จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. อัญญะมณี

    อัญญะมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ขี้เกียจไปเข้าหน้าแรกทุกครั้งที่อนุโมทนา ตอนนี้เลยโมทนาหน้าคอมแทน นี่มารมาแค่ศรีษะนะ ถ้ามาทั้งตัวจะจับชั่งกิโลขายซะเลย :boo:5555
     
  2. อัญญะมณี

    อัญญะมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +2,169
    สวัสดีค่ะคุณแสงจันทร
    ซาบซึ้งในธรรมะที่คุณแสงจันทรนำมาแบ่งปัน และซาบซึ้งในความระลึกถึงที่คุณแสงจันทรมีให้ ติดตามอ่านอยู่ตลอดนะคะ จนแอบเอาไปฝันถึงว่าคุณแสงจันทรส่งเมล์มาหา 5555 (k)
    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ
     
  3. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ยินดีต้อนรับครับ

    ดีใจด้วยที่ตัดสินใจมาฝึกเต็มตัว

    ตั้งใจส่งการบ้านคุณครูนะครับ

    เชื่อครู ไม่หลงทางครับ

    สาธุ
     
  4. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    คติพจน์.. สำหรับผู้ฝึกใหม่


    "ทำทำทำ ทำทุกที่ แล้วก็ทำทำทำ"
     
  5. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    สุดขั้ว + สุดโต่ง .... ความคาดหวัง+ความอยาก</O:p
    สวัสดีครับ ผมได้ดูข่าวกีฬาฟุตบอลครับ
    อยากให้ทุกท่านได้ดูภาพ 2 ภาพนี้ครับ
    ท่านเห็นอะไรบ้างครับ ที่มากกว่า คนที่ดีใจสุดๆ กับ คนที่แพ้+เสียใจ
    <O:p</O:p
    ...คนเดียวกัน แต่ทำไมเค้าถึงดีใจขนาดนี้ ทำไมเค้าเสียใจขนาดนี้ ... ทำไม
    <O:p</O:p
    เรามักจะได้ยินคำพูดนี้อยู่เสมอว่า ทำอะไรให้ทำสุดๆไปเลยสิ อย่าทำแบบกั้กๆ มันไม่สุด เวลาที่ผลออกมาแล้วจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่า ทำไม ทำไม่เต็มที่... จริงไหมครับ
    ที่เค้าพูดก้อจริงนะผมว่า ...แต่
    สิ่งที่เค้าทำนั้น มันมีอะไรแฝงมาด้วยนี่สิ .. รู้ไหมครับมันคืออะไร “ความคาดหวัง”
    เราตั้งใจสุดๆแล้ว ทำเต็มที่แล้ว .... เห็นอะไรไหมครับ เราก้อโคะตะระ หวังเลยหละครับ จริงไหม
    เราเคยเผื่อใจบ้างไหมครับ .... น้อยคนนะ
    พอทำแล้วสำเร็จ .... ความมั่นใจก้อมากขึ้น ความเป็นตัวเป็นตนของเราก้อมากขึ้น .... ฉันทำอะไรก้อได้ สำเร็จแน่ๆ
    พอทำอีก .... ก้อต้องสุดๆอีก เหมือนเรากำลังเมามันไปกับความสำเร็จ ความหอมหวนของชัยชนะ ความสุขสุดยอดที่ทำได้
    ความมั่นใจพอกพูนขึ้นมาในตัว พร้อมกับอัตตาที่แอบตามมาด้วยโดยที่เราไม่รู้ตัว ...
    จนวันนึง เราก้อจะคิดว่า เราไม่มีวันแพ้ เราไม่มีวันทำไม่ได้ .... ทำแบบสุดๆแล้วนิ ต้องสำเร็จสิ
    แต่เราลืมมองความเป็นจริงไปหรือเปล่าว่า .... ไม่มีอะไรเป็นนิรันดร ไม่มีอะไรที่จะชนะตลอด หรือแพ้ตลอด
    .... แล้ววันนึงเมื่อได้พบกับคำว่า แพ้ ทำไม่ได้ พลาด ...... เราเป็นไง เสียใจ จะเป็นจะตาย ยอมรับไม่ได้ เราทำไมต้องตกอยู่ในสภาพของผู้พ่ายแพ้ เราทำแบบสุดๆแล้ว ทำไมถึงแพ้อีก .............. ผิดหวังกับชีวิตกับตัวเอง จมไม่ลงกับความผิดหวัง ... เมื่อไหร่เราจะทำได้อีก
    สุดท้าย ก้อ สิ้นหวัง ท้อแท้ หมดอารัยตายอยากกับชีวิต ..เศร้า ทุกข์ จริงหนอ ชีวิตนี้ .....
    <O:p</O:p
    พระพุทธองค์สอนอยู่เสมอให้เราเดินสายกลาง ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป .....
    แต่เรามักวางกำลังใจกันผิดๆมาตลอด .... ทำให้เต็มที่ไม่ได้หมายความว่า ทำแล้วจะสำเร็จเสมอไปนะครับ ...
    ขอให้ทุกคน วางกำลังใจใหม่ด้วยว่า สิ่งที่เราทำด้วยความตั้งมั่นนั้น ขอให้ไปจบที่ความเพียรเท่านั้น อย่าไปจบที่ความอยากและความคาดหวัง
    ทำความเพียรให้สุดๆ จะสำเร็จเมื่อไหร่ ไม่ต้องสนใจ .... อย่าให้จิตท่านเกิดความอยาก จนเกินเลยเป็นกิเลสในใจนะครับ
    เปรียบเหมือนท่านเดินขึ้นเขา ... มีใครเดินเงยหน้าขึ้นเขาไหมครับ ถึงมีก้อจะหงายหลังตกเขาแน่นอน ...
    เราเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ มองตรงข้างหน้า (เปรียบเสมือนเราอยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องหันไปมองข้างหลัง=อดีต / ไม่ต้องเงยหน้าไปดูข้างบนซึ่งยังไม่ถึง = อนาคต) เดินไปด้วยความตั้งมั่น แน่วแน่ด้วยใจเป็นกลาง
    เราจะเดินของเราไปเรื่อยๆ เหนื่อยก้อพัก มีแรงก้อเดินต่อ สบายๆ ชมธรรมชาติไป สูดอากาศบริสุทธ์ไป .... แล้วไงครับ ดูอีกที อ้าว เราถึงแล้วนิ ดีจัง ....
    แล้วถ้าเราเป็นพวกบ้าพลังละ .... เราฟิตเกินร้อย วิ่งขึ้นเลยดีกว่า .... เคยได้ยินไหม ที่เขาบอก “ภูเขานะ ...ใกล้ตา แต่ไกลตีน” วิ่งๆๆๆ พอจะคิดออกไหม เป็นไง ..ไม่ตกเขาก้อล้มขาแพลง เดินต่อไม่ได้ ตายกลางทางนั่นแหละ
    ขอบอกท่านผู้ที่กำลังฝึกทุกท่าน ที่ท่านกำลังทำนี้คือการอยู่กับจิตตนเอง ไม่ใช่ไปมองคนอื่น คนอื่นสำเร็จกิจใน 7 วัน หรือ เค้าทำสำเร็จแล้ว
    แล้วท่านไปสนใจ ไม่คิดว่า เราจะสำเร็จไหมหนอ เราจะทำได้กี่วันหนอ เมื่อไหร่เราจะก้าวหน้าหนอ ... ความอยากมันมากมายจริงหนอ ความสงสัย มันเยอะหนอ ...... จบลงด้วยความคาดหวังหนอ
    หยุดอยาก ..... หยุดสงสัย กันนะ
    ทำไปครับ ทำต่อไป เหมือนเราเติมน้ำใส่ตุ่มนะ ความอยากก้อเปรียบเสมือนรูรั่วที่เล็กมากจนเราไม่ทันสังเกต ..เติมน้ำไปเถอะ ไม่มีวันเต็ม ..เราก้อสงสัยไปสิ ทำไมมันไม่เต็มสะทีฟ่ะ ยาจริงเชียว จนสุดท้ายเราท้อไปเอง มัวแต่สงสัยทำไมเราไม่เต็มสะที จนเราลืมหยุดคิด พิจารณาแล้วมาพิจารณา ตุ่มของเราว่า มันเป็นอย่างไร
    <O:p</O:p
    ขอให้ทุกท่านที่กำลังปฎิบัติอยู่และกำลังที่จะคิดมาปฎิบัติเก็บเอาไว้เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จนะครับ
    ไม่ว่าวิธีการที่ใครจะบอกว่าทำให้สำเร็จกิจได้เร็วที่สุด ดีที่สุด ก้อตาม แต่ถ้าตัวท่านนั้น ยังไม่วางความอยาก ความสงสัย ... ท่านก้อไม่มีทางที่จะได้นะครับ
    สุดท้าย ขอให้ทุกท่านวางกำลังใจใหม่นะครับ ..... เลิกอยาก มีความเพียร อดทน
    ผมยังจำคำที่พ่อทางธรรมของผมสอนผมอยู่เสมอ ..... เลิกอยากนะวิทย์ แล้วเจ้าจะได้
    ผมเข้าใจแล้วครับพ่อ ........... ขอกราบแทบเท้าพ่อครับ (ขณะที่พิมพ์นี้น้ำตาแห่งความปิติของผมมันกำลังไหลครับ)

