เส้นทางนักแสวงหาพระสมเด็จ

นักแสวงหาพระสมเด็จ

สวัสดีครับท่านสมาชิกทุกท่าน. กระทู้นี้ผมจะขอนำเสนอข้อมูลทั้งที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาจากอาจารย์ผู้ที่มีความรู้ทางด้านพระสมเด็จและก็ทั้งจากประสบการณ์ของตัวกระผมเอง แต่ข้อมูลต่างๆที่จะพูดในกระทู้ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องเดิมเรื่องที่รู้กันอยู่แล้ว.  จึงอยากที่จะพูดในส่วนอื่น ที่ไม่มีในหนังสือบอกที่ไม่มีในเว็ป. คือข้อมูลที่นักแสวงหาพระสมเด็จอยากที่จะได้รับได้ฟังเพื่อให้เป็นเครื่องมือ. ในการหาพระสมเด็จมาในอยู่ความครอบครองของเรา.  ซึ่งข้อมูลที่จะกล่าวในโอกาสต่อไป ไม่มีอะไรที่มาบอกว่าใช่หรือไม่ใช่. ดังนั้นการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆเป็นเรื่องวิจารณญาณของผู้ที่เสพข้อมูลเอง. 


ประการแรกเลยของผู้แสวงหาพระสมเด็จนั้นสิ่งที่ท่านอาจารย์รุ่นเก่ารุ่นต่อรุ่นที่ชอบพอกันนั้นเขามักจะบอกผู้ที่อยากจะมีพระสมเด็จใว้บูชาว่า. หรือลูกศิษย์ว่าใจเย็นๆ จะเล่นพระสมเด็จต้องมีเคล็ดลับ เราต้องมี. "เชื้อ". เพื่อนิมนต์หรือเรียกท่ามมาอยู่กับเรา. คือการใหว้ครูนั่นแหละ

เชื้อ คืออะไร.  ไม่ยากไม่ง่าย.  ประการแรกเชื้อที่1คือต้องมีสิ่งที่เกี่ยวกับตัวท่านคือสมเด็จ(โต)ท่านได้เกี่ยวข้องด้วย.  ซึ่งในที่นี้อาจารย์ได้ให้ความกรุณา. มอบพระสมเด็จ หัก2ท่อน. วัดสะตือมาให้ผมไว้บูชา. โดยเขาว่ากันมาว่าให้เอามูลสารนี้เรียกครูหรือเรียกพระสมเด็จวัดระฆัง. เพราะมวลสารบางอย่างในพระคนละองค์คนละวัดอาจจะเป็นมวลสารที่ทำในครกเดียวกันหรือในที่เดียวกันแต่ถูกแยกกันไปเพื่อสร้างบุญกุศลในที่ที่ต่างกัน. เมื่อถึงเวลาหรือบุญสือถึงกันก็จะมาหากัน. สิ่งที่พามาคือพลังจิตที่เป็นบุญนำพาครับ
และเชื้อที่2 ที่จะเชื้อที่ช่วยสนับสนุนเชื้อที่หนึ่งคือ. ครูบาอาจารย์ผู้ที่มีความรู้ผู้ที่มีพระสมเด็จ หรือคนรู้จักถ้าไม่รู้จักก็ไปทำความรู้จักกล่าวคือเราศรัทธา.  เขามีสิ่งที่เราศรัทธาเรารู้จักเขาเราก็เขา้ใกล้สิ่งที่เราศรัทธา. 

ในเรื่องเชื้อ. ที่ได้กล่าวมา. ครูบาอาจารย์เขากระซิบบอกเป็นสิ่งที่เราจะเชื่อหรือไม่เชื่อท่านไม่เคยบังคับ.  แต่อาจารย์จะพูดทิ้งท้ายว่า.  "สมเด็จท่านจะดูความตั้งใจเท่านั้นแหละ"ถ้าเราตั้งใจ.   เมื่อถึงเวลาชั่วเวลาแป๊ปเดียวแค่นั้นแหละเมื่อทุกๆอย่างพอเหมาะพอดีแล้วท่านจะมาโปรดเพราะท่านคือพระโพธิสัตย์ 

