หลวงปู่มั่นยืนยันว่า พระพุทธเจ้าเป็นบรรพบุรุษคนไทย

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 31 กรกฎาคม 2007.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,702
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,016
    [​IMG]



    หลวงปู่มั่นยืนยันว่า พระพุทธเจ้าเป็นบรรพบุรุษคนไทย



    หนังสือ "ประวัตท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต" ซึ่งเขียนโดย อาจารย์ "มุตโตทัย" ศิษย์คนหนึ่ีงของหลวงปู่มั่น ได้เขียนไว้ ในคำปรารภ หน้า ๙ ว่า หลวงปู่ฯ "...จะเล่าขณะที่ข้าพเจ้า ( "มุตโตทัย") ได้ถวายการนวด หลังจาก ท่านเทศน์เสร็จแล้ว นอกจากข้าพเจ้าแล้ว ก็มีท่านอาจารย์วิริยังค์ สิรินธฺโร ท่านอาจารย์วัน อุตตโม ท่านอาจารย์หล้า เขมปตโต ท่านก็พูดแต่ไม่มาก แต่สองรูปที่ท่านพูดให้ฟังมาก คือ ข้าพเจ้ากับท่านอาจารย์วิริยังค์...."

    เรื่องที่หลวงปู่มั่นเล่าให้อาจารย์มุตโตทัย หลายเรื่องเกิดจากอุบัติเหต เช่น เรื่อง พระพุทธเจ้าเป็นบรรพบุรุษของคนไทย ก็เกิดจากกระดาษห่อธูปที่ผู้ผลิต เอารูปพระพุทธเจ้า มาทำเป็นเครื่องหมายการค้า ซึ่งพระอาจารย์มุตโตทัย นำไป ถวายหลวงปู่มั่นดู ท่านก็เลยเล่าเรื่องพระพุทธเจ้าใหฟัง "...ซึ่งเป็นการกลับ ตาลปัตร เพราะเรื่องนี้ ไม่ปรากฎในประวัติศาสตร์ และในคัมภีร์พระพุทธศาสนา จึงทำผู้ฟังงงงวยสับสน เมื่อเรื่องมีอย่างนี้ก็ขอให้อยู่ในดุลยพินิจ..." อาจารย์มุโตทัยกล่าว

    มีคนสงสัยว่า หลวงปู่มั่นเคยไปอินเดียเพื่อสักการะสังเวชนียสถานทั้งสิ่ หรือไม่ ก็มีการยืนยันว่า ท่านไม่ไปเพราะไม่เชื่อว่า พระพุทธเจ้าประสูติในอินเดีย แต่ท่านเคยไปพม่า ตามที่อาจารย์มุตโตทัยบันทึกไว้ (หน้า ๖๔) ท่านบอกว่า ที่พม่า ไม่ค่อยมีผู้ปฏิบัติที่จะได้ถึงอริยมรรค "...คงมี็แต่ตาผ้าขาวที่ท่าน อยู่จำพรรษา ด้วยเท่านั้นไ้ดมรรคที่ ๓ ซึ่งไม่เหมือน เมืองไทย มีมาไม่ขาดขาย เกิดจากการ ปฏิบัติบ้าง จุติจากสวรรค์ มาบ้าง เพราะ ไทยคือ ศูนย์กลาง พระพุทธศาสนา ต่างประเทศที่ไม่อยู่ในแวดวงพระพุทธศาสนา (ก็) ยิ่งห่าง ไกลออกไป เพราะอยู่นอก วงจร นอกแวดวง (คงเหมือนกับต้นไม้ เมืองหนาว นำไปปลูกในเมืองร้อน ไม่ได้-บก.)

    "...ลวงปู่พูดทีเล่นทีจริงว่า พวกที่ไปสอนพระพุทธศาสนาให้ฝรั่งนั้น สอนให้เขาเป็นอะไร จะสอนจนได้สำเร็จมรรคผลนั้น เป็นไปไม่ได้ดอก เพราะเป็นพาหิราประเทศ คนไทยเราก็พอสอนอยู่ โอกาสได้มรรคผลมี เพราะอยู่ในวงศ์พระพุทธศาสนา มีบารมีอันเคยอบรมสั่งสมมาแล้ว ท่าหลวงปู่ว่า..." .

    มีหลักฐานยืนยันในพงศาวดารเหนือว่า บ้านพระโมคัลลานะและพระสารีบุตรอยู่ทางเหนือของไทย

    ในพงศาวดารเหนือ ของพระเชียรปรีชา (น้อย) แสดงชัดเจนว่า ชมพูทวีปเป็นที่ตั้งของไทยและลาว และมีชื่อเมืองต่างๆ ที่ปรากฏในพระไตรปิฎก รวมทั้งที่ระบุว่า เป็นบ้านเกิดของพระโมคคัลานะและพระสารีบุตร

    ในหน้า ๓๒๕ มีระบุพระโมคคัลานะกับพระสารีบุตร อยู่ทางเหนือของไทย ที่ระบุว่า “...ชะพ่อชีพราหมณ์ทั้งหลายอยู่ในปัญจมัชคาม อันเป็นหลานแห่งนางโมคคัลลี อันเป็นพระมารดาพระโมคคัลลานะ และนางสารี เป็นมารดา พระสารีบุตร อันอยู่ในปัญจมัชคาม ก็กลายมาเป็นเมืองสวรรคโลก พระธาตุพระสารีบุตรเจ้าบรรจุไว้ในเจดีย์พระธาตุข้างเหนือ และพระธาตุพระโมคคัลานะก็บรรจุไว้ในบ้านนางโมคคัลลี ทั้งสองนางก็เป็นญาติกัน...” อีกตอนหนึ่งในหน้า ๓๒๓ กล่าวว่า “พระธรรมราชา จึงตั้งนางท้าวเทวี อันเป็นหลานสาวแห่งนางโมคัลลี บุตรนายบ้านหริภุญชัย...”

    เมื่อถึงสมัยพระร่วง ได้กล่าวถึง เรื่องเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าอรุณราชกุมาร ขึ้นเป็นใหญ่ในเมืองสัชนาลัย พ.ศ. ๑๐๐๐ ปีมะโรง นพศก ในหน้า ๓๒๘ มีความว่า “...ท้าวพระยาประเทศเมืองใดๆ จะทนทานอานุภาพพระองค์ก็หามิได้ มาถวายบังคมทั่วสกลชมพูทวีป เพราะพระองค์ต้องต้องพระพุทธทำนาย พระพุทธเจ้า ....” ในหน้า ๓๒๙ กล่าวต่อว่า “...พระอรหันตเจ้าทั้งหลาย ๕๐๐ พระองค์ทั้งพระพทธโฆษาจารย์ มาชุมนุม ณ วัดโคกสิงคารามกลางเมืองสัชนาลัย และท้าวพระยาในชมพูทวีป คือไทยและลาว .....

