อยากนั่งสมาธิ เพื่อติดต่อกับวิญญาณ ครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย jubsa13, 6 สิงหาคม 2012.

  1. jubsa13

    jubsa13 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +26
    สอบถามหน่อยครับ

    ถ้าต้องการติดต่อกับวิญญาณได้ จะ้ต้องนั่งสมาธิและปฏิบัติอย่างไรครับ

    ขอบคุณครับ
     
  2. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ในหลักของพระพุทธศาสนานั้น วิญญาน แปลว่า รู้ ผู้ รู้ นั้นได้แก่ จิต
    ไม่ใช่ผีสางอะไรที่ไหน ดังที่มีผู้เข้าใจกันผิดๆเยอะ ว่าผู้ที่ตายยังไม่ไปผุดไปเกิดบ้าง
    วิญญานยังล่องลอยหาที่เกิดบ้าง
    ถ้าต้องการจะติดต่อกับวิญญานไม่ต้องทำสมาธิหรอก เพียงทำตัวรู้ให้เกิดขึ้นก็ติดต่อได้แล้วครับ
     
  3. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    เอ.... วิญญาณในทางพุทธศาสนา สัมมาทิฏฐิ เขามี อยู่ 6 ประเภท
    คือ วิญญาณทางหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ

    ดังนั้น จะทำสมาธิดูวิญญาณนี่ ก็ถือว่ามาถูกทาง คือ ตามพิจารณา
    การกระทบ การแปรปรวน การดับ ความไม่เที่ยงของ วิญญาณทางตา
    หู ลิ้น จมูก กาย ใจ โดยแบ่งเป็นด้านนอก ก็จะเป็น อารมณ์บัญญัติเช่น
    เห็น คน เห็นสัตว์ เห็นเทวดา เห็นพรม เห็นผ้าปู หมอน ตั่ง เตียง

    ถ้าดูภายใน ก็จะเป็นอารมณ์ปรมัตถ์ เช่น รู้เย็น ร้อน อ่อนแข็ง ตึงไหว
    เสียงสูงต่ำ สีดำสีขาวฯ เปรี้ยว ขม มัน เค็ม

    ดูแบบปรมัตถ์จะทำให้เข้าถึง พระนิพพานได้เร็ว ส่วนการดูแบบอารมณ์
    บัญญัติเห็น สรรพสัตว์ในภพ ภูมิ ต่างๆ อันนี้คือ เห็นสัตว์(ไม่ใช่เห็นวิญญาณ
    ในแบบคนป่า คนเขา ขาดการสดับเขานิยาม ) อันนี้เห็นโดยทางอ้อม เพื่อ
    ความอยู่สุขในทางการรักษาศีล การไม่เบียดเบียน การไม่พยาบาท แล้ว
    จึงกลับมาดู วิญญาณในแบบในๆ คือ รู้ปรมัตถ์อีกที
     
  4. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    แต่ถ้าจะติดต่อ สรรพสัตว์ในภพภูมิที่ต่ำกว่า เดรัจฉาน อันหมายถึง
    สัตว์ที่เป็น เปรต ผีสาง นางไม้ อันนี้ไม่ต้องทำสมาธิมาก

    ไปหาแก้วมาหนึ่งใบ กับ กระดานอักษร แบบชาวบ้าน เป็นของ
    ชาวบ้าน ก็ได้แล้ว

    เอ๊ฟเฟ็ก ก็จะไม่ต่างกันกับ การทำสมาธิไปเห็น คือ ส่วนใหญ่ศีล
    ขาด ศีลด่างพร้อย อัตตาเกิด อัฐยายก็ปิดบังตา ผลิกไปเป็นพวก
    แสกนกำ ทำขุนแผน สะท้านภพด้วยคำสวด108จบ เผื่อกอบโกย
    สมบัติโลกมาเป็นของตน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2012
  5. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    <TABLE id=threadslist class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD id=td_threadstatusicon_352711 class=alt1>[​IMG] </TD><TD class=alt2></TD><TD id=td_threadtitle_352711 class=alt1 title="">[​IMG] [/RIGHT]

    </TD><TD class=alt1 align=center>1</TD><TD class=alt2 align=center>177</TD><TD class=alt1>วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ</TD></TR><TR><TD id=td_threadstatusicon_350784 class=alt1>[​IMG] </TD><TD class=alt2></TD><TD id=td_threadtitle_350784 class=alt1 title="">[​IMG] [​IMG] เมื่อหมอดู ET ถูกท้าทายพลังวิเศษด้วยเงินล้าน ([​IMG] 12)
    สมภพ
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 24, จำนวนอ่าน: 2,776">30-07-2012 01:48 AM
    โดย mikycar offroad [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 align=center>24</TD><TD class=alt2 align=center>2,776</TD><TD class=alt1>วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ข้างบนนี้ เป็น ตัวอย่าง คนที่เขาว่าเขาทำได้ ติดต่อได้ ติดต่อจริง ทำมานาน ร้อยเอ็ดเจ็ด
    ย่านน้ำ ที่ไหนมีหลักเมือง ก็จะทำมาหมด ....