อะไรคือความพอเหมาะพอดี. ผมอธิบายเป็นตัวหนังสือได้ไม่หมดหรือได้ไม่ดีหรอกเพียงแต่จะอธิบายว่า. ใจนิ่ง.  สภาพแวดล้อมก็เป็นใจ. ทุกๆอย่างสื่อถึงกันในช่วงใดนั่นแหละจะประหลาดใจว่ามาได้อย่างไรเมื่อมองย้อนกลับไปวันที่เรา.  ค้นหาช่างยากช่างเย็นเหลือเกิน. แต่เมื่อถึงเวลาช่างง่ายดายเหลือเกิน. และ เราจะหลุดพ้นสำหรับพระสมเด็จที่เรามีเลยว่าต่อให้ฟ้าดินเทวดาหรือหมูหมาหรือผู้คน. จะบอกว่าพระไม่ดีไม่แท้เราจะไม่อ่อนใจกับคำเหล่านั้นเลย. ใจเราจะหนักแน่นอบอุ่นและสบายใจจากวันที่ท่านมาโปรดไปตลอดในพระองนั้นเลย. นี่คือความรู้สึกจริงๆที่ผมได้รับ. ครับ.  และสี่งหนึ่งที่อาจารย์ได้กล่าวคือ.  เมื่อมาเพราะเชื้อ ท่านเองก็ต้องจากไปเพราะเชื้อเช่นกันเมื่อเวลาพอเหมาะพอดี. ยกตัวอย่างง่ายๆเราหวงพระองค์นี้เก็บให้ตกทอดเป็นมรดกแต่เพราะเชื้อสายตระกูลไม่รู้ไร้แรงศรัทธาหรือจิตที่มีต่อกันพระท่านก็จะถูกดึงไปโดยเชื้อ.  2 อย่างที่ผมกล่าวมาข้างต้นนั้นนั่นเองครับ

ที่ผมกล่าวมาข้างต้นทั้งหมดเป็นเพียงการใหว้ครูเ่ทานั้นเอง.  ก่อนที่จะออกเดินทางแสวงหา. 
หรือเรียกว่าเป็นการ. อารธนา. ระลึกถึงท่านเท่านั้นเอง.  

ในโอกาสต่อไปก็จะมาพูดในเรื่องต่างๆในพระสมเด็จ. ในแง่มุมที่ต่างออกไปบ้างไม่เคยรู้บ้าง. มาว่ากัน.  อันนี้เอาแค่นี้ก่อนครับ

 

จริงครับ..................................

 

"ผม รออ่าน ตอนต่อไปครับ"

 

ผมเชื่อเรื่องนี้ครับ เคยได้ยินมาจากผู้ใหญ่แถวบ้าน กับอาจารย์ที่เค้าสอนเรื่อง พระสมเด็จ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันเหมือนบทความที่เขียนไว้ครับ รออ่านตอนสองครับ ขอบคุณครับ

 

วันนี้ผมขออนุญาตเอาจุดในการดูพระสมเด็จมาฝากเป็นจุดที่ไม่ค่อยจะมีใครพูดถึงซักเท่าไหล่ทั้งๆที่เป็นจุดง่ายๆ เพื่อให้ท่านสมาชิกทุกท่านได้ใช้พิจารณาประกอบการตัดสินใจหรือใช้เป็นหลักในการดูพิมพ์พระได้ ซึ่งผมจะพูดถึงวัดระฆังพิมพ์ใหญ่เกศทะลุซุ้ม

"ซุ้มระฆัง" ซุ้มระฆังในพระสมเด็จนั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีจุดให้พิจารณาเยอะครับในการประกอบการพิจารณา แต่จุดที่ผมจะกล่าวถึง คือ ซุ้มระฆังที่อยู่เหนือเศียรพระนั่นเองครับ
คือจุดที่สุงที่สุดของซุ้มระฆัง
หลักการพิจารณา (ง่ายและเข้าใจ)
เมื่อมีพระพิมพ์นี้มาให้เห็นหรือให้ดู หรือเมื่อมีคนบอกว่านี่และพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่เกศทะลุซุ้ม ฯลฯ
1.ให้เราทำการแบ่งส่วนองค์พระแบบเส้นเหลืองที่ผมได้ทำใว้นั่นแหละครับ
2.เราจะได้ส่วนของพระที่เป็น ด้านซ้ายและขวาขององค์พระ
3.ให้เราสังเกตุเส้นซุ้มทั้งซ้ายและขวาขององค์พระ ในบริเวณที่ลูกศรชี้นั้นทั้งสองข้างซ้ายขวา
4. คำตอบที่ได้คือ?.......................................................ลองดูครับ