    หลักฐานเดียวกันยืนยันว่า พระยากาฬวรรณดิศราชแห่งเมืองตักกสิลามหานคร เป็นผู้ให้พราหมณ์ทั้งหลายยกพลไปสร้างเมืองละโว้ เมื่อ พ.ศ. ๑๐๐๒ แล้วได้ให้พระยาทั้งหลายขึ้นไปถึงเมืองทวารบุรี เมืองสันตนาหะ เมืองอเส และเมืองโกสัมพี แล้วมานมัสการที่พระพุทธเจ้าตั้งบาตรตำบลแม่ซ้องแม้ว พระยากาฬวรรณดิศก็ถอยลงมาเมืองสวางคบุรีที่บรรจุพระรากขวัญกับพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ... เป็นการแสดงว่า ตักสิลา ก็อยู่ในประเทศไทย คือ อำเภอบ้านตากในปัจจุบัน. (อ่านภาพถ่ายเอกสาร โปรดคลิก๊ก

    โดยสรุป พระเสนาบดีทั้งสององค์ ล้วนเกิด ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งในสมัยพระพุทธกาลเรียกว่า ชมพูทวีปทั้งสิ้น

    พระราชดำรัสพระนารายณ์มหาราชยืนยันชาวไทยนับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยพระพุทธกาล

    ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ได้ส่งเอกอัครราชทูตพิเศษ นำโดย ฯพณฯ ม. เชอวาเลีย เดอ โชม็อง และบาดหลวงชัวชี เป็นรองเอกอัครราชทูตร พร้อมพระโปรดศีลจำนวนหนึ่ง เพื่อโน้มน้าวพระทัยให้กษัตริย์สยามเข้ารีตนับถือศาสนาคริสเตียน ในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๒๒๘ โดยที่ฝรั่งเศสเข้าใจผิดว่า พระองค์มีความเลื่อมใสในศาสนาของพระเป็นเจ้า เพราะทึกทักเอาจากการที่พระองค์ทรงอนุญาตให้สร้างโรงสวดพระราชทาน และอนุญาตให้ประกาศศาสนาเป็นต้น ทั้งๆ ที่พระสังฆราชและเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ก็ทราบดีว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง
    เมื่อคณะทูตเข้าเฝ้าและทูลขอให้พระองค์เปลี่ยนไปเข้ารีตฯ สังฆราชและเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ก็ไม่แปลตรงๆ แต่เลี่ยงแปลเป็นอย่างอื่น เมื่อ ฯพณฯ เดอโชม็องต์ ทราบก็โกรธจึงเขียนสาสน์กราบทูลแทน
    เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ได้เข้าเฝ้า ณ ที่รโหฐาน และแปลพระราชสาสน์ถวาย เมื่อได้ฟังคำแปลถวายอย่างยืดยาว ได้ตรัสว่า "...การที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเพื่อนรักของเรามาแนะนำการอันยาก (เปลี่ยนศาสนา)เช่นนี้ และเป็นเรื่องที่เราไม่มีความรู้เลยนั้น เป็นเรื่องที่กระทำให้เราเสียใจเป็นอันมาก แต่ขอให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ตรึกตรองดูว่า การที่จะเปลี่ยนศาสนาซึ่งได้เคยนับถือต่อๆ กันมาถึง ๒๒๒๙ ปีแล้ว จะเป็นการสำคัญและลำบากสักเพียงไร...."
    เวลาที่มีพระราชดำรัสนี้ เป็นเดือนกันยายน ๒๒๒๘ แต่ทรงตรัสว่า ชาวสยามได้นับถือพระพุทะศาสนามา ๒๒๒๙ ปี แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ประเทศสยามนับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยที่พระพุทธองค์ทรงพระชนม์อยู่ มิใช่เพิ่งมารับนับถือพระพุทธศาสนาเมื่อมีพระปฐมเจดีย์เมื่อ พ.ศ. ๓๐๐ หรือรับพระพุทธศาสนาจากศรีลังกามาในสมัยสุโขทัย เป็นหลักฐานยืนยันว่า ประเทศสยามนับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่พระพุทธองค์ยังไม่ปรินิพพาน.



     
  2. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,702
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,016
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=379 border=0><TBODY><TR><TD align=middle width=51 background=images/line03.gif></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE height=186 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=368 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width=542 bgColor=#201f1e height=30>
    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left width=542 height=113><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width=401 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=baseline align=middle width=47></TD><TD vAlign=baseline align=left width=345 bgColor=blue>ชาวพุทธในประเทศไทยจำนวนมากสงสัยว่า เมื่อ พระพุทธเจ้าประสูติในอินเดีย ทำไมจึงเกิดคำถามต่อไปนี้ขึ้นมา....

    </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width=47>

    </TD><TD vAlign=baseline width=345>[​IMG]"เหตุใด จึงมีโบราณสถานและโบราณวัตถุเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า เป็นจำนวนมากในประเทศไทย แต่ในอินเดียและเนปาล กลับมีไม่ถึง ๑๕๐ แห่ง?

    </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=47></TD><TD vAlign=baseline width=345>[​IMG]"ทำไม พระเจ้าอโศกของอินเดียไม่ได้จารึกเรื่องสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ ไว้ในเสาหินอโศก ทั้งๆ ที่เป็นเหตุการณ์สำคัญมากของพระองค์ ตามที่บัญญัติไว้ในคัมภีร์พระพุทธศาสนา.....?

    </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=47></TD><TD vAlign=baseline width=345>[​IMG]"ทำไม ปีที่ขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าอโศกอินเดีย (พ.ศ.๒๖๙-๓๐๖) จึงไม่ตรงกับข้อมูลที่เกี่ยวกับพระเจ้าอโศก (พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช) ที่ระบุในพระปฐมสมโพธิกถา ซึ่งระบุว่า กระทำสังคายนาพระไตรปิฎก พ.ศ. ๒๓๕ และสิ้นพระชนม์ พ.ศ.๒๕๙ พระเจ้าอโศกอินเดีย กับพระเจ้าอโศกไทย จะเป็นคนละองค์กันหรือไม่....?

    </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=47></TD><TD vAlign=baseline width=345>[​IMG]"ทำไม ช่วงเวลาเข้าพรรษา คือกลางเดือนแปด ถึงกลางเดือน ๑๑ ทำไมตรงกับเมืองไทยพอดี?'