    โดยกระทู้แรก สังเกตว่า ต้องเลือกสถานที่ แล้ว ยังต้องเลือกเวลาอีก เพราะไม่อย่าง
    นั้นก็อาจจะได้ติดต่อกับ สัตว์ในภพอื่นที่"อะไร"ก็ไม่รู้ว่า"ใคร"

    ส่วนกระทู้ที่สอง ก็เป็นลักษณะแนวโน้มของการ ถูกกลืนโดย อัตตา อัฐยาย มีการไม่
    ชอบใจหากใครเดินมาล้ำเส้นกัน ก็จะต้อง จัดการอย่างใดอย่างหนึ่ง หากไม่ได้ด้วย
    เลข ก็ต้องว่ากันด้วยกล หากไม่มีกลก็ต้องว่าด้วยมนต์คาถา หากไม่ได้การ ก็ต้องใช้
    อัฐยายสักล้านหนึ่งสร้างกระแสมวลชนเข้าครอบ
     
  6. jubsa13

    jubsa13 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +26
    ถ้าต้องการติดต่อกับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว
    ไม่ทราบว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรครับ

    ขอบคุณครับ
     
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    อ่านและจำและทำตาม ลิ้งนี้ได้เลยครับ

    http://palungjit.org/threads/การทำสมาธิแบบพระอาจารย์เสาร์-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.334258/
     
  8. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    อ๋อๆ จะติดต่อ ญาติสนิท มิตรสหาย เหรอ

    ถ้าแบบนี้ ก็ต้องดูก่อนว่า ญาติสนิท มิตรสหาย นี่เป็นคนดีไหม ตอนที่เราคบกันอยู่

    ถ้าเขาเป็นคนดี อันนี้ก็แปลว่า เขาไปดี มีสุคติภพเป็นที่หวังได้

    ตรงนี้จะยากสำหรับเรานะ

    เพราะ พระพุทธองค์เคยตรัสบอกแก่บรรดาญาติของพระพุทธองค์ว่า เวลาคนดี
    เขาผ่านไปไปแล้ว แล้วเขาเสวยสวรรคิ์ คนที่เสวยสวรรคิ์นั้น จะมีความสุขมาก

    และเมื่อเขาแลกลับยังภพภูมิญาติที่เป็นมนุษย์ เขาจะ เห็นว่า โลกมนุษย์นั้นเหมือน
    ดั่งบ่อคูธ บ่อส้วม เกรอะ เหม็น เน่า เต็มไปด้วยทุกข์

    พระพุทธองค์ก็ตรัสบอกว่า แม้เราอยากติดต่อเขา แต่ เขาหาได้อยากติดต่อกับเราไม่

    พอผ่านไปหนึ่งวันสววรคิ์ แล กลับมายังโลกมนุษย์ ญาติและผองเพื่อนก็ ม้วยมรณา
    ไปแล้ว เรียกว่า ช่วงเวลาที่เขาเห็นเราในโลกมนุษย์ มันสั้น และเขาเห็นเลยว่า โลก
    มนุษย์มัวแต่ประมาท นั่ง พิร่ำ พิไร รำพัน เศร้าโศก ร้องไห้ อาลัย อาดูลย์ อย่างเสีย
    เปล่า เหมือนคนที่ไม่รูจักประโยชน์ของการมีชีวิตเป็นมนุษย์ ทำสิ่งในเรื่องที่ ประมาท
    และ เสียเวลา

    เขายิ่งไม่อยากมาให้เราเห็น เพื่อจะได้ เอาเวลาไปก่อสิ่งที่เป็นกุศลให้กับตน
    มากๆ และ ให้ถูกทางด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2012
  9. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    มโนมยิทธิ ของหลวงพ่อฤาษี
    วิชชาธรรมกาย หลวงพ่อสด
    ไปฝึกกับ วัดถ้ำเมืองนะ
     
