พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 49 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 47 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, พิศดู</td></tr></tbody></table>
    โมทนาบุญในทุกบุญทุกประการครับคุณพิศดู

    หนังสือการไหว้ 5 ครั้งและรูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ) วัดเทพศิรินทราวาสที่คุณพิศดูได้ร่วมทำบุญนั้น

    มอบหนังสือให้พี่ใหญ่ จำนวน 100 เล่ม และรูป จำนวน 200 ใบ

    ถวายหนังสือหลวงพ่อแผน วัดบ่อเงินบ่อทอง จำนวน 100 เล่ม และ รูปจำนวน 335 ใบครับ


    ผมเองคงต้องไปที่วัดบ่อเงินบ่อทองอีก ว่าจะนำทราย(ที่เคยได้จากเพื่อนผมและที่ไปซื้อมา ป้องกันน้ำท่วม) ไปถวายท่านอีก

    หากคุณพิศดู มีเวลาว่าง ขอเชิญไปกราบหลวงพ่อแผนได้ จะได้ไปร่วมทำบุญสร้างโรงเรียนกัน

    วันนี้ ผมเดินดูภายในวัด เห็นหลายสิ่งหลายอย่างแล้วก็ชื่นใจและอิ่มใจดีครับ

    ตอนที่ไปเจอหน้าหลวงพ่อแผน ท่านบอกกับผมว่า ท่านคิดถึงผมมาประมาณครึ่งเดือนได้แล้ว ท่านบอกว่า คิดถึงผม ผมไปช่วยบอกบุญตั้งแต่เริ่มแรก ทั้งงานบุญหลายๆงาน เช่น ขุดบ่อน้ำบาดาล , กุฎิดิน และโรงเรียนพระปริยัติธรรม(หลังแรก) พอเริ่มหลังที่สองที่จะรองรับกับจำนวนสามเณรที่มากขึ้นได้ อีกทั้งเป็นที่ปฎิบัติธรรมสำหรับอุบาสกและอุบาสิกาในอนาคต

    ผมเองก็คิดถึงหลวงพ่อแผน ก็เลยต้องไปกราบท่าน

    มาเล่าสู่กันฟังครับ


    .
     
  2. พิศดู

    พิศดู สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +24
    สวัสดีครับคุณสิทธิพงษ์ สัปดาห์ปลายเดือนนี้ถ้าผมกลับบ้านที่พนัสนิคมจะหาโอกาสไปกราบหลวงพ่อและร่วมทำบุญกลับหลวงพ่อครับ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กลับเมื่อไหร่ PM มาบอกผมด้วยครับ

    ผมเองยังไงก็ต้องขนทรายที่บ้าน ไปถวายหลวงพ่อแผนอีก น่าจะไม่น้อยกว่า 2 ครั้งครับ


    [​IMG]

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2012
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    “เมาเหมือนหมา” ภาพสะท้อนเรื่องจริง แต่ไม่อาจมีที่ยืน
    -http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000099163-
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody> </table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</td> <td class="date" align="left" valign="middle">12 สิงหาคม 2555 19:21 น.</td></tr></tbody> </table>
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]








    “เสรีภาพทางความคิด” คำๆนี้บนผืนแผ่นดินไทยคงเป็นสิ่งที่หายากเต็มที่ จากหลายครั้งหลายคราที่ความคิดเห็น มุมมองที่ “ต่าง” ไม่เคยได้รับการยอมรับจากสังคมไทย อย่างโปสเตอร์ภาพชิ้นล่าสุดที่เปรียบเปรยคนว่า “เมาแล้วเหมือนหมา” ก็ต้องยอมถอดออกเพราะต้านแรงเสียดทานจากคนที่ไม่ยอมรับความจริงไม่ไหว แล้วเมื่อไหร่กันที่เราจะเลิกยึดติดกับความคิดฝังรากลึกแบบมายาคติ ที่ไม่เคยช่วยให้ประเทศได้พัฒนาก้าวหน้าสักนิดเลย

    “เมาเหมือนหมา” งานคิดดีแต่โดนแบน

    ล่าสุดกับการประกวดโปสเตอร์ภาพของสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภายใต้หัวข้อ “หยุดหาข้ออ้าง เข้าข้างเหล้า ไม่ดื่ม ไม่เมา เราทำได้” โดยภาพที่ชนะการประกวดคือภาพ “อย่าเสียความเป็นคนด้วยน้ำเมา” โปสเตอร์ กัดเจ็บสำหรับคนดื่มเหล้าด้วยภาพที่สื่อว่า เมาจนคนกลายเป็นหมา ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากว่าไม่เหมาะสมโดยภาพนี้ได้รับรางวัลเพียง แค่ 3 วัน ก็ต้องถอดรางวัลออก รวมถึงถูกแบน ยุติการตีพิมพ์เผยแพร่ด้วย

    โดยกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ วิสา เบ็ญจะมโน มองว่า “โปสเตอร์ ภาพดังกล่าว เป็นการผสานระหว่างจินตนาการ และงานศิลปะเข้าด้วยกัน ไม่ได้มองว่าเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และไม่เป็นการกระทบสิทธิเสรีภาพของบุคคลใด ดังนั้นจึงอยากให้มองที่เจตนา หรือ แนวคิดของเจ้าของผลงาน ที่ต้องการสื่อสารออกมามากกว่า”

    นอกจากนั้นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ยังเสนอว่า จากนี้ไปหากหน่วยงานใด จะมีการจัดประกวดเหมือนเช่นลักษณะนี้ ผู้จัดประกวดก็ควรระมัดระวัง และตรวจสอบให้รอบคอบ ก่อนมีการเผยแพร่สู่สังคม โดยเฉพาะการสื่อสารผ่านภาพ ที่สุ่มเสี่ยงส่งผลกระทบต่อสิทธิของบุคคลอื่นได้ โดยที่เจ้าของผลงานนั้นอาจไม่ได้ตั้งใจ

    งานไอเดียเด็ด ได้รางวัล แต่ไม่มีสิทธ์เผยแพร่

    เหตุการณ์โดนแบนงานศิลปะต่างๆ ไม่ได้ปรากฏเพียงแค่งานภาพถ่ายเท่านั้น แต่ผลงานหลายๆ ชิ้นทั้ง ภาพวาด ภาพยนตร์ ภาพยนตร์สั้น หรือผลงานการเขียนต่างๆ ก็ล้วนแต่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้เช่นกัน เลยทำเอาศิลปินผู้สร้างงานหลายคนส่ายหน้าและเอือมระอากับระบบความคิดติดกรอบ และยึดมั่นถือมั่นฝังหัวกับความคิดแบบเดิม

    อีกหนึ่งกรณีที่เป็นที่โด่งดังเกี่ยวกับภาพ "ภิกษุสันดานกา" ขอ งอนุพงษ์ จันทร ที่ได้รับรางวัลเหรียญทองจากการประกวดผลงานศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 53 ประจำปี 2550 โดยมหาวิทยาลัยศิลปากร (มศก.) ในขณะนั้นก็ตกเป็นข่าวดังบนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ หลังจากมีพระภิกษุสงฆ์และกลุ่มนิสิตพระสงฆ์ออกมาประท้วงและให้ระงับการแสดง อันเนื่องมาจากความไม่เหมาะสมและสื่อถึงการดูหมิ่นศาสนา โดยในภาพวาดนั้นปรากฏภาพพระภิกษุ 2 รูปหลับตาเอาศีรษะชนกันและมีปากเป็นปากของกา นอกจากนี้ยังมีรอยสักเต็มตัว และแสดงกิริยาแย่งสายสิญจน์กับตะกรุดที่อยู่ในบาตร

    จากความไม่เหมาะสมของงานศิลป์ชิ้นนี้ที่สื่อความหมายออกมาค่อนข้าง ขัดกับความคิดของคนในสังคมไทย โดยเฉพาะกับวงการสงฆ์ จึงมีคำตำหนิออกมาอย่างมากมาย ทั้งความไม่เหมาะสมระหว่างภาพกับบริบทสังคมไทย ความไร้จริยธรรมต่อสังคมที่นำเสนอภาพ อาจเกิดความเข้าใจผิดหากผู้ชมที่ไม่มีวิจารณญาณ เป็นการนำเรื่องที่ไม่ควรพูดมาพูดในที่สาธารณะ จนกระทั่งถึงขนาดกล่าวว่า จิตกรผู้นี้เป็นคนจิตไม่ปกติ วิปลาส ฟั่นเฟือน และและมองว่าผู้ให้รางวัลนั้นไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม

    หลังเกิดเหตุการณ์ความไม่พอใจในผลงานศิลป์ชิ้นนี้ อนุพงษ์ จันทร ผู้เขียนภาพให้ความเห็นไว้ว่า “ผม สร้างงานศิลปะขึ้นมาไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะทำลายศาสนา แต่ผมมองไปถึงปัญหาของสังคมในปัจจุบัน ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น ให้คนในสังคมได้ฉุกคิด ภาพของผมต้องการสื่อว่า มีคนกลุ่มหนึ่งที่อาศัยศาสนาเป็นเครื่องหาผลประโยชน์ โดยชื่อ ของ ผลงานผมก็ไม่ได้ตั้งขึ้นเอง แต่เอามาจากพระไตรปิฎก ที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ถึงภิกษุลามกรูปหนึ่ง ที่ไม่ควรค่าแก่การกราบไหว้” (วิวาทะแห่งข้อขัดแย้ง : จากฆราวาสสู่สังฆาวาส)

    รวมถึงภาพยนตร์สั้นชุด “ขอโทษ ประเทศไทย” เมื่อสองปีที่แล้ว ผลิตโดยกลุ่มเครือข่ายพลังบวก ที่ทางคณะกรรมการเซ็นเซอร์ได้สั่งห้ามนำแพร่ภาพทางฟรีทีวี โดยให้เหตุผลว่าเป็นประเด็นที่เข้มข้นเกินไป และเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง โดยในโฆษณา “ขอโทษ ประเทศไทย” ได้ใช้ภาพในเหตุการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง และกลุ่มพันธมิตร รวมทั้งภาพการปะทะกันระหว่างทหารและกลุ่มคนเสื้อแดง ภาพของไอ้โม่งชุดดำ ภาพตึกและอาคารต่าง ๆ ที่ถูกไฟไหม้ด้วย

    โดยผู้ผลิตโฆษณาชิ้นนี้ ภาณุ อิงคะวัต นัก โฆษณาชื่อดังและผู้ก่อตั้งกลุ่มพลังบวกเคยกล่าวว่า ทางทีมงานที่ร่วมกันผลิตรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ออกอากาศ เพราะโฆษณาชิ้นนี้ถือเป็นโฆษณาที่ดี แต่เราไม่กล้าเอาความจริงมาพูดคุยกันในที่สาธารณะ เพราะอาจจะไปโดนใจดำของบางคน

    “การทำโฆษณาชิ้นนี้เราไม่ได้บอกว่า ใครเป็นคนผิด แต่ทุกคนผิดกันหมด ปัญหาที่เกิดขึ้นมักถูกทับถมทับซ้อน เราจึงอยากกระตุกให้เห็นถึงปัญหาที่มีมานานแต่ก็ไม่มีใครแก้ เหตุที่ไม่ได้รับอนุญาติให้ออกอากาศเนื่องจากเกรงว่าวิธีเล่าเรื่อง หรือการลำภาพอาจทำให้เกิดปัญหาขึ้น เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน”

    ถึงแม้โฆษณานี้จะไม่ได้ฉายทางฟรีทีวี แต่ก็สามารถรับชมได้จากทางเว็บไซต์อย่างยูทิวบ์ ที่ ณ ตอนนี้มียอดผู้เข้าชมกว่าสองล้านคน ซึ่งผลงานชิ้นนี้ก็ได้รับคำชื่นชมเป็นจำนวนมากแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังไม่ สามารถนำฉายทางฟรีทีวีได้อยู่ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2012
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน
    ผมแจ้งการไปหาท่านอาจารย์ประถม และ พบปะพูดคุยกันทางEmail แล้วครับ
    หากท่านใดว่าง ขอเรียนเชิญไปพบปะพูดคุยกันครับ
    .

