วิธีดูคน ว่าใครดี ใครชั่ว

การดูคนนั้น ดูง่ายๆ โดยใช้ศีล 5 เข้าไปจับ และตรวจสอบ ว่าคนนั้นเป็นคนดีที่เราสามรถคบได้หรือไม่ และเมื่อมีคนมาปรึกษาปัญหากับเรา ก็ให้เอาศีลเข้าไปจับอีก ว่าเค้ามีปัญหาอะไรและเกิดจากอะไร หากเรารู้ว่าเขาทำผิดศีลข้อไหน ก็อาจจะแนะนำเขาให้แก้ได้ตรงจุด เรียกได้ว่า เกาถูกที่คันนั้นเอง หากเพื่อนๆมีวิธีการดูคนแบบอื่น ก็มาแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ

 

ขอถามหน่อยครับ ไม่ทราบว่าจะต้องฝึกฝนอย่างไรบ้างครับ จึงจะทำแบบนี้ได้ครับ

ขอบคุณครับ

 

เอา ศีล 5 เข้าจับ => ได้คนดี

เอาศีล 8 เข้าจับ => ได้คนดีกว่า

เอาศีล 10 เข้าจับ => ได้ดีกว่า สองข้อข้างบน

เป็นอย่างนี้หรือเปล่า ....?

ถ้าใช้ ก็เพิ่มศีล ไล่จับไปเรื่อยๆ

และเมื่อพิสูจน์ทราบดีแล้ว ก็ทำป้ายห้อยคอ เอาไปให้เขาสวมไว้

จะได้ทราบว่า
ตาคนนี้ "ประหยัดไฟเบอร์5" ผ่านมาตรฐานการรับรองโดย ...... ชื่อ-ผู้จับ ....../สามารถเอาทำผัวได้เลย !(deejai)



"...เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย

...จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว
อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเลย
ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง"

จาก ธรรมมะของท่านพระพุทธทาส ภิกขุ




...
( แต่ถ้าความเลวของเขาทำให้เราเดือนร้อน พระธรรมของท่านพุทธทาสอาจช่วยเขาไม่ได้)(deejai)

 

ดูหลายอย่างค่ะ
โหงวเฮ้งก็ช่วยได้
ดูท่าที ดูลักษณะการพูดจา(อันนี้หลอกกันได้ ถ้าเราไม่เจ๋งจริงๆ)
ดูพฤติกรรม (ต้องดูกันนานค่ะ)
แต่ที่แม่นที่สุดสำหรับติงคือเซนต์ ไม่ทราบนะ แต่มันรู้ได้เอง และไม่เคยหลอกเลย

 

ไหนลองบอกฉันหน่อยสิว่า เซนต์ของหล่อนเห็นฉันเป็นอย่างไร

 

ท่าน Numtrn กล่าวได้ดี น่าคิด...

 

"จิตมนุษย์ใช่ว่าสุดจะหยั่งคาด สรรพสิ่งสามารถค้นศึกษาได้
เพราะมนุษย์มีอุตตะมะปัญญา ต่างจากสัตว์สาราโดยทั่วไป

อยากรู้ว่าบ้ายึดในอำนาจ ลองให้อำนาจก็สิ้นซึ่งสงสัย

อยากรู้จิตคิดโลภประการใด พอให้ต้องเงินตราก็รู้กล

อยากรู้ว่ามั่นคงในศักดิ์ศรี ให้ใกล้ชิดสตรีก็เห็นผล

ใคร่รู้ว่าจิตใจใช่หรือคน กล่อมสุราและจะดลให้เห็นจริง

ใคร่รู้น้ำใจซื่อหรือว่าคด ให้ลองบทพนันเล่นเห็นทุกสิ่ง

5 ประการกลหยั่งใจได้ตามจริง รู้ให้ยิ่งกระจ่างไว้เพื่อใช้คน"


http://palungjit.org/threads/วิธีการดูคนจาก-สามก๊ก.137300/

 

