ฝึกทักษะการว่ายน้ำเบื้องต้นอย่างง่าย

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ปาฏิหาริย์, 3 สิงหาคม 2008.

  1. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    ฝึกทักษะการว่ายน้ำเบื้องต้นอย่างง่ายครับ
    สำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น ลองไปหัดดูนะครับ
    ถ้าเกิดน้ำท่วมใหญ่มา อย่างน้อยจะพอปะทัง เอาตัวรอดได้
    ...
    ส่วนใหญ่ของสาเหตุของคนที่ไม่กล้าว่ายน้ำ ....

    - กลัวจม
    - กลัวหายใจไม่ออก
    - เกร็งและตื่นตระหนกขณะว่ายน้ำ

    - แม้กระทั่งมีความหลังฝังใจในการจมน้ำ ทั้งปัจจุบัน และ อดีตที่ผ่านมา

    ...

    ฉนั้นสำหรับใครที่อยากว่ายน้ำได้หรือแบบเอาแค่ตกน้ำแล้วเอาตัวรอดได้หละก็ทำตามขั้นตอนง่ายๆดังนี้

    < ฝึกหายใจเข้าออกขณะอยู่ในน้ำ หรือ ภาษาว่ายน้ำเรียกว่า "ปั้มลม" >


    วิธีการง่ายๆเลย


    - ให้จับขอบสระไว้ทั้งสองมือในเอาริมที่ตื้นๆที่เรายืนได้ก่อน

    - หายใจเข้าเหนือผิวน้ำให้เต็มปอด

    - แล้วนั่งยองๆลงไปในน้ำ ปล่อยลมหายใจออกใต้น้ำ โดยให้ค่อยๆหายใจออก

    - เมื่อลมใกล้จะหมดก็ให้ขึ้นมาหายใจให้เต็มปอดอีกครั้ง

    - ทำสลับกันไปเรื่อยๆเป็นจังหวะช้าๆ เพื่อทำความคุ้นเคยกับการหายใจออกใต้ผิวน้ำ


    < ฝึกเหยียดตัวตรงตีเท้าในน้ำ >

    หลังจากที่เราฝึกปั้มน้ำจนชินแล้ว ก็เปลี่ยนจากท่าลุกนั่งไปเป็นเกาะขอบสระเหยียดตัวตรง

    - เริ่มด้วยท่าเดิมคือเกาะขอบสระฝั่งที่ตื้นๆไว้ก่อน

    - จากนั้นเมื่อพร้อมก็ให้หายใจเข้าแล้วเหยียดตัวตรงในท่าคว่ำหน้าลงไปในน้ำ โดยยังไม่ต้องตีขาก่อน

    - ค่อยๆหายใจออกเหมือนในท่าลุกนั่ง

    - เมื่อลมใกล้หมด ให้เงยหน้าขึ้นตรงๆแล้วหายใจเข้า เหมือนท่าเรานอนอ่านหนังสือนั่นแหละครับ

    - จากนั้นก็ทำสลับกันไปชนจินในจังหวะหายใจของเราแล้ว

    - เมื่อชินกับจังหวะหายใจด้วยท่าเหยียดตรงคว่ำหน้าแล้ว

    - ก็ให้เพิ่มการตีขาสลับซ้ายขวา ขึ้นลง ช้าๆร่วมเข้าไปกับการฝึกหายใจด้วยไป

    - ข้อควรระวังคือ ให้ตีขาสลับแบบช้าๆไปก่อนจนชินแล้วค่อยๆเพิ่มความเร็วกันไป อย่าเพิ่งไปตีขาเร็วๆ เพราะจำให้เราเสียจังหวะจนทำให้เราสำลักน้ำได้



