ไม่ใช่ชาวพุทธก็ "ตรัสรู้พุทธะ" ได้ แต่ถ้าอยู๋นอก "ธรรมวินัย" ก็ยังไม่นิพพาน?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อู่หยาจื่อ, 25 กรกฎาคม 2012.

  1. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    สวัสดีครับ วันนี้ ผมยังขอปูพื้นฐานธรรม
    ในพุทธศาสนาต่อไปก่อนนะครับ เพราะ
    มันสำคัญมากทีเดียยวสำหรับท่านที่คิด
    จะไต่ระดับให้สูงขึ้นไปถึงจักรวาล ท่าน
    เจริญรอยตามพระโมคคัลลานะ ก็จะได้
    ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นนะครับ ดังนั้น ในวัน
    นี้ ผมขออธิบายคำสองคำ คือ "พุทธะ"
    และ " นิพพาน" ให้ชัดเจนขึ้นไปอีกครับ
     
  2. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    "พุทธะ" คือ วิวัฒนาการสูงสุดของจิตวิญญาณ อันเป็นสัจธรรมสากล


    กล่าวคือ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในหรือนอกพุทธศาสนา คุณก็สามารถที่จะเพิ่ม

    วิวัฒนาการของคุณถึงระดับ "จิตวิญญาณพุทธะ" ได้ มันไม่เกี่ยวว่าคุณ
    จะอยู่ในพุทธศาสนาหรือไม่? อุปมาเหมือน "บัวบาน" นั้น ไม่เกี่ยวว่าจะมี
    แสงธรรม หรืออยู่ในวงล้อมของแสงธรรมก่อนหรือไม่ ดอกบัวอาจเจริญได้
    ดีจนบานแล้วเสียก่อนจะถึงเวลาได้รับแสงธรรม ก็มี ดังนั้น คำว่า พระพุทธ
    เจ้าทรงพิจารณาบัวสี่เหล่า แล้วเลือกบัวเหล่าบน เช่น บัวบาน ก็คือ เลือก
    "ผู้ที่มีจิตวิญญาณพุทธะ" มาก่อน นั่นเอง ซึ่งไม่ต้องอธิบายธรรมอันใดก็
    มีญาณตรัสรู้ถึงนิพพานเองได้แล้ว (แต่จะได้หลังพระพุทธเจ้าๆ จะตรัสรู้
    เป็นองค์แรก แต่ไม่ใช่องค์เดียวที่ได้ญาณนี้ ก็เท่านั้น) ซึ่งในบรรดาผู้ที่ได้
    "ญาณตรัสรู้" (พุทธะ) ทั้งหมด มีพระพุทธเจ้าองค์เดียว ที่ละสักกายทิฐิ
    ได้ ท่านจึงบรรลุธรรมเป็น "อรหันตสัมมาสัมพุทธะ" ส่วนพุทธะท่านอื่นนั้น
    ไม่อาจจะทลายสักกายทิฐิได้ ต้องอาศัยบารมีของพระพุทธเจ้า จึงจะยอม
    จำนนเป็นสาวก จึงจะละสักกายทิฐิตนได้ ดังนั้น ในยุคที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
    ใหม่ๆ ท่านยังไม่ได้มีศาสนายิ่งใหญ่ คนส่วนใหญ่อยู่นอกศาสนาของท่าน
    มาก่อน จำนวนคนที่ตรัสรู้พุทธะมากมาย ก็อยู่นอกพระพุทธศาสนาเช่นกัน
    แล้วพระพุทธเจ้า จึงทำให้พวกเขาละสักกายทิฐิบรรลุอรหันต์ เข้ามาบวช
    ใน "พระพุทธศาสนา" ในภายหลัง เมื่อพวกเขาอยู่ใน "ธรรมวินัย" นี้แล้ว
    จึงมีโอกาสนิพพานได้ แต่ถ้าเขาอยู่นอกธรรมวินัย จะไม่ได้นิพพาน แต่จะ
    ได้จุติยัง "สุขาวดีโลกธาตุ" แล้วเกิดเป็นพระยูไล (พุทธะ) อยู่บนนั้นเอง
     
  3. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ศาสนาอื่นๆ ก็รู้สัจธรรมสากล หรือ "นิพพาน" นี้ได้ โดยไม่ได้อยู่ในพุทธ?


    และเพราะเหตุผลดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าพุทธะ สามารถเกิดได้นอกธรรม
    วินัย แต่ไม่อาจนิพพานได้นอกธรรมวินัย (ดังนั้น ธรรมวินัยจึงสำคัญต่อที่
    คนจะได้นิพพานหรือไม่ อย่างยิ่ง) ดังนั้น การรูถึง "สัจธรรมสากล" เช่น
    การมีญาณหยั่งรู้ได้ถึง "นิพพาน" นั้น จึงมีได้ "ทุกศาสนา" เพราะมันคือ
    "สัจธรรมสากล" เช่น บางท่านอาจเรียกในนามอื่นว่า "เต๋า" หรือไม่มีแม้
    คำจะเรียกหรืออธิบายได้ ก็มี ดังนั้น หากท่านเข้าใจว่า "สัจธรรมแท้" กับ
    "นิพพาน" เป็นคนละตัวกัน เช่น คิดว่า ธรรมะ ธรรมชาติ สัจธรรมอันแท้มี
    อยู่ก่อน แล้วพระพุทธเจ้าตรัสรู้นิพพานทีหลัง นิพพานเป็นอีกเรื่อง ธรรมะ
    ธรรมชาติ เป็นอีกเรื่อง ... ถ้าท่านเข้าใจอย่างนี้ ท่านกำลังเข้าใจผิดอย่าง
    ยิ่งแล้ว มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย นิพพานคือ สัจธรรม เป็นธรรมะ ธรรมชาติที่
    แท้จริง มีอยู่จริง มีมานานแล้วและมีอยู่ต่อไป ไม่แปรผัน ไม่ใช่เพิ่งมามี มา
    สร้าง มาตรัสรู้โดยพระพุทธเจ้าภายหลัง ก็หาไม่ ดังนั้น คำว่า "สัจธรรม"
    ก็คือ "ความจริงหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะกล่าวถึงในศาสนาใดก็ตาม" ล้วน
    เหมือนกันทั้งหมด ต่างกันแต่การใช้สมมุติบัญญัติในการอธิบายก็เท่านั้น
    เพียงแต่ว่าพวกเขาที่มีปัญญารูแจ้งในสัจธรรมและนิพพานนั้น อาจจะไม่
    รีบนิพพาน ไม่ได้อยู่ใน "ธรรมวินัย" นี้ และไม่ได้นิพพาน ก็เท่านั้นเอง ไม่
    ใช่ว่าพวกเขาจะไม่รู้ถึงสัจธรรมสากลนี้ได้ ก็หาไม่ (รู้ไม่ได้แปลว่าจะได้)
    ดังนั้น "สัจธรรมสากล" จึงเป็นสากล ไม่อาจแยกว่าเป็นของศาสนาใด ก็
    มีได้ รู้ได้ ด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่จะทำได้ถึงนิพพานหรือไม่? ก็เท่านั้นเอง
     
  4. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    พุทธะหรือพระยูไล บางองค์มาสร้างศาสนาอื่น แต่ก็รู้ถึงนิพพานเช่นกัน


    นอกจากนี้ ยังมีผู้มีบารมีธรรมมีจิตวิญญาณเป็นพุทธะจำนวนหนึ่งซึ่งไม่
    ได้มาทำหน้าที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า แต่มาสร้าง "ศาสนาอื่นๆ" ไว้
    เพื่อรองรับปวงสัตว์ที่ไม่มีบุญถึงพุทธศาสนา ก็มีได้ เป็นได้ และท่านเหล่า
    นี้ก็ล้วน "บรรลุถึงสัจธรรมสากลทั้งสิ้น" ทว่า ท่านอาจจะไม่ได้เรียกธรรม
    นั้นว่านิพพาน ก็เท่านั้นเอง ท่านได้เข้าถึงแล้ว แต่ได้ให้ธรรมไว้อีกส่วนซึ่ง
    แตกต่างจากพระพุทธศาสนา แต่เพียง "เปลือกนอก" เท่านั้น แต่แก่นแท้
    แล้วไม่ต่างกันเลย ดังนั้น "ทุกศาสนาไม่ได้มุ่งเน้นสอนให้ยึดติดว่าต้องทำ
    ความดี-ละเว้นความชั่ว-ทำใจให้บริสุทธิ์" อย่างชาวพุทธชอบเหมารวม
    อย่างนั้น ก็หาไม่ แต่ฟังให้ดี "ทุกศาสนาสอนให้ไม่หลงโลกไม่หลงติดใน
    สมมุติ เพื่อมุ่งสู่สัจธรรมสากลสูงสุด" เท่านั้น ซึ่งคำว่าสัจธรรมสูงสุดนั้นก็
    อาจมีชื่อเรียกและวิธีการเข้าถึงที่ต่างกันออกไป เช่น การที่บางศาสนามุ่ง
    ให้จิตตรงต่อพระเจ้าก่อน แล้วจะได้สถิตย์ยังสวรรค์ของพระเจ้าก็หลุดพ้น
    จากทุกข์และจากความไม่เที่ยงของโลกนี้ได้ สุดท้ายก็นิพพานได้ เช่นกัน
    แต่นิพพานด้วย "วิถีที่แตกต่างกัน" เช่น บางคนนิพพานเมื่อละสังขารบน
    โลกนี้ แต่บางคนยังต้องไปเกิดบนสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าก่อน แล้วอยู่ที่
    นั่นยาวนานระยะหนึ่ง จนถึงจุดหนึ่งก็จะนิพพาน โดยไม่ต้องลงมาเกิดอีก
     