    “เมาเหมือนหมา” ภาพสะท้อนเรื่องจริง แต่ไม่อาจมีที่ยืน
    -http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000099163-
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody> </table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</td> <td class="date" align="left" valign="middle">12 สิงหาคม 2555 19:21 น.</td></tr></tbody> </table>

    พาเหรด หนังโดนแบน

    อีกหนึ่งสาขาของงานศิลป์คือภาพยนตร์ ในส่วนนี้หากยังจำกันได้ สำหรับความฮือฮาเมื่อ อินเซค อิน เดอะ แบคยาร์ด (Insect In The Backyard) โดยผู้กำกับธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ได้กลายเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของประเทศไทยที่ได้เรท ห ถูกสั่ง ห้ามฉาย ในราชอาณาจักรไทยเป็นครั้งแรกหลังมีการจัดระบบเรทติ้ง และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่อง เชคสเปียร์ต้องตาย เขียน บทและกำกับโดยสมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ โดยดัดแปลงจากบทละครโศกนาฏกรรมแม็คเบ็ธ ของวิลเลียม เชกสเปียร์ ก็ถูกจัดอยู่ในเรทห้ามฉายอีกครั้ง จึงทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เปิดกว้างทางความคิด ซึ่งหากย้อนกลับไปก่อนจะเกิดระบบเรทติ้ง ในประเทศไทยก็มีภาพยนตร์ที่โดนแบนถูกสั่งห้ามฉายอยู่หลายเรื่องอยู่เหมือน กัน

    คนกราบหมา (2540) ภาพยนตร์ที่เขียนบทและกำกับโดยสมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ นำแสดงโดยกฤษดา สุโกศล และธาริณี เกรแฮม เป็นหนังตลกร้ายว่าด้วยลัทธิประหลาดที่ผู้คนพากันกราบไหว้หมา ต่อมาก่อนกำหนดการฉายหนัง มีผู้ส่งโทรสารร้องเรียนไปที่กองเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ ว่าบทภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เหมาะสม และดูหมิ่นศาสนาพุทธ กองเซ็นเซอร์ภาพยนตร์เข้ามาตรวจสอบแล้ว ไม่อนุญาตให้ฉายภาพยนตร์เรื่องนี้

    ทองปาน (2519) ภาพยนตร์ไทยกึ่งสารคดี สร้างจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2518 ของทองปาน เรื่องราวเกี่ยวกับชาวนาอีสานที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างเขื่อนผา มองเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงตอนกลาง โครงการนี้เป็นโครงการของสหรัฐอเมริกาโดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลก เป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดเลย หนองคาย หลวงพระบาง และเวียงจันทน์ จมอยู่ใต้น้ำ

    หลังจากถ่ายทำเสร็จไม่นาน และอยู่ระหว่างการตัดต่อ ก็เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา ขึ้น บรรดานักแสดงและทีมงานต้องตกเป็นผู้ต้องหา กระทำการเป็นคอมมิวนิสต์ หลบหนีเข้าป่า ไพจง ไหลสกุล ผู้อำนวยการสร้าง, เขียนบท และกำกับ ต้องหลบหนีออกไปต่างประเทศพร้อมกับฟิล์มภาพยนตร์ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์ต้องห้าม ไม่มีโอกาสฉายในประเทศไทยในรอบปกติ เพลง "คนกับควาย" ของสุรชัย จันทิมาธร ในเรื่อง ก็เป็นเพลงต้องห้าม

    อินเซค อิน เดอะ แบคยาร์ด (2553) ภาพยนตร์แนวดราม่า โดยผู้กำกับธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ เล่าเรื่องราวของความสัมพันธ์ของ “ธัญญ่า” กะเทยวัย 35 ที่ชอบใช้ชีวิตเลียนแบบดาราฮอลลีวู้ด กับ “เจนนิเฟอร์” น้องสาววัย 17 ที่พยายามทำติสท์ตามกระแสวัยรุ่น และกำลังอยากมีแฟนอย่างมาก และ “จอห์นนี่” น้องชายวัย 15 ที่ไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนและมักจะเก็บตัวอยู่ในห้องกับโลกไซเบอร์ ภาพยนตร์จะเล่าเรื่องราวของพวกเขาผ่านเรื่องของความรักที่พยายามไขว่คว้า ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง มิตรภาพที่ต้องพิสูจน์ อีกทั้งความต้องการทางเพศที่คุกรุ่นอยู่ในใจ ทั้งหมดนี้ต่างเป็นตัวปัญหาของพวกเขา และมีผลทำให้พวกเขาเหล่านี้ไม่เข้าใจถึงความรู้สึกนึกคิด ของคนที่มีความแตกต่างระหว่างวัยและเพศที่แตกต่างกัน หนังเล่าเรื่องราวของแต่ละคนก่อนและหลังเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้พวกเขาต้อง แยกจากกันไป เพื่อได้เรียนรู้สิ่งที่ทำลงไป และได้ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสะท้อนถึงสิ่งที่ผ่านมาในอดีต ที่จะทำให้พวกเขาได้เติบโตขึ้นและตัดสินใจเลือกชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยตัวเอง

    เชคสเปียร์ต้องตาย (2555) ภาพยนตร์นอกกระแส เขียนบทและกำกับโดยสมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ ดัดแปลงจากบทละครโศกนาฏกรรมแม็คเบ็ธ ของวิลเลียม เชกสเปียร์ ให้เข้ากับบริบทของวัฒนธรรมไทย ภาพยนตร์ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบละครซ้อนละคร ดำเนินเรื่องควบคู่กันไป มีเหตุการณ์สองส่วน คือละครเวที และโลกภายนอกในเหตุการณ์ร่วมสมัย มีตัวละครนำชื่อ "เมฆเด็ด" เป็นขุนนางที่ล้มอำนาจกษัตริย์ และสถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ เมฆเด็ดลุ่มหลงในอำนาจ เกิดหวาดระแวงว่าจะถูกล้มล้าง จนต้องฆ่าใครต่อใครเพื่อจะได้อยู่ในอำนาจต่อไป เรื่องราวทั้งหมดเล่าผ่านมุมมองของตัวละครที่ชื่อว่า "บุญรอด"

    จากหลายเหตุการณ์โดนแบนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งฉายภาพความจริงให้ชัดเจนว่าประเทศไทยยังไม่มีพื้นที่เสรีภาพให้กับงาน ศิลปะอย่างแท้จริง และอีกสิ่งที่น่าเป็นวิตกกังวลคือเรื่องการไม่ยอมรับความจริงของบางคนที่ว่า บางเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องดีก็ไม่ควรนำออกมาเผยแพร่ซึ่งหลายชิ้นงานก็อาจจะ จี้ใจดำบางคน แต่ถ้าหากถามคนไทยว่าเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในสังคมจริงหรือเปล่า เชื่อว่าในใจทุกคนย่อมมีคำตอบดีอยู่แล้ว

    ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2012
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 31 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 28 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, Natachai, Mckaforce</td></tr></tbody></table>


    สวัสดีครับน้องแม็ค

    .__________________.
    .__________________.
    .__________________.


    สุดซึ้ง!! แม่สุนัขคาบลูกทีละตัวหลบภัย หนีระเบิดในชิลี

    -http://news.mthai.com/world-news/182852.html-

    เขียนโดย nattawat_86 โพสต์เมื่อ <abbr class="published" title="2012-08-12 09:39:46">วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม 2555</abbr>

    [​IMG]

    สุดซึ้ง!! แม่สุนัขคาบลูกทีละตัวหลบภัยในรถดับเพลิง หนีระเบิดในชิลี
    Mthainews: มีการส่งต่อ เผยแพร่ภาพสุดซึ้งของแม่สุนัขตัวหนึ่งที่มันพยายามคาบลูกน้อยวัยเพียง 10 วัน ให้รอดพ้นจากภัยอันตรายจ ทั้งระเบิด คาร์บอม ที่เกิดขึ้นในประเทศชิลี เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา

    [​IMG]

    เจ้า อมันดา แม่สุนัขพันธุ์เยอรมันเชฟเฟิร์ด ต้องเสี่ยงที่จะสูญเสียลูกไปในเหตุความวุ่นวายกลางเมือง บ้านเรือนถูกเผา จนกระทั่งมันต้องคาบลูกหนีออกมาแล้วนำมาวางไว้บนรถดับเพลิง ทีละตัว เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ซึ่งภายหลังที่ช่วยลูกๆได้สำเร็จ อมันดานั่งเฝ้าลูกอยู่ไม่ห่าง พยายามป้องกันลูกไว้จากเหตุอันตราย

    [​IMG]

    อย่างไรก็ดี สัตวแพทย์ได้เข้ามาช่วยเหลือพวกมัน แต่น่าเศร้าที่ลูกของมันตัวหนึ่งตายไป เนื่องจากทนพิษบาดแผลที่เผาไหม้ทั่วร่างกาย
    เฟลิป ลาร่า สัตวแพทย์ที่ช่วยเหลือพวกมัน กล่าวว่า อมันดา แม่สุนัขมีท่าทีหวงลูกไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ มันโอบลูกๆเอาไว้ และจับจ้องมองไม่ให้คลาดสายตา

    [​IMG]