ต้องขอโทษท่านด้วยนะคะ
ด้วยว่าติงเคยดูให้เพื่อนสมาชิกในกระทู้ใดก็จำไม่ได้แล้วค่ะ
ปรากฏว่างานเข้า ติงไม่เป็นอันทำงาน
เพราะมีเพื่อนๆสมาชิกมาให้ดูจำนวนมาก
ติงได้บอกไว้ในกระทู้นั้นว่าติงขอเลิกดูโดยเด็ดขาดค่ะ
แล้วติงก็เป็นคนรักษาคำพูด
และก็สอนนักเรียนในเรื่องนี้ด้วย
"ตัวอย่างที่ดี มีค่ากว่าคำสอน"
ในเว็บพลังจิต มีลูกศิษย์ของติงนับร้อยคน
จึงขออภัยท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

 

โดยส่วนตัวแล้ว ดูคนไม่ค่อยเก่งและไม่ใช่คนที่นิยมมีเพื่อนฝูงมาก ออกจะชอบแนวสันโดษกับคนในครอบครัวหรือเพื่อนไม่กี่คน
วิธีดูคน ว่าใครดี ใครชั่ว

ต้องลองคบกัน ถ้าไม่คบก็ไม่รู้
ใครนิสัยใจคอเป็นอย่างไร ต้องใช้เวลาในการศึกษา ถึงจะเห็นพฤติกรรมจริงๆ ของเขาทั้งในที่ลับและที่แจ้ง

สิ่งที่เขาแสดงออก เช่น ศีล 5 ดูได้เป็นเบื้องต้น
หรือการดูคนตามตำราสามก๊กที่เอาไว้อ่านคนเพื่อใช้งาน ก็ยังต้องใช้เวลาและสถานการณ์ต่างๆ เพื่อมาทดสอบ

สรุป ต้องลองคบและดูพฤติกรรมของเขาในสถานการณ์ต่างๆ
ดังคำที่ว่า "หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน"

ส่วนที่จะตัดสินว่าคนนี้ชั่ว คนนั้นดีจึงจะคบด้วย หรือคนนี้เราจะคบได้หรือไม่?
ดิฉันว่า คนประเภทเดียวกัน มีนิสัยคล้ายกันก็มักจะคบกันได้อยู่แล้วนะ
เช่น คนมีศีลธรรมใกล้เคียงกันหรือมีแนวคิดคล้ายกันก็ัมักจะคบกัน รวมกลุ่มกัน แต่ถ้าต่างขั้วกันก็คบกันยาก รวมกลุ่มกันยาก

 

วิธีดูคนจากสามก๊กนี่ ล้ำลึกมากนะ
แต่โดยส่วนตัวแล้วอ่านไม่จบสักรอบ
ไม่ชอบบรรยากาศของสงครามที่ต้องมีคนตายเยอะ

ย้อนรอยสามก๊กย่ำย้ำอุบาย
มากเล่ห์เหลือหลายคาดไม่ถึง
อุดมการณ์ครอบไผทใครคำนึง
วีรชนอลอึงแล้วลับหาย

โจ ซุน เล่า เจ้าอาจผงาดกล้า
ด้วยซากศพถมทางมามากเหลือหลาย
ถึงที่สุดทุกอย่างต่างเปล่าดาย
ลงท้ายแซ่สุมาครองหล้าแทน



เครดิตบทกลอนข้างต้น

สัจธรรมจากวรรณกรรมเรื่อง"สามก๊ก"

 

ถ้าเอาศีล5เข้าจับคงหาคนดีได้ยาก

 

ใช้ตาดูก้อเห็นแต่สิ่งที่ตาเห็น (ที่เค้าแสดงให้เห็น)
ถ้าดูในทันที...เพื่อเอาตัวรอด....พึ่งแค่ตาเนื้อคงยาก

หาก"ตัวเราเอง"นี้ดีจริง
คงมีอะไรแสดงให้เห็นว่า
"คนอื่น"ดีหรือชั่วอย่างไร??

 

• พึงละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
• พึงละเว้นจากการลักขโมย ฉ้อฉล
• พึงละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
• พึงละเว้นจากการพูดเท็จ
• พึงละเว้นจากการดื่มเครื่องดองของเมา


ใช่ค่ะ มันยาก
แต่ก็ยังคงต้องมี เพราะถ้าไม่มี สังคมมนุษย์มันคงยุ่งเหยิง
ดังนั้น คนที่มีศีล 5 ประจำใจ ก็คงถือได้ว่าเป็นคนดีในระดับหนึ่ง อาจพอใช้ดูลักษณะคนได้ในเบื้องต้น

ศีลมันก็คล้ายกับกฏหมายแต่ต่างกันตรงที่ ศีลเป็นข้อพึงปฏิบัติเพื่อให้สังคมสงบสุข แต่กฏหมายเป็นข้อห้ามที่มีบทลงโทษชัดเจน

มีผู้กล่าวว่า ศีลต้องสมาทานด้วยสติและปัญญา คือต้องเห็นถึงความเชื่อมโยงของเหตุและผลของการพยายามรักษาศีลข้อนั้นๆ
พูดง่ายๆ ก็คือ มองเห็นผลว่ากระทำไปแล้วจะเกิดอะไร? มีผลกับใคร?

