จุดประสงค์ในการมาเยือนประเทศไทยของ(มนุษย์ต่างดาว)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย siamblogza, 7 กรกฎาคม 2012.

  1. siamblogza

    siamblogza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +2,590
    [​IMG]

    [​IMG]

    จุดประสงค์ในการมาเยือนประเทศไทย
    จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน อายุ65 ปี ทหารนอกราชการ เมื่อถูุกสอบถามข้อเท็จจริง จ.ส.อ เชิด ได้พูดคุยว่า "ขอยืนยันว่ามนุษย์ต่างดาวจะมาเยือนโลกที่ประเทศไทยน ั้นเป็นความจริง โดยตนเองได้รับคลื่นกระแสจิตจากมนุษย์ต่างดาวที่มายั งโลกมนุษย์ แจ้งข่าวสารว่าเขาไม่พอใจที่โลกมนุษย์เราส่งยานอวกาศ และดาวเทียมไปลอยในห้วงอวกาศเป็นจำนวนมาก โดยคลื่นต่างๆ จากยานอวกาศ และดาวเทียมเหล่านั้น ส่งผลกระทบถึงพวกเขา ทำให้ล้มตายเป็นจำนวนมาก และการที่เขามาในครั้งนี้เพื่อแสดงความไม่พอใจในการก ระทำของชาวโลก(หมายถึงประเทศที่เป็นผู้นำทางเทคโนโลย ี่ทั้งหลาย) เพื่อให้มนุษย์โลกหยุดส่งสัญญานรบกวนพวกเขา
    นอกจากนี้ ยังทราบมาอีกว่า ยานบินมนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนโลกครั้งนี้จะบินให้เห ็นในวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 17.00 -18.00 น.ที่โรงเรียนสิงห์บุรี โดยไม่มีจุดประสงค์มาทำลายโลก แต่มาเตือนให้รับรู้เท่านั้น ไม่เช่นนั้น จะทำให้เกิดสงครามได้..
    เหตุที่เลือกประเทศไทยเนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองพุ ทธ ผู้คนสว่นใหญ่จิตใจดีงาม และไม่ทำร้ายพวกเขาแน่..และมีผู้ที่มีความสามารถในกา รติดต่อพวกเขาได้หลายคน.. ไม่เหมือนบางประเทศที่จับพวกเขาไปทดลองจนพวกเขาเสียช ีวิต ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกประเทศไทย..เป็นที่แจ้งข่าวสาร ดังกล่าว... รวมทั้งการเตือนเกื่ยวกับเรื่องภัยธรรมชาติที่รุนแรง ในอนาคตอันใกล้ที่มนุษย์เราทุกคนต้องเผชิญกันด้วยครั บ...
    การปรากฎของจานบินและมนุษย์ต่างดาว เป็นปรากฎการณ์ที่นักวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้ชัดเจน บางทีเมื่อมนุษย์โลกมองเห็นจานบินที่เราเข้าใจว่าเป็ บยานพาหนะของมนุษย์ต่างดาวนั้น อาจมีทั้งเดินทางจากดาวนพเคราะห์ดวงอื่น หรือการบิดเบือนที่เกิดขึ้นกับมิติคู่ขนานของเราเอง ที่มีการทับซ้อนมิติกันอยู่ การปรากฎของเขาเคยเกิดจากความบังเอิญ แต่เมื่อวิทยาการของเขาล้ำหน้าไป การปรากฎของเขาอาจเป็นไปด้วยการวางแผนและความตั้งใจ แต่การปรากฎของจานบินและสี่งมีชีวิตต่างภพภูมิเป็นไป อย่างไม่ชัดเจน หรือไม่สมบูรณ์ เพราะแต่ละภพภูมนั้นจะมีเครื่องพรางที่แตกต่างกันไป
    ภพภูมิของโลกมนุษย์เรามีระยะทาง ช่องว่าง และกาลเวลาเป็นเครื่องพราง อะตอมและโมเลกุลของสิ่งมีชิวิตและวัตถุธาตุอาจต้องมี การเปลี่ยนแปลงบางส่วน และคงสภาพบางส่วน ตามความจำเป็นเพื่อให้สอดคล้องกับภพภูมนั้นๆ การปรากฎในต่างภพภูมิอาจต้องใช้ความดันสูง สิ่งมีชีวิต และวัตถุธาตุนั้นๆ ไม่สามารถคงสภาพอยู่ได้นานพอ และต้องกลับไปสู่ภพภูมิต้นกำเนิดในที่สุด เราจึงมองเห็นมนูษย์ต่างมิติเหล่านั้นได้เพียงช่วงเว ลาหนึ่ง ..
