เรื่องพิเศษ รวมก๋วยเตี๋ยว ที่ไม่ธรรมดา

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ต้นตอ" ราดหน้ากวางตุ้ง อร่อยกว่าฮ่องกง / แม่ช้อยนางรำ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>2 กรกฎาคม 2550 17:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย : แม่ช้อยนางรำ

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>"แฟนคอลัมน์ชอบถามอีชั้นว่า
ราดหน้าร้านไหนอร่อยที่สุด
ขอโทษ...โปรดอภัยขอเรียนว่า
"ราดหน้า"ร้านนี้อร่อยกว่าฮ่องกง"

อีชั้น...เพิ่งเดินทางกลับมาจากมาเก๊า เจ้าค่ะ...เจ้านายไปคราวนี้ตั้งใจไว้ว่าจะไปกินราดหน้ากวางตุ้งให้สมอยาก

แต่พอไปแล้วลมแทบใส่ ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าฝีมือพ่อครัว "มาเก๊า" ไม่เอาไหน ทั้งสูตรที่ทำส่วนใหญ่จะทำแบบ "ไหมฝัน" คือใช้เส้นหมี่ทอดกรอบแล้วจึงจะราดหน้าใส่ กินไม่อร่อย ไม่เหมือนราดหน้าของพวกฮ่องกง ที่จะผัดเส้นใหญ่ให้หอมกระทะที่เรียกว่า "วอกเฮ" ซึ่งหมายถึงกลิ่นหอมกระทะที่เหมือนเส้นจะไหม้ แต่ไม่ไหม้

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"สตูลิ้นวัว"สูตรจีนไหหลำโบราณ แต่อร่อยกว่ากุ๊กไหหลำทำ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>กลับมาถึงเมืองไทยเจ็บใจ ก็เลยคิดถึงขึ้นมาได้ว่า

มีร้านผัดราดหน้ากวางตุ้ง ฝีมือคนไทยที่อร่อยมาก แต่ร้านเก่าเขาโยกย้ายไป ไม่ได้อยู่แถวสี่แยกวังหิน ในซอยเสนานิคม ก็เลยต้องออกติดตาม จนได้ความว่า เขาย้ายมาอยู่ที่ถนนรัชดาภิเษก ย่านตัดกับถนนลาดพร้าว ที่อยู่อย่างนี้เจ้าค่ะ

ร้าน "ต้นตอ"

สถานที่ตั้ง เชิงสะพานลอยถนนรัชดาฯตัดกับถนนลาดพร้าว
เยื้องกับสถาบันตุลาการ
โทรศัพท์ 0-2938-0600, 08-1933-8322
อาหารแนะนำ ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าแบบกวางตุ้ง, สตูลิ้นวัว
สลัดเนื้อสันแบบไหหลำ, ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู
แกงป่าแบบไทย, กับเมนูหลากหลายอีกเป็น 10 รายการ
ราคาบริการ อาหารอยู่ในระดับ 45 บาทขึ้นไป
เป็นร้านติดเครื่องปรับอากาศขนาด 20 ที่นั่ง
มีที่จอดรถหลังร้าน ขายตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. หยุดวันจันทร์
มาตรฐาน หนึ่งดาวอร่อย / หนึ่งดาวสะอาดและหนึ่งดาวราคายุติธรรม

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"ราดหน้า"สูตรของจีนกวางตุ้ง แต่อร่อยกว่ากุ๊กฮ่องกง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ร้าน "ต้นตอ" นี้เป็นต้นแปลก เพราะคนขายเป็นพนักงาน "ไทยอินเตอร์" เบื่อการบิน เลยมาเปิดร้านขายอาหารแบบจานเดียว ที่ฝรั่งเรียกว่า "อะ ลา คาร์ด" ( A LA CARTE ) ที่กล้าทำเพราะว่าผ่านการกินต่างประเทศ จนมีความสามารถจดจำทำอร่อยได้เหมือนเขา ซึ่งก็ไม่เบา

เพราะร้านเปิดขายเมื่อ 5 – 6 ปีในซอยเสนานิคม มีชื่อเสียงโด่งดังจึงสามารถย้ายออกมาอยู่ถนนใหญ่

รายชื่ออาหารที่อีชั้นแนะนำรับรองว่าเจ้านายจะต้องถูกใจ เพราะว่าเจ้าของร้านทำเอง ร้านนี้ไม่มีลูกจ้าง บริการจะช้าแต่อร่อยทุกจาน

ขออธิบายให้เจ้านายเข้าใจสั้น...สั้น ก่อนที่จะไปกินฝีมือของร้าน "ต้นตอ" ให้ได้รู้ว่า

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู" สูตรของคนไทย แต่อร่อยแม่ครัว-พ่อครัวไทยทำ เพราะเป็นสูตรประจำร้าน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>เจ้าของร้าน พ่อครัวประจำร้าน คนเสิร์ฟบริการ รวมไปทั้งคนคิดสตางค์ เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เพราะฉะนั้นจะต้องเรียกว่าเป็นร้านอาหารแบบ "ภายในครอบครัว"

ทำขายไม่ได้คิดจะร่ำรวยอะไร เพียงแต่เป็นศิลปินที่ชอบสำแดงฝีมือให้คนปรบมือให้

ถ้าเกิดถูกอกถูกใจ เจ้าของร้านซึ่งก็หมายถึงพ่อครัวด้วย เป็นจิตรกรวาดรูปสีน้ำ สีน้ำมัน รวมทั้งอาครีลิค บางทีจะยกรูปที่วาดประดับร้านให้เจ้านายฟรี

...ปัญหาก็มีอยู่เพียงว่า เขาทำอาหารให้เจ้านายได้ถูกปาก แต่เจ้านายทำอะไร ให้เขาได้ถูกใจได้ เท่านั้นเองเจ้าค่ะ...เจ้านาย
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับไข่ดาวรสเด็ด อร่อยไอศกรีมโคน หวานชื่นใจ
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->
วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 เวลา 09:21 น.

<TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อสมัยผมเด็ก ๆ ก็หลายสิบปีมาแล้วนะครับ คุณพ่อผมจะพาไปกินอาหารแถวซอย อโศกบ่อย ๆ เพราะจะมีร้านประจำอยู่ ร้านหนึ่ง ร้านนี้ชื่อ “อาเล็กราชวงศ์” ซึ่งย้ายมาจากย่านราชวงศ์ มาอยู่ที่ซอยอโศก เมื่อสมัยก่อนนี้โดยมากแล้วเวลาไปที่ร้านนี้ผมจะชอบกินไอศกรีมโคน โดยจะมาเสิร์ฟให้กินในรถเลยนะครับ ทั้งก๋วยเตี๋ยวหรืออะไรต่าง ๆ ก็เสิร์ฟให้กินในรถเช่นกัน ทางร้านจะมีถาดสำหรับวางอาหารมาเสียบ หรือวางพาดไว้ที่หน้าต่างของประตูรถของเรา แล้วพนักงานจะนำอาหารมา เสิร์ฟ เมื่อสมัยก่อนกรุงเทพฯ อากาศไม่ร้อนเท่านี้ อากาศดีมากเพราะมีต้นไม้ใหญ่น้อยเต็มไปหมด เพราะฉะนั้นนั่งในรถ เปิดหน้าต่าง กินอาหารไปด้วยทั้งมีความสุขและสนุกสนานตามประสาเด็ก ๆ นะครับ

แต่มาในปัจจุบันนี้ไม่มีอย่างนั้นแล้วและร้านอาเล็กราชวงศ์ได้ย้ายมาอยู่ที่ซอยโชคชัยร่วมมิตร ถนนวิภาวดีรังสิต 16 แถวดินแดง ใกล้ ๆ การบินไทยแล้วนะครับ แต่ว่ายังมีอาหารเดิม ๆ ที่ผมเคยกินมาตั้งแต่เด็ก ๆ เสิร์ฟอยู่ อย่างเช่น ก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับไข่ดาว เป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ แล้วมีเนื้อสับที่นำไปผัดกับผงกะหรี่นิดหน่อย ให้หอม ๆ ใส่มะเขือเทศด้วย เสร็จแล้วนำไปราดบนก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ที่มีผักกาดหอมอยู่ในนั้นด้วย ยังมีไข่ดาวทอด ที่ต้องทอดแบบไม่สุกมากยังเป็น ยางมะตูมอยู่ ทางร้านจะมีเครื่องเคียงมาให้ปรุง จะใส่น้ำส้ม น้ำปลา พริกป่น ใส่น้ำตาล แล้วแต่เรา เวลากินผมจะเจาะไข่แดงของไข่ดาวให้แตกไหลเยิ้มไปทั่ว เพื่อคลุกเคล้าให้ได้ความมัน ความหอมของไข่แดงไงครับ แล้วกินเข้าไปทีละคำ ๆ มีความสุขจริง ๆ เลยครับ

ยังมี ข้าวราดหน้าไก่ไข่ดาว ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของร้านอาเล็กราชวงศ์ที่ คิดค้นขึ้นมาเองเลย โดยใส่หน่อไม้กับเห็ดลงไปด้วย มีไข่ดาววางมาข้างบน อร่อยดีนะครับ

ที่ร้านนี้ถ้าถามถึงบะหมี่ไม่ต้องห่วงเพราะที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องบะหมี่อยู่แล้ว บะหมี่แห้งราชวงศ์ ครับ เมื่อสมัยก่อนมีก้ามปูอยู่ในนั้นด้วยนะ แต่สมัยนี้ไม่แน่ใจว่ายังมีอยู่รึเปล่า แต่ที่มีแน่ ๆ คือ เซี่ยงจี๊ ซึ่งผมชอบกินเพราะเขาลวกได้ดี ไม่สุกจนเกินไปยังกรอบ และไม่เหม็นคาว แต่หอม หวาน และที่สำคัญตัวเส้นบะหมี่นั้นเหนียว นุ่มอร่อย

แล้วเขายังมี ไส้หมูทอด จิ้มกินกับน้ำซีอิ๊วดำอร่อยดี ยังมี หน่อไม้ทะเล ที่เป็นอาหารจีนขึ้นเหลาเมื่อสมัยก่อน มี หอยนางรมแป้งกรอบ คือ ทอดแป้งให้กรอบและบางมาก ๆ วางไว้แล้วนำหอยนางรมมาราดลงไปบนแป้งกรอบ ๆ อร่อยจริง ๆ เลยครับ นอกจากหอยนางรมแป้งกรอบแล้ว ยังมี หอยนางรมจานร้อน โดยเสิร์ฟมาในจานที่เป็นเหล็กเพื่อให้รักษาความร้อนไว้ได้นาน นอกจากหอยนางรมแล้ว ยังมีหอยแมลงภู่อีกนะครับ เป็น หอยแมลงภู่ทอดมาในแป้งกรอบ ทอดมาเป็นแพ ๆ นะครับ ทอดได้กรอบอร่อยดี แต่แป้งอาจจะหนาไปนิดนะครับ

มาถึงอาหารจานเด็ดอีกจานคือ อีหมี่ทอด ซึ่งอีหมี่อร่อย ๆ หากินยากมากเลยนะครับในเมืองไทย อีหมี่ คือ การนำเส้นบะหมี่ เป็นเส้นแบบพิเศษมาทอดในน้ำมันร้อน ๆ ทอดแค่แป๊บเดียว แล้ว สะเด็ดน้ำมัน นำไปใส่ในกระทะ ใส่น้ำซุปเข้าไป ต้มจนกระทั่งแห้ง ข้างนอกจะกรอบ แล้วนำมาทอดออกมาเป็นแพ เวลากินต้องกินกับจิ๊กโฉ่และน้ำตาลทรายโรยลงไป อาหารจานนี้ผมต้องไปกินที่ฮ่องกงนะถึงจะอร่อย แต่ว่าถ้าไม่มีเวลาไป ให้แวะไปกินอีหมี่ที่ร้านนี้ก่อนก็ได้ครับ

ของหวานยังมีไอศกรีมโคนให้กินเหมือนเดิมเลยนะครับ อาเล็กราชวงศ์มีชื่อเกี่ยวกับเรื่องไอศกรีมมานานมากนะครับ เป็นไอศกรีมโคนรสกาแฟที่ผมจำได้ว่าเป็นไอศกรีมกาแฟอันแรกเลยที่ผมได้กินในประเทศไทย ในชีวิตเลย แล้วติดใจมาตลอด เพราะว่ากาเฟอีนเยอะมาก ไม่หวานจนเกินไป มีความหอม น่ากินจริง ๆ เลย ผมแย่งกับน้องชายผมหลัง รถเนี่ยล่ะ

อย่างไรก็ตามรสชาติอาหารของอาเล็กราชวงศ์ยังเหมือนเดิมอยู่ เหมือนเมื่อสมัยผมยังเด็ก ๆ อยู่เลยครับ ไปที่นั่นแล้ว ทำให้นึกเลยว่าตัวเองนี่ก็แก่มากเลย เพราะว่าสมัยนี้ไม่มีอะไรแบบนี้ให้เราได้นั่งในรถแล้วมีถาดที่หน้าต่างของประตูหน้า หรือประตูหลัง ไม่มีพนักงานเสิร์ฟ ซอยอโศกไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ไปที่ร้านนี้ทีไรก็ทำให้ผมรื้อฟื้นถึงความหลังได้ตลอด ใครที่อายุเท่า ๆ กับผมแล้วอยากไปย้อนรำลึกถึงความหลังสมัยยังเด็ก ๆ ให้ลองแวะไปที่ร้านนี้กันดูนะครับ.

หมึกแดง​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<!-- / message --><!-- sig -->
<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>"ก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับไข่ดาว"</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>"ข้าราดหน้าไก่ไข่ดาว"</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>"หน่อไม้ทะเล"</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>"หอยนางรมจานร้อน"</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>"หอยนางรมแป้งกรอบ"</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>"ไส้หมูทอด"</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>"อีหมี่ทอด"</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>"ไอศกรีม"</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="VERTICAL-ALIGN: top; TEXT-ALIGN: left"><TABLE id=Table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=message-bold>คอลัมน์ย้อนหลัง</TD></TR><TR><TD><TABLE id=ctl00_ContentPlaceHolder1_ctl00_Popup_news_15_oldcolumn1_dlsOColumn style="WIDTH: 100%; BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top></TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">ก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับไข่ดาวรสเด็ด อร่อยไอศกรีมโคน หวานชื่นใจ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top></TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">อร่อยอาหารทะเลสด ๆ ปลา กุ้ง หอย ปู ปลาหมึก เนื้อแน่น ๆ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top></TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">ชิมอาหารปักษ์ใต้ หลากหลายความอร่อย
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top></TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">สารพัดอาหารทะเล อร่อย...บรรยากาศดี
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top></TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">เมี่ยงปลาช่อน น้ำจิ้มรสเด็ด อร่อยปลากะพงห้ารส
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top></TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">สารพัดอาหารเหลา อร่อยสไตล์แต้จิ๋ว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top></TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">หลากหลายอาหาร เทศกาล Passover ของชาวยิว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top></TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">อร่อยก๋วยเตี๋ยวหมูตำลึง กรอบ มัน กับกล้วยแขกทอด
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top></TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">‘ฮาร์ต-คอร์ เบเกอร์’ เค้กครีมนุ่ม
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top></TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">ชิมข้าวมันไก่ น้ำจิ้มเด็ด อร่อยแซบส้มตำลาว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- / message --><!-- sig -->

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">เจ้าพ่อ (เส้น) เซี่ยงไฮ้ อร่อยโอชารส แน่นเหนียว เคี้ยวหนึบหนับ
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>