  5. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    มนุษย์ที่มีเชื้อสายไกอาจะนิพพานบนโลก แต่ต่างดาวจะต้องกลับดาวแม่


    และเนื่องจากว่า "มนุษย์บนโลกนี้" มี "เชื้อสายทางจิตวิญญาณ" ที่ต่าง
    กัน บ้างมีเชื้อสายของไกอา (ชาวโลก) แต่บ้างก็มีเชื้อสายต่างดาว ดังนั้น
    พวกเขาจึงนิพพานในวิถีที่แตกต่างกัน กล่าวคือ มนุษย์ที่มีเชื้อสายไกอานี้
    จะนิพพานในโลกนี้ ไม่ไปยังโลกธาตุหรือดาวดวงอื่นๆ แต่กลุ่มที่มีเชื้อสาย
    จากดาวดวงอื่น หรือโลกธาตุอื่น พวกเขาจะต้อง "กลับสู่ดาวแม่" ของเขา
    ก่อน แล้วจึงจะนิพพานในดาวดวงนั้นหรือโลกธาตุนั้นๆ และเพราะเหตุนี้จึง
    มี "ศาสนาต่างๆ" ที่ไม่ใช่แต่พุทธศาสนาเท่านั้น และศาสนาหลายศาสนา
    ก็มี "พระเจ้า" และเรื่องราวของ "สวรรค์ในโลกหน้า" ซึ่งไม่ได้อยู่ในโลก
    นี้ อีกด้วย อย่างไรก็ดี ยังมี "เชื้อสายมนุษย์ต่างดาว" อีกกลุ่มหนึ่งที่มายัง
    โลกเพื่อช่วยเหลือพระพุทธศาสนา พวกเขาจึงเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับศาสนา
    พุทธมาก ก็เท่านั้นเอง แต่เมื่อพวกเขาละสังขารจากโลกแล้ว เขาจะมีวิถีที่
    ดำเนินไปข้างหน้าแตกต่างจาก "ชาวโลกที่มีเชื้อสายไกอา" หรือจะกล่าว
    ให้ชัดไปเลยก็คือ "ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของชาวโลกที่มีเชื้อสายไกอา"
    นั่นเอง ในขณะที่ศาสนาที่มีพระเจ้าทั้งหลายนี้เป็นศาสนาของชาวโลกที่มี
    เชื้อสายของ "ต่างดาว ซึ่งพวกเขาจะมี พระเจ้า" รอพวกเขา อยู่ต่างดาว
    ส่วนพระพุทธเจ้า ก็คือ ผู้มีเชื้อสายต่างดาวที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าเป็นผู้
    เหมาะสมที่จะลงมาโปรดและสร้างศาสนาให้แก่ "ชาวโลกที่มีเชื้อสายไก
    อา" นั่นเอง เรื่องเชื้อสายของจิตวิญญาณนั้น สำคัญมาก เพราะจะส่งผล
    ต่อการดำเนินไปของแต่ละท่านในวิถีที่แตกต่าง และศาสนาที่ต่างกันด้วย
     
  6. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    มนุษย์ที่มีเชื้อต่างดาวที่นิพพานบนโลกได้แก่พระพุทธเจ้าและพระปัจเจกฯ


