จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะครูวิทย์ ท่านช่างเข้าใจเปรียบเทียบได้เห็นภาพชัดเจนดีเจงๆ เล้ยยย...สาธุ๊ค๊าาา

 

การบ้านของคุณหมอเป็นประโยชน์อย่างแน่นอนค่ะ เพราะบนกระทู้นี้มีพระอนาคามีมาเดินชมทุ่งอยู่หลายองค์ ^^

โมทนา สาธุค่ะ

สาธุ๊ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับคุณหมออุษาวดี และครูเพ็ญ ด้วยล้านครั้งเลยค่ะ ถึงแม้ว่าเกษจะยังเดินมรรคไม่ถึงอนาคามี แต่ว่าอาการและคำถามของคุณหมอนั้น ตรงและคล้ายกับเกษมากเลยค่ะ เกษเลยพลอยได้ความรู้ไปด้วยมากกกกกกเลยค่ะ สาธุ๊ ขอให้บุญใหญ่ครั้งนี้ส่งผลให้คุณหมอได้ยกจิตในเร็วไวที่สุดนี้ด้วยเถิด สาธุ

 

ยกให้นำหน้า ในฐานะUplineครับ ฮิๆๆๆๆๆ เกิดช้าผมเร่งแซงนะเอ้า(คุยกันแบบเต่าๆ เดี๋ยวไม้หน้าสามเหาะมา)

 

มาตามหาครูค่ะแงๆ...ศิษย์ผิดไปแล้วจะพยายามค่ะ
แงๆ ครูวิทย์อยู่ไหมค่ะ ศิษย์มาตามแล้วค่ะ
อ.0 ศิษย์ครูวิทย์

 

พี่เพ็ญงงอ่ะ สรุปว่าคุณปักธงชัย เรียนบนกระทู้เหรอ
งั้นก็ส่งการบ้านบนกระทู้ค่ะ
แต่จะได้แบบครูโคจรนะคะ
แต่ถ้าต้องการครูประจำอีเมลไปที่
natthapatpun@gmail.com
เดี๋ยวพี่เพ็ญจัดครูให้

ส่วนคุณทักทาย ตกลงว่าศิษย์ครูวิทย์หรือเปล่าคะ
หรือยังไม่มีครูคะ?
ถ้ายังก็ส่งอีเมลหาพี่เพ็ญ เดี๋ยวพี่เพ็ญจัดครูให้
ถ้าจะเรียนสดบนกระทู้ก็ได้
แต่การบ้านต้องเปิดเผยนะ
และไม่เอาการบ้านแบบหน่อมแน้มส่งแบบขอไปที
ต้องรายงานแบบละเอียดทุกอารมณ์ทุกอาการ

ที่เห็นพี่เพ็ญมาเดินบนกระทู้ช่วงนี้
เพราะมาเน้นสอนจิตพระอนาคามีแบบยกกลุ่ม
ยังไม่ได้มาประจำการบนกระทู้ค่ะ

พี่เพ็ญ

 

โมทนาด้วยครับ อ่านมาเดือนนึงคงได้ความรู้ไปมากโขเลยนะครับ..
แต่ก็ขอให้เป็น"หนูประเภทที่ 3" ก็แล้วกันนะครับ..

จากคำถามที่ถามมา เราสัญนิษฐานไว้2อย่างคือ
1. เป็นอาการของการเปลี่ยนระดับของฌานอย่างรวดเร็ว(ทั้งขึ้น-ลง) คือ ถ้าจิตไม่ดิ่งเร็วเกินไป (ก็เป็นจิตตกฌานถอยลงมา) ในกรณีของคุณUncleGee น่าจะเป็นดิ่งเร็วเกินไปมากกว่าตกฌาน
2. อาจจะเป็น"ปิติ" ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ฌาน มีอาการอยู่ 5อย่างตามตำรา
ขออนุญาติcopy คำสอนของหลวงพ่อฤาษีมาให้อ่านกัน..

