ดูดวงให้ฟรี...เพื่อเป็นธรรมทานสำหรับคนที่มีความทุกข์และหาทางออกของชีวิต

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย Aek9549, 8 มีนาคม 2012.

  1. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=lPjSGw4NfZ8&feature=fvwrel"]เมื่อดูเขา คุณอาจกลั้นน้ำตาไม่อยู่ - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=KvlEd0hCCHA&feature=related"]?????????? ?????????????? - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2012
  2. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    <table id="post1599777" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;"> [​IMG] 23-10-2008, 01:52 AM </td><td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #1 </td></tr><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Altis1850<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1599777", true); </script>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Dec 2007
    อายุ: 38
    ข้อความ: 612
    Groans: 0
    Groaned at 1 Time in 1 Post
    ได้ให้อนุโมทนา: 579
    ได้รับอนุโมทนา 1,763 ครั้ง ใน 387 โพส
    พลังการให้คะแนน: 163 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td><td class="alt1" id="td_post_1599777" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <center><!-- google_ad_section_start -->การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก<!-- google_ad_section_end -->

    </center>
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- google_ad_section_start --> <script type="text/javascript"><!-- google_ad_client = "ca-pub-2576485761337625"; /* 336x280 */ google_ad_slot = "0551074580"; google_ad_width = 336; google_ad_height = 280; //--> </script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </script><ins style="border: medium none ; margin: 0pt; padding: 0pt; display: inline-table; height: 280px; position: relative; visibility: visible; width: 336px;"><ins id="aswift_0_anchor" style="border: medium none ; margin: 0pt; padding: 0pt; display: block; height: 280px; position: relative; visibility: visible; width: 336px;"><iframe allowtransparency="true" hspace="0" marginwidth="0" marginheight="0" onload="var i=this.id,s=window.google_iframe_oncopy,H=s&&s.handlers,h=H&&H,w=this.contentWindow,d;try{d=w.document}catch(e){}if(h&&d&&(!d.body||!d.body.firstChild)){if(h.call){i+='.call';setTimeout(h,0)}else if(h.match){i+='.nav';w.location.replace(h)}s.log&&s.log.push(i)}" vspace="0" id="aswift_0" name="aswift_0" style="left: 0pt; position: absolute; top: 0pt;" scrolling="no" width="336" frameborder="0" height="280"></iframe></ins></ins>
    สมัย พุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมอยู่ ณ วัดพระเชตวัน มีอุบาสก 5 คนเป็นเพื่อนกัน มานั่งฟังธรรม ทั้ง 5 คนต่างมีกิริยาอาการต่าง ๆ กัน

    คนหนึ่งนั่งหลับ
    คนหนึ่งนั่งเอานิ้วเขียนพื้นดินเล่น
    คนหนึ่งนั่งเขย่าต้นไม้
    คนหนึ่งนั่งแหงนดูท้องฟ้า
    มีเพียงคนเดียวที่นังฟังธรรมด้วยอาการสงบ

    พระอานนท์กราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า "ทำไมอุบาสกเหล่านี้จึงแสดงกิริยาเช่นนั้น" พระพุทธเจ้าจึงทรงเล่าอดีตชาติของอุบาสกแต่ละคนว่า

    อุบาสก ที่นั่งหลับ เคยเกิดเป็นงูมาแล้วหลายร้อยชาติ เขาหลับมาหลายร้อยชาติแล้วก็ยังไม่อิ่ม แม้แต่ฟังเทศน์พระพุทธเจ้า ธรรมะก็ไม่เข้าหู ยังหลับอยู่อย่างนั้น

    อุบาสกที่นั่งเอานิ้วเขียน พื้นดิน เคยเกิดเป็นไส้เดือนมาหลายร้อยชาติ นั่งเอานิ้วเขียนบนพื้นดินเล่นอยู่อย่างนั้น ด้วยอำนาจความประพฤติที่ตัวเคยทำมา ก็ไม่ได้ยินธรรมะของพระพุทธเจ้าเช่นกัน

    อุบาสกที่นั่งเขย่าต้นไม้อยู่นั้น เกิดเป็นลิงมาแล้วหลายร้อยชาติ ถึงบัดนี้ก็ยังเขย่าต้นไม้อยู่ ไม่ได้ยินธรรมะของพระพุทธเจ้าเช่นกัน

    อุบาสก ที่นังแหงนดูท้องฟ้านั้น เคยเกิดเป็นพราหมณ์บอกฤกษ์ด้วยการดูดาวมาหลายร้อยชาติ ถึงบัดนี้ก็ยังคงนั่งดูท้องฟ้าอยู่ ไม่ได้ยินธรรมะของพระพุทธเจ้า

    อุบาสก ที่นั่งฟังธรรมอย่างสงบด้วยความเคารพ เคยเกิดเป็นพราหมณ์ศึกษาธรรมะและปรัชญา ค้นคว้าหาความจริงมาหลายร้อยชาติ มาบัดนี้ได้พบพระพุทธเจ้า ตั้งใจฟังธรรมด้วยดี จนได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน

    อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะนึกสงสัยว่า ชาติก่อนเราเกิดเป็นอะไรหนอ

    พระ พุทธเจ้าตรัสไว้ว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นเรื่องยาก ต้องมีบุญมาก อุปมาเหมือนเต่าตาบอดตัวหนึ่งดำน้ำอยู่ในทะเล ทุกๆ 100 ปี เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่หัวขึ้นมาจากทะเลครั้งหนึ่ง ในทะเลมีห่วงเล็กๆ ขนาดใหญ่กว่าหัวเต่าหน่อยหนึ่งลอยอยู่ 1 ห่วง โอกาสที่เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่ขึ้นมา แล้วหัวสวมเข้ากับห่วงพอดียากเพียงใด โอกาสนั้นก็ยังมีมากกว่า การที่เหล่าสรรพสัตว์จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์

    ในฐานะมนุษย์ ไม่มากก็น้อยที่ใจของเราได้มีประสบการณ์ในภพชาติอื่น ๆ ทั้งที่ต่ำกว่าและสูงกว่าภพมนุษย์ เรามีปัญญาที่จะรู้ได้จากประสบการณ์ของเราแล้วว่าอะไรดี อะไรไม่ดี

    การ เกิดเป็นมนุษย์ถ้าดีก็ดีได้มากๆ แต่ก็น่ากลัวเหมือนกัน เพราะถ้าประมาทก็ทำชั่วได้มาก ถ้าไม่ประมาท รักษาศีล 5 ทำความดี สร้างบารมี ตั้งใจพัฒนาชีวิตจิตใจแล้วก็สามารถมีประสบการณ์สูงขึ้น เป็นเทวดา พรหม ตลอดจนเข้าถึงอริยมรรค อริยผล บรรลุนิพพานได้ มนุษย์จึงเป็นชาติที่มีทางเลือก



    <center>พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
    เป็นการยากที่ได้เกิดเป็นมนุษย์
    เป็นการยากที่ชีวิตสัตว์จะได้อยู่สบาย
    เป็นการยากที่จะได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ
    เป็นการยากที่พระพุทธเจ้าจะอุบัติมา</center>
    เมื่อ รู้เช่นนี้แล้ว เราจึงควรเห็นคุณค่าของการเกิดเป็นมนุษย์ อย่าให้เสียโอกาส เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เอาใจใส่รักษาความเป็นมนุษย์ไว้ให้มั่นคง

    ดังนั้นสำหรับการเกิดเป็นมนุษย์ในชาติหนึ่ง การเลือกทางดำเนินชีวิตของเราจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

    credit http://xchange.teenee.com
    จากหนังสือ เราเกิดมาทำไม โดย อ.มิตซูโอะ คเวสโก



    <center>การอุบัติของพระพุทธเจ้ามีได้ยาก
    การได้เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นของยาก
    การได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วพบพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งกว่า</center>

    http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...up=26&gblog=10

    <!-- google_ad_section_end -->
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> Last edited by Altis1850; 23-10-2008 at 01:57 AM.
    </td></tr></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2012
  3. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    ผลแห่งการชักชวนให้คนสร้างกุศล
    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A8%E0%B8%A5.151254/


    การนั่งสมาธิแบบไม่มีครู มีโทษหรือไม่

    http://palungjit.org/threads/การนั่งสมาธิแบบไม่มีครู-มีโทษหรือไม่.156350/


    ความคิดของคนที่ไม่เข้าถึงสภาวะธรรม

    http://palungjit.org/threads/ความคิดของคนที่ไม่เข้าถึงสภาวะธรรม.157220/


    คู่เวรมีจริงหรือไม่?

    http://palungjit.org/threads/คู่เวรมีจริงหรือไม่.157225/


    พระพุทธองค์ทรงอธิบายถึงการทำสมาธิ

    http://palungjit.org/threads/พระพุทธองค์ทรงอธิบายถึงการทำสมาธิ.156534/


    ทำไมพุทธศาสนาเน้นเรื่องทุกข์...ทำไมพุทธศาสนาไม่เน้นเรื่องความสุขที่ทุกคนต้องการ
    http://palungjit.org/threads/ทำไมพุทธศาสนาเน้นเรื่องทุกข์.156359/


    พระพุทธศาสนาอยู่ได้นานและไม่นาน...กับการบัญญัติสิกขาบท
    http://palungjit.org/threads/พระพุทธศาสนาอยู่ได้นานและไม่นาน-กับการบัญญัติสิกขาบท.134176/


    นิพพานคืออะไร พระอรหันต์มีจริงหรือ
    http://palungjit.org/threads/นิพพานคืออะไร-พระอรหันต์มีจริงหรือ.156358/


    แม่..คำๆเดียว..ความหมายที่ยิ่งใหญ่
    http://palungjit.org/threads/แม่-คำๆเดียว-ความหมายที่ยิ่งใหญ่.154789/


    กรรมฐานแก้กรรม - วิธีแก้กรรม การแก้กรรม แก้กรรม ลดกรรม
    http://palungjit.org/threads/กรรมฐานแก้กรรม-วิธีแก้กรรม-การแก้กรรม-แก้กรรม-ลดกรรม.154777/