​

พูดถึงเส้นเซี่ยงไฮ้ หลายคนอาจจะไม่ คุ้นเคย แต่สำหรับคนที่หลงใหลในความกรอบ แอนด์ เหนียว เวลาเคี้ยวแสนจะหนึบหนับ เจ๊ขอพามาทำความรู้จักกับ “เฮียสุวัฒน์” พี่ใหญ่แห่งร้าน “อร่อยโอชารส” ร้านเก่าแก่ที่ คร่ำหวอดอยู่ในวงการเส้นก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้มานานกว่า 30 ปี!
“ร้านเราทำเส้นเซี่ยงไฮ้ ขายอยู่แล้ว ทำกันเอง เมื่อก่อนเราก็ขายแค่ผัดเซี่ยงไฮ้อย่างเดียว ไม่มีเมนูอื่นๆ แต่ไปๆมาๆเราก็เลยคิดว่า ลองเอาเส้นเซี่ยงไฮ้ มาดัดแปลงเป็นเมนูอื่นๆให้มีความหลากหลายมากขึ้น ลูกค้า จะได้ไม่เบื่อ” เส้นเซี่ยงไฮ้ของเฮียสุวัฒน์จะไม่แข็งกระด้าง หรือหนาเตอะ จนไม่น่าทาน สีไม่เขียวจัดจ้านจนสะท้านกระเพาะ แต่จะเหนียว หนึบ กรึบ กรอบ มีสีเขียวใส ไม่อันตราย เฮียใช้แป้งถั่วเขียวอย่างดีชงกับน้ำร้อนแล้วนำไปใส่ซึ้งนึ่งจนสุก ค่อยลอกออกมาแผ่เป็นแผ่น ทิ้งไว้จนเย็น จึงนำมาตัดเป็นเส้นๆ และใช้ ประกอบอาหาร โดยทั่วไปเส้นเซี่ยงไฮ้จะเก็บไว้ได้ 4-5 วัน แต่เฮียสุวัฒน์จะไม่เก็บทิ้งไว้ ค้างคืนจนกลืนไม่ลง เฮียจะทำเส้นใหม่ทุกวัน การันตีไม่มีเสียรส

​

เมนูเส้นเซี่ยงไฮ้ที่เฮียสุวัฒน์ดัดแปลงขึ้น มีทั้งเซี่ยงไฮ้ผัดขี้เมา เซี่ยงไฮ้คั่วแห้ง ยำเซี่ยงไฮ้ และเซี่ยงไฮ้น้ำกุ้ง แต่ที่ฮอตฮิตติดใจ สาวกเซี่ยงไฮ้มากที่สุดคือ เซี่ยงไฮ้ผัดขี้เมา ด้วยความเข้มข้นครบเครื่องขี้เมาผัดกับเส้นเซี่ยงไฮ้จนเข้าเนื้อ ผัดได้แห้งกำลังดี โซ้ยกี่ทีสุดแซบ
เฮียสุวัฒน์เผยเคล็ดลับในการขยับตะหลิวที่ทำให้เส้นเซี่ยงไฮ้แห้งได้กำลังดี มีเทคนิคง่ายๆคือ“คนผัดต้องใจเย็น แต่ ไฟต้องร้อน” ความร้อนของไฟต้องร้อนแบบ ไต่ระดับ เริ่มจากใส่เครื่องชุดแรกไฟต้องอ่อน และเร่งให้แรงขึ้นเป็นไฟปานกลาง จากนั้นค่อยเร่งจนแรงสุดๆ การเร่งไฟใส่เครื่องต้องสัมพันธ์กัน จึงจะได้เส้นเซี่ยงไฮ้แห้งดั่งใจ

​

สำหรับคนที่ไม่ชอบรสจัด เฮียสุวัฒน์มี “เซี่ยงไฮ้คั่ว” เป็นเมนูเบบี๋ ใช้เส้นเซี่ยงไฮ้ ผัดกับเครื่องเดียวกับขี้เมา แต่ไม่เผ็ด ไม่เลี่ยน ไม่มัน และหอมกรุ่น เป็นเมนูดั้งเดิมที่ยังยืนหยัด อยู่คู่ร้านมานานแสนนาน และยังเป็นจานเด่นที่หลายคนติดอกติดใจ ไปกี่ครั้งเป็นต้องโซ้ย
เมนูลื่นคอที่เหมาะกับการซด มีรสกลมกล่อมคือ “เซี่ยงไฮ้ น้ำกุ้ง” เฮียสุวัฒน์ใช้กระดูกหมูต้มกับฟัก และนำกระเทียม พริกไทย รากผักชี ต้นหอม มาใส่ในผ้าขาวบางแล้วนำไปต้ม ทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนเปิดร้าน ระหว่างขายเปิดไฟอุ่นไว้อีก 2-3 ชั่วโมง น้ำซุปที่ร้านหวานจับใจ ใสแจ๋ว ไม่ขุ่นหมอง ซดร้อนๆแสนชื่นใจ วิธีทำเซี่ยงไฮ้ น้ำกุ้งนั้นง่ายแสนง่าย แค่ ลวกเส้นเซี่ยงไฮ้ใส่ชาม ลวกกุ้งใส่ โรยกระเทียม ผัก ขึ้นฉ่าย และใส่น้ำแกง แค่นี้เป็น อันสำเร็จเสร็จสิ้น นอกจากอาหารที่ทำจากเส้นเซี่ยงไฮ้แล้ว ที่ร้านยังมีเมนูเด่นอื่นๆอีกมากมาย แต่ที่ ถูกใจสาวใสผู้ใส่ใจในสุขภาพอย่างเจ๊ก็คือ “เต้าหู้ทรงเครื่อง” เมนูนี้ได้ แรงบันดาลใจมาจากพ่อของเฮียสุวัฒน์ที่ชอบเต้าหู้เป็นชีวิตจิตใจ เฮียเลยลงมือสร้างสรรค์เมนูเต้าหู้ให้อร่อยล้ำไม่จำเจ เฮียใช้เต้าหู้ไข่หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ นำไปทอดจนเหลือง วางพักไว้ แล้วนำเนื้อปู แปะก๊วย แป้งมัน มาผัดกับน้ำซุป ใส่แครอต ต้นหอม และเห็ดหอม แล้วปรุงรสให้กลมกล่อม ราดลงบนเต้าหู้ที่ทอดแล้ว ความเข้มข้นของน้ำราดจะซึมซาบเข้าไปในเต้าหู้ พอตักเข้าปากแล้วไม่อยากหยุด เมนูนี้เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย และไม่อ้วนนนนนน...
เต้าหู้ของที่นี่ทอดได้กำลังดี ไม่มีอม น้ำมัน คนทอดต้องมีความชำนาญและอาศัยประสบการณ์โดยเฉพาะ เฮียสุวัฒน์ ต้องจัดสรรคนทอดไว้รอหน้าเตา มีเมนูเข้าเริ่มทอดทันที ไม่ทอดทิ้งไว้ให้เหี่ยวเฉาเศร้าจิต โซ้ยแล้วจะติดใจ!!
เมนูสุดท้ายที่หลายคนเห็นชื่อเป็นต้องสงสัยคือ “ข้าวผัดคุงกัง” ข้าวผัดชื่อแปลก มีที่มาจากเพื่อนสนิท 2 คนที่เป็นลูกค้าประจำ กินเมนูซ้ำๆจนเบื่อ เลยขอให้เฮียสุวัฒน์ทำข้าวผัดแบบพิเศษ คือใส่ของที่อยากกิน และปรุงรสให้ได้ดั่งใจ ทำไปทำมาจนถูกใจ มาทีไรเป็นต้องสั่ง หลังๆเฮีย สุวัฒน์เลยตั้งชื่อให้โดยใช้ชื่อของเจ้าของสูตรคือ “เฮียคุง” และ “เฮียกัง” รวมกันเป็นข้าวผัด “คุงกัง” ใครอยากรู้ว่าเฮียคุงกับเฮียกังชอบกินอะไรลองสั่งมาแล้วจะรู้เอง (หุหุ)
ร้านอร่อยโอชารสบริหารกันเองในครอบครัว โดยมีเฮียสุวัฒน์เป็นหัวเรือใหญ่ ร้านตั้งอยู่ที่ถนนลาดหญ้า ถ้ามาจากวงเวียนใหญ่ มาตามป้ายลาดหญ้า ผ่านหน้าโรบินสัน จะเห็นร้านอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงสี่แยกไฟแดง ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10 โมงครึ่ง ถึงบ่ายสองโมง แล้วปิดร้านพัก เปิดอีกทีตอน 5 โมงเย็น ถึงประมาณ 4 ทุ่ม สำหรับคนที่ขี้เกียจขับรถ โทร.มาสั่งได้ที่เบอร์ 0-2437-3069 และ 0-2438-6869 เฮียมีมอเตอร์ไซค์ไปส่ง เก็บเงินค่ารถปลายทาง
ร้านจะหยุดทุกวันอาทิตย์ที่ 2 และ 3 ของเดือน ใครที่อ่านแล้วอยากกินต้องอดใจรอวันจันทร์ ถ้าไปวันนี้จะมีเก้อนะจ๊ะ
ขาโซ้ยที่ชอบรสเข้มข้นแอบกระซิบเฮียสุวัฒน์ให้เพิ่มความจัดจ้านได้ตามต้องการ เพราะอาหารส่วนใหญ่จะมีรสชาติกลางๆ ค่อนไปทางจืด ตามความชอบของลูกค้าส่วนใหญ่ แต่ถ้าใครบอกก่อนเฮียจัดให้ไม่มีหน้าหงิกหน้างอ!!

เจ๊แซบ หัวเขียว​

</TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.thairath.co.th/news.php?section=specialsunday04&content=53176</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อร่อยก๋วยเตี๋ยวหมู ชิมเหงือกหมูลวกหากินยาก
<TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>ขาหมู</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>เป็ดย่าง</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>เหงือกหมูลวก</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>เส้นเล็กน้ำใส่เครื่องในหมู</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>หมูกรอบ</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>หมูแดง</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>เส้นเล็กแห้งใส่เครื่องในหมู</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>หมูกรอบและเป็ดย่าง</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR><TR><TD class=message-normal style="HEIGHT: 10px" vAlign=top align=middle><SCRIPT type=text/javascript>// URLs of slidesvar slideurl = new Array('http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/7/20/42965_40651.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/7/20/42965_40652.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/7/20/42965_40653.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/7/20/42965_40654.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/7/20/42965_40655.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/7/20/42965_40656.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/7/20/42965_40657.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/7/20/42965_40658.jpg') ;// Comments displayed below the slidesvar slidecomment = new Array('ขาหมู','เป็ดย่าง','เหงือกหมูลวก','เส้นเล็กน้ำใส่เครื่องในหมู','หมูกรอบ','หมูแดง','เส้นเล็กแห้งใส่เครื่องในหมู','หมูกรอบและเป็ดย่าง');var picNo = new Array('0','1','2','3','4','5','6','7');var i;var j;var picturecontent=''function poppic(ncId,NewsType,picNum){window.open('../../html/popup_news/popup_news_popuppic.htm?' + slideurl[picNum] + '?Daily News Online : Food','','resizable=1,HEIGHT=200,WIDTH=200');}function createtable(){picturecontent ='<table width=100% cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0>' ;for (i=0;i<=(slideurl.length-1);i++) {picturecontent +='<tr>' ;picturecontent +='<td vAlign=top align=center>' ;picturecontent += '';picturecontent += '' ;picturecontent += '</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;picturecontent +='<tr>' ;picturecontent += '<td class=messageblack vAlign=middle align=center height=20>' ;picturecontent+=slidecomment ;picturecontent +='</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;}picturecontent+='</table>' ;document.getElementById("hlblTable").innerHTML=''+picturecontent+'';}createtable();</SCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top>สัปดาห์นี้ร้านที่ผมจะเขียนถึงนั้น ยังเป็นร้านที่อยู่ในจังหวัดนครปฐมต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้กลับไปชิมอาหารที่ “ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเชลล์ไม่เคยชิม” ซึ่งผมได้ชิมไว้เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว และยังจำได้ว่าที่ข้าง ๆ ร้านก๋วยเตี๋ยวจะมีร้านขายข้าวเหนียวปิ้ง ที่คุณพ่อของผมเคยไปชิมไว้นานมาแล้ว ตอนนี้ยังมีขายอยู่

กลับไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเชลล์ไม่เคยชิมครั้งนี้ ร้านยังตั้งอยู่ที่เดิม ใหญ่โตเหมือนเดิม ร้านสะอาดตา แต่ที่ป้ายชื่อร้าน ตอนนี้มีวงเล็บต่อท้ายไว้ด้วยว่า (เชลล์ชิมแล้ว) ส่วนรสชาติอาหารจะยังอร่อยเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่านั้น เดี๋ยวผมจะเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ที่ร้านมีอาหารหลายอย่างเพิ่มขึ้นมา อย่างเช่น ขาหมู หมูกรอบ เป็ดย่าง และหมูแดง และที่มีอยู่แล้วคือก๋วยเตี๋ยวเครื่องในหมู ยังขายดิบขายดีอยู่เหมือนเดิมนะครับ

ผมขอพูดถึงอาหารใหม่ ๆ ที่ทางร้านทำขึ้นมาเพิ่มก่อน เริ่มที่ ขาหมู รสชาติอร่อยดี ความจริงแล้วขาหมูสูตรของจังหวัดนครปฐมอร่อยขึ้นชื่ออยู่แล้ว รวมทั้ง เป็ดย่าง หมูกรอบและหมูแดง ด้วยนะครับอร่อยทั้งนั้น และที่สำคัญสั่งข้าวหมูแดงหรือข้าวหมูกรอบของร้านนี้ รับรองอิ่มพุงกางออกจากร้านไปแน่นอน เพราะว่าให้เยอะมาก ไม่เหมือนในกรุงเทพฯ เลยนะครับที่สั่งจานเดียวมายังไม่รู้สึกอิ่มเลย ผมต้องสั่งเบิ้ล 2 จานขึ้นไปทุกที

มาถึงอาหารที่เป็นของขึ้นชื่อและเป็นสิ่งที่ผมชอบกินมากเสียด้วยสิครับ คือ เหงือกหมูลวก ซึ่งหากินที่ร้านอื่นยาก โรยกระเทียมเจียวและผักชีมาให้ด้วย เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมหวนชวนกิน แล้วต้องกินตอนที่ลวกมาให้ใหม่ ๆ กรุบ ๆ กรอบ ๆ จิ้มกินกับน้ำจิ้มเปรี้ยว ๆ เผ็ด ๆ เค็ม ๆ เข้ากันดีมาก อย่าลืมนะครับไปที่ร้านนี้ให้ลองสั่งเหงือกหมูลวกมากินดูนะครับ รับรองว่าคุณจะต้องติดใจเหมือนผม

หลังจากนั้นสั่ง ก๋วยเตี๋ยวหมู มาชิมต่อ มีเส้นเล็กน้ำใส่เครื่องในหมูมาให้เต็มชาม มีเกือบครบทุกอย่างที่เป็นเครื่องในหมู และไม่ต้องกลัวว่าเครื่องในจะเหม็นคาว เพราะว่าใช้เครื่องในที่สด ทำความสะอาดมาอย่างดีและลวกได้สุกพอดี ตัวเครื่องในไม่แข็งกระด้างหรือมีรสขมเลยโดยเฉพาะตับ และที่สำคัญไม่มีกลิ่นเหม็นคาวครับ หรือถ้าใครที่ไม่ชอบกินเครื่องในหมู แต่ชอบกินหมูบะช่อจะสั่งมากินก็ได้นะครับ เพราะที่นี่เขาก็ทำให้ได้
เคล็ดลับความอร่อยของก๋วยเตี๋ยวของที่นี่ไม่ได้อยู่ที่เครื่องในหมูอย่างเดียว แต่ยังอยู่ที่ตัวน้ำซุปที่ทำได้รสชาติกลมกล่อมดีเหลือเกิน เพราะทำจากกระดูกหมู ทำให้มีกลิ่นหอมและได้ความหวานจากกระดูกหมู เวลากินอย่าเพิ่งปรุงรสนะครับให้ชิมเสียก่อน แล้วคุณจะรู้ว่ามันอร่อยหรือไม่อร่อย

ส่วนเส้นเล็กแห้งอร่อยใช้ได้ เวลากินผมจะตักน้ำซุปมาใส่ลงไปให้มีน้ำขลุกขลิกแล้วปรุงรสเอาเองตามสบาย ยังมี ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟเส้นปลา ซึ่งที่ร้านบอกกับผมว่าขายดิบขายดีมาก เป็นก๋วยเตี๋ยวที่ขายหมดก่อนอย่างอื่นเลย เพราะเส้นปลาของเขานั้นอร่อยจริง ๆ เส้นไม่ใหญ่จนเกินไป ไม่เหม็นคาว และลวกได้พอดี เส้นเหนียวนุ่มกำลังดี ใส่ลูกชิ้นปลาลูกใหญ่ ใส่ปลาหมึกกรอบมาให้ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าใครที่ชอบกินก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟเส้นปลา แล้วล่ะก็ ต้องรีบไปก่อนเที่ยงนะครับ มิฉะนั้นอาจจะพลาดของอร่อยไปนะครับ

วันที่ผมไปชิมนั้น ผมไปที่ร้านนี้เป็นร้านที่สองแล้ว เลยอิ่มไปเสียก่อน ยังกินได้ไม่ครบหมดทุกอย่าง แต่ว่าไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะกลับไปกินที่ร้านนี้อีก เพราะว่าอยู่แค่นครปฐมแค่นี้เอง ผมเกือบลืมบอกเพื่อน ๆ ไปว่า ที่ข้าง ๆ ร้านก๋วยเตี๋ยว มีร้านขายขนมไทย อย่างพวก ข้าวเหนียวปิ้ง ที่อร่อย ซึ่งคุณพ่อของผมท่านเคยไปชิมไว้ให้แล้ว วันนั้นผมได้ลองซื้อใส่กล่องกลับมากินที่บ้านด้วย ปรากฏว่าอร่อยครับ เค็ม หวาน มัน ตัวข้าวเหนียวก็นุ่ม ไม่แข็ง หอมกลิ่นใบตองและกะทิ มีหลากหลายไส้ให้เลือกได้ตามใจชอบด้วยนะครับ อย่างเช่น ไส้กล้วย ไส้เผือก ไส้มัน เป็นต้น

สรุปแล้วลองแวะไปชิมกันดูนะครับ รับรองว่าหาเหงือกหมูลวกกินที่ร้านอื่นแบบนี้ยาก เครื่องในหมูสดอร่อยจริง ๆครับ ไว้ไปเจอกันที่ร้านนี้นะครับ.