    < ฝึกลอยตัวในน้ำด้วยโฟม >

    หลังจากเราคุ้นเคยกับการหายใจด้วยการลุกนั่งกับยืดตัวที่ขอบสระแล้วก็ลองใช้โฟมกันดู

    - หาโฟมว่ายน้ำสักแผ่นเอาแบบที่เราจับเหมาะๆนะ

    - ทีนี้เราจะหันหน้าออกสระน้ำกันแล้ว เอาง่ายๆก่อนเลย

    - ถือโฟมแล้วเดินออกไปจากขอบสระประมาณ 5 เมตรก่อน แล้วหันหน้ากลับเข้าขอบสระ

    - ถือโฟมเหยียดแขนตรงเหมือนว่าเราจะตีเท้าที่ขอบสระแล้ว

    - จากนั้นก็เริ่มใช้ท่าเหยียดตรงนั้นแหละครับ มือถือโฟมเหยียดไปข้างหน้าพร้อมกับค่อยๆตีเท้าไปแบบไม่ช้าไม่เร็ว

    - เพราะถ้าช้าไปตัวอาจจะจมได้ และ ถ้าเร็วไปก็จะทำให้ตัวเราไม่นิ่งซึ่งอาจจะส่งผลให้ตกใจได้

    - เมื่เริ่มตีเท้าจากจุด 5 เมตรแล้ว ให้ตีเท้าสลับเงยหน้าหายใจตามจังหวะของเราไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆ

    - จนถึงขอบสระ ก็ถือว่าสำเร็จ เย้ๆๆๆ

    - ทำในระยะ 5 เมตรนี้ไปเรื่อยๆ จนชิน ก็ค่อยๆเพิ่มระยะไปเป็น 10 15 20 25 หรือตามแต่จะวางแผนกันไปครับ

    - ฝึกบ่อยบ่อยให้เชี่ยวชาญ ได้ท่าเดียวให้รอดก็พอแล้วครับ
     
  2. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    ส่วนวิธีปฐมพยาบาล คนจมน้ำ
    ถ้าว่ายน้ำเป็นกันแล้ว ลองมาดูวิธีการปฐมพยาบาลคนจมน้ำบ้าง

    การจมน้ำ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยและมีความรุนแรง
    มักจะทำให้ตายในเวลาเพียงไม่กี่นาที มักเกิดกับ
    เด็กเล็ก และคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น อาจเกิดจากอุบัติเหตุ

    (เช่น ตกน้ำ เรือคว่ำ เรือชน) เมาเหล้า
    โรคลมชัก โรคหัวใจวาย หรืออื่น ๆ
    คนที่จมน้ำมักจะตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจ เพราะสำลักน้ำ

    บางคนอาจตายเนื่องจากภาวะ
    เกร็งของกล่องเสียง (laryngospasm)

    ทำให้หายใจไม่ได้ สาเหตุเหล่านี้มักจะทำให้คนที่จมน้ำ ตาย
    ภายใน 5-10 นาที
    คนที่จมน้ำถึงแม้จะรอดมาได้ในระยะแรก แต่ก็อาจ จะตายเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนในภายหลังได้
    เช่น ปอดอักเสบ การเปลี่ยนแปลงของระดับเกลือแร่ในร่างกาย ภาวะเลือดเป็นกรด ภาวะปอดบวมน้ำ
    (pulmonary edema) ภาวะปอดไม่ทำงาน (ปอดล้ม ปอดวาย) เป็นต้น
    ภาวะเหล่านี้มักเกิดขึ้นไม่ต่างกันมากนัก ทั้งในพวกที่จมน้ำจืด (แม่น้ำ ลำคลอง บ่อ สระน้ำ) และพวก
    ที่จมน้ำทะเล รวมทั้งอาการแสดงและการรักษาก็ไม่ต่างกันมาก
    ข้อแตกต่าง คือ น้ำจืดจะมีความเข้มข้นน้อยกว่า เลือด(พลาสมา) ดังนั้น ถ้ามีน้ำอยู่ในปอดจำนวนมาก
    ก็จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดทันที ทำให้ปริมาตรของเลือดที่ไหลเวียนเพิ่มจากเดิม (hypervolemia)
    มีผลทำให้ระดับเกลือแร่ (เช่น โซเดียม โพแทสเซียม) ในเลือดลดลง ซึ่งอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ
    หรือหัวใจวายได้ นอกจากนี้ ยังอาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (hemolysis) ได้อีกด้วย
    ส่วนน้ำทะเลจะมีความเข้มข้นมากกว่าเลือด น้ำทะเลที่สำลักอยู่ในปอด จะดูดซึมน้ำเลือด (พลาสมา)
    จากกระแสเลือดเข้าไปในปอด ทำให้เกิดภาวะปอดบวมน้ำ