  10. jubsa13

    jubsa13 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +26
    ผมเป็นคนไม่เคยฝันเลยครับ
    ไม่เคยมีวิญญาณมาเข้าฝันเลยครับ
    จึงจะหาวิธีการติดต่อกับวิญญาณด้วยวิธีอื่นครับ
     
  11. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ก็วิญญานที่คุณคิดนั้นมันไม่มี จะหาทางติดต่อกันได้ยังไง
    แล้วจะไปพยายามแสวงหาสิ่งที่มันไม่มี เหนื่อยเปล่าไม่เกิดประโยชน์
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    กรณีญาติเป็นเทวดา แล้ว เราไม่ฝัน เพราะ เขาเห็นเราทุกข์ท่วมท้นอยู่แล้ว
    อีกทั้ง เวลาที่จะมีชีวิตอยู่ก็มีน้อย ไม่ใช่มาก สำหรับสายตาของเขา นี่หาก
    เรามีแวว จะมรณะก่อนวัยอันควร ก็ยิ่งมีเวลาน้อยเข้าไปใหญ่ การจะมากวน
    เพื่อ ทักทาย คงเป็นเรื่องไร้สาระ ( หากเขาเป็น เทวดา เขาคงไม่มากวน
    เราเพื่อให้เราทำบุญให้ เพราะ เขามีเยอะมากมายก่ายกองล้นพ้นอยู่แล้ว )

    และ กลับกับ สมมตินะ สมมติ สมมติว่า คนที่เราจะติดต่อด้วย เขาอยู่ต่ำกว่า
    ภพภูมิมนุษย์ขึ้นมา อันนี้ คุณ !! ก็จะเปรียบเหมือน เทวดาที่กำลังมอง
    ไปยังภพภูมิที่ต่ำกว่าว่า เป็น ของเน่า มูธ คูตร และ ทุกข์แสนสาหัสอยู่แล้ว
    อีกทั้ง ชีวิตเขาก็จะสั้นกว่าเรามาก พูดยังไม่ทันจบสองคำ เขาก็อาจจะ
    เปลี่ยนภพภูมิไปอีก เกิดตาย เกิดตาย อยู่อย่างนั้น การจะไปเสวนาด้วย
    กับสัตว์ในภพภูมิที่ต่ำมากๆ มันก็จะเป็นไปไม่ได้

    หากเขาดีขึ้นมาหน่อย เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน อันนี้ ก็หมดสิทธิ เพราะ คุย
    กันอย่างไรก็ไม่รู้เรื่อง

    ส่วนภพภูมิพวกเปรต ผีสาง นางไม้ อันนี้ ก็แล้วแต่ว่า เขาจะระลึกถึงได้
    หากเขายัง หลงวนเวียนอยู่กับเรื่อง ผูกพยายาบ ผูกในลาภ ผูกในความเพลิน
    มันก็เหมือน เด็กที่ติดเกมส์ พ่อแม่มาเรียกให้หยุดเล่น ก็ด่ากลับ กลายเป็น
    เวรกรรมเข้าไปอีก

    เช่น ในพระไตรปิฏก มีเพื่อนสองคนตายพร้อมกัน คนหนึ่งไปเกิดเป็นพระพรหม
    อีกคนไปเกิดเป็นหนอนในหลุมส้วม เพื่อนที่เป็นพระพรหมลงทุนทำสมาธิตาม
    หา พอเจอ จะไปเตือนสติ แหม!! เพื่อนที่เป็นหนอนด่ากลับเลยว่า พระพรหม
    โง่บัดซบ อยู่ในหลุมคูธนี่แหละ อาหารเพียบ สบาย !!! ก็เลยหนัก เกิดตาย
    ทับทวีเพราะไปด่าเพื่อนที่เป็นพระพรหมเข้าไปอีก

    ภพภูมิพวกเปรต ผีสาง นางไม้ เดรัจฉาน จึงต้อง รอให้เขาระลึกถึงเราเอง มาหาเอง
    เพราะเขาไม่ต้องนั่งสมาธิอะไร มาหาได้เลย

    แต่.......................

    มาหาอย่างไรหละ หากเราไม่ฝึก การรู้วิญญาณในแบบสัมมาทิฏฐิ

    ไม่ได้ฝึกการรู้เห็นตามอยาตนะ 6 หู ตา ลิ้น จมูก กาย ใจ เอาไว้ด้วยการ
    เห็นแล้วมีอุเบกขา

    ถ้าเราไม่ฝึกการรู้ทางวิญญาณ6 ตา หู จมุก ลิ้น กาย ใจ ไว้ก่อน เวลาเขา
    ระลึกถึงแล้ว เราก็ไม่รู้ กลิ่นโชยมาก็ไม่รู้ แสงแว๊บมาก็ไม่รู้ ใจระลึกถึงอยู่
    ก็สงสัย กายสัมผัสก็มัวแต่ขนหัวลุก หูได้ยินเสียงก็มัวแต่นอนไม่หลับ...
    เรียกว่า........