    </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=47></TD><TD vAlign=baseline width=345>[​IMG]ทำไมข้อมูลระหว่างสภาพจริงในอินเดีย และในพระไตรปิฎกจึงไม่ตรงกัน โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศ ประเพณี วิถีชีวิต โบราณคดี สถาปัตยกรรม ภาษา หลักฐาน/ตำนานไทย ฯลฯ ?

    </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=47></TD><TD vAlign=baseline width=345>[​IMG]งานเขียนของพระธรรมเจดีย์ (ปาน) ที่ได้ชี้ให้เห็นประวัติศาสตร์ไทยกว่า 8,000 ปี และโยงใยกับการเผยแพร่พระพุทธศาสนาของพระบรมศาสดา น่าจะชี้ประเด็นเกี่ยวกับถิ่นเกิดของพระพุทธศาสนาหรือไม่?

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE height=186 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=368 border=0><TBODY><TR><TD align=right width=542 height=24></TD></TR><TR><TD align=middle width=542 background=images/line03.gif height=19></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=372 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width=510 bgColor=#201f1e>
    [​IMG]


    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left width=510><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=baseline align=right width=31></TD><TD vAlign=baseline align=justify width=360 bgColor=blue>
    ความขัดแย้งข้อมูลเกี่ยวกับพุทธโบราณสถานและโบราณวัตถุตามที่พบเห็นในอินเดียซึ่งมีไม่เกิน 150 แห่ง แต่ในประเทศไทย ลาว เขมร พม่าฯลฯ มีเป็นพันเป็นหมื่นทั้งพระพุทธบาท พระพุทธฉาย พระพุทธรูป วัด อาราม และพุทธาวาส


    </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=31></TD><TD vAlign=baseline align=justify width=360>[​IMG]ในดินแดนสุวรรณภูมิ มีเจดีย์ พุทธวิหาร พระบรมสาริกธาตุ พระพุทธบาทมากมายรวมกันเป็นหมื่นแห่ง เช่น พระเสมหธาตุ (ภาพด้านซ้ายมือ)ซึ่งพระพุทธองค์ทรงอาเจียน ออกมาเป็นพระโลหิต ก็มีพบเห็นที่วัดเพชรพลี จังหวัดเพชรบุรี นอกจากนี้ ยังมีถ้ำพระพุทธฉาย รอยพระพุทธบาท อยู่หลายแห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=31></TD><TD vAlign=baseline align=justify width=360>[​IMG]ในอินเดียปัจจุบัน มีโบราณสถานและโบราณวัตถุจำนวนน้อย เมื่อเทียบกับที่มีในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากโบราณสถานที่อ้างว่า เป็นที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรม ปรินิพพาน และอีก 2-3 แห่งที่เมืองสานจี ถ้ำอาชันตา และนาลันทาแล้ว รวมทั้งสิ้นประมาณ ๑๒๑ แห่งแล้ว ไม่มีโบราณสถานอื่น เช่น พระพุทธบาท เจดีย์ วิหาร ฯลฯ หลงเหลือให้เห็นเลย แม้แต่ที่อ้างว่า พระเจ้า อโศกมหาราชสร้างวิหาร 84,000 วิหารถวายเป็นพุทธบูชา ก็ต้องถามว่า อยู่ที่ไหนบ้าง ?</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=31></TD><TD vAlign=baseline align=justify width=360>[​IMG]พระประโทณ ทนานทองที่ท่านโทณพราหมณ์ใช้ตวงพระบรมสารีริกธาตุแบ่งให้มัลลกษัตริย์ (กษัตริย์มอญ) ๘ เมือง ก็อยู่ที่วัดพระประโทณ ในจังหวัดนครปฐม</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=31></TD><TD vAlign=baseline align=justify width=360>[​IMG]ในสมัยพระพุทธกาล ประเทศเขมรเป็นดินแดนที่เรียกว่า "กุรุราฐ" (แดนทราย กุรุ=ทราย) ส่วนใหญ่เป็นแผ่นดินล้อมรอบด้วยทะเล ชายฝั่งทะเลด้านเหนืออยู่ที่ฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะเห็นได้ชัดเจน คือเขาพระวิหาร จะเป็นเชิงเขาลึกลงไป เพราะตั้งอยู่ริมทะเล ในพงศาวดารกรุงเก่า ระบุไว้ชัดเจนตอนพระนเรศวรเสด็จไปปราบพระยาละแวก และทำพิธีปฐมกรรม สมเด็จพระนเรศวรได้เอ่ยถึงเขมรว่าเป็น "อินทปัตถ์นครแห่งกุรุรัฐ" หรือ กุรุราฐ. เดี๋ยวนี คำว่า "กุรุ" และ "อินทปัตถ์" กลายเป็นชื่อของเมืองนิวเดลฮีไปแล้ว</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=31></TD><TD vAlign=baseline align=justify width=360><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0"><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0"><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0">[​IMG]จารึกวัดศรีชุมแสดงว่า ปาตาลีบุตรและแม่น้ำอโนมานทีอยู่ห่างจากสุโขทัยเพียง ๒-๓ คืน [​IMG]</XBODY></XHTML></XBODY></XHTML></XBODY></XHTML></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=31></TD><TD vAlign=baseline align=justify width=360><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0"><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0"><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0">[​IMG] พระเจ้าอโศกแห่งอินเดีย (ครองราชย์ พ.ศ. ๒๖๙ หลังสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๓๕ สิ้นพระชนม์ พ.ศ. ๓๐๑) เป็นคนละองค์กับพระเจ้าอโศกไทย (สิ้นพระชนม์ พ.ศ. ๒๕๙)</XBODY></XHTML></XBODY></XHTML></XBODY></XHTML></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=31></TD><TD vAlign=baseline align=justify width=360><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0"><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0"><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0">
    [​IMG]เมืองระแวกของพระเจ้าอโศก </XBODY></XHTML></XBODY></XHTML></XBODY></XHTML>​