"๓. ปีติ ความปลาบปลื้มเอิบอิ่มใจ มีจิตใจชุ่มชื่นเบิกบาน ไม่อิ่มไม่เบื่อในการเจริญภาวนา
อารมณ์ผ่องใส ปรากฏว่าเมื่อหลับตาภาวนานั้นไม่มืดเหมือนเดิม มีความสว่างปรากฏคล้ายใคร
นำแสงสว่างมาวางไว้ใกล้ๆ บางคราวก็เห็นภาพและแสงสีปรากฏเป็นครั้งคราว แต่ปรากฏอยู่ไม่นาน
ก็หายไป อาการของปีติมีห้าอย่างคือ
๓.๑ มีการขนลุกขนชัน ท่านเรียกว่าขนพองสยองเกล้า
๓.๒ มีน้ำตาไหลจากตาโดยไม่มีอะไรไปทำให้ตาระคายเคือง
๓.๓ ร่างกายโยกโคลง คล้ายเรือกระทบคลื่น
๓.๔ ร่างกายลอยขึ้นเหนือพื้นที่นั่ง บางรายลอยไปได้ไกลๆ และลอยสูงมาก
๓.๕ อาการกายซู่ซ่า คล้ายร่างกายโปร่ง และใหญ่โตสูงขึ้นอย่างผิดปกติ
อาการทั้งห้าอย่างนี้ แม้อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอาการของปีติ ข้อที่ควรสังเกตก็คือ
อารมณ์จิตชุ่มชื่นเบิกบานแม้ร่างกายจะสั่นหวั่นไหว บางรายตัวหมุนเหมือนลูกข่างแต่จิตใจก็เป็นสมาธิ
แนบแน่นไม่หวั่นไหว มีสมาธิตั้งมั่นอยู่เสมอ การกำหนดจิตเข้าสมาธิก็ง่าย คล่อง ทำเมื่อไร เข้าสมาธิได้
ทันที อาการของสมาธิเป็นอย่างนี้"

ก็คงจะประมาณนี้แหล่ะครับ..
ก็ให้สติแค่กำหนดรู้-วาง ไม่ต้องตื่นเต้นตกใจ/ดีใจ แล้วก็ทำกิจของเราต่อไป..
โดยรวมๆแล้วก็แค่เป็นอาการผลกระทบข้างเคียงของจิตเมื่อมันทรงสมาธิ แก้โดยหมั่นมีสติ ตื่นตัวอยู่เสมอๆนะครับ..

ขอให้เจริญในธรรม..สาธุ

 

ขอโทษค่ะ เป็นศิษย์ครูวิทย์ค่ะ พอดีรอครูอยู่ทางเมล
เกรงว่าครูจะไม่สบายหรือเปล่า เพราะศิษย์ท่านเยอะ
แหะๆ เกรงใจท่านค่ะ แต่ท่านหายไปเลยเป็นห่วงเลยมา
ตามบนกระทู้...แต่เข้าใจว่าภาระกิจท่านเยอะ...ยังสู้เหมียนเดิมจ้า...ขอโทษครูวิทย์ด้วยค่ะ

อ.0 ศิษย์ครูวิทย์

 

เมื่อกี้พอพิมพ์เสร็จ web ก็แสดง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาให้เห็น หายไปหมดเลย

เดิมที่เข้าใจก็แบบนี้ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ในที่สุดก็ไม่เหลีออะไร
แต่พอไปพิจารณา กับความกลัว พอเปลี่ยนจากกลัว หรือตกใจ เป็น เฉยๆ ก็เห็นว่ามันไม่เที่ยง เป็นอนัตตา เพราะสภาวะนี้ก็หายไปเมี่อหมดเหตุ แต่กรณีนี้ พิจารณา ทุกข์ ไม่ออกค่ะ รบกวนช่วยชี้แนะ

วัน สองวันนี้ ทางโลกจัดหนัก ต้องส่งงานตามเวลาหลายอย่าง แต่จะพยายามรักษาจิตไว้

สงสัยต้องส่งการบ้านดึกอีกแล้ว จะมาเล่าเรี่องเห็นความตายเป็นธรรมดาค่ะ

 

สวัสดีค่ะครูภู ครูเพ็ญ ครูดัช ครูน้องหนู ครูวิทย์ ครูลูกพลัง ครูลูกหว้า ครูนิวเวป ครูจารุณี ครูนก ครูนอร์ทและทุกท่านค่ะ