    ไม่ได้ฝึกการรู้เห็น วิญญาณ6 ในแบบ สัมมาทิฏฐิเอาไว้ก่อน เวลาเจอ
    ผัสสะ จิตจึงไม่มีความตั้งมั่น เป็นกลาง ต่อการเห็น ทำให้ข้ามอภิชญา
    และ โทมนัส กามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตกไม่ได้

    .............

    อีกอย่าง คุณ ก็พึงทราบด้วยว่า เวลาเราวางจิตเป็นเทวดา ไปรู้ ไปเห็น
    ไปยิน ภพที่ต่ำกว่า ด้วยพฤติจิตที่ไม่ได้อบรม จิตนั้น ย่อมพอใจ ภพ
    ภูมิมนุษย์ว่าดีกว่า จึงปฏิเสธการเห็น การรับรู้ หรือ ไม่ก็รับรู้แต่ไปปรุง
    แต่งให้เป็นไปตามความชอบใจ .....ตรงนี้เลยทำให้ คลาดการรู้
    เห็นตามความเป็นจริง

    สรุปก็คือ หากต้องการทำสมาธิติดต่อ ก็ต้องเปิด การรับรู้ และฝึกใช้
    วิญญาณฐีติ6 เหล่านี้ไว้เนืองๆ ทำให้มากๆ ก็จะรู้เห็นแจ้งโลกได้ทั้ง
    หมดเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2012
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอ่อ แต่ เชื่อไหมว่า

    สมมติว่าเรายังฝึกเปิด วิญญาณ6 พิจารณาวิญญาณฐีติ ยังไม่สำเร็จ แต่ ระหว่าง
    ทางเนี่ยะ เรา ไหว้ พระ สวดมนต์

    แค่ ลำพังสวดมนต์เนี่ยะ หากเขาแวะเวียนมาระลึกถึงเรา หรือ เราระลึกถึงเขา ตรง
    นี้ทั้งเรา และ หรือ เขา ก็ได้บุญกุศลแล้วนะ ไม่จำเป็น ต้องถามไถ่เลยว่า เธอได้
    รับหรือเปล่า.........

    ตรงนี้ ขึ้นกับ ศรัทธา แล้วนะ หาก ศรัทธาพร่อง ก็ ปฏิเสธแม้ กายกรรมง่ายๆ วจี
    กรรมง่ายๆ มโนกรรมง่ายๆ แค่ สวดมนต์ เนี่ยะ ก็ไม่ทำ ไม่หมั่นประกอบ กิจอันเป็น
    กุศลอื่นก็เป็นอัน หมดศรัทธา ไม่สำเร็จไปด้วย เป็นธรรมดา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2012
  14. aroonoldman

    aroonoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +462
    ฝึกตามแนวเตวิชโช ส่วนฝึกอย่างไรเกินวิสัยผมที่จะแนะนำ
     
  15. ลูกบัวผัน

    ลูกบัวผัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +295
    คนที่เสียไป น่าจะมีความสำคัญต่อเจ้าของกระทู้มาก
     
  16. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    วิธีง่ายๆ ไปติดต่อที่ศรีธัญญาครับ จะมีเจ้าหน้าที่แนะนำเอง
     
  17. thammakarn

    thammakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2011
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +376
    ถ้าผมจะบอกว่า "ปล่อยวาง" คุณจะเชื่อผมไหม?
    อะไรที่ผ่านไปแล้ว ก็ถือว่าผ่านไปแล้ว
    เราที่ยังอยู่ ควรปฏิบัติตนให้สมกับหน้าที่ในชีวิตให้ดีที่สุด
    หากมีโอกาสทำบุญ ก็ทำบุญอุทิศแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
    อย่ามัวพิร่ำพิไรให้เสียเวลาเลย ชีวิตนี้มันสั้นนัก
    ตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อตัวเองจะดีกว่า อีกทั้งยังมีโอกาสอุทิศส่วนบุญแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย
     
  18. jubsa13

    jubsa13 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +26
    ขอบคุณทุกท่านครับ
     