    บางทีการปรากฎเหล่านั้น อาจผิดกฎของจักรวาลก็เป็นได้ เมื่อยังไม่ถึงเวลาอันควรความชัดเจนอาจต้องรอคอยกันต ่อไปครับ...เราอาจจะได้เห็นการพบกับแบบใก้ลชิดหรือที ่เรียกว่า close encounter of the third kind ในอนาคตอันใกล้นี้ก็ได้ครับ..
    ได้ข่าวจากกลุ่มเขากะลาว่าจะเริ่มเปิดเขาเพิ่อการติด ต่อครั้งต่อไปอีกแล้ว...
    รูปร่างหน้าตาของเขาตามข้อมูลที่คุณลุงเชิดให้มา มีลักษณะคล้ายๆแบบนี้ครับ..
    รูปร่างสูงประมาณ 3 ฟุต ศรีษะโตรูปหัวใจ ตาโตสีดำ มีเส้นผมหลายเส้นเป็นกระจุกตั้งขึ้นไป (ใช้ทำหน้าที่รับ-ส่งคลื่นพลังจิต) ลำตัวเล็กท้องใหญ่ (เก็บพลังงานไว้ที่ท้อง) ใส่ชุดอวกาศสีเงินครับ..
    เขาเป็นเผ่าพันธ์หนึ่งมาจากดาวที่อยู่นอกระบบสุริยะข องเราครับ หรือกลุ่มดาว "กาแลคซี่ที่ 2" โดยบรรดามนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ มีชื่อสะกดเหมือนกันหมดคือ "EEH" หรือ"อีอีเฮช" อ่านได้ตามภาษามนุษย์โลกว่า "เอช" ครับ..
    ส่วนโลกของเรา อยู่ในกลุ่มดาว "กาแลคซี่ที่ 4" และยังมีมนุษย์ต่างดาวในกลุ่ม "กาแลคซี่ที่ 6" ที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีการพัฒนาการทางด้านจิตใจและศ ิลปะด้วยครับ..
    ภายในยานอวกาศ..ตามข้อมูลการสื่อโทรจิตจาก ลุงเชิด ชื่นสำนวน
    จากการสอบถามคุณลุงเชิด ชื่นสำนวล (ตอนนี้ท่านเสียไปแล้วครับ..น่าเสียดายครับ)..ท่านเล ่าให้ฟังว่า ..
    ยานลูก ซึ่งออกมาจากยานแม่ของมนุษย์ต่างดาว 1 ลำจะมีพวกเขานั่งกันอยู่ 5 คน ในห้องโดยสารมี กัปตัน 1 คนควบคุมอยู่ตรงกลางห้อง มีลูกเรือ อีก 4 คนทำหน้าที่ช่วยเหลือสอดส่องควบคุมด้วยกล้องแสงออร่า
    ยานลูกจะมี 2ชั้น ชั้นบนเป็นห้องนักบิน ส่วนชั้นล่างมีห้องเก็บอุปกรณ์การสำรวจและเครื่องมือ ขับเคลื่อนด้วยแร่ธาตุชนิดหนึ่ง (เขาไม่บอกครับ) ร่วมกับพลังจิตของพวกเขาเอง.. สังเกตที่แผงควบคุมครับจะเป็นรูปมือของเขา เวลาใช้จะวางมือลงไปบนแผงควบคุมส่งรหัสข้อมูลเป็นสัญ ญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า..
    การที่เขามีเทคโนโลยี่ที่พัฒนาจานบินได้ระดับนั้น..เ พราะเขารู้จักการผสมผสานวิทยาการและศาสตร์ด้านต่างๆ เข้าด้วยกันจนได้ความรู้ใหม่ๆเกิดขึ้น เช่น การที่นักวิศวะไฟฟ้า..ร่วมมือกับ นักฟิสิกค์เคมี จะเกิดศาสตร์แขนงใหม่ รวมทั้งมีความรู้ในเรื่อง มิติของภพภูมิต่างๆ และการใชัพลังจิตในการควบคุมวัตถุธาตุต่างๆ
    เขาก้าวหน้าไปกว่ามนุษย์โลกนับร้อยปี แต่เขาก้ไม่เคยทิ้งเรี่องของ"จิต"เลยแม้แต่น้อย ..
    การที่เขาเดินทางไป-มา หรือเ้ข้า-ออก ในมิติโลกและอวกาศได้นั้นเขาบอกว่าเขาใช้วิธี
    1-ปรับมวลสารให้มีค่าเป็นลบ -(เพิ่อการทะลุทะลวงมิติเวลา)
    2-ปรับค่าG (gravity)ให้เป็นศูนย์..(ไม่มีแรงภายนอกมากระทำ)
    3-สร้างแรงเหวี่ยง และศูนย์ถ่วงจำเพาะด้วยสนามแม่เหล็กภายในตนเอง
    4-มีชุดสวมใส่ที่ป้องกันตนเองในการเดินทาง
    5-ใช้จิตควบคุมพลังงานและการกำหนดทิศทาง(ด้วยแร่ธาตุใน โลกของเขา)
    6-อาศัยช่องทางหรือช่องโหว่ของมิติ และเส้นแสงช่วยในการเดินทาง
    ทำให้สามารถเดินทางได้ด้วยอัตราเร็วเปลี่ยนค่าเป็น2เ ท่าในทุกๆวินาทีของความเร็วแสง (ตามสูตร E=Mc2 ของไอนสไตน์ ความเร็วสูงสุดเทียบเท่าแสงหรือมากกว่าแสง หรืออาจเร็วเกือบเท่าจิตก็เป็นได้)