วันนี้พาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล ตามหมอนัดตรวจสุขภาพ ทุก 2 เดือน ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาถามว่าพอมีเศษสตางค์สัก 8 บาทไหม จะกลับบ้านแต่เงินหมดไม่มีเงินค่ารถกลับ ตาเหลือบไปเห็นมีรอยการเจาะเลือดที่มือยังมีคราบเลือดติดอยู่ทีสำลี จึงบอกว่าเดี๋ยวนะ จากนั้นก็เปิดกระเป๋าหยิบกระเป๋าสตางค์มา ผู้หญิงคนนั้นก็บอกว่าหิวข้าวมากเลย ยังไม่ได้กินข้าวจะเป็นลมอยู่แล้ว จึงหยิบเงินให้ไป 100บาท บอกเอาเงินไปกินข้าวนะ แล้วเค้าก็รีบไป เห็นมีหลายคนมองและพูดอะไรกัน แต่แสงจันทรเองไม่ได้สนใจเพราะถือว่าให้ด้วยใจมิได้หวังอะไร ทำให้คิดว่าชีวิตมนุษย์นี้หนอ ช่างลำบากน่าเวทนานักเกิดมาก็ต้องพบกับความทุกข์มากมาย บางวันมีความทุกข์ที่ไม่มีจะกิน ไม่มีจะใช้ในชีวิตประจำวัน บางวันมีกิน มีใช้พอประทังก็ดีหน่อย นี่คือความทุกข์ของคนประเภทที่มีรายได้น้อย ทุกๆๆอย่างไม่มีอะไรแน่นอน มีแต่ความทุกข์หนอ สุดท้ายเหลือแต่ความว่างเปล่า....เท่านั้น

 

^ ^ โมทนากับคุณแสงจันทรคะ ได้ทำทั้งจาคานุสติ และทานบารมี ดีจังเลยคะ

 

สวัสดีครับ
"เฉยๆ" ก็คือเวทนาตัวนึง (เรียกว่า"ไม่สุขไม่ทุกข์เวทนา"หรือ"อุเบกขาเวทนา"ก็ได้)
"เฉยๆ" เกิดขึ้นจากเหตุและปัจจัยจึงยังมาซึ่งความ"ไม่เที่ยง"-แปรปวนเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
"เฉยๆ" ก็ย่อมที่จะเป็น"ทุกขัง"-ไม่สามารถคงทนอยู่ในสภาวะเดิมได้ ความเฉยๆนี่ต้องเสื่อมสภาพดับสูญไปในที่สุด(คือมันหมดสภาพเฉยมันก็จะกลับกลายเป็นสภาพสุขหรือทุกข์ขึ้นมาอีกในสภาวะถัดๆไป..)
"เฉยๆ" ที่สุดมันก็เป็นอนัตตา-ไม่มีตัวไม่มีตนหรือความว่างนั่นเอง
ก็ให้พิจารณาแบบนี้..ในกรณีผู้ฝึกปฎิบัติใหม่

แต่เราว่าในกรณีของคุณอุษาวดี เมื่อถ้าพิจารณาแค่"อนิจจัง"และ"อนัตตา"หรือองค์ใดองค์หนึ่งก็แล้วแต่ แล้วจิตมันยอมละวางหรือปัญญาเห็นว่า"มันเป็นไปเช่นนั้นเอง ตามธรรมดา ตามธรรมชาติ"เองได้แล้ว.. ก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่เราจะต้องไปเข่นไปพิจารณาให้มันครบทั้ง3องค์ตามกระบวนการ(อันนั้นสำหรับมือใหม่หัดขับ) เพราะว่าจิตคุณอุษาวดีได้เจริญวิปัสสนามาพอควรและมีญาณอ่อนๆขึ้นมาได้ในระดับนึงแล้ว คือเพียงพิจารณาแค่1-2องค์จิตเราก็สามารถวางลงได้แล้ว.. พอทำไปๆจะเหลือองค์เดียว จนถึงที่สุดแทบไม่ได้พิจารณาไตรลักษณ์เลยแต่ว่าจิตเขาวางลงแล้ว.. คือแค่สติรับรู้ ปัจจัยกระทบ แล้วก็วางเลย.. (เมื่อวิปัสสนาญาณและปัญญาญาณเกิดเต็มที่แล้ว อินทรีย์ก็แก่กล้า..)

ขอให้เจริญในธรรม..สาธุ

 

สวัสดีครับคุณอุษาวดี
ขอแนะวิธีแก้ไข ก่อนที่web จะแสดงความไม่เที่ยง ไปจนไม่มีอะไรเหลือ
โดยให้คุณพิมพ์ลงในเมล์ก่อน แล้วก๊อปมาใส่ที่กระทู้
เพราะเมื่อก่อนผมโดนเล่นจนเข็ด เพราะเสียเวลาพิมพ์ตั้งนานพอส่งก็หายหมด

ถ้าคุณหมอขยันเกาะพระ เกาะกระทู้บ่อยๆ น่าจะเอาจริง
ขออวยพรให้จิตคุณหมอยกไวๆนะครับ

 