หมึกแดง​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Columnid=42965&NewsType=2&Template=1

 

ขอก๋วยเตี๋ยวแบบธรรมดา มั่งมีมั๊ย
แบบไม่ธรรมดา(พิเศษ) มันแพงไปอะ

 

สำหรับลุงเม้า คนพิเศษ ก๋วยเตี๋ยวก็ต้องพิเศษเป็นธรรมดา

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"เส้นใหญ่"เย็นตาโฟ...สูตรนางสาวไทย/แม่ช้อยนางรำ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>6 สิงหาคม 2550 18:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"เย็นตาโฟ"สัญลักษณ์ชามใหญ่ ตะเกียบยาวและช้อนโต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เป็นคนงามที่มีฝีมือในการทำอาหาร"ปูดำ สรารัตน์"เปิดคฤหาสน์สิบล้าน ขายอาหารจานละสิบ...สาม...สี่สิบบาท เปิดร้านชื่อ "เส้นใหญ่"มาสี่สา...ห้าปีแล้ว

อีชั้นไม่เคยลองฝีมือทำอาหารของ "หนูปูดำ"หรือ "สราญรัตน์ หรุ่มเรืองวงษ์"เธอซะทีทั้งๆที่เธอเชื้อเชิญมาตั้งแต่ครั้งเปิดใหม่...ใหม่

ก็ไม่ได้เล่นตัวอะไรหรอกเจ้านาย เพียงแต่ว่าเธอเป็นคนใกล้ตัวรู้จักกันมาเป็นสิบ...สิบปี ก็เลยคิดว่าจะไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่แล้วก็เลยไม่ได้ไปซะที!!

เป็นอันว่าเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ได้ฤกษ์พานาทีจรลีไปกินฝีมือ "ปูดำ" ทำอาหาร แล้วก็เอามาเขียนรายงาน...เจ้านาย

ร้าน"เส้นใหญ่"ของเธออยู่ในซอยวิภาวดี60 ฝั่งจากดอนเมืองเข้ากรุงเทพดูเหมือนจะอยู่ก่อน "สโมสรตำรวจ"หรือ"โรงแรมรามา การ์เด้น"เข้าไปซอยลึกประมาณสัก200-300ก็จะเห็นวงเวียน ก็ให้เลี้ยวแยกเข้าไป สังเกตจะมีป้ายบอก หรือจะถามคนแถวนั้นรู้จักบ้านนางสาวไทยกันดีพอเห็นแล้วก็ต๊กกะใจโหมดเลย!!

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ร้าน"เส้นใหญ่"อยู่ในคฤหาสน์ ที่เข้าใจว่าเป็นโรงรถเก่า</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> บ้านเบินที่ไหนกัน อย่างนี้จะต้องเรียกว่าคฤหาสน์ แล้วก็ไม่ใช่เป็นคฤหาสน์ธรรมด๊า...ธรรมดาหรอกเจ้าค่ะ อย่างนี้จะต้องเรียกว่า"อัครมหาคฤหาสน์"ราคาก็คงจะหย่อนร้อยล้านไม่เท่าไหร่

อาหารจานเด่นของ"ปูดำ"ที่คนนิยมไปกินกันคือ...เย็นตาโฟ แต่เป็นเย็นตาโฟสูตรที่เธอคิดค้นขึ้นมาเอง ไม่เหมือนเจ๊กจีนเขาทำขายกัน น้ำซอสของเธอค่อนข้างพิสดาร รสชาติจะถูกปากคนกินหวานปนเปรี้ยว ซึ่งถือกันว่าเป็นรสชาติของนางงาม ที่มักจะชอบรสเปรี้ยวหวาน

แต่เครื่องเคราที่เธอใส่ลงในชามมีมากมาย เลือกสรรของดีๆทั้งนั้น ที่ประหลาดก็คงที่จะเป็นเย็นตาโฟเจ้าเดียวในเมืองไทยที่ใช้...ลูกชิ้นปลาแซลมอน แต่ช้าก่อน...ยังมีของอร่อย...อร่อยอีกหลายรายการ

แต่ตอนนี้อีชั้นขอแนะนำขายหนังสือสักหน่อยนะเจ้าค่ะ...แล้วเจ้านายซื้อหนังสือหรือยังล่ะ กินสุด...สุด หลุดโลก

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"ขนมจีนเขียวหวานหมู" สรุปว่าอร่อย แม่ช้อยยืนยันการันตี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> "สันติ เศวตวิมล" ราคาเล่มละ180บาท สำนักพิมพ์ บีเวล พับลิชชิ่ง โทรศัพท์ 0-2885-9163 โทรสาร 02-885-9164 E-mail BEWELL_PUB@yahoo.co.th

เป็นข้อเขียนที่รวบรวมเรื่องราวจากการเดินทางกินอาหารประหลาดจากหลายสิบประเทศทั่วโลก เช่นกินลิงกอริลลาล่าย่าง / กินแกงหนูรู / กินปลามังกรล้านปี /
กินไข่อีกัวน่า / เมนูพิสดารที่ว่ามีเป็นสิบ...สิบเมนูอ่านกันสนุกไปเลย

อย่างที่เรียนเจ้านายแล้วว่า อาหารที่ร้าน"เส้นใหญ่" ของ"ปูดำ" มีอร่อยอีกหลายรายการ ใครชอบอาหารไทยก็มีแกงรสเข้ม ใครที่ชอบอาหารฝรั่งจ๋าอย่าง "แฮมซี่โครงหมูรมควัน" อร่อยกว่าตามโรงแรม

ดูเหมือนเมนูให้เจ้านายเลือกมีเป็นสิบ...สิบอย่าง กินกันตาค้างไม่หมดซะที
เป็นร้านที่อีชั้นแนะนำให้ไปเปิบกันได้ เพราะแค่เห็นคฤหาสน์ร้อยล้านของเธอก็ต้องยอมรับนับถือว่า นี่คือร้านอาหารแพงที่สุดในเมืองไทย

ส่วนชื่อที่เธอตั้งไว้ว่า"ร้านเส้นใหญ่"ทั้งที่ขายเย็นตาโฟเป็นหลัก ปูดำบอกกับอีชั้นว่า
...ตั้งให้ผู้ใหญ่บางคนหมั่นไส้...หวังว่าผู้ใหญ่คนนั้นคงจะไม่ใช่เจ้านายนะเจ้าคะ เพราะเจ้านายน่ารักออกจะตายเวลาจ่ายกะตังค์เลี้ยงลูกน้องซึ่งนานทีปีหน...จะโดนเข้าสักที
**************************************************
**************************************************
"ร้านเส้นใหญ่"44/56 ซอยวิภาวดี60 ถนนวิถาวดี บางเขน หลักสี่ กทม. 10210
โทรศัพท์ 08-1484-4444 โทรสาร 0-2940-9438

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ก๋วยเตี๋ยวแกง สลัดแขก "ซาเราะห์" ตรอกโรงภาษี
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->

วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10746​

ก๋วยเตี๋ยวแกง สลัดแขก "ซาเราะห์" ตรอกโรงภาษี

คอลัมน์ ตามรอยพ่อไปชิม

โดย ปิ่นโตเถาเล็ก



ว่างเว้นจากอาหารมุสลิมไปตั้งนาน ไม่ใช่ไม่ชอบกินนะครับ ขึ้นชื่อปิ่นโตเถาเล็กชอบกินทุกอย่างที่ขวางหน้า เพียงแต่ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้พานพบร้านมุสลิมเลย

ปรากฏว่าจุดไต้ตำตอ โปรดิวเซอร์รายการของข้าพเจ้าเองผู้เคยท่องยุทธจักรถ่ายร้านอาหารอร่อยๆ มานักต่อนัก เอ่ยปากระหว่างอยู่ที่ประเทศอังกฤษ กลับไปแล้วจะพาพี่อิ๊งค์ไปชิมก๋วยเตี๋ยวแกงเจ้าประจำ 1 อาทิตย์มีกินแค่วันพุธเท่านั้น

มัวรอช้าอยู่ไย ถึงกรุงเทพฯยังไม่ทันปรับเวลาได้เลย ผมก็เอ่ยปากชวนเจ้าป๊อบรีบพาไปชิมทีเถอะ

ร้านนี้หาไม่ยากอยู่ใจกลางเมืองในซอยเจริญกรุง 36 เขตบางรัก ใกล้กับโรงแรมโอเรียนเต็ล ถ้าขับรถมาต้องเข้าซอยเจริญกรุง 40 ที่เป็นทางเข้าโรงเรียนอัสสัมชัญและโรงแรมโอเรียนเต็ลแล้วเลี้ยวขวาผ่านที่จอดรถโรงแรมไปออกซอยเจริญกรุง 36 (ตรอกโรงภาษี) ซึ่งเป็นวันเวย์ขาออก

แต่ขอบอกว่าที่จอดรถแถวนี้ไม่มีหรอก นอกจากท่านจะทำธุระที่โรงแรม

เจ้าโปรดิวเซอร์บอกให้ไปจอดรถที่ไปรษณีย์กลางแต่ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีที่จอดหลงเหลืออยู่เลย ทางที่ดีให้ไปจอดที่ห้างโรบินสันบางรักซึ่งอยู่อีกฟากเลยโรงแรมแชงกรีลา หรือไปจอดที่ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ตรงสุดถนนสี่พระยา เวิ้งเดียวกับโรงแรมรอยัลออคิดเชอราตัน ทั้งสองแห่งนี้ ท่านต้องต่อแท็กซี่มาสถานเดียว

ยกเว้นจะอยากเดินเล่นสักเกือบกิโล หรืออยากจะเสี่ยงดวงเข้าซอยเจริญกรุง 34 ไปจอดในวัดม่วงแคดูก็ได้ (สำรวจแล้วแทบไม่มีที่ว่าง)

เอาเป็นว่าบรรดาแฟนๆ แก้ปัญหาเรื่องที่จอดได้แล้ว ขณะท่านเดินเลียบทางเข้าตึกจอดของโอเรียนเต็ล มุ่งไปยังเจริญกรุง 36 ที่มีบ้านท่านทูตฝรั่งเศสอยู่ตรงหัวมุม ฝั่งตรงข้ามของซอย 36 มีทางเข้าประดับด้วยซุ้มเหนือศีรษะเขียนว่ามัสยิดฮารูณ ทางขวามือมีป้ายอธิบายความเป็นมาของมัสยิด ซึ่งเป็นมัสยิดเก่าแก่นับตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ตั้งแต่ตรงนี้ยังเป็นชุมชนริมน้ำชื่อว่าหมู่บ้านต้นสำโรง เสร็จแล้วเดินเข้าไปตรงๆ ตามทาง (ซอยนี้รถเข้าไม่ได้)

ก่อนถึงทางแยกข้างหน้า จะมีตรอกเล็กๆ ด้านขวา มองเข้าไปเห็นคนยืนมุงซื้อข้าวกันเต็มไปหมด ใช่แล้วจ้ะ นี่คือ *ร้านซาเราะห์* จุดหมายของเรานั่นเอง

ผมขอเรียกว่าพี่ซาเราะห์ดีกว่า เพราะพี่ท่านยังดูเป็นสาวอยู่เลย พี่ซาเราะห์อาศัยทำเลในตรอกนี้ขาย *ข้าวแกงแบบไทยมุสลิม* ส่วนตัวบ้านสุดตรอก (เลขที่ 128/1) ชั้นล่างใช้เป็นที่นั่งรับประทานโดยให้นั่งกับพื้นมีโต๊ะเตี้ยสำหรับวางอาหาร ด้านนอกบ้านทางซ้ายซึ่งเป็นทางทะลุซอยอีกด้านหนึ่ง ตั้งโต๊ะเรียงรายได้อีกหลายตัว

ร้านนี้ไม่มีชื่อหรอกแต่ใครๆ ก็รู้จักกันดี เปิดมานานถึง 30 กว่าปี มีคนมาอุดหนุนทั้งแขกไทยจีนกันคับคั่ง

พี่ซาเราะห์เปิดขายข้าวแกงตั้งแต่เช้ามืดตั้งแต่ตี 5 ก็มาอุดหนุนได้แล้ว ขายไปเรื่อยๆ จนหมดในตอนบ่ายสี่โมงถึงห้าโมงเย็น เฉพาะจันทร์ถึงศุกร์เท่านั้น

เพราะฉะนั้นวันนี้ขอให้ท่านอดใจรอก่อน อย่าเพิ่งออกเดินทางไป และถ้าต้องการกินเมนูแนะนำของข้าพเจ้าอันได้แก่ *ก๋วยเตี๋ยวแกง สลัดแขก ท่านต้องมาวันพุธสถานเดียว* และอย่าไปบ่ายมากนักจะหมดอดกินเสียก่อน

ก๋วยเตี๋ยวแกงของพี่ซาเราะห์มีทั้งเนื้อและไก่ รสชาติหอมมันด้วยกะทิข้นคลั่ก กินเสร็จต้องวิ่งออกกำลังกายกลับบ้าน

ผมสั่งก๋วยเตี๋ยวแกงเนื้อซึ่งใช้เนื้อติดมันหรือมีมันแทรก เคี่ยวจนนุ่ม แถมยังใส่มันเนื้อเป็นก้อนสีเหลืองเล็กๆ ให้ผู้ไม่กลัวมันจุกอกสวาปามอีกด้วย

นอกจากเนื้อแล้วยังใส่ไข่ต้มผ่าครึ่งอีก 1 ฟอง รสชาติน้ำแกงออกหวานพอประมาณตามที่ควรจะเป็น เวลากินให้ปรุงรสเปรี้ยวเค็มเพิ่มตามใจชอบ

ถ้าท่านอยากกินอาหารเหนือจะสั่งเป็นข้าวซอยแทนก็ได้ ผมสั่งสลัดแขกมาอีกอย่าง ฟาดซะเต็มคราบเพราะไม่ได้กินมานานมากแล้ว สูตรนี้น้ำราดใส่พริกมีเผ็ดๆ นิดหน่อยด้วย สนนราคาทั้ง 3 อย่างนี้ถูกแสนถูกเพียง 25 บาทเท่านั้น

ไหนๆ มาแล้วอย่าลืมสั่งข้าวแกงมาชิมด้วย จะบอกว่า *ขนมจีนแกงเขียวหวานเนื้อ* นั้นอร่อยสุดยอด เป็นแกงอย่างข้นๆ สนนราคาจานละ 25 บาทเช่นกัน อย่าไปช้านะครับ วันนั้นแค่เที่ยงกว่าๆ แกงเนื้อแห้งขอดแล้ว

ของกินแก้เผ็ดที่อร่อยอีกอย่างคือ *ไก่ทอด* อย่าลืมสั่งด้วย ส่วนกับข้าวชนิดอื่นโปรดถามหาเลือกกันเอาเอง

ผมขอปิดท้ายด้วยเมนูประจำวันที่พี่ซาเราะห์ทำหมุนเวียนเปลี่ยนไป (นอกเหนือจากวันพุธ) วันจันทร์ขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวน่องไก่ วันอังคาร โจ๊กหรือก๋วยจั๊บ หรือกระเพาะปลา หรือขนมจีนน้ำยา *วันพฤหัสบดี ซุปเนื้อ ซุปไก่* (วันนี้น่าสนใจ) ส่วนวันศุกร์ขาย ข้าวมันไก่/ไก่ทอด ข้าวคลุกกะปิ ข้าวผัดมันกุ้ง