    "หยุดความอยาก เพิ่มความเพียร"

    <O:p</O:p
    สวัสดีครับ
    <O:p</O:p
    ธรรมชาติสวัสดี
    วิทย์ จบ.11 (2.กค.55)<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2012
  6. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    เอ้า ใครยังมีความอยากอยู่มาก ๆ ให้ปฏิบัติตามที่ครูวิทย์แนะนำนะคะ

    วางใจให้เป็นกลาง มองดูผลของผู้อื่นเป็นตัวอย่างของความเพียร

    ไม่ใช่ให้เอาไปเปรียบเทียบกับเขา เขาทำได้ไวเพราะเขามีกำลังใจมากตัดกิเลสได้ฉับๆๆ

    แล้วกำลังใจของเราล่ะเป็นยังไง ตัดได้ฉับๆๆ อย่างเขาไหม

    พระท่านสอนอยู่เสมอว่าให้มองดูความเลวในจิตเราอย่าไปมองที่จิตคนอื่น

    ถ้าเปรียบเทียบแล้วทำให้จิตเรามีกำลังใจเร่งความเพียรขึ้นอันนี้ถือว่าเรานำตัวอย่างมาใช้ในทางที่ดี

    แต่ถ้าเปรียบเทียบแล้วทำให้กำลังใจตก เกิดความท้อแท้หมดหวัง ก็ขอให้กลับไปพิจารณากายพิจารณาจิตของเราใหม่ว่าเราขาดตกบกพร่องอะไรไปหรือเปล่า

    พี่เพ็ญตอบแทนผู้ปฏิบัติได้เลยว่า ผู้ที่มีกำลังใจน้อยเป็นเพราะท่านบกพร่องในศีล

    เรื่องศีลในอดีตท่านไม่ต้องไปนึกถึงแล้วนะ เรามาว่ากันด้วยศีล ณ ปัจจุบัน

    ท่านรักษาศีลด้วยความตั้งใจและมีการปรับปรุงศีลอยู่เสมอหรือไม่

    การรักษาศีลไม่ใช่ว่าต้องเคร่งครัดเสียจนตึงเกินไปจนทำผิดพลาดไม่ได้เลย

    อย่างนั้นวางกำลังใจผิดแล้ว การรักษาศีลที่ถูกต้องท่านต้องมีเจตนาว่าจะไม่ละเมิด แต่ถ้าทำไปโดยไม่เจตนาก็ให้รู้ว่าบกพร่อง ให้ขอขมาพระพุทธเจ้า และหมั่นปรับปรุงศีลด้วยการมีสติเพิ่มขึ้น ทำบ่อย ๆ ทำเนือง ๆ ทำทุกวัน เดี๋ยวศีลก็เต็มเอง

    เมื่อศีลเต็ม(ใจ)แล้ว กำลังใจของท่านก็จะตามมา เมื่อกำลังใจมีมากท่านก็สามารถตัดกิเลสได้ไวขึ้น