    </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=31></TD><TD vAlign=baseline align=justify width=360><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0"><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0"><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0">[​IMG]เสาหินพระเจ้าอโศกอินเดียไม่ได้กล่าวถึงการสังคายนาพระไตรปิฎก </XBODY></XHTML></XBODY></XHTML></XBODY></XHTML></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=31></TD><TD vAlign=baseline align=justify width=360><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0"><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0"><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0">[​IMG]การเดินทางสู่สุวัณณภูมิของคณะสงฆ์จีน (พระถังซัมจั๋งและสมณะงี่เจ๋ง)</XBODY></XHTML></XBODY></XHTML></XBODY></XHTML></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=372 border=0><TBODY><TR><TD align=middle width=510 background=images/line03.gif> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=120 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width=520 bgColor=#201f1e>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left width=520><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width=396 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=baseline align=right width=20> </TD><TD vAlign=baseline width=367 bgColor=blue>
    ข้อเท็จจริงข้อมูลทางภูมิศาสตร์และภูมิประเทศที่ปรากฏในพระไตรปิฎกและในอินเดียมีความขัดแย้ง เป็นอย่างมาก ในด้านภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ระยะทางและทิศทางระหว่างเมือง
    </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=20> </TD><TD vAlign=baseline width=367>[​IMG] สภาพภูมิประเทศ ของเนปาล และอินเดียไม่สอดคล้องกับที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกหลายประการ
    </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=20> </TD><TD vAlign=baseline width=367>[​IMG]ปราสาท 3 ฤดู คือ ปราสาทฤดูร้อน ปราสาทฤดูฝน และปราสาทฤดูหนาวไม่สอดคล้องกับสภาวะในประเทศอินเดียที่อ้างว่า เป็นกบิลพัสดุซึ่งอยู่ในเขตหนาวเหนือเส้นขนานที่ ๒๔ และมี ๔ ฤดู</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=20> </TD><TD vAlign=baseline width=367>[​IMG]ภูมิประเทศ เนปาลและอินเดียทางตะวันออกเฉียงเหนือตั้งอยู่เชิงเขาหิมาลัย อากาศในฤดูหนาวจะหนาวมาก การให้พระภิกษุห่มผ้าบางๆ เพียงชั้นเดียว โกนหัว และไม่สวมรองเท้า</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=20> </TD><TD vAlign=baseline width=367>[​IMG]ช่วงฤดูเข้าพรรษา ตามพระวินัย ยึดตามปฏิทินจันทรคติของไทยที่กำหนดให้พระภิกษุสงฆ์ อยู่ประจำพรรษา 3 เดือนในช่วงเดือนสิงหาคม-กลางเดือนตุลาคม (กลางเดือน ๘ - กลางเดือน ๑๑) ตรงกับช่วงเข้าพรรษาในเมืองไทยไม่คลาดเคลื่อนเลย</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=356 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width=356 bgColor=#201f1e>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left width=356><TABLE style="BORDER-RIGHT-WIDTH: 0px" cellSpacing=3 cellPadding=0 width=372 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=baseline align=right width=26> </TD><TD vAlign=baseline align=justify width=337 bgColor=blue>
    มีข้อมูลใหม่และข้อสังเกตเพิ่มเติมหลายประการเพื่อชี้ให้เห็นว่า หากมีการศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง จะพบข้อมูลดังที่ยกตัวอย่างข้างต้นอยู่เป็นจำนวนมาก หากท่านมีข้อมูลใหม่ ทำนองนี้ โปรดส่งมาที่ Web Board ด้วย
    </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=26> </TD><TD vAlign=baseline align=justify width=337>[​IMG]หากพระภิกษุอยู่ในเนปาล ซึ่งอยู่เชิงเขาหิมาลัย อากาศคงหนาวมาก พระภิกษุจะดำรงอัตภาพอยู่ได้อย่างไรโดย ครองจีวรบางๆ ไม่กี่ชิ้น และไม่สวมรองเท้า ยิ่งในช่วงสองพันปีมาแล้วคงหนาวเยือกเย็นกว่า ปัจจุบันเป็นอย่างมาก
    </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=26> </TD><TD vAlign=baseline align=justify width=337>[​IMG]ไม่มีการเอ่ยถึงหิมะ ในความหมายของ snow ในพระไตรปิฎก แต่ใช้เฉพาะหิมะในความหมายของ ความเย็น หิมพานต์ มาจาก หิมะ (เย็น) + วนต (มี)=มีความเย็น ส่วนใหญ่ เข้าใจว่า เป็นน้ำค้าง ป่าหิมพานต์ คือ ป่าน้ำค้าง เพราะไม่เย็น ก็จะไม่มีน้ำค้าง จึงหมายถึง ป่าดงดิบทางเหนือ หรืออิสาน ปัจจุบัน ก็ยังมีหมอกเป็นน้ำค้างฝอยเม็ดโตๆ พรั่งรูลงมาให้เห็นกันอยู่เสมอ ป่าหิมพานต์จึงหมายถึง ป่าบริเวณภูพาน เขาใหญ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เลย และภาคเหนือ</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=26> </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: medium none" vAlign=baseline align=justify width=337>[​IMG]ฤาษีที่ห่มหนังเสือ ไม่ปรากฏในอินเดีย พบเห็นแต่ในเมืองไทย เพราะอากาศเมืองไทย เอื้อที่จะให้ฤาษี ห่มหนังเสือได้ ในพงศาวดารพระนเรศวร กับ พระเอกาทศรถ เคยยกกองทัพผ่านวัด "ฤษีซุม" (วัดที่มีฤาษีมาก)แสดงว่า ในเมืองไทยมีฤษีมากมาย</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: medium none" vAlign=baseline align=right width=26> </TD><TD style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none" vAlign=baseline align=justify width=337>[​IMG]หน่วยวัดระยะทาง ในพระไตรปิฎกใช้หน่วยวัด เป็น โยชน์ เส้น งาน วา ศอก คืบ ตรงกับที่ใช้ในดินแดนสุวรรณภูมิโดยเฉพาะในประเทศไทย ส่วนในอินเดียไม่ได้ใช้หน่วยวัดระยะทางตามที่กำหนดไว้ในพระไตรปิฎก ในสมัยกรุงสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา บรรพบุรุษของไทยใช้หน่วยวัดนี้อย่างต่อเนื่อง เช่น ระยะทางที่พระเจ้าปราสาททองเสด็จจากวังหลวงไปยังพระตำหนักพักร้อนซึ่งอยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะอยุธยาโดยทางชลมารค มีระยะทาง ๓๙๐ เส้น (เกือบ ๑๖ กิโลเมตร) จากที่ประทับพักร้อนไปถึงตำหนักท่าเรือฝั่งตะวันออกของคือพระตำหนักเจ้าสนุกห่างออกไป ๖๖๐ เส้น (ประมาณ ๒๔ กิโลเมตร) ในเขตสระบุรีปัจจุบัน แล้วจึงเสด็จไปประทับที่ตำหนักธารเกษม(ธารทองแดง) ซึ่งอยู่เชิงเขาพระพุทธบาท เป็นต้น</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=26> </TD><TD style="BORDER-TOP: medium none" vAlign=baseline align=justify width=337> [​IMG]ประกาศเทวดาครั้งสังคายนา รัชกาลที่ ๑ ระบุไว้หลายแห่งว่า ชมพูทวีป คือ กรุงสัมมาทิฐิ ได้แก่ เมืองไทย ลาว เขมร พม่า มอญ </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=right width=26> </TD><TD vAlign=baseline align=justify width=337>[​IMG]พงศาวดารกรุงเก่าฉบับราชบัณฑิต ร.ศ. ๑๓๓ บรรยายลักษณะภูมิประเทศสำหรับการรบทางเรือ เช่น พระนเรศวรเสด็จทางชลมารค จากอยุธยาถึงกาญจนบุรี ใช้เวลา ๕ วัน และระบุว่า สุวรรณภูมิ คือ ชมพูทวีป </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD align=right width=510><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0"><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0"><XHTML><XBODY bgcolor="#fffff" text="#000000" link="#FFCC00" vlink="#FFCC00" alink="#FFCC00" leftmargin="0" topmargin="0" rightmargin="0" bottommargin="0" marginwidth="0" marginheight="0">
    </XBODY></XHTML></XBODY></XHTML></XBODY></XHTML>​