เป็นยังไงบ้างน้องเมิล
สามีเธอเป็นยังไงบ้าง? กลับบ้ารหรือยัง?
เธอเห็นทุกข์ชัดเจนหรือยัง? มีอินทรีย์แกร่งกล้าหรือยัง?
จิตเธอหลุดพ้นไปแล้วนะ สอบให้ผ่านตลอดนะ
อย่าลืมสติตนเองนะ ขนาดพระอรหันต์ท่านก็ยังไม่ลืมเจริญสติภาวนา
เพราะตราบใดเรายังมีขันธ์5 อย่าได้ประมาท
หมั่นพิจารณาสิ่งที่มากระทบจิตให้ชินเข้าไว้ เธอฝึกจิตมาดีแล้ว
อย่าตกม้าตายนะ แค่หมากตื้นๆ แค่ทุกข์เกิด-ดับเท่านั้นเอง
แต่สำหรับผู้ที่ไม่ฝึกจิต จิตก็จะตามไม่ทันกิเลส ไม่รู้เท่าทันการเกิดแห่งทุกข์
อันนี้น่าเห็นใจมาก
พยายามฝึกดูจิต/ภาวนากันต่อไป
แต่ถ้าไม่ฝึก เราก็จะรู้สึกว่าตนเองเป็นทุกข์อยู่ตลอดชีวิต
เพราะจิตไม่เข้าใจทุกข์ นอกจากเราฝึกสติมากๆ จนจิตนิ่งนิ่ง
จิตจึงจะเข้าใจ คำว่า ทุกข์
ทุกข์หนีกันไม่พ้น เพราะทุกข์นั้นก็คือ ร่างกาย หรือขันธ์ของเราดีๆนี่เอง

 

เข้าใจแล้ว "ทุกขัง"-ไม่สามารถคงทนอยู่ในสภาวะเดิมได้ เดิมเข้าใจว่าเป็นความทุกข์ แบบทุกขเวทนา
ขอบคุณค่ะ

 

สวัสดีค่ะทุกท่าน ลินดาขอเชิญชวนท่านที่เข้ามาเดินเล่นในกระทู็้นี้ แล้วยังไม่ตัดสินใจเข้ามาฝึก
อย่างจริงจัง อย่ารอช้าเลยค่ะ วันเวลาไม่เคยคอยท่า ความตายไล่ล่าล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ทุก
ลมหายใจเข้าออก
ลินดาเริ่มมาฝึกและเห็นคุณค่าของการฝึกมากขึ้นทุกๆวัน ไม่ต้องกลัวว่าฝึกแล้วคุณจะอยู๋ใน
สังคมด้วยความยากลำบากฝืนใจ ในทางกลับกันคุณจะมองทุกอย่าง อย่างเป็นความจริงมากขึ้น ยอมรับในกฏของธรรมชาติด้วยใจร่มๆ
ตัวลินดาเองยังต้องฝึกอีกมากและภายนอกก็ยังเป็นแบบเดิม มีแต่จิตเท่านั้นที่ค่อยๆเปลี่ยนไป
จากที่แค่เป็นคนที่ละอายต่อการทำบาป เป็นพวกไม่ค่อยเข้าวัด ชอบอ่านทั้งใบไม้ในกำมือและนอกกำมือ
คิดว่าตนเองไม่มีพิษมีภัยกับใคร แต่ใครจะรู้ หากสติเราไม่ดีไม่ตั้งมั่นเพียงพอ เราย่อมแพ้ต่อกิเลสได้ทุก
ขณะจิต และเป็นการแพ้ที่คุณ"ไม่รู้ตัวด้วย ด้วยความที่ขาดสติ เข้าข้างตนเองตามวิสัยที่ไม่เข้าใจ
กำแห่งกรรมอย่างแท้จริง ในโลกแห่งความเป็นจริง แม้คุณจะเบียดเบียนตนเองหรือผู้อื่นด้วยความตั้งใจ
หรือด้วยความผลั้งเผลอ คุณย่อมได้รับผลคืนสนองอย่างสมเนื้อทุกเม็ด ไม่ว่าคุณจะมีเหตุเข้าข้างตนเอง
สักแค่ไหน เราจึงต้องมาฝึกหา สติๆๆๆๆๆ
อั๋ยย ออกแนวดุๆไม่รู้ไงเรา ไปฝึกสติต่อดีกว่า อ้อ ีอีกนิดค่ะ คุณครูทุกท่านใจดีและมีเมตตามากค่ะ