    เห็นไหมว่าข้อบอกพร่องของคนที่กำลังใจน้อยนั้นอยู่ตรงไหน แก้ไขให้ตรงจุดนะแล้วจะผ่านไปด้วยดี
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ***ขอขยายข้อความดั้งเดิมโดยคุณWittayapon

    สุดขั้ว + สุดโต่ง .... ความคาดหวัง+ความอยาก
    สวัสดีครับ ผมได้ดูข่าวกีฬาฟุตบอลครับ
    อยากให้ทุกท่านได้ดูภาพ 2 ภาพนี้ครับ
    ท่านเห็นอะไรบ้างครับ ที่มากกว่า คนที่ดีใจสุดๆ กับ คนที่แพ้+เสียใจ
    ...คนเดียวกัน แต่ทำไมเค้าถึงดีใจขนาดนี้ ทำไมเค้าเสียใจขนาดนี้ ... ทำไม
    เรามักจะได้ยินคำพูดนี้อยู่เสมอว่า ทำอะไรให้ทำสุดๆไปเลยสิ อย่าทำแบบกั้กๆ มันไม่สุด เวลาที่ผลออกมาแล้วจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่า ทำไม ทำไม่เต็มที่... จริงไหมครับ
    ที่เค้าพูดก้อจริงนะผมว่า ...แต่
    สิ่งที่เค้าทำนั้น มันมีอะไรแฝงมาด้วยนี่สิ .. รู้ไหมครับมันคืออะไร“ความคาดหวัง”
    เราตั้งใจสุดๆแล้ว ทำเต็มที่แล้ว .... เห็นอะไรไหมครับ เราก้อโคะตะระ หวังเลยหละครับ จริงไหม
    เราเคยเผื่อใจบ้างไหมครับ .... น้อยคนนะ
    พอทำแล้วสำเร็จ .... ความมั่นใจก้อมากขึ้น ความเป็นตัวเป็นตนของเราก้อมากขึ้น .... ฉันทำอะไรก้อได้ สำเร็จแน่ๆ
    พอทำอีก .... ก้อต้องสุดๆอีก เหมือนเรากำลังเมามันไปกับความสำเร็จ ความหอมหวนของชัยชนะ ความสุขสุดยอดที่ทำได้
    ความมั่นใจพอกพูนขึ้นมาในตัว พร้อมกับอัตตาที่แอบตามมาด้วยโดยที่เราไม่รู้ตัว ...
    จนวันนึง เราก้อจะคิดว่า เราไม่มีวันแพ้ เราไม่มีวันทำไม่ได้ .... ทำแบบสุดๆแล้วนิ ต้องสำเร็จสิ
    แต่เราลืมมองความเป็นจริงไปหรือเปล่าว่า .... ไม่มีอะไรเป็นนิรันดร ไม่มีอะไรที่จะชนะตลอด หรือแพ้ตลอด
    .... แล้ววันนึงเมื่อได้พบกับคำว่า แพ้ ทำไม่ได้ พลาด ...... เราเป็นไง เสียใจ จะเป็นจะตาย ยอมรับไม่ได้ เราทำไมต้องตกอยู่ในสภาพของผู้พ่ายแพ้ เราทำแบบสุดๆแล้ว ทำไมถึงแพ้อีก .............. ผิดหวังกับชีวิตกับตัวเอง จมไม่ลงกับความผิดหวัง ... เมื่อไหร่เราจะทำได้อีก
    สุดท้าย ก้อ สิ้นหวัง ท้อแท้ หมดอารัยตายอยากกับชีวิต ..เศร้า ทุกข์ จริงหนอ ชีวิตนี้ .....
    พระพุทธองค์สอนอยู่เสมอให้เราเดินสายกลาง ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป .....
    แต่เรามักวางกำลังใจกันผิดๆมาตลอด .... ทำให้เต็มที่ไม่ได้หมายความว่า ทำแล้วจะสำเร็จเสมอไปนะครับ ...
    ขอให้ทุกคน วางกำลังใจใหม่ด้วยว่า สิ่งที่เราทำด้วยความตั้งมั่นนั้น ขอให้ไปจบที่ความเพียรเท่านั้น อย่าไปจบที่ความอยากและความคาดหวัง
    ทำความเพียรให้สุดๆ จะสำเร็จเมื่อไหร่ ไม่ต้องสนใจ .... อย่าให้จิตท่านเกิดความอยาก จนเกินเลยเป็นกิเลสในใจนะครับ
    เปรียบเหมือนท่านเดินขึ้นเขา ... มีใครเดินเงยหน้าขึ้นเขาไหมครับ ถึงมีก้อจะหงายหลังตกเขาแน่นอน ...
    เราเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ มองตรงข้างหน้า (เปรียบเสมือนเราอยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องหันไปมองข้างหลัง=อดีต / ไม่ต้องเงยหน้าไปดูข้างบนซึ่งยังไม่ถึง = อนาคต) เดินไปด้วยความตั้งมั่น แน่วแน่ด้วยใจเป็นกลาง
    เราจะเดินของเราไปเรื่อยๆ เหนื่อยก้อพัก มีแรงก้อเดินต่อ สบายๆ ชมธรรมชาติไป สูดอากาศบริสุทธ์ไป .... แล้วไงครับ ดูอีกที อ้าว เราถึงแล้วนิ ดีจัง ....
    แล้วถ้าเราเป็นพวกบ้าพลังละ .... เราฟิตเกินร้อย วิ่งขึ้นเลยดีกว่า .... เคยได้ยินไหม ที่เขาบอก “ภูเขานะ ...ใกล้ตา แต่ไกลตีน” วิ่งๆๆๆ พอจะคิดออกไหม เป็นไง ..ไม่ตกเขาก้อล้มขาแพลง เดินต่อไม่ได้ ตายกลางทางนั่นแหละ
    ขอบอกท่านผู้ที่กำลังฝึกทุกท่าน ที่ท่านกำลังทำนี้คือการอยู่กับจิตตนเอง ไม่ใช่ไปมองคนอื่น คนอื่นสำเร็จกิจใน 7 วัน หรือ เค้าทำสำเร็จแล้ว
    แล้วท่านไปสนใจ ไม่คิดว่า เราจะสำเร็จไหมหนอ เราจะทำได้กี่วันหนอ เมื่อไหร่เราจะก้าวหน้าหนอ ... ความอยากมันมากมายจริงหนอ ความสงสัย มันเยอะหนอ ...... จบลงด้วยความคาดหวังหนอ
    หยุดอยาก ..... หยุดสงสัย กันนะ
    ทำไปครับ ทำต่อไป เหมือนเราเติมน้ำใส่ตุ่มนะ ความอยากก้อเปรียบเสมือนรูรั่วที่เล็กมากจนเราไม่ทันสังเกต ..เติมน้ำไปเถอะ ไม่มีวันเต็ม ..เราก้อสงสัยไปสิ ทำไมมันไม่เต็มสะทีฟ่ะ ยาจริงเชียว จนสุดท้ายเราท้อไปเอง มัวแต่สงสัยทำไมเราไม่เต็มสะที จนเราลืมหยุดคิด พิจารณาแล้วมาพิจารณา ตุ่มของเราว่า มันเป็นอย่างไร
    ขอให้ทุกท่านที่กำลังปฎิบัติอยู่และกำลังที่จะคิดมาปฎิบัติเก็บเอาไว้เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จนะครับ
    ไม่ว่าวิธีการที่ใครจะบอกว่าทำให้สำเร็จกิจได้เร็วที่สุด ดีที่สุด ก้อตาม แต่ถ้าตัวท่านนั้น ยังไม่วางความอยาก ความสงสัย ... ท่านก้อไม่มีทางที่จะได้นะครับ
    สุดท้าย ขอให้ทุกท่านวางกำลังใจใหม่นะครับ ..... เลิกอยาก มีความเพียร อดทน
    ผมยังจำคำที่พ่อทางธรรมของผมสอนผมอยู่เสมอ ..... เลิกอยากนะวิทย์ แล้วเจ้าจะได้
    ผมเข้าใจแล้วครับพ่อ ........... ขอกราบแทบเท้าพ่อครับ (ขณะที่พิมพ์นี้น้ำตาแห่งความปิติของผมมันกำลังไหลครับ)