    [​IMG]


    http://siamblogza.blogspot.com/
    http://siamblogza.blogspot.com/
    ฟังเอาไว้ก่อนครับ..อาจเป็นแนว Concept ในการออกแบบทางวิศวกรรมในอนาคต ไม่แน่เราอาจเป็นชาติแรกของโลกที่ทำได้สำเร็จด้วยพลั งจิต จากฝีมือของคนไทยก็ได้นะครับ...
    ความต้องการของมนุษย์ต่างดาว ที่โคจรมาพบกับพวกชาวโลกนั้น เพื่อต้องการให้มนุษย์โลกเตรียมตัวเตรียมจิตใจให้พร้ อม เพื่อการรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่จะเกิดขึ้น ที่จะมีสภาวะแปรปรวนทางกายภาพภายในโลกมนุษย์เอง
    โดยที่เขาต้องการช่วยเหลือมนุษย์โลก เพราะมีการลงมติเป็นเอกฉันท์ พร้อมลงความเห็นว่า โลกเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่สวยงามมากที่สุดในจักรว าล และมนุษย์โลกยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสรีระงดงามที่สุ ดอีกด้วย จึงไม่อยากใหสูญเสียไป โดยมีประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 8 จุดที่เขาจะใช้เป็นสถานที่ในการช่วยเหลือในครั้งนี้
    แต่มนุษย์โลกยังมีข้อเสียที่ว่า..ได้โอกาสมีอิสระทาง ความคิดและการตัดสินใจสูง แต่มักจะใช้ความคิดในทางที่ผิดๆกันอยู่เสมอ..
    อย่างไรก็ตาม มนุษย์ต่างดาวที่จะลงมาช่วยชาวโลก ต่างก็เคยประสบกับปัญหาเหตุการณ์ร้ายนี้ เหมือนกับชาวโลกที่จะเกิดขึ้นอีกไม่นานในอนาคต เหมือนเมื่อหลายหมื่นปีที่ผ่านมา.. นี่ก็เป็นสี่งที่เขาสื่อโทรจิตผ่านมาบอกพวกเราครับ..
    ปรากฎเป็นลูกไฟทรงกลมสุกสว่าง มีหางพวยพุ่งลักษณะคล้ายไอน้ำเคลื่อนที่ไปอย่างเชื่อ งช้า.. ปรากฏเวลาประมาณ 6โมงเช้าครับ
    Dr.เทพพนม เมืองแมน ท่านเคยตรวจสอบไปครั้งหนึ่งท่ายก็ยืนยันว่าเป็นลักษณ ะของ UFO รูปแบบหนึ่งที่เดินทางมาจากมาจากกลุ่มดาว Orion (กลุ่มดาวนายพราน) ท่านเองก็สามารถโทรจิคติดค่อกับมนุษย์ดาวอังคารที่ชื ่อว่า "พาราสิทาว"อยู่เสมอๆครับ..
    เป็นไปได้ไหมถ้าเป็นไอพ่นของเครื่องบิน..หรือเป็นอุต กาบาต ความเร็วน่าจะเร็วได้มากกว่านี้หรือไม่..?
    เคยมีการเปิดเผยข้อความส่วนหนึ่งที่ Dr.เทพนม เมืองแมน บันทึกเสียงขณะสนทนาไว้ได้ทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.40 เวลา 22.00น. เป็นเสียงผู้หญิงลึกลับคนหนึ่งโทรเข้ามาที่บ้านท่าน พูดเป็นภาษาคูโบส และภาษาไทยรวมกัน..บอกไว้เหมือนเป็น คำเตือนจากมนุษย์ต่างตาว ดังมีรายระเอียดดังนี้ครับ..
    "ให้เตรียมตัวอีก3ปีข้างหน้า..รู้ดีกว่าไม่รู้ เชื่อไม่เชื่อแล้วแต่มนุษย์ เตือนๆเขาไป
    ผู้มีบุญเท่านั้นที่จะขวนขวาย หาทางให้ตัวเองได้รอด...
    สมาธิสำคัญที่สุดตอนนี้..สมาธิให้ตัวเองไม่กำหนดวิธี ใด.. อยู่ที่จิต ถ้าจิตบริสุทธ์ แป๊บเดียวก็ได้บารมี..
    สำหรับมนุษย์..ไปบอกกับเขา รู้ไม่รู้ เชื่อไม่เชื่อ ปล่อยเขา จิตผู้ที่เชื่อมีอยู่มากกว่าจิตที่ไม่เชื่อ..เอาทางว ิทยาศาสตร์เข้าไปบอกทาง อ้างให้เขารู้จริง เพราะเดี๋ยวนี้วิทยาศาสตร์ของมนุษย์โลกพร้อมอยู่แล้ว ใช่ไหม...
    (ถาม) แล้วเหตุการณ์ที่จะเกิดพวกท่านจะช่วยแก้ไขได้ไหม...
    แก้ไขไม่ได้..เป็นเรื่องเบื้องบน กับเรื่องของมนุษย์ผู้ไม่ทำความดี..แก้ไขได้อย่างไร. .ถ้ามนุษย์ทำความดีขึ้น....แก้ไขได้..บอกเขาไปเลย..แ ก้ไขตรงมนุษย์..มนุษย์ต่างดาวแก้ไขไม่ได้ในเรื่องมนุ ษย์...
    มนุษย์เป็นผู้ทำเอง มนุษย์หลงทางเอง ช่วยได้คือลงมาบอก ทำอย่างไรที่มนุษย์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบรอดอยู่ได้...."
    นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาที่แสดงให้เห็นในความเ ป็นห่วงชาวโลกของพวกเขา
    แต่เราก็ต้องอย่างเพิ่งมงายหรือเชื่อในทันทีนะครับ รับไว้พิจารณาอย่างมีเหตุผล และก็หมั่นทำดีกันไว้ในทุกโอกาสที่เราทำได้ครับ..ไม่ เสียหลายอยู่แล้วจริงไหมครับ..