 

กลอนของท่านพุทธทาสบทนี้ก็ชอบนะ ท่านกล่าวได้ถูกต้องตามความเป็นจริงที่สุด ตัวเราเองก็ยังมีทั้งดีและชั่ว คนอื่นก็เช่นกัน เหมือนท่านจะสอนว่า ให้เราหันมาใส่ใจกับความคิดและจิตใจของตนเองให้มากกว่าที่จะคอยเพ่งโทษผู้อื่นดีกว่า

อ่านกลอนด้านบนแล้วต้องอ่านกลอนด้านล่างนี้ด้วย เขาจัดไว้ให้เป็นคู่กัน

อย่าช่างหัวมัน
[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]
อย่าบิ่นบ้า มัวแต่อ้าง ช่างหัวมัน
ถ้าเรื่องนั้น เกี่ยวกับเพื่อน มนุษย์หนา
ต้องเอื้อเฟื้อ ปฏิบัติ เต็มอัตรา
โดยถือว่า เป็นเพื่อนเกิด - แก่เจ็บตาย

การช่วยเหลือ เหมือนช่วย ตัวเราเอง
เมื่อจิตเพ่ง- เล็งช่วย ทวยสหาย
ย่อมลดความ เห็นแก่ตัว ลงมากมาย
ทุกทุกราย อย่าเขวี้ยงขว้าง ช่างหัวมัน

เห็นแก่ตัว บางเบา ลงเท่าไร
ยิ่งเข้าใกล้ พระนิพพาน เห็นปานนั้น
รอดตัวได้ เพราะไม่มัว ช่างหัวมัน
จงพากัน ใคร่ครวญ ถ้วนทุกคน[/FONT]

เครดิต Bloggang.com :

 

อ่านความเห็นคุณ Acklorwil แล้ว ทำให้ดิฉันเห็นว่ายังมีความเป็นไปได้ที่คนต่างขั้วจะคบกันและเปลี่ยนสถานะได้ อย่างเช่น โจรพบกับพระสารีบุตรแล้วเปลี่ยนแปลงไปเพราะคบกับกัลยาณมิตร (เข้าตำราต้นร้ายปลายดี)

แล้วมีหรือไม่ ตัวอย่างในแบบที่ดีแล้วเปลี่ยนเป็นร้าย? (ดีแตก)

 

เข้ามาสัวเกตุการณ์

 

เมื่อคนในโลกหล้ารู้ว่าดีคือดี นั้นแลเริ่มไม่ดี
รู้จักความสวยว่าสวยความน่าเกลียดก็อุบัติขึ้น
มีกับไม่มี เกิดขึ้นด้วยการรับรู้
ยากกับง่าย เกิดขึ้นด้วยความรู้สึก
ยาวกับสั้น เกิดขึ้นด้วยการเปรียบเทียบ
สูงกับต่ำ เกิดขึ้นด้วยการเทียบเคียง
เสียงดนตรีกับเสียงสามัญ เกิดขึ้นด้วยการรับฟัง
หน้ากับหลัง เกิดขึ้นด้วยการนึกคิด

ดังนั้นมนุาญ์ที่แท้ย่อม กระทำด้วยหลักอกรรม
เทศนาธรรมด้วยการไม่เอ่ยวาจา
กระนั้น การงานทั้งหลายก็สำเร็จลุล่วงลง

ยังชีวิตแก่สรรพสิ่ง แต่มิได้ถือตัวเป็นเจ้าของ
ประกอบกิจอันยิ่งใหญ่ แต่มิได้ประกาศให้โลกรู้
เหตุที่ไม่ปรารถนาในเกียรติคุณ
เกียรติคุณของมนุษย์ที่แท้จึงดำรงอยู่ไม่สูญสลาย