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    มีต่อ ลองเข้าไปอ่านในเว็บ http://www.life-alonguniversity.com/
     
  3. s_thit

    s_thit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2007
    โพสต์:
    785
    ค่าพลัง:
    +3,027
    โมทนาครับ ที่นำข้อมูลมาเสนอ เพื่อที่จะให้ผู้มีสติปัญญามาศึกษาค้นคว้าต่อไป
     
  4. ri_thai13

    ri_thai13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    250
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ขออนุโมทธนาค่ะ
     
  5. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    ร่วม [​IMG] อนุโมทนาบุญด้วยครับ.^./|\.^. [​IMG]
     
  6. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    ไม่โมทนาครับ และขอแนะนำให้ถอดถอนการโมทนากันด้วย มิฉะนั้นจะมีส่วนในวิบากกรรมหนักนี้

    เพราะเป็นการบิดเบือน ตัดตอนถ้อยคำของบูรพาจารย์ผู้ประเสริฐ อันหาใช่การกระทำของบัณฑิตไม่

    ถ้อยคำของหลวงปู่มั่นที่ตัดตอนนำมาใช้ประโยชน์สนับสนุนทิฐิของตนเช่นนี้ มาจากหนังสือรำลึกวันวาน ของหลวงตาทองคำ ซึ่งผมเป็นเจ้าภาพร่วมในการพิมพ์วาระแรก ซึ่งเนื้อความในหนังสือยังมีการกล่าวถึงการอพยพย้ายถิ่นฐานของชาวพุทธจากชมพูทวีปอันประกอบด้วยชาวแคว้นมคธ โกศล มัลละและอื่นๆ มาสู่สุวรรณภูมิ เป็นการยืนยันถึงถิ่นกำเนิดของพระพุทธองค์คืออินเดีย หากถูกเว้นไว้ มิได้กล่าวถึงอย่างจงใจ

    ขอประณามผู้ที่พยายามบิดเบือนถ้อยคำของหลวงปู่ว่าเป็นผู้ทุจริตลามก ก่อกรรมหนักมาก ซึ่งแม้ศีล 5 ก็ยังไม่เคารพ มีเจตนาละเมิด จึงหาใช่พุทธศาสนิกชนที่แท้จริงไม่ การกล่าวอ้างว่าทำเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา จึงเป็นเพียงคำอ้างของมาร เพื่อมุ่งหวังประโยชน์ ความโด่งดังใส่ตนเท่านั้น
     
  7. อิคคิวซัง

    อิคคิวซัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2007
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +615
    พระพุทธศานาอยู่ที่ใจ
    พระพุทธเจ้าก็อยู่ที่ใจครับ
    สาธุ
     
  8. noi

    noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,120
    ค่าพลัง:
    +47,443
    เห็นด้วยนะควรคุยกันด้วยเหตุ และผล ผู้อ่านทุกท่านล้วนมีสติปัญญาไตร่ตรองกันได้ เพราะเราชาวweb ล้วนมีความคิดเห็นต่างกัน แต่มีจุดหมายเดียวกัน นั่นคือพระนิพพาน (||)
    นิพพานัง สุขัง นิพพานังสุขัง
     
  9. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    เหตุผลทางพระศาสนานั้นตรงไปตรงมา ถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด ไม่มีการหาเสียงให้คนมานิยมชมชอบว่าเป็นคนนุ่มนวลมากด้วยเมตตาธรรม ไม่มีการสร้างภาพหาเสียงว่าเป็นคนดีเลิศประเสริฐศรี

    เหตุผลของกิเลสย่อยเฉไปได้ตามแรงทิฐิ แรงมานะ แรงความอยากดี อยากเด่น อยากเป็นที่ยอมรับของหมู่คณะ

    สัตว์นี่หนอ ต้องก่อเวรก่อกรรมไปอีกเท่าไร เพื่อสนองความอยากดี ต้องทนคร่ำครวญกับวิบากกรรมชั่วของตนไปอีกเท่าใด กว่าจะรู้ซึ้งถึงว่า ความไร้มารยานั้นอยู่ ณ ที่สุดแห่งทุกข์

    การนำคำของครูบาอาจารย์ผู้ประเสริฐบริสุทธิ์ เป็นที่เคารพบูชาของพระและฆราวาส พุทธศาสนิกชนจำนวนล้าน ต่อเนื่องมาเป็นร้อยปี มาตัดตอนเพียงส่วนเดียวเพื่อสนับสนุนการสร้างเรื่องเท็จ ทั้งที่ขัดแย้งตรงกันข้ามกับสิ่งที่ท่านกล่าวไว้อย่างชัดเจน เป็นเรื่องเลวทรามมาก เป็นเรื่องทำร้ายจิตใจของพุทธศาสนิกชนจำนวนล้านผู้เคารพนับถือหลวงปู่เป็นบูรพาจารย์อย่างที่สุด ในจำนวนนั้นยังมีพระอรหันต์และพระอริยะเจ้านับไม่ถ้วน เป็นความผิดความชั่วอย่างหนักทั้งทางโลกทางธรรม

    ถ้ายังไม่เข้าใจ อยากแสดงทิฐิเอาชนะ ก็ทางใครทางมันเถิด สรรพสัตว์ย่อมมีสิทธิเลือกทางเดินของตนอยู่แล้ว

    ฝากไว้สำหรับผู้ที่พอมีวาสนา........