    [​IMG]


    http://siamblogza.blogspot.com/
    http://siamblogza.blogspot.com/
    ในช่วงนี้ที่มีผู้พบเห็น UFO หรืออคันตุกะจากมิติอื่นมาเยือนกันบ่อยขึ้นถี่ขึ้น ทั้งในประเทศไทย หรือต่างประเทศ เช่นในอดีตช่วงสงครามโลกแต่ละครั้งก็พบเห็นกันมากน่า จะเป็นเป็นเพราะโลกกำลังตกอยู่ในสภาวะคับขัน หรือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ โดยเกิด "ภัยธรรมชาติที่ผิดธรรมชาติ" (มีเบื้องหลังที่มองไม่เห็น) ทั้งรุนแรงขึ้นกว่าในอดีตมากมาย สร้างความเสียหายไปทั่วโลก แม้ในที่ที่ไม่เคยเกิดก็ยังเกิดขึ้นได้...จนมนุษย์ส่ วนมากชาชินไปเสียแล้ว...
    ดังนั้น..เราเองก็ไม่ตวรตั้งอยู่ในความประมาท กับความผิดปกติที่มีให้เห็นเป็นบทเรียนรายวัน ที่เกิดขึ้น ตามที่ต่างๆเหล่านี้....ผู้ที่เสียชิวิตเหล่านั้นเหม ือนเป็น "ครู"บอกใบ้ให้เราได้ทราบว่าอะไรเป็นอะไร..เราควรจะใ ห้ความสนใจกับข่าวสารที่ถูกต้อง และเรียนรู้อย่างมีสติครับ..อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับตา มกฎของจักรวาล ถ้าวันไหนเกิดขึ้นกับตัวเรา บ้านเราหรือครอบครัวของเรา..เราจะ มีสติ รู้สติ และใช้สติ รับมือกับเรื่องเหล่านี้กันได้ไหม..
    ทางออกที่ดีผมว่า..ผู้ที่เข้ามาศึกษาในเวปพลังจิตทุก ท่านรู้กันอยู่แล้ว..ฝึกฝนการมี "กฤตสติ" เอาไว้ด้วยครับ จะ"นั่งสมาธิ"หรือใช้ "ธรรมชาติสมาธิ" แล้วแต่จริต ของแต่ละคนครับ ตอนนั้นเครื่องรางของขลังก็ไม่อาจช่วยได้ อยู่ที่ความดีงาม และจิตที่บริสุทธ์ของแต่ละคนเท่านั้นที่จะมีพลังสูงส ุด..อย่างน้อยหนักก็เป็นเบานะครับ..
    ข้อมูลข่าวสารต่างๆที่เกี่ยวข้องจากการโทรจิตในประเท ศไทย
    มีข้อมูลจาก อาจารย์ปริญญา ตันสกุล ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้รับสื่อจากองค์จิตจักรวาล ส่งข่าว (massage) มาบอกกล่าวให้ฟังในเรื่องที่เกี่ยวข้องกันครับ....
    ".การที่เขา ( มนุษย์ต่างดาว) มาให้เห็นกันบ่อยๆในช่วงนี้ส่วนใหญ่มาเพื่อศึกษาดูว่ าโลกเกิดอะไรขึ้นบ้าง..เนื่องจากพวกเขาทราบว่าระบบโล กกำล้งถูกชำระ (การชำระไม่ใชการทำลายนะครับ) เพื่อที่เขาได้มีโอกาสเรียนรู้ และศึกษาไปด้วย..."
    "หลังจากที่ระบบโลกถูกชำระเสร็จไปแล้วหลังจากนั้ นอีก 6 ปี ก็จะถึงคิวของดาวอังคารบ้าง... ดาวอังคารก็จะถูกชำระเช่นกัน เนื่องจากในอดีตเขาเองได้เคยทำลายระบบของพวกเขาโดยรู ้เท่าไม่ถึงการณ์..จึงต้องมีการปรับสมดุลในระบบให้ลง ตัวเช่นเดียวกัน..ไม่ต่างกับดาวดวงอื่นๆในระบบเอกภพท ุกๆดวงที่เสียสมดุล.. อันเป็นเรื่องที่กิดขึ้นและเป็นไปตามกฎของจักรวาลทั้ งสิ้น..."