    "หยุดความอยาก เพิ่มความเพียร"

    สวัสดีครับ
    ธรรมชาติสวัสดี
    วิทย์ จบ.11 (2.กค.55)
    ------------------------------------------------------------

    ขออภิมหาโมทนาบุญด้วยครับ..คุณครูวิทย์
    ผมอ่านแทบน้ำตาตกใน ตกนอกเหมือนกัน ซาบซึ้ง ปลาบปลื้มจริงๆ
    จิตคุณยกไปแล้ว คุณถึงแล้ว จิตคุณเกิดปัญญาญาณแล้ว
    นี่แหล่ะ! ผู้ปฎิบัติจะต้องมีให้ครบ คือผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ
    นอกจากจิตเขาจะมีศีลกันแล้ว ก็ยังต้องมีธรรมะอยู่ภายในจิตของตนด้วยจะเรียกได้ว่า สามารถเห็นธรรม พิจารณาธรรมได้ทั้งหมด
    เพราะด้วยจิตที่ยกแล้ว ที่เหนือขันธ์5 อันสิ่งสมมุติตัวใหญ่ๆของพวกมนุษย์เหล่านี้ ขอให้พวกเราได้โปรดใช้สติปัญญา เพ่ง พินิจ พิจารณากันให้ดีๆ
    แล้วพวกเราจะเห็นดั่งครูวิทย์นี้กัน
    หายใจเบาๆสติจะมามากเอง และท่านก็จะรู้เอง เพียงเรารู้แค่สั้นๆก็ยังดีกว่า ไม่รู้เฃย หรือไม่ได้หยุดพิจารณาธรรมกันเลย

    มาถึงวันนี้ ผมปลาบปลื้มแทนคุณครูวิทย์นะ ที่คุณได้ดวงจิตเดิมแท้กลับคืนมา
    จิตเดิมแท้นั้น เป็นอย่างไร ให้ไปสอบถามเอาความจริงกับคุณครูวิทย์เอากันเองนะ

    ต่อไปนี้ ภารหน้าที่ทางโลกของคุณใกล้จะหมดแล้ว ถึงกรรมมีอยู่ ทุกข์ก็ยังมีอยู่ เพราะตราบใดเรายังครองขันธ์5กันอยู่ กรรมนั้น ทุกข์นั้นก็จะยังคงติดตามเราไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตนั้นกัน
    ขอให้พวกเราปลดปล่อยกับหน้าที่กับทางโลกไป แต่พวกเราอย่ารอให้กกรมหมด ทุกข์หมดกันก่อนนะ หรืออย่ารอให้หมดลมหายใจเสียก่อน นั่นหมายถึง ผู้ประมาทโดยแท้จริง เพราะพวกเราอย่าลืมนะว่า ภารหน้าที่กับทางธรรม หรือทางโลกทิพย์นั้น มันสำคัญยิ่งกว่าอื่นใด
    ตรงนี้อยากทราบว่าทำไม? ทำไม?? ผมถึงได้กล่าวกับทุกท่านในที่นี้กัน
    ผมอยากจะบอกกับพวกคุณหลายครั้งเหมือนกัน(แต่ไม่รู้จะบอกอย่างไร)นะว่า...คือ...หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านบอกกับผมว่า...
    ขอให้เธอนำพาดวงจิตข้างล่างโน้น ขึ้นมาบนพระนิพพานกันเยอะๆนะ
    และลูกหล่ะ!(หมายถึงตัวผู้เขียนเอง) รู้สึกสบายดีไหม๊? ผู้เขียนได้แต่พยักหน้ารับ และพร้อมก้มลงกราบท่านในจิต หลวงพ่อท่านมีแต่รอยยิ้ม ท่านไม่ได้ทุกข์เหมือนครั้งที่ท่านครองสังขารทางโลกนั้น ผมจึงเข้าใจได้ดีเลยนะว่า ร่างกายคนเรานี้มันทุกข์จริงๆ แต่สำหรับผู้ที่ยังมีร่างกายที่ยังดี ยังแข็งแรงกันดีอยู่ จะยังคงไม่ทราบว่า ร่างกายนี้เป็นทุกข์
    แต่พวกเราก็อย่ามัวหลงเพิน จำเริญใจกันอยู่นะ เพราะร่างกายนี้มันไม่เที่ยง หายใจออกไปทีนึง เวลาผ่านไปนาทีนึง นั่นแสดงว่า ท่านแก่ไปแล้ว เสื่อมไปแล้ว ทุกๆลมหายใจกัน นั่นเอง
    เฉพาะฉะนั้นกายนี้จึงไม่เที่ยง พวกเราอย่าไปให้ความสนใจมากนัก คืออย่าไปยึดกันมากนัก ขอให้สนใจจิตของตนเองมากๆ เพราะโลกหลังความตาย โลกทิพย์สำคัญยิ่งกว่าพวกเราที่กำลังหายใจกันอยู่นี้ เพราะมันอีกยาวไกล เพราะชาติเราเพียงชาติเดียวยังเทียบไม่ได้กับทางโลกทิพย์
    จึงขอเตือนสติกัน เพียงเท่านี้
    (ถึงใครจะว่าผมบ้า! ผมก็ยอม และจะทำหน้าที่ยกจิตของทุกๆดวงจิตไปจนกว่าอายุขัย หรือวาระสุดท้ายของชีวิตตนที่มีอยู่ เหมือนเดิม)