    (pulmonary edema) ระบบไหลเวียนมี
    ปริมาตรลดลง (hypovolemia)

    และระดับเกลือแร่ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจวาย
    หรือเกิดภาวะช็อกได้
    แต่อย่างไรก็ตาม คนที่จมน้ำมักตาย

    เนื่องจากขาดอากาศหายใจมากกว่า การเปลี่ยนแปลงของระดับ
    เกลือแร่ และปริมาตรของเลือด

    อาการ
    คนที่จมน้ำมักจะมีอาการหมดสติ และหยุดหายใจ

    บางคนหัวใจอาจหยุดเต้น (คลำชีพจรไม่ได้)
    ร่วมด้วย ถ้าไม่ถึงกับหมดสติ ก็อาจมีอาการปวดศรีษะ เจ็บหน้าอก อาเจียน กระวนกระวาย หรือ
    ไอมีฟองเลือดเรื่อ ๆ (ซึ่งแสดงว่ามีภาวะปอดบวมน้ำ)
    บางคนอาจตรวจพบภาวะหัวใจเต็นเร็วผิดปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันเลือดต่ำ หรือภาวะช็อก

    การรักษา
    การปฐมพยาบาล
    การช่วยเหลือคนที่จมน้ำอย่างถูกต้องก่อนส่งไปโรงพยาบาล

    มีผลต่อความเป็นความตายของผู้ป่วย
    มาก ควรแนะนำวิธีปฐมพยาบาลดังนี้


    1. ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ทำการเป่าปาก ช่วยหายใจทันที
    อย่ามัวเสียเวลาในการพยายามเอาน้ำออกจาก
    ปอดของผู้ป่วย (เช่น การจับแบก พาดบ่า) หรือทำการผายปอดด้วยวิธีอื่น

    เพราะจะไม่ทันกาลและไม่ได้ผล
    ถ้าเป็นไปได้ ควรลงมือเป่าปาก ตั้งแต่ก่อนขึ้นฝั่ง เช่น หลังจากพาขึ้นบนเรือ หรือพาเข้าที่ตื้น ๆ ได้
    แล้ว เมื่อขึ้นบนฝั่งแล้ว ให้ทำการผายปอดด้วยการเป่าปากต่อไป จนกว่าผู้ป่วยจะหายใจได้เอง หรือพา
    ไปส่งถึงโรงพยาบาลแล้ว
    วิธีการเป่าปากโดยละเอียด ดูใน "โรคที่ 75 หมดสติ"
    เมื่อเริ่มเป่าปากสักพัก ถ้าหากรู้สึกว่าลมเข้าปอดได้ไม่เต็มที่เนื่องจากมีน้ำอยู่เต็มท้อง อาจจับผู้ป่วยนอนคว่ำ
    แล้วใช้มือ 2 ข้าง วางอยู่ใต้ท้องผู้ป่วย ยกท้องผู้ป่วยขึ้นจะช่วยไล่น้ำออกจากท้องให้ไหลออกทางปากได้
    แล้วจับผู้ป่วยพลิกหงาย และทำการเป่าปากต่อไป
    2. ถ้าคลำชีพจรไม่ได้ หรือหัวใจหยุดเต้น ให้ทำการนวดหัวใจทันที
    3. ถ้าผู้ป่วยยังหายใจได้เอง หรือช่วยเหลือจนหายใจได้แล้ว ควรจับผู้ป่วยนอนตะแคงข้าง และศีรษะ
    หงายไปข้างหลัง เพื่อให้น้ำไหลออกทางปาก ใช้ผ้าห่มคลุมผู้ป่วยเพื่อให้เกิดความอบอุ่น อย่าให้
    ผู้ป่วยกินอาหารและดื่มน้ำทางปาก
    4. ควรส่งผู้ป่วยที่จมน้ำไม่ว่าจะมีอาการหนักเบาเพียงใด ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลทุกราย
    ในรายที่หมดสติและหยุดหายใจ ควรผายปอด

