิตวิญญาณก็จะได้เห็น คนที่มาเยือน อาจเป็นผีเปรต ผีโขมด ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราจำแลงมาก็เป็นได้ และห้ามอยากรู้อยากเห็นโดยเด็ดขาด
    5. ห้ามกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด (เพราะมีเชื้อโรค และทำให้เลือดในร่างกายไม่บริสุทธิ์ เกิดเป็นแผลพุพองที่รักษาไม่หาย)
    6. ห้ามกินผักที่ยังไม่ได้แช่ด่างทับทิม
    7. ฝึกการกินน้อย ถ่ายน้อย
    8. ระวังอากาศที่หนาวเย็น
    9. ระวังสัตว์ร้าย สัตว์มีพิษ เช่น งูพิษ จระเข้
    10. ห้ามอยู่ตึกสูงเกิน 3 ชั้น เพราะตึกสูงเกิน 3 ชั้น จะพังทลายราบเป็นหน้ากลอง

    ที่มา http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=3906
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2007
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อภิสิทธิ์...หนาว โดยหมอนิด

    [​IMG]
    ภาพจากทางอินเตอร์เน็ต

    วันนี้ผมขอเขียนข่าวเกี่ยวกับบุคคลในวงการเมืองสักเล็กน้อย เพราะมีแฟนๆ คอการเมืองขอมาเยอะมาก ใจจริงแล้วผมตั้งใจว่าจะขอหยุดเขียนเรื่องการเมืองชั่วคราว แต่เอาเถอะวันนี้ผมจะเขียนถึงเฉพาะคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนเดียว ไม่เกี่ยวกับคนอื่นไม่เอ่ยถึงใครในช่วงนี้ ผมเคยทำนายมาตลอดทุกครั้งไม่เคยเปลี่ยนคำทำนายว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2007
  16. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    เคยได้ยินมาจากปากของท่านผู้มีพระคุณท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า "เมื่อนายทักษิณหมดอำนาจ จะมีนายกฯคนหนึ่งมาขัดตาทัพไว้ชั่วคราว ต่อจากนั้นจะมีบุคคลซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์อุปบารมีที่มีอายุน้อย (ซึ่งในทางโลกถือว่าโนเนมและม้ามืด) เป็นผู้ที่ตรงฉินมาก มีความสามารถมาก เข้ามาเป็นนายกต่อ และในสมัยนายกท่านนี้เองไทยจะเจริญขึ้นมากเช่นกัน"
    ไม่แน่ใจว่า ไปตรงกับที่หมอนิดเห็นหรือไม่

    แต่ในส่วนตัวมีข้อสงสัยว่าหากยังมีพวกนักการเมืองที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงอยู่เยอะ นายกคนนี้จะทำอะไรได้เต็มที่หรือไม่ อย่างไร หรือว่าต้องรอให้ระบบล้างคนเหล่านี้ออกไปก่อน จากนั้นจึงสู่ยุคที่คนดีครองเมือง ก็ไม่รู้ว่าผมจะมีโอกาสได้เห็นหรือไม่ (แต่อยากเห็นและอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาทั้งศาสนาและประเทศ)
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    หัวหน้าพรรคใหม่...จะไปไม่รอด เพราะกรรมกำลังมาถึง !!!!

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** สงสาร ****

    อาเจนติน่า...จะแห้งแล้ง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  19. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    บีบีซีนิวส์ – นักวิจัยสหรัฐฯ คาดการณ์ สิ้นฤดูร้อนนี้ที่ขั้วโลกเหนือ ทะเลอาร์กติกจะเหลือพื้นที่ธารน้ำแข็งน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งยังทำนายปี 2583 อาร์กติกจะไม่เหลือก้อนน้ำแข็งอีกเลย อันเป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อนฝีมือมนุษย์ตอนนี้นั่นเอง

    ศูนย์ข้อมูลน้ำแข็งและหิมะแห่งสหรัฐฯ (National Snow and Ice Data Center: NSIDC) เปิดเผยข้อมูลพื้นที่ธารน้ำแข็งในทะเลอาร์กติก หลังตรวจวัดเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ว่า พื้นที่ธารน้ำแข็งบริเวณทะเลอาร์กติก หายไปเกือบ 30% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวในช่วง 20 กว่าปีก่อน

    ทั้งยังคาดการณ์ว่าสิ้นสุดฤดูร้อนของแถบอาร์กติก (ตอนปลายเดือน ก.ย. นี้) ทะเลอาร์กติกจะเหลือพื้นที่น้ำแข็งน้อยที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้

    เจ้าหน้าที่ NSIDC วัดพื้นที่ธารน้ำแข็งในทะเลอาร์กติกจากภาพถ่ายดาวเทียมได้ 5.8 ล้านตารางกิโลเมตร ขณะที่ค่าเฉลี่ยของพื้นที่น้ำแข็งในช่วงปี 2522-2543 อยู่ที่ประมาณ 7.7 ล้านตารางกิโลเมตร นับเป็นข้อมูลที่น่าตกใจมากเ พราะพื้นที่น้ำแข็งหายไปจากเดิมเกือบ 30%

    อีกทั้ง เชื่อว่าแผ่นน้ำแข็งที่กำลังละลายหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อสิ้นสุดฤดูร้อนจะแซงหน้าที่เคยบันทึกไว้ในปี 2548 ว่าเหลือน้ำแข็งปกคลุมอาร์กติกเพียงแค่ 5.32 ล้านตร.กม.