    ภาพดังกล่าวแสดงถึงความรัก ความห่วงใยของผู้ที่เป็นแม่ ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ ก็มีความผูกพันระหว่างแม่และลูกเช่นเดียวกัน
    Mthai News



    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.7 KB
      เปิดดู:
      26
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.9 KB
      เปิดดู:
      24
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.1 KB
      เปิดดู:
      22
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48 KB
      เปิดดู:
      27
    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.7 KB
      เปิดดู:
      45
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.9 KB
      เปิดดู:
      43
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.1 KB
      เปิดดู:
      35
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48 KB
      เปิดดู:
      36
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2012
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ไหว้ 5 ครั้ง
    ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( เจริญ ญาณวรเถระ )
    วัดเทพศิรินทราวาส

    [​IMG]


    คัดลอกจาก http://www.konmeungbua.com/saha/Lung...pu_armpan.html
    คัดลอกจาก http://www.konmeungbua.com/saha/Lung...pu_armpan.html

    ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ไม่ว่าเวลาไร ตามแต่เหมาะต้องไหว้ให้ได้ 5 ครั้งเป็นอย่างน้อย ในคราวเดียวนั้น ถ้ามีดอกไม้ธูปเทียนก็บูชา ถ้าไม่มีก็มือ 10 นิ้วและปากกับใจ ควรไหว้จนตลอดชีวิต คือ


    ครั้งที่ 1 พึงนั่งกระโหย่งเท้าประณมมือว่า

    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ 3 หน

    แล้วว่าพระพุทธคุณ คือ
    อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ ฯ

    หยุด ระลึกถึงพระปัญญาคุณทรงรู้ดีรู้ชอบสิ้นเชิง พระบริสุทธิคุณทรงละความเศร้าหมองได้หมด พระกรุณาคุณทรงสงสารผู้อื่นและสั่งสอนให้ปฏิบัติตามของพระพุทธเจ้า จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ


    ครั้งที่ 2 ว่าพระธรรมคุณ คือ

    สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโน สนฺทิฆฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญญูหีติ ฯ

    หยุดระลึกถึงคุณพระธรรมที่รักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ


    ครั้งที่ 3 ว่าพระสังฆคุณ คือ
    สุ ปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฐปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโยทกฺขิเนยฺโย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติฯ

    หยุดระลึกถึงคุณ คือ ความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบ ของพระอริยสงฆ์ จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    นั่งพับเพียบประณมมือตั้งใจถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะไม่ถือสิ่งอื่นยิ่งกว่าจนตลอดชีวิต ว่าสรณคมน์ คือ
    พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
    ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
    สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ

    ครั้งที่ 4 ระลึกถึงคุณมารดาบิดาของตน จนเห็นชัดแล้ว กราบลงหน 1 ฯ

    ข้า ฯ ขอ กราบไหว้คุณท่านบิดาและมารดา
    เลี้ยงลูกเฝ้ารักษา แต่คลอดมาจึงเป็นคน
    แสนยากลำบากกายไป่คิดยากลำบากตน
    ในใจให้กังวลอยู่ด้วยลูกทุกเวลา
    ยามกินพอลูกร้องก็ต้องวางวิ่งมาหา
    ยามนอนห่อนเต็มตาพอลูกร้องก็ต้องดู
    กลัวเรือดยุงไรมดจะกวนกัดรีบอุ้มชู
    อดกินอดนอนสู้ ทนลำบากหนักไม่เบา
    คุณพ่อแม่มากนักเปรียบน้ำหนักยิ่งภูเขา
    แผ่นดินทั้งหมดเอามาเปรียบคุณไม่เท่าทัน
    เหลือที่ จะแทนคุณ ของท่านนั้น ใหญ่อนันต์
    เว้นไว้ แต่เรียนธรรม์ เอามาสอนพอผ่อนคุณ
    สอนธรรมที่จริงให้ รู้ไม่เที่ยงไว้เป็นทุน
    แล้วจึงแสดงคุณ ให้เห็นจริงตามธรรมดา
    นั่นแหละจึงนับได้ ว่าสนองซึ่งคุณา
    ใช้ค่าข้าวป้อนมาและน้ำนมที่กลืนกิน ฯ

    ครั้งที่ 5 ระลึกถึงคุณของบรรดาท่านผุ้มีอุปการคุณแก่ตน เช่น พระมหากษัตริย์และครูบาอาจารย์ เป็นต้นไป จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ข้า ฯ ขอนอบน้อมคุณแด่ท่านครู ผู้อารี
    กรุณาและปรานีอุตส่าห์สอนทุก ๆ วัน
    ยังไม่รู้ ก็ได้รู้ ส่วนของครูสอนทั้งนั้น
    เนื้อความทุกสิ่งสรรพ์ดีชั่วชี้ ให้ชัดเจน
    จิตมากด้วยเอ็นดูอยากให้รู้เหมือนแกล้งเกณฑ์
    รักไม่ลำเอียงเอนหวังให้แหลมฉลาดคม
    เดิมมืดไม่รู้แน่เหมือนเข้าถ้ำเที่ยวคลำงม
    สงสัยและเซอะซมกลับสว่างแลเห็นจริง
    คุณส่วนนี้ควรไหว้ ยกขึ้นไว้ ในที่ยิ่ง
    เพราะเราพึ่งท่านจริงจึงได้รู้ วิชาชาญ ฯ

    (บทประพันธ์สรรเสริญคุณมารดาบิดา และ ครูบาอาจารย์ของ ท่านอาจารย์ จางวางอยู่ เหล่าวัตร วัดเทพศิรินทราวาส ลิขสิทธิ์เป็นของ ท่านเจ้าคุณพระโศภนศีลคุณ (หลวงปู่หลุย พาหิยาเถร) วัดเทพศิรินทราวาส)

    ต่อ ไปนี้ไม่ต้องประณมมือ ตั้งใจพิจารณาเรื่อง และร่างกายของตนว่า จะต้องแก่ หนีความแก่ไปไม่พ้น จะต้องเจ็บ หนีความเจ็บไปไม่พ้น จะต้องตาย หนีความตายไปไม่พ้น จะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น มีกรรมเป็นของตัว คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นอนิจจังไม่เที่ยง ไม่แน่นอน เป็นทุกข์ลำบากเดือดร้อน เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของตน ฯ ครั้งพิจารณาแล้ว พึงแผ่กุศลทั้งปวงมีการกราบไหว้เป็นต้นนี้ อุทิศให้แก่ท่านผู้มีคุณมีมารดาบิดา เป็นต้น ตลอดจนชั้นสูงสุด คือพระมหากษัตริย์ ทั้งเทพยดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายว่า จงเป็นสุข ๆ อย่ามีเวรมีภัยเบียดเบียนกันและกัน รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ฯ

    การ ไหว้ 5 ครั้งนี้ ถ้าวันไหนขาด ให้ไหว้ใช้ 5 ครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้านั่งกระโหย่งเท้าไม่ได้ ก็นั่งพับเพียบ ถ้าไม่ได้ ก็นอนไหว้ เมื่อยกมือไม่ขึ้น ก็ปากกับใจ ถ้าทำได้อย่างนี้เป็นเครื่องพยุงตนให้เป็นคนดี ไม่ให้เป็นคนชั่ว และให้ตั้งอยู่ในที่ดี ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ถ้าผู้ใดประพฤติได้เสมอตลอดชีวิต ผู้นั้นจะอุ่นใจในตัวของตัวเอง มีความเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่ง ๆ ขึ้นเสมอทุกคืนทุกวัน คุ้มครองป้องกันภยันตรายปราศจากความเสียหายที่ไม่เหลือวิสัย และ ตั้งตัวได้ในทางคดีโลกและทางคดีธรรม เต็มภูมิเต็มขั้นของตน ๆ ทุกประการ จบเท่านี้ ฯ

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( เจริญญาณวรเถระ )

    http://72.14.235.104/search?q=cache:...h&ct=clnk&cd=7

    [​IMG]

    สมเด็จพระพุทธโฆษจารย์ นามเดิม เจริญ สุขบท เกิดในรัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2415 ที่จังหวัดชลบุรี เป็นบุตรนาย ทองสุก และนางย่าง

    เมื่ออายุ 8 ปี ได้เป็นศิษย์ของท่านเจ้าคุณชลโธปมคุณมุณี (พุฒ ปุณณกเร) ปฐมวัยอาวาสวัดเขาบางทราย เมื่ออายุ 12 ปีได้บรรพชาที่วัดเขาบางทราย

    และเข้าศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดราชบพิธอุปสมบทเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2435 ที่วัดเขาบางทราย จังหวัดชลบุรี พ.ศ.2439 ได้ศึกษาพระวินัยปิฎกในสำนัก สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ที่วัดเทพศิรินทราวาส

    "ตาบุญ (พระยาธรรมปรีชา) ผู้เป็นอาจารย์สอนบาลีของ
    เจ้าพระคุณสมเด็จฯ มอบช้างเผือกส่งเข้ามาให้ "

    สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยา วชิรญาณวโรรส ออกพระโอษฐ์รับสั่งเมื่อครั้งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเร) สอบไล่ภาษาบาลี ในมหามงกุฎราชวิทยาลัยได้ที่ 1ทุกชั้นเป็นลำดับมา

    พ.ศ.2441 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระราชาคณะที่พระอัมราภิลักขิต เป็นผู้อำนวยการศึกษามณฑลปราจีนบุรี ต่อมาได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสได้เลื่อนสมณศักดิ์เรื่อยมา พ.ศ.2471 โปรดให้สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

    พ.ศ.2476กรรมการเถรสมาคมมีมติให้ท่าน เป็นประธานกรรมการมหาเถรสมาคมบัญชาการคณะสงฆ์แทนพระสังฆราชเจ้าซึ่งสิ้นพระชนม์ ประมวลเกียรติคุณพิเศษสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเร)เป็นพระเถระบริหารงานพระศาสนาถึง 5 แผ่นดิน คือแต่รัชกาลที่ 5-9 เป็นพระราชาคณะแต่อายุ 28 ปี เป็นสมเด็จพระราชาคณะแต่อายุ 57 ปี นับเป็นพระเถระที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พรรษาน้อยกว่า พระเถระหลายรูปเป็นเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส แต่อายุ 28 ปี ถึง 80 ปีรวม 53 ปี นับว่ายาวนานที่สุดไม่มีใครเทียบได้
    เมื่อสอบนักธรรม หรือบาลีจะสอบได้ที่ 1 ทุกชั้นทุกประโยคเป็นรูปเดียวในสังฆมณฑล ดำรงตำแหน่งแม่กองธรรมสนามหลวง แม่กองบาลีสนามหลวง องค์เดียวกัน

    ในวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2494เวลา 10.30 น. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเระ)มรณภาพด้วยโรคเนื้องอกที่ตับรวมอายุได้ 80 ปี พรรษาที่ 59

    ความคิดเห็นส่วนตัวผม
    ท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถระ) ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ตรึก จินตยานนท์) ท่านบอก กับผู้ที่ไปกราบท่านว่า ขอให้ทุกๆวันได้ไหว้ 5 ครั้ง จะได้เป็นศิริมงคลกับตนเอง จะเหมือนกับชื่อของท่าน (เจริญ) ครับ ท่านเจ้าคุณนรเอง ก็มีความเคารพในท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ)มาก โดยท่านเจ้าคุณนรเอง เวลาเดินผ่านกุฎิของท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ)ทุกครั้ง ท่านเจ้าคุณนร ก็จะก้มลงกราบที่กุฎิอยู่ทุกครั้งครับ

    วันที่ 14 สิงหาคม 2550
    ขอเพิ่มเติมเรื่องราว ไหว้ 5 ครั้ง
    http://www.saktalingchan.com/index.p...icle&Id=262016

    [​IMG]


    เจ้าพระคุณสมเด็จ พระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรเถร​

    เจ้าพระคุณสมเด็จ พระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรเถร
    วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร

    1. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ได้เป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวงนี้ เมื่อพระคุณท่านมีอายุเพียง 27 ปี มีพรรษา 7 ยั่งยืนตลอดมาเป็นเวลาช้านานถึง 53 ปีฯ

    2. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะ นั้นมีอายุเพียง 56 ปี เท่านั้น ฯ

    3. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งธรรมเนียมการเทศนาธรรมในวันอาทิตย์ขึ้นเป็นแห่งแรก เริ่มเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2471 ติดต่อกันมาถึงปัจจุบันนี้ นับเป็นเวลา 45 ปี ล่วงแล้ว ฯ

    4. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมหาเถรสมาคมบัญชาการคณะสงฆ์แทนพระองค์สมเด็จพระ สังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ แลบัญชาการคณะสงฆ์โดยตรงสืบต่อมาเป็นเวลา 5 ปี ( ตั้งแต่ พ.ศ. 2476 ถึง พ.ศ. 2481 ) ฯ

    5. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ได้ถวายพระธรรมเทศนามงคลวิเสสกถาติดต่อกันถึง 4 รัชกาล คือตั้งแต่รัชกาลที่ 6-7-8-9 เป็นเวลาถึง 25 ปี ฯ

    6. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ มีสัทธิวิหาริก-อันเตวาสิก มากที่สุดถึง 6,666 องค์ ฯ

    7. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ เป็นต้นกำเนิดตำราไหว้ 5 ครั้งให้ศิษยานุศิษย์ปฏิบัติตาม หากผู้ใดไหว้ครบ 1 ปี เป็นกำหนด ผู้นั้นจักได้รับรูปที่ระลึกจากองค์ท่านด้านหน้าเป็นรูปองค์ท่าน ด้านหลังเป็นรูปยันต์ภควัม จากกรึกนามองค์ท่านเป็นอักษรย่อ โดยลำดับแห่งราชทินนามนั้น ๆ กระทั่งครั้งสุดท้ายได้จารึก 3 อักษรว่า พ.ฆ.อ. ซึ่งย่อจากราชทินนามว่า พุทธโฆษาจารย์ สมเด็จพระราชาคณะ ฯ

    8. สัทธิวิหาริกของเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ที่มีอายุยืนยาวที่สุด คือ ท่านเจ้าคุณพระโศภณศีลคุณ ( หลวงปู่หลุย พาหิยเถร ) ซึ่งเป็นสัทธิวิหาริกองค์ที่ 23 ปัจจุบันอายุ 92 ปี พรรษา 67 ( เกิด 9 สิงหาคม 2426 ) ยังเดินลงโบสถ์ลงสวดมนต์ทำวัตรได้เป็นประจำทุก ๆ วัน เป็นพระเถราจารย์องค์สำคัญ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือยิ่งของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ

    9. สัทธิวิหาริกของเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ที่ประพฤติปฏิบัติยอดเยี่ยม และเป็นพระเถระองค์สำคัญที่มีเกียรติคุณโด่งดังในปัจจุบัน คือ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ ธมมฺวิตกฺโก ซึ่งเป็นสัทธิวิหาริกองค์ที่ 1740 ฯ

    ไหว้ 5 ครั้ง ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดเทพศิรินทราวาส

    ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ไม่ว่าเวลาใด ตามแต่เหมาะ ต้องไหว้ให้ได้ 5 ครั้งเป็นอย่างน้อย ในคราวเดียวกัน ถ้ามีดอกไม้ ธูปเทียน ก็บูชา ถ้าไม่มีก็มือ 10 นิ้วและปากกับใจ ควรไหว้จนตลอดชีวิต คือ

    ครั้งที่ 1 พึงนั่งกระโหย่งเท้าประนมมือว่า นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสฺมพุทฺธสฺส ฯ 3 หน แล้วว่าพระพุทธคุณ คือ อิติปิ โส ภควา อรหสมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสาน&deg; พุทฺโธ ภควาติ ฯ หยุดระลึกถึงพระปัญญาคุณทรงรู้ดีรู้ชอบสิ้นเชิง พระบริสุทธิคุณทรงละความเศร้าหมองได้หมด พระกรุณาคุณทรงสงสารผู้อื่นและสั่งสอนให้ปฏิบัติตาม ของพระพุทธเจ้า จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ครั้งที่ 2 ว่าพระธรรมคุณ คือ สฺวากฺขาโต ภควตา ธฺมโม สนฺทิฏฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺ จตฺต เวทิตพฺโพ วิญฺญหีติ ฯ หยุดระลึกถึงคุณพระธรรมที่รักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ครั้งที่ 3ว่าสังฆคุณ คือ สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสฺงโฆ ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสฺงโฆ สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสฺงโฆ ยทิทฺ จฺตตาริ ปุริสยุคานิ อฏฐ ปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสฺงโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนฺยโย ทกฺขิเณยฺโย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรฺ ปุญฺญกฺเขตตฺ โลกสฺสาติ ฯ หยุดระลึกถึงคุณ คือ ความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบของพระอริยสงฆ์ จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    นั่งพับเพียบประนมมือ ตั้งใจถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ไม่ถือสิ่งอื่นยิ่งกว่าจนตลอดชีวิต ว่าสรณคมน์ คือ

    พุทฺธสรณคจฺฉามิ
    ธมฺมสรณคจฺฉามิ
    สงฺฆสรณคจฺฉามิ ฯ
    ทุติยมฺปิ พุทฺธสรณคจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ ธมฺมสรณคจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ สงฺฆสรณคจฺฉามิ ฯ
    ตติยมฺปิ พุทฺธสรณคจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ ธมฺมสรณคจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ สงฺฆสรณคจฺฉามิ ฯ

    ครั้งที่ 4 ระลึกถึงคุณมารดาบิดาของตน จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ครั้งที่ 5 ระลึกถึงคุณของบรรดาท่านผู้มีอุปการคุณแก่ตน เช่น พระมหากษัตริย์ และครูบาอาจารย์เป็นต้นไป จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ต่อนี้ไปไม่ต้องประนมมือ ตั้งใจพิจารณาเรื่องและร่างกายของตนว่า จะต้องแก่ หนีความแก่ไปไม่พ้น จะต้องเจ็บ หนีความเจ็บไปไม่พ้น จะต้องตาย หนีความตายไปไม่พ้น จะต้องพลัดพราก จากของรัก ของชอบใจทั้งสิ้น มีกรรมเป็นของตัว คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงไม่แน่นอน เป็นทุกข์ลำบากเดือดร้อน เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของตน ฯ ครั้นพิจารณาแล้ว พึงแผ่กุศลทั้งปวงมีการกราบไหว้เป็นต้นนี้ อุทิศให้แก่ท่านผู้มีคุณ มีบิดามารดาเป็นต้น ตลอดจนชั้นสูงสุด คือ พระมหากษัตริย์ ทั้งเทพดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายว่า จงเป็นสุข ๆ อย่ามีเวรมีภัยเบียดเบียนกันและกัน รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ฯ

    การ ไหว้ 5 ครั้งนี้ ถ้าวันไหนขาด ให้ไหว้ใช้หนี้ 5 ครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้านั่งกระโหย่งเท้าไม่ได้ ก็นั่งพับเพียบ ถ้าไม่ได้ ก็นอนไหว้ เมื่อยอมือไม่ขึ้นก็ปากกับใจ ถ้าทำได้อย่างนี้ เป็นเครื่องหยุดตนให้เป็นคนดีไม่ให้เป็นคนชั่ว และให้ตั้งอยู่ในที่ดีไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ถ้าผู้ใดประพฤติได้เสมอจนตลอดชีวิต ผู้นั้นจะอุ่นใจในตัวของตัวเอง มีความเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่งๆ ขึ้นเสมอทุกคืนทุกวัน คุ้มครองป้องกันภยันตรายปราศจากความเสียหายที่ไม่เหลือวิสัย และตั้งตัวได้ในทางคดีโลกและทางคดีธรรม เต็มภูมิเต็มชั้นของตน ฯ ทุกประการ จบเท่านี้ ฯ

    ปัจฉิมโอวาท
    ของ
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรมหาเถระ
    วัดเทพศิรินทราวาส

    ไม่ตายควาวนี้ ก็ตายคราวหน้า อย่างเศร้าโศก เสียทีที่ศึกษาปฏิบัติมา ร้องให้เศร้าโศก ก็ร้องไห้เสร้าโศกสังขารที่
    เกิดแก่เจ็บตายนั้นเอง ที่ไม่ร้องไห้เศร้าโศกนั้นมิใช่จะเป็นคนใจไม้ใส้ระกำอะไร

    ธรรมของพระก็คือ
    สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา
    สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา
    สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา
    ย่นลงก็ สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา
    สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา แล้วปรินิพพาน
    ไม่ต้องเกิดมาแก่ มาเจ็บ มาตายอีก

    (มีบัญชาให้บันทึกไว้เมื่อเช้าวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๙๔)

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมแจ้งการเปลี่ยนแปลงวันนัดพบกันทาง Email แล้วครับ

    ขอบคุณครับ

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ผมขอใช้ดุลยพินิจในการมอบล็อกเก็ตน๊ะครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    [FONT=Tahoma,]พระโกนาคมพุทธเจ้า

    คอลัมน์ คติ-สัญลักษณ์สถาปัตยกรรมไทย
    ชวพงศ์ ชำนิประศาสน์
    [/FONT]
    [​IMG]