 

ครูเพ็ญไปอ่านหลายๆรอบนะ แล้วจะเข้าใจว่า คุณหมอเขาหมายถึงอะไร

ไม่ทราบการบ้านนี้จะเป็นประโยชน์มั้ยนะค่ะ น้อมรับคำชี้แนะจากทุกท่านค่ะ วันนี้ซื้อน้ำบัวบกมาตุนไว้แล้ว อิอิ

ก็ครูเพ็ญนำคำถาม-ตอบเธอบนกระทู้นี้อ่ะ คุณหมอก็รับมุกครูเพ็ญเหมือนกัน(เหมือนจะกินปูร้อนท้อง) ...ยิ่งมาเจอพี่ภูช่วยยำอีกคนนึง แล้วอย่างนี้คุณหมอจะไปเหลืออะไรเล่า ฮ่าๆ
คุณหมอก็เลยประชดครู โดยการซื้อน้ำบัวบกมาตุนไว้ซะงั้น!
ม่ายด้ายประชด ซื้อจริง มีเจ้าประจำค่ะ แต่ก็เตรียมตัวไว้ด้วยเพื่อความไม่ประมาท อิอิ

นี่ครูเหมือนจะยกคุณหมอเป็นตัวอย่างของพรหมดื้อ
แต่ดื้อไปในทางที่ดี ไม่เป็นไรเน๊อะคุณหมอ คุณหมอคนเก่งที่หนึ่งเลย...เหมือนพี่ภูตบหัวแล้วลูบหลังยังไงก็ไมรุ๊...ฮ่าๆ
คราวนี้อัตตาตัวตน หรือนายมานะของคุณหมอก็เลยเผ่นกลับบ้านเก่าไม่ทันเลย
ตบได้บ่อยๆเลยค่ะ จะได้ช่วยเคาะอัตตา

คุณDhammanee จิตยังไม่ทันยกเลย เธอเล่นมาขายตรงเสียแล้ว
คือเธอขยันสร้างdown line เหมือนบริษัท แอมแอม อะไรสักอย่างนี่แหล่ะ
หนูต้องชวนเฉพาะคนมีศีล 5 ไหม เคยชวนอยู่คนหน่วยก้านดี แต่ชอบตีแมลงสาบ เลยบอกไปรักษาศีล 5ก่อน สงสัยจะได้จิตดื้ออีกเพียบ อิอิ
เรียกหมอหรือ อุษาวดีก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องพิมพ์เยอะ ท่านอื่นด้วยนะค่ะ

 

ขอบพระคุณพี่ภูมากคะ โอมยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลง่าย ๆ หรอกคะ ทำ Flap แล้วติดเชื้ออะนาน วันนี้ก็เพิ่งเข้าไปขูดเนื้อที่ทำไปแล้วไม่ติด เอาเนื้อที่ตายออก เห็นเกิด-ดับ ดีคะพี่ ไม่ต้องรอให้หมดลมหายใจร่างกายเราก็สามารถตายเป็นส่วน ๆ ได้ เห็นเนื้อที่ตายเป็นสีดำสนิท มีกลิ่นโชยออกมา เห็นทุกข์ในวัฎฎสงสารดีจริงคะพี่ เมิลก็ระลึกถึงพระบ่อย ๆ คอยถามตัวเองอยู่เรื่อย ๆ ว่าพระอยู่ไหน ช่วงไหนทำงานไม่ต้องใช้สมองมากก็จะจับภาพพระให้อยู่ตรงหน้า เมิลก็คอยบอกโอมให้ระลึกถึงองค์ปฐมบ่อย ๆ ด้วยคะ (เมิลเอารูปในมือถือให้โอมดู) แล้วก็คอยถามว่าระลึกถึงพระบ่อยไหมคะ พระเป็นสีอะไรแล้ว แต่รวม ๆ โอมเขาก็กำลังใจดีคะ ไม่ต้องห่วง ขอบพระคุณทุกๆท่านที่ให้กำลังใจ และแผ่ให้นะคะ

 

ขอส่งกำลังใจให้คุณเมิลและคุณโอมค่ะ

 

ขอส่งกำลังใจช่วยเมิลคุงและสามีนะครับ

สู้ๆนะครับ

ตราบใดที่ยังทรงขันธ์ ก้อต้องอยู่สิ่งเหล่านี้ เหล่านี้ ต่อไป

สวัสดีครับ

 

ชอบมาก...ขอยกมาอีกทีค่ะ(f)