    http://siamblogza.blogspot.com/
    http://siamblogza.blogspot.com/

    อาจารย์ยังบอกอีกว่า"โลก"หรือ"ดาวเคราะห์แห่งทางเลือ กเสรี"ของเราเสียสมดุลเนืื่องจาก"จิตสำนึกโดยรวมของม นุษย์บกพร่อง" ไม่สามารถมอบพลังงานด้านบวกให้กับโลกได้เพียงพอ หรือทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ เหมือนลูกข่างที่หมุนอยู่แต่ใกล้จะหมดแรง แกนโลกจะเริ่มส่ายไปมาและล้มลง หรือที่เรียกว่า "แกนโลกกำลังจะพลิก" จนในขณะนี้ยังส่งผลให้แกนระนาบของแกแลคซี่ทางช้างเผื อกเอียงอยู่ถึง 0.2 องศา อันส่งผลกระทบกับเอกภพโดยรวม โดยขณะที่อีกฟากหนึ่งของแกแลคซี่ทางช้างเผือกซึ่งมีร ะบบสุริยะและดาวเคราะห์อีก 5ดวง มีดวงหนึ่งที่มีรูปธรรมเหมือนมนุษย์อาศัยอยู่ ยังดำรงตนได้ดี ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์กว่า ช่วยคำ้จุนเอาไว้..
    มนุษย์นั้นมีหน้าที่มอบพลังงานไฟฟ้าด้านบวกให้กับโลก อันเกิดจากพลังแห่งความรักความเป็นหนึ่งเดียวกันอันจ ะช่วยค้ำจุนระบบโลกเอาไว้ ดังที่" พระพุทธเจ้า"ตรัสไว้ว่า "โลกคือเรา เราคือโลก " มนุษย์แต่ละคนบนพื้นผิวโลก ทำหน้าที่คล้ายกับ "Generator" คือปลดปล่อยคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่โลกต้องการอ อกมาจาก"จิต"ที่ทำงานร่วมกับกลไกของสมอง เข้าไปจุดระเบิดอะตอมออกซิเจนเหลวที่อยู่ใจกลางโลก สร้างแรงเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองของโลก และพลังสร้างสนามแม่เหล็กห่อหุ้มโลกไว้ ป้องกันเทห์วัตถุต่างๆใหเราปลอดภัย รวมทั้งอากาศที่เราหายใจก็ล้วนแทรกซึมขึ้นมาจากใจกลา งโลก ไม่ได้เกิดจากต้นไม้โดยตรงดังที่นักวืทยาศาสตร์เข้าใ จกัน..
    จะเห็นได้ว่า โลกและมนุษย์นั้นต้องพึ่งพาอาศัยกันตลอดเวลา เมื่อใดที่มนุษย์เราทำหน้่าที่บกพร่อง โลกก็จะเสียสมดุลไปด้วยเป็นกลไกของกฎธรรมชาติ จึงส่งผลให้เกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงอย่างที่เห็นกัน อยู่ หนักหรือเบาขึ้นอยู่กับมนุษย์โดยตรง ที่จะต้องรับผลนั้น เพื่อที่จะคืนสมดุลกลับคืนมาให้ได้..
    รูปธรรมที่แตกต่างกัน...
    มนุษย์ต่างดาวส่วนมากจะมีสมอง1ก้อน ต่างกับรูปธรรมมนุษย์ที่มีสมองทั้งซีกซ้ายและซีกขวา เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะพวกเขาถูกโปรแกรมให้มีหน้าท ี่เฉพาะ หรือเกิดมาก็มีทางเลือกเส้นทางเดียว เช่นเป็นนักวิทยาศาสตร์ หรือเป็นนักพฤกษาศาสตร์ หรือเป็นหมอ ก็จะเป็นไปตลอดชีวิต แล้วแต่ภพภูมิและช่วงเวลาในมิติของเขา หรือมีหน้าต่างแห่งทางเลือกจำกัดกว่ามนุษย์...ถ้าเกิ ดมาดีก็จะดีไปจนสิ้นอายุขัย ถ้าเกิดมาไ่ม่ดีก็จะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน..
    แต่มนุษย์นั้นมีโอกาสที่ดีกว่า เรียกว่ามีทางเลือกมากกว่า เขาจึงเรียกโลกมนุษย์ว่า"ดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี " จึงไม่มีข้อจำกัดใดๆในการตัดสินใจ เช่นวันนี้นึกอยากจะเป็นคนดีก็เป็นได้...พรุ่งนี้อยา กเป็นคนไม่ดีก็ทำได้ ทำได้ทุกอย่างที่มนุษย์ต้องการ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะรูปธรรมมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ถู กสร้างและพัฒนาอย่างแยบยลกว่ารูปธรรมอื่นใดอันเป็นคว ามภูมิใจของจักรวาลเป็นอย่างมาก..ซึ่งจักรวาลเองต้อง การให้มาทำหน้าที่ดูแลสมดุลให้กับระบบเอกภพ จึงสร้างให้มีกลไกระบบใหม่ที่ซับซ้อนละเอียดขึ้น สามารถปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็ก ที่โลกและเอกภพต้องการได้อย่าง"ไม่มีขีดจำกัด" และให้เีพียงพอกับที่จักรวาลต้องการ
    และการสร้างนั้นต้องอาศัยสิ่งมีชีวิตพื้นฐานในขณะนั้ นที่มีอยู่ เช่นมนุษย์โบราณเผ่า"สตีฟฟา" กับความช่วยเหลือของรูปธรรมชั้นสูงจากกลุ่มดาวพลียะเ ดี้ยนส์ (pleadians)กลุ่มแซจิตตาเรียนส์ กลุ่มแอนทาเรียนส์ และกลุ่มอารค์ทอเรียนส์ โดยกำหนดให้โลกอยู่ในพิกัดที่เหมาะสมในการค้ำจุนระบบ ใหญ่อีกทอดหนึ่ง...แล้วทำการใส่รหัสหรือโปรแกรมข้อมู ลที่เกี่ยวข้องในการดำรงอยู่ เช่นสัญชาติญาน การสืบทอดเผ่าพันธ์ การรับรู้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการเอาตัวรอดบนโลกใบนี้..
    โดยแบ่งอนุภาคคลื่นความถี่จาก"จิตจักรวาลดวงใหญ่"(12 เหลี่ยมมุม) เป็น"จิตจักรวาลดวงเล็ก"(11 เหลี่ยมมุม) จำนวนมากมาย จากจิตจักรวาลดวงเล็กก็แบ่งคลื่นความถี่ออกมาเป็น มาเป็น"จิตวิญญาณมนุษย์"(6เหลี่ยมมุม) อีกเป็นจำนวนมาก มาเป็นพลังงานในการขับเคลื่อน "เครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์" โดยจิตวิญญาณมนุษย์เดิมแท้อันมีความบริสุทธ์และมีควา มรักเป็นอารมณ์ ก็ยังแบ่งคลื่นจิตให้ "จิตปัจจุบันหรือจิตหยาบ" มาทำหน้าที่แทนในการเรียนรู้และทำหน้าที่บนโลกมนุษย์ ใบนี้อีกทอดหนึ่ง..โดนให้พันธะสัญญาว่าจะกลับคืนสู่แ ดนสุญญตาที่ตนจากมาให้ได้ภายในรอบ 60.000 ปี ซึ่งตอนนี้ เวลานั้นก็ได้ล่วงเลยมามากแล้ว...
    ในการมีสมองสองซีกของมนุษยฺ์นั้น มีรายละเอียดมากมายครับไปหาอ่านได้ในหนังสือชุด"จิตจ ักรวาล "กว่า 20 ซีรี่ ที่อาจารย์ปริญญาท่านได้บันทึกเอาไว้สำหรับเป็นสมบัต ิคู่โลกในยุดพลังงานใหม่..เหตุที่ต้องเปิดเผยความจริ งเหล่านี้ อาจารย์ท่านบอกว่าเป็นเพราะถึงช่วงเวลาสุดท้ายใกล้ปิ ดยุค..(มียุคใหม่ที่สดใสกว่ารออยู่นะครับ อย่าเพิ่งหดหู่กัน.. ) คล้ายๆกับการเฉลยข้อสอบต่างๆ ในวันปิดภาคเรียน บททดสอบต่างๆที่เกิดจากความไม่รู้ การปิดมิติของจิตหยาบของมนุษย์เอง ที่มนุษย์ควรต้องรู้ แต่กลับระลึกกันไม่ได้เนื่องจากผ่านการเกิด-ดับ และบททดสอบกันมาหลายภพชาติเหลือเกิน...สร้างพันธะกรร มกันไว้มากมายก่ายกอง...ซึ่งเป็นพลังงานด้านลบที่โลก ไม่ต้องการเต็มไปหมด..ล่องลอยอยู่ในสนามพลังงานโลกทำ ให้โลกเสียสมดุลอย่างที่เห็น..
    http://siamblogza.blogspot.com/
    http://siamblogza.blogspot.com/