    เหตุต้นผลกรรมและการเวียนว่ายในภูมิวิถี6
    http://palungjit.org/threads/เหตุต้นผลกรรมและการเวียนว่ายในภูมิวิถี6.338231/


    แรงกรรม ๑ - แรงกรรม ๒ ความเชื่อที่ผิดหลักกรรม เป็นมิจฉาทิฐิ
    http://palungjit.org/threads/แรงกรรม-๑-แรงกรรม-๒-ความเชื่อที่ผิดหลักกรรม-เป็นมิจฉาทิฐิ.110180/


    เพื่อความเข้าใจถูกต้องเกี่ยวกับหลักกรรม (16) อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์สำคัญหรือไม่
    http://athitha.multiply.com/journal/item/52/52?&show_interstitial=1&u=/journal/item
    เป็นคำตอบจากท่าน...พระพรหมคุณาภรณ์ ปยุทธ์ ปยุตโต เปรียญธรรม ๙ ประโยค...ในหนังสือพุทธธรรม....
    ผมเองมีหนังสือของท่านเป็นของส่วนตัว...ตั้งแต่ปี32 แล้วครับ...เป็นหนังสือ
    ธรรมทานในมงคลวาร อายุครบ ๗๒ ปี นายต่อง แซ่โง้ว ๕ มีนาคม ๒๕๓๑


    หมายเหตุ...เป็นกระทู้เก่า...ที่ผมเคยหาข้อมูลนำมาเผยแผ่ครับ...อาจจะเป็นประโยชน์กับท่านใดได้บ้างครับ...ไม่มากก็น้อย..ตามสติกำลังปัญญาของเราครับ....


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2012
  4. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    การเกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก...ภาคต่อ...

    บนพื้นโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล เป็นที่อาศัยของสัตว์นานาชนิด มากมายเหลือที่จะนับ มีทั้งที่เราเคยเห็นและไม่เคยเห็น ที่มีรายกายใหญ่โตอย่างช้างก็มี ที่มีร่างกายเล็กอย่างมดหรือเล็กยิ่งกว่ามดก็มี ที่มีร่างกายละเอียดเกินกว่าที่ตามนุษย์จะเห็นได้ เช่นเทวดาก็มี


    สัตว์บางพวกมีรูปร่างสวยงาม น่าทัศนา บางพวกมีรูปร่างน่าเกลียด ไม่ชวนมอง บางพวกก็มีรูปร่างแปลกๆจนดูน่าขัน

    สัตว์ นอกจากจะมีมากมายหลายชนิด และมีรูปร่างผิดแผกแตกต่างกันแล้ว ยังมีอุปนิสัยจิตใจแตกต่างกันด้วย บางพวกมีจิตใจอ่อนโยน มีเมตตากรุณา บางพวกดุร้าย ใจแคบ บางพวกใจกว้างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อารีอารอบ ฯลฯ ไม่มีสัตว์ชนิดใดเลยที่เหมือนกันทุกอย่าง แม้ลูกฝาแฝดที่ว่ามีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันมากที่สุด ก็ยังไม่เหมือนกันทุกส่วน ถ้าเหมือนกันทุกส่วนแล้ว เราจะไม่ทราบเลยว่าใครเป็นพี่ ใครเป็นน้อง นอกจากนั้น นิสัยใจคอของฝาแฝดก็มิได้เหมือนกัน


    ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายเกิดมาด้วยกรรม และดำเนินไปตามกรรมที่ตนทำไว้ มีกรรมจำแนกให้ผิดแผกแตกต่างกัน
    ในน้ำมี กุ้ง ปู เต่า ปลา และสัตว์น้อยใหญ่ที่เรารู้จัก และไม่รู้จักอีกมากมาย บนบกมี มนุษย์ ช้าง ม้า วัว ควาย สุนัข แมว เป็นต้น ในอากาศมี นก ผีเสื้อ และแมลงต่างๆ นอกจากนั้นก็ยังมีเทพบุตร เทพธิดา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ เปรต อสุรกาย และสัตว์นรก

    ในบรรดาสัตว์เหล่านั้น มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐที่สุด ที่ประเสริฐที่สุดเพราะมนุษย์มีโอกาสทำความดีได้ทุกชนิด ตั้งแต่ความดีเล็กน้อย ไปจนถึงความดีขั้นสูงสุด คือการบรรลุมรรค ผล นิพพาน

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "การได้อัตภาพเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก" แต่ การดำเนินชีวิตให้ถูกทางเมื่อมาแล้วยังยากกว่า เพราะถ้าดำเนินชีวิตไม่ถูกทางแล้วชีวิตในอนาคตมีแต่จะตกต่ำลง ยากนักที่จะมีโอกาสกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ในเมื่อตายไป การเกิดเป็นมนุษย์ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างนำเกิดฉันใด การดำเนินชีวิตให้ถูกต้องเมื่อเกิดมาแล้ว ก็ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างฉันนั้น

    การเกิดเป็นมนุษย์ต้องอาศัย บุญ มีทานเป็นต้นนำเกิด
    การดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง ก็ต้องอาศัยสมบัติ ๔ อย่างที่พระพุทธองค์ตรัสเรียกว่า จักกะ ๔ หรือจักร ๔ เป็นสำคัญผู้ใดมีจักร ๔ อย่างนี้ ย่อมได้รับโภคทรัพย์ ยศ ชื่อเสียง ความสุขและความเจริญตลอดชีวิต

    <big>จักร ๔ อย่าง คื</big><big>อ</big>



    <big>๑. ปฏิรูปเทสวาสะ การได้อยู่ในประเทศที่สมควร</big> คำ ว่า ประเทศที่สมควร นั้นได้แก่ สถานที่ หรือถิ่นที่มีคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแผ่ไปถึง หรือเป็นที่อยู่ หรือเป็นที่ผ่านไปมาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวก หรืออุบาสก อุบาสิกา ผู้นับถือพระรัตนตรัย


    ลองพิจารณาดูเมืองไทยที่ได้ชื่อว่า ดินแดนแห่งพระพุทธศาสนาบ้าง บางแห่งก็ไม่มีพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าอาศัยอยู่ หรือจาริกผ่านไป บางแห่งมีวัดก็ไม่มีพระสงฆ์ ต้องการจะทำบุญ ถวายทานสักครั้ง ก็หาภิกษุผู้รับทานไม่ได้ แม้การทำทานก็ยังยาก จะป่วยกล่าวไปไยกับการรักษาศีล หรือเจริญภาวนา ที่ใดที่กุศลเกิดได้ยาก ที่นั้นไม่ชื่อว่าประเทศที่สมควร

    ผู้ที่อยู่ในถิ่นที่พระพุทธศาสนาแผ่ไปไม่ถึงนั้นน่าสงสารมาก แม้การหาเลี้ยงชีพจะไม่ฝืดเคืองมีอาหารบริโภคสมบูรณ์ แต่เขาก็ดำเนินชีวิตไปตามยถากรรม โดยไม่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร อะไรทำแล้วเป็นบุญ อะไรทำแล้วเป็นบาป สักแต่ว่าทำตามๆกัน อย่างที่บรรพบุรุษเคยทำมา

    แม้คนที่อยู่ในถิ่นที่พระพุทธศาสนาแผ่ไปถึง แต่ไม่สนใจศึกษาหรือสดับพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็ไม่ผิดอะไรกับคนป่าคนดอย คนที่ไม่รู้จักพระพุทธศาสนานั้น เวลามีทุกข์ก็แสวงหาวิธีดับทุกข์ที่ไม่ถูกทาง บาง คนอาศัยอบายมุข มีการพนันเป็นต้น เป็นเครื่องดับทุกข์ บางคนบนบาน เทวดา ผีสาง นางไม้ เจ้าป่า เจ้าเขาให้ช่วย บางคนคิดว่า ตายเสียได้คงพ้นทุกข์ จึงได้ฆ่าตัวตายด้วยวิธีต่างๆ ฯลฯ

    ผู้ ที่แสวงหาสิ่งดังกล่าวแล้วเป็นต้นนี้ เป็นที่พึ่ง เป็นที่ดับทุกข์ ชื่อว่าแสวงหาที่พึ่งผิดทาง เพราะที่พึ่งเหล่านั้นไม่ใช่ที่พึ่งอันประเสริฐ ไม่ใช่ที่พึ่งที่อาจดับทุกข์ได้ตลอดไป


    เพราะอะไร ??? เพราะตัวของผู้เป็นทุกข์เองก็มีสภาพไม่เที่ยง ยังต้องมีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย แตกดับ เป็นธรรมดา สิ่งที่ยึดเอาเป็นที่พึ่งนั้นเล่าก็ไม่เที่ยง มีความแตกดับเป็นธรรมดาเช่นเดียวกัน สิ่งที่มีสภาพไม่เที่ยง แตกดับด้วยกัน จะดับทุกข์ของกันได้ตลอดไปได้อย่างไร

    บาง คนมีทุกข์ไม่ได้แสวงหาที่พึ่งดังกล่าวนั้น แต่อาศัยพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง คนเช่นนี้ชื่อว่าแสวงหาที่พึ่งที่ถูกทาง แสวงหาเครื่องดับทุกข์ที่ถูกทาง


    เพราะอะไร ???
    เพราะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ๓ ประการนี้ชื่อว่าที่พึ่งอันประเสริฐ ชื่อว่าที่พึ่งอันสูงสุด ชื่อว่าที่พึ่งอันเกษม เพราะเป็นที่พึ่งที่เป็นปัจจัยให้เข้าถึงความเกษม คือพระนิพพาน อันไม่มีความแตกดับ ก้าวล่วงทุกข์ทั้งปวงได้ในที่สุด


    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ธรรมบท พุทธวรรค ข้อ ๒๔ ว่า
    " มนุษย์ทั้งหลายเป็นอันมาก ถูกภัยคุกคามแล้ว ย่อมถือเอาภูเขา ป่า อาราม และรุกขเจดีย์ว่าเป็นที่พึ่ง นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษม นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันสูงสุด บุคคลอาศัยสิ่งเหล่านั้นแล้วย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้