    จงทำดีเพราะอยากทำ แต่อย่าทำเพราะอยากดี
     
  10. NIGht Kung

    NIGht Kung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +400
    อนุโมทนา ครับ ผมก็เชื่อว่า พระพุทธเจ้าท่านเป็นคนไทย

    พระพุทธศาสนา อยู่คู่กับคนไทยมาแต่สมัยพุทธกาลและจะอยู่กับคนไทยตลอดไปครับ
     
  11. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    อ้างอิง

    "หลักฐานเดียวกันยืนยันว่า พระยากาฬวรรณดิศราชแห่งเมืองตักกสิลามหานคร เป็นผู้ให้พราหมณ์ทั้งหลายยกพลไปสร้างเมืองละโว้ เมื่อ พ.ศ. ๑๐๐๒ แล้วได้ให้พระยาทั้งหลายขึ้นไปถึงเมืองทวารบุรี เมืองสันตนาหะ เมืองอเส และเมืองโกสัมพี แล้วมานมัสการที่พระพุทธเจ้าตั้งบาตรตำบลแม่ซ้องแม้ว พระยากาฬวรรณดิศก็ถอยลงมาเมืองสวางคบุรีที่บรรจุพระรากขวัญกับพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ... เป็นการแสดงว่า ตักสิลา ก็อยู่ในประเทศไทย คือ อำเภอบ้านตากในปัจจุบัน"

    ปัจจุบัน

    จังหวัดมหาสารคาม...มีคำขวัญว่า...ตักสิลานคร
    และได้ชื่อว่า...พุทธมณฑล...อีสาน
    เพราะมีพระธาตุที่สำคัญ พระธาตุ..นาดูน
    ประกอบด้วย 13 อำเภอ...หนึ่งคือ
    อำเภอโกสุมพิสัย...มีวนอุทยานเรียกขานว่า...โกสัมพี
    และได้ชื่อว่า...สะดือ แห่ง อีสาน

    และมีพระพุทธรูป..จากกรุนาดูน...ปางลีลา...ลงมาจากสวรรค์

    จากหลักฐานทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ยืนยัน
     
  12. chue27

    chue27 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +1,358
    ไม่ว่าพระศาสนาจะถือกำเนิดที่ใดก็ตาม ความศรัทธาก็ไม่เสื่อมคลาย

    อยากให้มองที่พระธรรมคำสั่งสอน เป็นหลักใหญ่ใจความมากกว่าครับ[b-wai]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2007
  13. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,588
    หลักฐานในอดีตกำลังจะปรากฎ ที่ได้จารึกหลักฐานไว้ในแก้วผลึก ที่เหล่าภพภูมิพญานาคราช ได้เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี เมื่อถึงกาลเวลาที่สมควร ก็จะปรากฎให้กระจ่างเอง เพราะเรื่องบางอย่างเป็น ปัตจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน แต่คงทนต่อการพิสูจน์ด้วยตัวเอง เฉกเช่นเดียวกับการปฏิบัติธรรม ทำจริง ก็ย่อมได้ผลจริง
     
  14. Meditate47

    Meditate47 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +26
    ร่วมโมทนาด้วยคนครับ...แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเราชาวพุทธทั้งหลายก็จะยังคงดำเนินตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระองค์อย่างไม่ย่นย่ออยู่แล้วเนอะ
     
  15. siritach

    siritach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2005
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +555
    บาป กรรม คน พวก นี้ ทำไม ต้อง เอา เรื่อง พระพุทธเจ้า เกิด ที่เมือง ไทย มา โพส อีก นะ
    1.หลักฐานทางประวัติ ของพระพุทธศาสนา ที่ เมืองไทย มี มีกว่า ในประเทศแถบ อินเดีย นะ เพราะ อินเดีย มีหลาย ศาสนา การทำลาย โบราณสถาน ของ ศาสนา อื่นที่ไม่ใช่ ศาสนา ตน เป็นเรื่อง ธรรมดา
    2 โบราณสถาน ในประเทศไทย ไม่มี ที่ไหนมี อายุ เกิน 2500ปี
    3 ที่ เนปาล และอินเดีย มี น้อยมาก แต่ อายุ มากกว่า 2500 ปี
    4 ถ้าจะวัดกันที่ จำนวน วัด หรือ การที่มี พระสงฆ์ มาก เลยทึกทัก ว่า พระพุทธเจ้า เกิดในประเทศไทย อันนี้ กรุณา ใช้ รอยหยัก ของมันสมอง คิด ดูก่อน จะไป อนุโมทนา กับ เขาด้วยนะ
    5 ระยะเวลา 2500 ปี นี่มัน นานมาก การที่ อารยธรรม ล่ม ลสาย ด้วย ระยะ เวลา 2500 ปี ก็ไม่ใช่ เรื่อง แปลก อะไร
    6 ถ้าคุณ ตอนกิ่ง ของ ต้นไม้ หรือ เอา เมล็ด มัน ไป ปลูก ยัง สถาน ที่ใหม่ แล้ว เจริญ งอกงาม กว่า ที่ๆ ต้นเก่า ปลูก เอา ไว้ เพราะ สภาพ แวดล้อม ทั้งดิน น้ำ อากาศ ศาสนา ก็เหมือนกัน อย่าลืม สิ ว่า พวก พราห์ม ฮินดู มีอิทธิพลมาก ขนาดไหน มี เรื่อง ชั้นวรรณะ อีก ไม่แปลกเลย ที่ศาสนา พุทธ จะ มีคนนับถือ น้อย ลงมาก
    7 คนที่ มาโพส นะ คราว ก่อน ก็ ที นึงแล้ว ไม่รู้ ว่า คนๆ เดียวกัน มั้ย นี่มาแนว เดิม เลย อ้าง พระ ที่คนเคารพ บูชา ....
    8 ไม่มีหลักฐาน ยืนยัน เลยสักอย่าง เดียว
    9 ไปที่ประเทศจีน สิ หลักฐานทางพระพุทธศาสนาเก่าแก่ กว่าในประเทศไทยอีก
    10.***ในประวัติพระพุทธเจ้า ชื่อ ของ บุคคลต่างๆนั้น เป็น ชื่อ ของ อินเดียทั้งหมด และอย่าลืม *** แม่น้ำคงคา*** พรามห์ ***
    11 คุณทำเพื่อ อะไร จะบิด เบือน ประวัติ ของ พระพุทธเจ้า ทำไม กัน อยากได้ ชื่อ ว่าเป็น ผู้ค้นพบ หลักฐานใหม่ ของ ต้น กำเนิดพระพุทธศาสนา เหรอ แต่ไหน ละ หลักฐาน ของ จาก ที่ คุณ แอบอ้าง คำพูด ของพระ
    12 ศาสนา พุทธ เป็น ศาสนา แห่ง เหตุ และ ผล และเป็นวิทยาศาสตร์ มากที่สุด ตามที่พระพุทธเจ้าได้ สอนเอาไว้ ทุก อย่างต้องมีเหตุและผล .. แต่คนตั้ง กระทู้ ไหนละ เหตุ ผล และ หลัก ฐาน ของท่าน ที่จะพิสูจน์ได้ ..ไม่มี เหตุและผล ที่จะเชื่อ ได้ สงสัย พวกอยากดัง
    ขอโทษ ที่ไม่สุภาพ เพราะ ผม ไม่ชอบ ให้ ใคร เอา พระพุทธเจ้า ที่ผม เคารพ มา ตั้งสมมุติฐานแบบ ชุ่ยๆ และ สงเดช แบบ นี้
    --- และต่อไปนี่คือสมมุติฐานของผม คิดเองแต่งเอง ชง เอง เพราะ ยังไงๆ ก็ไม่มีหลักฐาน ที่ชัดเจนอยู่ แล้ว
    ประเทศไทย มีการบันทึกทางประวัติศาสตร์ เพียงแค่ไม่กี่ร้อยปี เพราะอาจเป็น ชนเผ่า เล็กๆ หลาย ชน เผา ไม่มีภาษาไม่มีความรู้ จนกระทั่ง พระสงฆ์ จากชมพูทวีป มาเผยแพร่ศาสนา ได้นำความรู้ มาเผยแพร่ จึงเกิดเป็นพัฒนา ภาษา และความคิด และวัฒนธรรม และการปกครอง
    ไทย พม่า ลาว ภาษาคล้ายๆ กัน ยัง พอจะฟังรู้ เรื่อง เป็น บางคำ ถึงแม้จะไม่ได้เรียนภาษาประทศเขามาก็เถอะ คนลาว ฟังภาษาไทยรู้เรื่องคนไทยฟังภาษาลาวรู้เรื่อง แต่ มาเลเซีย ที่ติดกับ ไทย ภาษา เขา ฟังไม่รู้เรื่องเลย จีนก็เช่นกัน
    ทั้งๆ ที่เป็นประเทศที่ ติดกับ เรา แต่ภาษาไปคนละแนว เลย ต้องไปเรียนถึงพอจะฟังออกแปลได้
    ...แบบนี้ สิพอจะเข้าท่าหน่อย... สมมุติฐานของผม ไม่ต้องมาเชื่อตามผมนะครับ และไม่ได้ไปกระทบกระเทือนบุคคลสำคัญ ในประวัติศาสตร์ คนไหนด้วย ผมเชื่อของผมแบบนี้เพราะ......อันนี้ไม่ขอบอก
    ...............
     