    [FONT=Tahoma,]พระโกนาคมพุทธเจ้า หรือ พระโกนาคมนะพุทธเจ้า เป็นอดีตพระพุทธ เจ้าอีกพระองค์หนึ่งที่อุบัติขึ้นในภัทรกัปนี้ของฝ่ายเถรวาท

    โดยทั่วไปการประดิษฐานพระพุทธรูปแทนองค์อดีตพระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ มักจะไม่เป็นที่นิยมกันในพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย

    หากจะปรากฏมากในประเทศเพื่อนบ้าน คือ พม่า หรือบางจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือเช่น จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน

    โดยเฉพาะมักจะประดิษฐานอยู่ในเจดีย์ที่มีรูปสัณฐานเป็นเจดีย์เหลี่ยม และจะประดิษฐานอดีตพระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระ องค์ไว้ตามทิศทั้งสี่

    จาก ความเชื่อของพุทธบริษัทในฝ่ายเถรวาทในเรื่องของอดีตพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ พระโกนาคมพุทธเจ้าเป็นอดีตพระพุทธเจ้าไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน

    ทางพุทธศิลป์จึงกำหนดรูปแบบพระโกนาคมพุทธเจ้า ให้มีพุทธลักษณะเช่นเดียวกับพระพุทธรูปของพระพุทธเจ้าในปัจจุบัน

    ใน ประเทศไทยจะนิยมกันว่าพระพุทธรูปที่ประดิษฐานในเจดีย์เหลี่ยมทางทิศตะวันออก เป็นพระโกนาคมพุทธเจ้า แต่ในประเทศพม่าจะประดิษฐานอยู่ในทิศใต้

    ใน ภาพที่แสดงเป็นภาพที่ประดิษฐานในเจดีย์หรือกู่พญาวัดอนันดา พุกาม ประเทศพม่า เปรียบเทียบได้ก็พระพุทธรูปปางรับหญ้าคา ซึ่งเป็นปางที่พระสิทธัตถะทรงรับหญ้าคาเพื่อปูรองนั่งก่อนจะตรัสรู้เป็นพระ พุทธเจ้า

    ในคติและสัญลักษณ์พระโกนาคมพุทธเจ้าคือคติของ "ผู้หักเสียซึ่งข้าศึก คือ กิเลส"


    -http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROb1lYQXdNekUxTURjMU5RPT0=&sectionid=TURNeE53PT0=&day=TWpBeE1pMHdOeTB4TlE9PQ==-
    .
    [/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    มาดูวิธีปลูกผักสวนครัวง่าย ๆ ที่คุณเองก็ทำได้

    -http://home.kapook.com/view44743.html-

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย

    หากคุณเป็นคนที่มีใจรักในการปลูกต้นไม้ใบหญ้าและเป็นคนมือเย็น ปลูกอะไรก็ขึ้นก็งอกงามแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำให้ปลูกผักสวนครัวกินเองเลยค่ะ เพราะบางต้นไม่เพียงนำมาประกอบอาหารได้เท่านั้น แต่ยังมีสรรพคุณทางยาที่ดีมากด้วยนะคะ นอกจากนี้ บางต้นยังเหมาะกับการตกแต่งสวนหลังบ้านของเราด้วยค่ะ ส่วนจะเลือกผักหรือเลือกต้นไม้แบบไหนมาปลูกผักสวนครัวนั้น หลักการเลือกคือต้อง ปลูกง่าย ดูแลง่าย กินง่าย นะคะ ไม่ต้องซับซ้อนมาก เราจะได้มีเวลาดูแลยังไงล่ะคะ และวันนี้เราก็มีตัวเลือกผักสวนครัว พร้อมวิธีการปลูกผักสวนครัวแบบง่าย ๆ มาฝากกันค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลยจ้า

    [​IMG]

    [​IMG]1. ใบกะเพรา

    สรรพคุณ

    ใบกะเพราสด นำมาต้มให้เดือดและกรองเอาน้ำดื่ม เป็นยาแก้ขับลม ท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้อง บำรุงธาตุ ขับผายลม แก้อาการจุกเสียดในท้อง นอกจากนี้ยังใช้ขับเสมหะ ขับเหงื่อ หรือ ใช้ทาภายนอกแก้โรค ผิวหนัง กลากเกลื้อนได้ สำหรับเมล็ดกะเพรามีสรรพคุณใช้พอกบริเวณตา ทำให้ผง หรือฝุ่น ละอองที่เข้าตาออกมาโดยไม่ทำให้ตาช้ำด้วย ส่วนรากที่แห้งแล้ว นำมาชงหรือต้มกับน้ำร้อนดื่ม แก้โรคธาตุพิการ อย่างไรก็ตาม สรรพคุณสำคัญของใบกะเพรา ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้กันทั้งที่ใช้บริโภคกันอยู่ในชีวิตประจำวัน ก็คือ สรรพคุณขับไขมันและน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ตำรับอาหารไทยส่วนใหญ่มักมีใบกะเพราะเป็นส่วนผสมอยู่ด้วยนั่นเองค่ะ

    วิธีการปลูก

    วิธีการปลูกใบกะเพราก็ไม่ยากเลย เพียงแค่เริ่มจากเตรียมแปลงปลูก ก่อนหว่านเมล็ดลงไป แต่คุณอาจจะเริ่มจากการปักชำก้านที่เหลือจากการซื้อมาทำกับข้าวก็ได้นะคะ พอต้นโตออกดอก เมล็ดที่หล่นก็งอกต้นใหม่อีกหลายต้น หลังเพาะประมาณ 7 - 10 วัน เมล็ดเริ่มงอก พอผ่านไป 15 - 30 วัน จึงเริ่มใส่ปุ๋ยยูเรีย หรือแอมโมเนียมซัลเฟต 1- 2 ช้อนชาต่อน้ำ 10 ลิตร รดทุก 5 - 7 วันได้ สำหรับการรดน้ำ ให้รดน้ำอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอทุกวัน หลังปลูกไปประมาณ 30 - 35 วันก็เก็บกินได้แล้วค่ะ ส่วนเคล็ดลับที่จะทำให้ต้นกะเพราเก็บกินใบได้นาน ๆ ก็คือ อย่าให้ออกดอก พอออกดอกแล้วต้นจะโทรม อายุสั้น ถ้าออกดอกก็ให้หมั่นตัดทิ้งเป็นระยะ


    [​IMG]
    [​IMG]2. โหระพา

    สรรพคุณ

    โหระพามีสรรพคุณทางยาสมุนไพรที่หลากหลาย ใบสดของโหระพามีสรรพคุณแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลมจากลำไส้ ต้มดื่มแก้ลมวิงเวียน ช่วยย่อยอาหาร แก้หวัด ขับเหงื่อ ถ้าเด็กปวดท้อง ใช้ใบโหระพา 20 ใบ ชงน้ำร้อนและนำมาชงนมให้เด็กดื่มแทนยาขับลมได้ ส่วนเมล็ดแก่ นำมาแช่น้ำตำพอกหรือประคบแก้ไขข้ออักเสบ แผลอักเสบ หรือ ใช้เป็นยาขับปัสสาวะและยาระบายอ่อน ๆ เพื่อแก้อาการท้องผูก โดยนำเมล็ดแก่แช่น้ำให้พองตัวเต็มที่รับประทานกับขนมหวานโดยผสมกับน้ำหวาน และน้ำแข็ง นอกจากนี้ นำใบโหระพาแห้งมาบดเป็นผง ใช้รักษาอาการเหงือกอักเสบเป็นหนองได้

    วิธีการปลูก

    โหระพาเป็นพืชที่ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวได้ 1 - 2 ปี เริ่มจากการเตรียมดินควรมีความร่วนซุย มีการระบายน้ำดี ต่อมาเริ่มขั้นตอนการปลูกควรทำในเวลาเย็น วิธีการปลูกที่นิยมมี 2 วิธีด้วยกัน คือ การปักชำและการเพาะเมล็ด โหระพาเป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูงและสม่ำเสมอ ดังนั้นจึงควรมีการรดน้ำให้ทุกวัน แต่ระวังอย่าปล่อยให้มีการท่วมขังของน้ำในแปลง ในระยะแรกควรทำการพรวนดินและกำจัดพืชทุก ๆ 1 - 2 สัปดาห์ ถ้าจะใส่ปุ๋ยให้ใช้ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต ในอัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ ละลายน้ำรดหลังปลูกประมาณ 15 - 20 วัน จะทำให้เจริญเติบโตดียิ่งขึ้น หลังจากปลูกประมาณ 30 - 35 วัน สามารถทำการเก็บเกี่ยวได้แล้วค่ะ เช่นเดียวกับใบกะเพราค่ะ อย่าให้ออกดอก ถ้าออกดอกก็ตัดทิ้ง ๆ เรื่อย ๆ นะคะ จะทำให้เก็บกินใบโหระพาได้นาน ๆ ค่ะ


    [​IMG]
    [​IMG]3. ผักบุ้ง

    สรรพคุณ

    สำหรับผักบุ้งที่ทานกันอยู่มี 2 ประเภท คือ ผักบุ้งไทย และ ผักบุ้งจีน ผักบุ้งไทยจะมีสรรพคุณทางยามากกว่าผักบุ้งอื่น แต่สำหรับผักบุ้งจีนจะมีแคลเซี่ยม และเบต้า-แคโรทีน มากกว่า ส่วนที่ใช้ประโยชน์ของผักบุ้งไทยต้นขาวคือ ดอก ใบ ต้น และราก ซึ่งแต่ละส่วนจะให้สรรพคุณแตกต่างกัน

    - ดอก ใช้เป็นยาแก้กลากเกลื้อน

    - ต้นสด ใช้ดับพิษ รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ลดอาการแพ้ อักเสบ บำรุงสายตา บำรุงเลือด บำรุงกระดูกและฟัน ช่วยรักษาโรคเบาหวาน เป็นยาดับร้อน แก้ปัสสาวะเหลือง - ทั้งต้น ใช้แก้โรคประสาท ปวดศรีษะ อ่อนเพลีย แก้กลาก เกลื้อน แก้เบาหวาน แก้ตาอักเสบ บำรุงสายตา แก้เหงือกบวม แก้ฟกช้ำ ถอนพิษ

    - ใบ ใช้ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย นำใบสดมาตำ แล้วคั้นเอาน้ำมาดื่ม จะทำให้อาเจียน ถอนพิษยาเบื่อเมา แก้พิษของฝิ่นและสารหนู มีวิตามินเอสูง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

    - ราก ใช้แก้ไอเรื้อรังและแก้โรคหืด ถอนพิษผิดสำแดง ใช้แก้สตรีมีตกขาวมาก เบาขัด เหงื่อออกมาก ลดอาการบวม