    ด้วยวิธีเป่าปากไปตลอดทาง อย่าเพิ่งรู้สึกหมดหวัง
    แล้วหยุดให้การช่วยเหลือ

    (เคยพบว่า การเป่าปากนานเป็นชั่วโมง ๆ สามารถช่วยให้ผู้ป่วยรอดและ
    หายขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าจมน้ำที่มีความเย็น อุณหภูมิต่ำกว่า 70 ํฟ. หรือ 21.1 ํ ซ.)

    การรักษา
    ควรรับผู้ป่วยไว้รักษาที่โรงพยาบาลทุกราย

    ไม่ว่าจะมีอาการหนักเบาเพียงใด เพื่อเฝ้าสังเกตอาการ
    และหาทางป้องกันและแก้ไขภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น
    ควรเจาะเลือดตรวจระดับแก๊สในเลือด

    และตรวจหาความเข้มข้นของเกลือแร่ เอกซเรย์ดูว่า มีการ
    อักเสบของปอด หรือปอดแฟบหรือไม่ หรือตรวจพิเศษอื่น ๆ
    การรักษา ให้ออกซิเจน, ต่อเครื่องช่วยหายใจ ให้น้ำเกลือ พลาสมาหรือเลือด
    ถ้ามีภาวะหัวใจวายก็จะให้ยาขับปัสสาวะและ ยารักษาโรคหัวใจ (เช่น ลาน็อกซิน)
    ถ้ามีปอดอักเสบ จะให้ยาปฏิชีวนะ และสเตอรอยด์

    ข้อแนะนำ
    1. วิธีผายปอดแก่ผู้ป่วยจมน้ำที่แนะนำในปัจจุบัน คือ วิธีการเป่าปาก และให้ลงมือทำให้เร็วที่สุด
    อย่าเสียเวลาในการจับแบกพาดบ่าเพื่อเอาน้ำออกจากปอด ดังที่เคยแนะนำกันในสมัยก่อน
    ส่วนการผายปอดด้วยมือ เช่น วิธีของซิลเวสเตอร์ (Silvester method ) หรือวิธีของโฮลเกอร์นีลเซน
    (Holger Nielsen method) เป็นต้น ไม่แนะนำให้ทำ เพราะได้ผลน้อย
    2. ผู้ป่วยที่จมน้ำทุกรายไม่ว่าจะหมดสติ หรือหยุดหายใจหรือไม่ก็ตาม ควรพักรักษาตัวใน
    โรงพยาบาลอย่างน้อย 24-72 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวัง ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในเวลาต่อมา

    การป้องกัน
    ควรหาทางป้องกัน โดย
    1. ระวังอย่าให้เด็กเล็กเล่นน้ำหรือเล่นในบริเวณ ใกล้กับน้ำตามลำพัง
    2. ควรส่งเสริมให้เด็กฝึกว่ายน้ำให้เป็น
    3. เวลาลงเรือหรือออกทะเล ควรเตรียมชูชีพไว้ให้พร้อมเสมอ
    4. คนที่เมาเหล้า หรือเป็นโรคลมชัก ห้ามลงเล่นน้ำ


    ที่มา
    http://www.thailabonline.com/accident.html


    <!--MsgFile=16-->


     
  3. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    จัดฝึกจริงเลยไหมคะ จะได้เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์บุญหมายเลข ๒
     
  4. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    จัดตอนไป ตาฮิติ เมืองไทย อีกรอบ ดีไหมครับ อาจารย์ไก่
     
  5. monsodsai

    monsodsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +570

    เห็นด้วยค่ะ คราวนี้จะไม่ยอมให้พลาดเลย...หุ.หุ...จะเตรียมผ้าถุงไปตีโป่งด้วยนะเอย..นะเอย...อิ.อิ...;aa30
     
  6. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    อายจัง

    แต่ก็ว่ายน้ำไม่เป็นแหละ (ผลของการโดดเรียนว่ายน้ำตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก)
     