ผมว่าผมให้ท่านที่สนใจฝึกฝนไปด้วยจะดีกว่าครับ จะได้รู้ด้วยว่าแต่ละท่านเห็นอะไร........เชิญพิจารณาครับ

 

สวัสดีครับ.   ต่อจากเดิมที่ได้ถามไปว่าเราได้อะไรจากจุดที่ผมให้ท่านทั้งหลายได้สังเกตุนะครับ
  เมื่อทำตามที่ผมบอกเราก็จะเห็นโดยตาเปล่าเรานี่แหละครับว่า".  เส้นซุ้มระฆัง  ทางด้านฝั่งที่ลูกศรชี้นั้น.  จะสูงกว่าอีกด้านนึง อยู่เนืองๆ. ".    เพราะแม่พิมพ์ที่ใช้กดพระของบล็อกนี้เป็นเช่นนั้นครับ.    ถ้าว่าเคยเห็นแม่พิมพ์รึเปล่าตอบว่า ไม่หรอกครับ.  ผมให้ทุกท่าน.  ไปดูในหนังสือ. ไปดูองค์ที่ดังๆ.  หรือพิจารณา. องค์ที่เขาชนะการประกวดต่างๆผมไม่บอกว่าของเขาใช่หรือไม่ใช่นะครับ. เพียงแต่ให้ดูมาประกอบการพิจารณาลองดูก็ได้ครับ.  พิมพ์เกศทะลุซุ้มนิยม. ท่านจะเห็นว่า.  จุดที่ผมให้ทุกท่านสังเกตุนั้น. เป็นอย่างนี้ทุกๆองค์.  แต่จะมีบ้างเป็นบางองค์เท่านั้นที่จะต่ำลงมาเสมอ.    เพราะเกิดจากการยุบตัวของมวลสาร เส้นซุ้มก็เลยยุบตัวลงมาเสมออีกฝังได้แต่. ถ้าพิมพ์นี้.  นั้นฝั่งที่มีลูกศรชี้นั้น ต่ำกว่าอีกฝังนึง นั่นเท่ากับว่า. 1.ไม่ใช่แม่พิมพ์เดียวกัน. 2.  คนทำพระเก๊ไม่รู้จุดนี้. (ตอไปไม่แน่).  3.เป็นพระเก๊ครับ.   
 
ผมเอาประสบการณ์อันน้อยนิดและมุมมองในมุมที่มีมากกว่าเดิมในการค้นหาพิจารณาได้แบบเต็มองค์ขึ้น.  ดังนั้นสิ่งนี้ถูกผิดอย่าว่ากันครับ. แต่สงสัยสอบถามก็ว่าไป.     ส่วนต่อเรื่องอะไรเดี๋ยวจะนำมาให้ศึกษาครับ

 

ที่ซุ้มด้านหนึ่งสูงกว่าเพราะเวลาแกะพิมพ์ เขามองตะแคงแกะแบบพิมพ์ขอรับ
เป็นมิติที่เยื้องไปนิดหน่อยเวลาเรามองตะแคง ของแท้เป็นทุกองค์
ให้คนปลอมพระทำอย่างไรก็ไม่เหมือน เพราะไม่ได้มาแกะจริง

ผมขอเสริมวิธีหาพระสมเด็จคือ หาบูชาพระสมเด็จเก่าๆที่ไม่แพงมาก จะทันสมเด็จโตหรือไม่ ไม่เป็นไร ศึกษาความเก่า มวลสารก่อน และธรรมชาติของเนื้อพระเก่าให้เป็นก่อน เรื่องพิมพ์ค่อยมาดูกันภายหลัง
สวดคาถาชินบัญชรบ่อยๆ ทำบุญถวายกระเบื้องโบสถ์ หรือวัตถุข้าวของ กับวัดวาอาราม
แล้วอธิษฐานขอสมเด็จวัดระฆัง พระท่านตามหาคนขอรับแล้วท่านจะมาแบบเงาะถอดรูปขอรับ

 