    วิธีการปลูก

    ผักบุ้งที่คนรับประทานส่วนใหญ่ คือ ผักบุ้งจีน ซึ่งปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็ว การดูแลรักษาง่าย สามารถปลูกได้ตลอดปี และขึ้นได้ในดินทุกชนิด เริ่มจากการหว่านเมล็ด ต้นกล้าจะเริ่มงอก 2 - 3 วันหลังหยอดเมล็ด ผักบุ้งชอบดินที่มีความชื้นสูง ดั้งนั้น ควรให้น้ำบ่อย ๆ อย่าให้ขาดน้ำ เพราะผักบุ้งอาจจะชะงักการเจริญ แคระแกรน และไม่จำเป็นต้องกำจัดศัตรูพืชเพราะเป็นผักที่มีอายุสั้นและเจริญเติบโตเร็ว มาก สามารถขึ้นคลุมพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากหว่านเมล็ดประมาณ 25 - 30 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้โดยใช้มือถอนทั้งราก แล้วนำมาล้างให้สะอาด หรือหากไม่ถอน สามารถใช้มือเด็ดหรือมีดตัดยอดไปบริโภคและปล่อยโคนไว้


    [​IMG]
    [​IMG]4. พริก

    สรรพคุณ

    นอกเหนือจากการเป็นเครื่องปรุงให้มีรสเผ็ด - รสแซ่บแล้ว พริก ยังมีสรรพคุณในทางการแพทย์ด้วย เช่น สารสำคัญที่มีในพริก คือ แคปไซซิน สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคกระเพาะอาหารได้ นอกจากนั้น พริกยังช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือด ลดการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองอุดตัน อีกทั้งพริกยังช่วย ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง เนื่องจากพริกเป็นพืชผักที่มีวิตามินซีสูง นอกจากนี้ สารแคปไซซินในพริกยังช่วยเสริมสร้างอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ เนื่องจากสารตัวนี้เป็นสารที่มีส่วนในการส่งสัญญาณให้ต่อมใต้สมองสร้างสาร เอนดอร์ฟินซึ่งมีคุณสมบัติบางประการที่สำคัญคล้ายมอร์ฟีน คือ บรรเทาอาการเจ็บปวด ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น

    วิธีการปลูก

    การปลูกพริกนั้นทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่นำเมล็ดพริกไปหยอดในหลุมที่เตรียมไว้หลุมละ 3 - 5 เมล็ดกลบแล้วก็รดน้ำ สำหรับพริกเป็นพืชที่ทนแล้งดีกว่าทนน้ำ แต่ในระยะที่พริกเริ่มออกดอก พริกจะต้องการน้ำมากกว่าปกติ ช่วง 3 วันแรกควรให้น้ำวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น และค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ จนผ่านไป 7 สัปดาห์ก็ให้น้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง พริกจะเริ่มให้ผลผลิตหลังจากปลูกแล้ว 2 เดือนครึ่งถึง 3 เดือน ในระยะแรกผลผลิตจะได้น้อยและจะค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ควรเก็บเกี่ยวอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ผลผลิตจะเริ่มลดลงเมื่อพริกเริ่มแก่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2012
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    [​IMG]
    [​IMG]6. ตะไคร้

    สรรพคุณ

    ทั้งต้นตะไคร้ ใช้เป็นยารักษาโรคหืด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะและแก้อหิวาตกโรค หรือทำเป็นยาทานวดก็ได้ และยังใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่นรักษาโรคได้ เช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร และขับเหงื่อ ส่วนหัวตะไคร้ ใช้เป็นยารักษาเกลื้อน แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ แก้นิ่ว บำรุงไฟธาตุ แก้อาการขัดเบา ถ้าใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่น จะเป็นยาแก้อาเจียน แก้ซาง ลดความดันสูง แก้ลมอัมพาต แก้กษัยเส้น และแก้ลมใบ แก้โรคหนองใน และนอกจากนี้ยังใช้ดับกลิ่นคาวด้วย ใบสด ๆ จะช่วยลดความดันโลหิตสูง แก้ไข้ ส่วนราก ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ ปวดท้องและท้องเสีย

    วิธีการปลูก

    ตะไคร้เป็นพืชที่มีอายุหลายปี ปลูกง่ายเจริญได้ดีในดินแทบทุกชนิด เริ่มจากการเตรียมดิน โดยใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักคลุกเคล้าให้เข้ากับดินขุดหลุมปลูก นำพันธุ์ตะไคร้ที่เตรียมไว้ตัดใบออก ให้เหลือต้นยาว ประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร มาแช่น้ำประมาณ 5 - 7 วัน เพื่อให้รากงอก รากที่แก่เต็มที่จะมีสีเหลืองเข้ม นำไปปลูกในแปลง วางต้นพันธุ์ให้เอียง 45 องศาไปด้านใดด้านหนึ่งแล้วกลบดิน จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม หลังปลูกได้ประมาณ30 วัน ก็ควรใส่ปุ๋ยสูตร 15 - 15 - 15 หรือ 46 - 0 - 0 อัตรา 50 กิโลกรัม/ไร่ ควรให้น้ำพอหน้าดินชื้น ประมาณ 1 - 2 วันจึงรดน้ำครั้งหนึ่ง เก็บเกี่ยวเมื่อตะไคร้อายุประมาณ 90 วัน


    [​IMG]
    [​IMG]7. มะกรูด

    สรรพคุณ

    ใช้ผลสด นำมาประกอบอาหาร หรือนำมาดองใช้เป็นยาฟอกเลือดในสตรี ขับลมในลำไส้ ขับระดู แก้ลมจุกเสียด แก้โรคลักปิดลักเปิด และใช้บำรุงประจำเดือน หรือใช้ผลสด นำมาผิงไฟให้เกรียมแล้ว ละลายให้เข้ากับน้ำผึ้ง ใช้ทาลิ้นให้เด็กที่เกิดใหม่ นอกจากนี้ ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ แก้แน่น แก้เสมหะ โดยฝานผิวมะกรูดสดเป็นชิ้นเล็ก ๆ 1 ช้อนแกง เติมการบูร หรือ พิมเสน 1 หยิบมือ ชงด้วยน้ำเดือด แช่ทิ้งไว้ ดื่มแต่น้ำรับประทาน 1 - 2 ครั้ง หรือนำมาใช้สระผมทำให้ผมสะอาดชุ่มชื้น เป็นเงางาม ดกดำ ผมลื่นด้วย หรือใช้มะกรูดเผาไฟ นำมาผ่าซีกใช้สระผม จะรักษาชันนะตุ ส่วนน้ำมะกรูดใช้ถูฟัน แก้เลือดออกตามไรฟันได้ด้วยนะ

    วิธีการปลูก

    มะกรูดปลูกได้ดีในดินทุกชนิด ควรปลูกด้วยกิ่งตอน ก่อนจะปลูกควรนำปุ๋ยคอกมาใส่ผสมกับดิน เพื่อให้ดินมีอาหารอุดมสมบูรณ์ดี ในระยะที่ปลูกมะกรูดใหม่ ๆ ต้องหมั่นรดน้ำให้ความชุ่มชื้นแก่พืช จะทำให้พืชตั้งตัวได้เร็ว แตกใบอ่อนกิ่งอ่อนดี ควรใส่ปุ๋ยเพิ่มธาตุอาหารให้พืชเป็นครั้งคราว ซึ่งอาจเป็นปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และปุ๋ยชีวภาพก็ได้ หรือปลูกมะกรูดด้วยเมล็ด ให้นำเมล็ดไปแช่น้ำประมาณ 6 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มความชื้นภายในเมล็ดทำให้เมล็ดงอกได้ง่าย นำเมล็ดไปปลูกลงในถุงเพาะชำแกลบดำประมาณ 3 - 4 เมล็ดต่อถุง ทำการรดน้ำทันที เพราะในแกลบดำจะมีความโปร่งมาก ไม่อมน้ำ ประมาณ 20 - 25 วันเมล็ดมะกรูดก็จะงอกออกมา หลังจากนั้นประมาณ 1 - 2 เดือนก็สามารถนำไปปลูกลงดินได้

    [​IMG]

    [​IMG]8. ข่า

    สรรพคุณ

    ใช้เหง้าข่าแก่สด ตำให้ละเอียด เติมน้ำปูนใส ใช้น้ำยาดื่ม ครั้งละครึ่งถ้วยแก้ว วันละ 3 เวลา หลังอาหาร รักษาท้องขึ้น ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม แก้ท้องเดิน (ที่เรียกโรคป่วง) แก้บิด อาเจียน ปวดท้อง หรือ ใช้เหง้าข่าแก่ๆ ที่สด 1 แง่ง ตำให้ละเอียด เติมเหล้าโรงพอให้แฉะ ๆ ใช้ทั้งเนื้อและน้ำ รักษาลมพิษ โดยทาบริเวณที่เป็นลมพิษบ่อย ๆ จนกว่าจะดีขึ้น นอกจากนี้ยังใช้รักษากลากเกลื้อน โรคผิวหนัง โดยใช้เหง้าข่าแก่ เท่าหัวแม่มือ ตำให้ละเอียดผสมเหล้าโรง ทาที่เป็นโรคผิวหนัง หลาย ๆ ครั้งจนกว่าจะหาย

    วิธีการปลูก

    ข่าเป็นพืชกินหัวหรือเหง้าส่วนที่อยู่ใต้ดิน เราใช้หัวหรือแง่งแก่จัดของข่าเดิม ซึ่งที่หัวแม่นี้จะมีข้อและที่ข้อจะมีตา และที่ตานี่เองจะงอกเป็นหน่อโผล่พ้นดินขึ้นมา จากนั้นก็จะแตกหัวแขนงออกมาอีก จากหลาย ๆ หน่อที่ปลูกก็จะแตกออกกลายเป็นกอใหญ่ที่มีหัวหรือเหง้าจำนวนมาก ธรรมชาติของพืชหัวหรือเหง้า จะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย ต้องการความชื้นสม่ำเสมอและต้องการแสงแดด 100% สำหรับในช่วงอากาศหนาวเย็นการเจริญเติบโตจะช้าลง หลังจากปลูกไปแล้วประมาณ 15 - 20 วัน รากจะเริ่มเดิน ในช่วงนี้ควรให้น้ำ 2 - 3 วัน/ครั้ง และให้น้ำผสมปุ๋ยน้ำทำเอง 7 - 10 วันครั้ง การขุดขึ้นมาแต่ละครั้ง ไม่ควรขึ้นขึ้นมาหมดทั้งกอ ให้เหลือไว้ 3 - 4 แง่ง เพื่อเป็นต้นพันธุ์

    [​IMG]