เชิญศึกษาข้อมูลมัสยิดและข้อมูลร้านอาหารเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.haroonmosque.org มีรายการอาหารประจำวันของพี่ซาเราะห์ รวมทั้งร้านอื่นๆ ที่อยู่ย่านมัสยิดแห่งนี้ด้วย

มีร้านไหนอร่อยอีก อย่าลืมบอกต่อด้วยก็แล้วกัน

ข้อมูลร้าน

ซาเราะห์ (ไม่มีชื่อร้าน)

โดย คุณซาเราะห์

ที่ตั้ง 128/1 ตรอกมัสยิดฮารูณ ซอยเจริญกรุง 36 (ตรอกโรงภาษี) บางรัก กรุงเทพฯ 10500

โทร.0-2235-7982

เปิดบริการ 05.00-16.00 น. หรือ 17.00 น. จันทร์-ศุกร์

หยุด เสาร์-อาทิตย์

อาหารแนะนำ ก๋วยเตี๋ยวแกง (เนื้อและไก่) และสลัดแขก มีทุกวันพุธ ขนมจีนแกงเขียวหวานเนื้อ ไก่ทอด

http://matichon.co.th/matichon/matic...sectionid=0125
<!-- / message --><!-- sig -->

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">เรื่องหมู ไม่หมู ก๋วยเตี๋ยวขาหมู (พลิ้วเจ้าเก่า)
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>

ร้านเล็ก รสเด็ด ไม่ซ้ำใคร ขึ้นชื่อว่า ก๋วยเตี๋ยวหมู มีหลายเมนูที่คุ้นหูกันดี ไม่ว่า จะเป็นหมูตุ๋น หมูน้ำตก หมูสับ หมูแดง หรือลูกชิ้นหมู แต่ที่เมืองจันท์มีหมูแปลกแหวกแนว คนแถวซอยท่าแฉลบรู้จักกันดี เพราะมีอยู่เจ้าเดียว เป็น “ก๋วยเตี๋ยวขาหมู” ของเจ๊เฮี้ยะ ร้านไม้เล็กๆที่ซ่อน ตัวอยู่ในซอย แต่มีลูกค้าขาประจำคอยแวะเวียนมาเจี๊ยะกันเป็นประจำ ทำขายกันเองแบบครอบครัว ไม่ทำใหญ่จนเกินตัว เพราะกลัวไม่อร่อย เจ๊เฮี้ยะยึดคติ“ทำน้อย อร่อยนาน”...(หุหุ) “ร้านเราเปิดขายมาตั้งแต่ปี 2526 ได้สูตรมาจากเพื่อนพ่อเป็นคนจีนด้วยกัน เขาเป็นคนคิดทำขึ้นมา พอเขาจะปิดร้านเราก็ไปขอเรียน เขาก็สอนให้ สอนทุกอย่าง สอนทำ สอนหั่นเนื้อ สอนลวก เรียนกันเป็นเดือนๆ ตอนเปิดแรกๆเขาก็มาอยู่สอนที่ร้านจนเราทำคล่อง ที่ตั้งชื่อว่า พลิ้วเจ้าเก่า เพราะเจ้าของสูตรเคยเปิดขายอยู่ที่ตลาดพลิ้วมาก่อน” เจ๊เฮี้ยะย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อน​

​

ก๋วยเตี๋ยวขาหมูฟังแล้วอาจจะพานคิดไป ถึงข้าวขาหมู แต่เจ๊ขอบอกว่า “ม่ายยย ช่ายยยยย” เพราะขาหมูของที่ร้านนี้หมายถึง ขาหน้าของ หมู เป็นเนื้อน่องลาย ติดมัน เคี้ยวนุ่ม ชุ่มฉ่ำใจ เจ๊เฮี้ยะต้องคัดขาหน้าขนาดพอน่าหม่ำ นำมาสับเป็นชิ้นขนาดพอดี ต้มในน้ำซุปจนสุกได้ที่ ต้องกะให้สุกพอดี ถ้าสุก มากเกินไปเนื้อเหนียว เคี้ยวเมื่อย ปาก ต้มเปื่อยมากไปเนื้อเละ หั่นยาก ต้มไม่สุก เนื้อไม่หวาน ทานไม่อร่อย เจ๊เฮี้ยะต้องคอยเกาะอยู่ข้างเตา เฝ้าดู ขาหมูอย่างใกล้ชิด ไม่ให้ผิดพลาด เพื่อรสชาติที่เพอร์เฟกต์!!
นอกจากต้มขาหมูให้ได้ที่แล้ว เทคนิคการหั่นยังเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำ ให้ขาหมูนุ่มนวลได้ดั่งใจ เพราะถ้าหั่นหนา เกินไปเนื้อจะเหนียว เคี้ยวยาก ลำบากเหงือก ต้องเลือกมีดที่คมกริบ หั่นแล้วเป็นชิ้นสวย ไม่เว้า ไม่แหว่ง เจ๊เฮี้ยะใช้เวลาฝึกฝนอยู่นาน จนมีประสบการณ์ การหั่นชั้นเซียนยากแก่การเลียนแบบ ทำให้แซบไม่เหมือนใคร ขาหมูแต่ละชิ้นกินแล้วรับรู้ได้ถึงความตั้งใจ ไม่ชุ่ย!

​

เจ๊เฮี้ยะจะไม่หั่นหมูทิ้งไว้ให้แห้งกระด้าง จืดชืด เสียรส แต่จะหั่นแบบสดๆ เพื่อให้ได้รส หวานจับใจ ใครชอบขาหมูมากแซบ พิเศษ เจ๊แนะนำให้สั่งแบบลวกแยกต่างหาก แล้วกินกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของที่ร้าน รสออก หวาน เค็ม เปรี้ยว หรือถ้าใครชอบรสจัด เจ๊เฮี้ยะมีสารพัดเครื่องปรุงไว้ให้ใส่เพิ่มเติมตามใจชอบ ทั้งพริกป่น พริกตำ พริกน้ำส้ม น้ำส้มเปล่าๆ น้ำตาลอ้อย น้ำตาลทราย น้ำตาลทรายผสมกับน้ำตาลอ้อย...โอ้ย...สารพัดสารพันวางไว้จนเต็มถาด เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สร้างสรรค์ อย่างเต็มที่ ไม่มีหวงเครื่อง

​

ขาโซ้ยที่ชอบความมันระหว่างมื้อ เจ๊เฮี้ยะมี “คากิ” หรือกีบเท้าน้องหมู ไว้คอยบริการ เจ๊จะเลาะกระดูกออกลอกเอาแต่เนื้อ เหลือแต่กระดูกชิ้นเล็กๆ ไว้เคี้ยวพอกรุบกรับ คนที่ชอบความตื่นเต้นเน้น “มัน” เจ๊แนะนำให้ลองของเขาแปลกจริงๆ
สำหรับใครที่มาเมืองจันท์แล้วตั้งใจ ไว้ว่าต้องลอง “ก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง” มาร้านนี้ร้านเดียวไม่ต้องเสียเที่ยว เจ๊ เฮี้ยะจัดหมูเลียงไว้ให้ ลิ้มลอง “หมูเลียง” คือ หมูสันในลวกวางโรยมาบนเส้นก๋วยเตี๋ยว ไม่ใช่เอาเนื้อหมูมาเรียง และรสชาติก็ไม่ได้ใกล้เคียงแกงเลียง (ฮา) หมูเลียงของที่นี่เนื้อนุ่มกำลังดี ไม่มีมัน ไม่ปรุงรส และลวกสดชามต่อชาม ความหวานยังชุ่มฉ่ำแบบธรรมชาติ ลองสั่งแบบลวก มากินกับน้ำจิ้มสารพัดชนิด รับรองว่าจะติดใจ เจ๊เฮี้ยะแนะนำขาโซ้ยหน้าใหม่ให้ลองปรุงรสก๋วยเตี๋ยวหมู เลียงด้วยน้ำตาลอ้อย แล้วจะได้ ความอร่อยแบบชาวจันท์ขนานแท้!!
ชาว “มีทเลิฟเวอร์” ที่ชอบเนื้อวัว ไม่ต้องกลัวเซ็ง เจ๊เฮี้ยะมีทั้ง “ก๋วยเตี๋ยวเนื้อน่องลาย” และ “ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ลวก” บวกกับตับ เอ็น หัวใจ ไว้ให้เลือกมากมาย ทางร้านแยกลวกคนละหม้อ ไม่มีมั่ว หัวใจสำคัญที่ทำให้เนื้อแต่ละชิ้นนุ่มได้ใจ คือความละเมียดละไมในการเลือกเนื้อ การลวก และหั่น ทุกอย่างต้องทำด้วยความชำนาญและพิถีพิถัน
ก๋วยเตี๋ยวขาหมู (พลิ้วเจ้าเก่า) เป็น ร้านเล็กๆ ไม่มีการตกแต่งที่หรูหรา ถ้าใคร ไม่เคยมา ยากที่จะรู้จัก ต้องเป็นคนที่รักการ ซอกแซกแอนด์แสวงหาถึงจะมาถูก “ที่นี่คนไม่ค่อยรู้จัก บางคนเค้าก็ไม่มา เพราะเค้าบอกว่าร้านเราไม่สวย บอกให้เราทำร้านให้มันสวยๆ เขาจะได้ พาคนที่อื่นมากิน เราก็บอกเค้าไปว่า ไม่เป็นไรหรอก ร้านเราไม่สวย แต่ เราขายของอร่อย” เจ๊เฮี้ยะพูดไป ยิ้มไปอย่างภูมิใจ

​

ใครที่อยากลองของแปลกแหวกกระแส แต่อยู่ยั้งยืนยง คงความนิยมมายาวนาน ร้านก๋วยเตี๋ยวขาหมู (พลิ้วเจ้าเก่า) อยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ถ้ามาจากโรงพยาบาลพระปกเกล้าฯ ให้ตรงมาจนเจอสระน้ำอยู่ทางซ้ายมือ แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านสวนสาธารณะทะลุมาที่ถนนท่าแฉลบ ร้าน จะอยู่ที่ท่าแฉลบซอย 6 เข้ามาในซอยจะเห็นร้านอยู่ทางขวามือ ถ้ามาทางถนนท่าแฉลบ ซอยจะอยู่ทางซ้ายมือ ถ้ามาไม่ถูก โทร.ถามได้ที่เบอร์ 0-3932-8861 ร้านเปิด ตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 4 โมงเย็น ก็จะเริ่มขายไป เก็บร้านไป ปิดจริงประมาณ 4 โมง ครึ่ง ช่วงเที่ยงคนจะแน่นเป็นพิเศษ ถ้าไม่อยากรอนานมาก่อนหรือหลังเที่ยงจะดีมั่กๆ !!

เจ๊แซบ หัวเขียว​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ก๋วยเตี๋ยวแคะ "นายอ้วน" สูตรโบราณ!
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->

วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10753​

ก๋วยเตี๋ยวแคะ "นายอ้วน" สูตรโบราณ!

คอลัมน์ ตามรอยพ่อไปชิม

โดย ปิ่นโตเถาเล็ก



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ความสุขของปิ่นโตเถาเล็ก คือการซอกแซกชิมร้านเล็กๆ แต่เด็ดนักหนาที่ตอนทำเจ้าของร้านใส่ใจลงไปด้วย เน้นคุณภาพ ไม่เอาปริมาณ หมดแล้วหมดเลย ได้เจอะเจอกับเจ้าเก้ง เลยให้ช่วยตอบโจทย์นี้ให้ที คราวนี้อยากเลือกร้านที่กินยากกินเย็น ต้องไปแต่เนิ่นๆ แย่งคนอื่นกิน เจ้าเก้งบอกได้เลย มีร้านที่พรรคพวกจากเยาวราช ผู้พิถีพิถันเรื่องกินเช่นกัน เป็นผู้บอกต่อมาอีกที

และแล้ววันนี้ผมจะพาแฟนๆ ไปที่ "ศาลาเฉลิมกรุง" หาของกินยากๆ โปรดจอดรถในห้างดิโอลด์สยาม หรือจะจอดที่โรงหนังควีนส์เก่าตรงวังบูรพาก็ได้ เสร็จแล้วเดินออกมาตรงสี่แยกเฉลิมกรุง ข้ามถนนเจริญกรุงไปอีกฝั่ง เดินไปตามถนนตีทองที่จะไปยังวัดสุทัศน์ อีกนิดเดียวถึงคลองหลอดช่วงที่มาจากวัดราชบพิธ

เดินข้ามคลองต่อไปอีกไม่กี่ก้าว ถัดจากซอยลงท่าไปอีก 1 ซอย มีซอยชื่อ "สระสรง" เลี้ยวขวาเข้าซอย มองด้านขวาเห็นรถเข็นก๋วยเตี๋ยวอยู่ริมทางเท้า นี่แหละคือจุดปลายทางในครั้งนี้

ที่นี่ไม่มีชื่อร้าน แต่ใครๆ เรียกว่า "ร้านนายอ้วน ขายก๋วยเตี๋ยวแคะและเย็นตาโฟ" มาช้านานนับได้ 30 กว่าปี ก่อนอื่นขอบอกว่าห้ามไปเสาร์-อาทิตย์เพราะเขาหยุดเหมือนราชการ โดยจะเปิดขายตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

มี "ข้อห้ามอีกอย่างคืออย่าไปหลังเที่ยง" เพราะจะมีความเสี่ยงยิ่งกว่าลงทุนในหุ้นปั่น ก๋วยเตี๋ยวหมดอดกิน

เวลาทำการเริ่มตั้งแต่แปดโมงครึ่ง มีของทุกอย่างพร้อมจริงๆ ตอนเก้าโมงเช้า วันที่ผมไปชิมขายหมดเกลี้ยงตอนเที่ยงครึ่ง

บรรดาท่านที่มาไกลจึงควรมาจับจองตั้งแต่สายๆไปจนก่อนเที่ยง ถึงแม้เจ้าของบอกว่าบางวันถ้าคนน้อยอาจจะต่อได้ถึงบ่ายสองโมง เราคนบ้านไกลจะเสี่ยงไปไย

ร้านนี้ตอบโจทย์ได้ทุกข้อ ที่นี่เขาทำลูกชิ้นและเต้าหู้เอง ยกเว้น "ลูกชิ้นปลา" ที่รับมาจากญาติอีกที ที่เหลือไม่ว่าจะเป็น "ลูกชิ้นหมูนึ่ง ลูกชิ้นหมูทอด เต้าหู้ฝ่อยัดไส้หมูสับ และเต้าหู้ขาวยัดไส้หมูสับ" ล้วนทำเองทั้งสิ้น แถมยังพิถีพิถันใส่ใจ วันหนึ่งๆ ไม่ทำมากนัก เอาแค่พอขายขาประจำก็หมดเกลี้ยงแล้ว

พี่สาวนายอ้วนบอกว่า แค่มีเครื่องเคราแค่ 5 อย่างนี้ก็ใช้เวลาทำทั้งวันแล้ว มิน่าล่ะเดี๋ยวนี้ถึงหาก๋วยเตี๋ยวแคะอร่อยๆ ได้ยากเย็นแสนเข็ญ (ขอให้เด็กรุ่นใหม่สังเกตนะครับว่าคำว่าแคะ หมายถึงคนจีนเชื้อชาติแคะ ไม่ใช่คนแคระนะจ๊ะ)

ทีเด็ดของร้านนี้มีอะไรบ้างหรือ ที่ขึ้นชื่อจนมีเสียงลํ่าลือไปไกล ต้องยกให้ "เต้าหู้ขาวยัดไส้หมูสับเป็นอันดับหนึ่ง" เนื้อเต้าหู้นุ่มนวลไม่แข็งจนกระด้าง หมูสับนั้นก็รสชาติละมุนละไม ขนาดที่ว่าเจ๊ 3 สาว แฟนขาประจำโต๊ะข้างๆ ผม สั่งแต่ก๋วยเตี๋ยวใส่เต้าหู้เท่านั้น ไม่เอาเครื่องอย่างอื่น <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ถ้าท่านติดใจซื้อกลับบ้าน หรือสั่งเพิ่มเขาคิดก้อนละ 6 บาท ขนาดรูปร่างเหมือนที่เห็นในชามก๋วยเตี๋ยวที่ผมชิม