การยุบตัวฐานชั้นล่าง ในส่วนนี้ผมเล็งเห็นว่าถ้าเกิดเข้าใจในการยุบตัวแบบธรรมชาตินั้นแค่ดูตรงจุดนี้เราอาจที่จะปฎิเสธพระบางองค์ได้โดยที่เราพิจารณาในองค์พระองค์นั้นไปโดยไม่เห็นแก่ความสวยงามพิมพ์ทรงที่เขาเอามาหลอกตา เรา ได้พอสมควรเลยทีเดียวครับ ดังนั้นผมจึงขออนุญาตพูดถึงจุดที่ทุกคนที่เล่นหาพระสมเด็จจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าพระสมเด็จนั้นมวลสารเนื้อพระนั้นชอบที่จะยุบตัวในส่วนนี้ดังนั้น ในตำราหรือหนังสือจึงมีการกล่าวถึงหลักการพิจารณา ในส่วนนี้ทุกสำนักก็ว่าได้ แต่ก็เช่นเดียวกัน เมื่อเป็นจุดหลักที่ใช้พิจารณาร่วมด้วยพวกทำพระเก๊ก็ต้องนำจุดเหล่านี้แหละครับมาหรอกเราด้วยเช่นกัน
สำหรับภาพที่ผมเอามาลงก็องค์เดิมครับองค์ครูของผม
1.จุดที่ลูกศรสีแดงชี้หรือบริเวณนั้น เนื้อมวลสารของพระมีความละเอียดกดพิมพ์ได้แน่นเมื่อกาลเวลาผ่านพระเกิดการยุบตัว ในบริเวณนี้นั้นเนื้อแน่นอยู่แล้ว ก็ไม่รู้จะยุบไปไหนได้อีกครับเพราะไม่มีที่ว่างให้ยุบตัวนั่นเอง
2.จุดที่เป็นลูกศรสีดำนั้นคือจุดที่มีการยุบตัว ของเนื้อมวลสารพระ แต่แรกก็กดพิมพ์ออกมาเต็มองค์สวยๆนี่แหละครับ แต่ตรงบริเวณนี้นั้นมวลสารที่กดไม่แน่นบ้าง หรืออาจจะมีเม็ดมวลสารขนาดใหญ่ผสมอยู่ทำให้เกิดช่องว่างด้านในจึงมีการยุบตัวของเนื้อพระนั่นเอง
ที่ผมกล่าวมา คือผมจะชี้ให้เห็นว่าความเป็นธรรมชาติของการยุบตัวของเนื้อพระนั้น ถ้าเราเข้าใจมันจะดูได้ธรรมชาติไม่ใช่ใครเอาอะไรมากดลงเพื่อหรอกเราเพราะอย่างไรเราก็จะจับพระขึ้นมาแล้วต้องดูตรงจุดนี้อยู่แล้วเขาก็หาอะไรมากดลงทำให้ดูเหมือนยุบตัวเราไม่เข้าใจเราไม่ใส่ใจก็อาจจะโดนหลอกได้ง่ายๆครับ และเราก็ต้องเข้าใจด้วยว่าที่เราดูอยู่นั้นพระเนื้อละเอียดหรือเนื้อกลางๆหรือหยาบ การยุบตัวของพระก็จะต่างกัน แต่โดยรวมมันจะยุบตัว ไม่ใช่กดให้ลงไป บางครั้งยุบแต่ฝั่งซ้าย บางครั้งตรงกลาง เป็นต้น การหยิบมาส่องต้องพิจารณาว่ามันยุบตัวโดยฝืนธรรมชาติรึเปล่า ถ้าเราเข้าใจในจุดนี้บางครั้งไม่ต้องส่องให้เสียตาไม่ต้องวัดดวงเลยด้วยซ้ำไปครับ
ขออภัยถ้าท่านรู้แล้ว แต่คนโดนเอาพระมาให้ดูแค่ผมให้เขาลองพิจารณาจุดนี้ดี ๆ ถ้ารู้อย่างนี้ไม่หยิบดีกว่า เพราะมองแค่จุดนี้ก็ไม่ผ่านด่านแล้ว
นี่แหละครับความสำคัญของจุดพื้นฐานผมเลยมาเน้นย้ำ เพื่อให้นักแสวงหาพระสมเด็จ ไม่ออกนอกเส้นทางแห่งการแสวงหาครับผม

 