    [​IMG]9. กระเฉด

    สรรพคุณ

    ช่วยในการดับพิษร้อน พร้อมกับสามารถถอนพิษไข้และพิษเบื่อเมาได้ และในผักกระเฉดนั้น ยังมีประโยชน์และมีวิตามิน ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ แคลเซียม รวมถึงธาตุเหล็กด้วย

    นอกจากนี้ ผักกระเฉดนั้นยังเป็นพืชผักที่มีแร่ธาตุ พร้อมทั้งวิตามินที่สูงและที่สำคัญก็คือ มีแคลเซียมพร้อมทั้ง มี ฟอสฟอรัส ที่ยังเป็นแร่ธาตุเหล็กมีปริมาณที่สูงมาก ทั้งยังมีวิตามินซี ไนอะซิน คือวิตามินบีชนิดหนึ่ง ฉะนั้นแล้วจึงมีประโยชน์สำหรับกระบวนการ การเผาผลาญของสารอาหารที่สร้างพลังงานในร่างกายของคนเราเป็นอย่างดีด้วย

    วิธีการปลูก

    การเตรียมพื้นที่ที่จะปลูกผักกระเฉด เริ่มจากการหาพื้นที่ที่มีคันดินกั้นน้ำได้ สูงประมาณ 1 เมตร อาจทำการปลูกแบบลอยแพหรือดำกอในสระได้ ต่อมาเตรียมพันธุ์ผักที่อวบใหญ่ มีปล้องยาว และไม่มีโรค ใบเหลือง ใบหยิก เพื่อทำการปลูก สำหรับวิธีการบำรุง คือ นำน้ำที่ได้จากการหมักจากผัก ผลไม้เหลือทิ้ง + น้ำตาล + หัวเชื้อ ลงไปพร้อมกับน้ำที่เติมลงในสระ ส่วนวิธีการกำจัดศัตรูพืช คือ ให้ใช้ผงสะเดา ผสมในอัตราส่วน 30 - 40 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ทำการพ่นทุก ๆ วัน หรือหากพบปัญหาโรคโคนเน่า แก้ไขด้วยการปรับสภาพน้ำให้เป็นกลางด้วยซิลิเกตและพ่นยากำจัดเชื้อรา เริ่มต้นจากการปลูกรอประมาณ 3 เดือน ก็สามารถตัดยอดอ่อนแรกได้แล้วค่ะ


    [​IMG]

    [​IMG]10. ผักหวาน

    สรรพคุณ

    - ราก แก้ไข้ ระงัดความร้อน ถอนพิษไข้ แก้ไข้กลับ เนื่องจากกินของแสลง รักษาโรคอีสา แก้โรคมะเร็งคุด รักษาโรคคางทูม

    - ใบ รับประทานแก้ปวดเมื่อยร่างกาย เป็นยาบำรุงสุขภาพหลังคลอดบุตร

    - ใบและราก ใช้ตำพอกแผล ฝี

    - ยอด โรคโลหิตจาง ผิวหนังแห้ง ไข้ร้อนใน ตามัว

    วิธีการปลูก

    นำกิ่งพันธุ์ผักหวานที่ได้ทำการขยายพันธุ์โดยการปักชำ นำมาปลูกในแปลงยกร่อง แล้วคลุมด้วยฟาง เพื่อรักษาความชื้นและป้องกันวัชพืชขึ้น ระยะแรกควรให้น้ำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น หลังจากผักหวานมีอายุได้ 2 – 3 เดือน ก็ให้น้ำวันละ 1 ครั้ง เมื่อผักหวานอายุ 1 เดือน ควรกำจัดวัชพืช พร้อมใส่ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยชีวภาพอัดเม็ด อัตราต้นละ 1 กำมือ หรือประมาณ 50 กิโลกรัม/ไร่ ผักหวานจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 2 – 3เดือน โดยเว้นระยะห่าง 7 วัน เก็บได้ 1 ครั้ง หลักจากเก็บเกี่ยวยอดผักหวานได้ 4 - 5 ครั้ง ให้ตัดแต่งกิ่งต้นผักหวาน โดยให้ผักหวานเหลือความสูง 50 - 60 เซนติเมตร แล้วใส่ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยชีวภาพอัดเม็ด

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    myveget.com , aopdh06.doae.go.th , kasetorganic.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2012
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันอาสาฬหบูชาที่วัดไร่ขิง
    2 สิงหาคม 2555



    ขอลงรูปก่อนครับ
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_5304.JPG
      IMG_5304.JPG
      ขนาดไฟล์:
      821.9 KB
      เปิดดู:
      60
    • IMG_5305.JPG
      IMG_5305.JPG
      ขนาดไฟล์:
      810 KB
      เปิดดู:
      62
    • IMG_5306.JPG
      IMG_5306.JPG
      ขนาดไฟล์:
      798.5 KB
      เปิดดู:
      56
    • IMG_5307.JPG
      IMG_5307.JPG
      ขนาดไฟล์:
      756 KB
      เปิดดู:
      39
    • IMG_5309.JPG
      IMG_5309.JPG
      ขนาดไฟล์:
      845.8 KB
      เปิดดู:
      47
    • IMG_5311.JPG
      IMG_5311.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1,007.2 KB
      เปิดดู:
      41
    • IMG_5313.JPG
      IMG_5313.JPG
      ขนาดไฟล์:
      736.4 KB
      เปิดดู:
      54
    • IMG_5314.JPG
      IMG_5314.JPG
      ขนาดไฟล์:
      877 KB
      เปิดดู:
      57
    • IMG_5315.JPG
      IMG_5315.JPG
      ขนาดไฟล์:
      844.7 KB
      เปิดดู:
      41
    • IMG_5316.JPG
      IMG_5316.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1,014.1 KB
      เปิดดู:
      41
    • IMG_5317.JPG
      IMG_5317.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      44
    • IMG_5318.JPG
      IMG_5318.JPG
      ขนาดไฟล์:
      968.4 KB
      เปิดดู:
      36
    • IMG_5319.JPG
      IMG_5319.JPG
      ขนาดไฟล์:
      902.6 KB
      เปิดดู:
      34
    • IMG_5321.JPG
      IMG_5321.JPG
      ขนาดไฟล์:
      363.7 KB
      เปิดดู:
      81
    • IMG_5322.JPG
      IMG_5322.JPG
      ขนาดไฟล์:
      306.7 KB
      เปิดดู:
      79
    • IMG_5325.JPG
      IMG_5325.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      86
    • IMG_5326.JPG
      IMG_5326.JPG
      ขนาดไฟล์:
      885.6 KB
      เปิดดู:
      16
    • IMG_5327.JPG
      IMG_5327.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      63
    • IMG_5329.JPG
      IMG_5329.JPG
      ขนาดไฟล์:
      818.1 KB
      เปิดดู:
      17
    • IMG_5330.JPG
      IMG_5330.JPG
      ขนาดไฟล์:
      282 KB
      เปิดดู:
      52
    • IMG_5331.JPG
      IMG_5331.JPG
      ขนาดไฟล์:
      775.5 KB
      เปิดดู:
      43
    • IMG_5332.JPG
      IMG_5332.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      89
    • IMG_5333.JPG
      IMG_5333.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1,014 KB
      เปิดดู:
      47
    • IMG_5333-1.JPG
      IMG_5333-1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      144.4 KB
      เปิดดู:
      44
    • IMG_5334.JPG
      IMG_5334.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      45
    • IMG_5335.JPG
      IMG_5335.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1,022.2 KB
      เปิดดู:
      46
    • IMG_5336.JPG
      IMG_5336.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      51
    • IMG_5337.JPG
      IMG_5337.JPG
      ขนาดไฟล์:
      962.8 KB
      เปิดดู:
      47
    • IMG_5338.JPG
      IMG_5338.JPG
      ขนาดไฟล์:
      960.2 KB
      เปิดดู:
      36
    • IMG_5339.JPG
      IMG_5339.JPG
      ขนาดไฟล์:
      729.3 KB
      เปิดดู:
      49
    • IMG_5340.JPG
      IMG_5340.JPG
      ขนาดไฟล์:
      774.1 KB
      เปิดดู:
      50
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันอาสาฬหบูชาที่วัดไร่ขิง
    2 สิงหาคม 2555



    ขอลงรูปอีกครั้งครับ
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_5341.JPG
      IMG_5341.JPG
      ขนาดไฟล์:
      744.6 KB
      เปิดดู:
      47
    • IMG_5342.JPG
      IMG_5342.JPG
      ขนาดไฟล์:
      793.3 KB
      เปิดดู:
      43
    • IMG_5343.JPG
      IMG_5343.JPG
      ขนาดไฟล์:
      715 KB
      เปิดดู:
      35
    • IMG_5344.JPG
      IMG_5344.JPG
      ขนาดไฟล์:
      723.5 KB
      เปิดดู:
      54
    • IMG_5345.JPG
      IMG_5345.JPG
      ขนาดไฟล์:
      754.4 KB
      เปิดดู:
      32
    • IMG_5346.JPG
      IMG_5346.JPG
      ขนาดไฟล์:
      796.7 KB
      เปิดดู:
      33
    • IMG_5348.JPG
      IMG_5348.JPG
      ขนาดไฟล์:
      713.3 KB
      เปิดดู:
      55
    • IMG_5349.JPG
      IMG_5349.JPG
      ขนาดไฟล์:
      772.7 KB
      เปิดดู:
      38
    • IMG_5351.JPG
      IMG_5351.JPG
      ขนาดไฟล์:
      476.6 KB
      เปิดดู:
      37
    • IMG_5352.JPG
      IMG_5352.JPG
      ขนาดไฟล์:
      995.8 KB
      เปิดดู:
      41
    • IMG_5353.JPG
      IMG_5353.JPG
      ขนาดไฟล์:
      982.9 KB
      เปิดดู:
      42
    • IMG_5354.JPG
      IMG_5354.JPG
      ขนาดไฟล์:
      979.5 KB
      เปิดดู:
      38
    • IMG_5356.JPG
      IMG_5356.JPG
      ขนาดไฟล์:
      969.7 KB
      เปิดดู:
      36
    • IMG_5357.JPG
      IMG_5357.JPG
      ขนาดไฟล์:
      388 KB
      เปิดดู:
      34
    • IMG_5358.JPG
      IMG_5358.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1,008.2 KB
      เปิดดู:
      45
    • IMG_5361.JPG
      IMG_5361.JPG
      ขนาดไฟล์:
      334.1 KB
      เปิดดู:
      38
    • IMG_5365.JPG
      IMG_5365.JPG
      ขนาดไฟล์:
      822 KB
      เปิดดู:
      43
    • IMG_5366.JPG
      IMG_5366.JPG
      ขนาดไฟล์:
      966.8 KB
      เปิดดู:
      38
    • IMG_5368.JPG
      IMG_5368.JPG
      ขนาดไฟล์:
      846.5 KB
      เปิดดู:
      36
    • IMG_5369.JPG
      IMG_5369.JPG
      ขนาดไฟล์:
      989.7 KB
      เปิดดู:
      30
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    วันอาสาฬหบูชาที่วัดไร่ขิง
    2 สิงหาคม 2555