    ในช่วง "ยุคพลังงานใหม่"นั้น ทราบมาว่า...เราจะได้เห็นจานบินหรือ UFO รวมทั้งมนุษย์ต่างดาวตัวเป็นๆ จากหลายดวงดาวที่มาเยือนเป็นจำนวนมาก...เนื่องจากมิต ิจะเปิดออกด้วยการยกค่าระดับพลังงานจากสมการ 333 เป็น 666 เพิ่มอีกเท่าตัว และระบบสุริยะของเราจะเข้าไปอยู่ในพิกัดใหม่ มนุษย์จะมีตาทิพย์ หมายถึงมองเห็นมิติต่างๆได้มากขึ้นโดยไม่ต้องหลับตาท ำสมาธิกันเหมือนในยุคพลังงานเก่า เรียกว่าเห็นได้ด้วยตาเนี้อ แม้แต่วิญญาณต่างๆ เพื่อให้มนุษย์ได้เรียนรู้และเข้าใจในโลกของมิติต่าง ๆได้มากขึ้น และปฎิบัติตัวได้สมกับการเป็น"นักสู้เพื่อการรู้แจ้ง " โดยมีบททดสอบใหม่ให้มนุษย์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ "การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาว" แล้วเราทุกๆคนทั่วโลกจะล้วนเรียกตัวเองว่า"มนุษย์เผ๋ าดาวโลก"
    ไม่เรียกตัวเองว่าประเทศนี้ของฉัน ประเทศนั้นของเธอ เหมือนที่ผ่านมา...มนุษย์จะกลมเกลียวมีความสมานฉันท์ เป็นอันหนื่งอันเดียวกันทั่วโลกเลยละครับ..เพราะมีพว กเขาที่ไม่ใช่มนุษย์โลกมาเป็นเงื่อนไขใหม่...มาเป็นบ ทเรียนใหม่ให้กับพวกเราครับ...
    รวมถึงศาสนาทุกศาสนาก็จะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันอีกค รั้ง โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความเจริญ ชาวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาศึกษาหาความรู้ใหม่ๆกันไม ่ว่างเว้น...เพราะอยากรู้ว่าเมืองไทยมีอะไรดี..ในสิ่ งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน..
    ในบรรดาอคันตุกะผู้มาเยือนทั้งหลายมีมากันหลายรูปแบบ มีกลุ่มที่เป็นมิครกับโลก บางกลุ่มนำพาพลังงานด้านลบติดมาด้วย บางกลุ่มเพิ่งมาใหม่ และบางกลุ่มได้เคยติดต่อกับมนุษย์นับเป็นร้อยๆปีมาแล ้ว
    ปรากฎการณ์ Crop Circle เป็นอีกเื่รื่องที่มนุษย์สนใจ เคยสอบถามจากผู้รู้ โดยการสื่อสารทางโทรจิตว่า จริงๆแล้วเป็น"การทดลองสื่อสารของมนุษย์ต่างดาวกลุ่ม หนึ่งที่เป็นมิตร" ที่ทดลองยิงสัญญาณลงมาที่พื้นผิวโลก เกิดร่องรอยการหักล้มของต้นหญ้าอย่างเป็นระเบียบบนท้ องทุ่ง เมื่อได้ผลก็ยิงลงมาบ่อยขึ้น มีทั้งเรื่องการอธิบายเกี่ยวกับจักรวาล เรื่่องของพวกเขา รวมถึงข่าวสารที่เกี่ยวกับโลก ซึ่งต้องการผู้ที่วชาญในการถอดความ ส่วนใหญ่จึงไปปรากฎอยู่ทางยุโรป และอเมริกา เนื่องจากมีผู้วชาญหลายคน...
    นักวิจัยกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า..
    Crop Circle เป็นปรากฎการณ์ที่อธิบายไม่ได้ จนถึงทุกวันนี้ เป็นความมหัศจรรย์ ที่ไม่น่าเชื่อเป็นว่าฝีมือของมนุษย์บนโลกนี้ ว่าทำไมพืชผักเหล่านั้นล้มตัวลงแบนราบ โดยไม่หักพังเสียหายแบบการใช้เครื่องจักร หรือใช้มือกดทับโดยทั่วไป แต่ทางรัฐบาลมักจะกล่าวว่า "เกิดจากฝีมือมนุษย์และเป็นการหลอกลวงประชาชนเสม อ "
    มีนักวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมคนหนึ่ง กล่าวว่า เป็น "แปลกใจว่ารูปทรงนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร? ทำไมจึงดูราวกับศิลปะที่มีรูปลักษณะที่วิจิตรบรรจงแล ะไม่เคยที่ไหนเห็นมาก่อนบนโลกนี้?"
    มีอยู่ภาพหนึ่ง ที่มีผู้ถอดความกล่าวถึงมาก...เป็นภาพดวงอาทิตย์อยู่ ตรงกลาง และมีวงโคจร 4 วง ลักษณะที่ปรากฎนี้เหมือนดาวเคราะห์วงใน และกลุ่มดาวเคราะน้อยที่อยู่รอบนอกสุด อาจหมายถึงระบบสุริยะของเรานั่นเอง แต่แปลกตรงที่"มีดาวเคราะห์อยู่ดวงหนึ่งที่หายไป" ซึ่งคือดาวเคราะ์โลกนั่นเอง..(สังเกตวงที่ 3 ครับ มีแต่วงกลม แต่ไม่มีโลกปรากฎอยู่)
    "ทำไมโลกเราจึงหายไป? หรืออาจเกี่ยวกับคำทำนายการสิ้นสุดของโลกที่ตรงกับบั นทึกของชาวมายา ที่กล่าวถึง ค.ศ 2012" นักวิจัยกลุ่มนั้นกล่าวอย่างตกตะลึง..
    การปรากฎตัวของจานบินในมิติของโลก
    จานบินที่อยู่ในกาแลคซี่เดียวกันเรา จะปรากฎให้เห็นรูปทรงชัดเจน และสามารถบันทึกภาพได้ง่าย เนื่องจากอยู่ในมิติเวลาเดียวกัน วัตถุธาตุใกล้เคียงกัน จะมองเห็นแสงเงาเป็นโลหะที่คล้ายกับบนโลก...