คำตอบสั้นๆคือว่าต้องหาพระแท้จริงๆมาศึกษาครับเพราะสำนักหนึ่งก็ชี้ไปทางสำนักอื่นก็ชี้ไปอีกทาง(เหมือนคนตาบอดคลำช้าง) พระทุกชนิดท่านต้องหาพระแท้ๆๆๆๆมาดูกับตาแล้วจดจำเนื้อหาให้มากที่สุดพอเจอตัวจริงในสนามก็จะไม่มีพลาดเลย ขืนเล่นพระตามเซียนชี้ตำหนิพอลงสนามท่านอาจพลาดเจอพระแท้แล้วหลุดมือไปเฉยๆได้ครับ

 

ครับท่านเก่งแล้วก็ว่าไป.รู้แล้วก็เถอะ. เอาองค์แท้ที่ท่านมีมาร่วมศึกษาได้นี่ครับ แต่สิ่งที่ทำคือ. คำถามที่ว่า ไก่. กับ. ไข่. อะไรเกิดก่อนกัน. มีพระแท้มาดูมาศึกษา. ก็ใช่ครับคำตอบสั้นๆ. แต่ที่บอกคือจะหาพระแท้ที่ไหนมาดู. เพราะยังไม่รู้เก๊แท้เลย. ก็เลยต้องแสวงหา. แต่ในการแสวงหาไม่รู้. เส้นทาง ไม่รู้กลลวงของเขา. หรือพวกมารในเส้นทาง. และไม่มีเงินไปเช่า. จะเอาพระแท้มาจากที่ใดกันเล่า. แล้วสรุปจะศึกษาจากอะไร.

 

อ่อม.....รบกวนด้วยครับ...สมเด็จไม่รู้จักที่ครับ...ท่านใดทราบที่โปรดบอกจะขอบพระคุณมากเลยครับ

 

ให้ลองค้นหา พิมพ์ทรงพระสมเด็จของหลวงปู่นาคหลวงปู่หินดูนะครับ วัดระฆัง ท่านทำใว้หลายพิมพ์และหลายรุ่นแต่ผมไม่สันทัดหรอกครับ แต่ในบางพิมพ์อาจจะไม่เล่นหาแต่ว่ามีนะครับ เพราะเส้นสายในพิมพ์คล้ายๆหลวงปู่นาคครับ แนะนำนะไม่ใช่ฟันธงนะครับ

 

ในจุดต่อไปที่ไม่มีใครพูดถึงเท่าไหร่ คือใบหูครับ หรือ ติ่งหู หรือที่พวกเราจะเคยได้ยินคำว่า เห็นหูรำไรๆ นั่นเองครับ
ในตำแหน่งที่ลูกศรชี้นั้นคือตำแหน่งของปลายหูหรือติ่งหู ในองค์ที่ติดชัดจะเห็นรำไรๆ ในตำแหน่งเส้นแดงนั้นคือการแบ่งส่วนที่ใบหน้าเพื่อให้ได้เห็นภาพกันนะครับ แต่สิ่งที่จะให้ความสนใจที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง ในพิมพ์เกศทะลุซุ้มคือ ตำแหน่งของหูทั้งสองข้าง คือที่ผมขีดไว้ในเส้นสีขาวนั่นเองครับ แต่นี่คือการมองจากภาพจะเห็นความต่างที่ชัดเจนแต่ถ้าเป็นองค์จริงนั้นจะดูเหมือนตรงกันนะครับแต่ถ้าเราสังเกตุให้ดีพิจารณาให้ดีจะรู้ว่าไม่ตรงกัน ถามต่อไปว่าถ้าพิมพ์เคลื่อนจะมาตรงกันหรือไม่คำตอบคือไม่ ถามว่าถ้าเนื้อยุบจะมาตรงกันหรือไม่คำตอบคือไม่ครับ เพราะในองค์ที่ยุบก็ไม่ตรงกัน และในองค์ที่พิมพ์เคลื่อนก็ไม่ตรงกันครับ ดังนั้นถ้าเจอพิมพ์นี้หูตรงกันก็ระวังด้วยครับ

 

ขอบคุณนะครับ ผมลองค้นดูแล้วมีคล้าย ๆ กันจริง ๆ ด้วยครับ

 

ต้องขอบคุณ คุณพี่phak622มากเลยครับที่ชี้แนะแนวทางรวมถึงพี่ๆทุกๆคนในนี้ที่บอกเทคนิคความรู้ที่เป็นประโยชน์มากๆ ผมว่าบางทีเรามองข้ามการเกิดและการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของเนื้อดินและมวลสารไป บางทีเห็นพิมพ์ใช่แต่อาจจะไม่มีความเป็นธรรมชาติ(เช่นการยุบและหดตัว) ผมได้กำลังใจเพิ่มมากเลยในการแสวงหาครับ