เต๋าเต็กเก็ง

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=6Uqwa3lm2Vk&feature=related"]???????????? - YouTube[/ame]

ศีล หมายถึงความเป็นปกติ ความหมายก็คือ ข้อปฏิบัติที่มนุษย์ปกตินั้นทำกัน ประเด็นของศีลจึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับความดีหรือไม่ดีเลย
คนจำนวนมากเข้าใจว่า การที่เขาดำรงอยู่ในศีลนั้นแสดงว่าเขาเป็นคนดี และ เขาก็ทุกข์ในทุกครั้งที่รู้สึกว่า ตนไม่ได้ดำรงอยุ่ในศีลเลย
หรือก็คือ เขาไม่ใช่คนดีในมาตรฐานที่ตัวเขาเองขีดเส้นเอาไว้
ดั้งนั้นโลกใบนี้จึ่งมีคนสองจำพวก พวกแรกคือพวกที่รู้ว่าตัวเองพร่องจึ่งวิ่งหาความสมบรูณ์ เขาเข้าใจว่าตัวเองคือคนบาปดั้งนั้นเขาจึ่งต้องเอาความดีพร้อมเข้ามาใส่ตัว และเขาก็ยึดติดกับความดีนั้นโดยคิดไปว่าฉันคือคนที่ดีที่สุดดีกว่าใครๆๆทั้งปวงเพราะฉันรักษาศีลได้มากกว่า บริจาคมากกว่า ดั้งนั้นความดีของเขาจึ่งไม่ใช่ของจริงหรือไม่ก็ประชดชีวิตโดยการทำในสิ่งที่อยู่ในมาตรฐานของความไม่ดีที่เขาขีดเส้นไว้เสียเลยโดยมี ความเข้าใจว่าฉันนั้นเป็นคนบาปฉันจะทำอะไรได้ละนอกจากความชั่ว
คนพวกที่สองคือพวกที่ รู้ตัวเองอยู่แล้วว่าตัวเองดีพร้อมอยู่แล้ว และ สมบรูณ์ในสัจจะขั้นพื้นฐาน คนพวกนี้จะไม่กระทำบาปเพราะความบาปไม่ใช่วิธีชีวิตที่ปกติของเขา ทั้งจะไม่กระทำดี ด้วยไม่รู้ว่าการกระทำดีที่ตนทำอยู่ทุกๆๆวันนั้นคือการกระทำดี เพราะสำหรับเขาแล้วมันคือเรื่องปกติที่มนุษย์ควรจักทำเหมือนการทานข้าวอาบน้ำ ดั้งนั้นการกระทำดีของเขาจึ่งเป็นการกระทำเมื่อมีโอกาส เมื่อไม่มีก็ไม่วิ่งไล่ร้อนรนตามล่าความดีเสีย ด้วยเหตุนี้จึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรงคุณความดี และ ดำรงอยู่ในศีลอย่างแท้จริง

ก็เลือกเอาเอง
ละกันนะ

 

กล้วย เบญจมาศ ไผ่ หิน

 

คนชั่วดูที่นี่จ้า
สมาชิกทำผิดกฏ - PaLungJit.com

เราอาจจะเป็นรายต่อไป อิอิ

 

ได้พบคำว่า"สามก๊ก"
ก็ระลึกถึงอดีตเด็กน้อยอายุ 5 ขวบคนหนึ่ง
เขาเรียนชั้น ป.1 อยู่ 3 ปี เพราะครูใหญ่ไม่ยอมให้เลื่อนชั้น
ด้วยเหตุผลว่าเขาอายุน้อยเกินไป
(เขาเริ่มเรียนชั้น ป.1 ตอนอายุ 3 ขวบค่ะ)

ช่วงที่อยู่ชั้นป.1 นั้น เขาไปพบคุณครูประจำชั้นแล้วกล่าวกับคุณครูว่า
"คุณครูครับ ใครก็ตามหากอ่านสามก๊กยังไม่ครบ 3 รอบห้ามคิดการใหญ่นะครับ"
คุณครูประจำชั้นได้ฟังก็หัวเราะด้วยความเอ็นดูลูกศิษย์น้อยคนนี้
แล้วมาเล่าให้ติงฟัง
ติงก็ยิ้ม เพราะทราบดีว่าเขาอ่านสามก๊ก ที่มีความยาวถึง 3 เล่มหนาๆ จบหลายรอบแล้ว