  7. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    ตอนนี้ต้องเริ่มฝึกแล้วครับ เพราะแนวโน้มมีโอกาสเจอภัยทางน้ำ คนที่ว่ายน้ำไม่เป็นจะลำบากและเสี่ยงมาก แม้คนที่ว่ายน้ำเป็น ถ้าทิ้งไปนาน 2-3 ปี(ไม่เคยไปว่ายน้ำเลย) จะเหนื่อยมากไปว่ายแค่ 30 - 50 เมตร เพราะการว่ายน้ำจะใช้กำลังจากแขน 70 % (ผมเอง ไปว่ายน้ำที่ระยอง หอบแหกๆเลย)
     
  8. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    งานนี้ต้องพี่มารีน
    มาช่วยแนะนำน้องน้องกันแล้ว

     
  9. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    แล้วสำหรับคนที่ว่ายน้ำเป็น... แต่ลงน้ำทีไร... ขาเป็นตะคริวทุกที (ทั้งๆ ที่เล่นกีฬาอย่างอื่นเป็นปกตินะคะ)...

    ควรทำอย่างไรดีค่ะ...

    ขอบพระคุณค่ะ...
     
  10. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    ตะคริว

    เป็นอาการหดตัวของกร้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว
    มักเกิดที่น่องและต้นขา เมื่อคลำ
    ที่กล้ามเนื้อบริเวณที่บวดจะรู้สึกเป็นก้อนแข็งแต่จะบรรเทาปวดลงเมื่อเหยียดขาและนวดเบา ๆ
    เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว

    หรือทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นดีขึ้น

    ตะคริวเกิดได้จากหลายสาเหตุ
    เช่น คุณอาจออกกำลังกายมากเกินไป โดยที่กล้ามเนื้อ
    ไม่เคยได้รับการฝึกฝนมาก่อนหรือเกิดจากการไหลเวียนของหลอดเลือดไม่สะดวก เนื่องจากท่านั่ง
    หรือยืนที่ทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่สะดวก หรือในผู้สูงอายุที่มีภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว

    นอกจากนี้ยามอาการเย็นก็อาจทำให้เป็นตะคริวได้
    และในรายที่ขาดแคลเซียมต่ำใน
    เลือดหรือร่างกายที่มีการสูญเสียเกลือแร่ในร่างกายอย่างมากในขณะท้องเสีย อาเจียน หรือเหงื่อออกมาก ๆ

    เมื่อคุณเป็นตะคริว คุณจะรู้สึกเจ็บปวดบริเวณกล้ามเนื้ออย่างมาก
    การปฐมพยาบาลจะช่วย
    บรรเทาลงได้...

    ถ้าเป็นตะคริวที่น่อง ..ให้เหยียดขาข้างที่เป็นตะคริวให้ตรง
    ใช้มือข้าวหนึ่งยกประคองส้นเท้าและ
    ใช้มืออีกข้างค่อย ๆ ดันปลายเท้าขึ้นลงให้เต็มที่อย่างช้า ๆ ประมาณ 5 นาที แล้วนวดเบา ๆ ที่น่อง หรืออาจทา
    ครีมหรือน้ำมันเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในบริเวณนั้นไม่ควรนวดแรง ๆ เนื่องจากอาจทำให้
    กล้ามเนื้อเจ็บได้และอาจเป็นตะคริวซ้ำได้อีก

    ถ้าเป็นตะคริวที่ต้นขา.. ให้เหยียดขาข้างที่เป็นตะคริวให้ตรง
    ใช้มือข้างหนึ่งยกประคองส้นเท้า
    อีกข้างหนึ่งกดลงบนหัวเข่าจากนั้นค่อย ๆ นวดบริเวณที่เป็นตะคริวเบา ๆ

    ถ้าเป็นตะคริวที่นิ้วเท้า.. ให้เหยียดนิ้วเท้าให้ตรง และลุกขึ้นยืนเข่ยงเท้า
    จากนั้นค่อย ๆ นวดบริเวณ
    นิ้วเท้าเบา ๆ