  19. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    นั่งสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบ คือ จิตตั้งมั่น ติดต่อวิญญาณไม่ได้ขอรับ
    คุณจะติดต่อวิญญาณไปทำไมกัน อยุ่กันคนละภพแล้ว ถึงคุณจะติดต่อวิญญาณได้ วิญญาณเหล่านั้น ก็ไม่สามารถสื่อสารพูดคุยกับคุณได้ดอกขอรับ
    ส่วนการปฏิบัติ เพื่อให้สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ ก็ต้องปฏิบัติธรรมจนถึงชั้น โสดาบันเป็นต้นไป ก็จะสามารถมองเห็น หรือเรียก ให้มาปรากฏให้เห็นได้ แต่ข้าพเจ้ามีคำแนะนำอย่างหนึ่งว่า อย่าไปยุ่งกับพวกสัมภเวสี หรือ วิญญาณต่างๆเหล่านั้นจะดีกว่า ขอรับ
     
  20. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราได้ปรารภความเพียร มีความเพียรไม่ย่อหย่อนแล้ว มี
    สติมั่นคง ไม่เลอะเลือนแล้ว มีกายสงบ ไม่กระสับกระส่ายแล้ว มีจิตตั้งมั่น มีอารมณ์เป็น
    อันเดียว

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรานั้นแล สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน
    มีวิตก มีวิจาร มีปิติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่

    (ถัดจากนั้น)บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งใจในภายใน
    เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิ
    อยู่ ฯลฯ

    บรรลุตติยฌาน ... บรรลุจตุตถฌาน ... เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่มี
    กิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิต
    ไปเพื่อปุพเพนิวาสานุสติญาณ ย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอักมาก คือระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สอง
    ชาติบ้าง ฯลฯ เรานั้นย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอุเทศ ด้วยประการฉะนี้

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิชชาที่หนึ่งนี้แล เราบรรลุแล้วในปฐมยามแห่งราตรี เรากำจัดอวิชชาเสียแล้ว
    วิชชาจึงบังเกิดขึ้น กำจัดความมืดเสียแล้ว ความสว่างจึงบังเกิดขึ้น ก็เพราะเราไม่ประมาท
    มีความเพียรเครื่องเผากิเลส ส่งตนไปอยู่ ฉะนั้น

    เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผ่องแผ้วไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น
    ไม่หวั่นไหวอย่างนี้แล้ว เราจึงโน้มน้อมจิตไปเพื่อรู้จุติและอุปบัติของสัตว์ทั้งหลาย

    เรานั้นย่อมเห็นสัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุปบัติเลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี
    ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรมว่า
    สัตว์เหล่านี้ประกอบด้วยกายทุจริตวจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นมิจฉาทิฏฐิ
    ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจมิจฉาทิฏฐิเมื่อตายไป เขาเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

    ส่วนสัตว์เหล่านี้ประกอบด้วยกายสุจริตวจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นสัมมาทิฏฐิ
    ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจสัมมาทิฏฐิ เมื่อตายไป เขาเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดังนี้
    เราย่อมเห็นหมู่สัตว์กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี
    ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม ด้วยประการฉะนี้

    ดูกรภิกษุทั้งหลายวิชชาที่สองนี้แล เราบรรลุแล้วในมัชฌิมยามแห่งราตรี เรากำจัดอวิชชาเสียแล้ว วิชชาจึงบังเกิด
    ขึ้น กำจัดความมืดเสียแล้ว ความสว่างจึงเกิดขึ้น ก็เพราะเราไม่ประมาท มีความเพียรเครื่องเผา
    กิเลส ส่งตนไปอยู่ ฉะนั้น

    เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจาก
    อุปกิเลส อ่อน ควร แก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ จึงโน้มน้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ
    ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
    เหล่านี้อาสวะ นี้อาสวสมุทัย นี้อาสวนิโรธ นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา เมื่อเรานั้นรู้เห็นอย่างนี้
    จิตจึงหลุดพ้นแล้ว แม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว
    ก็มีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จ
    แล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิชชาที่สามนี้แล เราบรรลุ
    แล้วในปัจฉิมยามแห่งราตรี เรากำจัดอวิชชาเสียแล้ว วิชชาจึงบังเกิดขึ้น กำจัดความมืดเสียแล้ว
    ความสว่างจึงบังเกิดขึ้น ก็เพราะเราไม่ประมาท มีความเพียรเครื่องเผากิเลสส่งตนไปอยู่
    ฉะนั้น.
    (พุทธะ)

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
    </pre>
     

แชร์หน้านี้

Loading...