    ส่วน ผู้ใดมาถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่ง เห็นแจ้งอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์, สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์, นิโรธ ธรรมเป็นเครื่องดับทุกข์, และอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อันเป็นทางให้ถึงความดับทุกข์ ด้วยปัญญาอันชอบ นั่นเป็นที่พึ่งอันเกษม นั่นเป็นสูงสุด บุคคลอาศัยพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้ว ยังพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ "


    เพราะ ฉะนั้น การอยู่ในประเทศที่สมควร ประเทศที่มีพระพุทธศาสนาแผ่ไปถึง จึงเป็นอุดมมงคล เป็นเหตุให้เกิดความเจริญ เป็นปัจจัยให้เราดำเนินชีวิตได้ถูกทางประการหนึ่ง

    <big>๒. สัปปุริสูปัสสยะ การเข้าไปอาศัยสัตบุรุษ หรือการคบหาสัตบุรุษ</big> อย่าว่าแต่คนที่อยู่ในดินแดนที่ไม่สมควรเลย ที่จะแสวงหาที่พึ่งอันไม่ถูกทาง แม้คนที่อยู่ในประเทศที่สมควร บางครั้งและบางคนก็ยังแสวงหาที่พึ่งไม่ถูกทางเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เพราะเขามิได้เข้าไปคบหา สนทนากับสัตบุรุษผู้รู้ทั้งหลาย เขาจึงไม่มีโอกาสทราบว่า สิ่งใดควรประพฤติ สิ่งใดไม่ควรประพฤติ สิ่งใดมีโทษ สิ่งใดไม่มีโทษ สิ่งใดเป็นประโยชน์ สิ่งใดไม่เป็นประโยชน์


    เพราะฉะนั้น การคบหาสัตบุรุษจึงเป็นปัจจัยประการหนึ่งที่ ๒ ในการดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง สัตบุรุษนั้น ได้แก่ผู้สงบ คือ สงบจากกายทุจริต สงบจากวจีทุจริต สงบจากมโนทุจริต อันเป็นบาปอกุศล กายทุจริตการประพฤติชั่วทางกาย มี ๓ อย่าง คือ การฆ่าสัตว์ทั้งด้วยตนเองและใช้ผู้อื่น ๑ การถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ด้วยเจตนาคิดจะลัก ๑ การประพฤติผิดประเวณี ๑

    วจีทุจริตการประพฤติชั่วทางวาจา มี ๔ อย่าง คือ การพูดเท็จ ๑ การพูดส่อเสียด ให้ผู้อื่นแตกแยกกัน ๑ การพูดคำหยาบ ๑ การพูดเพ้อเจ้อ เหลวไหล ไร้สาระ ๑

    มโนทุจริตการประพฤติชั่วทางใจ มี ๓ อย่าง คือ อภิชฌา การคิดเพ่งเล็งอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตน ๑ พยาบาท การคิดให้ผู้อื่นพินาศ ๑ มิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิดว่าทานที่ให้แล้วไม่มีผล เป็นต้น ๑

    สัตบุรุษนั้นเป็นผู้มีศรัทธา เชื่อมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เชื่อกรรมและผลของกรรม เชื่อว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นผู้มีศีล เป็นผู้มีพาหุสัจจะ คือ สดับฟังตรับฟังมาก มีหิริ ความละอายบาป มีโอตตัปปะ ความกลัวบาป มีจาคะ ยินดีในการให้ไม่ตระหนี่ และมีปัญญารู้จัก อะไรควรไม่ควรตลอดจนมีปัญญาพาตนให้พ้นทุกข์ได้

    พระ พุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสาวก ตลอดจนผู้ตั้งอยู่ในศีล ในธรรม ชื่อว่าสัตบุรุษ ในบรรดาสัตบุรุษเหล่านั้น พระพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด
     
  5. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    พระพุทธเจ้านั้นเกิดขึ้นได้แสน ยาก นานนักหนาว่าจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้สักพระองค์หนึ่ง การบังเกิดขึ้นของพระองค์นำมาซึ่งประโยชน์ และความสุขแก่มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย อย่างหาประมาณมิได้ พระองค์ทรงชี้ทางให้สัตว์ทั้งหลายได้เข้าสู่สุคติโลกสวรรค์ และมรรค ผล นิพพาน เป็นจำนวนมาก


    การได้ฟังพระสัทธรรม คือคำสั่งสอนของพระองค์ก็ยากเพราะเราอาจจะไปเกิดเสียในทุคติมีนรกเป็นต้น หรือแม้ได้เกิดในสุคติมีมนุษย์เป็นต้น ก็ไม่แน่ว่าเราจะได้มีโอกาสฟังธรรมของพระองค์หรือไม่ ทั้งนี้เพราะใจของสัตว์นั้นมากด้วยความยินดีต้องการ แต่พระองค์ทรงสอนให้ละความยินดีความต้องการ เป็นการทวนกระแสกิเลส ผู้ฟังที่ขาดปัญญาบารมี จึงมิได้สนใจคำสอนของพระองค์เท่าที่ควร เมื่อไม่สนใจก็ประพฤติผิดทาง

    ด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงตรัสว่า
    "ในโลกนี้ คนที่เห็นแจ้งมีน้อย สัตว์ที่ไปสวรรค์มีน้อย เหมือนนกพ้นจากข่ายมีน้อย"

    และตรัสว่า "คนที่ไปถึงฝั่งคือพระนิพพานมีน้อย ส่วนมากมักเลาะอยู่ริมฝั่ง"

    ผู้ใดได้ฟังธรรมของพระองค์แล้วประพฤติตาม ย่อมได้รับความสุขชั่วนิรันดร

    พระ พุทธเจ้าและพระสาวกของพระพุทธเจ้า เป็นผู้ที่ควรบูชา ใครๆไม่ควรดูหมิ่นว่า บุญที่เกิดจากการบูชาพระองค์และสาวกของพระองค์เป็นบุญเล็กน้อย เพราะว่าการบูชาบุคคลที่ควรบูชา ผู้เช่นกับด้วยพระองค์และสาวกของพระองค์ผู้หมดจดจากกิเลสนั้น ใครๆ ไม่อาจประมาณบุญนั้นได้ว่ามีประมาณเท่านั้นเท่านี้


    [​IMG]


    เมื่อสัตบุรุษท่านเป็นผู้เพียบพร้อมด้วยคุณความดีดังกล่าวนี้ ท่านก็ปรารถนาให้ผู้อื่นได้เป็นเช่นเดียวกับท่าน เมื่อผู้ใดเข้าไปหาท่าน ท่านก็ย่อมจะสอนให้ผู้นั้นได้ตั้งอยู่ในคุณความดีเช่นเดียวกับท่าน นั่นคือสอนให้ละชั่ว ประพฤติดี ได้แก่ละบาปทุจริต ประพฤติกุศลสุจริต

    ปัจจุบัน นี้แม้พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไปแล้ว แต่พระสงฆ์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบตลอดจนอุบาสก อุบาสิกา ผู้ตั้งอยู่ในศีล ในธรรม มั่นคงในพระรัตนตรัย ยังมีอยู่ ท่านเหล่านี้เป็นสัตบุรุษที่เราควรเข้าไปคบหาสมาคม และดำเนินรอยตามท่าน


    การคบหาสัตบุรุษ จึงเป็นปัจจัยประการหนึ่งในการดำเนินชีวิตให้ถูกทาง

    <big>๓. อัตตสัมมาปณิธิ การตั้งตนไว้ชอบ</big> แม้การคบสัตบุรุษจะเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการดำเนินชีวิตให้ถูกทาง แต่ถ้าเป็นแต่เพียงเข้าไปคบหา มิได้สนใจที่จะประพฤติตามคำสอนของท่านแล้ว การคบหานั้นก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด ในเมื่อเรามิได้ตั้งตนไว้ชอบ คือมิได้ตั้งอยู่ในธรรมของสัตบุรุษ คือสุจริตธรรม ๑๐ ประการ มีการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์เป็นต้น


    ก็ สุจริตธรรม ๑๐ ประการ หรือกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้ ชื่อว่าธรรมของมนุษย์ เราเกิดเป็นมนุษย์แล้วมีกุศลกรรมบถไม่ครบ ๑๐ จะชื่อว่าเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้อย่างไร


    ก็คำว่า "มนุษย์" นั้นแปลว่า ผู้มีใจสูง คือสูงด้วยคุณธรรม มีเมตตากรุณา ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนสัตว์ เป็นต้น ทั้งเป็นผู้จักเหตุที่สมควรและไม่สมควร เป็นผู้รู้จักว่าอะไรเป็นประโยชน์ อะไรไม่เป็นประโยชน์ และอะไรเป็นกุศล อะไรไม่เป็นกุศล ถ้ามนุษย์ไม่รู้จักสิ่งเหล่านี้ มนุษย์ก็ไม่ต่างกับสัตว์เดียรัจฉาน

    มนุษย์ที่มีจิตใจเป็นมนุษย์ ท่านเรียกว่า มนุสสมนุสโส มนุษย์ที่มีจิตใจเหมือนเปรต คือหิวกระหาย อยากได้ ต้องการ อยู่เสมอ ไม่อิ่ม ไม่เต็ม ท่านเรียกว่า มนุสสเปโต มนุษย์ที่มีจิตใจเหมือนเดียรัจฉาน ไม่รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว เอาแต่ กิน นอน และสืบพันธุ์เท่านั้น ท่านเรียกว่า มนุสสติรัจฉาโน มนุษย์ที่มีจิตใจเหมือนเทวดา คือรู้จักละอายบาปและกลัวบาป รื่นเริงบันเทิงอยู่ ท่านเรียกว่า มนุสสเทโว

    มนุษย์ จึงควรมีศีล ๕ เป็นอย่างต่ำ มีกุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นอย่างสูง ส่วนใครสามารถจะทำฌาน วิปัสสนา มรรค ผล อันเป็นอุตตริมนุสสธรรม คือธรรมที่ยิ่งกว่า ธรรมของมนุษย์ให้เกิดได้ ยิ่งประเสริฐ