ยังมีดีอีกอย่างคือ "น้ำซุป" ใครชิมก๋วยเตี๋ยวตามห้างที่ใส่ซุปก้อน เติมหัวไชเท้าให้หวานปะแล่ม บางครั้งถึงกับใส่น้ำตาลเข้าไปด้วย ร้านนี้ไม่มีเสียล่ะ เขาลงทุนต้มน้ำสต๊อกจากกระดูกสันหลังหมูข้อใหญ่ๆ (เอี่ยวเล้ง) จนน้ำมีรสหวานธรรมชาติที่ได้จากการเคี่ยว รสชาติจะนุ่มนวลใสๆ เหมือนที่คนจีนเรียกว่าเช็งๆ นั่นแหละ

ถ้าใครคุ้นเคยรสจัดจ้านปรุงแต่ง ก่อนมาที่นี่ต้องปรับโหมดหรือโปรแกรมรับรสของตนเองก่อน เพื่อที่จะได้ทราบว่าก๋วยเตี๋ยวแบบโบราณที่บรรจงทำนั้นเป็นฉันใด

ความจริงลูกชิ้นหมูนึ่งก็อร่อยไม่ใช่น้อยนะครับ ไหนๆ มาแล้วควรลองชิมชามแรกใส่เครื่องครบถ้วนเสียก่อน อย่างลูกชิ้นปลานั้นก็มีคุณภาพไม่คาวเลยเช่นกัน ส่วนเส้นนั้นมีให้เลือก 4 อย่าง ได้แก่ เส้นหมี่ เส้นใหญ่ เส้นเล็ก และบะหมี่

ถ้าชอบ "เย็นตาโฟ" เชิญลองได้เลย เพราะเป็นเมนูเด็ดอีกอย่าง นอกจากเครื่องก๋วยเตี๋ยวแคะแล้ว เขายังใส่ปลาหมึกแช่กับเลือดซึ่งสดอร่อยจริงๆ ถ้าใครชอบรสจัดต้องปรุงเอง

แต่ถ้าชอบน้ำซุปเช็งๆ มาร้านนี้ใช่เลย จะกินก๋วยเตี๋ยวแห้ง น้ำ หรือต้มยำมีทั้งนั้น

ขออย่างเดียวต้องมาแต่เนิ่นๆ เอาแค่ขาประจำก็เต็มร้านแล้ว

ร้านนี้เล็กนิดเดียว ข้างในห้องแถวเล็กๆ นี้จุโต๊ะได้ประมาณ 4 โต๊ะ และข้างนอกริมทางเท้าอีกแค่ 3 โต๊ะเท่านั้น

แต่ขอบอกว่าคุ้มค่ากับการมาเล่นเก้าอี้ดนตรีก็แล้วกัน

ข้อมูลร้าน

นายอ้วน (ไม่มีป้ายชื่อร้าน)

โดย คุณสุวิช เกล็ดเครือมาศ

ที่ตั้ง 10 ซอยสระสรง ถนนตีทอง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

โทร.0-2222-7331

เปิดบริการ 08.30 น. (ของทุกอย่างพร้อม 09.00 น.)-12.30 น. (บางวันหมด 14.00 น.) จันทร์-ศุกร์

หยุด เสาร์-อาทิตย์

อาหารแนะนำ ก๋วยเตี๋ยวแคะและเย็นตาโฟ (ควรลองเต้าหู้ขาวยัดไส้หมูสับและลูกชิ้นหมูนึ่ง)

http://matichon.co.th/matichon/matic...sectionid=0125
<!-- / message --><!-- sig -->

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>'ก๋วยเตี๋ยวแกง'สูตรเด็ดเมืองชล ขายไอเดียเสริมทัพความอร่อย </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 สิงหาคม 2550 10:21 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ถ้านึกถึงเมนูอาหารไทย เมนูแรกที่เรานึกถึงก็คงจะไม่พ้น แกงส้ม แกงป่า แกงเลียง รสชาติของน้ำแกงที่จัดจ้านถูกใจคนไทย ทำให้ทั้งสามเมนูเป็นที่โปรดปรานของใครหลายๆคน และเป็นที่มาของเมนูก๋วยเตี๋ยวแกงรายแรกของประเทศไทย

โดยเจ้าของสูตรดังกล่าวไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะเป็นเจ้าของเดียวกับลูกชิ้นหมูโบราณ แฟรนไชส์ที่เปิดขายอยู่ตามศูนย์การค้าทั่วไปกว่า 300 แห่ง ของ "นายสถาพร พันธุสุนทร" หรือที่รู้จักกันในชื่อของ"นายอู๊ดลูกชิ้นหมูโบราณ"


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>นายอู๊ด เล่าถึงที่มาของก๋วยเตี๋ยวแกง ว่า เริ่มต้นมาจากเราขายลูกชิ้นที่เป็นสูตรของตัวเอง และเมื่อมีร้านลูกชิ้นลูกค้าถามว่าทำไมไม่ทำก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นขาย และประกอบกับต้องการขยายฐานลูกค้าลูกชิ้นให้กว้างขึ้น จึงได้มาคิดทำร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งคิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้ได้ร้านก๋วยเตี๋ยวที่ไม่เหมือนใคร และรสชาติถูกใจคนไทย


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ส่วนที่มาของก๋วยเตี๋ยวแกง มาจากครอบครัวชอบทำแกงโบราณ อย่าง แกงส้ม แกงป่า และแกงเลียงทานกันเป็นประจำ โดยจะมีสูตรเฉพาะที่ทำกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ ย่า ตา ยาย ซึ่งแกงเหล่านี้ก็เป็นแกงที่คนไทยคุ้นเคยและชื่นชอบกันอยู่แล้ว จึงได้ทดลองนำสูตรแกงมาทำเป็นก๋วยเตี๋ยวแกงแรกๆก็ดูเหมือนจะไปด้วยกันไม่ค่อยได้เพราะรสชาติที่เข้มข้นของแกงที่ใช้กินกับข้าว ไม่เข้ากับการมาเป็นน้ำก๋วยเตี๋ยว ต่อมาค่อยปรับสูตรซึ่งใช้เวลาในการปรับสูตรอยู่นานถึง 2 เดือน โดยพยายามปรับเรื่องของรสชาติเพื่อให้ลูกค้ารับรู้ได้ถึงรสชาติของแกงนั้น แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกับการทานก๋วยเตี๋ยว ซึ่งก็เป็นไปได้ด้วยดี

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>สำหรับจุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวนายอู๊ด นอกจากความแปลกที่มาจากสูตรของก๋วยเตี๋ยวแกงแล้ว ยังมาจากผักสมุนไพรพื้นบ้านที่นายอู๊ด เจ้าของร้านให้ความสำคัญมาก เนื่องจากที่ผ่านมาในส่วนของลูกชิ้นที่ถือว่าเป็นจุดขายอยู่ที่ผักสมุนไพรที่มีให้เลือกกันอย่างจุใจ นายอู๊ดจึงได้ดึงจุดเด่นตรงนี้มาใช้ในการสร้างจุดขายให้กับก๋วยเตี๋ยวแกงด้วย

โดยผักที่ใส่ในก๋วยเตี๋ยวแกงในครั้งนี้มีมากกว่า 10 ชนิด อาทิ ดอกแค ฟักทอง ดอกขจร ยอดมะพร้าว ใบโหระพา เป็นต้น ส่วนเนื้อสัตว์ที่เลือกใช้ครั้งนี้ คือ เนื้อปลา และเนื้อกุ้ง เพราะเข้ากันได้กับแกงส้ม ส่วนลูกชิ้นเคยนำมาใส่แต่ไปด้วยกันไม่ได้กับแกงที่เลือกมาเป็นน้ำก๋วยเตี๋ยว หลังจากนั้นก็เลยไม่ได้ใส่ ซึ่งผู้ที่ต้องการจะทานก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นทางร้านก็มีก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใสให้เลือก

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>"ในช่วงแรกลูกค้าจะสั่งแต่ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส เพราะยังไม่คุ้นกับภาพของการทานก๋วยเตี๋ยวกับแกงก็เลยไม่กล้าสั่งมาทาน แต่พอได้ชิมหลายคนก็หันมาทานก๋วยเตี๋ยวแกงกันมากขึ้น ปัจจุบันยอดขายก๋วยเตี๋ยวแกงมากถึง 80% ก๋วยเตี๋ยวน้ำใสเพียง 20% ส่วนยอดขายต่อวันเฉลี่ยวันละประมาณ 500 ชาม ราคาชามละ 30 บาท มีเส้นให้เลือก 3 ชนิด คือ เส้นใหญ่ เส้นเล็ก และเส้นหมี่" เจ้าของร้านระบุ

ปัจจุบันก๋วยเตี๋ยวของนายอู๊ด เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากการบอกกันแบบปากต่อปาก ซึ่งผู้ที่เดินทางผ่านไปทางเส้นทางอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ก็มักจะแวะไปชิมก๋วยเตี๋ยวแกง ที่ร้านนายอู๊ดก๋วยเตี๋ยวโบราณ กลุ่มลูกค้ามีทุกเพศ ทุกวัย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นที่ถูกใจกับผู้สูงอายุ ที่ลูกมักจะเป็นคนพาพ่อ แม่หรือคนเฒ่าคนแก่ในบ้านมาทานมากกว่า โดยเฉพาะแกงเลียงคนรุ่นใหม่ก็อาจจะทานไม่ค่อยเป็น ซึ่งก็จะได้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>โดยน้ำแกงทั้ง 3 ชนิด ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการและความคิดเห็นของลูกค้าที่ติชมเข้ามา ปัจจุบันรสชาติของน้ำแกงถือว่าลงตัวแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่ค่อนข้างพอใจกับรสชาติและสามารถไปด้วยกันได้กับก๋วยเตี๋ยว โดยทางร้านจะทำรสชาติกลางไม่เผ็ดมากเพื่อจะได้รองรับลูกค้าได้ทุกกลุ่ม

นายอู๊ด เล่าว่า หลังจากเริ่มดำเนินกิจการร้านนายอู๊ดก๋วยเตี๋ยวโบราณมาได้มาประมาณเกือบ 2ปี ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งไม่เคยต้องใช้งบทำประชาสัมพันธ์อะไร แต่ในที่สุดแล้วไอเดียที่แปลกใหม่ บวกกับคำตอบของรสชาติที่ลงตัวเต็มที่เหนือมาตรฐานเป็นจุดที่ทำให้เราทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องไปปล่าวประกาศ ลูกค้าจะเป็นผู้ปล่าวประกาศให้เราเอง ในแบบของการบอกกันแบบปากต่อปาก และประกอบกับทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมของร้านซึ่งอยู่บนเส้นทางท่องเที่ยวชลบุรี,ระยอง

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ส่วนแผนการขยายสาขา ที่ผ่านมามีคนสนใจต้องการจะซื้อแฟรนไชส์ค่อนข้างมาก ซึ่งเราเองก็ยินดีเพราะการขยายกิจการด้วยตัวเองก็คงจะทำไม่ไหว เพราะการเปิดร้านอาหารจำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด การขายแฟรนไชส์น่าจะเป็นทางออกที่ดีในการขยายสาขา ส่วนราคาแฟรนไชส์อยู่ที่ 38,000 บาท ไม่รวมค่าตกแต่งร้าน ซึ่งรวมค่าตกแต่งสถานที่และอุปกรณ์อื่นอาจจะต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท

ทั้งนี้ในส่วนของแฟรนไชส์ร้านก๋วยเตี๋ยวที่เราเซ็ทเอาไว้จะมีความแตกต่างจากแฟรนไชส์ลูกชิ้นที่ทำอยู่ เพราะเราต้องการให้ร้านก๋วยเตี๋ยวออกมาเป็นรูปแบบของร้านที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากวางกลุ่มเป้าหมายลูกค้าไว้ค่อนข้างสูง ภาพของร้านจึงต้องออกมาดูดี เน้นแนวคลาสสิคโบราณตามคอนเซ็ปต์ของก๋วยเตี๋ยวโบราณ

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ดังนั้น ผู้ที่ต้องการจะซื้อแฟรนไชส์ จึงต้องมีทำเลและมีพื้นที่มากพอ โดยทางเราจะต้องดูด้วยว่าสถานที่ หรือ ทำเลของลูกค้าเหมาะที่จะทำร้านได้หรือไม่ ซึ่งต้องดูหลายปัจจัย ทั้งเงินลงทุน ความพร้อม กลุ่มลูกค้าเหมาะสมหรือไม่ที่จะเปิด เนื่องจากอาจจะต้องใช้ทุนค่อนข้างสูง โอกาสเสี่ยงก็สูงด้วยเช่นกัน ในส่วนของร้านก๋วยเตี๋ยวจึงไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องขยายสาขาจำนวนมากเหมือนลูกชิ้น

โทร.087-130-0210
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ผัดอีหมี่เนื้อปู แสนอร่อยโภชนา ซอยวัชรพล
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ผัดอีหมี่เนื้อปู แสนอร่อยโภชนา ซอยวัชรพล
<TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR><TR><TD class=message-normal style="HEIGHT: 10px" vAlign=top align=middle><SCRIPT type=text/javascript>// URLs of slidesvar slideurl = new Array('http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/8/26/44720_42359.jpg') ;// Comments displayed below the slidesvar slidecomment = new Array('');var picNo = new Array('0');var i;var j;var picturecontent=''function poppic(ncId,NewsType,picNum){window.open('../../html/popup_news/popup_news_popuppic.htm?' + slideurl[picNum] + '?Daily News Online : Food','','resizable=1,HEIGHT=200,WIDTH=200');}function createtable(){picturecontent ='<table width=100% cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0>' ;for (i=0;i<=(slideurl.length-1);i++) {picturecontent +='<tr>' ;picturecontent +='<td vAlign=top align=center>' ;picturecontent += '';picturecontent += '' ;picturecontent += '</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;picturecontent +='<tr>' ;picturecontent += '<td class=messageblack vAlign=middle align=center height=20>' ;picturecontent+=slidecomment ;picturecontent +='</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;}picturecontent+='</table>' ;document.getElementById("hlblTable").innerHTML=''+picturecontent+'';}createtable();</SCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top>ผมยังรำลึกถึงวันที่เตี่ยพาครอบครัวไปกินอาหารอร่อย ๆ ตามภัตตาคารจีนย่านเยาวราช-เจริญกรุง ห้อยเทียนเหลา ไล้กี่ ก๊กจี่ คือสุดยอดภัตตาคารจีนที่ดังที่สุดเมื่อ 30 กว่าปีก่อน หูฉลามแผ่นใหญ่ ๆ น้ำซุปเข้มข้น ติ่มซำปั้นลูกโต ๆ กุ้งตัวใหญ่ซ่อนอยู่ในขนมจีบ

ตบท้ายด้วยขนมเปี๊ยะโบราณ ทาร์ตไข่ และพายอบไส้หมูแดง อร่อยจนติดลิ้นผมจนถึงวันนี้ ล่าสุดผมพบร้านอาหารจีนโบราณชื่อ แสนอร่อยโภชนา อยู่ในซอยวัชรพล ถนนรามอินทรา มี คุณบัญชา จารุวิทยากุล ลูกหลานกุ๊กเก่าเยาวราชเป็นเจ้าของ

ที่ผมชอบมาก คือ อีหมี่ผัดเนื้อปู หมี่โบราณที่หากินยาก จึงขอสูตรมาให้ดังนี้

เครื่องปรุง

1.เส้นบะหมี่ไข่อย่างดี 1 ก้อน
2.เนื้อปูก้อนนึ่งสุก 5 ชิ้น
3.หมูแฮม 2 แผ่น
4.เห็ดหอมจีน 3 ดอก
5.น้ำมันหอยตราเป็ด 1 ช้อนโต๊ะ
6.ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
7.พริกไทยป่นตรามือ 1/2 ช้อนชา
8.เหล้าจีน 1 ช้อนชา
9.น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ
1.เอาบะหมี่ไข่มาคลี่เส้นให้กระจาย แล้วนำไปทอดในน้ำมันพืชจนเส้นพองกรอบ

2.เมื่อเส้นบะหมี่สะเด็ดน้ำมันดีแล้ว เอาเส้นบะหมี่ไปลวกน้ำร้อนในกระทะให้นุ่ม

3.แช่เห็ดหอมในน้ำสะอาดให้นุ่ม แล้วเอาไปผัดกับน้ำมันให้หอม

4.หั่นหมูแฮมเป็นเส้นยาวใส่ลงไปผัด ปรุงรสด้วยน้ำมันหอยตราเป็ด ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย

5.เทเส้นบะหมี่ลงไปผัดคลุก พร้อมกับเหยาะเหล้าจีนลงไปผัดให้ทั่ว

6.เหยาะพริกไทยป่นและเนื้อปูก้อนลงไป ผัดเคล้าสักพักจึงตักใส่จาน

แสนอร่อยโภชนา มีอาหารจีนโบราณให้กินอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะติ่มซำที่นี่ทำกันสด ๆ ทุกเช้า ร้านนี้อยู่ในซอยวัชรพล ถนนรามอินทรา โทร. 0-2519-8354-5, 08-1309-3811.
ขุนขยับ แม่มะลิ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.dailynews.co.th/web/html/...e=2&Template=1
<!-- / message --><!-- sig -->

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">แซบสนาน หวานหมู เจ๊อ้วนหมูทุบบ้านโป่ง (เจ้าแรก)
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>

​

อาทิตย์ที่แล้วเจ๊พาไปโซ้ย “ก๋วยเตี๋ยวขาหมู” ของเจ๊เฮี้ยะ ที่จังหวัดจันทบุรี อาทิตย์นี้จะพาไปโซ้ย “ก๋วยเตี๋ยวหมูทุบ” ร้านเจ๊อ้วน จังหวัดราชบุรี คนที่อยู่กรุงเทพฯจะได้ไม่ น้อยใจ เพราะไปมาสะดวก แค่ ชั่วโมงกว่าๆก็มาถึง เห็นชื่อ “ก๋วยเตี๋ยวหมูทุบ” อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นเหมือนหมูทุบอบแห้งที่ขายเป็นห่อๆ เพราะหมูทุบร้านนี้มีลักษณะคล้ายหมูบะช่อ เนื้อเนียน เหนียว นุ่ม อีกหนึ่งเมนูหมูที่อยู่คู่บ้านโป่งมานานกว่า 40 ปี!
“ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่สมัยอากง อาม่า แล้วก็มาเป็นรุ่นแม่คือ เจ๊อ้วน ตอนนี้แม่ เสียแล้ว เราสามคนพี่น้องก็เลยทำกันต่อ” สามพี่น้องทำงานสอดคล้องกันอยู่ข้างเตา เริ่มจากน้องสาวคนเล็ก “เจ๊แว้” รับหน้าที่เป็น “มือลวก” อันดับหนึ่ง ใจถึง มือหนัก พ่วงด้วยตำแหน่ง “มือย่างหมูแดง” และ “ทำหมูทุบ” ประจำครอบครัว ต่อมาคือ “เจ๊ออ” น้องสาวคนกลางรับหน้าที่ “ตีเส้น” คู่กับ “เฮียฉ่อย” สามีที่คลุกคลีอยู่กับการทำเส้นมาเป็นเวลายาวนาน ช่วงเปิดร้านเจ๊ออจะประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์ “ข้าวหมูแดง” ส่วนเจ๊ใหญ่ “เจ๊นันท์” ประจำอยู่ที่หน้าเตา “หมูสะเต๊ะ” สามสาวพี่น้องดูแลแต่ละแผนกแยกกันไป และสามารถสลับตำแหน่งเสียบแทนกันได้ทันที!

​

เส้นบะหมี่ของร้าน “เจ๊อ้วน” เป็นบะหมี่ไข่ เส้นเล็ก เหนียว นุ่ม มีความยืดหยุ่นในตัว ไม่ว่าจะโซ้ยแบบแห้งหรือแบบน้ำ ไม่ทำให้ผิดหวัง เจ๊ออใช้ไข่ไก่ คัดพิเศษเบอร์ 0 ต้องเป็นไข่สด ใหม่ เท่านั้นถึงจะหอม มัน ดังใจ ในแต่ละวันจะใช้ไข่ประมาณ 70-80 ใบ เจ๊ออใส่ไข่ลงเครื่องตี พร้อมกับน้ำเกลือ และแป้งหมี่ที่เลือกอย่างดี ถึงจะมีราคา สูงกว่ายี่ห้อทั่วไป แต่ต้องขอใช้ เพื่อให้ได้ความนุ่มละมุนละไมอย่างที่สุด หลังจากที่ตีแป้ง ไข่และน้ำเกลือจนเข้ากัน จากนั้นนำมานวดด้วยมือ แล้ว คลึงด้วยไม้ จนได้แผ่นแป้งบางเฉียบ เรียบกริบ ส่วนหนึ่งจะแบ่งไปตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมสำหรับทำเกี๊ยว ส่วนที่เหลือจะถูกส่งไปเข้าเครื่องตัดเป็นเส้นเป็นบะหมี่
ทั้งเส้นบะหมี่ และแผ่นเกี๊ยวของที่ ร้านจะบางจนเกือบใส แต่พอลวกแล้วจะเหนียว นุ่ม ไม่ยุ่ยเละ เพราะใช้ไข่ และแป้งหมี่ คุณภาพดี ทั้งเส้นและเกี๊ยวจึงคงความเหนียวไว้ได้ ในแต่ละวันเจ๊ออกับเฮียฉ่อยจะตีเส้นใหม่ ไม่มีเก็บค้างคืน ไม่ใส่สารกันบูด ไม่ใส่สี ไม่มีหัวเชื้อ เพื่อให้มีสีเหลือง แต่เป็นสีจากไข่โดยธรรมชาติ เจ๊ออฝากบอก สำหรับลูกค้าที่ติดใจ อยากซื้อเฉพาะเส้นหรือแผ่นเกี๊ยวกลับบ้าน ถ้าซื้อไปทานน้อยๆพอขายได้ แต่ถ้าสั่งมากๆ ต้องขออภัย เพราะทำไม่ไหวจริงๆ

​

สำหรับหมูทุบที่เป็นสัญลักษณ์ประจำร้าน มาแล้วไม่ทานกลับบ้านไม่ถูก (หุหุ) เจ๊แว้ใช้หมูส่วนสะโพกมาเลาะกระดูก เลาะหนังออกจนหมด นำมาใส่เครื่องบด แล้วหยอดน้ำเกลือลงไปเรื่อยๆ จนเนื้อหมูเนียนเป็นอันใช้ได้ รสชาติของหมูทุบร้านนี้ไม่มีเครื่องเทศพิเศษพิสดาร แต่เป็นหมูทุบแบบบ้านๆ เน้นความใหม่ สด รสธรรมชาติ
เมนูเด่นที่เป็นขวัญใจขาประจำคือ “ต้มยำ” ทั้งน้ำและแห้ง รสชาติร้อนแรงโดนใจ สำหรับใครที่ไม่ชอบรสจัด เจ๊แนะนำให้สั่งบะหมี่น้ำมาซดร้อนๆ รสชาติกลมกล่อมลงตัว เจ๊แว้เพิ่มความสนุกสนานในการโซ้ยด้วยสาหร่ายลวกพอกรอบๆเคี้ยวกรุบๆซดกันหนุบหนับ แต่ถ้าต้องการความอร่อยจับใจสไตล์ เจ๊แซบ ต้องเป็น “บะหมี่แห้งต้มยำ” แล้วสั่ง “เกี๊ยวน้ำ” มาซด รับรองว่าเริ่ดสุดๆ สำหรับขาโซ้ยที่กินแล้วติดใจ อยากซื้อ “เกี๊ยวน้ำ” ไปฝากญาติสนิทมิตรสหาย บอกให้ทางร้านแยกน้ำและไม่ต้องลวกเกี๊ยว พอถึงบ้านปุ๊บจุดเตาตั้งหม้อต้มน้ำซุปแล้วใส่เกี๊ยวทิ้งไว้เดี๋ยวเดียว รสชาติ อร่อยเหมือนกินที่ร้าน

​

ใครโซ้ยเส้นแล้วยังไม่สะใจ ที่ร้านมี “ข้าวหมูแดง” รสเข้มข้น เจ๊แว้เป็นคนดูแลการย่างหมูด้วยตัวเอง ขั้นตอนการย่างยังคงไว้ในแบบเก่าแก่ที่ทำมาตั้งแต่รุ่นแม่ เจ๊แว้ ใช้หมูสันใน เส้นยาว เนื้อนุ่ม หมักกับเครื่องหมูแดง กระเทียม และพริกไทยหมักแล้วนำมาย่างกับเตาถ่านที่มีถาดสังกะสีเจาะรูตรงกลาง แล้วสวมลงไปในเตา จากนั้นนำถังขนาด 200 ลิตร มาวางบนถาดสังกะสีครอบเตาอีกที นำหมูแดงที่หมักแล้วแขวนกับเหล็ก แล้วห้อยลงมาทั้ง 4 มุมรอบเตา อบทิ้งไว้ ประมาณครึ่งชั่วโมง เจ๊แว้ต้องคอยขยับกลับด้านหมู ดูให้สุกทั่วถึง แล้วจึงนำออกมาขาย ไฟที่ใช้ย่างต้องดูให้แรงพอดี ถ้าแรงเกินไปหมูจะไหม้ ถ้าไฟอ่อนเกินไปหมูไม่สุก เนื้อเหนียว เคี้ยวยากลำบากเหงือก หมูของที่นี่ทั้งหนา ทั้งนุ่ม หอมกรุ่น น่ากิน น้ำราดหมูแดงรสจัดจ้าน เจ๊แว้ใช้น้ำหมูแดงที่รองไว้ในถาดระหว่างย่าง นำมากรอง แล้วเคี่ยวปรุงรสให้กลมกล่อม ราดแล้วรสไม่อ่อนเกินไป โซ้ยได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ถูกใจทั้งครอบครัว
นอกจากบะหมี่ เกี๊ยว รสแจ่ม ข้าวหมูแดงรสจัดจ้านแล้ว ยังมีหมูสะเต๊ะเนื้อนุ่ม ชุ่มฉ่ำของเจ๊นันท์ ไว้เป็นของว่าง จะได้ไม่เหงาปาก!!
เจ๊อ้วนหมูทุบบ้านโป่ง ตั้งอยู่ ที่ถนนทรงพล ถ้ามาจากกรุงเทพฯเลี้ยวเข้ามาทางบ้านโป่ง ลงสะพาน จะเจอร้านอยู่ทางขวา ก่อนถึงหอนาฬิกา ร้านอยู่เยื้องกับธนาคารนครหลวงไทย สาขาถนนทรงพล ร้านเปิดทุกวันไม่มีวันหยุด เริ่มลวกตั้งแต่ 7 โมงครึ่ง จนถึงบ่าย 3 ทางร้านรับออกงาน แต่กรุณาโทร.จองล่วงหน้า 2-3 วัน ติดต่อได้ที่เบอร์ 08-1364-4103 ร้านนี้มีบริเวณค่อนข้างแคบ โต๊ะมีจำนวนไม่มาก ถ้าไม่อยากรอนาน เจ๊แนะนำให้มาช่วงก่อนหรือหลังเที่ยง
กินก๋วยเตี๋ยวอิ่มแล้ว อย่าลืมแวะไปซื้อ “ขนมไทยร้านคุณน้า กัญญา” เลยหอนาฬิกาไปนิสนึง ถึงจะเรียกว่าครบถ้วนกระบวนแซบ (ฮา).

เจ๊แซบ หัวเขียว​

</TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.thairath.co.th/news.php?section=specialsunday04&content=58739
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เนื้อๆเน้นๆที่ "บ้านตำรับเนื้อตุ๋น"</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>26 สิงหาคม 2550 17:21 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศร้านบ้านตำรับเนื้อตุ๋น</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับคนไม่กินเนื้อ มื้อนี้อาจจะไม่เป็นที่ถูกใจ ซึ่ง"ผ่านมาแวะกิน"ก็ได้แต่แสดงความเสียดายไว้ ณ โอกาสนี้ เพราะสำหรับเราแล้ว เนื้อ(วัว)ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารประเภทเนื้อ(สัตว์) ที่หาร้านเมนูเนื้ออร่อยๆกินไม่ค่อยง่ายนัก

แต่นั่นคงไม่ใช่กับร้าน"บ้านตำรับเนื้อตุ๋น" แถวซอยประชาชื่น 40 ที่เน้นการตกแต่งร้านแบบโมเดิร์น ใช้โทนสีร้อนแรง เพราะร้านนี้จัดเป็นหนึ่งในร้านเมนูเนื้อที่รสชาติยอดเยี่ยมไม่เบา ซึ่งชื่อร้านเขาก็บอกทนโท่อยู่แล้วว่ามีทีเด็ดอยู่ที่เมนูเนื้อ เพราะฉะนั้นผู้นิยมเนื้ออย่างเราจึงขอเปิดประเดิมอารมณ์เนื้อๆเน้นๆด้วยการสั่ง ก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่เนื้อรวม (40 บาท) เส้นหมี่ลวกถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับ เนื้อสดนุ่ม กรอบ

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่เนื้อรวม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เนื้อตุ๋นที่นี่ถูกตุ๋นจนเปื่อยยุ่ยเพราะการตุ๋นข้ามคืนไร้กลิ่นคาว เคี้ยวง่าย ภายในชามยังมี ลูกชิ้นเนื้อสด เนื้อเปื่อย ตับ หัวใจ ขอบกระด้ง เอ็นแก้ว น้ำซุปข้นปรุงด้วยซอสกับส่วนผสมสูตพิเศษของทางร้าน รสชาติจึงเข้มข้นกลมกล่อม

จากนั้น"ผ่านมาแวะกิน"ขอต่อรสชาติเนื้อๆเน้นๆด้วย เกาเหลาเนื้อตุ๋น (30 บาท) ที่รวบรวมทั้ง เนื้อตุ๋น เนื้อเปื่อย เนื้อปลีน่องสด เนื้อส่วนที่เรียกว่าลูกมะพร้าว มาไว้ในชาม พร้อมด้วยผักบุ้ง ถั่วงอก คื่นช่าย ผักชี ผักกาดหอม รสชาติเข้มข้นถึงน้ำถึงเนื้อ เสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆเข้ากันดี

เมนูสุดท้ายเราขอสลับอารมณ์เป็น เส้นใหญ่ลูกชิ้นปลากราย (30บาท) เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนไม่กินเนื้อ เมนูนี้เป็นน้ำใส รสชาติหวานน้ำซุป ที่มีส่วนผสมของผงปรุงรส น้ำตาลทราย หัวไชเท้า รากผักชี โดดเด่นที่ลูกชิ้นปลากราย ซึ่งทางร้านใช้ลูกชิ้นปลากรายลูกเล็กที่ได้จากแหล่งวัตถุดิบเลื่องชื่อ รับประกันความสดใหม่ เคล็ดลับอย่างหนึ่งของชามนี้คือการลวกลูกชิ้นปลากราย จะลวกเมื่อลูกค้าสั่งเท่านั้น จะไม่ต้มไว้เพราะจะทำให้ลูกชิ้นด้านแข็ง

ทิ้งทวนด้วยการสั่ง เกาเหลาเนื้อตุ๋น (30บาท) ที่รวบรวมทั้ง เนื้อตุ๋น เนื้อเปื่อย เนื้อปลีน่องสด เนื้อส่วนที่เรียกว่าลูกมะพร้าว มาไว้ในชาม พร้อมด้วยผักบุ้ง ถั่วงอก คื่นช่าย ผักชี ผักกาดหอม รสชาติเข้มข้นถึงน้ำถึงเนื้อ เสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆเข้ากันดี

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เส้นใหญ่ลูกชิ้นปลากราย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> และสำหรับใครที่ยังกินไม่อิ่มหนำทางร้านยังมีเมนูให้ลิ้มลองอีกเพียบ อาทิ สละลอยแก้ว(25บาท),ลูกชิ้นลวก (30 บาท),เกาเหลาอันเดียวตัวเดียว (40บาท),น้ำลำไย (10บาท)ผ่านไปแถวนั้นก็สามารถแวะกินกันได้ ซึ่งสำหรับคนนิยมเนื้อแล้ว คงจะได้รสชาติและอารมณ์เนื้อๆเน้นๆไม่น้อยทีเดียว

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ร้าน"บ้านตำรับเนื้อตุ๋น" ตั้งอยู่ที่ ถ.ประชาชื่น เขตบางซื่อ แขวงบางซื่อ กทม. 10800 การเดินทางมายังร้าน จากแยกพงษ์เพชรให้วิ่งเลียบคลองประปามาทางประชาชื่นเรื่อยๆ ร้านจะตั้งอยู่ด้านขวามือ ปากซอยประชาชื่น 40 ติดกับร้านข้าวต้มสมพงษ์ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00-21.00น.ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ โทร.0-2591-6310 สามารถจอดรถได้หน้าร้าน
คลิก!! อ่านรายละเอียดและการเดินทางไปยังร้าน "บ้านตำรับเนื้อตุ๋น"



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

http://matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01lad01020950&day=2007-09-02&sectionid=0115