    ส่วนจานบินที่มาจากกาแลคซี่อื่นๆ มักปรากฎไม่ชัดเจน เห็นเป็นเงาลางๆหรือเป็นแสงจ้า เนื่องจากอยู่ต่างมิติ ต่างเวลา การปรากฎตัวจะถูกพรางด้วยมิติของเวลาที่แตกต่างกัน ความชัดเจนของรูปทรงในจะลดน้อยลง..
    บางทีที่เราเห็นการเคลื่อนตัวของวัตถุต่างมิติไปมาแบ บซิกแซก แล้วหายไป หรือ ก็เนื่องจากการมีที่ "มิติของเวลาที่แตกต่างกัน"จึงเกิดการบิดเบือนเป็นภา พเสมือน หลอกตาของเรา ทำให้เราเข้าใจว่าเป็นการเคลื่อนตัวในแบบที่เราไม่คุ ้นเคย..
    จดหมายจากมนุษย์ต่างดาวยูมิต หรืออุมโม(UMMO)
    ถือกันว่าเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่โดดเด่นมากที่สุด เหตุการณ์หนึ่งของวงการในการติดต่อสื่อสารกันมนุษย์ต ่างดาว...
    เป็นเรื่องราวของจดหมายจากผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นมนุษย ์ต่างดาวยูมิต ถูกส่งมาให้คนสเปนผู้หนึ่งชื่อ "เชสม่า"ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่กรุงมาดริด เป็นผู้ที่ชอบค้นคว้าศาสตร์เรื่องลึกลับ และอ้างตนว่าเคยพบมนุษย์ต่างดาวมาแล้ว
    โดยการติดต่อครั้งแรกนั้น เริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ 1962 จากการมีจดหมายนับพันฉบับถูกส่งมาถึงเชสม่าติดต่อกัน มานานกว่า30ปีแล้ว โดยที่มนุษย์ต่างดาวยูมิต ซึ่งไม่เคยปรากฎตัวออกมาให้ชาวโลกพบแม้แต่ครั้งเดียว แต่เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาวิชาการในจดหมายต่างๆ เหล่านั้นแล้ว แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ระดับสุดยอดของโลกที่เป็นผู้นำเ หตุการณ์เหล่านี้มาตีแผ่ คือ ดร.ปิแอร์ ปูจิ (Jean Pierre Petit) นักวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์จักรวาลก็ต้องยอมรับว่า นี่ไม่ใช่เรื่องตลกหรือเรื่องพิเรนทร์ของนักวิทยาศาส ตร์สติเฟื่องที่สร้างจดหมายปลอมว่าเป็นจดหมายจากมนุษ ย์ต่างดาวขึ้นมาได้ มิหนำซ้ำ วิทยาการหลายอย่างที่นำเสนอในจดหมายนั้น ได้มีการนำไปประยุกต์ทดลองในปัจจุบันด้วย จดหมายเหล่านี้และเนี้อหาที่เป็นวิทยาการชั้นสูงของม ันคือหลักฐานที่ดีที่สุดในการยืนยันว่า มีการดำรงอยู่ของมนุษย์ต่างดาวอยู่แล้วภายในตัวนั่นเ อง...
    อันที่จริง จุดประสงค์ในตอนแรกที่มนุษย์ต่างดาวยูมิตมาเยือนโลกใ บนี้คือมาสำรวจวิจัยเท่านั้นเอง แต่เขาเกิดอยากรู้ปฏิกริยาของชาวโลกว่า ถ้าหากชาวโลกรู้ว่ามีมนุษย์ต่างดาวที่มีรูปร่างหน้าต าเหมือนมนุษย์ มาแอบอาศัยอยู่บนโลกใบนี้แล้ว ผู้คนส่วนใหญ่จะรู้สึกกันอย่างไร เขาจึงทดลองส่งจดหมายไปถึงเชสม่า และ็ส่งติดต่อกันมาเรื่อยๆ เนื้อหาของจดหมายส่วนใหญ่เกี่ยวกับวิทยาการเทคโนโลยี ่ขั้นสูง ประวัติศาสตร์ของดาวอุมโม และสังคมของมนุษย์ต่างดาว
    ในปีค.ศ.1967มนุษย์ต่างดาวยูมิตได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่ งมาให้เชสม่าและพวกว่ายานอวกาศของพวกเขาจะมาร่อนลงที ่ชานเมืองมาดริดในวันรุ่งขึ้น เชสม่าเองก็ยังไม่แน่ใจในจดหมาย จึงร่างจดหมายพิสูจน์ยืนยันรับรองกับเพื่อนๆทุกคนให้ เซ็นชื่อเป็นพยายไว้ก่อน พอวันรุ่งขึ้นยานอวกาศก็มาจริงๆ เป็มที่ประจักษ์ของผู้คนจำนวนมาก และยังมีร่องรอยปรากฎให้เห็นบนพื้นดินด้วย..หลังจากน ั้น เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวยูมิต หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปในนามของ อุมโม(ummo) ก็เริ่มเป็นที่ทราบกันในวงการกว้างขึ้นกว่าเดิม
    หลังจากหายข่าวคราวไปชั่วระยะหนึ่่ง จดหมายจากมนุษย์ต่างดาวยูมิตก็เริ่มเปลี่ยนโทนไปจากเ ดิม จดหมายเริ่มเปลี่ยนจากเนื้อหาเรื่องยานอวกาศ และโครงสร้างจักรวาล แล้วหันมาเตือนชาวโลกเรื่องความพยายามคิดค้นระเบิดมห าประลัยที่ชื่อว่า ระเบิดพลาสม่า ซึ่งมีอานุภาคร้ายแรงกว่านิวเคลียร์หลายหมื่นเท่าและ สามารถทำลายโลกนี้ให้เป็นจุลได้ภายในพริบตา...และพูด ถึง อภิปรัชญา และโลกหลังความตายของพวกเขาด้วย...