    คนในสมัยพุทธกาลเป็นจำนวนมาก ที่ได้เกิดในประเทศที่สมควร คือเกิดในดินแดนของพระพุทธศาสนาในสมัยที่พระบรมศาสดาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงพระชนม์อยู่ ได้เข้าไปคบหา ใกล้ชิดพระองค์ ได้ฟังธรรมของพระองค์ แต่ยังคงประพฤตินอกลู่ นอกทาง ผิดศีล ผิดธรรม อย่างนี้ชื่อว่าตั้งตนไว้ผิด ดังพระเทวทัตเป็นตัวอย่าง เมื่อตั้งต้นไว้ผิด ชีวิตของเขาจะพบกับความสุขความเจริญได้อย่างไร

    ด้วยเหตุนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "ตถาคตเป็นเพียงผู้บอกทาง" คือบอกทางสวรรค์ และ มรรค ผล นิพพาน ให้เท่านั้น ส่วนการดำเนินชีวิตให้ถึงจุดหมายปลายทางนั้น ท่านทั้งหลาย ต้องประพฤติด้วยตนเอง
     
  6. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    <big>๔. ปุพเพ กตปุญญตา การได้ทำบุญไว้ในปางก่อน</big> เป็นจักรข้อที่ ๔ ที่จะสนับสนุนให้เราดำรงชีวิตอยู่ในทางที่ชอบ กอปรด้วยประโยชน์ การ เกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้ ก็อาศัยบุญที่ได้ทำไว้ในปางก่อน คือในชาติที่ล่วงมาแล้วนำเกิด เมื่อมีชีวิตอยู่ มีโอกาสได้อยู่ในถิ่นที่สมควร ได้พบพระพุทธศาสนา ได้คบหาสัตบุรุษและฟังธรรมจากท่าน ทำให้ตั้งตนไว้ชอบ สนใจในการทำบุญกุศล ตลอดจนการประพฤติปฏิบัติ เพื่อบรรลุ มรรค ผล นิพพาน อันเป็นกุศลสูงสุด ก็ล้วนอาศัย บุญ ที่ได้เคยทำไว้เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ได้รับผลสำเร็จทั้งสิ้น

    ถ้าขาดบุญเสียแล้ว ท่านจะไม่มีโอกาสได้รับสิ่งเหล่านี้เลย
    หาก ยังต้องเกิดอีกตราบใด บุญที่ทำไว้ในชาติก่อนๆที่ยังไม่มีโอกาสให้ผล รวมกับบุญที่ทำใหม่ในชาตินี้ ก็ยังติดตามไปให้ผลในชาติต่อไปด้วย


    สิ่งทั้งหลายที่เราปรารถนาและแสวงหามาไว้ ล้วนอยู่กับเราผู้เป็นเจ้าของไม่นานเลย ของเหล่านั้นแม้จะเป็นที่รักสักเพียงใด ก็ไม่อาจติดตามเจ้าของไปภพหน้าได้ แม้เมื่อเจ้าของยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่แน่ว่าของนั้นจะอยู่กับเจ้าของตลอดไป อาจสูญหาย หรือถูกทำลายไปด้วยไฟบ้าง ด้วยโจรบ้าง ด้วยน้ำบ้าง ด้วยผู้มีอำนาจบ้าง ด้วยการล้างผลาญของทายาทที่มีความประพฤติไม่ดีบ้าง ฯลฯ

    ส่วน บุญมิได้เป็นเช่นนั้น ใครๆไม่อาจทำลายบุญให้สูญหายไปได้ แม้โจรก็ลักไปไม่ได้ ไฟไหม้ไม่ได้ น้ำท่วมไม่ได้ ถูกผู้มีอำนาจริบไม่ได้ หรือถูกทายาทที่มีความประพฤติไม่ดีล้างผลาญไม่ได้ ฯลฯ แม้เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว บุญนั้นสามารถติดตามไปให้ความสุขแก่เจ้าของในภพหน้าได้ด้วย


    เพราะเหตุนั้น บุญ ที่ทำไว้ จึงเป็นปัจจัยเกื้อกูลแก่ชีวิตของเรา ให้พบกับความสุขและความสำเร็จ ประการหนึ่ง ในทางตรงกันข้าม บาปที่บุคคลสั่งสมไว้ในปางก่อน ก็เป็นปัจจัยให้พบกับความทุกข์และความผิดหวังนานาประการ ทั้งยังติดตามไปให้ความทุกข์แก่ผู้กระทำในภพหน้าด้วย

    ผู้มีปัญญาจึงเพียรละบาป เร่งบำเพ็ญบุญ

    เรื่องของการทำความดี คือบุญกุศลนั้น เมื่อมีจิตเลื่อมใสศรัทธาแล้ว อย่ารีรอจงทำทันที เพราะจิตนั้นกลับกลอกเปลี่ยนแปลงรวดเร็วนัก มีปกติไหลไปหาบาป ทั้งเราไม่อาจรู้ว่าความตายจะมาถึงเราเมื่อไร เราอาจจะตายเสียในขณะที่ยังรีรออยู่ก็ได้

    ชีวิต นั้นยังพอประกันได้ แต่ไม่มีใครสามารถประกันศรัทธาของใครได้ ว่าให้ตั้งอยู่นานเท่านั้นเท่านี้แม้ท่านผู้ทรงฤทธิ์ เป็นพระอรหันต์อย่างท่านพระมหาโมคคัลลานะ ก็ยังไม่อาจประกันศรัทธาของอุบาสกผู้เป็นอุปัฏฐากของท่านได้
    มีเรื่องเล่าไว้ใน สุปปาวาสาสูตร ขุททกนิกาย อุทาน ข้อ ๖๒ ตอนหนึ่งว่า . . . . . .


    พระนางสุปปาวาสาโกลิยธิดา ประสูติพระโอรสแล้ว ทรงปรารถนาจะถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้ากับพระสงฆ์สาวกสัก ๗ วัน เมื่อทรงส่งคนไปกราบทูลนิมนต์พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่อาจทรงรับนิมนต์ได้ในทันที เพราะอุบาสกผู้เป็นอุปัฏฐากของท่านพระมหาโมคคัลลานะ ได้กราบทูลนิมนต์ไว้ก่อนแล้ว จึงตรัสสั่งให้ท่านพระมหาโมคคัลลานะบอกเรื่องนี้แก่อุบาสกผู้เป็นอุปัฏฐาก ของท่าน อุบาสกนั้นกล่าวว่า ถ้าท่านพระมหาโมคคัลลานะสามารถประกันโภคสมบัติ ชีวิตและศรัทธาของท่านได้ ท่านก็ยอมตกลง ท่านพระมหาโมคคัลลานะยอมประกันแต่โภคสมบัติ และชีวิตของอุบาสกนั้นเท่านั้น แต่ไม่อาจประกันศรัทธาของอุบาสกได้

    เมื่ออุบาสกนั้นเห็นท่านพระมหาโมคคัลลานะประกันโภคสมบัติและชีวิตของตน ว่าจะไม่เป็นอันตรายใน ๗ วัน จึงได้ยินยอมให้พระนางสุปปวาสาถวายภัตตาหารแก่พระพุทธเจ้าและพระสาวกก่อน ตนจะถวายภายหลัง ทั้งนี้เพราะมั่นใจว่าศรัทธาของตนที่มีต่อพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวก จะไม่หวั่นไหวเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น

    สรุป ว่าไม่มีใครอาจประกันจิตที่เป็นกุศลของใครได้ว่า จะไม่เปลี่ยนเป็นอื่น เพราะจิตนั้นเกิดดับรวดเร็ว กลับกลอกรักษาได้ยาก แต่ผู้ที่สามารถผึกจิตที่กลับกลอก รักษาได้ยากให้อยู่ในอำนาจได้ คือให้ตั้งอยู่ในกุศลได้แล้ว เป็นความดีเพราะจิตที่บุคคลฝึกดีแล้วย่อมนำความสุขมาให้



    แต่ จิตที่บุคคลตั้งไว้ผิด คือตั้งไว้ในบาปอกุศล มีกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ย่อมนำความทุกข์และความพินาศมาให้ แม้คนที่มีเวรต่อกัน ก็ยังนำความทุกข์และความพินาศมาให้น้อยกว่าจิตที่ตั้งไว้ผิด



    มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจว่า จิตของมนุษย์เมื่อเริ่มเกิด คือถือกำเนิดในครรภ์มารดานั้นบริสุทธิ์ ไม่มีความต้องการใดๆ แต่เมื่อโตขึ้นจิตก็เศร้าหมอง เพราะอุปกิเลสมีโลภะเป็นต้นจรมารบกวน ทำให้ต้องการสิ่งโน้นสิ่งนี้ไม่มีที่สิ้นสุด

    จริงอยู่ พระพุทธองค์ตรัสไว้ใน อํ. เอกนิบาต ข้อ ๕๐ ว่า จิตนี้ผุดผ่อง แต่ว่าจิตนี้เศร้าหมองแล้ว ด้วยอุปกิเลสที่จรมา
    คำว่า จิตปภัสสร ที่แปลกันว่า จิตผุดผ่อง นี้ ก็มีความหมายเพียงผุดผ่องเท่านั้น มิได้หมายไกลไปถึงว่าบริสุทธิ์ เพราะจิตบริสุทธิ์นั้นหมายถึงจิตที่ปราศจากกิเลสโดยสิ้นเชิง