วันที่ 02 กันยายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10767​

เส้นก๋วยเตี๋ยวป่วน

คอลัมน์ วัยทวีนส์

โดย เอกลักษณ์ ยิ้มวิไล



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>วันนี้เรามาแหกโค้งคุยกันในประเด็นเรื่อง "เส้นก๋วยเตี๋ยว" กันดีกว่าครับ

ส่วนสาเหตุก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ แต่เป็นเพราะข่าวคราวในช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่เกี่ยวโยงกับการกินก๋วยเตี๋ยวเป็นพิษ ก็เลยทำให้ชาวบ้านแทบทุกตรอกซอกซอยต่างรู้สึกกังวลว่า ร่างกายตนเองกำลังกลายเป็นที่บ่มสารพิษ จนชาวบ้านต่างรู้สึกขยาดที่จะรับประทานเส้นก๋วยเตี๋ยวกันอีก

ก่อนอื่นผมขออนุญาตเล่าถึงที่มาที่ไป และประวัติของเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เรารู้จักกันก่อนครับ

จะว่าไปแล้วเส้นก๋วยเตี๋ยวมีอยู่เกลื่อนโลก ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศจีน ญี่ปุ่น ไทย อิตาลี ก็ต่างมีเส้นก๋วยเตี๋ยวในรูปแบบของตน

ยกตัวอย่างจีนก็มีจำพวกบะหมี่ ญี่ปุ่นมีอุด้ง โซบะ ไทยก็มีเส้นจันท์ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ อิตาลีก็มีจำพวกเส้นสปาเกตตี้นั่นแหละครับ ส่วนถ้าถามว่าแล้วประเทศไหนที่เป็นต้นกำเนิดคิดค้นตำนานก๋วยเตี๋ยวขึ้นมา อันนี้ใครๆ ก็คงพอเดาออกกันดีว่าต้องเป็นประเทศจีนแน่นอน ซึ่งมีการค้นพบไหโบราณที่ทำด้วยดินเผาในเมือง Lajia ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจีน และอยู่ใกล้ปลายแม่น้ำเหลืองนั่นเอง

ซึ่งเป็นเรื่องแปลก เพราะในไหดังกล่าวกลับมีเส้นที่ฝังอยู่ในดิน มีความลึกกว่า 3 เมตร โดยจากการวัดอายุของไหและดินตะกอนในบริเวณโดยรอบ แสดงถึงสถานที่ดังกล่าวว่าเป็นแหล่งอาศัยของชุมชนมากกว่า 4,000 ปีโน้น ขณะที่หมู่บ้านดังกล่าวกลับถูกน้ำท่วมและแผ่นดินไหวถล่ม <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

เส้นที่ถูกค้นพบนั้นมีลักษณะสีเหลือง เพราะทำด้วยข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี และข้าวฟ่างนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ได้มีการสันนิษฐานกันว่า ก๋วยเตี๋ยวในประเทศไทยมีมาตั้งแต่ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยได้มีการติดต่อกับต่างชาติมากมาย และชาวจีนก็ได้นำเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้ามาทางเรือ

ส่วนเส้นสปาเกตตี้ก็มาจากการเดินทางของมาโคโปโลที่มาเยือนประเทศจีน และได้นำมาพัฒนาต่อจนกลายเป็นตระกูลพาสต้าทั้งหลายนั่นแหละครับ

ตราบนั้นมาคนไทยจึงนิยมบริโภคเส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารหลัก รองลงมาจากการรับประทานข้าวกันเลยทีเดียว

ทั้งนี้ เส้นส่วนมากมักได้รับการผลิตจากแป้งข้าวเจ้าที่มีความชื้นสูงทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย ผู้ผลิตจึงจำเป็นต้องใส่วัตถุกันเสีย ดังเช่นเจ้ากรดเบนโซอิก และกรดซอริบิก ที่กำลังเป็นข้าวครึกโครมในช่วงเวลานี้ เพราะหากรับประทานในปริมาณสูงเป็นระยะเวลานานๆ มีผลทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของตับและไตลดลง

ซึ่งทางคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานอาหารสากล CODEX ได้กำหนดให้ใช้กรดเบนโซอิกในเส้นก๋วยเตี๋ยวไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แต่ยังนับว่าโชคดี เพราะร่างกายของคนเราสามารถขับสารพิษเหล่านี้ออกได้ตามธรรมชาติ ถ้าบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมนะครับ

กล่าวคือ โซ้ยก๋วยเตี๋ยวซักชามสองชามยังถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างปลอดภัย แต่ถ้าสามชามถือว่าเริ่มเป็นการทำลายร่างกายแล้วนะครับ

อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยในเรื่องนี้ก็มิได้ทำให้ผู้คนแตกตื่นมากนักเท่าไหร่ จนถึงขั้นทำลายวัฒนธรรมการกินเส้นก๋วยเตี๋ยวหรือทำลายอุตสาหกรรมไปซะทีเดียว แต่เป็นการรับรู้และตื่นตัวต่อลักษณะและขอบเขตของการบริโภคและการผลิตเท่านั้นเอง

ไหนๆ เราพูดถึงเรื่องวัฒนธรรมการกินเส้นก๋วยเตี๋ยวไปบ้างแล้ว ประเทศไทยเราก็มีวัฒนธรรมการ "กินเส้น" ด้วยเช่นกัน

เราคงต้องยอมรับว่าบ้านเราชาวไทยต่างนิยมกินเส้นกันมาก ถ้าเปรียบเปรยกับการบ้านการเมืองแล้ว โดยเฉพาะดังที่เราเห็นกันในวันนี้ มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันอย่างชัดเจน

โดยเฉพาะหลังจากการลงประชามติเป็นที่เรียบร้อยก็มีการแบ่งลักษณะของเส้น ทั้งเส้นหมี่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ และเส้นก๋วยจั๊บ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเหนียวของแต่ละคน

แต่ปัญหาสำคัญคือ เจ้าโรงงานผลิตเส้นเนี่ยซิครับ มีไม่กี่โรง ที่รู้กันชัดเจนคือ เจ้าของโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน แต่ใช้ทรัพยากรและโรงงานในประเทศไทยตีตลาดข้ามโลก ซึ่งทำให้โรงงานอื่นๆ เกือบเจ๊งกันเป็นแถวๆ

ที่สำคัญคือ เส้นพวกนี้ "บูดง่าย" ครับ เพราะใส่สารกันบูดเช่นกัน

ดังนั้น ประเทศของเราจะสังเกตได้เลยว่ามีการแบ่งเส้นแบ่งสายกันอย่างชัดเจน ไม่สามัคคี หนำซ้ำยังใส่สารกันบูดเสียอีก ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว ประชาชนชาวไทยก็เป็นดั่งตับไตที่จะย่ำแย่เอา

เออ...กระผมก็ไม่รู้ว่าวกเข้ามาพูดเรื่องนี้กันทำไม แต่ขอให้ผู้อ่านทราบว่าภาษาอังกฤษเขามีประโยคที่พูดกันบ่อยๆ คือ You are what you eat หรือคุณเป็นสิ่งที่คุณเลือกที่จะทาน

ดังนั้น ในอนาคตจะเลือกกินอะไร จะเลือกเส้นลักษณะไหน ก็ต้องระวังกันให้มากกว่านี้ มิเช่นนั้นเดี๋ยวตัวท่านจะป่วยเสียเองนะครับ

 

ชิมก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณ ลูกชิ้นปลาลวก น้ำจิ้มรสเด็ด
<TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำหมู</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>ลูกชิ้นปลาลวกจิ้ม</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>กวยจั๊บน้ำข้น</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>หมูที่หมักแล้วสำหรับใช้ในก๋วยเตี๋ยวหมู</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>ลูกชิ้นหมูปิ้ง</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>ขนมถ้วย</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>เย็นตาโฟ</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>หมูสะเต๊ะ</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>กวยจั๊บที่เตรียมไว้ในถ้วย</TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=message-normal style="HEIGHT: 10px" vAlign=top align=middle><SCRIPT type=text/javascript>// URLs of slidesvar slideurl = new Array('http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/9/7/45380_42952.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/9/7/45380_42953.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/9/7/45380_42954.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/9/7/45380_42955.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/9/7/45380_42956.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/9/7/45380_42957.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/9/7/45380_42958.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/9/7/45380_42959.jpg','http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/food/9/7/45380_42960.jpg') ;// Comments displayed below the slidesvar slidecomment = new Array('ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำหมู','ลูกชิ้นปลาลวกจิ้ม','กวยจั๊บน้ำข้น','หมูที่หมักแล้วสำหรับใช้ในก๋วยเตี๋ยวหมู','ลูกชิ้นหมูปิ้ง','ขนมถ้วย','เย็นตาโฟ','หมูสะเต๊ะ','กวยจั๊บที่เตรียมไว้ในถ้วย');var picNo = new Array('0','1','2','3','4','5','6','7','8');var i;var j;var picturecontent=''function poppic(ncId,NewsType,picNum){window.open('../../html/popup_news/popup_news_popuppic.htm?' + slideurl[picNum] + '?Daily News Online : Food','','resizable=1,HEIGHT=200,WIDTH=200');}function createtable(){picturecontent ='<table width=100% cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0>' ;for (i=0;i<=(slideurl.length-1);i++) {picturecontent +='<tr>' ;picturecontent +='<td vAlign=top align=center>' ;picturecontent += '';picturecontent += '' ;picturecontent += '</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;picturecontent +='<tr>' ;picturecontent += '<td class=messageblack vAlign=middle align=center height=20>' ;picturecontent+=slidecomment ;picturecontent +='</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;}picturecontent+='</table>' ;document.getElementById("hlblTable").innerHTML=''+picturecontent+'';}createtable();</SCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top>เมื่อไม่นานมานี้ ผมเพิ่งได้ไปถ่ายทำรายการโทรทัศน์ของผมที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณนายทองสุข วันนี้ผมจึงขอนำมาเขียนแนะนำ ลงในคอลัมน์เดลินิวส์วาไรตี้ อีกครั้งหนึ่ง เผื่อเพื่อนคนไหน ไม่ทันได้ดูรายการ จะได้ไม่พลาดของ อร่อย ๆ กันนะครับ

ร้านนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานมาก และมีความเกี่ยวข้องกับญาติของผมด้วย เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อซัก 10 ปีมาแล้ว ลูกสาวของญาติผมได้เกิดอุบัติเหตุทางเรือ ในแม่น้ำเจ้าพระยาจนเสียชีวิตและศพได้จมน้ำหายไป จนครอบครัวของทางร้านนี้เป็นคนพบศพ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้ครอบครัวของญาติผมได้พบศพลูกสาว ญาติผมเลยมาบอกกับผมว่าร้านนี้เป็นร้านที่มีน้ำใจดีมาก และที่สำคัญก๋วยเตี๋ยวอร่อยมาก ให้ลองไปชิมดู

ผมลองไปชิมดู ปรากฏว่า อร่อยสมกับที่ญาติผมบอกจริง ๆ เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูสูตรโบราณ เนื้อหมูแต่ละชิ้นนั้น ถูกนำไปหมักใส่แป้งลงไปด้วย ทำให้เวลานำเนื้อหมูไปลวก เนื้อจะนุ่มไม่แข็งกระด้าง เส้นก๋วยเตี๋ยวใช้เส้นที่สดสะอาด ไม่ใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวที่เก็บเอาไว้นาน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวเรื่องสารกันบูดตกค้าง

ส่วนผสมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กระเทียมเจียวเป็นกระเทียมที่เจียวเองมีกากหมูปนมาด้วยกินกรุบ ๆ กรอบ ๆ ดี ถั่วคั่วและป่นเอง พริกก็คั่วเองเช่นกัน เพราะฉะนั้นส่วนผสมต่าง ๆ จะใหม่สะอาดอยู่เสมอ ส่วนน้ำซุปรสชาติ กลมกล่อมใช้ได้ ไม่หวานมาก จนเกินไป โดยเฉพาะ ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำหมู อร่อยมาก ทางร้านบอกว่าเป็นสูตร ของคุณพ่อคือนายทองสุข ซึ่งท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว เป็นสูตรโบราณตั้งแต่ปี 2502 จนตอนนี้เป็นรุ่นลูกที่สืบทอดต่อมาจากรุ่นพ่อแล้วนะครับ

หรือจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวเย็นตา โฟ ที่ใช้น้ำซอสปรุงรสที่ทำขึ้นมาเองโดยเฉพาะ จะมีส่วนผสมของซอสมะเขือเทศอยู่ในนั้นด้วย ทำให้ได้ทั้งรสเปรี้ยว เค็ม หวาน อยู่ในชามเดียวกัน และมีแมงกะพรุนกับปลาหมึกกรอบใส่มาให้ด้วย ผมชอบกินเสียด้วยซิครับ ที่มีเพิ่มขึ้นมาจากแต่ก่อน คือ กวยจั๊บน้ำข้น เป็นสูตรมาจากคุณแม่ ที่เป็นคนนคร ชัยศรี มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ไส้หมู โดยจะคัดเอาเฉพาะตรงส่วนของหัวไส้ซึ่งตรงส่วนนี้เวลากินจะกรุบ ๆ นำมาล้างทำความสะอาดอย่างดี จนไม่มีกลิ่นคาวหลงเหลืออยู่เลย แต่ผมจะชอบกินตับหมูและเลือดที่ใส่มาให้มากกว่า เส้นกวยจั๊บทำได้เหนียวนุ่ม กำลังดี ไม่เละตุ้มเป๊ะเหมือนบางร้าน น้ำของกวยจั๊บรสชาติก็เข้มข้นดีมาก ส่งกลิ่นหอมหวนชวนกินดีเหลือเกิน

ที่ร้านยังมี หมูสะเต๊ะ ที่ทำได้อร่อยพอสมควร แต่ผมขอติตรงอาจาด ที่รู้สึกว่าจะหวานไปหน่อย แต่ตัวน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะนั้นรสชาติใช้ได้แล้ว ไม่หวานมากและมีรสเปรี้ยวซึ่งตัดความเลี่ยนได้เป็นอย่างดี ผมดีใจมากที่น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะที่นี่ไม่หวาน เพราะผมกลัวเหลือเกินว่าจะหวาน แต่เสียดายที่ร้านนี้ไม่มีสะเต๊ะเนื้อ เพราะว่าที่นี่ไม่ขายเนื้อ ผมคงต้องไปหากินตามร้านที่เป็นอาหารอิสลามถึงจะได้กินสะเต๊ะเนื้อ

หรือใครจะสั่ง ลูกชิ้นปลาลวกจิ้ม มานั่งกินไปพลาง ๆ เพราะน้ำจิ้มของเขาทำเป็นเหมือนน้ำจิ้มซีฟู้ด รสชาติใช้ได้เลยครับ เข้ากันได้ดีกับลูกชิ้นปลา ยังมี ลูกชิ้นหมูปิ้ง ที่มีน้ำจิ้มเป็นตัว ชูโรงเหมือนกัน รสชาติเข้มข้นดีมาก ที่สำคัญคือไม่หวานจนเกินไปด้วย เพราะเดี๋ยวนี้ผมจะเจอแต่น้ำจิ้มลูกชิ้นปิ้งหวาน ๆ ทั้งนั้น

ส่วนของหวานมี ขนมถ้วย ให้กินตบท้ายนะครับ กะทิที่อยู่ข้างบน เค็มหวานกำลังดีและมีความหนากำลังดี แป้งที่อยู่ข้างล่างไม่แข็งกระด้างหวานกำลังดีอร่อยใช้ได้ครับ

พูดถึงบรรยากาศร้านจะอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ลมพัดเย็นสบายดี และบริเวณข้าง ๆ ร้านจะมีของขายอยู่เต็มไปหมด เป็นคล้าย ๆ กับตลาดนัดเลยครับ กินก๋วยเตี๋ยวอิ่มแล้ว แวะเดินตลาดได้อีก

ถ้าเพื่อน ๆ มีเวลาอย่าลืมนะครับ แวะไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณนายทองสุขกัน ร้านหาไม่ยากขับรถ ไปจากห้าแยกปากเกร็ด เส้นที่จะไปปทุมธานีนะครับ ตรงไปเรื่อย ๆ จนเห็นป้ายวัดศาลเจ้า ให้เลี้ยวซ้าย เข้าไปเลยครับ ร้านจะอยู่ตรงข้ามวัดเลยครับ ถ้าไปไม่ถูกก็ลองโทรฯ ไปสอบถามเส้นทางจากทางร้านก่อนไปได้.