 

มีกำลังใจแล้วทิศทางการแสวงหาไปถึงไหนแล้วครับ ผมเข้ามาในเว็ปนี้แล้วเกิดมาผิดใจกับพี่ท่านหนึ่ง หรืออาจหลายท่าน ในความหวงวิชาของผม หวงจุดตายในสิ่งที่รู้ ทุกวันนี้ก็ยังคงหวงอยู่ เพราะจะรู้แต่ละอย่างกว่าจะได้มา ผมน่ะอยากให้คนที่แสวงหาได้รู้นะครับ แต่จุดเหล่านี้สำคัญและเป็นอุปสรรคในการพิจารณาพระเป็นอย่างมาก เพราะพวกทำพระเก๊ชั้นเซียนทั้งนั้น เพราะทุกวันนี้ไม่ต้องจุดตายอะไรยังหงายท้องตึงเลย ผมเลยไม่เปิดเผยที่รู้ จนถูกต่อว่าจากพี่ท่านหนึ่ง แรกๆผมก็ไม่ชอบ แต่ผมกับมาคิดดูว่า ผมน่าจะหาวิธีหรือ อะไรสักอย่างให้คนที่ไม่รู้หรือศึกษา ได้เป็นแนวทาง ที่ทำให้เขาไปต่อได้พิจารณาได้ฟันธงได้โดยผมไม่ต้องบอกถึงจุดจายอะไรนั่นหรอก ก็น่าที่จะช่วยให้เขาพิจารณาเป็นแนวทางได้ ผมเลยคิดขึ้นมาว่า ถ้าผมช่วยชี้จุดที่ใช้ดูอื่นๆที่ไม่ค่อยมีใครพูดกันแต่สำคัญในการพิจารณา บอกถึงความเป็นธรรมชาติในบางจุด ฯลฯ ให้เกิดการพัฒนาในความรู้ที่แน่นขึ้นได้ด้วยตัวเขาเองมันน่าจะดีเมื่อพื้นฐานหรือสิ่งที่ไม่เคยรู้ได้รู้แน่นขึ้น มันน่าจะดีโดยไม่ต้องบอกจุดตายอะไร บอกสิ่งที่ ต้องใช้พิจารณาเบื้องต้นให้ได้รู้หลายๆแง่มุมมันคงจะดี เพราะแค่จุดบางจุดก็พิจารณาเก๊แท้ได้แล้ว เพราะจุดตามผมว่ามันต้องมาหมดทุกจุดนั่นแหละถึงอาจจะต้องใช้ ผมเลยลองเปิดกระทู้นี้นั่นแหละครับ เผื่อว่าสิ่งที่ผมรู้ อาจจะเป็นประโยชน์กับใครสักคนบ้าง ดังนั้น ผมจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับในคำขอบคุณ ที่คุณได้ให้มาครับ

 

พิจราณากันเล่นครับ แก้เบื่อ

 

คุณ phak622 จิตใจดีมากเลยครับ จากการอ่านข้อความในกระทู้นี้ ขออนุโมทนา ครับ ที่มีความคิดที่ดีในการถ่ายทอด ให้แก่เพื่อนสมาชิก
ความเห็นส่วนตัวผม เรื่องการดูพระสมเด็จ จริงๆ แล้ว จะผิด จะถูก หรือวิธีการดูแตกต่างกันไป คงว่ากันไม่ได้ เพราะได้รับการถ่ายทอด มาจากอาจารย์ คนละท่าน หรือคนละตำรา
แต่อยากให้ทุกคน เปิดใจกว้าง รับข้อมูลแล้วนำมาประมวลผลด้วยตนเอง จะดีที่สุดครับ
ส่วนเรื่องจุดลับ เป็นอย่างไร จะถ่ายทอดให้หมด หรือไม่ ก็คงว่ากันไม่ได้ครับ เพราะเป็นเหตผลส่วนตัว และสิทธิของแต่ละท่าน ซึ่งผมก็พอทราบครับว่า กว่าจะได้มาก็ไม่ได้ง่ายซักเท่าไร

 

สวยสดุดตามากเลย. ชอบๆๆ

 

อยากเห็นรูปด้านหลังครับ