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    หลวงพ่อวัดไร่ขิง
    พระประธานในพระอุโบสถ
    ตอนนี้กำลังบูรณะฐานชุกชีอยู่ครับ


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ด้านหน้าของพระอุโบสถ

    [​IMG]

    นายเอี่ยม คัมภิรานนท์ ขอทานคนดังที่นั่งขอทานที่วัดไร่ขิง
    ผมเห็นมีหลายๆคนไปขอถ่ายรูปด้วยครับ

    [​IMG]

    บริเวณที่ทำบุญหยอดเหรียญ

    [​IMG]

    สถานที่กราบพระประจำวัน

    [​IMG]

    ที่เติมน้ำมันตะเกียง

    [​IMG]

    บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถ ที่จุดธูปเทียนบูชาพระ

    [​IMG]

    ที่รับน้ำมนต์

    [​IMG]

    บริเวณที่ทำสังฆทาน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ด้านหน้าพระอุโบสถ มีการหล่อองค์หลวงพ่อวัดไร่ขิง(องค์จำลอง) จำนวน 3 องค์

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    วันอาสาฬหบูชาที่วัดไร่ขิง
    2 สิงหาคม 2555


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    พระบรมสารีริกธาตุ ที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    บริเวณที่จัดงาน ที่วัดไร่ขิง

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    พระบรมสารีริกธาตุ และ พระธาตุ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    บรรยากาศบริเวณที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุฯครับ


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    บริเวณด้านหน้าติดแม่น้ำครับ

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    สุขสันต์วันเกิดน๊ะครับคุณชวภณ

    ขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรงตลอดไป

    ด้วยรัก
    sithiphong

    .


    [​IMG]

    [​IMG]5. สะระแหน่

    สรรพคุณ

    สะระแหน่ ใช้เป็นยาคลายความกดดันของกล้ามเนื้อที่เกิดจากความเหนื่อยล้าและความเครียด น้ำมันสาระแหน่ช่วยขจัดลมร้อน ใช้เป็นยาดับร้อน ถอนพิษไข้ ขับลม ขับเหงื่อ รักษาอาการหวัดลมร้อน สามารถรักษาอาการปวดศีรษะ หน้ามืดตาลาย ปวดฟัน เจ็บคอ เจ็บปาก เจ็บลิ้น โดยดื่มน้ำต้มใบสะระแหน่ 5 กรัม กับน้ำ 1 ถ้วย ผสมเกลือเล็กน้อย วันละ 2 ครั้ง นำใบสะระแหน่ต้มดื่มแต่น้ำช่วยรักษาอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยขับลมในกระเพาะ บิด ท้องร่วง อุจจาระเป็นเลือด หรือ แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย โดยตำใบสะระแหน่ให้ละเอียด พอกบริเวณที่โดนกัด ทั้งยังช่วยห้ามเลือดกำเดาได้ โดยใช้สำลีชุบน้ำที่คั้นจากใบสะระแหน่ หยอดที่รูจมูก และสะระแหน่ยังใช้ไปทำน้ำมันหอมระเหยเพื่อใช้ในการทำสุคนธบำบัด อีกทั้งยังใช้เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์

    วิธีการปลูก

    ใช้การปักชำ โดยเลือกกิ่งที่ไม่อ่อนหรือไม่แก่เกินไป ปักจิ้มลงไปในแปลงเพาะชำหรือแปลงปลูกที่มีดินร่วนซุย ปักให้กิ่งเอนทาบกับดิน รดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าให้ถึงกับแฉะแล้วโรยแกลบทับกลบดินเพื่อรักษาความชุ่ม ชื้นให้หน้าดิน ประมาณ 4 - 5 วันก็จะ แตกใบ แตกยอดเลื้อยคลุมดิน ต้นสะระแหน่ชอบดินร่วนซุยที่ระบายน้ำได้ดี และต้องการแสงสว่าง แต่ไม่ต้องการแดดที่ร้อนจัดจนเกินไป จะปลูกในที่ร่มหรือในที่แดดก็ได้ ควรรดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอ จะทำให้สะระแหน่เจริญเติบโตเร็วขึ้น


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2012
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    .

    Private Message: พระพิมพ์สมเด็จสีเขียวก้านมะลิ <table id="post" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px"> [​IMG] วันนี้, 09:10 PM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right">
    </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> boy3040
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Oct 2011
    ข้อความ: 13
    Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนาบุญ 9 ครั้ง ใน [ARG:2 UNDEFINED] โพส
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> <center>พระพิมพ์สมเด็จสีเขียวก้านมะลิ

    </center>
    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> พระพิมพ์สมเด็จสีเขียวก้านมะลิ ยังมีอีกไหยครับ สนใจครับ 083XXXXXXX
    </td></tr></tbody></table>

    .

    ยังพอมีอยู่ ผมให้ทำบุญองค์ละ 5,000 บาท

    โดยโอนเงินไปที่ ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณร บช.ออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม

    แล้วสแกนใบโอนเงินมาที่กระทู้นี้ ผมจะจัดส่งไปให้ครับ

    .
    .

    Private Message: รบกวนท่านครับ <table id="post" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px"> [​IMG] 09-08-2012, 02:06 PM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> สาวกธรรม1
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2010
    ข้อความ: 336
    Groans: 1
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 253
    ได้รับอนุโมทนา 85 ครั้ง ใน 50 โพส
    พลังการให้คะแนน: 59 [​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> <center>รบกวนท่านครับ

    </center>
    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> วัสดีครับท่าน sithiphong ผมอยู่ที่โคราชครับ ไม่รู้ว่าผมเคยเจอท่านที่งานบวชท่าน อ็อดหรือเปล่าครับ พอดีผมได้เข้าเวปมาเจอบทความเกี่ยวกับพระวังหน้าผมได้มีความสนใจมากครับและ อยากจะมีหนังสือของท่านอาจารย์ ประถม อาจสาครไว้เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวและไว้บูชาและเก็บไว้ให้ลูกหลานสืบทอดต่อไป ให้เป็นมรดกครับ ผมไม่รู้ว่าท่านอาจารย์ ประถม อาจสาคร ทำหนังสือทั้งหมดกี่เรื่อง และกี่วาระ แต่เท่าที่ผมลองดูไนเวปน่าจะมีประมาณนี้ครับ
    1.วิเคราะห์พิมพ์พระสมเด็จ และพระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า
    2.ปู่เล่าให้ฟัง
    ถ้าหนังสือยังพอเหลืออยู่บ้างผมขอทำบุญบูชาหนังสือ เพื่อเป็นมงคลชีวิตต่อไป
    สุดท้ายนี้ผมขอให้ผลบุญที่ผมได้ทำมา ช่วยทำให้ผมได้รับหนังสือดีๆด้วย สาธุ
    ด้วยความเคารพ
    ประจักร์
    </td></tr></tbody></table>


    .

    ผมไม่เคยเจอคุณสาวกธรรม1 เลยครับ


    ส่วนหนังสือ ผมไม่มีแล้วครับ

    มีหลายๆคนที่(ชิง)ลาออกจากชมรมพระวังหน้า เนื่องจากทำผิดระเบียบของชมรมฯ

    ขอบคุณครับ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2012
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    [FONT=Tahoma,]พระสมณโคดม

    คอลัมน์ คติ-สัญลักษณ์สถาปัตยกรรมไทย
    ชวพงศ์ ชำนิประศาสน์


    <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="360"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#E0E0E0" valign="top">[​IMG]
    </td></tr></tbody></table>พระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 ในภัทรกัปตามคติของฝ่ายเถรวาท มีชื่อเรียกกันหลาย ชื่อ เช่น

    - พระโคตมพุทธเจ้า หมายถึง ผู้ประเสริฐแห่งหมู่ศากยะ

    - พระสมณโคดม พระศากยมุนีหรือพระศากยบุตร

    - พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฯลฯ

    ตามชื่อทั้งหมดนี้ก็คือ พระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาของพุทธศาสนาในปัจจุบัน ทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายาน

    พุทธศิลปะของพระพุทธเจ้านั้นมีหลากหลายรูปแบบ ที่เรียกกันว่า ปางพระพุทธรูป ว่ากันว่ามีถึง 67 ปาง

    ใน แต่ละปางนั้นพุทธศิลปะจะมีความหมายหรือคติในการแสดงธรรมหรือพุทธประวัติเป็น เรื่องๆ ไป เช่น ปางมารวิชัย ที่พวกเราพบเห็นกันอยู่ทั่วไปนั้น ในคติหรือความหมายในแบบหนึ่งก็คือ ชัยชนะที่มีต่อมารหรือในอีกความหมายทางธรรมะ คือการแสดงถึงภาวะที่อยู่เหนือโลก หรือพ้นโลก หรือพ้นไปจากสังสารวัฏ

    ปาง ปรินิพพานที่พวกเราเรียกกันทั่วไปว่าพระนอนนั้น ในคติหรือความหมายที่แสดงออกทางพุทธศิลปะก็คือ คำตรัสสุดท้ายที่ว่า "เมื่อตถาคตสิ้นไป ธรรมะที่ได้ตรัสไว้แล้วจักเป็นศาสดา"

    ในอีกความ หมายก็คือ "สังขารทั้งปวงย่อมล่วงไป" หรือสิ้นไป คือความแน่นอนมั่นคงของสังขารนั้นไม่มี มีแต่ความเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นนิจ และในความเปลี่ยนแปลงนี้ก็คือ ความทุกข์ ถ้าเห็นว่าความทุกข์เป็นภัยหรือเบื่อหน่ายในทุกข์ก็ต้องหนีทุกข์ด้วยการ ปฏิบัติ เป็นต้น ซึ่งจะได้บรรยายสัญลักษณ์ คติธรรมตามรูปแบบปางพุทธศิลป์ในตอนต่อไปว่าพุทธศิลป์ตอนนั้นหรือปางนั้นมี ความหมาย มีคติ มีสัญลักษณ์ใด แสดงธรรมกับผู้ใด หรือเรื่องใด
    [/FONT]

    -http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROb1lYQXdOREV5TURnMU5RPT0=&sectionid=TURNeE53PT0=&day=TWpBeE1pMHdPQzB4TWc9PQ==-

    .

    http://www.khaosod.co.th/view_news....nid=TURNeE53PT0=&day=TWpBeE1pMHdPQzB4TWc9PQ==

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...