    ถ้าเป็นตะคริวที่นิ้วมือ.. ให้เหยียดนิ้วมือออกและค่อย ๆ นวด บริเวณนิ้วมือเบา ๆ

    สำหรับคนที่เป็นตะคริวบ่อย ๆ ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เวลานอนให้ยกขาสูง
    โดยใช้หมอนรองขา แต่ถ้าเป็น ๆ หาย ๆ บ่อยครั้งควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุแห่งการ
    ผิดปกติในระบบไหลเวียนของเลือดครับ


    นำมาจาก
    http://www.siamswim.com/knowleage/sara.html

     
  11. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอบพระคุณค่ะ...
     
  12. peterandpen

    peterandpen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +502
    กระทู้นี้โดนใจ เพราะบังเอิญตัวเองก็ว่ายน้ำไม่ค่อยจะเป็น แต่ก็พยายามหัดให้ชินกับน้ำอยู่ค่ะ
    จะลองนำไปฝึกดูค่ะ ขอบพระคุณมากนะคะ
     
  13. neo1982

    neo1982 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +17
    เพิ่งมาอ่านเจอ ขอบคุณมากครับ
     
  14. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    up กระทู้ นี้ให้ลองไปค้นข้อมูลเก่าๆดูนะครับ เด็กไทยรุ่นใหม่ เสียชีวิตจากภัยทางน้ำเพิ่มขึ้นมากกว่าในอดีต เพราะว่ายน้ำไม่เป็น อยากให้ทุกๆบ้าน ตระหนัก และให้รัฐบาล เน้นเป็นวาระแห่งชาติ ในการสอนให้ว่ายน้ำเป็น หมดลายเวนิชตะวันออกเลย
     
  15. Freddy_Kruger

    Freddy_Kruger เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +759
    น่าจะฝึกลอยตัวอยู่กับที่ให้ได้ก่อนนะครับ เพราะส่วนใหญ่ที่ไม่กล้าว่ายน้ำกัน เพราะกลัวจมน้ำครับ ถ้าสามารถลอยตัวอยู่กับที่ได้โดยไม่จม ผู้ฝึกจะมีความมั่นใจและว่ายน้ำเป็นได้เร็วขึ้นครับ

    ควรจะลอยตัวแบบนี้ให้ได้ก่อนครับ ค่อยไปฝึกตีขา จากประสบการณ์ส่วนตัวคิดว่าช่วยได้เยอะกว่าจะฝึกตีขา หรือฝึกเกาะโฟมในทันที

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=kFmOtf_Ew1w&feature=related]How to Tread Water for Beginning Swimmers - YouTube[/ame]
     
  16. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    ขอผู้เชี่ยวชาญ/ประสบการการสอนว่ายน้ำ ใช้เครื่องมืออุปกรณ์เกี่ยวกับทางน้ำ เช่น เทคนิควิธีการฝึกว่ายน้ำแบบเร่งรัดและง่าย การใช้เสื้อชูชีพ อุปกรณ์ดำน้ำ(เอาแบบพอรู้เพื่อฉุกเฉินยังพอใช้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพราะค่าเรียนจริงแพงพอดู) เรือยาง การพายเรือแบบต่างๆ เชื่อหรือไม่ คนที่อยู่ติดลำน้ำ พายเรือคยัคไม่ค่อยเป็น ซึ่งเรือแบบนี้มันโต้คลื่นลมแรงได้ คล่องตัวในน้ำที่ไหลเชี่ยว ถ้าพายคนเดียวมันต้องนั่งตรงกลาง (ถ้าเป็นเรือแบบพาย 2 คน) ผมเคยฝึกแต่เรือกรรเชียง แต่พายเรือแบบ เรือแจวที่ใช้ตามลำน้ำไม่ค่อยเป็น หัวเรือส่ายเป็นงูเลย มันต้องรู้วิธีคัดท้าย เวลาบังคับทิศทางเขาแบ/หงายใบพาย มุมปลายใบพายไปทางด้านใด
     