    ผมอยากให้คุณวิทย์ ตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่ ขอให้ทำเพื่อท่านพ่อ ทำภาระหน้าที่แทนท่านพ่อ
    หรือพระพุทธเจ้าของพวกเรากันนะ
    โดยเฉพาะจิตบุญ หรือจิตที่ยกแล้ว อย่าอยู่นิ่ง อย่าหยุดสร้างบุญ สร้างบารมี โดยเฉพาะบุญภายใน ซึ่งจะไม่มีทางใครจะเอาของตนเองไปได้เลย และจะหมดโอกาสสร้างกันก็ตรงที่เราหมดลมหายใจ คือ หมดเวลาสร้างกรรมดี กรรมชั่วกันชาตินี้
    พยายามหมั่นทรงพรหมวิหาร4กันแล้ว ขอให้ท่านทรงอิทธิบาท4 ไปพร้อมกันไปด้วย
    เดี๋ยวจะเหมือนผม เหมือนครูเพ็ญ เหมือนครูวิทย์ หรือเหมือนลูกหว้าที่กำลังเป็นไปอยู่ ณ.เวลานี้ก็คือ ไม่อยากอยู่บนโลกนี้ เพราะเบื่อทุกข์ เบื่อขันธ์สุดๆ
    จนรู้สึกว่าจะอ๊วกให้ได้ เวลาที่อยู่กับทางโลก
    แต่ถ้าจิตบุญท่านไหน รู้สึกเช่น ถ้าอยากอยู่บนโลกกันอีกสักระยะนึง ก็ขอให้ทรงอิทธิบาท4 กันนะ แต่ถ้าไม่อย่างนั้น จิตที่ยกแล้ว มันจะไปไว
    ขอให้พวกจิตบุญได้โปรดอย่านิ่งดูดาย จิตท่านบุญเยอะแล้ว เราจะต้องช่วยกันสงเคราะห์ ช่วยกันทำหน้าที่ยกจิตกันนะ ให้เขาเหล่านั้นพ้นทุกข์ พากันขึ้นพระนิพพานกันเยอะๆ

    โดยเริ่มต้นที่นิพพานบนดินกันก่อน ว่ารู้สึกเช่นไร

    ข่าวดีสำหรับท่านจิตบุญ หรือจิตที่ยกแล้ว
    ถ้าเบื่อขันธ์สุดๆให้บอกกันมาที่ผมหรือครูเพ็ญ หรือครูวิทย์ครูฝ่ายปกครอง เดี๋ยวจะจัดให้เฉพาะเป็นรายๆบุุคคลไป
    คือจะบอกวิธีแยกกาย แยกจิตให้ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้นะ ผมเชื่ออีกไม่นานนัก จะไปไว เพราะท่านไม่พยายามเจริญอิทธิบาท4 คือไม่ช่วยกันสงเคราะห์กับชาวโลก ที่เขากำลังวิ่งวนอยู่ในวัฎฎะกัน
    และหาทางออกไม่เจอกันอยู่นั้น

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 กรกฎาคม 2012
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ***นำธรรมะครูปกครองมาฝาก***
    ตอน: ธรรมะพี่สอนน้อง