    แต่จิตผุดผ่องมิได้เป็นเช่นนั้น เพราะ ยังมีกิเลสอย่างละเอียดคืออนุสัยกิเลสตามนอนอยู่ ด้วยเหตุที่ยังละไม่ได้ ก็อนุสัยกิเลสนี้ที่ทำให้จิตเศร้าหมอง หากเชื้อคืออนุสัยกิเลสยังนอนสงบนิ่งอยู่ตราบใด จิตนี้ผุดผ่องอยู่ตราบนั้น จิตผุดผ่องนี้คือภวังคจิต ที่ทำหน้าที่รักษาภพชาติคือความเป็นมนุษย์เอาไว้เป็นจิตที่รับอารมณ์ที่ได้ รับมาจากภพเก่าคือชาติก่อน ยังมิได้ขึ้นสู่วิถี ทำหน้าที่เห็น ได้ยิน รู้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัสเย็น ร้อน อ่อน แข็ง และรู้ธัมมารมณ์ ต่อเมื่อใดอารมณ์ใหม่มาปรากฎทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เมื่อนั้นจิตก็ขึ้นวิถีทำหน้าที่เห็น ได้ยิน รู้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัสเย็น ร้อน อ่อน แข็ง และรู้ธัมมารมณ์ หากไม่สำรวมจิตให้ดี คือขาดสติหลงใหลไปในอารมณ์เหล่านั้นอุปกิเลสก็จะจรเข้ามา ทำให้จิตเศร้าหมองทันที

    ด้วยเหตุนี้ ภวังคจิตจึงไม่ผิดกับน้ำที่มองดูใส แต่มีตะกอนนอนอยู่ข้างล่าง เมื่อมีอะไรมากวน น้ำนั้นก็ขุ่นทันที
    น้ำที่มีตะกอนนอนอยู่ข้างล่าง มองดูใสสะอาดฉันใด ภวังคจิตที่มีอนุสัยนอนสงบอยู่ก็ดูผุดผ่องฉันนั้น
     
  7. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ จิตของทารกแรกเกิดจึงมิได้บริสุทธิ์ เพราะถ้าจิตของทารกบริสุทธิ์แล้วไซร์ ทารกนั้นก็ปราศจากกิเลสโดยสิ้นเชิง เป็นพระอรหันต์มาตั้งแต่เกิด แต่พระอรหันต์นั้นเมื่อปรินิพพานแล้ว ท่านไม่เกิดอีก เพราะท่านดับอนุสัยกิเลสอันเป็นเชื้อที่จะทำให้เกิดได้หมดแล้ว

    ใน ทางพระพุทธศาสนานั้นแสดงว่าผู้ที่มาเกิด ไม่ว่าจะเกิดในภพภูมิใด ผู้นั้นคือผู้ที่ยังไม่หมดกิเลส จิตยังไม่บริสุทธิ์ เพราะถ้าจิตบริสุทธิ์หมดกิเลสแล้วจะมาเกิดอีกไม่ได้ นอกจากนั้นยังแสดงว่า
    ผู้ ที่เกิดขึ้นในภพใหม่นั้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วจิตที่เกิดขึ้นรับอารมณ์ใหม่เป็นครั้งแรกต่อภวังคจิต คือโลภะจิตที่ประกอบด้วยความยินดีในภพที่ตนเกิด ต่อแต่นั้นจิตอื่นมีกุศลเป็นต้นจึงจะเกิดได้ ทั้งนี้ไม่เว้นแม้แต่พระอนาคามีผู้เกิดในพรหมโลก


    การร้องไห้ของทารกที่คลอดจากครรภ์มารดาก็ดี ร้องไห้เพราะต้องการนมก็ดี ล้วนแต่แสดงว่าทารกนั้นมีกิเลสทั้งสิ้น จริงอยู่ เด็กไม่อาจแสดงออกซึ่งกิเลสหยาบมีการตีการด่า เป็นต้นได้ แต่เด็กก็แสดงออกซึ่งกิเลสที่มีอยู่ในใจให้ผู้อื่นรู้ว่า เขาชอบใจ ไม่ชอบใจ อยากได้ ไม่อยากได้ เป็นต้น

    ก็กิเลสที่มีอยู่ในใจนั้นมาจากไหนเล่า ถ้าหากว่าไม่มีเชื้อ คืออนุสัย ตามนอนอยู่ในสันดาน คือความสืบต่อของจิตแล้ว กิเลสอย่างกลางที่คอยกลุ้มรุมจิตใจให้เร่าร้อน และกิเลสอย่างหยาบที่แสดงออกทางกายทางวาจา มีการตีการด่าเป็นต้น จะเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เพราะมีอนุสัยอันเป็นกิเลสอย่างละเอียดเป็นเชื้ออยู่ กิเลสอย่างกลางและอย่างหยาบจึงเกิดได้

    ด้วยเหตุนี้ ความเข้าใจที่ว่า จิตของมนุษย์แรกเกิดบริสุทธิ์จึงไม่ถูกต้อง เพราะเมื่อเรายังละเชื้อ คืออนุสัยยังไม่ได้ตราบใด อนุสัยนั้นก็ติดตามเราไปทุกชาติตราบนั้น ทำให้เกิดในภพใหม่อยู่ร่ำไป ทั้งยังทำให้จิตใจของเราผู้เกิดแล้ว ต้องเศร้าหมองด้วยความรักบ้าง ความโกรธบ้าง ความหลงบ้าง

    พระ พุทธองค์ตรัสว่า ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐที่สุด สำเร็จแล้วแต่ใจ(คือจิต) ถ้าบุคคลมีใจอันโทษประทุษร้ายแล้ว กล่าวอยู่ก็ตาม ทำอยู่ก็ตาม ทุกข์ย่อมไปตามบุคคลนั้น เพราะทุจริต ๓ อย่าง เหมือนล้อหมุนไปตามรอยเท้าโคตัวลากเกวียนไปฉะนั้น


    เพราะฉะนั้นจึงควรติดตามดูจิต เพื่อมิให้ตกไปในอกุศล ด้วยการกำหนดรู้สภาพของจิตที่เกิดขึ้นทุกขณะ

    เพียงเท่านี้ก็จะเห็นได้ว่า การเกิดเป็นมนุษย์แล้วดำรงชีวิตให้ถูกทาง คือให้อยู่ในบุญกุศลนั้นแสนยาก เพราะต้องคอยประคับประคองจิตไม่ให้ตกไปในบาปอกุศล หากใจเป็นบาปอกุศลแล้วโอกาสที่ความชั่วทางกาย ทางวาจา ทางใจ คืออกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ อันมิใช่ธรรมของมนุษย์ย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย การรักษาใจเพียงอย่างเดียวชื่อว่ารักษากายและวาจาด้วย

    ในจำนวนคนเป็นล้านๆ มีกี่คนที่รักษาใจไว้มิให้ตกไปในบาปอกุศล แม้คนที่ศึกษาธรรมมาอย่างดี รู้โทษของอกุศลแล้ว ก็ยังยากที่จะทำใจให้เป็นกุศลได้ตลอดเวลา เพราะธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา จิตหรือใจก็เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจของใคร เราจึงไม่อาจบังคับจิตของเราให้เป็นกุศลตลอดไปได้ กุศลและอกุศลเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยและความคุ้นเคย กล่าวคือ
    ถ้าจิตคุ้นเคยอยู่กับบุญกุศล บุญกุศลก็เกิดได้ง่าย แต่ถ้าจิตคุ้นเคยกับอกุศล อกุศลก็เกิดได้ง่าย

    ด้วย เหตุนี้ควรพยายามสั่งสมกุศลให้มาเพื่อให้จิตคุ้นเคยกับกุศล โดยเฉพาะกุศลขั้นภาวนาเพราะกุศลขั้นภาวนาเท่านั้น ที่ช่วยรักษาจิตมิให้ตกไปในบาปอกุศลได้ การตามรู้สภาพของจิตตามความเป็นจริงนี้ จะช่วยให้เรารู้ว่าขณะนี้จิตเป็นกุศล หรือจิตเป็นอกุศล เมื่อรู้ว่าเป็นกุศลก็พยายามรักษาไว้และเจริญให้มากขึ้น แต่ถ้ารู้ว่าจิตเป็นอกุศลก็พยายามละและระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก


    การฝึกจิตให้คุ้นเคยกับกุศลนั้นทำอย่างไร ไม่ยากเลย ขอเพียงอย่าปล่อยกุศลเล็กๆน้อยๆผ่านไปโดยไม่ใส่ใจ หรือดูหมิ่นว่าเป็นกุศลเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องทำ ซึ่งไม่ถูกต้อง กุศลทุกชนิดไม่ควรละเลย เช่นเราเห็นมดลอยน้ำอยู่ในน้ำ โอกาสที่เราจะช่วยให้มดรอดตายมีอยู่ จะโดยการใช้มือช้อนขึ้นมา หรือใช้ไม้เขี่ยให้พ้นน้ำก็ได้ แต่เราไม่ได้ทำ เพราะคิดว่าธุระไม่ใช่ มดไม่ใช่ลูกหรือพ่อแม่ ญาติพี่น้องของเรา หรือคิดว่าการช่วยมดไม่ทำให้เราได้รับประโยชน์อันใด ถึงจะได้บุญ ก็ได้บุญเล็กน้อย เสียเวลา เอาไว้ทำบุญใหญ่ๆดีกว่า แล้วก็ละเลยเสีย ไม่ได้คิดว่านั่นเป็นโอกาสที่จะได้ทำกุศลแล้ว กลับปล่อยให้กุศลที่จะเกิดผ่านไปเสียด้วยความประมาท

    ความจริงแล้วมดก็มีชีวิตจิตใจเช่นเดียวกับมนุษย์ กลัวตายเหมือนมนุษย์ ทั้งหมดนั้นอาจเป็นพ่อแม่หรือญาติพี่น้องของเราในอดีตก็ได้
    ใครจะรู้ว่าในวัฏฏสงสารอันยืดยาวนี้ เราและสัตว์ทั้งหลายมีความผูกพันกันอย่างไร จึงไม่ควรดูดาย คนที่ตกน้ำแลัวช่วยตนเองไม่ให้จมน้ำตายไม่ได้ ย่อมกลัวตายอย่างไร มดก็กลัวจมน้ำตายอย่างนั้นการช่วยให้มดรอดชีวิตจึงไม่ใช่กุศลเล็กน้อย แต่เพราะประมาทดูหมิ่นว่าเป็นกุศลเล็กน้อย กุศลก็เกิดไม่ได้ มิหนำซ้ำอกุศลยังเกิดแทนอีกด้วย