  16. table

    table เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +730
    โมทนาครับ ยอดเยี่ยมจริง ๆ ข้อมูลเพียง เป็นหลักฐานที่ดี
    เมื่อเข้าพรรษา พึ่งไปนมัสการ พระแท่นดงรัง ที่ครูบาอาจารย์บอกกล่าวว่า
    คือ ที่ปรินิพพานอย่างแท้จริงของพระพุทธเจ้า เป็นที่ปราบปลื้มใจมาก
    เพราะไม่ต้องเสียเงินค่าเครื่องบินก็ได้บุญมหาศาล ที่ไปกราบนมัสการสถานที่จริง ของพุทธองค์
     
  17. table

    table เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +730
    และผมขอยืนยัน และรับรองอย่างแท้จริง เพราะท่านผู้ไม่รู้ควรไปหาหนังสือ ที่หลวงพ่อพระราชพรหมญาณ ( หลวงพ่อพระฤาษีได้เขียนไว้ด้วย ในเรื่องนี้ ว่าพระพุทธเจ้าคือคนไทย และศาสนสถานที่สำคัญต่าง ๆ อยู่ที่ไทย ) และ

    ไม่ใช่ว่า จะอยู่ไทยอย่างเดียว กระจายกันไป เพราะชมพูทวีป คือดินแดนทั้งหมด แต่ก่อนไม่มีประเทศอินเดีย นะครับ ไม่มีการแบ่งเขตกัน รวมกันเป็นผืนแผ่นดินหมด และผมเชื่อว่า ถ้าบาป ครูบาอาจารย์เราก็คงจะบาปไปแล้วสิครับ เพราะท่านรับรองเอง รวมทั้งพงศาวดาร ของกรมพระยาดำรงราชานุภาพก็เขียนไว้ด้วยเช่นกันครับ และขอแจ้งว่า ตามสารคดีที่ถ่ายทำที่อินเดียในนั้น ที่พระเจ้าอโศกมหาราชได้สร้างไว้ เขาได้รายงานว่า เป็นเพียงการสันนิษฐานว่าเป็นสถานที่นั้น ๆ และได้สร้างหลังจากพระพุทธองค์ทรงปรินิพพานแล้ว ประมาณ เกือบ 200 ปี ผ่านมา ไม่ได้สร้างเลยหลังจากที่ปริพพานเลย
    แต่ก็สรุป นะครับ ว่า แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคน แต่ที่ผมเชื่อเพราะรอยพระพุทธบาทในไทย ที่เป็นของจริงมีมาก และดินแดนที่สำคัญทางพุทธศาสนา ถ้าเป็นจริง เทพเทวาคงไม่ปล่อยให้สูญสิ้นไปทีอินเดียอย่างแน่นอน ท่านคงไม่นิ่งเฉย เพราะเทพทุกพระองค์ มีหน้าที่ในการรักษาพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว ขนาดเราเป็นมนุษย์เองยังช่วยกันรักษา และยังถกเถียงทะเลาะกันในเรื่องนี้ เพราะเคารพ และต้องการรักษาพระพุทธศาสนาที่แท้จริง เช่นกันเลย
     
  18. a5g1

    a5g1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +384
    (b-love2u) เคยไปสำนักปู่สวรรค์(b-lablin) และได้พบดร.กรรจิรา (i) ซึ่งได้รับเชิญมา :mad: อ.มีพูดเปรยๆว่า(cry) สุวรรณภูมิคือชมพูทวีปมีแผ่นดินนครปฐมเป็นศูนย์กลาง(b-cry) และบอกพระพุทธเจ้าเป็นชาวสุวรรณภูมิ (b-love2u) ศาสนาพุทธเกิดในดินแดนสุวรรณภูมิ(i) แล้วพระเจ้าอโศกฯท่านไปสร้างพระพุทธรูปใหญ่โตที่อัฟกานิสถานทำหยังเด้อ(b-love2u) ทำไมไม่สร้างในแหลมอินโดจีน ยึดหลักกาลามสูตร ฟังหูไว้หูดีกว่า สาธุๆๆๆ(i) (i) (i) (i) (i)
     