    Subject: RE: ฮืออออออ
    Date: Tue, 3 Jul 2012 00:21:48 +0700
    ฮาโหล สองโหล ลูกหว้าที่รัก
    ตาหลกวันละหลายรอบกับจิตพี่ดัช เมื่อเช้านั่งทานอาหารเช้า อยู่ดีๆ เข้าไปเจอเมลล์นี้เข้า พออ่านเมลล์พี่ภูเสร็จ จิตวิ่งปรู๊ดไปหาลูกหว้า หายเข้าไปจน มีเสียงเข้ามา
    ...แม่ จ้องมองโทรศัพท์ทำไมตั้งนาน อาหารเย็นหมดเลย....
    แล้วปากก็ถามลูกไปว่า ...what I'm doing right now?
    eat สองคนตอบเสียงดังพร้อมกัน โห..เวลาท่านได้หายไปไหนซักแห่งนี่
    กลับมาเป็นหมาหัวใส ไก่หัวแตก ไปเลย แต่ดีไม่หายไปเป็นวันๆแบบพี่ภู อิอิ
    เอ๊า..ลูกหว้า จะไปไหนอีกแร๊วล่ะ วันก่อน คุณพี่วิทย์จะไป
    งั้นไป ไปกันให้หมดเลยดีมั้ยอ่ะ พอไปถึงประตู ท่านพ่อถือไม้เรียวรอให้ครบ
    คนครบดวงทุกไม้เลย 55555555
    ลูกหว้า เอาอย่างพี่ภูบอกนะ แยกกายแยกจิต ให้รู้ว่า หน้าที่ของกาย
    ในโลกนี้คือการเล่นละคร ทำไปค่ะ เหมือนกวนทุเรียนน่ะ สงสัยไม่ทันได้กวน
    ปอกเปลือกเสร็จเอาไปกินหมดนะสิ เลยอดกวน 555555
    เราขอใช้คำว่า เสือก เองค่ะ ที่จะเกิดมาในโลกสมมติโลกนี้ เสือกเพราะ
    อวิชชา ที่มาครอบจิตเราเมื่อก่อน รู้แล้วก็สายไปแล้วหนอ
    แต่สายนี้ ก็ยังไม่สายเกินนะ เหมือนพี่ดัช พี่วิทย์ พี่น้องหนู หลงแต่งงานมีครอบครัว
    แล้ว มีลูกเต้า มีภาระ ก็ต้องเดินไปตามแต่ ความเสือกที่หลงเข้ามา
    โลกนี้คือเวทีการแสดง มาอยู่กลางเวทีแล้ว ไม่เล่นก็ไม่ได้นะ
    ต้องเล่น เล่นให้สมบทบาท เอาขันธ์นั่นแหละเล่น แต่จิตเรามีงานอื่น
    รออยู่อย่าเอาไปยุ่งกับขันธ์ พี่ภูกับครูเพ็ญ ถือไม้เรียวขนาบพี่ดัช
    ตั้งแต่จิตยังไม่ยกเรื่องแยกกายแยกจิต รู้จักใช้ขันธ์ให้เป็นประโยชน์
    ส่วนจิตนั้น เราอยู่กับท่านพ่ออยู่แล้ว อย่าลืมว่า เราต้องทำงานเพื่อท่านพ่อ
    ลูกหว้า อย่าเอาทุเรียนไปกินหมดนะ เก็บไว้กวน เข้าที่เมื่อไหร่
    ลูกหว้า จะมีทุเรียนกวนไว้กิน จัดจิตจัดขันธ์ให้เดินไปตามหน้าที่
    ของเขา จิตเดินตรงขันธ์เดินถูก ทุกอย่างได้รับการจัดสรรค์ลงตัว
    ทุเรียนกวนเสร็จได้กินอย่างอร่อย อิอิ
    เอ๊า เอากำลังใจไปให้หมดเลย
    ขอบอก ใครใครจะไปไหน พี่ดัช ไม่ไปด้วยหรอก
    งานยังไม่เสร็จ ไม่มีท้อ ถ้ามี เอาไว้ดองกินเล่นอย่างเดียวไม่เอามา
    ปนกับขนมจีนน้ำเงี้ยวหรอก555555
    โมทนาสาธุกับทุกท่านจ๊ะ


    โดยครูดัชชี่(ครูฝ่ายปกครอง หรือหญิงรองแห่งบ้านทรายทอง)

    ปล. สำหรับผู้ที่จิตยกแล้ว ให้ไปรับหลักสูตร แยกกายแยกจิตไวๆ
    ก่อนที่จะสายเกินไปกว่านี้ เรียนรู้แล้ว เราจะได้วางกำลังใจได้ถูกต้อง
    แหม๊! เรื่องจิตนี้ ช่างละเอียดอ่อนกันจริงๆนะ ยิ่งกว่าหนุ่มๆเอาใจแฟนสาวตอนที่จีบใหม่ๆกันซะอีกนะ อันนี้คนละเรื่องเลย
    มาม๊ะ มาให้แก้/ปรับ/จูนจิตเสียดีๆ
    แต่ถ้าปรับแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือจูนจิตดีแล้ว จิตของเราก็จะเดินรอบต่ำและนิ่ง เหมือนรถยนต์ เหมือนจิตอรหันตผลกันนะ
    แต่มิใช่จิตอรหันตมรรค เพราะยังต้องปรับแก้ไขกันจนกว่า จิตจะเห็นความเกิด-ดับสนิท หรือ ดับไม่มีเหลือเชื้อ
     
  9. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    :dขอบอก ใครใครจะไปไหน พี่ดัช ไม่ไปด้วยหรอก
    งานยังไม่เสร็จ ไม่มีท้อ ถ้ามี เอาไว้ดองกินเล่นอย่างเดียวไม่เอามา
    ปนกับขนมจีนน้ำเงี้ยวหรอก555555
    โมทนาสาธุกับทุกท่านจ๊ะ


    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
    อนุโมทนา นะคร้าบบบ ครูดัช ลินดายังต้วมเตี้ยมๆอยู่เลย ห้ามไปไหนเด้ะขาด นะจ้ะๆ;aa2
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    เพลง..กำลังใจชาวโลก
    "เหนื่อยหน่อยนะ ที่มีขันธ์5"


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=cFZkrng7HAU]MV เพลง " ยังยิ้มได้ " - พลพล - YouTube[/ame]​

    พี่ภูขอเป็นกำลังให้กัน
    โดยเฉพาะผู้ที่กำลังจะหมดสิ้นหวังกับชีวิตตน
    ขอให้ท่านได้โปรดจงรับรู้ว่า ท่านกำลังยิ่งกว่าถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเสียอีก
    นั่นหมายถึง ท่านกำลังจะได้มีโอกาสทำบุญใหญ่ คือบุญภายในจิต หรือ
    มีโอกาสสร้างบารมีใหญ่ที่สุดของตนเองแล้ว
    ขอให้ท่านพลิกวิกฤติอันเลวร้ายที่สุดของชีวิตตนให้เป็นโอกาส ที่เราำกำลังไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่นี้ ดีนักแลฯ

    ดั่งผู้เขียนก็ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เหมือนกัน หลังจากบริหารความเสี่ยง ความผิดพลาดเรื่องการงาน การเงิน ความรัก (บางท่านผิดพลาดเพียงอย่างเดียว ก็จะตายให้ได้)
    จนมาวันนึง เมื่อเรามองไม่เห็นอะไรเลยกับทางโลก จิตใจตกต่ำสุดๆ มองหาใครไม่เห็น หาทางออกไม่เจอ โดยเฉพาะทางออกกับความทุกข์ที่กำลังโหมกระหน่ำซ้ำเติมในเวลานั้น
    แต่ดีนะด้วยบุญเก่าได้นำพาให้เราต้องตัดสินใจ เข้าหาธรรมะ มีโอกาสปฎิบัติตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