    หรือเพียงเราเดินไปตามถนนหนทาง พบเศษกระเบี้องหรือเศษแก้วทิ้งอยู่บนทางเดิน พบแล้วก็มิได้เดินผ่านไปเฉยๆ ได้เก็บเศษแก้วแตกนั้นออกไปให้พ้นทางเดิน ด้วยจิตใจที่ประกอบด้วยเมตตากรุณา ต้องการให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้รับความปลอดภัย ไม่ถูกกระเบื้องแตกตำเท้าให้บาดเจ็บ ซึ่งบางคร้งเมื่อถูกตำแล้วไม่รักษาให้ถูกต้อง ปล่อยให้สกปรก อาจเป็นบาดทะยักถึงตายได้ การทำอย่างนี้ ก็เป็นบุญเป็นกุศล ซึ่งบางคนอาจคิดว่าเป็นบุญเล็กน้อยจึงละเลย ความจริงหาได้เล็กน้อยไม่ เพราะเป็นประโยชน์แก่คนเป็นอันมาก

    ถ้าเราหมั่นฝึกจิตของเราให้ไม่ละเลยต่อกุศล แม้เล็กน้อยอย่างนี้บ่อยๆ จิตใจของเราจะคุ้นเคยกับกุศล จนกุศลสามารถเกิดได้บ่อยและง่ายขึ้น อกุศลหาโอกาสแทรกได้ยาก ด้วยเหตุนี้จึงไม่ควรปล่อยให้กุศลเล็กน้อยผ่านไป อย่าลืมว่า
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า " บุคคลไม่ควรดูหมิ่นบุญว่าบุญมีประมาณน้อย จักไม่มาถึง แม้หม้อน้ำยังเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาทีละหยาดๆ ฉันใด นักปราชญ์สั่งสมบุญแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มด้วยบุญ ฉันนั้น "


    ใน ทางตรงกันข้าม เราก็ไม่ควรดูหมิ่นบาปเล็กน้อยว่าจะไม่เพิ่มมากขึ้น ในเมื่อเราทำบาปนั้นบ่อยๆ และเมื่อทำบ่อยๆ จิตใจก็คุ้นกับบาป เป็นเหตุให้บาปเกิดได้ง่ายและบ่อยขึ้น ลองสังเกตดูเด็กที่ขาดการอบรมสั่งสอน มักชอบรังแกและฆ่าสัตว์เล็กๆโดยเห็นเป็นของสนุก เมื่อโตขึ้นก็สามารถฆ่าสัตว์ใหญ่ตลอดจนมนุษย์ได้อย่างสบาย โดยไม่มีความละอายและเกรงกลัวบาป เห็นการกระทำความชั่ว การกระทำบาปเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งนี้ก็เพราะ จิตใจของเขาคุ้นเคยกับบาปมาตั้งแต่เยาว์

    บางคนชอบลักเล็กขโมยน้อย หยิบฉวยทรัพย์สินของผู้อื่น ทั้งที่เป็นของสาธารณะ และของส่วนบุคคลจนเคยชิน สายไฟ หลอดไฟตามถนนหนทางถูกขโมย ต้นไม้ที่มีผลยื่นออกมานอกรั้ว หรือแม้จะอยู่ภายในรั้ว มีเจ้าของหวงแหนและระแวดระวัง ก็ถูกคนจำพวกนี้หยิบฉวย เก็บเอาไปทั้งต่อหน้าและลับหลัง โดยขาดความละอายใจ ว่าตนได้ละเมิดกรรมสิทธิ์ของผู้อื่น

    คนเหล่านี้หวงแหนชีวิตและทรัพย์สินของตน ใครมาทำลายชีวิตและทรัพย์ของตนก็โกรธคิดอาฆาตพยาบาท แต่ร่าเริงบันเทิงใจ เมื่อได้ชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นโดยมิชอบธรรม ลืมเอาใจเขามาใส่ใจเรา ว่าเรารักชีวิตและทรัพย์สินของเราอย่างไร ผู้อื่นก็รักชีวิตและทรัพย์สินของเขาอย่างนั้น

    พระพุทธองค์ตรัสว่า " บุคคลไม่ควรดูหมิ่นบาปว่ามีประมาณน้อยจะไม่มาถึง แม้หม้อน้ำย่อมเต็มด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาทีละหยาดๆฉันใด คนพาลสั่งสมบาปแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มด้วยบาปฉันนั้น"
     
  8. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    เพราะฉะนั้นจงสั่งสมบุญ ละเว้นบาป

    ด้วยเหตุที่การเกิดเป็นมนุษย์นี้แสนยาก เพราะต้องอาศัยบุญนำเกิด เมื่อได้ความเป็นมนุษย์มาแล้ว ก็ควรใช้ชีวิตให้ถูกต้อง ให้สมกับที่ได้มาโดยยาก และให้สมกับที่ได้รับสมญาว่า "ผู้มีใจสูง" ผู้มีใจสูงย่อมตั้งตนไว้ในบุญกุศล คือ ทาน ศีล ภาวนา ไม่ปล่อยตนให้ตกไปในบาปอกุศล เพราะถ้าประมาทพลาดพลั้งไปกับบาปอกุศลแล้ว โอกาสที่จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกนั้นยากนัก

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน
    อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอกธัมมาทิบาลี ตอนหนึ่งว่า " สัตว์ ที่จุติคือตายจากมนุษย์กลับมาเกิดในมนุษย์มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปเกิดในนรกเกิดในกำเนิดเดียรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย มากกว่าโดยแท้ "


    ถ้าไม่อยากไปเกิดในนรก ในกำเนิดเดียรัจฉาน ในปิตติวิสัย ก็จงตั้งตนไว้ในธรรมของมนุษย์ คือกุศลกรรมบถ ๑๐ อันได้แก่การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑ การงดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของเขาไม่ให้ ๑ งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑ งดเว้นจากการพูดเท็จ ๑ งดเว้นจากการพูดส่อเสียด ๑ งดเว้นจากการพูดคำหยาบ ๑ งดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ๑ ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของผู้อื่น ๑ ไม่พยาบาทปองร้ายผู้อื่น ๑ มีความเห็นถูก คือเห็นว่าการทำบุญมีผล เป็นต้น ๑ หรือจะเจริญกุศลให้สูงยิ่งขึ้นจนได้ฌาน วิปัสสนา และมรรค ผล นิพพาน ก็ยิ่งประเสริฐ

    แม้ ว่าการเกิดเป็นมนุษย์จะได้มาโดยยาก และมนุษย์จะได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ถึงกระนั้นการเกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นทุกข์ ไม่ใข่จะเป็นสุขไปทุกอย่าง ทุกข์เพราะต้องแสวงหาสิ่งต่างๆมาปรนเปรอชีวิต ทุกข์เพราะเจ็บป่วย ทุกข์เพราะต้องพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก เป็นต้น แม้มนุษย์ที่มีความเป็นอยู่อุดมสมบูรณ์ที่สุดอย่างพระเจ้าจักรพรรดิ ก็หนีทุกข์เป็นต้นเหล่านี้ไม่พ้น เกิดมาแล้วก็เป็นทุกข์บ้าง สุขบ้าง คละเคล้ากันไป


    ในวัฏฏสงสารอันยาวนานนี้ เราจำกันได้หรือไม่ว่า เราได้เกิดมากี่ครั้ง เชื่อแน่ว่าไม่มีใครจำได้
    <sup>*</sup>พระ พุทธเจ้าตรัสว่าสงสารนี้กำหนดที่สุดและเบื้องต้นไม่ได้ เมื่อหมู่สัตว์ผู้มีอวิชชากางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดและเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฎ
    <sup>*</sup>อนมตัคคสังยุตต์ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค


    พระพุทธองค์ทรงแสดงให้เราทราบว่า ทุกคนที่เกิดมานี้ล้วนแต่มีบรรพบุรุษสืบสายกันมานับไม่ถ้วน ทั้งทางฝ่ายมารดาและบิดา โดยทรงเปรียบเทียบกับผืนแผ่นดินใหญ่นี้ว่าถ้าเราจะเอาดินมาปั้นเป็นก้อน เล็กๆเท่าเมล็ดกระเบา แล้วสมมุติให้ก้อนนี้เป็นมารดาของเรา ก้อนนี้เป็นมารดาของมารดาเราเป็นลำดับไป มารดาของมารดาเราจะไม่ถึงความสิ้นสุด แต่ดินบนผืนแผ่นดินใหญ่นี้จะพึงหมดไปเสียก่อน แม้ในฝ่ายบรรพบุรุษของบิดาก็เช่นเดียวกัน


    เรา ได้เสวยความทุกข์เดือดร้อน ร้องไห้ คร่ำครวญกันมานานไม่น้อยเลย พระพุทธองค์ตรัสว่า น้ำตาของเราผู้ร้องไห้อยู่ในสงสารอันยาวนานนี้ ยังมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ รวมกันเสียอีก ร่างกายของเรานั้นเล่าก็นอนทับถมพื้นดินกันมานานมิใช่น้อย จนนับประมาณมิได้


    ตลอด เวลาที่เราท่องเที่ยวอยู่ในสงสารนี้ บางคราวก็จากโลกนี้ไปสู่โลกอื่น บางคราวก็จากโลกอื่นมาสู่โลกนี้ เวียนวนไปมาอยู่อย่างนี้ โดยไม่อาจกำหนดที่สุดของการเกิดของเราได้เลย ตราบเท่าที่ยังไม่เห็นอริยสัจ ๔

    ทุกข์นั้นมีมากมาย แต่ไม่มีทุกข์อะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่า ทุกข์ในวัฏฏะ อันมีการเวียนเกิดเวียนตายที่หาจุดจบมิได้ เกิดทีไรก็เป็นทุกข์ทีนั้น
    การเกิดบ่อยๆ จึงเป็นทุกข์ การไม่ต้องเกิดเป็นอะไรเลยเป็นความสุข