หมึกแดง​

</TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Columnid=45380&NewsType=2&Template=1

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>กวยจั๊บ “จรัสพัฒน์” น้ำข้น รสเข้ม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 กันยายน 2550 11:39 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศภายในร้าน "กวยจั๊บจรัสพัฒน์"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> คำกล่าวที่ว่า เรื่องกินเรื่องใหญ่ เรื่องตายเรื่องเล็ก สำหรับ “ผ่านมาแวะกิน”แล้วเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะทำงานเหนื่อยยากอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้อิ่มหนำ และยิ่งในยุคที่เศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้จะกินอะไรทีต้องคิดหน้าคิดหลังว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือเปล่า ร่างกายได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่หรือไม่

อย่างร้านที่เลือกสรรมาในครั้งนี้มีชื่อว่า ร้าน “กวยจั๊บจรัสพัฒน์” เป็นร้านห้องแถวเล็กๆ ใกล้ทางลอดกลับรถใต้สะพาน ในย่านบางซื่อ เป็นร้านหนึ่งที่กินแล้วคุ้มค่า คุ้มราคา เรื่องฝีมือและรสชาติไม่เป็นรองใคร ร้านนี้เขาขายกวยจั๊บน้ำข้นเป็นหลัก มาแล้วสั่งรับรองไม่ผิดหวัง

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>กวยจั๊บน้ำข้นสูตรโบราณ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> กวยจั๊บน้ำข้นสูตรโบราณ (25, 30 บาท) เส้นกวยจั๊บทําด้วยแป้งทำเส้นก๋วยเตี๋ยว แต่หั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ เมื่อนำมาต้มสุกเส้นจะขดตัวม้วนเข้าหากัน ตักใส่ชามที่ภายในชามมีไข่ไก่ต้มผ่าซีก หมูกรอบหั่นเป็นชิ้น เต้าหู้ทอด เลือดหมู ตับหมูหั่นเป็นแผ่นบาง หนังหมูหั่น ปอด ไส้หมูที่ผ่านการล้างอย่างสะอาด และตุ๋นด้วยน้ำต้มพะโล้ ราดด้วยน้ำซุปที่เข้มข้นทั้งรสชาติและสีสันหอมกลิ่นเครื่องเทศ หมูกรอบกรุบกรอบแบบกรอบนอกนุ่มใน

ใครไม่กินเส้นกวยจั๊บแนะนำให้สั่ง เกาเหลารวม (25, 30 บาท) ที่พร้อมเสิร์ฟมาในชามด้วยน้ำซุปเข้มข้นที่มีทั้งผักคะน้า เลือดหมู ไข่ไก่ผ่าซีก เต้าหู้ทอด หนังหมูหั่น ตับ ปอด ไส้หมูต้ม หมูกรอบที่นี่โดดเด่นที่ใช้หมูสามชั้นมาหมักเกลือ ก่อนนำมาชุบแป้งทอดจนเหลืองกรอบ ซดน้ำซุปร้อนๆ กลมกล่อมคล่องคอ

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เส้นหมี่แห้งและเกาเหลารวม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> หรือถ้าชอบแบบแห้งก็สั่ง เส้นหมี่แห้ง (25, 30 บาท) ทางร้านใช้เส้นหมี่ลวกสุก ปรุงรส เสิร์ฟมาชามที่มี หมูกรอบ ไข่ต้มผ่าซีก ตับหมู หนังหมู ถั่วงอก ผักชี ผักคะน้า เต้าหู้ทอด และเครื่องในหมูต่างๆ ให้กันอย่างไม่หวงเครื่อง ปรุงรสแบบที่ชอบ เส้นหมี่เหนียวนุ่ม หมูกรอบหอมหวานเข้ากันดี

หากใครติดใจคิดจะสั่งกลับบ้านทางร้านก็ยังมีเมนูชวนชิมให้เลือกอีกทั้ง หมูกรอบ (จานละ 30 บาท/กก.ละ 250 บาท) น้ำลำไย ( 5 บาท) น้ำเก๊กฮวย (5 บาท) อิ่มแบบคุ้มค่า คุ้มราคา ครบตามหลักโภชนาการทั้ง 5 หมู่ ไม่ลองไม่รู้ “กวยจั๊บจรัสพัฒน์”


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ร้าน “กวยจั๊บจรัสพัฒน์” ตั้งอยู่ที่ 175 ถ.ประชาราษฎร์ สาย 2 เขตบางซื่อ แขวงบางซื่อ กทม.บริเวณเชิงสะพานสูงบางซื่อ ใกล้ทางลอดกลับรถใต้สะพาน เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00-16.00 น. ทุกวันจันทร์-เสาร์ หยุดทุกวันอาทิตย์ รับจัดงานนอกสถานที่ โทร.0-2585-7771, 08-9059-0994 สามารถจอดรถได้ที่ห้างฯ โลตัส สาขาเตาปูน

คลิก!! อ่านรายละเอียดและการเดินทางไปยังร้าน “กวยจั๊บจรัสพัฒน์”

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>รายละเอียดและการเดินทางไปยังร้าน "กวยจั๊บจรัสพัฒน์"</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 กันยายน 2550 11:33 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ชื่อร้าน : กวยจั๊บจรัสพัฒน์

ประเภทอาหาร : กวบจั๊บ

เมนูจานเด่น : กวยจั๊บน้ำขัน
บรรยากาศร้าน : ห้องแถว

ที่ตั้ง และการเดินทาง : ร้าน "กวยจั๊บจรัสพัฒน์" ตั้งอยู่ที่175 ถ.ประชาราษฎร์สาย 2 เขตบางซื่อ แขวงบางซื่อ กทม.บริเวณเชิงสะพานสูงบางซื่อ ใกล้ทางลอดกลับรถใต้สะพาน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00-16.00น. ทุกวัน อังคาร-อาทิตย์ หยุดทุกวันจันทร์
เบอร์โทรศัพท์ : โทร.0-2585-7771, 08-9059-0994
ที่จอดรถ:สามารถจอดรถได้ที่ห้างฯโลตัส สาขาเตาปูน

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=baseline><TD vAlign=top width=21 height=19></TD><TD class=hit align=left height=19>ข่าวล่าสุด ในหมวด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19>รายละเอียดและแผนที่การเดินทางไปยังร้าน "โครงแก้วเห็ดหอม"</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19>รายละเอียดและการเดินทางไปยังร้าน "เรือนขาวพวง"</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19>รายละเอียดและแผนที่การเดินทางไปยังร้าน "สถานีเชียงใหม่"</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19>การเดินทางไปจังหวัดอุตรดิตถ์</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19>รายละเอียดและการเดินทางไปยังร้าน "บ้านตำรับเนื้อตุ๋น"</TD></TR><TR vAlign=bottom><TD align=middle width=21 height=15></TD><TD align=right height=15></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

http://matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01fod01160950&day=2007-09-16&sectionid=0125

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10781​

ฝ่าดงก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ตามหาเจ้าเก่า "นายฮ้ง" กรอบนอกนุ่มใน

คอลัมน์ ตามรอยพ่อไปชิม

โดย ปิ่นโตเถาเล็ก



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ถ้าอยากเข้าป่าล่าเนื้อก็ต้องให้นายพรานมือหนึ่งเป็นผู้นำทางถึงจะสำเร็จฉันใด ฉันนั้น ถ้าปิ่นโตเถาเล็กนึกครึ้มอยากตระเวนชิมของอร่อยแถบย่านเก่าของเมืองบางกอกเมื่อใด ต้องใช้บริการของพ่อยอดชายนายอ๊อดทุกที อาณาเขตหากินของเจ้านี่กว้างขวางนับตั้งแต่ราชวงศ์ เยาวราช พลับพลาไชย ไปจนถึงสวนมะลิ

ไม่ได้ชิมก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ตั้งนานนมเน ถ้ามีลูกก็โตจนเข้าชั้นประถมแล้ว นึกขึ้นได้ว่าเจ้าอ๊อดเคยเกริ่นเรื่องตำนานร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ย่านพลับพลาไชยที่ขายคู่มากับก๋วยเตี๋ยวไก่สวนมะลิของเจ๊เค็ง ซึ่งเดี๋ยวนี้เจ๊เค็งแขวนตะหลิวให้ลูกขายแทนแล้วอยู่ที่หน้าสมาคมแพทย์จีน ติดวัดเทวีวรญาติ

ส่วนคั่วไก่เจ้านี้ไม่ได้หนีขายไปไหน ย้ายจากปากซอยเทวีวรญาติ (ฝั่งใกล้กับวัดเทพศิรินทร์) มาอยู่กลางซอย อย่ากระนั้นเลยให้เจ้าอ๊อดมันพาไปเปิดตำนานควานหาคั่วไก่กันดีกว่า

ร้านนี้มีชื่อว่า *ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่นายฮ้ง* ปักหลักขายมาได้ 30 กว่าปี ซึ่งนอกจากเจ้าอ๊อด พี่อ้วนเจ้าเก่าของเราก็รับประกันความอร่อยเช่นกัน เคยนำไปลงในหนังสือ "ร้านเด็ดย่านเยาวราช" มาแล้ว

ทางไปร้านนี้ไม่ยากเลย ถ้าท่านรู้จักวัดเทพศิรินทร์ ยิ่งถ้าต้องไปร่วมงานศพยิ่งดีใหญ่จะได้ไปจอดรถในวัดแต่เนิ่นๆ ตั้งแต่ห้าโมงเย็น จากนั้นให้เดินออกมาตรงถนนหลวง (ถนนที่ท่านเลี้ยวเข้าวัดนั่นแหละ) มาที่ห้าแยกพลับพลาไชย เดินข้ามแยกไฟแดงไปตามทางวันเวย์ของถนนเส้นนี้ ผ่านร้านข้าวต้มปลาห้าแยกพลับพลาไชย และร้านน้องแสตมป์ (ดูน่ากินไม่น้อย เดี๋ยวคราวหน้าจะมาแวะชิมบ้าง) อีกอึดใจเดียวมีซอยอยู่ทางขวา ตอนเย็นๆ หน้าปากซอยมีป้ายชี้ให้เข้าซอยไปร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่น้องแอน ซอยนี้คือ ซอยวัดเทวีวรญาติ (แต่คิดว่าไม่มีป้ายชื่อ) ให้เลี้ยวขวาเข้าซอยไป ร้านแรกที่เห็นคือร้านน้องแอน อดใจไว้ก่อนนะ ให้เดินเลี้ยวซ้ายอีกที นั่นแหละร้านถัดไปข้างหน้าคือร้านคั่วไก่นายฮ้งที่ผมนัดเจ้าอ๊อดไว้ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ซอยนี้เป็นดงก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ นอกจากร้านน้องแอนกับร้านนายฮ้งแล้ว ถ้าเดินต่อไปจนออกปากซอยฝั่งถนนยุคล 2 ยังมีอีกเจ้าดักอยู่ด้วย รวมเป็น 3 ราย อยากชิมมันหมดทุกเจ้าก็ไม่ผิดกติกาอันใด

ลืมบอกไปว่า ถ้ามาตอนค่ำจะจอดริมถนนหลวงฝั่งตรงข้ามวัดเทพศิรินทร์ก็ได้ (ยกเว้นตำรวจจะนำป้ายห้ามจอดชั่วคราวมาตั้งไว้ก็หมดสิทธิ) หรือเลี้ยวขวาที่ห้าแยกไปจอดริมถนนพลับพลาไชยก็ได้เช่นกัน

ร้านนายฮ้งตั้งโต๊ะเรียงรายกลางแจ้งโอบล้อมบ้านตัวเองทั้งสองด้าน ส่วนนายฮ้งกับผู้ช่วยอีกคนจะร่วมด้วยช่วยผัดเหยงๆ กันอยู่ 2 คน 2 กระทะที่มุมบ้าน เชิญนั่งตามใจชอบ

จะบอกให้ว่าข้อดีของการมาแต่ห้าโมงเย็นอยู่ที่ว่า ท่านจะได้กินของดีที่ผมอด เพราะหมดแล้ว (ดันไปตั้งสองทุ่มจะเหลือเหรอ) ได้แก่ *หนังไก่ทอดกับข้อไก่ทอด* ซึ่งเจ้าอ๊อดบอกว่าอร่อยเด็ดเหลือหลาย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ถ้ามาเกินหกโมงเย็นมักจะหมดเกลี้ยงแล้ว เนื่องจากเขาไม่ได้สั่งหนังไก่ ข้อไก่เปล่าๆ มาเพิ่มต่างหาก แต่อาศัยลอกหนังมาจากเนื้อไก่ที่ใช้ผัดแค่นั้น

แต่ไม่เป็นไร เราตั้งใจมากินคั่วไก่จานเด็ด เรามาสามคนสั่งไม่เหมือนกันเลย ตัวผมเองมีจานโปรดเป็น *ก๋วยเตี๋ยวอบ* หมายถึงเมื่อคั่วเส้นใหญ่กับเนื้อไก่เสร็จแล้ว มีการตอกไข่ลงไปทั้งลูกแล้วเอาฝามาปิดอบไว้ จะได้ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ที่มีไข่สุกเยิ้มๆ ทั้งลูกโปะหน้าอยู่ ส่วนภรรยากระผมเลือกกิน *เส้นใหญ่คั่วไก่แบบปกติ* ส่วนเจ้าอ๊อดพิเศษกว่าใครขอเป็น *เส้นหมี่คั่วไก่*

จะเป็นชนิดไหนก็ตาม ความเด็ดอยู่ที่เส้นก๋วยเตี๋ยวที่เขาผัดจนกรอบนอกนุ่มในอร่อยเหลือหลาย ส่วนเนื้อไก่นั้นก็แห้งแต่ชุ่มฉ่ำ นอกจากนี้ยังมีปลาหมึกแช่ตามธรรมเนียมอีกด้วย

ถ้าเป็นอย่างไข่อบที่ผมกินจะได้ความฉ่ำความชุ่มแฉะจากไข่แดงอบ ถ้าชอบแห้งๆ ต้องกินอย่างธรรมดา ส่วนถ้าเป็นเส้นหมี่นั้นผัดได้กรอบเช่นกัน แต่เส้นหมี่จะอมน้ำมันมากกว่าเส้นใหญ่ สนนราคาธรรมดา 25 บาท พิเศษ 30 บาท

อย่าลืมทีเด็ดอีกอย่าง ให้ขอน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเป็น *แกงต้มฟัก* มาต่างหากด้วย ซดคล่องคอแก้เลี่ยน น้ำหวานอร่อย ทำให้เจริญอาหารยิ่งขึ้น จนผมต้องสั่งเส้นหมี่คั่วเพิ่มอีกชาม แถมยังขอแบ่งจากภรรยาอีกด้วย

ส่วนใครชอบน้ำๆ จะสั่งก๋วยเตี๋ยวน้ำหรือเกาเหลามากินแทนก็ได้เช่นกัน

อย่าตั้งหน้าตั้งตากินลูกเดียว ให้ไปยืนดูลีลาการผัดของเฮียฮ้ง ชมทีท่าลวดลายการกระดกกระทะ การโยกตัวย่อตัวของพี่ท่าน ไม่เสียแรงที่ฝึกปรือจากอากู๋อาม่าตั้งแต่ยังเล็ก จนรับช่วงต่อมายาวนานถึง 30 กว่าปี

ปิดท้ายด้วยเคล็ดลับการมากินอย่างเพลิดเพลิน ร้านนี้ลูกค้ามาอุดหนุนกันมากตอนวันศุกร์ถึงวันจันทร์ จึงควรมาวันอังคารถึงพฤหัสบดีคนจะน้อยกว่า และอย่าลืมมาก่อนหกโมงเย็นเพื่อชิมหนังไก่และข้อไก่ทอด

แต่ถ้าเลือกไม่ได้มาวันไหนก็มาเถอะ ขนาดผมมาวันเสาร์ยังสบายๆ เลย ของอร่อยอย่างนี้ อ่านเสร็จแล้วไปตอนเย็นทันทีวันนี้ยังได้เลย

ข้อมูล

ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่นายฮ้ง

โดย นายฮ้ง แซ่แต้

ที่ตั้ง 26/1 ซอยเทวีวรญาติ ถนนหลวง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100

โทร.0-2222-4047

เปิดบริการ 17.00-23.00 น. ทุกวัน

หยุด เทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์

อาหารแนะนำ ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่คั่วไก่ ก๋วยเตี๋ยว (ไข่) อบ เส้นหมี่คั่วไก่ หนังไก่ทอด ข้อไก่ทอด (อย่าลืมขอน้ำซุปต้มฟักมาต่างหาก)