    (ปล.เมื่อก่อนผู้เขียนดำเนินชีวิตด้วยความประมาทมากๆ เพราะไม่รักษาศีล ไม่ภาวนา แม้นกระทั่งสวดมนต์เล็กๆน้อยๆก็ไม่เอา ไม่เคยนำใครทำบุญ แต่จะทำก็ต่อเมื่อบุญมาถึงปากประตูบ้าน ถึงจะทำสักทีนึง เพราะตอนนั้นยังคงวิ่งไปตามกระแสโลกเหมือนผู้คนส่วนใหญ่ที่กำลังดำเนินกันอยู่ ณ.เวลานี้กัน เมื่อก่อนผมมีเวลาเยอะ พอมีเงินให้พลาญเยอะ แต่ทางบ้านฐานะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่จะเป็นคนหาเงินคล่อง หาเงินง่าย เมื่อก่อนไม่มีโอกาสได้ทำบุญสักเท่าไหร่ เมื่อก่อนขันธ์5ไปกับทางโลกสุดๆ แต่ตอนนี้จิตผมก็กำลังไปกับธรรมะสุดๆ เหมือนกัน และผู้เขียนอยากจะบอกกับพวกเราเพื่อเป็นธรรมาทานกันตรงนี้ว่า อย่าไปเลย อย่าไปหลงทางโลกกันเลย ผมไปเกือบจะสุดทางเดินแล้ว ยิ่งไปก็ยิ่งมีแต่ความทุกข์สุดๆ แต่ถ้าใครเลือกทางเดินทางนี้ก็คือ ทางธรรม อันนี้ถ้าใครเดินได้สุดๆกันนะ เรียกได้เลยว่า บรมสุขนิรันดร์สุดๆเหมือน)

    ก็ขอให้พวกเราเลือกทางเดินให้ถูกกันนะ ของแบบนี้สอนกันไม่ได้จริง เพราะจะต้องเหมือนรอวาระกรรมของผู้นั้นใกล้จะหมดก่อน บุญเก่เราจะชักนำไปปฎิบัติกันเอง แต่สำหรับผู้มีกำลังใจไม่มาก หรือบุญ บารมียังไม่มากกัน จึงมักพากันทำบุญแต่ภายนอกกัน แต่ก็นับว่าดีแล้ว เลิแล้ว เพราะคงจะมีเข้าสักวันนึง เมื่อกำลังใจมากขึ้น หรือบุญบารมีของตนมากขึ้นแล้ว เดี๋ยวกำลังใจนั้น บุญบารมีนั้นจะเป็นฝ่ายนำพาให้เราปฎิบัติธรรมกันเอง

    และที่ผ่านมานั้น ผู้เขียนจึงอยากบอกกับพวกเราว่า อย่าได้เดินทางผิดคืออย่าได้เดินทางหลงไปกับทางโลกกันเลย ทางนั้นมันจะต้องพบเจอกับความทุกข์เป็นแน่แท้

    ก่อนผู้เขียนจะพบพระธรรม ก่อนจะพบพระพุทธเจ้านั้น
    ผู้เขียนไม่เคยลืม และลืมไม่ได้เลย และอยากจะบอกกับพวกเราว่า ครูธรรมะ ครูสุดยอดแห่งครูธรรมะของผู้เขียนเอง นั่นก็คือ ครูเพ็ญ
    ครูคนเก่งของพวกเรานี้แหล่ะ!
    ผมก็อยากจะบอกกับพวกเราเวลานี้กันว่า ใครที่ได้มีโอกาสพบครูสอนธรรมแบบครูเพ็ญนี้ หาครูแบบนี้ยากมากจะบอกให้ คือ หาตัวจับยาก เพราะผมหามานานหลายปี หลายท่านแล้ว
    แต่เหตุที่พบท่านโดยพระคงจะจัดสรรเราสองคนได้มาเจอกัน และขอบอกตามตรงว่า ผมได้ขออาราธนาบารมีของหลวงพ่อฤาษีลิงดำของเรานี่แหล่ะ! บอกว่าให้ผมได้พบครูสอนธรรมะเก่งๆ และสามารถตอบโจทย์ธรรมะของผม ที่ผมขี้สงสัยยิ่งนัก ขอให้ถูกจริตด้วย และเอาจิตผมอยู่ด้วย ยอมรับเคารพนับถือท่านด้วย

    และวันนี้ผมก็ได้พบเจอท่านแล้ว คือ "ปู"ของผม
    ไม่ใช่นายกปูนะ
    แต่เป็นปูชนียบุคคล
     
  11. นิติทอง

    นิติทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +585

    ขออภัยครับ มีคำถามคือจิตมันชอบคิดในสิ่งที่เป็นมโนกรรม คิดจะทำร้าย(เบียดเบียน)คนอื่น เพราะตนเองค่อนข้างมีอัตตา มีความสามารถที่จะเบียดเบียนคนอื่นได้ แต่ไม่ทำ ชอบคิดเล่นๆอ่ะครับ)
    แล้วไม่ทราบว่าเราควรหยุดความคิด แล้วมาเกาะพระ หรือตามดูความคิดนั้นต่อ(และดูยังไงครับ เพราะตอนนี้พอรู้ตัวก็จะสั่งให้ตัวเองหยุดคิด)
    ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2012
  12. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ผมอธิษฐานจิตตลอดทุกวัน ขอให้ผมได้เจอครูที่จะนำพาผมให้พ้นจากกองทุกขืนี้
    แล้วผมก้อได้พบกับพ่อทางธรรมของผมคือพี่ภู และท่านก้อได้ให้ผมเจอแม่ของผมอีกคนคือครูเพ็ญ ....