    ทุกข์เหล่านี้มีตัณหาความอยาก ความต้องการเป็นมูล พระพุทธองค์ตรัสว่า ผู้มีตัณหาเป็นเพื่อนสองท่องเที่ยวไปอยู่สิ้นกาลนาน ย่อมไม่ก้าวล่วงสงสารไปได้ เพราะฉะนั้นการดับตัณหาอันเป็นมูลเหตุของทุกข์ทั้งมวลเสียได้ จึงเป็นความสุขอย่างยิ่ง

    ตัณหา จะดับได้ก็เพราะได้ดำเนินตามทางสายกลางที่เรียกว่า อริยมรรคมีองค์ ๘ อันประกอบด้วย สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ ๑ สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ ๑ สัมมาวาจา การเจรจาชอบ ๑ สัมมากัมมันตะ การทำงานชอบ ๑ สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีพชอบ ๑ สัมมาวายามะ การเพียร ๑ สัมมาสติ การระลึกชอบ ๑ สัมมาสมาธิ การตั้งใจมั่นชอบ ๑ จนบรรลุพระอรหัตต์เป็นพระอรหันต์เท่านั้น


    ความ เป็นมนุษย์ของเราจะสมบูรณ์ที่สุดก็เพราะได้เข้าถึง อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ อันเกษมจากโยคะ หมดสิ้นทั้งกิเลสและขันธ์ทั้งปวง ไม่ต้องเกิดมาพบกับความทุกข์อีก



    <table align="center" background="" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="90%"><tbody><tr><td vspace="0" hspace="0" bgcolor="goldenrod" width="100%">
    </td></tr><tr><td vspace="0" hspace="0" width="100%">
    </td></tr><tr><td vspace="0" hspace="0" align="right">

    </td></tr></tbody></table><table align="center" background="" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="90%"><tbody><tr><td vspace="0" hspace="0" align="right"><big>เป็นมนุษย์นี้แสนยาก</big></td></tr><tr><td vspace="0" hspace="0" align="right">ประณีต ก้องสมุทร</td></tr></tbody></table>


    ที่มา
    http://84000.org/tipitaka/book/bookpn03.html
    Last edited by Altis1850; 17-06-2008 at 07:16 PM.

    http://palungjit.org/posts/1286526
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2012
  9. เด็กพุด

    เด็กพุด สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +12
    สนใจอยากขอคำแนะนำไม่ทราบว่าคิวแยะไหม และช่วงเวลาไหนที่เหมาะสม บุญรักษานะคับ
     
  10. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    คำขอขมาใหญ่ในชีวิต เพื่อพิชิตดวงธรรม

    คำขอขมาใหญ่ในชีวิต เพื่อพิชิตดวงธรรม<!-- google_ad_section_end -->

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- google_ad_section_start --> <script type="text/javascript"><!-- google_ad_client = "ca-pub-2576485761337625"; /* 336x280 */ google_ad_slot = "0551074580"; google_ad_width = 336; google_ad_height = 280; //--> </script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </script><ins style="border: medium none ; margin: 0pt; padding: 0pt; display: inline-table; height: 280px; position: relative; visibility: visible; width: 336px;"><ins id="aswift_0_anchor" style="border: medium none ; margin: 0pt; padding: 0pt; display: block; height: 280px; position: relative; visibility: visible; width: 336px;"><iframe allowtransparency="true" hspace="0" marginwidth="0" marginheight="0" onload="var i=this.id,s=window.google_iframe_oncopy,H=s&&s.handlers,h=H&&H,w=this.contentWindow,d;try{d=w.document}catch(e){}if(h&&d&&(!d.body||!d.body.firstChild)){if(h.call){i+='.call';setTimeout(h,0)}else if(h.match){i+='.nav';w.location.replace(h)}s.log&&s.log.push(i)}" vspace="0" id="aswift_0" name="aswift_0" style="left: 0pt; position: absolute; top: 0pt;" scrolling="no" width="336" frameborder="0" height="280"></iframe></ins></ins>
    ท่านแม่บงกช สิทธิพล แดนมหามงคล ที่พักบำเพ็ญเพื่อสะสมอารมณ์พระนิพพาน บ้านช่องแคบ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ๗๑๑๕๐


    ลูกน้อมเปิดใจไขกรรมออก


    ลูกขอนอบน้อมพร้อมเทียนเหนือเศียรเกล้า เพื่อก้มกราบขมา กราบลาโทษ กราบบูชาสักการะ กราบอนุโมทนา กราบสาธุการ แด่


    คุณพระพุทธเจ้า ทุก ๆ พระองค์


    คุณพระธรรมเจ้า ทุก ๆ พระองค์


    คุณพระอริยสงฆเจ้า ทุก ๆ พระองค์


    คุณพระบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์


    และผู้มีพระคุณทุก ๆ ท่าน


    ลูกทั้งหลายขอน้อมเปิดใจไขกรรมที่ทำมา เพื่อขอขมาใหญ่ในชีวิต


    ๑. ลูกเคยล่วงเกินด้วยกาย วาจา ใจ ต่อคุณพระพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์ ต่อคุณพระธรรมเจ้า ทุก ๆ พระองค์ ต่อคุณพระอริยสงฆเจ้า ทุก ๆพระองค์ ทั้งเคยล่วงเกินต่อพระภิกษุสงฆ์ พระสมมติสงฆ์ ท่านสามเณร ทั้งแม่ชี แม่พราหมณ์ พ่อพราหมณ์ และนักบวชทั่วโลก ทั้งเจตนาและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่กาลก่อนจนถึงวันนี้


    ๒. ลูกเคยละเมิดคำสอนโอวาทของบิดามารดาผู้ให้เลือดเนื้อและชีวิต เคยถกเถียงต่อปากต่อคำ อันทำให้พ่อแม่เสียใจ เสียขวัญ เสียน้ำตา เสียกำลังใจ เพราะการกระทำอันผิดแนวของการเป็นลูกที่ดีของท่าน แต่กาลก่อนจนถึงวันนี้ ซึ่งการทำให้ท่านผิดหวังในตัวลูก เท่ากับเป็นการฆ่าบั่นทอนชีวิตพ่อแม่ทีละน้อย ๆ ซึ่งเป็นบาปมหันต์แท้ อาจเป็นผลให้ผลักต้านกั้นทางพระนิพพาน


    ๓. ลูกเคยล่วงเกินคุณครูบาอาจารย์ ทั้งผู้เคยมีพระคุณและมีอุปการะคุณ โดยการกระทำตัวผิดทาง ไม่เอาคำสอนโอวาทท่านมาปฏิบัติเสียแรงที่ท่านพร่ำสอนด้วยใจห่วงใย ด้วยใจรักเมตตา ลูกเคยทำลายล้างคำสอนท่านที่หวังดี แต่กาลก่อนจนถึงวันนี้


    ๔. ลูกเคยล่วงเกินทุก ๆ ท่านในภูมิจิตแห่งพระนิพพาน ภูมิจิตแห่งพรหมโลก ภูมิจิตแห่งเทวโลกแห่งมนุษย์โลก ภูมิจิตแห่งเดรัจฉานโลก ภูมิจิตแห่งวิญญาณโลก ล่วงเกินต่อปูชนียสถานแดนธรรมในโลก ทั้งเจตนาและมิได้เจตนา รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่กาลก่อนจนถึงวันนี้


    ๕. ลูกเคยแสดงความหยาบกระด้าง หรือใช้กำลังด้วยโทสะรุนแรงตบตีต่อยชกลูกหลาน หรือสามีภรรยาอย่างขาดสติ ขาดจากคุณค่าของมนุษย์ทำตนดุจเดรัจฉาน ลูกเป็นผู้โง่เขลาเมาหลงในอารมณ์ของตนเอง แต่กาลก่อนถึงวันนี้


    ๖. ลูกเคยผิดพลาดมัวหมองด่างพร้อยรอยมลทินในศีลกาย ศีลวาจา ศีลใจ ทั้งผิดสัจจะที่ตั้งใจ บางข้อบางประการ บางโอกาส แต่กาลก่อนถึงวันนี้


    ๗. ลูกเคยแสดงออกทางสายตาใบหน้าว่าโกรธเคืองอาฆาตพยาบาท ทั้งเคยสาปแช่งจองเวร ทั้งอิจฉาริษยา ทั้งนินทาใส่ร้ายผู้อื่น และเคยปั้นโยนความผิดให้ผู้อื่นโดยไม่เป็นความจริงเลยแต่กาลก่อนถึงวันนี้


    ๘. ลูกเคยแสดงความไม่บริสุทธิ์ทางกาย วาจา ใจ ต่อผู้อื่น ทั้งต่อหน้าและลับหลัง แต่กาลก่อนถึงวันนี้


    ๙. ลูกเคยแสดงอาการกระทบกระแทกใส่หมู่คณะ หรือผู้อยู่ในครัวเรือนโดยเจตนาจากโทสะ โมหะ อันผิดทาง แต่กาลก่อนจนถึงวันนี้


    ลูกนอบน้อมขอขมาใหญ่ในชีวิต


    วันนี้ลูกทั้งหลายขอนอบน้อมโอบอุ้มเทียนทิพย์ เทียนมหามงคล เทียนทอง เทียนมหากุศล เทียนธรรม ดับทุกข์ทั้งสิ้น เพื่อกราบขอขมา กราบลาโทษทั้งปวง


    ลูกทั้งหลายขอนอบน้อมก้มกราบฝ่าพระบาทพระศาสดาทุก ๆ พระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดรับรู้เป็นสักขีพยาน เป็นพระประธานในการน้อมใจขอขมาใหญ่ในชีวิตลูกเถิด


    ขอเดชแห่งคุณพระ พร้อมทั้งพลังมหาบารมีของโลก พร้อมทั้งพลังบารมีของลูก ๆ ที่ร่วมใจบำเพ็ญบารมีวันนี้ จงเกิดอานุภาพ ให้กายลูกเกิดใหม่ ได้มีกายเป็นธรรมมหากุศล วาจาลูกเกิดใหม่ ได้มีวาจาเป็นธรรมมหามงคลแด่ตนและผู้อื่น ได้ดวงจิตที่เกิดใหม่ได้ดวงใจที่เป็นทิพย์ในธรรมตลอดกาล