    ยังมี "มนุษย์ที่มีเชื้อสายต่างดาว" อีกประเภทที่นิพพานบนโลก คือ มนุษย์
    ที่มีบารมีมากพอเอาตัวรอดได้เองและ "ไม่ชอบการอยู่ใต้การปกครองของ
    พระเจ้า" พวกเขาก็จะเอาตัวรอดถึงนิพพานได้เองบนโลกนี้ โดยไม่ต้องไป
    ดาวแม่ ไม่ต้องกลับไปสู่อ้อมกอดของพระเจ้าอีก ซึ่งจะมีสองแบบคือผู้ที่ได้
    ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้า เท่านั้นเอง ซึ่งคนสองแบบนี้
    ในระหว่างการเดินทางเวียนว่ายตายเกิดในจักรวาล จะมีแนวคิดซึ่งจะออก
    ไปอยู่นอกการปกครองของพระเจ้า ซึ่งมีจำนวนมากทีเดียวที่ "ไปไม่รอด"
    ก็มีและส่วนน้อยมากที่จะ "ไปรอดได้ด้วยตนเอง" ดังนั้น พระพุทธเจ้าและ
    พระปัจเจกพุทธเจ้า จึงมีได้น้อย และเกิดได้น้อยบนโลกใบนี้ แต่สำหรับผู้
    ที่ได้ "พุทธะ" แล้วยังไม่นิพพาน พร้อมทั้งยังนำพาสาวกของตนกลับไป
    ยัง "ดาวแม่" ได้ นั้น มีได้นับไม่ถ้วน เรียกว่าเป็น "หมื่นพุทธะ" ความเป็น
    พุทธะนั้น เป็นธรรมชาติเดิมแท้ของจิตวิญญาณอยู่แล้ว การกลับคืนสู่ภาวะ
    เดิมแท้ของจิตวิญญาณ จึงไม่ใช่ของแปลกใหม่ใดสำหรับจิตวิญญาณแต่
    อย่างใดเลย ดังนั้น "พุทธะ" จึงเกิดได้มากมายไม่ยากนัก บนโลกนี้ ดุจดัง
    "เม็ดทรายในมหานที" ก็ดี หรือ "บัวบาน" ที่มีอยู่มากมายในหนองน้ำก็ดี
     
  7. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    การเข้าถึงซึ่ง "พุทธะ" ไม่ใช่สิ่งที่ยากเย็น เพราะเป็นดังรากเหง้าดังเดิม


    ดังเดิมแท้นั้น จิตวิญญาณของมนุษย์ มาจาก "พุทธะ" แล้วจรท่องไปใน
    จักรวาลและภพภูมิต่างๆ เพื่อพัฒนา, เรียนรู้ และเลือกทางเดินใหม่ ของ
    ตนเอง สุดท้าย จิตวิญญาณสามารถกลับคือสู่นิพพานในรูปแบบ "พุทธะ
    หรือแบบอื่นที่เหมาะสม ก็ได้" ดังนั้น การกลับคืนสู๋ภาวะเดิมแท้ของจิตฯ
    คือ "พุทธะ" นั้นจึงไม่ยากแต่อย่างใด (แต่ไม่ได้หมายความว่าจิตนั้นคือ
    พุทธะ นะครับ) เพราะจิตเดิมแท้มาจากพุทธะแต่ไม่จำเป็นต้องเป็นพุทธะ
    เสมอไป ก็เข้าถึงซึ่งนิพพานได้ เพราะ "เลือกทางเดินใหม่ได้เอง" จึงไม่
    จำเป็นต้องยึดว่าต้องมีจิตเป็นพุทธะเสมอไป ทว่า ผู้ใดที่จะเลือกกลับคืนสู่
    พุทธะ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าความเป็นไปได้เลย ดังนั้น จะกล่าวว่าจิตนี้
    คือ พุทธะ ไปเสียเลยก็ไม่ได้ แต่ควรกล่าวว่าจิตเดิมแท้มาจากพุทธะ แต่มี
    วิธีทางเลือก สามารถเลือกทางเดินใหม่ได้มากมาย จึงไม่จำเป็นต้องกลับ
    คืนสู่ความเป็นพุทธะ ก็ได้ ก็สามารถถึงซึ่งพระนิพพานได้ เช่นกัน แต่หาก
    ผู้ใดจะกลับคืนสู่ความเป็นพุทธะ "ก็ไม่ใชเรื่องยากเกินไป" และเมื่อเข้าสู่
    ความเป็นพุทธะแล้ว "ไฉนเลย จะไม่ล่วงรู้ในพุทธวิสัยอันเป็นอจิณไตยนี้"
    ก็เมื่อเป็นพุทธะแล้ว ย่อมมีพุทธวิสัยดุจเดียวกันกับพุทธะอื่นๆ ด้วย ดังนี้ฯ
     