    กราบแทบเท้า ท่านพ่อ ท่านแม่ และที่สำคุญที่สุดคือ ท่านพ่อที่ดูเราอยู่ด้านบนครับ .... สาธุ
     
  13. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    "สติ นะ สติ" หมั่นมีสติระลึกรู้ให้ตามทันจิต แยกแยะได้ทันทีว่าสิ่งใดเป็นกุศลสิ่งใดเป็นอกุศล? เมื่อรู้แล้วก็วาง วางๆๆๆๆ วางลงซะ (ไม่ต้องไปพิลั่มพิเทาปรุงแต่งกับสิ่งนั้นอีก)
    พิจารณาว่า อันจิตเรานั้นบางครั้งมันก็ชอบคิดอกุศล แต่อย่างไรเสียมันเกิดขึ้นของมันเอง เดี๋ยวมันก็ต้องดับลงไปของมันเองตามกฎแห่งธรรมชาติ..
    ควรโน้มนำจิตมาระลึกนึกถึงพระให้มากๆบ่อยๆทำทั้งวันได้ยิ่งดี.. เพื่อสร้างกำลังสมาธิบาตรฐานก่อน แล้วถึงจะไปทำวิปัสสนาได้อย่างมีประสิทธิผล..

    ขอให้เจริญในธรรม.. สาธุสวัสดี
     
  14. นิติทอง

    นิติทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +585
    ขอบคุณครับ จะพิจารณาก่อนว่าเป็นกุศลหรืออกุศลแล้ว ค่อยตัดความคิดครับ ขอบพระคุณครับ
     
  15. ่jarunee

    ่jarunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,917

    สาธุ โมทนาบุญคะ พี่ภู ครูดัชนี ครูจิตบุญทุกท่าน

    ใช่คะเรามันโง่มาเกิดเอง เพราะความไม่รู้ เพราะความหลง
    กว่าจะรู้ตัวว่าโง่ก็เอาทุกข์มากมายมาเป็นห่วงผูกคอ
    ผูกไปหมดทั้งตัวจนจะมองไม่เห็น หายใจหายคอไม่ออก
    แต่ตอนนี้พบทางออกแล้วคะเป็นทางที่ประเสริฐที่สุด
    และคิดว่าจะเป็นเส้นทางที่จะปฎิบัติไปจนกว่า ร่างกายนี้ดับสลายไป
    แต่ตราบใดที่ยังมีร่างกายนี้อยู่เราก็ต้องเจอกับโลกธรรม 8 และ
    กิเลสที่ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ตลอดเวลา ก็พยายามอยู่ให้เหนือจากสิ่งเหล่านี้
    เอาจิตเกาะพระ เกาะนิพพานไว้ให้มั่น แต่บางครั้งก็เบื่อทุกอย่าง เบื่อโลก
    เบื่อขันธ์ 5 แต่ก็ทรงพรหมวิหาร4 และ อิทธิบาท4 อยู่เนืองๆคะ
    ขอเป็นกำลังใจให้ น้องหว้า และจิตบุญทุกท่านคะ
    ให้มีกำลังกายกำลังใจให้ยิ่งๆขึ้นไปคะ

    **ขอบุญกุศลทั้งหมดของลูกจงสำเร็จแก่จิตบุญทุกท่านคะ สาธุ**
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2012
  16. อัญญะมณี

    อัญญะมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ดูตามความคิดนั้นว่ามันจะไปได้ถึงไหนค่ะ ส่วนมากพอเรามีสติรู้ทัน มันจะหยุด ถ้ามันไม่ยอมหยุดก็รอจนมันเหนื่อย หมดแรง แล้วเราก็จับมันมาพิจารณา คิดจะทำร้ายคนอื่น เราทุกข์หรือเขาทุกข์ ความคิดมันเที่ยงมั้ย ความคิดมีตัวตนมั้ย ตัวเรามีตัวตนมั้ย ตัวเขามีตัวตนมั้ย เมื่อรู้แล้วก็วาง เกาะพระต่อ

    พอมีความคิดไม่ดีเกิดขึ้นก็ทำวิธีนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะ เป็นการฝึกสติ และลับปัญญาไปในตัว แล้วเราจะรู้เท่าทันความคิดค่ะ ต้องกราบ"ความคิดไม่ดี"งามๆ ที่ช่วยให้เราฝึกสติ และมีปัญญา ส่วนสมาธิก็ได้มาจากจิตเกาะพระงัยคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2012
  17. อัญญะมณี

    อัญญะมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ลืมบอกไปว่าให้หมั่นแผ่เมตตาให้ทั้งตนเองและผู้อื่น และเจริญพรหมวิหาร 4 ให้เยอะๆค่ะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
     
  18. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ตอนนี้ผมก็ยังไปไม่ถึงไหน แต่ที่ผมรู้ตัวเองและที่คนรอบข้างบอกเลยว่าผมใจเย็นลงแบบเห็นได้ชัด และโกรธแป๊บเดียวไม่เหมือนเดิมที่โกรธข้ามปีที่เดียว
     
  19. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สวัสดีค่ะ
    ขอเป็นสมาชิกใหม่ด้วยคนค่ะ ชื่อ วรรณนะคะ อายุย่าง 33 ปีค่ะ

    เข้ามาที่ห้องนี้ได้ เพราะมีพี่สาว..กัลยาณมิตร..ที่มีความเมตตาแนะนำมา "ถือว่าบุญสัมพันธ์ หาใช่ความบังเอิญ" วรรณจะพยายามทำความเข้าใจตั้งแต่หน้าแรกนะคะ..
    ส่วนวันนี้มีภาระกิจในการขนย้าย เคลืื่อนย้าย เมื่อเสร็จกิจจะรีบเข้ามาอ่านเลยค่ะ


    สวัสดีค่ะ น้องวรรณ ยินดีต้อนรับนะค่ะ มิเสียแรงจริงๆ สงสัยมาแรงแซงทางโค้งพี่เกษแน่ๆ เลย 555
     
  20. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    วันนี้ผมได้ร่วมบริจาคสร้างองค์ปฐมที่วัดบางนมโค ผมขออุทิศบุญนี้ให้ทุกๆท่าน ขอให้ทุกๆท่าน(และผม)ได้เข้าสู่บ้านนิพพานทุกท่านเทอญ<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->[FONT=&quot]ขอเข้าสูนิพพานในชาตินี้เทอญ
    [/FONT]
    [FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ คุณวัฒน์
    [/FONT]<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...