  17. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ผมว่ายน้ำเป็นตอนน้ำท่วมใหญ่ที่บ้าน ในปี พ.ศ. 2526

    ที่จริงบ้านผมก็อยู่ใกล้กับคลองบางเชือกหนัง กลับไม่กล้าว่ายน้ำเพราะเคยจมน้ำและสำลักน้ำมาก่อน จึงว่ายน้ำไม่เป็นมานานพอสมควร

    พอเกิดน้ำ็ท่วมแล้ว ก็เลยเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส เนื่องจากระดับน้ำที่ท่วมที่บ้านไม่สูงมากนัก(เป็นบ้านใต้ถุนสูง) แต่ก็สูงพอที่จะมีที่ฝึกว่ายน้ำได้ โดยอาศัยวิธีหัดลอยตัวในน้ำแล้วโผไปมาระหว่างหลักสองหลัก ในช่วงที่น้ำตื้นไม่เกินหน้าอก เพราะจะมั่นใจได้ว่าไม่จมน้ำเพราะ็ยืนในน้ำได้ พอฝึกลอยตัวได้นานขึ้น จึงฝึกว่ายน้ำจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งให้ไกลขึ้นๆ ก็สามารถว่ายน้ำพอเอาตัวรอดได้แล้ว แต่ก็ยังดำน้ำไม่เป็นเพราะเคยมีประสบการณ์จมน้ำหลายหน จนรู้สึกว่ายังกลัวการดำน้ำอยู่ครับ ^^"

    บริเวณที่ฝึกไม่ควรเป็นบริเวณที่น้ำไหลเชี่ยวจะมีอันตรายได้เพราะกระแสน้ำอาจพัดเราไปยังที่ที่มีระดับน้ำลึกจนยืนไม่ถึงได้
    การฝึกเองนี้ควรมีผู้ใหญ่ที่ว่ายน้ำได้คอยดูแลอยู่ด้วยนะ หากเกิดความผิดพลาดจมน้ำหรือสำลักน้ำระหว่างการฝึก จะได้มีผู้ช่วยเราได้ และควรเตรียมชูชีพ เช่น ห่วงยาง สำรองเผื่อไว้ด้วยในช่วงที่ฝึกใหม่ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2012
  18. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    เรื่องเรือพายนี่ ผมเคยใช้มานานแล้วตั้งแต่สมัยเรือแจวเป็นเรือไม้ยาด้วยชัน จนมาถึงเรือพลาสติกสมัยใหม่ซึ่งลำไม่ใหญ่นักก็พายได้ อาศัยพายเรือของคุณลุงคุณป้า
    ที่บ้านอยู่ริมคลอง ตอนยังไม่มีเรือเป็นของตัวเอง แต่เมื่อน้ำท่วมปีที่แล้ว
    ผมไปซื้อเรือแบบไฟเบอร์กลาสมาใช้ มีน้ำหนักเบามาก ท้องค่อนข้างแบน
    และลำเรือกว้างไปหน่อย ทำให้พายคนเดียวไม่สะดวก เพิ่งมารู้ตอนซื้อมาแล้วนี่แหละ
    และท้องเรือที่แบนทำให้ต้านน้ำมากพายไม่ค่อยไป ถ้าเจอน้ำเชื่ยวคงลอยไปกับน้ำแหง
    และน้ำหนักที่เบามากนั้น ทำให้เรือโคลงเคลงง่าย สรุปแล้วไม่เวิร์คเลย ตอนพายในซอย
    ที่น้ำท่วมผมเอาไม้พายค้ำถ่อเรือไปยังเร็วกว่าพายไปเสียอีก ^^"

    ตอนนี้ผมเอาเรือลำที่ว่าไปเพาะขยายพันธุ์แหนแดงเล่นอยู่ครับ เรือแบบนี้ไม่เหมาะกับการพายเรือหนีภัยเอาเสียเลย คงต้องหาเรือลำใหม่อีกสักลำแฮะ

    ขออภัยที่พากระทู้ออกทะเลไปแล้ว พอดีเห็นคุณ marine24 พูดถึงเรือ เลยอยากบ่นนิดหน่อย ^^"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...