  8. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    สุดท้ายนี้ "พุทธะ" คือ ภาวะดั้งเดิมของจิต ไม่ยากเกินไปเลยที่จิตนั้น
    จะกลับคืนสู่ภาวะดั้งเดิมนั้น ท่านทั้งหลาย จงมีกำลังใจฮึกเหิม เพื่อที่
    จะกลับคืนสู่ภาวะเดิมแท้ของจิตนั้นเถิด แม้ไม่ถึงซึ่งพุทธะ แต่ด้วยได้
    พระบารมีของพระพุทธเจ้าสมณโคดมทรงโปรด "นิพพาน" ก็ไม่ใช่ที่
    ห่างไกล ไม่ใช่ของยากอีกต่อไป มิใช่ ไม่ยากเพราะเราดีเลิศอะไร แต่
    ที่ไม่ยากเพราะได้บารมีของพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ทรงโปรดสัตว์
    แล้ว จวบจนถึงสิ้นพุทธกาล 5,000 ปีนี้ ท่านยังมีโอกาสอยู่ ที่จะเข้า
    ถึงซึ่ง "บรมสุขอันหาสิ่งใดเทียบมิได้นั้น" เร็วเถิด อย่าได้ให้เวลาล่วง
    เลยผ่านพ้นไปเปล่าเลย สหายธรรมทั้งหลายเอ๋ย พระธรรมอันสว่าง
    ไสวนั้น ส่องสว่างกระจ่างแจ้ง แก่ท่านทั้งหลายแล้ว ความมืดมิดและ
    ความ หม่นหมองทุกข์ตรมทั้งหลาย จักพลันมลายไป โดยง่ายดาย
    สหายธรรมทั้งหลายเอ๋ย ท่านจงเร่งทำกิจอันควรให้สำเร็จสมดังความ
    ประสงค์ของท่านเถิด "พุทธะ" อยู่ไม่ไกล อยู่ที่ใจของท่าน "นิพพาน"
    อยู่ไม่ไกล อยู่ทุกที่ ทุกเวลา ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ต้องค้นหา ไม่ต้องไขว่
    คว้าแย่งชิง แต่มีค่าเหนือสิ่งอื่นใด สหายธรรมที่รักเอ๋ย มันอยู่ในท่าน
    เองอยู่แล้ว มิต้องเหนื่อยยากแลกสิ่งใดมาเลย มันเป็นของท่านอยู่แล้ว!


    ขอพลังแห่งธรรมกายนั้น จงส่องสว่างให้ท่านเบิกบานโดยพลัน สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กรกฎาคม 2012
  9. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    25 ก.ค. 2555


    "เสียงจากดั้งเดิม"
    รับสื่อสารโดย


    瑠璃王
     
  10. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=lefKBAK6HN0&feature=related]普門品頌(完整版)第一版 - YouTube[/ame]
     
  11. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
  12. wacaholic

    wacaholic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +214
    1. แตกต่างหลากหลาย (DIVERSITY)

    ไม่มีสิ่งใดเหมือนกันทุกอย่าง แม้แต่มนุษย์ก็ไม่เหมือนกัน

    2. สัมพันธ์พึ่งพากัน (INTERDEPENDENCE)

    สรรพสิ่งนั้นสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน
    องค์ความรู้แต่ละด้านไม่ได้เกิดขึ้น และดำรงอยู่ด้วยตัวเอง
    หากแต่เกี่ยวโยงสัมพันธ์กันเป็นเหตุปัจจัยของกันและกัน
    พึ่งพาอาศัยกัน เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะ ดนตรี การแต่งกาย การสร้างบ้านเรือน
    ซึ่งเชื่อมโยงกับสภาพภูมิประเทศ หรือน้ำกับต้นไม้ สัตว์กับคนที่ต้องพึ่งพากัน

    3. แปรเปลี่ยน พัฒนา ไม่หยุดนิ่ง (DYNAMIC)


    ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นและเสื่อมสลายตลอดเวลา"
     

แชร์หน้านี้

Loading...