  19. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    ขอให้รับฟัง และเผยแพร่แต่ที่ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้เถิด อย่าไปต่อเติมเอาเองเลย

    ในหนังสือมุตโตทัยอันโด่งดังของหลวงปู่มั่น ท่านก็กล่าวโทษไว้แรงนัก สำหรับผู้จำแนกแจกธรรมอย่างไม่รู้จริง เป็นสัทธรรมปฏิรูป เท่ากับประกาศความชั่วของตนไปในจตุรทิศ เคารพท่านจริงอย่างไม่แอบแฝงด้วยทิฐิตัณหาความอยากเด่นอยากดัง ก็ควรศึกษาให้ถ่องแท้ก่อนจะถ่ายทอดออกมาเป็นสาธารณะ

    สิ่งที่น่าปลื้มปิติ น่าอัศจรรย์ในความรู้จริงที่ตรงกันของครูบาอาจารย์สุดประเสริฐทั้ง 2 องค์ คือทั้งหลวงปู่มั่นและหลวงพ่อวัดท่าซุงต่างกล่าวไว้ตรงกันว่าพระพุทธองค์คือคนไทย หรือคนไทยในปัจจุบันเป็นเชื้อวงศ์ เชื้อสายเดียวกับพระพุทธองค์

    ความต่อเนื่องของชมพูทวีปอันเชื่อมต่อสุวรรณภูมินั้นก็ใช่

    การรู้จักนับถือพระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลก็ใช่

    แต่กรุณาอย่าเอาสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้กล่าวไว้มาประกาศแอบอ้าง เพื่อสนับสนุนว่าตนเองเก่งเลิศประเสริฐศรี เป็นผู้ค้นพบว่าถิ่นพุทธอุบัติคือสุวรรณภูมิ

    เพราะนี่คือการปรามาสจาบจ้วงพระผู้ประเสริฐ เป็นการละเมิดในปูชนียบุคคลผู้เป็นที่เคารพรักสูงสุดของพุทธบริษัทจำนวนล้าน ซึ่งประกอบด้วยพระอรหันต์และพระอริยเจ้าจำนวนนับไม่ถ้วนรวมอยู่ด้วย

    หลวงปู่มั่นท่านระบุไว้ชัดว่าเมื่อกองทัพอิสลามโจนตีทำลายพระพุทธศาสนาในอินเดีย ชาวพุทธจำนวนมากก็หนีตายมาพึ่งญาติในสุวรรณภูมิ ชาวแคว้นมคธส่วนใหญ่มาอยู่ในดินแดนที่ปัจจุบันเป็นประเทศไทยและลาว ชาวแคว้นโกศลมาอยู่พม่า ชาวมัลละมาอยู่ในรามัญประเทศ

    หลวงพ่อพระราชพรหมยานก็เคยเมตตาเล่าถึงที่ท่านหมอชีวกไปอยู่สุวรรณภูมิหลายปี กลับมาก็มากราบทูลพระพุทธองค์เล่าถึงความเป็นไปในสุวรรณภูมิ รวมถึงภาษาพูดที่แตกต่างแต่ไพเราะน่าฟังของชาวสุวรรณภูมิ ถ้าเป็นถิ่นดินแดนเดียวกัน มีหรือที่ท่านหมอชีวกจะหายหน้าไปหลายปี มีหรือจะกล่าวถึงความแตกต่างของภาษาและวัฒนธรรม

    ครั้งหลวงพ่อนำศิษย์ไปเยือนอินเดีย ก็ยังเมตตาชี้สถานที่ต่างๆในพุทธประวัติ ที่เขายังแสดงไม่ตรงนัก ไปหาอ่านในบันทึกของชาโดว์ หรือศิษย์บันทึกในส่วนของท่านสมศักดิ์ สืบสงวนได้ มีตัวหนังสือยืนยันเป็นหลักฐานชัดเจน มิได้กล่าวอ้างกันลอยๆ อย่างใช้เล่ห์กลอุบายให้สาธารณชนหลงเชื่อในคำลือตื่นข่าวที่เจตนาสร้างขึ้น

    หากพิจารณาศึกษาด้วยใจเป็นกลางอย่างเคารพในครูบาอาจารย์ มิได้มีความบ้าตัณหาอยากเด่นอยากดังแล้ว ก็จะพบความจริงไม่ยาก และจะได้ไม่คิดสร้างเวรกรรมอันหนักให้ทั้งตนเองและผู้อื่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2007
  20. thongchat

    thongchat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +2,195
    วันนี้ขอแสดงความคิดเห็นว่าไม่เห็นด้วยกับท่าน WebSnow ทั้งๆ ที่ชื่นชอบบทความของท่านมาโดยตลอด เข้าใจว่าคราวนี้คงเกิดจากการการไม่ได้อ่านหนังสือนี้เอง หรือไม่ได้อ่านหนังสือนี้โดยละเอียด

    เรื่องแรก มุตโตทัย ไม่ใช่ชื่อผู้แต่งหรือผู้เขียนแต่อย่างใด มุตโตทัย เป็น ธรรมเทศนาบทหนึ่งที่หลวงปู่มั่นเทศน์ที่เชียงใหม่ ซึ่งมีความไพเราะและลึกซื้งมาก จนท่านเจ้าคุณอุปาลีฯ ได้ออกปากสรรเสริญ

    เรื่องที่สอง ตอบกระทู้ของคุณ33 พระราชพรหมยาน ท่านกล่าวว่าชาวกรุงกบิลพัสดุ์ เป็นบรรพบุรุษของคนไทย ภาษาที่ชาวกรุงกบิลพัสดุ์ใช้เป็นภาษาโดด หรือ คำเดี่ยวคล้ายภาษาไทย ซึ่งโดยความเป็นจริงภาษาคล้ายกันนี้ก็กระจายอยู่ทั้งในสิบสองปันนาของจีน ที่เรียกตัวเองว่าชาวไต ส่วนที่อยู่ในอินเดียและแถบเนปาล เรียกไทยอาหม ท่านไม่ได้บอกว่า กรุงกบิลพัสดุ์อยู่เมืองไทย
     

แชร์หน้านี้

Loading...