    siamblogza
    siamblogza
    siamblogza

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2012
  2. thammakarn

    thammakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2011
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +376
    เรื่องยาวจัง ไม่หนุกด้วย
     
  3. เอาฮา

    เอาฮา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +19
    แนะนำให้อ่านอัดคลิปลง youtube แล้วเอามาแปะ
     
  4. แสงอมตะ

    แสงอมตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +486
    ใครไม่อ่านเราอ่านนะมีสาระประโยชน์ ต่อไปศาสนาจะรวมเป็นหนึ่งเดียว จากนั้นจะมีวิทยาศาสตร์เข้ามา ทุกคนจะถูกพ้ฒนาคุณภาพสูงขึ้นจนไม่มีใครกระทำชั่วเลย หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นเร็วๆนี้
     
  5. toseal

    toseal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +618
    สนุกดีคครับ
     
  6. Pra_THoNG

    Pra_THoNG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +739
    สนุกดีครับ มีอีกไหม
     
  7. witsanutongngam

    witsanutongngam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +75
    อยากอยู่จนถึงวันนั้นจัง
     
  8. แสงอมตะ

    แสงอมตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +486
    การที่เขาเดินทางไป-มา หรือเ้ข้า-ออก ในมิติโลกและอวกาศได้นั้นเขาบอกว่าเขาใช้วิธี
    1-ปรับมวลสารให้มีค่าเป็นลบ -(เพิ่อการทะลุทะลวงมิติเวลา)
    2-ปรับค่าG (gravity)ให้เป็นศูนย์..(ไม่มีแรงภายนอกมากระทำ)
    3-สร้างแรงเหวี่ยง และศูนย์ถ่วงจำเพาะด้วยสนามแม่เหล็กภายในตนเอง
    4-มีชุดสวมใส่ที่ป้องกันตนเองในการเดินทาง
    5-ใช้จิตควบคุมพลังงานและการกำหนดทิศทาง(ด้วยแร่ธาตุใน โลกของเขา)
    6-อาศัยช่องทางหรือช่องโหว่ของมิติ และเส้นแสงช่วยในการเดินทาง
    ทำให้สามารถเดินทางได้ด้วยอัตราเร็วเปลี่ยนค่าเป็น2เ ท่าในทุกๆวินาทีของความเร็วแสง (ตามสูตร E=Mc2 ของไอนสไตน์ ความเร็วสูงสุดเทียบเท่าแสงหรือมากกว่าแสง หรืออาจเร็วเกือบเท่าจิตก็เป็นได้)
    :cool:ตรงนี้ละที่เราต้องการทำความเข้าใจ อันนี้เราเข้าใจแล้วขอบคุณอย่างมาก
    [/COLOR][/SIZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...