    มาร์ค เซอร์รีซี (Mark Serreze) นักวิทยาศาสตร์อาวุโสของศูนย์ข้อมูลฯ กล่าวว่า เพียงสัปดาห์แรกของเดือน ส.ค. ก็พบว่าน้ำแข็งในทะเลอาร์กติกละลายไปเป็นจำนวนมาก เป็นสัญญาณแสดงให้เห็นแล้วว่าธารน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเริ่มตอบสนองกับภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศแปรปรวนที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ที่ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเป็นปริมาณมาก ซึ่งมีแนวโน้มว่าสิ้นสุดฤดูร้อนในปีนี้จะเหลือน้ำแข็งน้อยกว่าเมื่อปี 2548 แน่นอน และอาจเป็นสถิติน้อยที่สุดเลยก็ได้

    การที่ผิวหน้าของธารน้ำแข็งสว่างไสว ทำให้สามารถสะท้อนแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบลงบนพื้นผิวกลับสู่อวกาศได้ถึง 80% ถ้าธารน้ำแข็งกลับหลอมเหลวในช่วงฤดูร้อน ก็จะเผยให้เป็นพื้นผิวของมหาสมุทรที่ดำมืด ซึ่งนอกจากจะไม่สะท้อนแสงกลับไปแล้วยังดูดซับแสงอาทิตย์เอาไว้ถึง 90% ทำให้น้ำทะเลร้อนขึ้นแลกน้ำแข็งละลายมากขึ้นด้วย

    บรรดานักวิทยาศาสตร์ต่างพากันวิตกกังวลว่า ความแปรปรวนของภูมิอากาศที่ทำให้โลกสูญเสียพื้นผิวน้ำแข็งที่สะท้อนแสงอาทิตย์ไป ซ้ำยังเพิ่มการดูดซับเอาไว้มากกว่าเดิมจะส่งผลต่อทุกชีวิตบนโลก โดยเฉพาะหมีขั้วโลกที่อาจต้องเผชิญกับหายนะก่อนใครเพื่อน ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปลายปี 2549 ทีมนักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ ของศูนย์สำรวจบรรยากาศแห่งชาติ (National Center for Atmospheric Reserch: NCAR) ได้ทำนายไว้ว่าสิ้นสุดปี 2583 ทะเลอาร์กติกอาจไม่เหลือธารน้ำแข็งอีกเลย

    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9500000095222
     
  20. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    ครึ่งปีแรกภัยธรรมชาติรุนแรงทุบสถิติในรอบร้อยปี

    เอพี/เอเอฟพี – ผ่านไปเพียงครึ่งปี ภาวะโลกร้อนก็ก่อภัยพิบัติรุนแรงไปทั่วโลกชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งพายุฝน พายุหิมะ น้ำท่วม และคลื่นยักษ์ ทั้งยังพบในยุโรปอุณหภูมิสูงขึ้น นักวิทย์คาดยังไม่จบง่ายๆ

    องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organisation: WMO) เปิดเผยข้อมูลสภาพภูมิอากาศโลกในช่วงครึ่งปีแรก พบมีภัยธรรมชาติรุนแรงเกิดขึ้นกระจายไปทั่วโลกมากที่สุดตั้งแต่มีการบันทึกไว้ และอุณหภูมิโลกเฉลี่ยก็สูงขึ้นกว่าเดิมเกือบ 2 องศาเซลเซียส

    ทั้งนี้ อุณหภูมิโลกในช่วงเดือน ม.ค. สูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยในรอบ 127 ปี 1.89 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาวของยุโรป และในเดือน เม.ย. อุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้น 1.37 องศาเซลเซียส เฉพาะในยุโรปเดือน เม.ย. สูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกเกือบ 4 องศาเซลเซียส

    นอกจากนี้ ทางยุโรปตะวันออกเฉียงใต้เกิดคลื่นความร้อนถึง 2 ครั้ง คือ เมื่อเดือน มิ.ย. และ ก.ค. ซึ่งทำลายสถิติที่เคยบันทึกไว้ โดยในบัลแกเรียเมื่อวันที่ 23 ก.ค. อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 45 องศาเซลเซียส

    ส่วนในเอเชียใต้และภาคใต้ของจีนเกิดพายุฝนกระหน่ำเป็นผลให้มีอุทกภัยในหลายพื้นที่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากและประชากรอีกนับล้านต้องไร้ที่อยู่อาศัย ส่วนประเทศในแถบตะวันออกกลางต้องเจอกับพายุไซโคลนที่ก่อตัวในทะเลอาระเบียนเป็นครั้งแรกและมีผู้เสียชีวิตถึง 50 คน

    ขณะที่ประเทศแอฟริกาใต้และอาร์เจนตินามีหิมะตกเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปี แต่อีกหลายประเทศในแอฟริกากลับต้องเผชิญกับภัยแล้ง นอกจากนี้ ยังมีฝนตกหนักจนทำให้น้ำในแม่น้ำไนล์เอ่อล้นตลิ่ง และที่เกาะมัลดีฟมีคลื่นสูงถึง 4.5 เมตร ชัดเข้าสู่ชายฝั่งและทำให้น้ำท่วมพื้นที่บางส่วนของเกาะ

    โอมาร์ แบดเดอร์ (Omar Baddour) ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพถูมิอากาศขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก กล่าวว่า สภาพอากาศแปรปรวนและมีภัยธรรมชาติรุนแรงเกิดขึ้นทั่วโลกตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ปี 2550 แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าอุณหภูมิโลกในปีนี้จะสูงตลอดทั้งปี

    อย่างไรก็ดี แบดเดอร์ได้กล่าวว่านักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่าสภาพอากาศโลกทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะลดน้อยลง ซึ่งสอดคล้องกับรายงานการศึกษาผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change : IPCC)

    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9500000093101
     

แชร์หน้านี้

Loading...