    พระพุทธบิดาเจ้าขา ลูก ๆ ทั้งหลายได้สำนึกตรึกเห็นชัด ในความผิดพลาดบกพร่องมัวหมองของตนเอง พร้อมทั้งเริ่มเข้าใจในพุทธโอวาทของพระพุทธบิดาว่า "การกระทำแสดงออกทางกาย วาจา ใจ ๓ ประการ ของตน ไม่ว่าจะแสดงออกทางชั่วหรือดี มีคุณหรือให้โทษมากน้อยสักปานใด เจตนาอกุศลหรือมหากุศล นั่นคือผลตนเองจะได้รับเสวยเองทุกประการ ไม่ใช่ผู้อื่นเป็นผู้รับผลตนเอง จะได้รับเต็มบริบูรณ์ทุกประการ รับเสวยเองตลอดกัป ตลอดกาล"


    เมื่อลูก ๆ ทั้งหลายเริ่มเกิดแสงสว่างแห่งธรรมอันดุจดวงประทีปแก้วมณีโชติ ได้รุ่งโรจน์ในกายวาจาใจลูกพอควร ลูกได้พิจารณาถึงตนเอง เด่นชัดในความมั่วคิดชั่วร้าย เห็นแจ้งชัดในความผิดพลาดบกพร่องมัวหมองทั้งปวง


    ลูกได้กล่าวระบายความในใจไขกรรมออก บอกมหาชนคนทั้งหลายทั่วฟ้าดิน ลูกทั้งหลายเกรงกลัวต่อบาปกรรมอันนำตนสู่ทะเลเพลิงที่ทุกข์ทรมานแสนนานเป็น ล้านกัป จะหาสุขสมหวังไม่ได้เลย เพราะได้เคยสร้างอกุศลมลทินโทษดังกล่าวแล้ว โดยหลงผิดคิดว่าตนเป็นคนเก่ง คนดีมีอำนาจ การแสดงออกดังกล่าวเป็นการแสดงออกถึงความมืดบอดโง่เขลาเบาปัญญาอย่างน่าสลด แท้ เป็นการลดค่า ไร้ค่าของการเป็นมนุษย์อย่างยิ่ง ข้อสำคัญเป็นการล่วงเกินอย่างรุนแรงมหันต์ต่อพระพุทธองค์เพราะไม่เคารพเชื่อ ฟังในพุทธโอวาท คำสอนอันเปี่ยมล้นด้วยพระมหาเมตตาอันบริสุทธิ์ที่ทรงมีอานุภาพกว้างใหญ่ มหาศาลอย่างไม่มีประมาณ มิได้เอาแต่สุขส่วนพระองค์เอง เสียสละพลีชีพเพื่อโปรดเวไนยสัตว์ทั้งโลกด้วยชีวิตของพระองค์เองโดยแท้ปาน นั้น ลูก ๆ ทั้งหลายยังมองไม่ค่อยเห็น ถึงคุณค่าอันมหาศาลของพระองค์ที่ทรงพระเมตตาวางแนวธรรมให้พ้นทุกข์หนีภัย ทั้งปวงไว้ให้ลูก ๆ ด้วยน้ำพระทัยใสบริสุทธิ์ พระองค์ให้ด้วยชีวิตให้ด้วยจิตใจ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนจากลูก ๆ เลย เมื่อพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ แม้พระองค์จะมีวัยชราภาพถึง ๘๐ พระชันษา พระองค์ยังทรงเสด็จพระราชดำเนินโปรดเวไนยสัตว์ทั้งหลายด้วยเท้าเปล่าตลอดสาย และยังทรงอุทิศชีวิตโปรดสาวกจนลมปราณสุดท้าย พระองค์ทรงให้ความสงบ สะอาด สว่าง แด่โลกและมหาชนทั่วโลก น้ำพระทัยของพระองค์ดุจห้วงมหรรณพโดยแท้


    ลูก ๆ ทั้งหลายขอถึงฝ่าพระบาทของพระองค์ด้วยเศียรเกล้าตลอดกาลเทอญ


    ที่มา
    วิกิซอร์ซ

    http://palungjit.org/posts/1034141
     
  11. เด็กพุด

    เด็กพุด สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +12
    ทุกๆคนเกิดมาย่อมมีทุกข์ แต่จะทำอย่างไรให้อยู่กับทุกข์อย่างมีสุข และปล่อยวางทุกสิ่ง นั่นสำคัญกว่า??? :cool:
     
  12. ป้าป้า

    ป้าป้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +66
    หลังจากคุยกับคุณเอก

    หลังจากคุยกับคุณเอกก็ถามคุณแม่แล้ว เกี่ยวกับเรื่องเสียงหัวเราะในยามดึกเหมือนละเมอตลอดจนเสียงเปิดประตูตอนตี2ที่ผ่านมา คำตอบคือไม่มีอะไร พยายามมองสบตาก็ไม่มีอะไรตามที่ท่านตอบจริงๆค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ และอยากถือโอกาสนี้บอกกับเพื่อนๆที่ยังไม่เคยโทรฯพูดคุยกับคุณเอกว่าคุณเอกก็แค่มีบุคคลิกในการสื่อสารพูดจาแบบตั้งอยู่บนความเป็นจริงไม่ได้พูดให้คนฟังคิดบวกแบบฝันๆแต่คิดบวกแบบที่มีโอกาสเกิดขึ้นจริงในชีวิตคุณก็เท่านั้นเองค่ะ
    สำหรับบางท่านและเพื่อนๆบางคนที่เคยเสียเงินกับการดูดวงไปหาร่างทรงต่างๆนอกจากจะเสียเงินแล้วเชื่อว่าบางรายเขาเหล่านั้นอาจพูดจาหยาบคายแถมระหว่างพูดคุยคุณอาจต้องอยู่ในท่าพนมมือร่วมด้วย อย่างนี้จะว่าไปก็เท่ากับว่าคุณเอาเงินไปให้แล้วยกมือไหว้รอคิวให้เขาด่าว่าด้วยศัทธาแล้วอาจจบลงด้วยปัญหาคงเดิมแต่เพิ่มขัน
    ฟังใครไปก็เท่านั้นคะ เพราะเราทุกคนต่างมีความคิดและกรรมเป็นของตนเอง โทรไปฟังเองจากคุณเอกคงเครียร์ใจกว่าฟังใครเล่า คุณเอกเองก็ไม่ได้เก็บสตางค์ติดต่อกันทางโทรฯก็ปลอดภัยขณะคุยกันก็ไม่ต้องยกมือไหว้ไม่ต้องรับขันรับน้ำมนต์ใดๆเพียงแค่ฟังคำแนะนำด้วยใจพิจารณาแล้วคุณจะพบว่าผู้ชายคนนี้เป็นอย่างที่ได้อ่านกันมาหรือไม่ ปัจจัตตังค่ะ
     
  13. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    ไม่มีคิวครับ...ช่วงเวลาที่เหมาะสม...หลังสามทุ่มไปแล้วครับ...ผมไม่ได้เป็นหมอดูประจำหรืออาชีพครับ....มีความรู้เพียงแค่นำมาช่วยเหลือ..โดยไม่ได้คิดตังค์ครับ...ถ้าเพื่อนธรรมเพิ่งมาใหม่...ลองอ่านดูก่อนได้ครับ....จะได้ทำความเข้าใจไปด้วยครับ....สาธุครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2012
  14. เด็กพุด

    เด็กพุด สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +12
    ขออนุโมทนาบุญกุศลกับคุณ ที่คุณได้รับจากการปฎิบัติธรรม มาช่วยเหลือ แนะนำ กำลังใจให้สำหรับคนที่ยังอยู่ในห้วงแห่งทุกข์ และหาทางออกให้กับตนเองไม่ได้

    เจริญด้วยบุญกุศลคับ
     
  15. Maroom

    Maroom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +74
    วันนี้ไม่ได้ทำงาน ช่วงสามทุ่มครึ่งว่างไหมค่ะ อยากดูดวงจะโทรไปน่ะค่ะ
     
  16. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    น่าจะว่างอยู่นะครับ..ถ้าผมไม่ติดสายดูดวงกับใคร...เพราะมีแค่เบอร์เดียวครับ...เรื่องงานเรื่องส่วนตัวรวมกันเลยครับ...คือจะแบ่งเวลาไว้ช่วยเหลือเพื่อนๆธรรมครับ.....มีเวลาให้ถึงเที่ยงคืนครับ...เพราะบางทีอาจจะมีเพื่อนไทยในต่างแดนมาดูกับผมด้วยครับ...ตอนนี้มากันครบทุกทวีปแล้วครับ...
     
  17. Maroom

    Maroom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +74
    ขอบคุณมากน่ะค่ะ จะลองเสี่ยงโทรเผื่อติดกับเค้าบ้าง Thank you หลายเด้อ
     
  18. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    ใช้คำว่า..ลองเสี่ยง..เลยหรือครับ...ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ...ถ้ามีสายซ้อน..ผมจะสลับสายบอก..ว่าติดสายอยู่...ในโทรฯของเราก็น่าจะบอกสถานะ...สายซ้อน..หรือไ่ม่ว่างเหมือนกันเนอะ...
     
  19. Pinbow

    Pinbow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +297
    ถ้าส่งคำถามไปที่อีเมลล์ จะตอบให้ไหมคะ ไม่รีบค่ะ ตอบเมื่อไหร่ก็ได้ที่สะดวก
     
  20. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    ไม่สะดวกในตอบทางเมลครับ...เพราะพิมพ์ไม่ถนัดนักครับ..และอาจจะตอบได้ไม่ครอบคลุมนักครับ...และเผื่อคุณเองมีคำถามต่างๆอีกหล่ะครับ..คุณก็ต้องกลับมาโพสต์ให้ผมตอบอีกครั้ง....ผมแค่ต้องการครั้งเดียวจบในทุกคำถามตอนนั้นเลยครับ...และคนที่ดูก็ไม่ได้มีแต่คุณคนเดียว..และผมยังต้องทำงาน...เวลามันมีจำกัดครับ....มีเวลาให้แค่สามสี่ชั่วโมงครับ...คงเข้าใจกันเนอะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...